มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 1
อะ อะ จั่วหัวกระทู้นี้ ไม่ได้เอี่ยวกับพี่ถาปนิกต่างดาวนา
เอ..แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่คลบ้ายๆกันอยู่บ้าง
ถ้าพี่ถาปนิกอ่านเข้า ช่วยแชร์ความคิดเห็นด้วยบ้างก็ขอขอบคุณ
:lol:
ร้อนทั้งอากาศและบ้านเมือง
เลยอยู่บ้านเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ได้มาไม่กี่เพลาว่าจะพลิกอ่านเล่นๆ
ไหงอ่านไปอ่านมาหัวเราะไม่มีกั๊กได้อย่างไรไม่ทราบ
ชื่อหนังสือนั้นคือ มนุษย์ต่างดาว ถวัลย์ ดัชนี
สารคดีประวัติชีวิตและผลงานของนักจิตรกรรมสากล
เป็นอัตชีวประวัติจากการสัมภาษณ์ เรียบเรียง โดย ไมตรี ลิมปิชาติ
นักเขียนแนวหัสนิยายที่พวกเรารู้จักกันดี
ยอมรับเลยว่า อ่านหนังสือแนวชีวประวัติของบุคคลมามากมาย
ไม่มีครั้งไหนที่จะหัวเราะก๊ากๆ(อยู่คนเดียว)เท่าเล่มนี้
กูรูไม่ขอเล่าเรื่องราวความอัศจรรย์ของตัวจิตรกรนามกระเดื่อง
ผู้แวดล้อมด้วยเขาหัว เขาควาย กะโหลกสัตว์นานาชนิด
เพราะทุกคนคงรู้จักฝีไม้ลายมือเป็นอย่างดี
แต่ชีวประวัติที่ออกมาจากปากคำแต่ละคำซิ รับรองหาอ่านที่ไหนไม่ค่อยได้
ปกติศิลปินทั่วไปที่รู้จักจะไม่พูดจำนรรจากับมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ
แล้วนี่เป็นถึงมนุษย์ต่างดาว จะสื่อสารกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย
เพื่อนๆลองไปหาอ่านดูก็ได้ ถ้าไม่ก๊ากในความเวอร์ของท่านถวัลย์
กูรูเลี้ยงชาเย็นเอิร์ลเกรย์แก้วหนึ่ง เติมได้ไม่อั้น
เอามาเริ่มต้นที่นามสกุลของท่านก่อน
น. 54 นามสกุลของถวัลย์ว่า ดัชนี
เคยมีคนถามถึงที่มาของนามสกุล ถวัลย์อธิบายว่า
ต้นตระกูลของผมเคยเป็นพรานป่ามีอาชีพดักชะนีมาก่อน
จึงมีนามสกุลว่า ดัชนี
ใครฟังเรื่องนี้จากปากของถวัลย์จะต้องอมยิ้มหรือหัวเราะกันทุกคน
เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง
เมื่อถูกถามเรื่องความร่ำรวย มั่งคั่งของท่าน
เป็นธรรมดาของคนที่ชอบผูกมิตรกับคนรวย
น. 55 มีคนเคยถามผมว่าตอนนี้มีเงินเก็บมากน้อยแค่ไหน
ผมบอกไปว่า ถ้าผมเอาเงินมากองทับๆกัน
ก็ไม่รู้ว่า ภูเขาทองกับเงินของผมอะไรจะสูงกว่ากัน
คือเรื่องพวกนี้มันเป็นเดรัจฉานกิจกรรม ไม่ต้องมาถาม
สิ่งที่ต้องถามก็คือ ช่างวาดรูปคนนี้มันได้นำสารเลวอะไรของมันไปสู่ผู้คน
เพราะสิ่งที่เป็นสาระจริงๆคือรูป รูปคือภาษาสากล
ถวัลย์จะใช้คำว่า เลว เมื่อต้องการหมายความว่า ดี
แต่ใช่ว่าศิลปินต่างดาวคนนี้
จะเริ่มต้นตะวัดแปรงแล้วประสบความสำเร็จเลยทันที
ถวัลย์ยอมรับว่า ในช่วงต้นของการเล่าเรียนที่เพาะช่าง
เขาเป็นเพียงนักลอกรูปที่สวยงามเท่านั้น ไม่มีอารมณ์หรือวิญญาณ
วาดภาพเสือวิ่งก็เป็นแค่เสือนิ่งไม่เผ่นกระโจนออกมา
กระทิงขวิดก็แค่กระทิงเปลี่ยว
จนกระทั่งมีโอกาสพาตัวเองเข้าเรียนต่อที่ศิลปากร
เจอมนุษย์ต่างดาวรุ่นพี่ๆทั้งหลายทำให้เขาหันมามองตัวเอง
น. 46 วันหนึ่งอาจารย์ฝรั่งพาคณะจิตรกรรมไปเที่ยวเพชรบุรี
รุ่นพี่อย่างอังคาร (อังคาร กัลยาณพงศ์) พี่กูฎ ( ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ)
พี่อะไรต่ออะไรก็ไปกันหมด..อาจารย์เห็นภูเขา
ก็ถามผมเปรยๆว่าภูเขาคืออะไร
ผมบอก อาจารย์ครับ ภูเขาคือกิริยาของภูแผ่นดินหรือหินที่มันยื่นเขาไปในอากาศ
ถ้าทางเหนือเขาเรียกว่าดอย ภาคอีสานเรียกว่าภู ภาคกลางเรียกภูเขา
ภาคใต้เรียกควน อาจารย์ตบหัวผมแล้วก็ยิ้ม
แล้วหันไปถามพี่อังคาร นาย ภูเขาคืออะไร
พี่อังคารบอก ภูเขาคือหนังกำพร้าของดวงดาวครับ
อาจารย์หันไปถามพี่กูฎ พี่กูฎบอก ภูเขาคือกิริยาทอดอาลัยของดิน
ซึ่งกำลังกระเย้อกระแหย่งไปติดต่อกับสวรรค์...
ผมรู้สึกได้ทันทีว่า ผมโคตรเชย โง่ โบราณ บัดซบ ห่วย
คือพูดเป็นแต่ภาษากาก รุ่นพี่ๆเขาเข้าใจภูเขา..
ถวัลย์มักจะคุยโตโอ้อวด แต่วิธีการคุยของเขาทำให้คนฟังรู้สึกก๊าก ก๊าก
อย่างช่วยไม่ได้ ภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม เอาจริงเอาจัง ของเขา
น. 59 ผมคุยเรื่องตลกไม่เป็น คุยเป็นแต่เรื่องจริงจัง
ผมเป็นคนที่จริงจังและซีเรียส ซีเครียดเป็นอย่างยิ่ง
หนักแน่น รูปเขียนของผมก็เขียนแต่เรื่องหนักๆ เช่น ก้อนหินมั่ง
ภูเขามั่ง เพราะฉะนั้นจะคุยเรื่องเบาๆไม่ได้ ผมเป็นศิลปินใหญ่แล้ว
ผมมีลักษณะของศิลปินใหญ่ คือศิลปินใหญ่ต้องมีลักษณะ 3 ประการ
หนึ่ง หัวหงอก หรือหัวล้าน เพราะดูแล้วแก่และภูมิฐาน
สอง ต้องเป็นริดสีดวง เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกว่ามีอาการหลุกหลิก
ห่วงใยมนุษยชาติอยู่เสมอ
สาม จะต้องอ้วน ตัวใหญ่ ผ่านโลกผ่านอะไร มีทรัพย์สมบัติบ้าที่จะกิน
ด้วยความสามารถอัจฉริยะของถวัลย์ ดัชนี
นอกเหนือจากรางวัลเกียรติยศสารพัดและเงินทองอีกมากมาย
ถวัลย์ยังได้รับรางวัลศิลปวัฒนธรรมแห่งเอเชียฟูกูโอกะ
พร้อมเงินคิดเป็นเงินไทยถึง 1 ล้าน 5 หมื่นบาท
ครั้งหนึ่ง ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ได้เชิญเขาออกรายการสัมภาษณ์
ถามว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปทำอะไร
มาดูฝีปากของเขาที่เวอร์จนน่า......
น. 57 ถวัลย์ตอบว่า จะนำเงินไปซื้อนกเขาที่ขันเสียงดีที่สุด
คนฟังทุกคนจะต้องเข้าใจว่า ถวัลย์ซื้อนกเขามาเลี้ยงเพื่อเสียงขันอันไพเราะ
ซึ่งถ้าเป็นนกตัวที่ขันดีที่สุดมีราคาตัวละหลายแสนบาท
ตัวละราคาเป็นล้านบาทก็มี
โดยเฉพาะนกเขาที่ชนะเลิศได้เป็นแชมป์โลกที่มีประกวดกันที่จังหวัดยะลา
ทว่าคำตอบที่ถวัลย์พูดเสียงดังฟังชัดก็คือ
จะซื้อนกเขาที่ว่ามาปิ้งกิน เพราะอดหยากปากแห้งมานานแล้ว
ถวัลย์ ดัชนี มีค่าตัวเท่าไหร่ หลายคนคงอยากรู้
ค่าตัวหรือที่เพื่อนๆคนอื่นเรียกว่า ค่ากระซวกแปรง ของถวัลย์
จะกี่ล้าน สิบล้านหรือร้อยล้าน
เจ้าตัว ไม่ค่อยใส่ใจเพราะรู้ดีว่า
มีเงินมากมายล่องลอยอยู่กลางอากาศ ทุกวินาที
เพียงรอฝีแปรงกระซวกของตัวเองอยู่
เขาใช้สมาธิ พลัง กระซวกๆไม่กี่อึดใจ
ก็เรียบร้อยออกมาเป็นรูปสำเร็จพร้อมจำหน่าย
ถวัลย์ไม่เคยเรียกร้องว่าต้องเป็นเท่าไหร่
ต้องคนตาถึงจริงๆถึงจะประเมินคุณค่าของภาพกระซวกของเขา
บางคนถึงกับให้เช็คเปล่าๆ มาให้เติมเงินเองก็มี
บางคนคุยกันถูกคอ ถวัลย์ยกภาพให้เปล่าๆเลยก็หลายคนอยู่
ครั้งหนึ่ง ถวัลย์ได้คุยกับ กนก อภิรดี
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง DD สายการบินไทย
น. 190 คือผมได้ยินเขาว่า คุณกนก อภิรดี
เป็นคนที่ทำเงินเดือนเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย
เงินเดือนประมาณ 800,000 บาทอะไรแบบนี้ พอดีได้กินข้าวด้วยกัน
ผมก็ถามว่า คุณกนก จริงเหรอที่เขาว่าคุณเงินเดือนตั้ง 800,000
ซึ่งก็เป็นเงินเยอะนะ
ผมก็เลยบอกว่า กว่าผมจะทำเงินได้ตั้ง 800,000
ผมเสียเวลาไปตั้งชั่วโมงแล้วนะ กว่าจะได้เงินขนาดนั้น
ซึ่งคนก็หุยฮากันใหญ่ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
เรื่องสุดท้าย เมื่อคุยถึงเรื่องหนวดเครายาวรุงรังที่ยังไม่มีแววว่าจะตัดทิ้ง
น. 184 "ปีที่แล้วไปเวียดนาม เป็นเดือนกุมภา ผมก็กำลังจะไปกินก๋วยเตี๋ยว
ก็มีเด็กเวียดนามเขาบอกผมว่า ยูไม่รู้สึกว่ามาช้าไปหรือ
ผมก็บอกช้าอะไรนี่ ยังไม่เที่ยงเลย เขาบอกไม่ใช่
ยูควรจะมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกาหรือธันวา
แล้วนี่มันกุมภาแล้วยูมาทำไม
ผมถึงรู้ว่า อ๋อ เขานึกว่าผมเป็นซานตาครอส
เขาเลยถามว่าแล้วเสื้อแดงอยู่ไหน แล้วของขวัญล่ะ
ผมบอกอยู่ในรถหมดเลย โอ้โห เก๋มาก
ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยยังไม่ตัด เผื่อว่าปีหน้าจะได้ไปแจกของเด็ก ไปหาลำไพ่"
มีอีกหลายเรื่องราวของศิลปินท่านนี้
ที่รอให้เพื่อนๆส่งภาษากิ๊วก๊าวทักทาย
ลองหาอ่านกันเอาเอง
แล้วจะรู้สึกว่า เราไม่ต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวก็เข้าใจศิลปินต่างดาวได้
เอ..แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่คลบ้ายๆกันอยู่บ้าง
ถ้าพี่ถาปนิกอ่านเข้า ช่วยแชร์ความคิดเห็นด้วยบ้างก็ขอขอบคุณ
:lol:
ร้อนทั้งอากาศและบ้านเมือง
เลยอยู่บ้านเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ได้มาไม่กี่เพลาว่าจะพลิกอ่านเล่นๆ
ไหงอ่านไปอ่านมาหัวเราะไม่มีกั๊กได้อย่างไรไม่ทราบ
ชื่อหนังสือนั้นคือ มนุษย์ต่างดาว ถวัลย์ ดัชนี
สารคดีประวัติชีวิตและผลงานของนักจิตรกรรมสากล
เป็นอัตชีวประวัติจากการสัมภาษณ์ เรียบเรียง โดย ไมตรี ลิมปิชาติ
นักเขียนแนวหัสนิยายที่พวกเรารู้จักกันดี
ยอมรับเลยว่า อ่านหนังสือแนวชีวประวัติของบุคคลมามากมาย
ไม่มีครั้งไหนที่จะหัวเราะก๊ากๆ(อยู่คนเดียว)เท่าเล่มนี้
กูรูไม่ขอเล่าเรื่องราวความอัศจรรย์ของตัวจิตรกรนามกระเดื่อง
ผู้แวดล้อมด้วยเขาหัว เขาควาย กะโหลกสัตว์นานาชนิด
เพราะทุกคนคงรู้จักฝีไม้ลายมือเป็นอย่างดี
แต่ชีวประวัติที่ออกมาจากปากคำแต่ละคำซิ รับรองหาอ่านที่ไหนไม่ค่อยได้
ปกติศิลปินทั่วไปที่รู้จักจะไม่พูดจำนรรจากับมนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ
แล้วนี่เป็นถึงมนุษย์ต่างดาว จะสื่อสารกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย
เพื่อนๆลองไปหาอ่านดูก็ได้ ถ้าไม่ก๊ากในความเวอร์ของท่านถวัลย์
กูรูเลี้ยงชาเย็นเอิร์ลเกรย์แก้วหนึ่ง เติมได้ไม่อั้น
เอามาเริ่มต้นที่นามสกุลของท่านก่อน
น. 54 นามสกุลของถวัลย์ว่า ดัชนี
เคยมีคนถามถึงที่มาของนามสกุล ถวัลย์อธิบายว่า
ต้นตระกูลของผมเคยเป็นพรานป่ามีอาชีพดักชะนีมาก่อน
จึงมีนามสกุลว่า ดัชนี
ใครฟังเรื่องนี้จากปากของถวัลย์จะต้องอมยิ้มหรือหัวเราะกันทุกคน
เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง
เมื่อถูกถามเรื่องความร่ำรวย มั่งคั่งของท่าน
เป็นธรรมดาของคนที่ชอบผูกมิตรกับคนรวย
น. 55 มีคนเคยถามผมว่าตอนนี้มีเงินเก็บมากน้อยแค่ไหน
ผมบอกไปว่า ถ้าผมเอาเงินมากองทับๆกัน
ก็ไม่รู้ว่า ภูเขาทองกับเงินของผมอะไรจะสูงกว่ากัน
คือเรื่องพวกนี้มันเป็นเดรัจฉานกิจกรรม ไม่ต้องมาถาม
สิ่งที่ต้องถามก็คือ ช่างวาดรูปคนนี้มันได้นำสารเลวอะไรของมันไปสู่ผู้คน
เพราะสิ่งที่เป็นสาระจริงๆคือรูป รูปคือภาษาสากล
ถวัลย์จะใช้คำว่า เลว เมื่อต้องการหมายความว่า ดี
แต่ใช่ว่าศิลปินต่างดาวคนนี้
จะเริ่มต้นตะวัดแปรงแล้วประสบความสำเร็จเลยทันที
ถวัลย์ยอมรับว่า ในช่วงต้นของการเล่าเรียนที่เพาะช่าง
เขาเป็นเพียงนักลอกรูปที่สวยงามเท่านั้น ไม่มีอารมณ์หรือวิญญาณ
วาดภาพเสือวิ่งก็เป็นแค่เสือนิ่งไม่เผ่นกระโจนออกมา
กระทิงขวิดก็แค่กระทิงเปลี่ยว
จนกระทั่งมีโอกาสพาตัวเองเข้าเรียนต่อที่ศิลปากร
เจอมนุษย์ต่างดาวรุ่นพี่ๆทั้งหลายทำให้เขาหันมามองตัวเอง
น. 46 วันหนึ่งอาจารย์ฝรั่งพาคณะจิตรกรรมไปเที่ยวเพชรบุรี
รุ่นพี่อย่างอังคาร (อังคาร กัลยาณพงศ์) พี่กูฎ ( ไพบูลย์ สุวรรณกูฎ)
พี่อะไรต่ออะไรก็ไปกันหมด..อาจารย์เห็นภูเขา
ก็ถามผมเปรยๆว่าภูเขาคืออะไร
ผมบอก อาจารย์ครับ ภูเขาคือกิริยาของภูแผ่นดินหรือหินที่มันยื่นเขาไปในอากาศ
ถ้าทางเหนือเขาเรียกว่าดอย ภาคอีสานเรียกว่าภู ภาคกลางเรียกภูเขา
ภาคใต้เรียกควน อาจารย์ตบหัวผมแล้วก็ยิ้ม
แล้วหันไปถามพี่อังคาร นาย ภูเขาคืออะไร
พี่อังคารบอก ภูเขาคือหนังกำพร้าของดวงดาวครับ
อาจารย์หันไปถามพี่กูฎ พี่กูฎบอก ภูเขาคือกิริยาทอดอาลัยของดิน
ซึ่งกำลังกระเย้อกระแหย่งไปติดต่อกับสวรรค์...
ผมรู้สึกได้ทันทีว่า ผมโคตรเชย โง่ โบราณ บัดซบ ห่วย
คือพูดเป็นแต่ภาษากาก รุ่นพี่ๆเขาเข้าใจภูเขา..
ถวัลย์มักจะคุยโตโอ้อวด แต่วิธีการคุยของเขาทำให้คนฟังรู้สึกก๊าก ก๊าก
อย่างช่วยไม่ได้ ภายใต้สีหน้าเคร่งขรึม เอาจริงเอาจัง ของเขา
น. 59 ผมคุยเรื่องตลกไม่เป็น คุยเป็นแต่เรื่องจริงจัง
ผมเป็นคนที่จริงจังและซีเรียส ซีเครียดเป็นอย่างยิ่ง
หนักแน่น รูปเขียนของผมก็เขียนแต่เรื่องหนักๆ เช่น ก้อนหินมั่ง
ภูเขามั่ง เพราะฉะนั้นจะคุยเรื่องเบาๆไม่ได้ ผมเป็นศิลปินใหญ่แล้ว
ผมมีลักษณะของศิลปินใหญ่ คือศิลปินใหญ่ต้องมีลักษณะ 3 ประการ
หนึ่ง หัวหงอก หรือหัวล้าน เพราะดูแล้วแก่และภูมิฐาน
สอง ต้องเป็นริดสีดวง เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกว่ามีอาการหลุกหลิก
ห่วงใยมนุษยชาติอยู่เสมอ
สาม จะต้องอ้วน ตัวใหญ่ ผ่านโลกผ่านอะไร มีทรัพย์สมบัติบ้าที่จะกิน
ด้วยความสามารถอัจฉริยะของถวัลย์ ดัชนี
นอกเหนือจากรางวัลเกียรติยศสารพัดและเงินทองอีกมากมาย
ถวัลย์ยังได้รับรางวัลศิลปวัฒนธรรมแห่งเอเชียฟูกูโอกะ
พร้อมเงินคิดเป็นเงินไทยถึง 1 ล้าน 5 หมื่นบาท
ครั้งหนึ่ง ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ได้เชิญเขาออกรายการสัมภาษณ์
ถามว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปทำอะไร
มาดูฝีปากของเขาที่เวอร์จนน่า......
น. 57 ถวัลย์ตอบว่า จะนำเงินไปซื้อนกเขาที่ขันเสียงดีที่สุด
คนฟังทุกคนจะต้องเข้าใจว่า ถวัลย์ซื้อนกเขามาเลี้ยงเพื่อเสียงขันอันไพเราะ
ซึ่งถ้าเป็นนกตัวที่ขันดีที่สุดมีราคาตัวละหลายแสนบาท
ตัวละราคาเป็นล้านบาทก็มี
โดยเฉพาะนกเขาที่ชนะเลิศได้เป็นแชมป์โลกที่มีประกวดกันที่จังหวัดยะลา
ทว่าคำตอบที่ถวัลย์พูดเสียงดังฟังชัดก็คือ
จะซื้อนกเขาที่ว่ามาปิ้งกิน เพราะอดหยากปากแห้งมานานแล้ว
ถวัลย์ ดัชนี มีค่าตัวเท่าไหร่ หลายคนคงอยากรู้
ค่าตัวหรือที่เพื่อนๆคนอื่นเรียกว่า ค่ากระซวกแปรง ของถวัลย์
จะกี่ล้าน สิบล้านหรือร้อยล้าน
เจ้าตัว ไม่ค่อยใส่ใจเพราะรู้ดีว่า
มีเงินมากมายล่องลอยอยู่กลางอากาศ ทุกวินาที
เพียงรอฝีแปรงกระซวกของตัวเองอยู่
เขาใช้สมาธิ พลัง กระซวกๆไม่กี่อึดใจ
ก็เรียบร้อยออกมาเป็นรูปสำเร็จพร้อมจำหน่าย
ถวัลย์ไม่เคยเรียกร้องว่าต้องเป็นเท่าไหร่
ต้องคนตาถึงจริงๆถึงจะประเมินคุณค่าของภาพกระซวกของเขา
บางคนถึงกับให้เช็คเปล่าๆ มาให้เติมเงินเองก็มี
บางคนคุยกันถูกคอ ถวัลย์ยกภาพให้เปล่าๆเลยก็หลายคนอยู่
ครั้งหนึ่ง ถวัลย์ได้คุยกับ กนก อภิรดี
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง DD สายการบินไทย
น. 190 คือผมได้ยินเขาว่า คุณกนก อภิรดี
เป็นคนที่ทำเงินเดือนเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย
เงินเดือนประมาณ 800,000 บาทอะไรแบบนี้ พอดีได้กินข้าวด้วยกัน
ผมก็ถามว่า คุณกนก จริงเหรอที่เขาว่าคุณเงินเดือนตั้ง 800,000
ซึ่งก็เป็นเงินเยอะนะ
ผมก็เลยบอกว่า กว่าผมจะทำเงินได้ตั้ง 800,000
ผมเสียเวลาไปตั้งชั่วโมงแล้วนะ กว่าจะได้เงินขนาดนั้น
ซึ่งคนก็หุยฮากันใหญ่ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
เรื่องสุดท้าย เมื่อคุยถึงเรื่องหนวดเครายาวรุงรังที่ยังไม่มีแววว่าจะตัดทิ้ง
น. 184 "ปีที่แล้วไปเวียดนาม เป็นเดือนกุมภา ผมก็กำลังจะไปกินก๋วยเตี๋ยว
ก็มีเด็กเวียดนามเขาบอกผมว่า ยูไม่รู้สึกว่ามาช้าไปหรือ
ผมก็บอกช้าอะไรนี่ ยังไม่เที่ยงเลย เขาบอกไม่ใช่
ยูควรจะมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกาหรือธันวา
แล้วนี่มันกุมภาแล้วยูมาทำไม
ผมถึงรู้ว่า อ๋อ เขานึกว่าผมเป็นซานตาครอส
เขาเลยถามว่าแล้วเสื้อแดงอยู่ไหน แล้วของขวัญล่ะ
ผมบอกอยู่ในรถหมดเลย โอ้โห เก๋มาก
ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยยังไม่ตัด เผื่อว่าปีหน้าจะได้ไปแจกของเด็ก ไปหาลำไพ่"
มีอีกหลายเรื่องราวของศิลปินท่านนี้
ที่รอให้เพื่อนๆส่งภาษากิ๊วก๊าวทักทาย
ลองหาอ่านกันเอาเอง
แล้วจะรู้สึกว่า เราไม่ต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวก็เข้าใจศิลปินต่างดาวได้
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 2
จะลองหามาอ่านครับ
อย่ายอมแพ้
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 3
มีครั้งนึงลุงแกมาสั่งทำของที่ร้าน
ตอนจะจ่ายเงินแกบอก
ลุงหวัน: นี่ๆลุงขอต่อราคาหน่อยได้มั้ย
ผม: คิดในใจนี่กูคิดราคาแพงไปป่าวว่ะเนี่ยะ
ลุงหวัน: ราคา 5พันใช่มั้ย?
ผม: ใช่ครับลุง ต่อรองได้ครับ.
ลุงหวัน: ลุงขอต่อหมื่นนึงละกัน ช่วยๆกันหน่อย.
ผม: :shock: :shock: :shock: :shock: :shock: ...เฮ้ยวันนี้แกมาไม้ไหนอีกว่ะนี่
รึแกฟังราคาผิดรึป่าว? 5พันครับลุง
ลุงหวัน: น่า...ลุงขอหมื่นนึง (พร้อมเอาเงินหมื่นยัดใส่มือผม)
ผม: ไอ้ผมตอนนั้นก็งงๆ แกจะทำอะไรกัน มามุขไหนนี่!!
ตอนหลังผมถึงมาเข้าใจว่า แกถูกอกถูกใจงานที่สั่งทำ(งานHand made)
จำนวนเงินที่เกินมาก็ถือว่าเป็นทริปให้เด็ก ให้ช่างที่ร้านไป :lol:
__________________________________________
วันนึงผมไปเดินเที่ยวบ้านลุงหวัน
เห็นแกเลี้ยงพวก เหยี่ยว แมวดาว ฯลฯ ที่ออกแนวดุๆเถื่อนๆหน่อย
แซวแกว่า ลุงไม่เลี้ยงเสือ กะ สิงโตด้วยละ
แกบอกถ้าเลี้ยงแล้วตำรวจมันไม่มาจับลุง ลุงเลี้ยงไปนานแล้ววววว
:ohno: :ohno:
____________________________________________
รู้จักแกแบบผ่านๆ มา20ปี มีเรื่องมันส์ๆหลายเรื่องครับ
รวมถึงเรื่องลูกชายแกที่เรียนมาด้วยกัน
ก็เล่าให้ฟังถึงเงินรางวัลที่ได้มาจาก
งานศิลปวัฒนธรรมแห่งเอเชียฟูกูโอกะ
ฟังดูก็บ้าๆขำๆดี(แต่จริงรึป่าวไม่รู้ 55)
ตอนจะจ่ายเงินแกบอก
ลุงหวัน: นี่ๆลุงขอต่อราคาหน่อยได้มั้ย
ผม: คิดในใจนี่กูคิดราคาแพงไปป่าวว่ะเนี่ยะ
ลุงหวัน: ราคา 5พันใช่มั้ย?
ผม: ใช่ครับลุง ต่อรองได้ครับ.
ลุงหวัน: ลุงขอต่อหมื่นนึงละกัน ช่วยๆกันหน่อย.
ผม: :shock: :shock: :shock: :shock: :shock: ...เฮ้ยวันนี้แกมาไม้ไหนอีกว่ะนี่
รึแกฟังราคาผิดรึป่าว? 5พันครับลุง
ลุงหวัน: น่า...ลุงขอหมื่นนึง (พร้อมเอาเงินหมื่นยัดใส่มือผม)
ผม: ไอ้ผมตอนนั้นก็งงๆ แกจะทำอะไรกัน มามุขไหนนี่!!
ตอนหลังผมถึงมาเข้าใจว่า แกถูกอกถูกใจงานที่สั่งทำ(งานHand made)
จำนวนเงินที่เกินมาก็ถือว่าเป็นทริปให้เด็ก ให้ช่างที่ร้านไป :lol:
__________________________________________
วันนึงผมไปเดินเที่ยวบ้านลุงหวัน
เห็นแกเลี้ยงพวก เหยี่ยว แมวดาว ฯลฯ ที่ออกแนวดุๆเถื่อนๆหน่อย
แซวแกว่า ลุงไม่เลี้ยงเสือ กะ สิงโตด้วยละ
แกบอกถ้าเลี้ยงแล้วตำรวจมันไม่มาจับลุง ลุงเลี้ยงไปนานแล้ววววว
:ohno: :ohno:
____________________________________________
รู้จักแกแบบผ่านๆ มา20ปี มีเรื่องมันส์ๆหลายเรื่องครับ
รวมถึงเรื่องลูกชายแกที่เรียนมาด้วยกัน
ก็เล่าให้ฟังถึงเงินรางวัลที่ได้มาจาก
งานศิลปวัฒนธรรมแห่งเอเชียฟูกูโอกะ
ฟังดูก็บ้าๆขำๆดี(แต่จริงรึป่าวไม่รู้ 55)
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 6
ขอใช้สิทธิ์ความเป็นมะนุดต่างดาว
พี่กูรูครับ คำว่า "คลบ้ายๆ" นี่ผมเข้าใจเอาเองพี่คงหมายความว่า...
บ้า คล้ายๆ กัน......ใช่ไหมครับ :lol:
ตอนที่ผมจะสมัครเข้าเว็บไทยวิ
หะแรกคิดว่าจะใช้ชื่อ.....lorlen
ฟังดูเท่ไม่เบา
ในหมู่มวลมะนุด จะมีผู้รู้ผู้เข้าใจจักรวาล อยู่ไม่มาก
บางผู้บางคนเมื่อเข้าถึงอย่างถ่องแท้ ปฏิบัติได้ตามรู้ แล้วนำกลับมาสั่งสอน ก็เป็น...ศาสดา
บางผู้บางคน นำกลับมาเผยแผ่ ก็เป็น.....ศาสตรา
บางผู้สูงสุดก็กลับสู่สามัญ เป็นคนแจวเรือ เป็นเซ็นตลกเที่ยวหยอกล้อกับเด็ก
บางคนก็นำกลับมา.....ล้อเล่น กับโลก
ที่ผมจะใช้ชื่อ lorlen เขียนแบบไทยๆก็ ....ล้อเล่น.....นี่แหละ
ดีนะที่ตัดสินใจไม่ใช้ เพราะขนาดเอาจริง ยังมิค่อยได้เรื่องเลย....ฮ่า
น้าหวัน แกก็เป็นเบอร์หนึ่งในพวกสูงสุดกลับสู่....ล้อเล่น นี่แหละ
ไม่ใช่อยู่ดีดีนึกจะเป็นยังงี้ก็ได้นะครับ
ผมยังไม่ได้อ่านเลยเล่มนี้ ตอนกลับเมืองไทยหนที่แล้ว อ่านเจอคุณไมตรีให้สัมภาษณ์ว่ากำลังจะออกเล่มนี้ ก็คอยอยู่
ผมซึ่งอยู่ในวงอาร์ตๆ ก็ตามผลงานแกมาตลอด รู้อิทธิฤทธิ์เรื่องราวน้าแกมาพอสมควร
ตอนมาอยู่สวีเด็น ผมก็วาดรูปแปะข้างบ้านไปตามประสา
วันนึงมีเด็กวัยประถมปลายซึ่งตามพ่อมาอยู่สวีเด็น มาที่บ้านผมเห็นรูปแล้วก็ถามว่า ทำไมรูปผู้หญิงต้องมีเขา มีปีก และอีกมากมาย
แล้วก็คุยต่อว่า ผมมีเพื่อนเป็นช่างวาดรูปด้วย รู้จักกันตอนไปกินปาท่องโก๋ตอนเช้าๆแถวๆหมู่บ้านนวธานี แกชอบมาคุยกับผม คุยกันแบบเพื่อน
แกชื่อ ลุงหวัน
น้าแกนี่ไม่เว้นแม้แต่เด็กประถม
คงต้องกลับมาสอยสักเล่ม
เอาควาร์กในตัวน้าแกมารดกระหม่อมล้อเล่นให้ชื่นโลกซักหน่อย
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 8
ใช้ เจ้านก tweeter ไม่ค่อยเป็นเลยf.escape เขียน:เจอชื่อกูรูขอบสนามแล้วต้องคลิกเข้ามาอ่าน ไม่ผิดหวังเลย
ถ้ามี twitter บอกกันมั่งน้า จะขอเป็น follower ด้วยคน
เม้าท์ไม่มัน เขียนอะไรกระจุกกระจิกได้พอเซ่นเจ้า
กูรูถนัดร่ายโศลกยาวๆ เลยไม่จุใจ
คุณ f.escape รออ่านในนี้ดีกว่าน้า :lol:
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 9
[quote="Basketman"]มีครั้งนึงลุงแกมาสั่งทำของที่ร้าน
ตอนจะจ่ายเงินแกบอก
ลุงหวัน: นี่ๆลุงขอต่อราคาหน่อยได้มั้ย
ผม:
ตอนจะจ่ายเงินแกบอก
ลุงหวัน: นี่ๆลุงขอต่อราคาหน่อยได้มั้ย
ผม:
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 10
[quote="สถาปนิกต่างดาว"][quote][quote="กูรูขอบสนาม"]อะ อะ
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 13
ผมจำได้ว่างานจิบเบียร์เมื่อปีก่อน ผมเคยคุยกับใครซักคนเรื่องหนังสือของมุราคามิ แต่จำไม่ได้ ที่แท้ก็พี่ป้อมนี่เอง
ผมเคยอ่านแต่ after the quake อะครับ อยากหาเล่มอื่นมาอ่านอีก แต่ก็หาย๊ากยาก พี่ป้อมพอจะมีแหล่งแนะนำไม๊ครับ
ผมเคยอ่านแต่ after the quake อะครับ อยากหาเล่มอื่นมาอ่านอีก แต่ก็หาย๊ากยาก พี่ป้อมพอจะมีแหล่งแนะนำไม๊ครับ
อย่ายอมแพ้
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 14
ต้องรอตามงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์จึงจะดีครับAnti-Aircraft เขียน:ผมจำได้ว่างานจิบเบียร์เมื่อปีก่อน ผมเคยคุยกับใครซักคนเรื่องหนังสือของมุราคามิ แต่จำไม่ได้ ที่แท้ก็พี่ป้อมนี่เอง
ผมเคยอ่านแต่ after the quake อะครับ อยากหาเล่มอื่นมาอ่านอีก แต่ก็หาย๊ากยาก พี่ป้อมพอจะมีแหล่งแนะนำไม๊ครับ
หาตามร้านยากมาก
ผมเคยหาได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬา สยามสแควร์
ที่นายอินทร์ จามจุรีสแควร์
ที่ซีเอ็ด จามจุรีสแควร์
แล้วก็ที่แพร่พิทยา เซนทรัล ลาดพร้าว
มาได้ควบ3เล่มแล้วก็เป็นเล่มที่อยากได้
ก็งานหนังสือที่ผ่านมาล่าสุดนี่เอง
ยุคแรก นพดล เวชสวัสดิ์แปลให้ สนพ.มติชน
ยุคปัจจุบัน ก็ยังเป็นนพดล เวชสวัสดิ์แปลเหมือนเดิมแต่สนพ.เปลี่ยนไป
ไปใช้บริการของสนพ.กำมะหยี่
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 15
[quote="por_jai"] จะว่าไปมนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ล้วนทำในสิ่งที่ใจเราลึกๆอยากทำ
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 16
[quote="กูรูขอบสนาม"]
พี่บาส วานนาดีมีโอกาสใกล้ชิดกับมนุษย์ต่างดาว
เลยรับเชื้อมาอยู่ในตัวด้วยหรือเปล่าน้า..อิอิ
พูดถึงลูกชายที่พี่บาสเป็นเพื่อนเรียนด้วยกัน
คุณลุงถวัลย์ได้กล่าวถึงอย่างรักใคร่ในแบบมนุษย์ต่างดาวของแกไว้เหมือนกัน
น.62 ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้า (ไมตรี
พี่บาส วานนาดีมีโอกาสใกล้ชิดกับมนุษย์ต่างดาว
เลยรับเชื้อมาอยู่ในตัวด้วยหรือเปล่าน้า..อิอิ
พูดถึงลูกชายที่พี่บาสเป็นเพื่อนเรียนด้วยกัน
คุณลุงถวัลย์ได้กล่าวถึงอย่างรักใคร่ในแบบมนุษย์ต่างดาวของแกไว้เหมือนกัน
น.62 ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้า (ไมตรี
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
- Juninho
- Verified User
- โพสต์: 1050
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 17
สำหรับแฟน อาร์เซน่อลอย่างผม
เห็นคำว่า "มนุษย์ต่างดาว" ไม่ได้เลย
หน้าเจ้า เมสซี่ มันลอยมาก่อนเลย
ยังเข็ดไม่หาย โดนกดไปสี่เม็ด
เล่นแบบไม่ให้ แฟนบอลได้ลุ้นเลย
เห็นคำว่า "มนุษย์ต่างดาว" ไม่ได้เลย
หน้าเจ้า เมสซี่ มันลอยมาก่อนเลย
ยังเข็ดไม่หาย โดนกดไปสี่เม็ด
เล่นแบบไม่ให้ แฟนบอลได้ลุ้นเลย
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 19
พี่บาส
ขอบคุณมากเลยที่มาแชร์ประสบการณ์ร่วมกับม่องต้อย
บุตรของมนุษย์ต่างดาวด้วย :lol:
ทำให้มองเห็นแง่มุมของลุงหวันในฐานะคนธรรมดาๆ
ที่รักแล้วก้อห่วงใยเด็กๆเหมือนบรรดาพ่อๆทั่วไป
ตอนนี้อากาศที่โน่นคงจะเย็นสบาย
อย่างน้อยก็น่าจะเย็นกว่าในกรุงเทพฯแน่ๆ
กูรูกำลังหม่ำขนมจีนน้ำเงี้ยว ตอนรับสงกรานต์อยู่ที่บ้าน
หม่ำ หม่ำ หม่ำ
สุขสันต์วันสงกรานต์เด้อ
ขอบคุณมากเลยที่มาแชร์ประสบการณ์ร่วมกับม่องต้อย
บุตรของมนุษย์ต่างดาวด้วย :lol:
ทำให้มองเห็นแง่มุมของลุงหวันในฐานะคนธรรมดาๆ
ที่รักแล้วก้อห่วงใยเด็กๆเหมือนบรรดาพ่อๆทั่วไป
ตอนนี้อากาศที่โน่นคงจะเย็นสบาย
อย่างน้อยก็น่าจะเย็นกว่าในกรุงเทพฯแน่ๆ
กูรูกำลังหม่ำขนมจีนน้ำเงี้ยว ตอนรับสงกรานต์อยู่ที่บ้าน
หม่ำ หม่ำ หม่ำ
สุขสันต์วันสงกรานต์เด้อ
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณคุณพี่กูรูฯ
ผมก็คล้ายๆมนุษย์ต่างดาว คือที่บ้าน คุยกะใครก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
เพิ่งรู้ตัว เลยไปถอยหนังสือมาทันใด เพื่อให้เมียกะลูกได้อ่าน
ผมหวังว่า เมีย กะ ลูก น่าจาคุยกับผมได้บ้าง....5555
ผมก็คล้ายๆมนุษย์ต่างดาว คือที่บ้าน คุยกะใครก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง
เพิ่งรู้ตัว เลยไปถอยหนังสือมาทันใด เพื่อให้เมียกะลูกได้อ่าน
ผมหวังว่า เมีย กะ ลูก น่าจาคุยกับผมได้บ้าง....5555
Rabbit VS. Turtle
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 21
อ่านจบเมื่อวานแล้วครับ
ชอบงานถวัลย์ว่า ดัชนี มาก รูปดูแล้วมีพลังจริงๆ
มีแง่มุมชีวิตที่น่าสนใจ
ชอบงานถวัลย์ว่า ดัชนี มาก รูปดูแล้วมีพลังจริงๆ
มีแง่มุมชีวิตที่น่าสนใจ
- Qคุง
- Verified User
- โพสต์: 1328
- ผู้ติดตาม: 0
มนุษย์ต่างดาวผู้สุดเว่อร์
โพสต์ที่ 22
แบ่งปันครับ
จาก กรุงเทพธุรกิจ
จาก กรุงเทพธุรกิจ
Life Style : Society
วันที่ 15 เมษายน 2553 01:00
ถวัลย์ ดัชนี...ผมไม่มีธรรมะ
โดย : เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ
"เวลาวาดรูปใจต้องว่าง ไม่มีตัวเรา ไม่มีรูป ไม่มีอะไร ถ้าอยากให้เป็นนั่น เป็นนี่ อย่าเขียนรูปเลย ไปเป็นพนักงานดูดส้วมดีกว่า"
เมื่อกล่าวถึง ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ที่มักจะเรียกตัวเองว่า นักวาดรูป แต่งานของเขายิ่งใหญ่อลังการเพียงใด คงไม่ต้องกล่าวถึง
เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีโอกาสเยี่ยมชมบ้านดำ 32 หลังบนเนื้อที่ 39 ไร่ ของอาจารย์ถวัลย์ที่เชียงราย โดยมี ท่าน ว.วชิรเมธี นำทีมท่องเที่ยวไทยให้ถึงธรรม ไปดูงานศิลปะและพูดคุยเรื่องพุทธศาสนา
อาจารย์ถวัลย์ เคยได้ทุนเรียนศิลปะที่เนเธอร์แลนด์และจบปริญญาเอก สาขาอภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ ที่ราชวิทยาลัยศิลปะ อัมสเตอร์ดัม ระหว่างการพาดูภาพศิลปะ อาจารย์มักจะคุยติดตลกและถ่อมตัวอยู่เรื่อยๆ
เรามีปลาร้า ข้าวสาร เนื้อเค็มผูกไว้ให้เห็น เพื่อให้รู้อยู่เสมอว่างานศิลปะเป็นมายา ข้าวปลาเป็นของจริง อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เล่าขณะพาชมงานศิลป์เพื่อโยงกับความจริงบางอย่างในชีวิต ซึ่งผลงานบางชิ้นเป็นฝีมือลูกศิษย์ เขาบอกว่า บางชิ้นที่เห็นเป็นแค่หนังกำพร้าที่ทำ ไม่ใช่กิจของนักวาดรูป
เขาบอกว่า ผมไม่ใช่ศิลปิน ถ้าเป็นศิลปิน ต้องมีค่าย มีอัลบั้ม ผมไม่มีค่าย ดังนั้นจึงเป็นได้แค่ช่างวาดรูป
แต่ผลงานช่างวาดรูปเช่นถวัลย์ ก็ได้รับการยอมรับระดับโลก เขาสอนศิลปะชั้นสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาบอกว่า ผมไม่มีธรรมะ แต่สิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตของเขา กลับมีธรรมะทุกลมหายใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งการวาดรูป แม้จะมีคนถามว่า เวลาวาดรูปรู้สึกอย่างไร
เขาบอกอีกว่า ตอนผมวาดรูป ผมไม่มีความรู้สึก ถ้าจะวาดรูปด้วยวิธีนั้น โดยวนอยู่กับความรู้สึกเพื่อให้เป็นไปหรือไม่ให้เป็นไปอย่างนั้นอย่างนี้ หรือภาษาพระเรียกว่า ภาวะตัณหาหรือวิภาวะตัณหา มีการปรุงแต่ง อยากให้งานศิลปะออกงาม นั่นแสดงว่ายังมีความรู้สึก มีตัวตนเข้าครอบครอง
ถ้าการวาดรูปเต็มไปด้วยความอยากและความต้องการ อาจารย์ถวัลย์บอกว่า อย่าวาดดีกว่า นั่นเป็นการปรุงแต่งเบญจขันธ์ ถ้าอยากให้เป็นนั่นนี่ รู้สึกร้อน รู้สึกหนาว อย่าไปเขียนรูป ไปเป็นพนักงานดูดส้วม หรือไม่ก็ไปทำอย่างอื่น ถ้าอยากเขียนรูปต้องทำอย่างนี้
ถ้าจะวาดรูป ใจต้องนิ่ง มีสุญญตา รูปกับตัวเราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีตัวเรา ไม่มีรูป ไม่มีอะไร เป็นมวลสารของความว่างโดยสิ้นเชิง แล้วสิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้น เป็นภาวะของจิตที่ไม่ถูกปรุงแต่ง
เมื่อคุยถึงเรื่องธรรมะ อาจารย์ถวัลย์ บอกว่า ผมไม่ได้ปฏิบัติธรรม ผมเป็นฝ่ายตรงข้ามกับธรรมะ อย่างอบายมุข 6 ข้อหนึ่งบอกว่าอย่าคบคนชั่วเป็นมิตร ผมละเว้นอบายมุขได้เกือบทุกข้อ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน แต่สิ่งที่ไม่อาจละได้คือ คบคนชั่วเป็นมิตร"
เพราะคนดีมันน่าเบื่อ ผมเป็นนักวาดรูป ถ้าชีวิตไม่มีรสชาติ ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม นิพพานอะไรก็ใช่จริง ผมไม่ใช่คนเขียนรูปสวย ผมเป็นคนเขียนรูปโหด เลว และไม่ดี อาจารย์ถวัลย์ เล่า แล้วบอกว่า
"การทำงานอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะบ้าอะไร ทิ้งไปให้หมด ก่อนอื่นคุณต้องมีดำริชอบ (การใช้ความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม) ถ้าคุณไม่มีดำริชอบ คุณกระจอก อย่างผมระดับกระจอกเทศ
หากถามว่า ทำไมภาพวาดของเขาต้องมีรูปสัตว์ อาจารย์ถวัลย์ตอบว่า ในโลกนี้ต้องมีคน สัตว์ และสิ่งของ
ผมเคยวาดสิ่งของหรือพืชมาบ้าง ช่างวาดรูปที่ยิ่งใหญ่ในโลกนี้จะเขียนสองอย่างคือ คนกับสัตว์ พวกที่เขียนดอกไม้ใบหญ้าต่างๆ เป็นพวกกระจอก"
เขากล่าวเช่นนั้นและบอกว่า ในแถบตะวันออกจะมีการเขียนรูปสัตว์ ทั้งอัณฑชะโยนิ คือสัตว์ดิรัจฉานบางประเภทที่เกิดอยู่ในฟองไข่ก่อนฟักออกมาเป็นตัว ส่วนชลาพุชะโยนิคือ สัตว์ที่อยู่ในครรภ์ก่อนแล้วคลอดออกมา เป็นได้ทั้งมนุษย์และสัตว์บางประเภท และสังเสทชะโยนิ สัตว์ที่เกิดในเถ้าไคล ได้แก่ สัตว์ที่เกิดในของสกปรก เช่น หนอง ยุง แมลงบางประเภท
อาจารย์ถวัลย์บอกว่า สิ่งที่นักวาดรูปตะวันตกไม่มีก็คือ โอปปาติกะโยนิ ภาพวาดพวกผีเปรต อสูรกาย ผีเสื้อยักษ์ เทวดา ที่เกิดจากแรงอธิษฐานของจิต พวกนี้เกิดเป็นตัวตนได้เลย
แม้ผมจะเคยเรียนในต่างประเทศ แต่ผมจะไม่ทำตามฝรั่ง ผมศึกษาและเรียนรู้ว่าฝรั่งคิดตัดสินใจและมีค่านิยมอย่างไร ผมเป็นคนไทย และผมเป็นคนตะวันออกที่มีวิธีคิดของผมเอง
ดังนั้นการเขียนภาพคนหรือสัตว์ จึงต้องมีวิธีการของตัวเอง ณ วันนี้ เขาผ่านเรื่องราวประสบการณ์ในชีวิตมากมาย อาจารย์ถวัลย์บอกว่า มาถึงตอนนี้ผมไม่ใช่คนที่เสาะแสวงหา แต่ผมเป็นผู้พบ และดำเนินวิถีชีวิตจากการที่ผมเป็นผู้พบ
เขาเปรียบเปรยชีวิตตัวเองว่า ได้ขึ้นไปสู่ปลายภูเขาแล้ว และตอนนี้กำลังเดินลงไปที่หลุมฝั่งศพของตัวเอง เพราะเขาผ่านช่วงชีวิตการเสาะในวัยหนุ่มมาแล้ว จนได้พบสัจธรรมแห่งชีวิต
แม้จะมีคนสงสัยอยู่เรื่อยๆ ว่า ทำไมต้องวาดรูปด้วยสีดำขาวอย่างเดียว อาจารย์ถวัลย์บอกว่า ไม่ได้ดำขาวอย่างเดียว แต่วาดสีขาวดำด้วย
ผมขึ้นมาถึงมหาวิหารแล้ว ผมได้พบความพิศวงแห่งจิตในทุกมุม ผมไม่เสาะแสวงหาแล้ว ผมพบแล้ว ฉะนั้นเวลามีคนนัดแนะว่า ให้มาเจอตรงนั้นตรงนี้ ผมบอกว่า อย่าเพิ่งพูด เพราะเมื่อวานผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ยังไม่มา เราจะพูดกันวันนี้และเดี๋ยวนี้ เรื่องราวบางเศษเสี้ยวของอาจารย์ถวัลย์ที่ทำให้หลายคนฉุกคิด แม้กระทั่งการซื้อกล้วยสักหวี
ทุกวันนี้เวลาผมจะซื้อกล้วย ผมยังไม่กล้าซื้อทั้งหวี ผมไม่แน่ใจว่าจะอยู่จนกล้วยสุกทั้งหวีหรือเปล่า
แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่หลายประโยคเต็มไปด้วยเรื่องของธรรมะสอนใจ เมื่อหลายคนเดินเข้ามาในห้องที่ตกแต่งด้วยรูปทรงอินทรีย์จากธรรมชาติ อาจารย์ถวัลย์ บอกว่า บางครั้งก็นำพวกจิ้งเหลน จิ้งจอกมาเป็นองค์ประกอบ นี่เป็นความงามทางสุนทรียะภาพของสิ่งที่ตายแล้ว
ผมไม่ได้คิดอะไรมากมาย ผมถึงชอบวิธีการสอนของท่านว.วชิรเมธี สอนกันง่ายๆ ไม่ต้องไปพูดถึงนรก สวรรค์ ผมเป็นลูกศิษย์ของคาร์ล อดอล์ฟ เจลเลอร์รุป คนเขียนวรรณกรรมเรื่องกามนิต ผมระลึกได้ว่า งานที่เขาเขียน ตอนกามนิตนั่งสนทนากับพระพุทธเจ้า มีการพูดถึง ใบไม้ในมือกับใบไม้ในป่าอะไรมากกว่ากัน เหมือนเช่นท่านว.วชิรเมธี บอกว่า ใบไม้ในมือจะนำเราไปสู่ความเข้าใจเรื่องอริยมรรค8"
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อาจารย์ถวัลย์บอกว่า เขาเป็นนักวาดรูปธรรมดาๆ คนหนึ่ง สิ่งที่พูดออกมา ก็เพื่อสอนตัวเอง
ทั้งหมดผมเป็นแค่แสงหิ่งห้อยส่องก้นตัวเอง ผมไม่เที่ยวไปสอนใคร ผมแค่สอนตัวเอง
แสงหิ้งห้อยที่ปราดเปรื่องเช่นนี้ เมื่อมีคนถามเรื่องการศึกษาธรรมตามแนวทางท่านอาจารย์พุทธทาส อาจารย์ถวัลย์บอกว่า เคยอ่านหนังสือธรรมะเกือบทุกเล่มที่ท่านพุทธทาสเขียน ตั้งแต่คู่มือมนุษย์ ซึ่งจำได้ทุกบรรทัดที่ท่านเขียน
ในบ้านอาจารย์ถวัลย์จึงมีตู้หนังสือของท่านพุทธทาสไว้หนึ่งตู้ เขาบอกว่า สมัยหนุ่มๆ ชีวิตยังมีความกระหายอยากอ่านหนังสือ แต่พอเป็นผู้ใหญ่ก็วาดรูปเป็นหลัก ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการวาดรูป
เมื่ออาจารย์ถวัลย์เห็นว่า กลุ่มที่เข้าเยี่ยมชม โดยมีท่านว.วชิรเมธีนำทีมเป็นกลุ่มปฏิบัติธรรม อาจารย์ถวัลย์ย้อนถามว่า ปฏิบัติธรรมนี่ทำยังไง
อย่างผมนั่งเฉยๆ ผมหายใจเข้า นั่ง นอน ยืน เดิน ผมคิดว่านี่...ปฏิบัติธรรมแล้ว ผมทำกายานุปัสสนา หายใจเข้า หายใจออก สำรวมกาย จิตและวาจา และผมก็เขียนรูป ผมมีดำริชอบ ผมคิดว่า นี่แหละคือหัวใจของการปฏิบัติธรรม เพราะปฏิบัติธรรมไม่ใช่ว่าเพ่งลงไป มองเห็นดวงแก้วใส ผมไม่รู้ปฏิบัติแบบนั้นทำไม" อาจารย์ถวัลย์ บอก และแหย่ว่า บางเรื่องพูดเล่นๆ ซึ่งเป็นอุปนิสัยของเขา เพราะสิ่งที่ท่านว.วชิรเมธีทำถูกต้องแล้ว เพราะท่านชักจูงพวกคุณมา เหมือนอาจารย์ของเขาเคยจูงพวกเขามาเหมือนควาย
"เมื่อจูงมาถึงแล้ว จะกินหรือไม่ เป็นเรื่องของควาย เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ พาคนมาฟังแล้วคิด อย่างนี้เป็นการปฏิบัติธรรมแล้ว ผมไม่อยากบอกว่า ให้ไปเข้าแคมป์หรือเข้าค่าย เคยมีคนถามผมว่า ทำไมไม่ทำบ้านรัดหน้าท้อง
อาจารย์ถวัลย์ถามว่า พวกคุณรู้จักบ้านรัดหน้าท้องไหม...ก็โฮมสเตย์ไง
ผมไม่ใช่นักบวช นักพรต ผมเป็นนักวาดรูป ผมมุ่งวิถีแห่งอริยมรรค พวกสมบัติบ้าเหล่านี้ ผมไม่จำเป็นต้องเอาเรือแบกข้ามไป ผมข้ามสังสารวัฏ จากนั้นผมเอาเรือทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์หรือคนที่ยังไม่ข้ามใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรศรัทธาจริตต้องมี