อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 1
ผมรู้สึกว่าในเมืองไทยถ้าบอกคนอื่นว่าเรามีอาชีพเป็นนักลงทุนในหุ้น เค้าจะมองเราไม่ดี เห็นเราเป็นนักพนัน มีแต่ความเสี่ยง เป็นอาชีพที่ไม่ดี เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในการลงทุน มีภาพที่ไม่ดีต่อการลงทุน(เล่นหุ้น) จะกู้ยืมเงินซื้อบ้านก็ลำบาก จะสมัครบัตรเครดิตก็ลำบาก มีเพื่อนๆที่ไม่ทำงานประจำ ลงทุนในหุ้นอย่างเดียวแบบผมบ้างไหมครับ แล้วเวลาที่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไม่สนิทนักถามว่าเรามีอาชีพอะไร แล้วจะตอบว่าอย่างไรดีครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 3
พี่ชายผมบอกว่า ยิ่งคนเข้าใจเราน้อยเท่าไรก็ตาม เรายิ่งสำเร็จ
อิอิ แสดงว่าคุณ chatchai ต้องเป็นคนที่สำเร็จแล้ว
ด้วนเหตุผลที่พี่ชายสอนมา ผมจึงไม่ค่อยพยายามอธิบายอะไรอีกต่อไป คุยกับคนที่เขาอยากคุย สบายดี
เรื่องคำตอบต้องให้คุณลูกอีสานมาตอบเพราะ คุณลูกอีสานมีอาชีพเล่นหุ้นอย่างเดียว
อิอิ แสดงว่าคุณ chatchai ต้องเป็นคนที่สำเร็จแล้ว
ด้วนเหตุผลที่พี่ชายสอนมา ผมจึงไม่ค่อยพยายามอธิบายอะไรอีกต่อไป คุยกับคนที่เขาอยากคุย สบายดี
เรื่องคำตอบต้องให้คุณลูกอีสานมาตอบเพราะ คุณลูกอีสานมีอาชีพเล่นหุ้นอย่างเดียว
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 4
จริงอย่างคุณฉัตรชัยว่า คนมองนักเล่นหุ้นในมุมมองไม่ค่อยดี
เพราะประสพการษ์ที่ผ่านมา ผู้คนมากมายอาจจะเป็นพี่น้องเครือญาติ
ของคนเหล่านั้นได้หมดเงินหมดอนาคตกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
จะเนื่องด้วยลงทุนแบบไม่ได้ศึกษา (ตามคำแนะนำของมาร์เก็ตติ้ง)
จะเนื่องด้วยลงทุนแบบนักเก็งกำไร (เลยลืมเก็งขาดทุน)
จะเนื่องด้วยลงทุนแบบผิดจังหว่ะ (คือซื้อตอนดัชนี1,700จุด)
แล้วปัจจุบันนี้ ดัชนี490กว่าจุด (ติดหุ้นที่สูง อยู่บ้านบนดอย)
ไม่เคยสนใจอารมณ์ตลาด จิตวิทยามวลชน
ไมีรู้จักกรองหุ้น มูลค่าหุ้นที่แท้จริง
ตามข่าวลือ ข่าวลวง ไม่ทันเกมส์
และอื่นๆ
แต่วันนี้นักลงทุนสามารถ หาวิธีการลงทุน ที่เหมาะกับตัวเอง
สามารถหาข้อมูลของหุ้นแต่ละตัวได้ ในแต่ละอุตสาหกรรม
ข่าวสารข้อมูล สามารถค้นคว้า หาได้หลายช่องทางรวมถึงกระทู้
ตามเวปไซด์ต่าง หาประสพการณ์การผิดพลาดของคนอื่นมาศึกษา
และจุดอ่อนของคนอื่น เพื่อสร้างจุดแข็งให้ตัวเอง
หาหุ้นที่ราคา ยังต่ำกว่ามูลค่าของความเป็นจริงได้
ตามมูลค่าบัญชี/ผลกำไร ไม่สะท้อนถึงราคาซื้อขายหุ้น
และอื่นๆ ฯลฯ
ทุกวันนี้เพื่อนๆที่เคยลงทุนรุ่นเดียวกันหายหน้าหายตากันไปหมด
เจอกันเขาก็ยังถาม ผมก็บอกเขาว่าผมพัฒนาแล้ว
กินอิ่มนอนหลับ มีความสุข ปัจจุบันก็แบ่งเงิน แบ่งพอท์ตลงทุน
ภรรยาก็ลงทุนซื้อ-ขายไปบัญชีหนึ่ง
ส่วนผมความเห็นไม่ตรงกันก็แยกมาลงทุนอีกบัญชีหนึ่ง
พูดง่ายๆ เล่นหุ้นทั้งสามี-ภรรยา มีความสุขดีครับ
ต่างคน ต่างสร้างฝัน
รอแต่ว่าใครจะฝันเป็นจริง
เพราะประสพการษ์ที่ผ่านมา ผู้คนมากมายอาจจะเป็นพี่น้องเครือญาติ
ของคนเหล่านั้นได้หมดเงินหมดอนาคตกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
จะเนื่องด้วยลงทุนแบบไม่ได้ศึกษา (ตามคำแนะนำของมาร์เก็ตติ้ง)
จะเนื่องด้วยลงทุนแบบนักเก็งกำไร (เลยลืมเก็งขาดทุน)
จะเนื่องด้วยลงทุนแบบผิดจังหว่ะ (คือซื้อตอนดัชนี1,700จุด)
แล้วปัจจุบันนี้ ดัชนี490กว่าจุด (ติดหุ้นที่สูง อยู่บ้านบนดอย)
ไม่เคยสนใจอารมณ์ตลาด จิตวิทยามวลชน
ไมีรู้จักกรองหุ้น มูลค่าหุ้นที่แท้จริง
ตามข่าวลือ ข่าวลวง ไม่ทันเกมส์
และอื่นๆ
แต่วันนี้นักลงทุนสามารถ หาวิธีการลงทุน ที่เหมาะกับตัวเอง
สามารถหาข้อมูลของหุ้นแต่ละตัวได้ ในแต่ละอุตสาหกรรม
ข่าวสารข้อมูล สามารถค้นคว้า หาได้หลายช่องทางรวมถึงกระทู้
ตามเวปไซด์ต่าง หาประสพการณ์การผิดพลาดของคนอื่นมาศึกษา
และจุดอ่อนของคนอื่น เพื่อสร้างจุดแข็งให้ตัวเอง
หาหุ้นที่ราคา ยังต่ำกว่ามูลค่าของความเป็นจริงได้
ตามมูลค่าบัญชี/ผลกำไร ไม่สะท้อนถึงราคาซื้อขายหุ้น
และอื่นๆ ฯลฯ
ทุกวันนี้เพื่อนๆที่เคยลงทุนรุ่นเดียวกันหายหน้าหายตากันไปหมด
เจอกันเขาก็ยังถาม ผมก็บอกเขาว่าผมพัฒนาแล้ว
กินอิ่มนอนหลับ มีความสุข ปัจจุบันก็แบ่งเงิน แบ่งพอท์ตลงทุน
ภรรยาก็ลงทุนซื้อ-ขายไปบัญชีหนึ่ง
ส่วนผมความเห็นไม่ตรงกันก็แยกมาลงทุนอีกบัญชีหนึ่ง
พูดง่ายๆ เล่นหุ้นทั้งสามี-ภรรยา มีความสุขดีครับ
ต่างคน ต่างสร้างฝัน
รอแต่ว่าใครจะฝันเป็นจริง
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 5
คุณChatchaiตั้งกระทู้ได้ดั่งใจคิดทีเดียวครับ
เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ผมคุยเรื่องนี้ให้รุ่นพี่ของผมฟัง เขาบอกว่าระวังจะเจ๊ง ได้แล้วรีบขาย ตีหัวเข้าบ้าน
สองปีผ่านไป ไม่กี่วันมานี่เอง มาสมัครเป็นสมาชิก TVIเรียบร้อยแล้ว เริ่มลงทุนแนวนี้ได้ไม่ถึงเดือน ผลตอบแทนปาเข้าไป 20 กว่า%
สองอาทิตย์ที่แล้ว พี่เขยเพื่อน ถามว่านอกจากทำธุรกิจส่วนตัวแล้วทำอะไรอีก ผมบอกว่าผมเป็นนักลงทุน เขากลับพูดว่า "เล่นหุ้นหรือ?" ไม่กลัวเจ๊งหรือไง? สองอาทิตย์ผ่านไป ผมต้องไปเปิดportให้เพราะเข้าใจแนวคิดการลงทุนแบบVIที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนทั้งๆที่ทำธุรกิจมานานจนร่ำรวยมาจนทุกวันนี้
ถ้าเข้าใจก็ดีไป ถ้าไม่เข้าใจ เราก็กลายเป็นแมงเม่าในสายตาเขาครับ
แต่ชั่งเถอะ......ผมมีความสูขกับอนาคตที่ใสๆแล้วละครับ
เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ผมคุยเรื่องนี้ให้รุ่นพี่ของผมฟัง เขาบอกว่าระวังจะเจ๊ง ได้แล้วรีบขาย ตีหัวเข้าบ้าน
สองปีผ่านไป ไม่กี่วันมานี่เอง มาสมัครเป็นสมาชิก TVIเรียบร้อยแล้ว เริ่มลงทุนแนวนี้ได้ไม่ถึงเดือน ผลตอบแทนปาเข้าไป 20 กว่า%
สองอาทิตย์ที่แล้ว พี่เขยเพื่อน ถามว่านอกจากทำธุรกิจส่วนตัวแล้วทำอะไรอีก ผมบอกว่าผมเป็นนักลงทุน เขากลับพูดว่า "เล่นหุ้นหรือ?" ไม่กลัวเจ๊งหรือไง? สองอาทิตย์ผ่านไป ผมต้องไปเปิดportให้เพราะเข้าใจแนวคิดการลงทุนแบบVIที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนทั้งๆที่ทำธุรกิจมานานจนร่ำรวยมาจนทุกวันนี้
ถ้าเข้าใจก็ดีไป ถ้าไม่เข้าใจ เราก็กลายเป็นแมงเม่าในสายตาเขาครับ
แต่ชั่งเถอะ......ผมมีความสูขกับอนาคตที่ใสๆแล้วละครับ
- moo
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 6
เรียนถามพี่ๆทุกท่านครับว่า หากลงทุนในหุ้นอย่างเดียวโดยไม่มีงานอื่นรองรับ แล้วการจัดสรรเงินลงทุน เงินหมุนเวียน เงินใช้จ่ายประจำอย่างไรครับ ต้องตั้งสำรองอะไรบ้าง เช่น ค่าเล่าเรียนลูกๆ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำ ค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ค่าอยากได้สิ่งของจิปาถะครับ รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ สนใจมาก แต่ยังหาทางออกไม่ได้ ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 7
คุณ moo คงตั้งตั้งงบประมาณว่ามนปีหนึ่งมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไหร่ครับ
เพื่อความง่ายในการคำนวณ ผมขอยกตัวอย่างค่าใช้จ่าย 1 ล้านต่อปี
รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด และค่าใช้จ่ายเป็นก้อนด้วยนะครับ
และเผื่อมาร์จิ้นสำหรับเหตุไม่คาดใหมายอีก 2 แสนบาทต่อปี
รวมเป็นรายจ่าย 1.2 ล้าน/ปี
ถ้าคิดแบบ conservative คุณ moo ต้องมีรายรับที่คาดเดาได้
จากหุ้น (คือปันผลสม่ำเสมอ) อย่างต่ำ 1.2 ล้านบาทต่อปี
ในยุคนี้ ปันผลสม่ำเสมอสัก 6% น่าจะพอทำได้นะครับ
แสดงว่าพอร์ตคุณ moo ต้องมีอย่างน้อย 20 ล้านบาทครับ
ที่เป็นหุ้นปันผลสม่ำเสมอ สัก 2-5 ตัว เรียกว่าหม้อข้าวเลยก็ได้
ถ้าเงิน 2 แสนที่กันไว้ไม่ได้ใช้ ก็นำกลับไปลงทุนได้ครับ
ควรจะมีเงินสดสำรองด้วย เพราะหุ้นเวลาขาย กว่าจะได้เงินอีก 3 วัน
ถ้ารายจ่ายมากกว่า 1 ล้านบาท แต่พอร์ตหุ้นปันผล (แนวพี่ครรชิต
คือ "กิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรม...") ไม่ถึง
20 ล้าน ควรหารายได้จากทางอื่นมาช่วยครับ
เพื่อความง่ายในการคำนวณ ผมขอยกตัวอย่างค่าใช้จ่าย 1 ล้านต่อปี
รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด และค่าใช้จ่ายเป็นก้อนด้วยนะครับ
และเผื่อมาร์จิ้นสำหรับเหตุไม่คาดใหมายอีก 2 แสนบาทต่อปี
รวมเป็นรายจ่าย 1.2 ล้าน/ปี
ถ้าคิดแบบ conservative คุณ moo ต้องมีรายรับที่คาดเดาได้
จากหุ้น (คือปันผลสม่ำเสมอ) อย่างต่ำ 1.2 ล้านบาทต่อปี
ในยุคนี้ ปันผลสม่ำเสมอสัก 6% น่าจะพอทำได้นะครับ
แสดงว่าพอร์ตคุณ moo ต้องมีอย่างน้อย 20 ล้านบาทครับ
ที่เป็นหุ้นปันผลสม่ำเสมอ สัก 2-5 ตัว เรียกว่าหม้อข้าวเลยก็ได้
ถ้าเงิน 2 แสนที่กันไว้ไม่ได้ใช้ ก็นำกลับไปลงทุนได้ครับ
ควรจะมีเงินสดสำรองด้วย เพราะหุ้นเวลาขาย กว่าจะได้เงินอีก 3 วัน
ถ้ารายจ่ายมากกว่า 1 ล้านบาท แต่พอร์ตหุ้นปันผล (แนวพี่ครรชิต
คือ "กิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรม...") ไม่ถึง
20 ล้าน ควรหารายได้จากทางอื่นมาช่วยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 9
คิดแบบ conservative ผมว่า VI พันธุ์แ้ท้น่าจะทำให้สัก 10% ต่อปี
port 12 ล้าน ก็จะทำให้มีรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือน
ค่าใช้จ่าย 4-50,000 บาท ที่เหลือลงทุนเพิ่มเผื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
กระทู้นี้ดีจัง
อยากให้น้อง genie จัด TVI meetng #2 เร็วจังๆ
อยากฟังประสบการที่ปรัชญาและอีกหลาย ๆ ท่านนะ
คนมีความคิดคล้ายกัน ฟังแล้วไม่เบื่อ
เวลาคุยกะเพื่อน เหมือนต้องคอยบอกเขาว่า การลงทุนมันดีอย่างไร
ไม่ทราบว่า เพื่อนๆ พี่เป็นเหมือนกันหรือเปล่า
หรือผม.... ได้ที่อยู่คนเดียว
port 12 ล้าน ก็จะทำให้มีรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือน
ค่าใช้จ่าย 4-50,000 บาท ที่เหลือลงทุนเพิ่มเผื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
กระทู้นี้ดีจัง
อยากให้น้อง genie จัด TVI meetng #2 เร็วจังๆ
อยากฟังประสบการที่ปรัชญาและอีกหลาย ๆ ท่านนะ
คนมีความคิดคล้ายกัน ฟังแล้วไม่เบื่อ
เวลาคุยกะเพื่อน เหมือนต้องคอยบอกเขาว่า การลงทุนมันดีอย่างไร
ไม่ทราบว่า เพื่อนๆ พี่เป็นเหมือนกันหรือเปล่า
หรือผม.... ได้ที่อยู่คนเดียว
- เอกชัย
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 10
คุณChatchaiตั้งกระทู้ได้โดนใจจริงๆครับ ผมโดนปัญหาเดียวกันเลยครับ ปัจจุบันผมทำธุรกิจอสังหาให้เช่าซึ่งงานสบายไม่ค่อยมีอะไรเลยเล่นหุ้นเป็นอาชีพ เวลาคนถามผมว่าทำอะไรอยู่ ผมก็ตอบไปว่าอสังหาให้เช่าและเล่นหุ้น คนก็ส่ายหัวมักมองว่าผมเป็นคนขี้เกียจเป็นสิงห์การพนันบ้างละ ตัวผมเองก็เซ็งอยู่เหมือนกันครับเป็นอาชีพที่คนไทยไม่ยอมรับมองว่าเป็นการพนันแต่ผมก็ไม่ว่าอะไรเพราะนักเล่นหุ้นส่วนมากไม่มีความรู้ด้านการลงทุนฟังแต่Marketingแล้วส่วนมากก็เจ๊งกันหมดเลยทำให้คนส่วนมากมีความคิดเห็นในด้านลบ
ขนาดเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันมันยังด่าหาว่าเรียนก็เก่ง จบมาก็สูงแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ บางคนก็ถึงกับดูถูกทำนองว่าเป็นParasiteเกาะกินเงินเก่าครอบครัว บางทีเจอคำพูดที่ทำให้เราถึงกับหน้าชาไปเลย อย่างว่าปากคนเราไปบังคับเค้าไม่ได้เค้ามีสิทธิ์จะพูดแต่ผมก็ไม่ควรไปสนใจกับใครเค้า ผมควรอยู่ในวงสังคมของพวกที่รับเราได้ไม่ดูถูกเรา แต่บางทีก็น้อยใจขนาดผมไม่ได้ขอเค้ากินยังมองกันอย่างนี้เลย
ขนาดเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันมันยังด่าหาว่าเรียนก็เก่ง จบมาก็สูงแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ บางคนก็ถึงกับดูถูกทำนองว่าเป็นParasiteเกาะกินเงินเก่าครอบครัว บางทีเจอคำพูดที่ทำให้เราถึงกับหน้าชาไปเลย อย่างว่าปากคนเราไปบังคับเค้าไม่ได้เค้ามีสิทธิ์จะพูดแต่ผมก็ไม่ควรไปสนใจกับใครเค้า ผมควรอยู่ในวงสังคมของพวกที่รับเราได้ไม่ดูถูกเรา แต่บางทีก็น้อยใจขนาดผมไม่ได้ขอเค้ากินยังมองกันอย่างนี้เลย
Investing is fun!!!
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 12
ผมยังจำวันแรกที่ผมไปบอกแม่ว่าจะเปิดบัญชีหุ้นได้แม่เลย
เค้าบอกว่าอย่าไปเล่นเลยเดียวก็หมดตัว
จากวันนั้นผ่านไป 8 เดือนนิดๆ
จนตอนนี้ไม่อกยาจะบอก แม่ผมเล่นหนักกว่าผมอีก
แล้วตอนนี้พี่สาวก็ไปทำงานเป็นโบรกเกอร์แล้วด้วยตลกดี
เพราะเค้าเห็นแล้วว่าเราเป็นไงมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ถ้าคนเข้าใจก็ดี แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้
สักวันเค้าจะเข้าใจเราเอง
ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เค้าบอกว่าอย่าไปเล่นเลยเดียวก็หมดตัว
จากวันนั้นผ่านไป 8 เดือนนิดๆ
จนตอนนี้ไม่อกยาจะบอก แม่ผมเล่นหนักกว่าผมอีก
แล้วตอนนี้พี่สาวก็ไปทำงานเป็นโบรกเกอร์แล้วด้วยตลกดี
เพราะเค้าเห็นแล้วว่าเราเป็นไงมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
ถ้าคนเข้าใจก็ดี แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้
สักวันเค้าจะเข้าใจเราเอง
ขอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
-
- Verified User
- โพสต์: 130
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 13
เรียน พี่เจง..
ผมเคยวางแผนว่าอยากจะทำงานประจำอีกซักประมาณ 5 ปี แล้วจะออกมาลงทุนครับ....แต่ชีิวิตผกผัน จำต้องมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว...ซึ่งผมแพ้ไม่ได้ครับ (เพราะลูก-ภรรยารออยู่ครับ)..
ผมเห็นด้วยอย่างที่เพื่อนๆ แสดงความคิดเห็นครับ ดร.นิเวศน์ ก็เคยเขียนบทความเรื่องนี้....ผมคิดว่า ความฝันของนักลงทุนทุกคนก็เหมือนกัน คือมีรายได้จากการลงทุน พอเพียงสำหรับใช้ชีิวิต โดยไม่ต้องทำงานประจำที่ต้องแบกรับปัญหาสารพัด....
แต่แน่นอนว่า กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยความพร้อมหลายอย่าง ซึ่งผมคิดว่า คนที่จะมีอาชีพเป็นนักลงทุนอย่างเดียว จะต้องมีคือ...
1.เงินลงทุนขั้นต่ำ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล ตัวแปรคือรายจ่ายประจำ และผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนที่คิดว่าจะทำได้ ดร.นิเวศน์ เคยบอกว่าเงินลงทุนขั้นต่ำควรจะเป็น 200 เท่าของ รายจ่าย สำหรับคนต่างจังหวัดอย่างผม กินน้อย จ่ายน้อย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้ประมาณเดือนละ 12000 บาท ก็ควรมีเงินทุนขั้นต่ำ 2.4 ล้าน ครับ
2.ความรู้ เราต้องรู้ตัวเองครับ ว่าเรามีความรู้ที่จะ "ลงทุน" หรือเปล่า ไม่ใช่รู้แบบงูๆ ปลาๆ นะครับ ต้องรู้แบบตกผลึกกันเลย จะได้เอาตัวรอดได้ ทั้งในภาวะตลาดหมี และภาวะกระทิง (ซึ่งกำลังเกิด)...
3. ความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญที่สุด ก็เหมือนที่เพื่อนๆ แสดงความคิดเห็นครับ คืออาชีพนี้สังคมไม่ยอมรับ (ว่ามีอยู่ และ หาเลี้้ยงชีวิตได้) ..
ซึ่งจะไปโทษสังคมก็ไม่ถูกครับ เพราะอดีตมันเป็นมาอย่างนั้นจริงๆ ครับ คือเล่นหุ้นเหมือนเล่นพนัน เล่นไปเ่ล่นมา โดนหุ้นเล่น หมดตัวไปแทบทุกคน...
สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ เฉยๆ ไว้ครับ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เหมือนน้อง yoyo ว่าไว้ ถ้าจะคุยก็คุยกับคนที่เข้าใจหน่อย เหมือนที่เรากำลังทำนี่ละครับ...ขอบคุณ...internet"
ใครถามก็บอกเค้าไปเถอะว่ามีอาชีพ เป็น"นักลงทุน" แล้วเค้าก็จะตอบกลับมาว่า ...อ๋อเล่นหุ้นเหรอ
แต่ถ้าเราทำไ้ด้จริงๆ ไม่ช้าไม่นานละครับ เค้าก็ต้องรู้ว่ามันเป็นอาชีพได้ และเป็นอาชีพที่น่าอิจฉาที่สุดครับ...เพราะจะมีแค่ "หนึ่งในร้อย" ที่ทำได้
ผมเคยวางแผนว่าอยากจะทำงานประจำอีกซักประมาณ 5 ปี แล้วจะออกมาลงทุนครับ....แต่ชีิวิตผกผัน จำต้องมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว...ซึ่งผมแพ้ไม่ได้ครับ (เพราะลูก-ภรรยารออยู่ครับ)..
ผมเห็นด้วยอย่างที่เพื่อนๆ แสดงความคิดเห็นครับ ดร.นิเวศน์ ก็เคยเขียนบทความเรื่องนี้....ผมคิดว่า ความฝันของนักลงทุนทุกคนก็เหมือนกัน คือมีรายได้จากการลงทุน พอเพียงสำหรับใช้ชีิวิต โดยไม่ต้องทำงานประจำที่ต้องแบกรับปัญหาสารพัด....
แต่แน่นอนว่า กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องอาศัยความพร้อมหลายอย่าง ซึ่งผมคิดว่า คนที่จะมีอาชีพเป็นนักลงทุนอย่างเดียว จะต้องมีคือ...
1.เงินลงทุนขั้นต่ำ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล ตัวแปรคือรายจ่ายประจำ และผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนที่คิดว่าจะทำได้ ดร.นิเวศน์ เคยบอกว่าเงินลงทุนขั้นต่ำควรจะเป็น 200 เท่าของ รายจ่าย สำหรับคนต่างจังหวัดอย่างผม กินน้อย จ่ายน้อย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใช้ประมาณเดือนละ 12000 บาท ก็ควรมีเงินทุนขั้นต่ำ 2.4 ล้าน ครับ
2.ความรู้ เราต้องรู้ตัวเองครับ ว่าเรามีความรู้ที่จะ "ลงทุน" หรือเปล่า ไม่ใช่รู้แบบงูๆ ปลาๆ นะครับ ต้องรู้แบบตกผลึกกันเลย จะได้เอาตัวรอดได้ ทั้งในภาวะตลาดหมี และภาวะกระทิง (ซึ่งกำลังเกิด)...
3. ความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญที่สุด ก็เหมือนที่เพื่อนๆ แสดงความคิดเห็นครับ คืออาชีพนี้สังคมไม่ยอมรับ (ว่ามีอยู่ และ หาเลี้้ยงชีวิตได้) ..
ซึ่งจะไปโทษสังคมก็ไม่ถูกครับ เพราะอดีตมันเป็นมาอย่างนั้นจริงๆ ครับ คือเล่นหุ้นเหมือนเล่นพนัน เล่นไปเ่ล่นมา โดนหุ้นเล่น หมดตัวไปแทบทุกคน...
สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือ เฉยๆ ไว้ครับ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เหมือนน้อง yoyo ว่าไว้ ถ้าจะคุยก็คุยกับคนที่เข้าใจหน่อย เหมือนที่เรากำลังทำนี่ละครับ...ขอบคุณ...internet"
ใครถามก็บอกเค้าไปเถอะว่ามีอาชีพ เป็น"นักลงทุน" แล้วเค้าก็จะตอบกลับมาว่า ...อ๋อเล่นหุ้นเหรอ
แต่ถ้าเราทำไ้ด้จริงๆ ไม่ช้าไม่นานละครับ เค้าก็ต้องรู้ว่ามันเป็นอาชีพได้ และเป็นอาชีพที่น่าอิจฉาที่สุดครับ...เพราะจะมีแค่ "หนึ่งในร้อย" ที่ทำได้
"การลงทุนคืออาหารที่อร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว"
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 14
ว่ากันว่าเรื่องยึดเป็นอาชีพนี่
ผมคิดว่า เราต้องทำงานอะไรก็ได้ ที่เรามีรายได้ประจำ มาจ่ายรายจ่ายประจำก่อน
หลังจากนั้นก็ต้องฝึกวิชา หาให้ได้มาก แล้วใช้ให้น้อย ในที่สุดก็จะเหลือเงิน
การที่เรามีเงินเหลือทุกเดือน จะเป็นขั้นแรกของการก้าวไปสู่การเป็น"นักลงทุนมืออาชีพ"
ระหว่างนี้ก็ค่อยๆศึกษา จากเว็บไซด์ จาก 56-1 จาก โครงการร้อยคนร้อยหุ้น และเพื่อนๆในTVI
แล้วค่อยๆเอาเงินเก็บบางส่วนมาลงทุน แต่อย่างไรก็ตามเราก็มีเงินเข้ามาทุกเดือน
ถ้าทำแบบนี้ไม่เครียดครับ เพราะไม่มีอะไรมาบีบ
การออกมาเต็มเวลาเลย แล้วเรายังไม่พร้อม นอกจากจะทำให้เราเครียด แล้วยังทำให้ครอบครัวเครียดไปด้วย เสียสุขภาพกาย สุขภาพใจ ในที่สุด ก็จะไม่มีใจเรียนรู้ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจทุกอย่างเพื่อกำไร เพราะมีรายจ่ายมารออยู่ ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดี ซึ่งนำไปสู่หายหนะในที่สุด
ผมมีรุ่นน้องผูหญิงท่านหนึ่ง อายุ 26 ได้เงินเดือนเดือนละ 1 หมื่นบาท
ทำงาน Part time ได้อีกเดือนละ 1 หมื่นบาท แล้วเธออยากไปเป็นเจ้าของธุรกิจ
ผมแนะนำว่าอย่าเลย การที่เธอไม่มีหนี้สิน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีแฟน ไม่มีเวลา และไม่มีเงินทุนมากๆ
ผมแนะนำให้เธอซื้อหุ้นไปเรื่อยๆ 10 ปี
ในที่สุด เงินลงทุนในหุ้นจะทำให้เธอมีอิสรภาพทางการเงินเองครับ
ผมคิดว่า เราต้องทำงานอะไรก็ได้ ที่เรามีรายได้ประจำ มาจ่ายรายจ่ายประจำก่อน
หลังจากนั้นก็ต้องฝึกวิชา หาให้ได้มาก แล้วใช้ให้น้อย ในที่สุดก็จะเหลือเงิน
การที่เรามีเงินเหลือทุกเดือน จะเป็นขั้นแรกของการก้าวไปสู่การเป็น"นักลงทุนมืออาชีพ"
ระหว่างนี้ก็ค่อยๆศึกษา จากเว็บไซด์ จาก 56-1 จาก โครงการร้อยคนร้อยหุ้น และเพื่อนๆในTVI
แล้วค่อยๆเอาเงินเก็บบางส่วนมาลงทุน แต่อย่างไรก็ตามเราก็มีเงินเข้ามาทุกเดือน
ถ้าทำแบบนี้ไม่เครียดครับ เพราะไม่มีอะไรมาบีบ
การออกมาเต็มเวลาเลย แล้วเรายังไม่พร้อม นอกจากจะทำให้เราเครียด แล้วยังทำให้ครอบครัวเครียดไปด้วย เสียสุขภาพกาย สุขภาพใจ ในที่สุด ก็จะไม่มีใจเรียนรู้ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจทุกอย่างเพื่อกำไร เพราะมีรายจ่ายมารออยู่ ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดี ซึ่งนำไปสู่หายหนะในที่สุด
ผมมีรุ่นน้องผูหญิงท่านหนึ่ง อายุ 26 ได้เงินเดือนเดือนละ 1 หมื่นบาท
ทำงาน Part time ได้อีกเดือนละ 1 หมื่นบาท แล้วเธออยากไปเป็นเจ้าของธุรกิจ
ผมแนะนำว่าอย่าเลย การที่เธอไม่มีหนี้สิน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีแฟน ไม่มีเวลา และไม่มีเงินทุนมากๆ
ผมแนะนำให้เธอซื้อหุ้นไปเรื่อยๆ 10 ปี
ในที่สุด เงินลงทุนในหุ้นจะทำให้เธอมีอิสรภาพทางการเงินเองครับ
- moo
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 16
ขอบพระคุณพี่ CK และ พี่ๆทุกท่านครับ ผมเคยคิดว่า ถ้าเรามีเงินทุนอยู่ 1 ก้อน แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ซื้อที่ดินเพื่อสร้างห้องแถวให้เช่านะครับ ซัก 15-20 ห้อง ค่าเช่าเดือนละซัก 2,500 ก็ตกเดือนละ 37,500-50,000 น่าจะพอกับค่าใช้จ่ายประจำ และค่าใช้จ่ายอื่นๆได้ ส่วนเงินอีกก้อนก็ใช้ลงทุนในหุ้นที่ดี รอรับปันผลแล้วเอาเงินปันผลไปลงทุนต่อไปเรื่อยๆนะครับ โปรดชี้แนะด้วยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 17
งานทุกอย่างมีมืออาชีพทำอยู่ครับ เช่นเรื่องสร้างบ้านให้เช่า บริษัทแบบนี้ก็มีอยู่ในตลาด
แต่ถ้า moo หรือทางบ้านทำอยู่แล้ว ก็เป็นอีกเรื่องแต่ถ้าไม่เคยทำ ก็เท่ากับ เราคิดว่าทำแล้ว จะได้ ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต
หุ้นในตลาด ล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นที่ผ่านกาลเวลา เราสามารถหาหุ้นที่ผ่านร้อนผ่านหนาว มาหลายสิบปี เช่น เป็ปซี่ วาโก้ แอร์โล แลนด์แอนเฮ้า เซ็นทรัล ซีพีเอ็น ช่อง 3 และกิจการอื่นๆ ที่เราสามารถเลือกได้ว่า เขาทำอะไร ทำมานานแค่ไหน ประวัติการทำกำไรเป็นอย่างไร เจออุปสรรค เขาแก้อย่างไร ทำไมเขาถึงอยู่ได้นานขนาดนั้น เช่น เอสแอนพี 30 ปี เป๊ปซี 50 ปี เซ็นทรัลประวัติยาว 70 ปี
ถ้าเราไปเริ่มสร้างบ้านให้เช่า สมมุติเราไปขอกู้แบงค์สร้างบ้านให้เช่า แล้วกะว่ากี่ปีคืนทุน หลังจากนั้นบ้านเป็นของเรา แบบนี้เรียกว่าโครงการ ที่อาจจะสำเร็จ ถ้าเราไม่มีประสบการณ์มาก่อน
แต่หุ้นในตลาด พอเราดูงบ เช่น PE = 6 แบบนี้ 6 ปีคืนทุน ซึ่งเป็นจริงไม่ใช่โครงการ เพราะเขาทำมานานแล้ว
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้แย้งอะไร
แต่ถ้า moo หรือทางบ้านทำอยู่แล้ว ก็เป็นอีกเรื่องแต่ถ้าไม่เคยทำ ก็เท่ากับ เราคิดว่าทำแล้ว จะได้ ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต
หุ้นในตลาด ล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นที่ผ่านกาลเวลา เราสามารถหาหุ้นที่ผ่านร้อนผ่านหนาว มาหลายสิบปี เช่น เป็ปซี่ วาโก้ แอร์โล แลนด์แอนเฮ้า เซ็นทรัล ซีพีเอ็น ช่อง 3 และกิจการอื่นๆ ที่เราสามารถเลือกได้ว่า เขาทำอะไร ทำมานานแค่ไหน ประวัติการทำกำไรเป็นอย่างไร เจออุปสรรค เขาแก้อย่างไร ทำไมเขาถึงอยู่ได้นานขนาดนั้น เช่น เอสแอนพี 30 ปี เป๊ปซี 50 ปี เซ็นทรัลประวัติยาว 70 ปี
ถ้าเราไปเริ่มสร้างบ้านให้เช่า สมมุติเราไปขอกู้แบงค์สร้างบ้านให้เช่า แล้วกะว่ากี่ปีคืนทุน หลังจากนั้นบ้านเป็นของเรา แบบนี้เรียกว่าโครงการ ที่อาจจะสำเร็จ ถ้าเราไม่มีประสบการณ์มาก่อน
แต่หุ้นในตลาด พอเราดูงบ เช่น PE = 6 แบบนี้ 6 ปีคืนทุน ซึ่งเป็นจริงไม่ใช่โครงการ เพราะเขาทำมานานแล้ว
เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้แย้งอะไร
- moo
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 18
คือเป็นการประกันความเสี่ยงส่วนหนึ่งนะครับ หมายถึงมีรายได้ที่แน่นอนทุกเดือน แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เป็นเงินกู้ครับ (ถ้าเป็นเงินกู้คงไม่คุ้มค่าอย่างที่พี่เจ๋งให้ความเห็นแน่ๆ) ขอบคุณนะครับพี่ ได้รับความคิดเห็นที่ดีๆเสมอ
ถ้าเป็นกรณีที่เรามีเงินสดอยู่แล้วจำนวนคือ 20 ล้าน (ตามประมาณการของพี่ CK) เปรียบเทียบการลงทุนให้หุ้นทั้งหมด กับ เราแบ่งเงินเป็น 2 ส่วน แล้วสร้านบ้านให้เช่าส่วนหนึ่ง คือเรามีความเสี่ยง 50 %ในหุ้น เมื่อมีรายได้ประจำที่(ค่อนข้าง)แน่นอน ทำให้เราลงทุนให้หุ้นได้อย่างเต็มที่ (ได้เพียง 50 %ของเงินจริง) อันไหนจะเหมาะสมกว่ากันครับ
รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
ถ้าเป็นกรณีที่เรามีเงินสดอยู่แล้วจำนวนคือ 20 ล้าน (ตามประมาณการของพี่ CK) เปรียบเทียบการลงทุนให้หุ้นทั้งหมด กับ เราแบ่งเงินเป็น 2 ส่วน แล้วสร้านบ้านให้เช่าส่วนหนึ่ง คือเรามีความเสี่ยง 50 %ในหุ้น เมื่อมีรายได้ประจำที่(ค่อนข้าง)แน่นอน ทำให้เราลงทุนให้หุ้นได้อย่างเต็มที่ (ได้เพียง 50 %ของเงินจริง) อันไหนจะเหมาะสมกว่ากันครับ
รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 19
ผมมีความคิดว่า ถ้าจะทำอาชีพนี้ให้เป็นกิจลักษณะ ก็จะเปิดบริษัทสักแห่ง แล้วก็ลงทุนผ่านบริษัท บัฟเฟตก็ใช้วิธีนี้นี่นา ที่อ่านมายังว่าใช้บ้านเป็นสำนักงานเลยครับ บริษัทบริหารกองทุน ประกันภัย ประกันชีวิต ก็มีรายได้จากการลงทุนเป็นหลัก ไม่มีใครว่าเขาว่าขี้เกียจสักรายนะครับ
ตัวผมเอง นี่เป็นงานอดิเรกที่ผมรักครับ ใครสะสมรถยนต์ แสตมป์ เหรียญ พระ ..ผมสะสมหุ้นห่านทองคำก็คงไม่แปลกอะไร
ตัวผมเอง นี่เป็นงานอดิเรกที่ผมรักครับ ใครสะสมรถยนต์ แสตมป์ เหรียญ พระ ..ผมสะสมหุ้นห่านทองคำก็คงไม่แปลกอะไร
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 22
++++ ผมขออนุญาตใช้คำว่า "วัฏจักรแห่งค่านิยมของสังคม" มันจะผันแปรเปลี่ยนไปกับวัตถุที่วัดโดยตัวเงิน ยามใดที่อาชีพนั้นหาเงินได้มาก(ถูกต้องตามกฎของสังคมของชนเผ่านั้นๆด้วย)มักมีคนใฝ่ฝันที่จะเป็น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆทั้งหลาย
++++ ยุคที่วิศวกรหาเงินคล่องทุกบ้านอยากจะให้ลูกหลานเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อ... แล้วปัจจุบันเริ่มคล้อยหลังห่างกันไป และมีคณะอื่นๆมาทดแทน
++++ ในอดีต คนที่เป็นนักร้อง-นักแสดง เป็นอาชีพที่ต่ำต้อยเต้นกินรำกิน ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี.... แล้วปัจจุบันนี้ค่านิยมก็กลับกันโดยสิ้นเชิง สังเกตดูให้ดีๆ อันเกียรติยศ-ชื่อเสียง อาชีพ ฯลฯ มันมีขึ้นและมีลง(มันไม่เที่ยง เป็นไปตามธรรมชาติของมัน)ก็เหมือนกับหุ้นนี่แหละ เพียงแต่ว่า อายุคนเราที่มีอยู่มองไม่ครบรอบของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง เว้นแต่คนที่อยู่ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างช่วงการเปลี่ยนแปลง(ถ้ามีสังเกต)
++++ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่มีอาชีพ "นักลงทุน" จงภาคภูมิใจเถิด คุณกำลังจะเป็นคนรุ่นแรก(ในไทย)สำหรับอาชีพอันมีเกียรติในอนาคตข้างหน้า สวัสดีครับ ...
++++ ยุคที่วิศวกรหาเงินคล่องทุกบ้านอยากจะให้ลูกหลานเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อ... แล้วปัจจุบันเริ่มคล้อยหลังห่างกันไป และมีคณะอื่นๆมาทดแทน
++++ ในอดีต คนที่เป็นนักร้อง-นักแสดง เป็นอาชีพที่ต่ำต้อยเต้นกินรำกิน ไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี.... แล้วปัจจุบันนี้ค่านิยมก็กลับกันโดยสิ้นเชิง สังเกตดูให้ดีๆ อันเกียรติยศ-ชื่อเสียง อาชีพ ฯลฯ มันมีขึ้นและมีลง(มันไม่เที่ยง เป็นไปตามธรรมชาติของมัน)ก็เหมือนกับหุ้นนี่แหละ เพียงแต่ว่า อายุคนเราที่มีอยู่มองไม่ครบรอบของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเอง เว้นแต่คนที่อยู่ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างช่วงการเปลี่ยนแปลง(ถ้ามีสังเกต)
++++ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่มีอาชีพ "นักลงทุน" จงภาคภูมิใจเถิด คุณกำลังจะเป็นคนรุ่นแรก(ในไทย)สำหรับอาชีพอันมีเกียรติในอนาคตข้างหน้า สวัสดีครับ ...
ใดๆในโลกนี้ล้วนอนิจจัง !
-
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 23
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ หลายอย่างเหมือนกัน ผมอาจจะโชคดีที่บุพการีเชื่อมือหรือไม่ก็อยากลองก็ให้ลอง แต่ก็มีแอบห่วงเหมือนกัน อิอิ แต่ผมก็เคยถามแย็บๆ เหมือนกันนะ ว่าถ้ามีตังเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่คนอื่นไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร อาจจะมีคนสงสัยหรือเขาอาจจะรู้สึกแปลกๆถ้ารู้ว่ามาจากตลาดหลักทรัพย์ แม่ท่านกล่าวคล้ายๆกับหลายท่านว่า ก็รู้ว่าเราไม่ได้ไปโกงใครมา ท่านยังแนะว่าผมควรจะเก็บหลักฐานการซื้อขาย การปันผลเอาไว้เพื่อโดนเรียกตรวจสอบ ซึ่งผมก็ทำอยู่ ปัจจุบันผมทำงานรัฐวิสาหกิจอยู่ ก็เลยต้องระวังมากหน่อย จะได้ไม่โดนปปช.เพ่งเล็งนักเพื่อจะใหญ่โตขึ้น (แอบหวัง อิอิ) แต่ความคิดผมลงทุนแบบ VI ทำงานประจำได้สบายมาก หรือทำงานอย่างอื่นไปด้วย แถมไม่ต้องไปคอยหาเศษหาเลยกับหน้าที่ อยากจะเสนอความเห็นอะไรก็ทำได้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงว่าเก้าอี้ร้อนด้วย
การทำงานทุกอย่าง ผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้ว่าคุณจะมีอิสระภาพทางการเงินแล้วก็ตาม อย่าง buffet เองนอกจากจะถือหุ้นแล้ว ก็มีส่วนเข้าประชุมแก้ปัญหาให้กิจการที่เขาถือหุ้นเสมอๆ เพราะเขาถือว่าเขาเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ถือหุ้นแล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ ครับ โชคดีมีอิสรภาพครับ
การทำงานทุกอย่าง ผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้ว่าคุณจะมีอิสระภาพทางการเงินแล้วก็ตาม อย่าง buffet เองนอกจากจะถือหุ้นแล้ว ก็มีส่วนเข้าประชุมแก้ปัญหาให้กิจการที่เขาถือหุ้นเสมอๆ เพราะเขาถือว่าเขาเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ถือหุ้นแล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ ครับ โชคดีมีอิสรภาพครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 76
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 24
ส่วนผมนะ เวลามีใครถามก็จะตอบมันไปตรงๆเลยว่า
อาชีพเสริม คือ เล่นหุ้น (ไม่ใช้คำว่าลงทุนให้คนอื่นคิดว่าเราอาย)
ขอให้มั่นใจซะอย่าง
ปกติที่ผมเจอคำถามกลับก็เช่น
เป็นไงล่ะกำไร(ขาดทุน)ไปเท่าไหร่แล้วนี่ (พวกนี้มันกะจะทับถมต่อ)
ก็จะตอบไปว่า กำไร xx% ทุกๆปีหลังหักดอกเบี้ยเงินกู้ x%
แถมเครดิตภาษีอีกปีละเป็นแสน
คำพูดจะทำให้คนฟังตาค้างก็ไอ้เรื่องเครดิตภาษีนี่หละ
ถ้าคนสนใจเราก็อธิบายหลักการ VI ต่อได้เลย
ไม่เคยโดนว่าเป็นแมงเม่าสักครั้ง
ขอย้ำพูดเรื่องเครดิตภาษีนำ คนจะมองเราเก่ง
อาชีพเสริม คือ เล่นหุ้น (ไม่ใช้คำว่าลงทุนให้คนอื่นคิดว่าเราอาย)
ขอให้มั่นใจซะอย่าง
ปกติที่ผมเจอคำถามกลับก็เช่น
เป็นไงล่ะกำไร(ขาดทุน)ไปเท่าไหร่แล้วนี่ (พวกนี้มันกะจะทับถมต่อ)
ก็จะตอบไปว่า กำไร xx% ทุกๆปีหลังหักดอกเบี้ยเงินกู้ x%
แถมเครดิตภาษีอีกปีละเป็นแสน
คำพูดจะทำให้คนฟังตาค้างก็ไอ้เรื่องเครดิตภาษีนี่หละ
ถ้าคนสนใจเราก็อธิบายหลักการ VI ต่อได้เลย
ไม่เคยโดนว่าเป็นแมงเม่าสักครั้ง
ขอย้ำพูดเรื่องเครดิตภาษีนำ คนจะมองเราเก่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 285
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 25
ผมว่าการเล่นหุ้นหรือลงทุนใช้เวลากับหุ้นไม่น่าจะมาก ส่วนตัวผมไม่กล้าเสี่ยงที่จะมาเล่นหุ้นเต็มตัว เพราะอาชีพนี้มีความเสี่ยง เราควรจะสร้างความมั่นคงโดยมีอาชีพหลัก ก่อนที่จะมาลงทุนครับ ก่อนอื่นเราต้องมีอาชีพหลักที่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครอบครัวก่อน ที่เหลือถึงค่อยลงทุนครับ
ผมก็อยากเอาบริษัทตัวเองเข้าตลาดเหมือนท่านgenieครับ แต่ติดปัญหาเรื่องภาษีไม่รู้จะได้คุ้มเสียหรือเปล่า เพราะต้องกางงบที่แท้จริงออกมา และไม่รู้จะโดนย้อนด้วยหรือเปล่า(พูดเหมือนคนที่เห็นแก่ตัว แต่บริษัทส่วนใหญ่ที่ไม่ใหญ่โตนักและอยู่นอกตลาดเป็นแบบนี้ครับ)
ผมก็อยากเอาบริษัทตัวเองเข้าตลาดเหมือนท่านgenieครับ แต่ติดปัญหาเรื่องภาษีไม่รู้จะได้คุ้มเสียหรือเปล่า เพราะต้องกางงบที่แท้จริงออกมา และไม่รู้จะโดนย้อนด้วยหรือเปล่า(พูดเหมือนคนที่เห็นแก่ตัว แต่บริษัทส่วนใหญ่ที่ไม่ใหญ่โตนักและอยู่นอกตลาดเป็นแบบนี้ครับ)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 26
ผมเดิมนั้นทำงานธนาคารครับ ทำงานสินเชื่อครับ แต่รู้สึกไม่ชอบเลย เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้นำความรู้มาใช้อย่างแท้จริง คือ การคำนวณและวิเคราะห์สินเชื่อนั้น เหมือนทำตัวเลขตามคำสั่งของผู้ใหญ่ครับ บริษัทนี้ผู้ใหญ่คิดอย่างไร ก็อย่างนั้น ข้อมูลที่เรานำเสนอไม่มีคุณค่าเลย ผมเลยเบื่อๆ แถมเงินเดือนก็น้อย โชคดีที่ผมประสบความสำเร็จจากการลงทุนแบบ VI จนมีความเชื่อมั่นว่าการลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนได้แน่นอน และสามารถเลี้ยงชีพได้ครับ แถมมีเวลารับส่งลูกไปโรงเรียน เล่นกับลูก พยาบาลลูกยามเจ็บป่วย การลงทุนทำให้ผมมีอิสระภาพครับ สามารถใช้เวลากับลูกๆ และศึกษาค้นคว้าการลงทุนที่ผมชื่นชอบ ได้อย่างเต็มที่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
อาชีพนักลงทุนในเมืองไทย
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณ คุณลูกอีสานที่ขุดกระทู้ขึ้นมาให้อ่าน
ขอบคุณ คุณ Chatchai ที่ตั้งกระทู้นี้
ทุกคนหวังอยากมีอิสรภาพทางการเงิน
แต่...เมื่อบรรลุแล้ว ก็อยู่ที่จะพอใจกับความสำเร็จนี้
หรือยังมีความต้องการขั้นต่อไปของมนุษย์
ตาม Step ของ Human Need
ตัวเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ขอบคุณ คุณ Chatchai ที่ตั้งกระทู้นี้
ทุกคนหวังอยากมีอิสรภาพทางการเงิน
แต่...เมื่อบรรลุแล้ว ก็อยู่ที่จะพอใจกับความสำเร็จนี้
หรือยังมีความต้องการขั้นต่อไปของมนุษย์
ตาม Step ของ Human Need
ตัวเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน