เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
-
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
โพสต์ที่ 1
เศรษฐกิจจีนจะพังใน9-12เดือนนี้
วันพุธที่ 02 มิถุนายน 2010
ในช่วงนี้นอกจากวิกฤติหนี้ในยุโรปแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อในประเทศจีนผุดขึ้นมาให้นักลงทุนเป็นกังวลกันอีกเรื่องหนึ่ง และเมื่อไม่นานมานี้มีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังหลายคนออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจจีนกำลังจะพัง
นักลงทุนชื่อดังอย่าง มาร์ค เฟเบอร์ ทำนายว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง และอาจจะพังลงภายในหนึ่งปี เนื่องจากราคาหุ้นและโภคภัณฑ์ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าฟองสบู่ที่ดินของประเทศจีนกำลังจะแตก
เฟเบอร์กล่าวว่า ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ไม่สามารถแตะระดับสูงสุดของปี 2552 ได้อีกครั้ง ในขณะเดียวกัน โภคภัณฑ์สำหรับภาคอุตสาหกรรมและหุ้นบริษัทส่งออกทรัพยากรของออสเตรเลียกำลังแสดงบทหนัก และการเปิดงานเวิลด์ เอ็กซ์โปในเซี่ยงไฮ้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่ลางบอกเหตุที่ดีเป็นพิเศษ โดยได้อ้างถึงงานเวิลด์ เอ็กซ์ฮิบิชั่น ปี ค.ศ.1873 ที่กรุงเวียนนาว่า หลังงานจบลง ได้เกิดภาวะเงินฝืดและภาคอสังหาริมทรัพย์แตกกระเจิง
ตามความเห็นของเฟเบอร์ ในขณะนี้ตลาดกำลังบอกว่า มีบางสิ่งบางอย่างไม่ค่อยจะเหมาะสม เศรษฐกิจจีนกำลังจะชะลอตัวลงอย่างคาดไม่ถึง และน่าจะพังลงในช่วง 9-12 เดือนข้างหน้าเสียด้วยซ้ำ
ดัชนีหุ้นจีนที่ซื้อขายในฮ่องกง ปรับตัวลง 1.8% เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤษภาคม มากที่สุดในรอบสองสัปดาห์หลังจากที่ธนาคารกลางเพิ่มเกณฑ์กันสำรองเป็นครั้งที่สามของปีนี้ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตได้ปรับตัวลง 12% ในปีนี้ เมื่อผู้กำหนดนโยบายหาทางควบคุมการปล่อยกู้ ซึ่งบูมมากและได้ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวขึ้นเป็นประวัติการณ์
ราคาทองแดงก็ต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หุ้นบริษัทบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ใหญ่สุดของโลก ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพราะมีความวิตกว่า การใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจจีนจะลดลง และหลังจากที่ออสเตรเลียขึ้นภาษีผู้ผลิตโภคภัณฑ์ หุ้นริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่อันดับสาม ปรับตัวลงถึง 6%
เฟเบอร์ไม่ใช่คนแรกที่ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจจีนจะพัง ก่อนหน้านี้ จิม คานอส ผู้จัดการกองทุน ชื่อดังและ เคนเน็ธ โรกอฟฟ์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็เคยเตือนแล้วเช่นกัน
คานอสได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า จีนกำลังอยู่ บนสายพานสู่นรก เพราะได้ผูกการพัฒนาที่ดินสำหรับขับเคลื่อนการเติบโต และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึง 60% อาศัยการก่อสร้าง
ส่วนโรกอฟฟ์ เคยพูดไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ฟองสบู่ที่เกิดจากหนี้ในจีน อาจก่อให้เกิดภาวะถดถอยในภูมิภาคภายใน 10 ปี
รัฐบาลจีนได้ห้ามปล่อยเงินกู้สำหรับบ้านหลังที่สาม และขึ้นดอกเบี้ยจำนองและเพิ่มเงื่อนไขในการวางเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง หลังจากที่ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่เพิ่มขึ้น 11.7% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2548
รัฐบาลจีนไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ และภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากที่ธนาคารกลางประกาศเพิ่มเกณฑ์กันสำรองธนาคาร นาย ซี ซู่เหริน รัฐมนตรีคลังของจีน กล่าวว่า ทางการจีนยังคงยึดมั่นต่อนโยบายที่จะทำให้การฟื้นตัวของประเทศมีความแข็งแกร่ง
เศรษฐกิจจีนโต 11.9% ในช่วงไตรมาสแรก เป็นอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบสามปี รัฐบาลตั้งเป้าจีดีพีสำหรับปีนี้ไว้ประมาณ 8%
เฟเบอร์กล่าวว่า การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์อาจทำให้นักลงทุนหันไปหาตลาดหุ้นจีน และว่า หุ้นอาจจะถูกกำหนดราคาเต็มที่แล้ว และนักลงทุนจีนอาจจะกลายเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่
แบล็กร็อก อิงซ์ เป็นผู้จัดการเงินแห่งหนึ่งที่ลดการลงทุนในหุ้นจีนเพราะคาดว่า เศรษฐกิจโตเต็มที่แล้ว โดยกองทุนตลาดเกิดใหม่แบล็กร็อก ได้ลดน้ำหนักการลงทุนจีนต่อจีนเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดเกิดใหม่เอ็มเอสซีไอเหลือประมาณ 7.5% จาก 4.6% เมื่อปลายเดือนมีนาคม
สามธนาคารใหญ่สุดของจีน คือ อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ คอร์ป และแบงก์ ออฟ ไชน่า กำลังซื้อขายใกล้การประเมินมูลค่าที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับหนี้เสียจะลดกำไรมากขึ้น
ซิตี้กรุ๊ป ก็ได้เตือนเมื่อเดือนมีนาคมว่า จะเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดกับจีน โดยเงินกู้ที่ไม่ก่อรายได้จากการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นที่ใช้เป็นช่องทางเงินเพื่อกระตุ้นโครงการต่างๆ อาจเพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้านหยวนภายในปี 2554
ทางด้านบีเอ็นพี ปาริบาส กล่าวว่า ราคาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศอาจจะลดลงถึง 20% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการควบคุมการเก็งกำไร และจากการทดสอบความเครียดของคณะกรรมการควบคุมธนาคารของจีนสาขาเซี่ยงไฮ้ ในเดือนกุมภาพันธ์ อัตราส่วนสินเชื่อจำนองที่ชำระล่าช้าของธนาคารในท้องถิ่น จะเพิ่มเป็นสามเท่าหากราคาบ้านในศูนย์กลางการค้าของประเทศลดลง 10%
นครเซี่ยงไฮ้ ได้คาดการณ์ว่า จะมีผู้เข้าชมงานเวิลด์ เอ็กซ์โปถึง 70 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2551 กว่า 10 เท่า แต่ต้องรอดูกันอีกทีว่า หลังงานเลิกแล้วว่า จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้หรือไม่ และจะเกิดภาวะถดถอยซ้ำรอยงานเวิลด์ เอ็กซ์ฮิบิชั่นที่เวียนนาหรือไม่
หากเศรษฐกิจจีนพังจริงๆ ภายในหนึ่งปีนี้เหมือนที่ทำนาย ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย หรือแม้แต่ทั่วโลก ก็คงจะหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่พ้นอย่างแน่นอน
ที่มา : ข่าวหุ้น
วันพุธที่ 02 มิถุนายน 2010
ในช่วงนี้นอกจากวิกฤติหนี้ในยุโรปแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อในประเทศจีนผุดขึ้นมาให้นักลงทุนเป็นกังวลกันอีกเรื่องหนึ่ง และเมื่อไม่นานมานี้มีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังหลายคนออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจจีนกำลังจะพัง
นักลงทุนชื่อดังอย่าง มาร์ค เฟเบอร์ ทำนายว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง และอาจจะพังลงภายในหนึ่งปี เนื่องจากราคาหุ้นและโภคภัณฑ์ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าฟองสบู่ที่ดินของประเทศจีนกำลังจะแตก
เฟเบอร์กล่าวว่า ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ไม่สามารถแตะระดับสูงสุดของปี 2552 ได้อีกครั้ง ในขณะเดียวกัน โภคภัณฑ์สำหรับภาคอุตสาหกรรมและหุ้นบริษัทส่งออกทรัพยากรของออสเตรเลียกำลังแสดงบทหนัก และการเปิดงานเวิลด์ เอ็กซ์โปในเซี่ยงไฮ้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่ลางบอกเหตุที่ดีเป็นพิเศษ โดยได้อ้างถึงงานเวิลด์ เอ็กซ์ฮิบิชั่น ปี ค.ศ.1873 ที่กรุงเวียนนาว่า หลังงานจบลง ได้เกิดภาวะเงินฝืดและภาคอสังหาริมทรัพย์แตกกระเจิง
ตามความเห็นของเฟเบอร์ ในขณะนี้ตลาดกำลังบอกว่า มีบางสิ่งบางอย่างไม่ค่อยจะเหมาะสม เศรษฐกิจจีนกำลังจะชะลอตัวลงอย่างคาดไม่ถึง และน่าจะพังลงในช่วง 9-12 เดือนข้างหน้าเสียด้วยซ้ำ
ดัชนีหุ้นจีนที่ซื้อขายในฮ่องกง ปรับตัวลง 1.8% เมื่อวันอังคารที่ 4 พฤษภาคม มากที่สุดในรอบสองสัปดาห์หลังจากที่ธนาคารกลางเพิ่มเกณฑ์กันสำรองเป็นครั้งที่สามของปีนี้ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตได้ปรับตัวลง 12% ในปีนี้ เมื่อผู้กำหนดนโยบายหาทางควบคุมการปล่อยกู้ ซึ่งบูมมากและได้ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ดีดตัวขึ้นเป็นประวัติการณ์
ราคาทองแดงก็ต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หุ้นบริษัทบีเอชพี บิลลิตัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่ใหญ่สุดของโลก ปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เพราะมีความวิตกว่า การใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจจีนจะลดลง และหลังจากที่ออสเตรเลียขึ้นภาษีผู้ผลิตโภคภัณฑ์ หุ้นริโอ ทินโต บริษัทเหมืองแร่อันดับสาม ปรับตัวลงถึง 6%
เฟเบอร์ไม่ใช่คนแรกที่ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจจีนจะพัง ก่อนหน้านี้ จิม คานอส ผู้จัดการกองทุน ชื่อดังและ เคนเน็ธ โรกอฟฟ์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ก็เคยเตือนแล้วเช่นกัน
คานอสได้ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า จีนกำลังอยู่ บนสายพานสู่นรก เพราะได้ผูกการพัฒนาที่ดินสำหรับขับเคลื่อนการเติบโต และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึง 60% อาศัยการก่อสร้าง
ส่วนโรกอฟฟ์ เคยพูดไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ฟองสบู่ที่เกิดจากหนี้ในจีน อาจก่อให้เกิดภาวะถดถอยในภูมิภาคภายใน 10 ปี
รัฐบาลจีนได้ห้ามปล่อยเงินกู้สำหรับบ้านหลังที่สาม และขึ้นดอกเบี้ยจำนองและเพิ่มเงื่อนไขในการวางเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง หลังจากที่ราคาบ้านใน 70 เมืองใหญ่เพิ่มขึ้น 11.7% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2548
รัฐบาลจีนไม่ยอมขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ และภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากที่ธนาคารกลางประกาศเพิ่มเกณฑ์กันสำรองธนาคาร นาย ซี ซู่เหริน รัฐมนตรีคลังของจีน กล่าวว่า ทางการจีนยังคงยึดมั่นต่อนโยบายที่จะทำให้การฟื้นตัวของประเทศมีความแข็งแกร่ง
เศรษฐกิจจีนโต 11.9% ในช่วงไตรมาสแรก เป็นอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบสามปี รัฐบาลตั้งเป้าจีดีพีสำหรับปีนี้ไว้ประมาณ 8%
เฟเบอร์กล่าวว่า การเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์อาจทำให้นักลงทุนหันไปหาตลาดหุ้นจีน และว่า หุ้นอาจจะถูกกำหนดราคาเต็มที่แล้ว และนักลงทุนจีนอาจจะกลายเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่
แบล็กร็อก อิงซ์ เป็นผู้จัดการเงินแห่งหนึ่งที่ลดการลงทุนในหุ้นจีนเพราะคาดว่า เศรษฐกิจโตเต็มที่แล้ว โดยกองทุนตลาดเกิดใหม่แบล็กร็อก ได้ลดน้ำหนักการลงทุนจีนต่อจีนเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดเกิดใหม่เอ็มเอสซีไอเหลือประมาณ 7.5% จาก 4.6% เมื่อปลายเดือนมีนาคม
สามธนาคารใหญ่สุดของจีน คือ อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ คอร์ป และแบงก์ ออฟ ไชน่า กำลังซื้อขายใกล้การประเมินมูลค่าที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับหนี้เสียจะลดกำไรมากขึ้น
ซิตี้กรุ๊ป ก็ได้เตือนเมื่อเดือนมีนาคมว่า จะเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดกับจีน โดยเงินกู้ที่ไม่ก่อรายได้จากการลงทุนของรัฐบาลท้องถิ่นที่ใช้เป็นช่องทางเงินเพื่อกระตุ้นโครงการต่างๆ อาจเพิ่มเป็น 2.4 ล้านล้านหยวนภายในปี 2554
ทางด้านบีเอ็นพี ปาริบาส กล่าวว่า ราคาที่อยู่อาศัยทั่วประเทศอาจจะลดลงถึง 20% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการควบคุมการเก็งกำไร และจากการทดสอบความเครียดของคณะกรรมการควบคุมธนาคารของจีนสาขาเซี่ยงไฮ้ ในเดือนกุมภาพันธ์ อัตราส่วนสินเชื่อจำนองที่ชำระล่าช้าของธนาคารในท้องถิ่น จะเพิ่มเป็นสามเท่าหากราคาบ้านในศูนย์กลางการค้าของประเทศลดลง 10%
นครเซี่ยงไฮ้ ได้คาดการณ์ว่า จะมีผู้เข้าชมงานเวิลด์ เอ็กซ์โปถึง 70 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2551 กว่า 10 เท่า แต่ต้องรอดูกันอีกทีว่า หลังงานเลิกแล้วว่า จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้หรือไม่ และจะเกิดภาวะถดถอยซ้ำรอยงานเวิลด์ เอ็กซ์ฮิบิชั่นที่เวียนนาหรือไม่
หากเศรษฐกิจจีนพังจริงๆ ภายในหนึ่งปีนี้เหมือนที่ทำนาย ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย หรือแม้แต่ทั่วโลก ก็คงจะหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่พ้นอย่างแน่นอน
ที่มา : ข่าวหุ้น
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
โพสต์ที่ 4
ก่อนจะตกมันต้องขึ้นก่อนนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
โพสต์ที่ 6
ผมเคยอ่านเจอในหนังสือของ ปีเตอร์ ลิ้นซ์ แกสัญญาว่า
ถ้าเราลงทุนในหุ้นตลอดเวลาโดยไม่คาดเดาภาวะเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ย ให้มุ่งไปที่ตัวกิจการที่เราลงทุนอย่างเดียว
ในระยะยาวเรารวยแน่ครับ
แฮ่...ผมขอเชื่อแกแล้วกันครับ :lol: :lol:
ถ้าเราลงทุนในหุ้นตลอดเวลาโดยไม่คาดเดาภาวะเศรษฐกิจ
อัตราดอกเบี้ย ให้มุ่งไปที่ตัวกิจการที่เราลงทุนอย่างเดียว
ในระยะยาวเรารวยแน่ครับ
แฮ่...ผมขอเชื่อแกแล้วกันครับ :lol: :lol:
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
โพสต์ที่ 7
จนกว่าจะมีแต่คนบอกให้ซื้อกองทุนจีนครับ :lol:Sorgios เขียน: ขึ้นขนาดไหนครับ :lol:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1018
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
โพสต์ที่ 8
อะไรที่คนคาดการณ์หรือเตือนกันล่วงหน้า ว่าจะเกิดมักจะไม่เกิด ส่วนไอ้ที่เกิดมักจะเกิดแบบไม่คาดฝันครับ เหมือนตอน subprime บทจะมามันมาเลยครับ ถ้ามีคนคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบ subprime บริษัท อย่างLehman ก็คงไม่ล้มหรอกครับ
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
เศรษฐกิจจีนจะพังใน 9-12 เดือนนี้ จริงหรือ ??
โพสต์ที่ 9
[quote="Notelio"]อะไรที่คนคาดการณ์หรือเตือนกันล่วงหน้า ว่าจะเกิดมักจะไม่เกิด ส่วนไอ้ที่เกิดมักจะเกิดแบบไม่คาดฝันครับ เหมือนตอน subprime บทจะมามันมาเลยครับ ถ้ามีคนคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบ subprime