ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 1
จากสูตร กำไรของเจ้าของ = กำไรสุทธิ + ค่าเสื่อม - ค่าใช้จ่ายลงทุน
1. Depreciation ดูจากงบกระแสเงินสด หัวข้อกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ตรงที่บอกว่า ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ใช่หรือเปล่าครับ
แล้วจากงบกระแสเงินสดแบบนี้
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
- เงินสดจ่ายซื้อคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์
- เงินสดจ่ายชำระค่าสิทธิการเช่า
- เงินสดรับจากการขายสินทรัพย์
- เงินสดจ่ายซื้อสินทรัพย์
- เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน
2. Capital expenditures รายจ่ายในการลงทุน คือเงินสดจ่ายซื้อสินทรัพย์ ใช่เปล่าครับ
จากสูตรการปรัีบลดมูลค่าอนาคตให้เป็นมูลค่าปัจจุับัน
มูลค่าปัจจุบัน = มูลค่าอนาคต / ( 1+ อัตราดอกเบี้ย)^จำนวนปี
3. อัตราดอกเบี้ยนี้คือดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลหรือเปล่าครับ ผมเข้าดูเวบธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วมีหลายแบบทั้งออมทรัพย์ แบบแยกตามอายุ ต้องหาดูตรงไหนเหรอครับ
ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
1. Depreciation ดูจากงบกระแสเงินสด หัวข้อกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ตรงที่บอกว่า ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ใช่หรือเปล่าครับ
แล้วจากงบกระแสเงินสดแบบนี้
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
- เงินสดจ่ายซื้อคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์
- เงินสดจ่ายชำระค่าสิทธิการเช่า
- เงินสดรับจากการขายสินทรัพย์
- เงินสดจ่ายซื้อสินทรัพย์
- เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน
2. Capital expenditures รายจ่ายในการลงทุน คือเงินสดจ่ายซื้อสินทรัพย์ ใช่เปล่าครับ
จากสูตรการปรัีบลดมูลค่าอนาคตให้เป็นมูลค่าปัจจุับัน
มูลค่าปัจจุบัน = มูลค่าอนาคต / ( 1+ อัตราดอกเบี้ย)^จำนวนปี
3. อัตราดอกเบี้ยนี้คือดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลหรือเปล่าครับ ผมเข้าดูเวบธนาคารแห่งประเทศไทยแล้วมีหลายแบบทั้งออมทรัพย์ แบบแยกตามอายุ ต้องหาดูตรงไหนเหรอครับ
ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 3
[img]http://4.bp.blogspot.com/_SjVLZn2pT6A/S ... alue01.jpg
ขอถามเพิ่มอีกอีกข้อครับ
จากในรูป first-stage growth rate อันแรกคืออัตราการเติบโตของกำไรของเจ้าของ
อันทีสอง second-state growth rate นี้คืออัตราการเติบโตของอะไรเหรอครับ[/img]
ขอถามเพิ่มอีกอีกข้อครับ
จากในรูป first-stage growth rate อันแรกคืออัตราการเติบโตของกำไรของเจ้าของ
อันทีสอง second-state growth rate นี้คืออัตราการเติบโตของอะไรเหรอครับ[/img]
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 5
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 6
อ่า เน็ตบริษัท block ดูรูปไม่ได้อะ
ขอเดาจากความรู้ที่มีนะครับ
first-stage growth rate
growth rate ของบริษัทในช่วงที่มีการเติบโต ซึ่งต้องกำหนดช่วงที่แน่นอน 3 ปี 5 ปี เป็นต้น
second-state growth rate
growth rate ของบริษัทในช่วงที่อิ่มตัว ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าบริษัทจะไม่มีวันเจ๊ง และมีการเติบโตได้ไม่เกินอัตราเงินเฟ้อน่ะครับ
ในช่วง second-state อัตราการเติบโตจะต้องกำหนดให้ต่ำกว่าต้นทุนของเงินทุน เพื่อให้สามารถหาผลรวมกำไรของเจ้าของทั้งหมดได้
จินตนาการว่ามันเป็นเหมือนอนุกรมอนันต์น่ะครับ
Ex : 1/2 + 1/2^2 + 1/2^3 + ... = 1

ขอเดาจากความรู้ที่มีนะครับ
first-stage growth rate
growth rate ของบริษัทในช่วงที่มีการเติบโต ซึ่งต้องกำหนดช่วงที่แน่นอน 3 ปี 5 ปี เป็นต้น
second-state growth rate
growth rate ของบริษัทในช่วงที่อิ่มตัว ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าบริษัทจะไม่มีวันเจ๊ง และมีการเติบโตได้ไม่เกินอัตราเงินเฟ้อน่ะครับ
ในช่วง second-state อัตราการเติบโตจะต้องกำหนดให้ต่ำกว่าต้นทุนของเงินทุน เพื่อให้สามารถหาผลรวมกำไรของเจ้าของทั้งหมดได้
จินตนาการว่ามันเป็นเหมือนอนุกรมอนันต์น่ะครับ
Ex : 1/2 + 1/2^2 + 1/2^3 + ... = 1
อย่ายอมแพ้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 392
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 7
คิดแบบนี้บางทีก็ใช้ได้บางทีก็ใช้ไม่ได้ครับ แต่ก่อนผมคิดแบบนี้แต่พอไปอ่านในหนังสือวัดมูลค่าหุ้นของคุณสุมาอี้แล้วการประมาณการค่าต่างๆต้องใช้ข้อมูลที่ใกล้เคียงความจริงมากๆการใช้dcfถึงจะมีประโยชน์สูงสุด
วิธีการคิดแบบนี้ใช้ได้กับบริษัทที่เราคิดว่าจะไม่มีการลงทุนเพิ่มครับ ถ้าหากมีการลงทุนเพิ่มหรือรายละเอียดอื่นๆผมคิดว่าเอาค่าต่างๆมาคิดเองจะละเอียดกว่าการใช้excelสำเร็จรูปเข้าช่วยครับ
วิธีการคิดแบบนี้ใช้ได้กับบริษัทที่เราคิดว่าจะไม่มีการลงทุนเพิ่มครับ ถ้าหากมีการลงทุนเพิ่มหรือรายละเอียดอื่นๆผมคิดว่าเอาค่าต่างๆมาคิดเองจะละเอียดกว่าการใช้excelสำเร็จรูปเข้าช่วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 8
พอดีอ่านเจอว่าบัฟเฟตใช้มีตัวอย่างบริษัทโค๊กให้ดูด้วย ผมก็เลยนึกว่าน่าจะดี อย่างนี้การคำนวณมูลค่าที่แท้จริงน่าจะใช้วิธี dcf ตามแบบหนังสือของคุณสุมาอี้ดีกว่าใช่ไหมครับ
และผมสงสัยอีกข้อครับว่าถ้าสมมติหามูลค่าแท้จริงด้วย dcf คาดการณ์กำไรล่วงหน้าไป 5 ปี กับวิธีใช้ P/E ตามบล็อกของคุณโยโย่คาดการณ์กำไรล่วงหน้าไตรมาสที่เหลือถึง 1 ปี สองอย่างนี้จะต่างกันไหมครับ
และผมสงสัยอีกข้อครับว่าถ้าสมมติหามูลค่าแท้จริงด้วย dcf คาดการณ์กำไรล่วงหน้าไป 5 ปี กับวิธีใช้ P/E ตามบล็อกของคุณโยโย่คาดการณ์กำไรล่วงหน้าไตรมาสที่เหลือถึง 1 ปี สองอย่างนี้จะต่างกันไหมครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 392
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 9
ขอบอกก่อนว่าผมก็ไม่โปรแค่อยากแสดงความคิดเห็นเท่านั้นนะครับ
สำหรับผมแล้วการใช้dcfย่อมดีกว่าการใช้pe แต่ว่าการใช้dcfก้ต้องทำด้วยความเข้าใจ เช่นเรื่องcapexก็ต้องรู้ว่าปีนี้ปีหน้าเค้าจะลงทุนเพิ่มเท่าไหร่(นี่เป็นจุดอ่อนของการใช้excelเพราะมันจะคิดแบบเป็นเปอร์เซ็นต์ทำให้ค่าcapexคาดเคลื่อน) แล้วไหนจะแผนการลงทุนทั้งหลาย อะำไรอีกมากมาย ทำให้การใช้dcfโดยการกรอกค่าเฉยๆโดยไม่เข้าใจนั้นจะทำให้ได้ค่าที่คลาดเคลื่อน แต่ถ้ากรอกค่าโดยมีความเข้าใจผมว่าผลที่ได้ก็น่าจะโอเค
จุดอ่อนของdcfจากประสบการณ์ของผมก็คือค่าทั้งหลายที่ต้องใช้ ถ้าเราไม่มีความเข้าใจหรือประมาณการได้ดีเพียงพอจะทำให้ได้ค่าที่เพี้ยน
ส่วนวิธีใช้peนั้นก็เป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่ก็ต้องใช้ด้วยความเข้าใจว่าeที่เอามาคิดเป็นeที่มีคุณภาพมั้ยฯลฯ
ส่วนตัวผมใช้ทั้ง2วิธีครับ สำหรับเรื่องpeกับdcfเพิ่มเติมผมแนะนำให้อ่านบทความของคุณIHครับ น่าจะกระจ่างกว่าที่ผมเขียนครับ
http://www.thaivi.com/webboard/archive. ... B8%A3.html
สำหรับผมแล้วการใช้dcfย่อมดีกว่าการใช้pe แต่ว่าการใช้dcfก้ต้องทำด้วยความเข้าใจ เช่นเรื่องcapexก็ต้องรู้ว่าปีนี้ปีหน้าเค้าจะลงทุนเพิ่มเท่าไหร่(นี่เป็นจุดอ่อนของการใช้excelเพราะมันจะคิดแบบเป็นเปอร์เซ็นต์ทำให้ค่าcapexคาดเคลื่อน) แล้วไหนจะแผนการลงทุนทั้งหลาย อะำไรอีกมากมาย ทำให้การใช้dcfโดยการกรอกค่าเฉยๆโดยไม่เข้าใจนั้นจะทำให้ได้ค่าที่คลาดเคลื่อน แต่ถ้ากรอกค่าโดยมีความเข้าใจผมว่าผลที่ได้ก็น่าจะโอเค
จุดอ่อนของdcfจากประสบการณ์ของผมก็คือค่าทั้งหลายที่ต้องใช้ ถ้าเราไม่มีความเข้าใจหรือประมาณการได้ดีเพียงพอจะทำให้ได้ค่าที่เพี้ยน
ส่วนวิธีใช้peนั้นก็เป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่ก็ต้องใช้ด้วยความเข้าใจว่าeที่เอามาคิดเป็นeที่มีคุณภาพมั้ยฯลฯ
ส่วนตัวผมใช้ทั้ง2วิธีครับ สำหรับเรื่องpeกับdcfเพิ่มเติมผมแนะนำให้อ่านบทความของคุณIHครับ น่าจะกระจ่างกว่าที่ผมเขียนครับ
http://www.thaivi.com/webboard/archive. ... B8%A3.html
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
ดู depreciation และ capital expenditures ตรงไหนครับ
โพสต์ที่ 10
ความเห็นถูกต้องเลยครับ
ความจริงแล้วการใช้ p/e แบบที่เทพๆ เค้าใช้กันก็ไม่ได้ง่ายนะครับ
หัวใจสำคัญของการคิดมูลค่าแบบ p/e คือ การประเมิน eps ในอนาคต และ p/e ที่เหมาะสมของกิจการ ให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด ซึ่งต้องมีข้อมูลประมาณการยอดขาย แนวโน้มราคาวัตถุดิบ แนวโน้มของราคาขาย และข้อมูลเชิงคุณภาพประกอบกันไปด้วย
คนที่ใช้ p/e เก่งจริงๆ เขาประเมิน eps ได้แม่นถึงจุดทศนิยมนะครับ
วิธีนี้ดูเหมือนง่าย เพราะค่าที่เราจะต้องประมาณมันน้อยกว่าเท่านั้นเอง
อาจารย์ เกรแฮม ถึงได้คิดค้น mos ขึ้นมาเพื่อช่วยลดความผิดพลาดจากการประมาณการณ์ที่ไม่ถูกต้องไงครับ
ความจริงแล้วการใช้ p/e แบบที่เทพๆ เค้าใช้กันก็ไม่ได้ง่ายนะครับ
หัวใจสำคัญของการคิดมูลค่าแบบ p/e คือ การประเมิน eps ในอนาคต และ p/e ที่เหมาะสมของกิจการ ให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด ซึ่งต้องมีข้อมูลประมาณการยอดขาย แนวโน้มราคาวัตถุดิบ แนวโน้มของราคาขาย และข้อมูลเชิงคุณภาพประกอบกันไปด้วย
คนที่ใช้ p/e เก่งจริงๆ เขาประเมิน eps ได้แม่นถึงจุดทศนิยมนะครับ
วิธีนี้ดูเหมือนง่าย เพราะค่าที่เราจะต้องประมาณมันน้อยกว่าเท่านั้นเอง
อาจารย์ เกรแฮม ถึงได้คิดค้น mos ขึ้นมาเพื่อช่วยลดความผิดพลาดจากการประมาณการณ์ที่ไม่ถูกต้องไงครับ
อย่ายอมแพ้