สวัสดีครับพี่โจวตอบแต่ละคำถามอย่างจริงใจจริงๆ ถ้าดูข้อมูลย้อนหลัง 3-4 ปี ข้อมูลเชิงปริมาณตัวเลขต่างๆของ pato ถือว่าดีมากๆ ยอดขายเพิ่มสม่ำเสมอ กำไรเพิ่มขึ้นมากกว่า แถมปันผลหนักๆทุกปี เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมากมาย แค่นำสารเคมีมาผสมและขาย แต่ต้องลงทุนในแบรนด์นิดหน่อย ถ้าดูรวมๆถือเป็นหุ้นที่ดูดีมาก แต่ปัญหาของนักลงทุน vi คือเราควรจะรู้ที่ไปที่มา ว่าทำไมกิจการถึงเป็นอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นตัวเลขพวกนี้อาจเป็นกับดัก ยอมรับว่าผมก็ไม่ค่อยทราบ รู้ว่ายอดขายเพิ่มพอประมาณ แต่มาร์จินเพิ่มขึ้นสูงกว่า ไม่แน่ใจว่าจะยั่งยืนหรือเปล่า ยิ่งตอนนี้เหล็กกำลังร้อนเพราะมีเพลี้ยระบาด ทำให้ยอดขายสารกำจัดแมลงเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติครับloki เขียน: จากข้างบนครับขอถามความเห็นพี่โจเกี่ยวกับPATOหน่อยครับเท่าที่ผมดูก็ผลประกอบการงบการเงินปันผลดีติดต่อกันหลายปีอยู่(3-4ปีที่ผ่านมา)แล้วผมก็คิดว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ก็จะคงยังพึ่งสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่ดียิ่งมีนโยบายสนับสนุนด้านการเกษตรด้วยผมคิดว่าน่าจะขยายได้อีกในอุตสาหนกรรมนี้ซัก5-10ปีแต่ต่อไปไม่แน่ใจถ้ามีการตัดแต่งพันธุกรรมให้พืชทนแมลงมากขึ้นอาจจะทำให้อุสาหกรรมนี่ดับก็ได้แต่ก็ยังมีพวกต่อต้านการทำเรื่องนี้อยู่พี่โจคิดเห็นว่าอย่างไรครับ
Tlk เขียน:คุณ ลูกอีสานมี ที่พักเงินไหมครับ ถ้ามี เป็น พันธบัตร ทอง หรือ หุ้น ประเภทไหน รึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
ผมแทบไม่มีสินทรัพย์อื่นนอกจากหุ้นครับ ส่วนพอร์ตลงทุนผมจะถือหุ้นประมาณ 90-95% ตลอดเวลา ถือเงินสดส่วนที่เหลือไว้ใช้จ่ายทั่วไปและเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นโดยรวมผมถือหุ้นเกือบทั้งหมด หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า หุ้นเป็นเศษกระดาษ ไม่ใช่เงินหรือทองที่สัมผัสได้จริงๆ ผมมองอย่างนี้นะครับ..Tripple P เขียน:เป็นคำถามที่อยากถามคุณลูกอีสานพอดีเลยค่ะคุณ Tlk ว่าคุณลูกอีสานลงทุนในอะไรอีกบ้างนอกจากหุ้นคะ??? และเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของพอร์ทลงทุนรวมคะ??
ใช่ไหมครับ ยกเว้นถ้าวันนึงผมทำในหุ้นได้ไม่ดี อาจจะต้องคิดอีกที แต่ณ.ตอนนี้ผมคิดว่ายังพอถูไถไปได้ครับ
คุณโจข้ามคำถามเราไป...
ผมแทบไม่มีสินทรัพย์อื่นนอกจากหุ้นครับ ส่วนพอร์ตลงทุนผมจะถือหุ้นประมาณ 90-95% ตลอดเวลา ถือเงินสดส่วนที่เหลือไว้ใช้จ่ายทั่วไปและเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นโดยรวมผมถือหุ้นเกือบทั้งหมด หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า หุ้นเป็นเศษกระดาษ ไม่ใช่เงินหรือทองที่สัมผัสได้จริงๆ ผมมองอย่างนี้นะครับ..
1.แม้ลงทุนในหุ้นทั้งหมด แต่ผมก็กระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายๆตัว ประมาณ 15-20 ตัว และส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มั่นคง ความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นโอกาสที่เงินลงทุนทั้งหมดของผมจะเสียหายหนักๆ หรือเสียหายทั้งหมดแทบไม่มี ถ้ามีก็คงเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมากๆของโลกนี้ ถ้าหุ้นผมเจ๊งหมด ธนาคารก็คงเจ๊งด้วย ลงทุนในเงินฝากก็หายได้ หรือถึงแม้ลงทุนในพันธบัตรเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เงินเฟ้อมหาศาล พันธบัตรเหล่านี้ก็ไร้ค่าครับ ที่จริงตอนนั้นขายทองก็ไม่รู้จะมีคนซื้อหรือเปล่า คนคงสนใจอาหารยังชีพมากกว่า สรุปว่าโอกาสที่หุ้นทั้งหมดจะเสียหายมากๆ มีครับ แต่มีน้อยมากๆ จนไม่ต้องไปคิดให้เสียเวลา
2.ถ้าพิจารณาในแง่ผลตอบแทนการลงทุน ถ้าผมลงทุนในหุ้นแล้วได้ผลตอบแทนดีๆสม่ำเสมอ แล้วผมจะไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆที่ผมไม่รู้ ไม่เข้าใจ แถมผลตอบแทนต่ำกว่าไปทำไม ใช่ไหมครับ ยกเว้นถ้าวันนึงผมทำในหุ้นได้ไม่ดี อาจจะต้องคิดอีกที แต่ณ.ตอนนี้ผมคิดว่ายังพอถูไถไปได้ครับ
ส่วนการพักเงินรอซื้อหุ้น ผมแช่ในบัญชีเงินฝากออกทรัพย์ เพราะมีสภาพคล่องดีที่สุด ต้องการใช้เมื่อไหร่ก็ได้ มีผลตอบแทนนิดหน่อย หรือบางครั้งผมก็ไปพักในหุ้นที่เค้าทำ tender offer ก็เคยครับเพราะได้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากมาก ในขณะที่ความเสี่ยงด้อยค่ามีน้อย..
โฮ..ชื่อเพราะมากเลยครับSunShine@Night เขียน: ขอเป็นชื่อเท่ๆที่ผมคิดเองนะครับ
"ตะวันฉาย ณ รัตติกาล"
โฮ..ชื่อเพราะมากเลยครับdome@perth เขียน:
โฮ..ชื่อเพราะมากเลยครับSunShine@Night เขียน:
ถามทุกห้องเลยนะครับ แซวเล่นครับ555+ มารอฟังมุมมองพี่โจวกัน อิอิneo_potato_Th เขียน:รบกวนพี่โจช่วยขยายความเกี่ยวกับ presale backlog revenueได้มั้ยครับ
ผมว่าconceptผมยังไม่แน่นเลยขอบคุณครับ
บันทึกไม่สำเร็จ