คุณ อัญ น่ารักจัง...

(เนื้อหาก็เข้มข้นนะ)
ขอตัดตอนมาแปะนะครับดร. นิเวศน์ เขียน: "การเดินทาง" กับ "เป้าหมาย" ในชีวิตของคนทุกคน
"ผมเชื่อมาตลอดว่าการเดินทางสำคัญกว่าเป้าหมาย อยากบอกนักลงทุนทุกคนว่า อย่าไปกังวลกับเป้าหมาย แต่ควรใส่ใจในเส้นทางที่เรากำลังเดิน ถ้าเราทำดีที่สุด และมีความสุขในเส้นทางของเราทุกวัน ในที่สุดเราก็จะไปถึงเป้าหมายนั้นเอง" ดร.นิเวศน์เชื่อเช่นนี้ตลอด
"ผมตั้งเป้าหมายว่าจะมีเงิน 1,000 ล้านบาท ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่จะเป็นจะตาย เรามีเป้าหมายเพื่อกำหนดเส้นทางไม่ให้เราไขว้เขว ถ้าเราแน่วแน่ ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะสอดคล้องกันทั้งหมด"
"ถ้าตัดเรื่องเงินออกไป เป้าหมายของผมก็ยังต้องการเป็นนักลงทุนและใช้ชีวิตสมถะเช่นนี้ตลอดไป คนเราอย่าไปคิดว่ามีเงิน 1,000 ล้านแล้วจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย คนที่คิดก่อนแล้วว่าจะทิ้งวิถี ดั้งเดิมของตัวเองก่อนจะไปถึงเส้นชัย ผมคิดว่าเขาคงไม่มีวันไปถึงเส้นชัยนั้น"
จากพ่อสู่ลูก... :8)น้องพิซซ่า เขียน:
"ตั้งแต่ตอนเด็กพ่อจะสอนว่าให้ใช้เงินอย่างคุ้มค่า พ่อไม่ได้สอนให้ประหยัด แต่จะเน้นให้เรารู้จักใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่ามากกว่า
เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีการวางแผนในการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด ซึ่งความคุ้มค่าบางครั้งก็ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของราคา ของบางอย่างอาจจะมีราคาแพง แต่ถ้าเราคิดว่าคุ้มค่าที่จะจ่ายเงินซื้อไป เพราะเป็นของที่จะให้ผลตอบแทนกลับมาให้เราคุ้มค่า เราก็พร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อมา ตรงนั้นก็คล้ายกับเรื่องของการลงทุนต้องพิจารณาดูว่าของสิ่งนั้นให้คุณค่ากับเราได้มากแค่ไหน "
"การใช้จ่ายเพื่อความคุ้มค่า ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของเสมอไป อาจจะเป็นการศึกษา หรือหนังสือดีๆ เราจ่ายเงินซื้อไปแล้วจะให้ผลตอบแทนกลับมาให้กับเราได้มากกว่าที่จ่ายเงินซื้อไป ในเรื่องของเสื้อผ้าเราจึงไม่ต้องไปใช้ของแบรนด์เนมที่มีราคาแพง สามารถที่จะใช้ของธรรมดาที่สามารถให้ประโยชน์ลักษณะเดียวกันได้เช่นกัน"
"ปัจจุบันนี้พ่อให้เงินใช้เดือนละ 2,500 บาท ส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิต เช่น ค่ากิน ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าหนังสือเป็นรายจ่ายที่จำเป็นในชีวิต ซึ่งใช้หมดทุกเดือน ในส่วนที่เป็นเสื้อผ้าหรือของใช้ที่ไม่จำเป็นส่วนนี้จะเก็บเงินซื้อเอง ซึ่งเงินที่ได้จะมาจากช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ตรุษจีนหรือวันเกิดก็จะเก็บเอาไว้เองบางส่วนเพื่อซื้อของ แล้วบางส่วนก็จะฝากให้แม่นำไปฝากธนาคารให้ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ได้เข้ามาในเรื่องของการลงทุนเลย"
" การที่มีคุณพ่อเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของตลาดทุนไทยนั้น เป็นข้อได้เปรียบของตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้เรียนในเรื่องของการลงทุน ไม่ได้อยู่ในแวดวงของการลงทุนก็ตาม แต่ก็รู้เรื่องของการลงทุนพอสมควร ในขณะที่คนอื่นอาจจะไม่มีจุดนี้ "
"ต้องบอกว่าได้รับการซึมซับเรื่องของการลงทุนผ่านทางคุณพ่อ ในขณะที่นั่งรถมาเรียนพ่อก็เริ่มจะพูดคุยถึงเรื่องของการลงทุนให้ฟัง คุยกันแบบพ่อลูก ไม่ได้ซีเรียสอะไร สิ่งเหล่านี้เราค่อยๆ ซึมซับเข้ามา แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้ลงทุน แต่ในอนาคตก็อยากจะเข้าไปลงทุนในหุ้นเหมือนคุณพ่อเช่นเดียวกัน"
" การลงทุนไม่จำกัดอยู่เฉพาะแค่เรื่องของหุ้นเท่านั้น จริงๆ การลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจึงอยากให้ทุกคนหันมาสนใจในเรื่องของการลงทุนให้มากขึ้น เพราะการลงทุนเป็นทุกอย่าง ลงทุนในเวลา ลงทุนในการศึกษา เป็นต้น เราก็ต้องพิจารณาดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ ในลักษณะเดียวกันกับที่ลงทุนในหุ้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพิจารณาในทุกสิ่งที่เราทำด้วยเช่นเดียวกันว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่จะทำ "
นีโอ ต้องตอบ พี่ก่อน ว่านีโอ เป็น หมอ รึเปล่า จะได้้ตอบตรงประเด็นneo_potato_Th เขียน:จะเอ๋ :lol:
ขอถามพี่paulครับ
-เป็นหมอนี่มีเวลามาอ่านข่าวหุ้น??
-ทำไมถึงเลือกเรียน สูติครับ??
-ต่อนอกดีมั้ย??-->มีคนบอกว่าขาดสังคมนะ
-เลือกเรียนหมออะไรดี??
แนะแนวการศึกษา![]()
ขอบคุณครับ
นีโอ ต้องตอบ พี่ก่อน ว่านีโอ เป็น หมอ รึเปล่า จะได้้ตอบตรงประเด็นPaul VI เขียน:
เพิ่งจะมีเวลามาตอบ นีโอ สังเกต ก็จะเห็นว่าพี่มีเวลา มาตอบเป็นช่วงๆ ถามว่า เวลามีไหม ก็พอมี แต่น้อย และก็ไม่ปะติด ปะต่อเป็นเวลานานๆ แต่ ถามว่า แล้ว อนาคต เราต้องการ อิสรภาพเวลา ไหม ถ้าคำตอบ คือ ใช่ (เอาเวลาไปทำอะไร ก็แล้วแต่คนนะ) ก็คงต้องจัดสรรเวลา พี่ก็ต้องทำงานหนัก กว่า เดิมneo_potato_Th เขียน:จะเอ๋ :lol:
ขอถามพี่paulครับ
-เป็นหมอนี่มีเวลามาอ่านข่าวหุ้น??
-ทำไมถึงเลือกเรียน สูติครับ??
-ต่อนอกดีมั้ย??-->มีคนบอกว่าขาดสังคมนะ
-เลือกเรียนหมออะไรดี??
แนะแนวการศึกษา![]()
ขอบคุณครับ
คิดถึง หุ้น หรือ CFO ครับ :)Paul VI เขียน: เดี๋ยวนี้ คิดถึง หุ้น ตลอด ขับรถ ไป ไหน ก็สายตาสอดส่าย บมจ ทั้งหลาย เฮ้อ เป็นเอามากแฮะ