|0 คอมเมนต์
ขออนุญาตนำ จดหมายถึงลุงขวด และ ความคิดเห็นของเพื่อนๆ ให้มาอยู่ติดๆกัน EPISODE 4
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ครรชิต เขียน:ลุงขวด และ เพื่อนๆ ที่ แวะมาร่วมวง สนทนาด้วยทุกคน ครับ
หลังจากผม ได้อ่านหนังสือ เศรษฐีตัวจริง โดย ดร. โทมัส เจ สแตนลีย์ แปลโดย คุณ ศิระ โอภาสพงษ์ จบ แล้วตามด้วย วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ โดย คุณ เจเน็ต โลว์ แปลโดย ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วก็ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน ตบท้ายด้วย เซียนหุ้นพันธุ์แท้ ของ ดร. นิเวศน์ จบ ทั้ง 4 เล่ม แล้ว
เมื่อมีเวลาว่างๆ ผมมานั่งคิด พิจารณาตัวเองดู ว่าตัวผมเอง มีคุณสมบัติ มีสายเลือดทางพันธุกรรม ที่เป็น Value Investor ตามความหมาย ของ ดร. นิเวศน์ หรือเปล่า ก็เลยจะขออนุญาต เล่าให้ เพื่อนๆ ฟังเรื่องของตัวผมเอง ที่ผมคิดว่า ตัวผมเอง ก็มีสายเลือดทางพันธุกรรม เป็น Value Investor เช่นกัน
เรื่อง ที่ 1 ที่ผมลองพิจารณา ดู เรื่องเงินฝากประจำในธนาคาร เรื่องการ อด ออม ผมก็เชื่อว่า ผมเป็นหนึ่งไม่แพ้ใคร เหมือนกัน ตั้งแต่ผมเด็กๆ ในวันที่พ่อพาไป ฝากเงิน ที่ ธนาคารออมสิน ถือกระปุกออมสินไปให้พนังงานทุบกระปุเอาเหรียญออกมานับ แล้วพ่อก็บอก ผมว่า ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า นับจากวันนั้น จากวันที่เป็นเด็กเดินเตาะแตะ จนเรียนจบ มีงานทำ ผมก็ อด ออม แบ่งเงินเดือน สะสมตลอดมา ทำงานรับเหมา ได้กำไรมาเท่าไร ก็เก็บเข้าฝากประจำ ได้ค่าออกแบบมาเท่าไร ก็ฝากประจำ ผม กินน้อย ใช้น้อย ค่อยบรรจง จนค่อนข้างไปทางขี้เหนียว ผมไม่เคยพาลูกผมเข้าไปกินห้องอาหาร แพงๆ ผมบอกลูกว่า อย่าเข้าไปนั่งชูคอ ให้เขา ขูด เอากำไรมากๆเลย กินอาหารธรรมดา ตามประสาชาวบ้านก็พอแล้ว คุณค่าทางอาหารก็เหมือนกัน บอกลูกว่า เสื้อผ้า ยี่ห้อ แผงๆ อย่าไปใส่มันนะลูก เสื้อผ้าธรรมดาราคาชาวบ้านๆ ก็พอแล้ว คุณค่าที่แท้จริง ในฐานะ ปัจจัย 4 แค่ปกปิดร่างกาย ก็เท่ากัน เพื่อสอนให้ลูก อด ออม ประหยัดตั้งเล็กๆ จนบัดนี้ เวลาพาลูกสาวไปเดินซื้อของ พอผมหยิบสินค้า ตัวไหนขึ้นมาดู ถ้าลูกสาวของผม เขาเห็นป้ายราคาก่อนผม เขาจะบอกผมว่า มันแพงนะพ่อ ! อ้า แสดงว่า สายเลือดทางพันธุกรรม พันธุ์ ขี้เหนียว ได้รับการถ่ายทอด ไปอีก 1 ชั้นอายุ แล้ว ผมฝากเงินประจำกับธนาคาร ไว้หลายบัญชี จาก ตั้งแต่ดอกเบี้ย 12% - 13% บ้างบัญชี มันเพิ่มจาก เงินต้น 600,000 บาท ดอกทบต้นขึ้นมาเป็น ล้านสี่ ล้านห้า ข้อนี้ ก็น่าจะเป็นคุณสมบัติของ Value Investor Chairsholder ได้ ผมคิดว่าตัวผมเป็น คนอื่นจะว่าเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพื่อนๆ ครับ แต่มาเดี๋ยว ดอกเบี้ยมันค่อยๆ ต่ำลงๆ จนเดี๋ยวนี้ 2% มันช่างสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจ ให้กับคนที่ ถูกสอนมาให้อดออม และเชื่อมั่น กับระบบการออมเงิน ฝากประจำกับธนาคาร หัวอก คนออม เหมือน ถูกทรยศ จากระบบธนาคาร หัวอก ผู้อดออม ที่ซื่อสัตย์ ต่อระบบธนาคาร เหมือนน้ำท่วมปาก ไม่มีปากไม่มีเสียง เขาจะให้เท่าไรก็ต้องเอา ไม่เคยคิดที่จะลุกขึ้นมาเรียกร้อง ดอกเบี้ยขึ้นกันเลย ไม่เหมือนสหภาพแรงงาน ที่เรียกร้องแต่จะขึ้นค่าแรงลูกเดียว ไม่เห็นจะลดค่าแรงบ้าง คนมีเงินออมน่าจะมีการรวมตัว เป็นสหภาพคนอดออมบ้าง นะ จะได้รวมกันเรียกร้อง ดอกเบี้ยขึ้น เพราะเราคนแก่ ออมเงินไว้กินยามแก่ มันไม่พอกินแล้ว เราอุตสาห์ เอาเงินของเราไปฝาก ให้ ธนาคารบริหาร เพื่อมีส่วนเหลือ มาจ่ายเป็นดอกเบี้ย ให้เราพอกินยามแก่ แต่เขากลับไปทำให้เกิดหนี้เสีย เลยผลกรรมก็ตก มาอยู่ที่ ผู้มีเงินออม ที่ อด ออม ตลอดมาจนอายุใกล้จะ 50
ดอกเบี้ย 2% แถมหักภาษี ดอกเบี้ยอีก 15% ของดอกเบี้ยรับ เหลือ ดอกเบี้ยรับจริงๆ 2 * .85 = 1.7% ปีนี้ ถ้าอัตราเงินเฟ้อ 3% นำอัตราเงินเฟ้อ ไปลบออกจาก ดอกเบี้ยรับ เหลือดอกเบี้ยรับ จริงๆ 1.7 3 = -1.3% ตายละหว่า นี้เราจนลงนะนี้
พูดให้ฟังง่ายขึ้น ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ถ้า นำไป เทียบกับ ลด (ผมสะกด ว่า ล โอะ ด) ป้ายแดง โคโต๋เต๋ รุ่น สำรี 1 คัน ในวันนี้ สมมุตว่า มันอยู่ที่ 1 ล้านเช่นกัน แต่เราไม่ซื้อ เพราะเราเป็นคน อด ออม เรานำไปฝากประจำกินดอกเบี้ย 2% รับจริง 1.7% พอสิ้นปี เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรับ รวมกัน เป็น 1,017,000 บาท แต่ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี ที่เราเคยไปดูราคาไว้ มันไปที่ 1,030,000 บาทเสียแล้ว นี้เรายิ่งจนลงทุกวันใช่ไหมนี้ แล้วถ้าเป็นเวลา 5ปี ผมคำนวณ ในลักษณะ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก คงที่ 2%รับจริงหลังหักภาษี 1.7% และ อัตราเงินเฟ้อ คงที่ 3%
เงินฝากใน บ.ช.ฝากประจำของผมจะกลายเป็น 1,087,939.50 บาท ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี มันไปอยู่ที่ 1,159,274.00 บาท
ราคาเจ้า ลด โคโต๋เต๋ ป้ายแดง รุ่น สำรี นี้มันแปลก ตราบใดที่มัน อยู่ในบริษัท ราคามันขยับขึ้น ไปเรื่อย ตามอัตราเงินเฟ้อ แต่พอเราไปถอย มันออกมาขับ ราคามันกลับ ลด ลง ลด ลง สมชื่อ ที่ผมตั้งให้มันเลย แถมค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง ที่ยิ่งใช้มันก็ยิ่งเสื่อมลงไปทุกวัน ยิ่งถ้าซื้อ เจ้า ลด ราคาแพงๆ มาขับโชว์ เฉยๆ แค่เพียงจะให้คนอื่นเห็นว่า ฉันก็มีขับนะ มันก็ยิ่งไม่น่าทำเลย ในทางกลับกัน ถ้า เราสามารถใช้มันเป็นเครื่องจักร ในการ ทำ มาหากิน มันก็คุ้มนะ เพื่อนๆ ภรรยาผมเขา ถอย ฮอนด้า ซิวิค ออกมา ตอนนั้นรู้สึก จะ ห้าแสนกว่าๆ มาใช้ ในการวิ่งขายประกันชีวิต รายได้ จากการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตของเมียผม ทั้งที่เขาขายเองและค่าบริหารตัวแทนของเขา รวมกัน ผมดูจากใบหักภาษี ณ ที่จ่าย ปี 2544 ที่ บริษัทออกให้ ที่เขานำมาให้ผม เพื่อนำมารวมกับรายได้ของผม คิดภาษีรวมกัน เพื่อเสียภาษีปลายปี เขามีรายรับ จากค่าคอมมิชชั่น รวมทั้งสิ้น 1,402,216.26 บาท ภาษี หัก ณ ที่จ่าย 228,515 บาท มันมากกว่า ค่าเช่าบ้าน บวก ค่าออกแบบระบบฟ้าไฟ ที่ วิศวกร แก่ๆ อย่างผมนั่งทำงานเล่นๆ เป็นงานอดิเรก อยู่ที่บ้าน ถึงเกือบ 3 เท่าตัว นั้นหมายความว่า ใน 5 ปี ที่เขา ถอย ฮอนด้า ซิวิค ออกมาใช้เป็นเครื่องจักร ช่วยในการปั๊มเงิน มันก็ให้กลับมาเกินคุ้มแล้ว
กลับมาเรื่องดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยมัน อยู่ ระดับ 2% หรือ ถูกกดต่ำลง เหลือใกล้ 0% ยาวนาน เป็นเวลา 10 ปี เหมือนในญี่ปุ่นเป็นอยู่ จะเป็นอย่างไร สำหรับ คนที่ถูกสอนมาตั้งแต่ เด็ก ๆ ว่า ออมสิน ออมสิน ออมสิน อดออมไว้กินวันหน้า อย่าง ผม และ เพื่อนๆ ทุกท่าน
จาก วาทะ ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ ที่ผมชอบที่สุด
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
บัดนี้ ธุรกิจเงินฝากประจำ ของผม ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ดีเสียแล้ว
ผมเลยตัดสินใจ มาลงทุน เป็น Chairsholder ( ผมขออนุญาต ใช้คำนี้แทน ผู้ถือหุ้นที่ ซื้อหุ้นเก็บไว้รับปันผล แล้วถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี นั่งแล้วไม่ยอมลุก ตลอดไปนะครับ) ผมเริ่มต้นใหม่ เมื่อ ก.พ. 45 ปีนี้ ผมได้ถอนเงินปิดบัญชีเงินฝากประจำ ทั้งหมดของผม แล้วนำเงิน มาสร้างพอร์ตลงทุน ตามแนวทางที่ ปรมาจารย์ Value Investor วอร์เรน บัฟเฟทท์ สอนไว้
ผมลงทุน 3,000,000 บาท กระจายการลงทุน ในหุ้น ที่มีประวัติดี ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา มีผลประกอบการ เสมอต้นเสมอปลาย จำนวน 20 ตัว เพื่อความ เสถียรภาพ ของ พอร์ต โดยทำประกันภัยไว้กับ ประกันภัยศรีอยุธยา AYUD ซึ่งผมแต่งตั้งให้เป็น กัปตันพอร์ต ราคาหุ้นในพอร์ตลงทุนของผมตอนนี้ มัน กลายมาเป็น 3,735,325.00 ในวันนี้ วันที่ 6 ธันวาคม 2545 และ ผมจะได้รับเงินปันผล ในปีหน้า ประมาณ 10% คือ 373,532 บาท ผมก็จะนำเงินปันผลนั้นมา
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
ถึงมันจะดูไม่มากสำหรับ นักเก็งกำไร ที่ประสบความสำเร็จ จริงๆ บ้างคนทำได้ แต่ผมไม่เคย ต้องขายหุ้นทิ้ง เพราะต้อง ทำใจ ตัดขาดทุน เลย
มีอยู่บ้าง บางตัวที่ผมขาย ออกไป ทั้งๆที่อยากเก็บไว้ แต่ผมไปเห็น อีกตัว ที่ผมชอบกว่า ผมไม่บอกว่าดีกว่า แต่ ผมชอบกว่า เช่น ผม ซื้อ BAT-3K ไว้ที่ 24 บาท และ ซื้อ METCO ที่ 87.5 บาท เมื่อ 11 ก.พ. 45 แต่พอผม ไปเปิด งบดุล ของ FE ดูงบดล ดูปันผล ดูว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สวยมาก ผมเลยชอบ อยาก เป็น Chairsholder แต่ เงินสด ออมในธนาคาร ของผม เปลี่ยนมาอยู่ในหุ้นพื้นฐานดี หมดแล้ว ผมจึงต้อง ตัดใจ ขาย BAT-3K ราคา 29 บาท และ METCO ราคา 94 บาท เมื่อ 1 เม.ย. 45 ทั้งๆที่ไม่อยากขาย ยังเสียดายอยู่จนบัดนี้ (ถ้าผมถืออยู่จนถึง 6 ธ.ค. 45 BAT-3K ราคา 39.25 เพิ่ม 59.55% จากราคาชื้อ 24 ,METCO ราคา 143 เพิ่ม 63.42% จากราคาซื้อ 87.5)
เพื่อ เอาเงินไป ซื้อ FE ที่ราคา 150 บาท ก่อนประกาศปันผล เมื่อ FE ขึ้น XD 15 บาทต่อหุ้น ราคาที่ Mr. MARKET เสนอขาย หลังวัน XD อยู่ที่ 130 บาท ผมก็เลยซื้อเพิ่ม เมื่อ 6 เม.ย. 45 ทำให้ ราคาเฉลี่ย อยู่ที่ 146 บาท มาถึง 6 ธ.ค. 45 ราคาอยู่ที่ 169 บาท เพิ่ม 15.04% ในกรณีนี้ผมคิดว่า ผมสอบผ่าน แต่เกรด ต่ำไปนิดหนึ่ง เพราะถ้าช่วงที่ผมอยากได้ FE เป็นจังหวะที่ผมมี เงิน ออมเหลืออีก ผมก็คง ยังมี BAT-3K และ METCO อยู่ใน พอร์ต
ผมได้เห็น พลัง อมตะวาจา ของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ แล้ว ที่ว่า
" ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และ ถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี"
หุ้นทุกตัวที่ผม เป็น Chairsholder อยู่ เมื่อ ประกาศ XD แล้ว ราคาลงไปนอนพักผ่อน อยู่นิ่งๆ ข้างล่างแล้ว ประกอบกับ ถ้าผมมีเงินสดเหลือ อยู่ในธนาคาร ผมก็จะ ซื้อเพิ่มทันที โดยไม่เคยสนใจ SET index ผมสนใจแต่ มูลค่าของสินทรัพย์ ของบริษัท ที่ผมจะ ซื้อเพื่อ เป็น Chairsholder เท่านั้นว่า ต่ำกว่า มูลค่าที่แท้จริงหรือไม่ (เพราะผมเชื่อโดยสนิทใจว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง จะต้องไปสู่ค่าที่แท้จริงของมัน เหมือน HYDROMETER ที่ลอยอยู่ในของเหลวแต่ละชนิด) เพื่อให้พอร์ต ของผมโตขึ้นเรื่อยๆ
ลุงขวด และ เพื่อนๆ ผมได้เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ผมเคยผิด ผมเคยโง่ ผมเคยไม่มีความรู้ จึงเข้าไปเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก วิธีศึกษา พื้นฐาน ฐานะการเงิน ของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าจะหาข้อมูลเหล่านั้น ได้ จากที่ไหน แถมผม ยังโชคดี มี ดร. นิเวศน์ เป็นเพื่อนรวมรุ่น ที่ประสบความสำเร็จ ใน ฐานะ Value Investor มาแล้ว โดยบริหาร พอร์ตลงทุน ส่วนตัว ที่มีมูลค่า เป็นตัวเลข 9 หลัก ซึ่งผมสามารถขอคำปรึกษาได้ ตลอดเวลา
ผมจึงกล้า ที่จะเดินตามแนวทางของ ดร. นิเวศน์ เพื่อนผู้รู้ของผม
และ จะ ดำเนินการลงทุน ในแนว ทาง Value Investor ตลอดไป เวลาคงเป็นตัวพิสูจน์ ว่า ผิด หรือ ถูก
เขียนถึง ตอนนี้ ก็ให้ นึกถึง บทเพลง ของ หนุ่ม เสือ ธนพล ศิลปิน GRAMMY ที่แต่งไว้ใน ภาพยนตร์ เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 ที่เขียนไว้ตอนหนึ่ง ว่า
อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว ผู้แน่แน่ว คือ.. ผู้ชนะ
แถมท้ายอีกนิด สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่มีความรู้ เรื่องสิทธิพิเศษ ทางภาษี สำหรับ บุคคลธรรมดา ที่ได้รับเงินปันผล จาก บริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เราสามารถ นำมาขอ เครดิตภาษี คืน จาก รัฐบาล ได้อีก
มันเป็นอย่างนี้ ครับ จะเล่าให้ฟัง เมื่อ บริษัท มี กำไร จากการทำการค้า ก็จะถูกหักภาษีนิติบุคคล 30% ฉะนั้น เหลือ กำไรหลังหักภาษี 70% ที่บริษัท จะนำมาจ่ายเป็นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้น เครดิตภาษีที่รัฐจะคืนให้ คือ 3/7 ของเงินปันผลที่เราได้รับ (หรือประมาณ 42.9%) และภาษี ที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% (รวมเป็น 52.9% ของเงินปันผล) นำมารวมเป็นรายได้ของบุคคลธรรมดา จากนั้นจึงคิดคำนวณภาษีรายได้บุคคลธรรมดา จากยอดเงินปันผล รวมกับ เครดิตภาษีที่ได้รับคืนมา
ดังนั้นนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่เสียภาษีบุคคลธรรมดา ด้วยอัตราสูงสุดในระดับ 10% หรือ 20% ก็จะได้ประโยชน์มากในกรณีนี้ ผมคิดว่า มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ คงจะได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีคืน ในกรณี รับปันผล นี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่แท้จริง ที่เราได้รับนั้น สูงไปกว่า ที่บริษัท ประกาศจ่ายปันผลจริง
( ขอขอบคุณ คุณ เฟยหง ที่เขียนอธิบาย ให้ความรู้แก่ ผม ไว้ใน หนังสือ ลงทุนใน หุ้นเงา ถ้าเป็นไปได้ ถ้าคุณ เฟยหง ได้ผ่านเข้ามาเห็นข้อเขียนนี้ ผมอยากทราบ ชื่อ และ นามสกุล จริงๆ ของคุณ เฟยหง เพื่อผม จะได้ คบเป็น เพื่อนด้วยความจริงใจ อีกคน และลุงขวด ด้วยนะครับ ยังไม่ได้บอกผมเลย )
ก็เลยอยากเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะมีประโยชน์ ต่อเพื่อนๆ คนใดคนหนึ่งบ้าง นะครับ
รัก เพื่อนๆ ทุกคน
จดหมายจาก ลุงขวด 8/12/45
ลุงขวด เขียน:บังเอิญ เปิดเจอกระทู้ ภาค 4 เสนอข้อเขียนอันมีประโยชน์มาก.....หนังสือทั้ง 4 เล่ม ผมมีไว้ 3 เล่ม ขาด เศรษฐีตัวจริง ยังไม่มีครับ......ส่วน วาทะของ Warren Buffett ยังอ่านไม่จบ เลือกอ่านบางตอนไปบ้างแล้ว.........ผมเข้าใจเลือกหุ้นก็ จาก ตีแตกของ ดร นิเวศน์เหมือนกัน......และเคยฟัง ท่านพูดหลายงาน ตรงใจกับผมมาก ที่ไม่ถูกใจก็คือ.....ซื้อไว้แล้วไม่ยอมขาย รอและยินดีกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ทุกปี.......ระดับเลขลงทุน 9 หลัก และ บอกว่า จะทำให้ถึง 10 หลัก เอาพันล้านให้ได้.......ผมว่า ท่านคง ทำได้ ระดับ ได้เรียน ดร. ปริญญาเอกเมืองนอก แสดงว่า มีฐานะดี เป็นฐานอยู่แล้ว
คุณ ครรชิต กับผม คง คล้าย ๆ กัน ดิ้นรน ด้วยตัวเอง....ผมเลือกเรียนพาณิชย์เพราะต้องการรีบทำงานหาเงิน....จึงรู้คุณค่าของเงิน ว่า เป็นสิ่งสำคัญ....
ผมก็ใช้ชีวิตแบบ คุณ นั่นแหละ ค่อนข้างตระหนี่ ไม่มีเครื่องประดับสวย ๆ แพง ที่แพงสุดในตัว ก็ นาฬิกา rolex แบบสายเงินและทองตรงกลาง ที่ส่วนใหญ่เขาใช้กัน ราคาซื้อมา แปดหมื่นบาทเองครับ รถก็ซื้อแบบช่วยญาติซื้อ เพราะเขามี showroom ขายรถอยู่.....ไม่ใช่รถ benz นะครับ.......รถคันก่อน ใช้ 14 ปีได้ เป็น เปอร์โย 505 ที่ซื้อรถตัวถังใหญ่หน่อย เพราะ ต้องรับรองฝรั่งที่มาติดต่อเรา......แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ค่อยได้ใช้รถเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนนี้ เพราะชอบนั่งรถไฟฟ้า bts มากที่สุด.........คนบ้าหุ้น ไม่ค่อยมีเงินสดเหลือ และ มักตระหนี่ แบบ เขาพูดและเขียนกันจริง ๆ
คุณครรชิต เริ่มต้นแบบ นักลงทุนจริง ๆ นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว แต่ถ้าใคร เรียนรู้และเก่งในทางเทคนิค ผมว่า ก็น่าจะเล่นลงทุนสัก 70% และ อีก 30% ก็เล่นเก็งกำไร เพื่อความสนุก ก็น่าจะมีเหตุผลดีนะครับ.......ตอนนี้หุ้นลงทุนบางตัวของผมมีสภาพคล่องดีขึ้น เราก็เอามาขายตอนเขาลากขึ้นมา และ ถ้าลงก็ซื้อกลับ.......อย่างเช่นตอนนี้ ผม มี มาบุญครอง 128000 หุ้น วันก่อนเขาลากขึ้นไป แถว 35.50-36 บาท ผมขายไป 28000 หุ้น ตั้งใจเก็บตัวนี้ไว้แสนหุ้นก็พอ ไม่ขายอีกและไม่ซื้ออีกถ้าจะขึ้นไป......ตอนนี้ลงมา 35 ผมก็ทะยอยซื้อคืน ที่ 35 และ 34.75 ได้คืนมา 4000 หุ้นแล้ว......แต่ถ้าตัวนี้จะขึ้นไป ผมก็ไม่ตาม เพราะตั้งใจถือจำนวนเท่านั้น....แต่ถ้าลงก็ซื้อคืนเพื่อความสนุกเท่านั้นเอง......ตอนนี้ยอดลงทุนผมอยู่ 8 หลัก อีก 4 ปีคงได้ถึง 9 หลัก........เห็นว่า หุ้น น่าจะไปได้ถึง ปี 2004 หลังจากนั้น ถ้าดอกเบี้ยขึ้นก็คงต้องถ่ายไปเป็นฝากบ้าง........แนวทางเศรษฐกิจที่กดดอกเบี้ยให้ต่ำ ผมว่าเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว เพราะ มันจะเกิดการหมุนเวียน เอาเงินมาลงทุนหรือซื้อทรัพย์สิน ที่ดินบ้าน หุ้น......สร้างการบริโภคในประเทศ......เราจะได้มีงานทำ เศรษฐกิจเดินได้.......ผมว่า ดอกเบี้ยคงต่ำอีกหลายปี..........ตอนดอกเบี้ย 15-16% ผมยังนึกเลยว่าคนเราไม่ต้องทำงานกันแล้ว ฝากเงินเอาดอกเบี้ยกันหมด
เรื่องเคลมภาษีเงินปันผล ผมว่าต้องศึกษา เพราะเป็นสิทธิของเราที่จะเอาคืน ผมพึ่งเข้าใจและเคลมภาษีคืนเมื่อ 4 ปีหลังนี้เอง มีปีหนึ่งผมคำนวณผิดไป (น้อยไป) ทางสรรพากรก็แก้ไขให้ ให้เพิ่มมาอีก และมีอีกปี ผมเอาปันผลของ ifct ไปลง ปรากฎว่าเคลมไม่ได้ เขาหักออก ต้องสังเกตุดี ๆ ด้วย ว่า ภาษีนั้นจะเคลมได้ไหม.......ปีนี้แปลก egcomp ว่า ภาษีที่หักปี 45 นี้ เคลมภาษีไม่ได้.....แต่ปีก่อน ๆ ผมดูแล้ว ก็เคลมได้....ยัง งง อยู่ ว่าทำไมปีนี้เขาไม่ให้ไปเคลมภาษี
ใจจริง อยากให้ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ แต่ยังไม่อยากจะบอกชื่อจริง นะครับ ต้องขอโทษ ด้วย ผมพบกับอาจารย์ในงานสัมมนา ปลายเดือนที่แล้ว ผมยังเสียมารยาทเลยครับ ไม่ได้ให้นามบัตรอาจารย์ณัฐวุฒิ.....ต้องขอโทษ อาจารย์ณัฐวุฒิเรื่องนี้ด้วย
เงินกำไรจากหุ้น แล้วเอามาลงทุนในหุ้นต่อ นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดีที่สุด บางคนเล่นหุ้น ได้เงินจากหุ้น ก็ไป ซื้อ รถ ซื้อบ้าน ใช้จ่ายอย่างพุ่มเฟือย.....เพราะมันได้มา ง่าย ตอนตลาดขาขึ้นนะครับ ......โบรคต่าง ๆ ก็ให้ของขวัญกันเรื่อย ให้ สร้อยทอง เลี้ยงโต๊ะจีน ไม่รู้จักประหยัดกัน มันก็เลยเป็นแบบนี้แหละครับ.....บางคนเป็นหนี้เป็นสิน สมบัติที่หามาได้ก็หมดตัวไปเลย.....ถ้ารู้จักลงทุนในสิ่งที่จำเป็นก็ไม่เป็นไร นี่ มีรถ คันหนึ่งไม่พอ ต้องเอาอีกคัน มีบ้านหลังหนึ่งไม่พอ ต้องเอาบ้านตากอากาศด้วย......ผมว่าคิดผิดนะ โดยเฉพาะบ้านตากอากาศ หรือ ห้องชุดชายทะเล มันเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ สู้ไปเสียค่าห้องโรงแรมยังคุ้มกว่า เป็น ไหน ๆ.......
ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือของคุณเฟยหงเลยครับ เห็นเขาเคยจัดสัมมนา คนเล่นหุ้น......ลองถามในพันทิพย์ดู ก็คงทราบมังครับ
เช่นกัน รัก และหวังดี กับนักลงทุนทุกท่าน
จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล เขียน:สวัสดีครับพี่ครรชิต วันนี้พักผ่อนขอปิดสมองเรื่องหุ้นซักวันครับ
ผมแอบไปเห็นโฉมหน้าพี่มาแล้วล่ะ ที่เวบของรุ่นวศ.56 เพิ่งจะรู้ว่านอกจาก ดร.นิเวศน์ ยังมี ดร.ยรรยง เต็งอำนวย คนเก่งตัวจริงในวงการอินเตอร์เน็ตอีกท่าน (ผู้อ่านท่านอื่น..ไม่ใช่หมอฟันยรรยงนะครับ) ผมไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวนะครับ แต่สมัยเรียนก็ได้ยินชื่อเสียงเป็นระยะๆ
..ลืมบอกไปอย่าง ผมจบตรีที่เกษตรฯนะครับ แล้วมาต่อที่จุฬา ยังพอเรียกว่าเป็นชาวปราสาทแดงได้หรือเปล่าครับ
วันนี้ไปเดินที่ถนนสีลมมาครับ เห็นเด็กนักเรียน ACC แต่งชุดนักเรียนมาขายขนมเค้ก หน้าตึก CPF เห็นแล้วดีใจ โรงเรียนนี้สอนให้เด็กรู้จักทำมาหากินจริงๆ เคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูก เค้าว่าโรงเรียนสอนให้นักเรียนเป็นลูกจ้าง คงจะใช้ไม่ได้กับ ACC ซะแล้ว เห็นน้องๆเค้าขายของขยันขันแข็งดูน่ารักกว่าน้องๆที่เดินช้อปปิ้งเป็นกอง คือน่ารักในกริยานะครับไม่ใช่หน้าตา ^_^
เดินไปเห็น คุกกี้เตยหอมก็อร่อยครับ แต่ผมชอบเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับชาเขียว อร่อยกว่า UFM กับ S&P อีกครับ ถ้าเข้าตลาด MAI ผมจะจองคนแรก แต่ตอนนี้เห็นเพรซิเดนท์เบเกอรี่จะเข้าตลาด เก็บเงินรอจองอยู่ครับ...อ้าวจบเรื่องหุ้นจนได้
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ลุงขวด เขียน:คุณพี่ ลุงขวดครับ ผมชนะ ความขี้เหนียว พี่แล้ว หนึ่ง อย่าง คือ ผมไม่ ใส่เครื่อง ประดับ ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ ว่า สร้อย แหวน นาฬิกา ไม่ชอบ มันเกะกะ รำคาญตัว ยกเว้น แวนตา ถ้าไม่ใส่ ทำงานไม่ได้ เรื่องเวลา ก็ไม่ค่อยได้ดู บ่อยนัก ด้วยความขี้เหนียว ผมเลยขอดู จากคนอื่น อย่างตอนสมัย หนุ่ม ๆ ยังไม่มีเมีย อยากดูเวลา ก็ ดูว่ามีสาวๆ สวยๆ อยู่ใกล้ๆ แล้วก็ เรียบๆ เคียงๆ เข้าไปถ้า "น้องๆ เวลาอะไร แล้วครับ" สาวหันมามองหน้า สงสัยคงนึกในใจว่า "คนอะไร จน จนนาฬิกาก็ไม่มีใส่" แล้วก็บอกเวลาให้ผม ผมยังใช้วิธีนี้อยู่ แต่ตอนนี้แก่แล้ว ถามใครก็ได้ ไม่ต้องเลือกแล้ว ว่าจะต้องเป็น สาวๆ เพื่อนๆ จะเอาวิธีผมไปใช้บ้างก็ได้ ไม่สงวนสิทธิ์ ครับ ยิ่งแก่เข้า ไปไหน มาไหน คอกลมแขนสั้น กางเกงขาสั้น ลองเท้าแตะ ก็ไป ได้แล้ว ทั่วเมือง สบายตัวดี
เรื่อง ขาย บ้าง เมื่อ หุ้น ถูกปั่นราคา ขึ้นไปสูงกว่าที่ มัน ควรจะเป็น เช่น PPPC มันปันผล กลางปี 2 บาท ปลายปี 4 บาท รวมเป็น 6 บาท ราคาที่ 60 บาท พอมีเหตุผล ดันปั่นขึ้นไปถึง 75 บาท ผมก็ มีขายบ้าง เหมือนกัน แต่ตอนนี้ซื้อคืนกลับมา เท่าจำนวนเดิมแล้ว ครับ ยังเป็น Chairsholer อยู่
เรื่องเคลม ภาษี ไม่ได้ เพราะมี BOI ได้รับการส่งเสริม รัฐไม่ได้เก็บภาษีมาตั้งแต่ต้นแล้วหรือเปล่า ครับ
น้อง ธิติพล ถึงเข้า ตอนเรียน ตรี หรือ เรียนโท ก็เราชาวปราสาทแดง เหมือนกัน ผมไม่ยอมนะ มาแอบดูผมตอนผมไม่ได้ระวังตัว ต้องแจ้งความ ให้ตำรวจจับ
แล้ว น้อง ธิติพล ไปได้ ที่อยู่ Web-site มาจากไหน ครับ
ACC นี้ ผมรู้สึกว่า เขาสอนเด็กวิธี นี้มานานแล้วนะ ต้องถาม ลุงขวด วันก่อน ลุงขวด บอกว่า จบ อัสสัมชัญพาณิชย์ ใช่ไหมครับ ลุง
ผมลืม บอก น้อง ธิติพล ไป ยังมีคนดังในวงการเงิน รุ่นผมอีกคนหนึ่ง รศ.ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เจ้าของรายการ MONEY TALK รายนี้ ก็เป็น Value Investor พันธุ์แท้เหมือน ดร. นิเวศน์ ขนาด พอร์ตลงทุน และตัวที่ถือ ใกล้เคียง กัน
จดหมายจาก ลูก หลานผู้ด้อยปัญญา 8/12/45
ลูก หลานผู้ด้อยปัญญา เขียน:เรียน คุณ ครรชิต และลุงขวด ครับ ผมเป็นรุ่นลูกครับ พึ่ง 30 ปี จบ วศบ. จาก มข. ทำงานมาแล้ว 6 ปีครับ อยู่บ เอกชน ตอนนี้พอมีเงินเก็บบ้างก็เปิดพอร์ต ลงทุนครับ มาได้อ่านบทความ คุณพ่อครรชิต กับ คุณลุงขวด เสวนากันก็ทำให้ ลูกตั้งคำถามกับตัวเองว่า
1. ถ้าลูกทุน หุ้นพื้นฐานดี รอปันผล เราต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ตอนนี้เราก็มีแค่นี้เอง(นิดเดียว เงินสะสมของมนุษย์ เงินเดือน)
2. เก็งกำไร โดยดูทางเทคนิค หากขาดทุนก็ถือว่าซื้อเวลา แต่ถ้ามีกำไร (เช่นถือ VNG ตอน 7 บาทกว่า ตอนนี้ 12 บาทกว่า) ก็ถือว่าได้คืนในส่วนที่เคยเสียไปแถมมีกำไร
3. ในหนังสือ พ่อรวยสอนลูกลงทุนได้บอกไว้ว่า การอดออมเป็นการลงทุนที่ต้องใช้เวลาเหมือนซื้อหุ่นรอปันผล (ผมคิดเอง) แต่บางทีเราต้องซื้อเวลา(เก็งกำไรขาดทุน)เพื่อการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเร็วขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง
ลูกยัง มาคิดอยู่ว่าเรามันไม่มีเป็นหลักล้าน เราเล็กอยู่จะไปลงทุนรอปันผลคงใช้เวลามาก
คุณพ่อกับคุณลงช่วย Comment ผมทีครับ
ลูก หลาน ผู้ด้อยปัญญา
จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล เขียน:สวัสดีครับลุงขวดและพี่ครรชิต
เห็นพอร์ตของพี่ๆ แล้วบอกตรงๆว่าทะเยอทะยานครับ ผมยังทำงานกินเงินเดือนน้อย ก็ค่อยๆ เก็บหุ้นแทนฝากธนาคารเท่านั้น หว้งว่าทั้งการสะสมการลงทุนในหุ้น วันหนึ่งจะไล่พอร์ตของพี่ๆทันสักวันหนึ่ง
ผมขอเก็บตำรา "ขอคุยกับลุงขวด" ทุกเล่มไว้นำทางเป็นเครื่องนำทางนะครับ ผมคิดว่าผมเป็นคนเก็บออมนะครับ มีสองสิ่งที่กล้าใช้คิดว่าคุ้มเสมอ คือเรื่องสุขภาพกับการศึกษา(ในและนอกระบบ)ครับ เพราะคิดว่าทั้งสองเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับตัวเรามากที่สุด
ตั้งแต่ได้ทั้งสองท่านเป็นครูที่มีจิตวิญญาณของนักลงทุน เข้าใจดีกว่าอ่านเองอีกมากครับ หวังว่าจะได้พบกับพี่ๆสักครั้งครับ ขอขอบคุณจากใจจริงครับ
พี่ครรชิตครับ ผมค้น website จาก
www.google.com ครับ กรอก keywords ลงไปนิดหน่อยถ้ามีก็ได้เจอครับ แต่ผมไม่เห็นชื่อ รศ.ดร.ไพบูลย์นะครับ
แล้วมีใครพอทราบมั้ยครับว่า หุ้นเบเกอรี่ให้จองเมื่อไหร่ อยากได้หุ้นที่ผมอุดหนุนเค้าเป็นประจำน่ะครับ
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 8/12/45
ครรชิต เขียน:ในความคิดว่า ของผม การลงทุน คือ การประกอบการของบริษัท สินทรัพย์ ของ บริษัท ที่เพิ่มขึ้น ก็มาจาก กำไรในการประกอบการ เมื่อเราลงทุนในบริษัท รายได้ก็ควรจะมาจาก ปันผล ครับ
ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา
แต่ถ้า เราอยากจะได้มากและได้เร็วนั้น เงินที่ได้มา มันเป็นเงิน ที่เราไปหักหลังผู้ถือหุ้นรายอื่นที่หลงเข้ามาซื้อหลังเรา ที่หวังจะรวยเร็วเหมือนกับเรา ด้วยความโลภ และในไม่ช้า คนที่ถูกหลักหลังอาจกลายมาเป็นเรา ถึงเวลานั้นเราถึงจะรู้สึก ว่ามันเจ็บ ในความคิดของผม ถ้า น้อง ต้อง การเร็ว มันก็กลายเป็นเก็งกำไร ในตลาดหุ้น มันไม่ใช่ ลงทุนในตลาดหุ้น มันเข้าใกล้ การพนัน ซึ่งพี่ ก็เคย ผ่านมาแล้ว เจ็บมาแล้ว เข็ดแล้ว
น้องลอง ลงไปอ่านเรื่อง ที่พี่เขียนมาคุย กับ ลุงขวด มาตั้งแต่ ต้น ที่เขียนคุยกันมา 4 ตอนแล้ว
แล้วจะรู้ว่าทำไมความคิด ของ พี่ จึงเป็นอย่างที่พี่บอกน้อง
และ พี่ขอแนะนำน้อง ให้ไปอ่าน หนังสือ ทั้งสี่เล่ม ที่พี่แนะนำ เศรษฐีตัวจริง โดย ดร. โทมัส เจ สแตนลีย์ แปลโดย คุณ ศิระ โอภาสพงษ์ จบ แล้วตามด้วย วาทะของ วอร์เรน บัฟเฟทท์ โดย คุณ เจเน็ต โลว์ แปลโดย ศ.ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แล้วก็ หนังสือ ตีแตก ที่ ดร. นิเวศน์ เขียน ตบท้ายด้วย เซียนหุ้นพันธุ์แท้ ของ ดร. นิเวศน์ ให้จบแล้วพิจารณาด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยความโลภ แล้วน้อง น่าจะเข้าใจ และ ใจเย็นๆ
รัก และ หวังดี
จดหมายจาก LOSO 8/12/45
LOSO เขียน:ได้ติดตามอ่านมาหลายกระทู้แล้ว
ตั้งแต่EPISODE1-4
ประสบการณ์ที่นํามาถ่ายทอดนี่สุดยอดเลยครับ
ผมคิดว่าสไตล์การลงทุนแบบนี้น่าจะลงหลักปักฐานได้มากขึ้นเรื่อยๆครับ
ผมว่าต่อๆไปหุ้นพื้นฐานดี มีปันผล ที่ตอนนี้สภาพคล่องอาจจะน้อยสักหน่อย ในภายหน้าสภาพคล่องน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคนเปลี่ยนสไตล์การลงทุนมาลงทุนกันแบบนี้มากขึ้น
และต่อไปหุ้นแบบนี้ที่ราคายังundervalueอยู่มากๆ
ผมว่าราคาน่าจะปรับตัวขึ้นจนใกล้ราคาพื้นฐานของมันจริงๆ จากการที่คนลงทุนแบบนี้กันมากขึ้นหรือเปลี่ยนสไตล์การลงทุนมาเป็นแบบนี้กัน
แต่ผมว่าโบรกเกอร์ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการที่คนส่วนใหญ่เล่นหุ้นแบบซื้อซื้อขายขายและเน้นลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงๆ
ผมยังไม่เห็นโบรกไหนออกบทวิเคราะห์ของหุ้นFE
P-FCB OCC MATI TRหรืออื่นๆอีกมากมาย
ถ้าโบรกออกบทวิเคราะห์หุ้นพวกนี้เยอะๆหน่อย
สภาพคล่องจะมา ราคาจะใกล้ความจริงมากขึ้น
เวลาลูกค้าจะสั่งซื้อหุ้นพวกนี้ มาร์ยังถามอีกนะว่า
" เอาแน่หรือพี่ ซื้อยากนา แต่ขายโครตยากเลยพี่ "
ผมว่าหลายคนอาจเคยเจอแบบว่าสั่งซื้อแล้ว
มาร์ไม่รู้จักแถมบอกว่าว่า " มีหุ้นตัวนี้ด้วยหรือพี่ "
ก่อนจบขอแซวลุงขวดหน่อยแล้วกัน
ด้วยความอิจฉาน่ะครับ
เห็นว่าพอร์ตเลข8หลักแล้วหรือครับ
สงสัยว่าจะเป็นแบบนี้หรือปล่าว
99,xxx,xxx บาท
ขอให้ไป9หลักไวไวนะครับ
จดหมายจาก ธิติพล 8/12/45
ธิติพล เขียน:ลุงขวดและพี่ครรชิตครับ ได้โปรดรับการคารวะด้วยครับ
คารวะอาจารย์สอนชีวิต
-----------------------
สอนตำรา หาใช่ ใส่ใจศิษย์
สอนชีวิต เหนือตำรา เล่มหนาไหน
สอนศิษย์ศักย์ ศึกษา อาจารย์ได้
สอนสิ้นสาย ถ่ายทอดสิ้น วิญญาณครู
จดหมายจาก Interruption 8/12/45
Interruption เขียน:shareholder not chair
จดหมายจาก ปรัชญา 8/12/45
ครรชิต เขียน:พี่ครรชิต-ลุงขวด
อ่านกระทู้นี้แล้วประทับใจมากครับ
ดีใจที่พี่ครรชิต ถือFE ตั้งแต่150รับปันผล15บาท
ต้นทุนเหลือ135บาทเลขสวยจริง ส่วนผมซื้อเติมเข้าไปเรื่อยๆต้นทุนผมสูงกว่า6บาท แต่ถือหุ้นไว้6หมื่นกว่าหุ้น เพราะบังเอิญกองทุนทิสโก้โยนใส่เลยรับมาเต็มๆ
พักบัญชีรับเงินปันผลปีก่อน กองทุนทิสโก้ถือ1แสน6หมื่นกว่าหุ้น พักบัญชีปีหน้าเดือนเมษารับรองเหลือไม่ถึงแสนแหงๆหากไม่มาลากเอาของกับ รับรองผมไม่ขายสักหุ้นเดียว แต่ลงก็จะรับอีก 15บาทเห็นๆไม่ไกลยิ่งเฟลไลน์ถ่ายโฆษณามิสทีน
ฟาร์อีสโฆษณาคาราบาวแดง ผมเหล่ปันผล6หลักแล้วครับ
อย่าว่าผมเว่อร์นะครับไว้คอยดูพักสมุดโอนหุ้นปันผลแล้วถ้าไม่มีอย่างว่านี้ด่าผมได้เต็มที่เลยครับ)
อ่านแล้วได้ความรู้จากพี่ครรชิต-ลุงขวด-คุณธิติพล
เปิดตาให้ได้เห็นภาพกว้าง แลรอบรู้เพิ่มขึ้นฉลาดขึ้นเยอะครับ
แต่ยังทำแบบพี่ครรชิตได้ไม่หมด
ความโลภ ยังมีบางวันยังเล่นเน็ต บางตัวยังเล่นสั้นเล่นยาว บางครั้งก็เป็นนักลงทุน1นาที ยังทำใจไม่ได้ครับ
พอตร์ผมก็คล้ายลุงขวดครับ หุ้นปันผล70%
หุ้นเน็ต15-20% อีก10%ไว้รับหุ้นที่ตกแรงไว้เผื่อเด้ง
หรือเผื่อที่ตั้งยันไว้เขาแกล้งโยนใส่ตอนปลายตลาด
อย่างไรพี่ครรชิต อย่าลืมต่อ EPISODE5นะครับจะได้ตามไปอ่านอีก
โชคดี มีความสุข สำหรับคนล่าฝันทุกคนครับ
จดหมายจาก aric 9/12/45
aric เขียน:สาระเยี่ยมครับ...
แต่กระผมจะขอฝากหนังสืออีกหัวหนึ่งครับ
พ่อรวยสอนลูก เล่ม 1 2 และข้ามไปอ่านเล่ม4 เลยครับ
มีข้อคิดที่ดีมากสำหรับ นักลงทุนครับ
ขอบคุณครับ [/b]
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล
จดหมายจาก ศริชน 9/12/45
จดหมายจาก พี่เอง 9/12/45
จดหมายจาก fat boy 10/12/45
จดหมายจาก Golded Stock 10/12/45
จดหมายจาก ธิติพล 10/12/45
จดหมายจาก ปรัชญา 10/12/45
จดหมายจาก ลุงขวด 10/12/45
จดหมายจาก ออม 9/12/45
จดหมายจาก ธิติพล 9/12/45
จดหมายจาก ครรชิต ไพศาล 9/12/45
จดหมายจาก ปีเตอร์ ชาง 10/12/45
จดหมายจาก ลุงขวด 10/12/45
จดหมายจาก ออม
จดหมายจาก Golden Stock 10/12/45
จดหมายจาก ลุงขวด
จดหมายจาก ปรัชญา 10/12/45