การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
luckyman
- Verified User
- โพสต์: 2153
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ขอถามความเห็นหน่อยครับ สำหรับคนที่ลงทุนแบบ เซฟๆ นี่ควรถือหุ้นกี่ตัวดี ณ ปริมาณเงินที่จะลงทุนในหุ้น ที่แตกต่างกัน (สมมติลงทุนในหุ้น 90 - 100 %)
1. หนึ่งแสนบาท
2. หนึ่งล้านบาท
3. ห้าล้านบาท
4. สิบล้านบาท
คือ ผมคิดว่า ถือมากไปมีข้อดีคือ กระจายความเสี่ยง ข้อเสียคือไม่มีเวลาตาม
ถือน้อยตัว ข้อดี มีเวลาตามทุกตัว ข้อเสีย กระจุกเกินไป เลือกผิดตัว อันตราย
ความเห็นผมนะครับ
1. หนึ่งแสนบาท
1-2 ตัวก็พอ เพราะพอร์ตยังไม่เยอะมาก
2. หนึ่งล้านบาท
4-5 ตัวครับ
3. ห้าล้านบาท
10 ตัว
4. สิบล้านบาท
15 - 20 ตัว
ปล ผมนั่งเทียน เดา เอานะครับ เงินยังน้อยๆ อยู่เลย
ขอบคุณครับ
-
o-bo-ja-ma
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ความคิดผมนะครับ ไม่ว่าเงินลงทุนเท่าใดก็ไม่ควรเกิน 5 ตัวครับ เหตุผลของผมก็คือ ถ้าเราต้องการซื้อบริษัทที่โดดเด่น และได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าจริง ๆ เราควร Focus ครับ ไม่ควร Diwersify (เขียนถูกเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวเหมือน steak holder อีก 555) :lol:
-
yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ผมว่ายิ่งถือเยอะๆยิ่งดี แต่ต้องไม่เยอะเกินไปที่จะไม่เข้าใจในธุรกิจ
เพราะฉะนั้นจำนวนถือที่เหมาะสมไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินของเรานะครับ แต่อยู่ที่ว่าเรามีเวลาพอที่จะเข้าใจธุรกิจได้มากแค่ไหน และเข้าความเชียวชาญในธุรกิจกว้างแค่ไหน
ยกตัวอย่างพี่โจลูกอีสาน หรือพี่มี่ มีความรู้รอบตัวมากเข้าใจในธุรกิจได้ทั้งลึกและกว้าง แบบนี้พี่ๆเค้าก็สามารถถือหุ้นได้มาก 10-20 ตัวได้ ในขณะที่ผมมีหุ้นที่เข้าใจอยู่ไม่มากนัก ผมก็เลยลงทุนอยู่ประมาณ 4-10 ตัว
และที่สำคัญก็ต้องคัดมาเฉพาะตัวทีมี Upside เพียงพอกับความเสี่ยง ถ้าหาหุ้นที่ต่ำกว่าราคาเหมาะสมได้แค่ ตัวเดียวก็ควรจะถือแค่ตัวเดียว.. แต่อาจจะไม่ได้ถือตัวเดียวทั้ง port แต่ก็ควรถือได้ 1 ตัว พร้อมกับเงินสดไปด้วย
-
luckyman
- Verified User
- โพสต์: 2153
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ขอบคุณครับ
-
VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ตอนนี้ผมใช้ประมาณ option 3 ของคุณ piggyman007
หลังจาก เหตุ CPN ยิ่งซึ้งเลยว่า don't put all the eggs in one basket
แต่การกระจายความเสี่ยงก็จะแลกมาด้วยผลตอบแทนที่อาจไม่สูงนักเมื่อเทียบกับ port ที่ค่อนข้าง concentrated ครับ
และก็เห็นด้วยว่าจำนวนหุ้นที่ควรถือไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินลงทุนครับ
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ผมชอบที่วอร์เรน บุฟเฟต์ว่าไว้คือ การทำอะไรที่ไม่รู้นั่นแหละเป็นความเสี่ยง เพราะฉะนั้น การมี port หลายตัวก็ไม่แปลกถ้าเรารู้เรื่องของหุ้นและอุตสาหกรรมของหุ้นทุกตัวเป็นอย่างดี
ขอพูดถึงกรณี CPN ผมว่าอย่าเพิ่ง panic ครับ ลองตั้งคำถามตัวเองหลายๆ ข้อ ก่อนตัดสินใจ
แน่นอนว่าแหล่งรายไำด้ของ CPN วูบแน่ เพราะเทียบกันที่พื้นที่ของศูนย์การค้าแล้ว central world เป็นสัดส่วนกว่า 23% ของพื้นที่ทั้งหมด และรายได้ของ CPN กว่า 90% มาจากรายไ้ด้ศูนย์การค้าซะด้วยสิ กว่าจะสร้างใหม่เสร็จก็ไม่น่าต่ำกว่า 2-3 ปีแน่ๆ แถมโดนเรื่องโรงแรมเข้าไปอีกเรียกว่าหลายเด้งเลยนอกจากนี้ การสร้างและบูรณะ central world ต้องใช้เงินจำนวนมากทำให้ผู้ถือหุ้นกังวลเรื่องการเพิ่มทุน
ฟังแล้วเครียดเรย แต่กลับมาคิดใหม่ว่า CPN จะกลับมาได้มั้ย ผมเชื่อว่าได้
ประการที่ 1 ด้วยโครงสร้างเงินทุนของ CPN มี D/E อยู่ที่ 1.5 ผมว่าด้วย credit อย่าง CPN ยังกู้เพิ่มได้อีกเพื่อเอามาฟื้นทุน ดังนั้นเรื่องสภาพคล่องยังไม่น่าห่วง
ประการที่ 2 เรื่องความสามารถของผู้บริหารละ ผมว่าเครือนี้เติบโตมากับการบริหารห้างยาวนาน ดังนั้นผมเชื่อมือเค้าว่าจะสามารถทำให้กิจการกลับมาได้
ประการที่ 3 ทาง CPN มีประกันภัยที่ครอบคลุมวินาศภัยด้วยครับ เขียนไว้ใน ฟอร์ม 56-1 ของ ปี 2552 อาจจะโทรไปถาม IR ก่อนว่าเงินประกันจะได้เท่าไร แต่ผมว่าก็ไม่น้อยทีเดียว
ถ้าหุ้น CPN มันจะตก และผมก็เชื่อว่ามันจะตก แต่ตกเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ และท่านกังวลเพราะจำเป็นต้องใช้เงิน หรือคิดว่ามีตัวอื่นที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าก็พิจารณาดูครับ แต่ถ้าไม่ผมยังคิดว่า CPN จะกลับมาได้ในที่สุด และอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการซื้อหุ้น CPN ก็ได้
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
miracle
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
จำนวนหุ้นที่ถือมากขึ้นต้องไม่ควรอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
เพราะมันคือการกระจายความเสี่ยงของเราออกไป
เพื่อไม่ให้มันมีผลกระทบต่อการลงทุนของเราโดยร่วม
นั้นคือเราต้องการขจัดความเสี่ยงของตัวกิจการของบริษัทของเราออกไป
แต่ถึงอย่างไงก็ตามมันขจัดได้แต่ความเสี่ยงของตัวกิจการเท่านั้น ไม่สามารถขจัดความเสี่ยงของตลาดที่เป็นภาพใหญ่ได้

-
อนัตตา
- Verified User
- โพสต์: 447
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ถ้ามีเวลาศึกษามากก็ถือมากตัว
แต่ผมจะจำกัดไม่เกิน 3 ตัว ช่วงที่
พอร์ตยังไม่โตก็ถือตัวเดียววัดใจกันไปเลย
แต่ต้องมั่นใจเกินร้อยนะครับ ถ้าไม่แผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด รับรองไม่มีทางพลิกผัน
จิตที่ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้
-
คนคอน
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
yoyo เขียน:ผมว่ายิ่งถือเยอะๆยิ่งดี แต่ต้องไม่เยอะเกินไปที่จะไม่เข้าใจในธุรกิจ
เพราะฉะนั้นจำนวนถือที่เหมาะสมไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินของเรานะครับ แต่อยู่ที่ว่าเรามีเวลาพอที่จะเข้าใจธุรกิจได้มากแค่ไหน และเข้าความเชียวชาญในธุรกิจกว้างแค่ไหน
ยกตัวอย่างพี่โจลูกอีสาน หรือพี่มี่ มีความรู้รอบตัวมากเข้าใจในธุรกิจได้ทั้งลึกและกว้าง แบบนี้พี่ๆเค้าก็สามารถถือหุ้นได้มาก 10-20 ตัวได้ ในขณะที่ผมมีหุ้นที่เข้าใจอยู่ไม่มากนัก ผมก็เลยลงทุนอยู่ประมาณ 4-10 ตัว
และที่สำคัญก็ต้องคัดมาเฉพาะตัวทีมี Upside เพียงพอกับความเสี่ยง ถ้าหาหุ้นที่ต่ำกว่าราคาเหมาะสมได้แค่ ตัวเดียวก็ควรจะถือแค่ตัวเดียว.. แต่อาจจะไม่ได้ถือตัวเดียวทั้ง port แต่ก็ควรถือได้ 1 ตัว พร้อมกับเงินสดไปด้วย
เห็นด้วยก๊าบบบ ส่วนตัวผมถืออยู่เกือบสิบตัวแนะ แบบว่า ชอบนู้นชอบนี้ อารมณ์ประมาณ สบายดีไปที่ไหนก็เจอแต่บริษัทเรา ฮ่าๆๆ
-
คนคอน
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="ayethebing"]ผมชอบที่วอร์เรน บุฟเฟต์ว่าไว้คือ การทำอะไรที่ไม่รู้นั่นแหละเป็นความเสี่ยง เพราะฉะนั้น การมี port หลายตัวก็ไม่แปลกถ้าเรารู้เรื่องของหุ้นและอุตสาหกรรมของหุ้นทุกตัวเป็นอย่างดี
ขอพูดถึงกรณี CPN ผมว่าอย่าเพิ่ง panic ครับ ลองตั้งคำถามตัวเองหลายๆ ข้อ ก่อนตัดสินใจ
แน่นอนว่าแหล่งรายไำด้ของ CPN วูบแน่ เพราะเทียบกันที่พื้นที่ของศูนย์การค้าแล้ว central world เป็นสัดส่วนกว่า 23% ของพื้นที่ทั้งหมด และรายได้ของ CPN กว่า 90% มาจากรายไ้ด้ศูนย์การค้าซะด้วยสิ กว่าจะสร้างใหม่เสร็จก็ไม่น่าต่ำกว่า 2-3 ปีแน่ๆ แถมโดนเรื่องโรงแรมเข้าไปอีกเรียกว่าหลายเด้งเลยนอกจากนี้ การสร้างและบูรณะ central world ต้องใช้เงินจำนวนมากทำให้ผู้ถือหุ้นกังวลเรื่องการเพิ่มทุน
ฟังแล้วเครียดเรย แต่กลับมาคิดใหม่ว่า CPN จะกลับมาได้มั้ย ผมเชื่อว่าได้
-
กาละมัง
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เงินน้อย ๆ ตีแตกเลยครับ เงินน้อยขาดทุนมาก ก็หาใหม่ทดแทนง่าย
เงินมากขึ้นควรกระจายความเสี่ยงมากขึ้น
เงินมากๆ รวยอยู่แล้ว ไม่ควรโลภมากขึ้น จึงไม่ควรตีแตกทั้งหมดเกิดผิดพลาด (เพราะการลงทุนไม่มีคำว่าแน่นอน 100 %) ....จะเปลี่ยนจากรวยเป็นจนทันที....หมดกัน
เงินระดับ 10 ล้าน ผมว่าไม่มากนักเทียบกับขนาดตลาด จึงน่าจะ Focus ไม่เกิน 5 ตัว
น้ำหนักที่ลงทุนไม่ควรเท่ากัน แต่ลงน้ำหนักตามความชอบและมั่นใจ
-
[v]
- Verified User
- โพสต์: 1402
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
อนัตตา เขียน:ถ้ามีเวลาศึกษามากก็ถือมากตัว
แต่ผมจะจำกัดไม่เกิน 3 ตัว ช่วงที่
พอร์ตยังไม่โตก็ถือตัวเดียววัดใจกันไปเลย
แต่ต้องมั่นใจเกินร้อยนะครับ ถ้าไม่แผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด รับรองไม่มีทางพลิกผัน
ลืม ซึนามิ
-
SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="กาละมัง"]เงินน้อย ๆ ตีแตกเลยครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี

-
atsu
- Verified User
- โพสต์: 1218
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เคยได้ยินหลายๆคนบอกให้ถือน้อยๆตัวตอนเงินน้อย
และให้ถือมากตัวขึ้นตอนเงินมาก
ผมเดาๆว่าคำแนะนำนี้น่าจะมาจากคนที่ประสบความสำเร็จมากพอควร จนมั่นใจในการเลือกหุ้นแล้ว
แต่พอผมมองย้อนกลับไปผมกลับทำตรงข้ามครับ
คือช่วงแรกตอนเงินน้อยๆ ผมกลับถือหุ้นหลายตัว(ประมาณ 5-8 ตัว)
เพราะความไม่มั่นใจในการเลือกหุ้นของเราครับ ก็มือใหม่อ่ะครับ :lol:
หลังๆมากลับเริ่มถือหุ้นน้อยตัวลง
ดังนั้นผมว่าขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์+ความมั่นใจของเรามากกว่า ว่าควรถือกี่ตัว
หลายๆครั้งที่ผมเจอหุ้น 2 ตัวที่คิดว่าตัวแรกดีกว่าตัวหลังแน่ๆ
แต่สุดท้ายผมก็ซื้อทั้งคู่ด้วยสัดส่วนพอๆกันด้วย
และตัวที่มั่นใจน้อยกว่าก็ทำกำไรมากกว่าหลายครั้งหลายหน (เห็นชัดเลยว่ายังไม่เก่งเลยคาดผิด :lol: )
เรื่อง cpn ผมเห็นพูดกันเยอะว่าเป็นความเสี่ยงที่เราคาดไม่ถึง ทำให้ไม่กล้าถือน้อยตัวอีกแล้ว
แต่ผมกลับมองอีกมุมนะครับ
คือถ้าผมมี cpn อยู่เป็นสัดส่วนที่มากของพอร์ท หรือถืออยู่ตัวเดียว
ยังไงๆพอเริ่มชุมนุมผมก็ต้องลดสัดส่วนไปถือตัวอื่นบ้างแน่ๆ ถ้าไม่คิดจะ"วัดดวง"
มีเวลาให้ปรับพอร์ทเหลือเฟือเลยครับ
-
SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="กาละมัง"]เงินน้อย ๆ ตีแตกเลยครับ
-
Skyforever
- Verified User
- โพสต์: 1203
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ตอนมีเงินมากๆ ยังไม่รู้ครับว่าจะถือกี่ตัว
แต่ตอนนี้เงินน้อยๆ พอร์ตเล็ก ถืออยู่ 1-2 ตัวมาตลอด
เคยพยายามถือ 4-5 ตัว แต่ความมั่นใจในตัวที่ 3-5 จะไม่เท่าตัวที่ 1-2 ดังนั้นถือไปแล้วไม่สบายใจ ก็เลยขายทิ้งไปซื้อถืออยู่แค่ 1 หรือ 2 ตัวเท่านั้นครับ สบายใจดี
-
กุหลาบงามหลังฝน
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ไม่มากไม่น้อย
ถือตามความสบายใจ :D
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
Pu
- Verified User
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
แล้วแต่ความสามารถในการตามข่าวสารของแต่ละท่านครับ
สำหรับผม ถือไม่เคยเกิน 3 ตัวครับ แค่นี้ก็ติดตามข่าวสารไม่ค่อยจะทันเลยครับ

-
unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถวิเคราะห์ ติดตามธุรกิจตัวนั้นได้มากขนาดไหน
Circle of Competence กว้างขนาดไหน
เราสามารถหาตัวที่มี MOS พอได้หรือเปล่า ถ้าเราคิดว่า MOS ไม่พอ อาจจะไม่ซื้อ รอไปก่อน
กระจายความเสี่ยงของอุตสาหกรรม ถ้าคิดว่าไม่อยากเสี่ยง
ถ้าเค้าเดิมพันเราไม่สูง และ upside กับ ความเสี่ยง น่าสนใจ อาจถือน้อยตัว
สรุปว่าการถือกี่ตัวนี้ ขึ้นอยู่กับ style และความเข้าใจในการลงทุนครับ
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
-
SV2
- Verified User
- โพสต์: 181
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ผมมองว่าขนาดของพอร์ทไม่ค่อยเกี่ยวกับจำนวนการถือครองหุ้น
แต่ที่สำคัญหุ้นที่ถืออยู่ เราต้องมีความเข้าใจ สามารถติดตามข้อมูลได้ไม่ยาก และมีอนาคตที่ดี รวมทั้งราคาที่ซื้อต้องมี MOS ตามที่เราคาดหวัง
ซึ่งอาจจะเป็นหุ้นไม่เกิน 10 ตัว เพื่อติดตามความก้าวหน้าของกิจการ ส่วนตัวที่อนาคตดีมากๆควรถือเป็นสัดส่วนสูงๆ
ของผมถือประมาณ 10 ตัว แต่มี 3 ตัว ถือเป็นสัดส่วน 95 % ของพอร์ท
-
oldnew
- Verified User
- โพสต์: 588
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
.
ผมว่ากี่ตัวไม่ใช่ปัญหา เเต่ถ้ามีตัวไหนเกิดปัญหาก็ควรตั้งสติเเล้วคิดให้ได้โดยไม่หลอกตัวเองว่ามูลค่าจริงควรเป็นเท่าไหร่
สมมุติว่าหุ้นตัวหนึ่งของเราที่เราคิดว่าดีเเละอยากลงทุนมูลค่าเเละราคาตลาด10บาท เเต่เกิดมีปัญหาที่คาดไม่ถึงมากระทบมูลค่าหุ้นเสียหาย20%
มูลค่าของหุ้นก็ควรจะเหลือประมาณ8บาท ผมจะดูว่าวันต่อไปราคาซื้อขายเท่าไหร่ ถ้าเกิน8.50บาทผมขายเเน่นอน เเต่ถ้าต่ำกว่า8บาทผมจะทยอยรับ
ลงทุนตามมูลค่าที่เเท้จริง อย่าหวังลมๆเเล้งๆ เพราะในที่สุดราคาหุ้นก็จะสะท้อนตามมูลค่าที่จริงของหุ้นจนได้
.