น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 1

โพสต์

"มาร์ค"ส่ง"พงศพัศ"ปลอบใจครอบครัว"ผกก.บันนังสตา" "อดุลย์" ยกย่อง"ตายสมศักดิ์ศรี "ปทีป"เงียบ

"อดุลย์ แสงสิงแก้ว " ยกย่อง "พ.ต.อ."สมเพียร" ตร.นักรบเพื่อปชช.ที่แท้จริง บอก ตายสมศักดิ์ศรี ขอตร.ใต้อย่าท้อ ให้เอาอย่าง "ปทีป"ปิดปากเงียบ ไม่สัมภาษณ์สื่อ อ้างไม่สะดวก นายกฯส่งโฆษกตร. ปลอบใจครอบครัว ตร.คนสนิทยกย่อง"ยอดคน" บอก"นายเหนื่อยมาเยอะแล้วพักให้สบายไม่ต้องห่วง"

(หมายเหตุ ฟังเพลง "บันนังสตา" ที่ร้อง-แต่งโดย "ชุมพล เอกสมญา" บุตรชายของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้ ที่นี่)

"อดุลย์"ยกย่อง"สมเพียร"ตายสมศักดิ์ศรี ขอตร.ใต้เอาอย่าง-อย่าท้อ

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
จงทนอด และอดทน
ภาพประจำตัวสมาชิก
กล้วยไม้ขาว
Verified User
โพสต์: 1074
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 2

โพสต์

RIP ครับ

ผมยังจำตอนที่ท่านให้สัมภาษณ์ตอนเรียกร้องเรื่องโยกย้ายได้
ว่าเขาไม่ได้ย้ายเพราะผู้หลักผู้ใหญ่อยากทำเรื่องขอพระราชทานยศพันเอกให้เขา (คืออยากให้แกตายในหน้าที่)
แล้วไม่นานก็เกิดเหตุการณ์นี้ ไม่รู้ว่าเป็นโจรจริงโจรปลอมที่ว่างระเบิด เห้อ. . .

ตอนรู้ข่าวนี้ผมเห็นทั้ง ความโกรธ ความเศร้าโศก เกิดขึ้นในใจผม มีบางจังหวะที่รู้สึกตัวก็เกิดอยากไม่โกรธ อยากไม่เศร้า

ขออุทิศบุญกุศลทั้งหลายที่ผมเคยได้ทำในชาตินี้ ให้แก่ท่านด้วยครับ  :(
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 3

โพสต์

.....
....
...
..
.
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
san
Verified User
โพสต์: 1675
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ว้าเหว่......วังเวงจัง
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอให้วิญญาณของท่านไปสู่สุคติภพด้วยเถิด  :(  :(  :(
landrover54
Verified User
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 6

โพสต์

RIP ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 7

โพสต์

Rest in peace ครับ

ได้ฟัง และอ่านข่าวเกี่ยวกับตำรวจนักสู้คนนี้ น่าเลื่อมใสมากครับ
ทั้งประวัตรการทำงานในพื้นที่ น่านับถือมากครับ

ตอนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม น้ำตาคลอเบ้า
ผมว่าเป็นน้ำตาที่เจ็บใจในความอยุติธรรมในการแต่งตั้ง และการโยกย้ายของกรมตำรวจ

ยังงัยก็หวังว่าให้ทางกรมตำรวจ อย่างเล่นการเมืองมากนัก (เห็นตัวใหญ่ๆก็เอาแต่ตามก้นนักการเมือง) เดี๋ยวตำรวจดีๆท้อแท้หมด แล้วสังคมจะยุ่ง

ขอแสดงความเสียใจจริงๆครับ
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 8

โพสต์

RIP ครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
ภาพประจำตัวสมาชิก
SupachaiZ594
Verified User
โพสต์: 834
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เสียใจ ไม่น่าจะใช่คำตอบสุดท้าย
ภาพประจำตัวสมาชิก
BeSmile
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1178
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 10

โพสต์

Rest in peace ครับ

ดูข่าวตอนท่านมาร้องเรียนแล้ว พูดไม่ออกครับ

ตำรวจดี ๆ มีเยอะครับ
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
tanapol
Verified User
โพสต์: 919
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ประเทศร้องไห้จ่าเพียรเกษียณแล้ว
14 มีนาคม 2553 เวลา 10:35 น.

กูไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกปีเดียวกูก็เกษียณแล้ว แต่กูทำไปเพื่อตำรวจ ทหาร อส. ใน 3 จังหวัด คนทำความดีควรได้รับการดูแลตอบแทนบ้าง

โดย...อภิวัจ สุปรีชาวุฒิพงศ์

กูไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อีกปีเดียวกูก็เกษียณแล้ว แต่กูทำไปเพื่อตำรวจ ทหาร อส. ใน 3 จังหวัด คนทำความดีควรได้รับการดูแลตอบแทนบ้าง

คำพูดของ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา นาย ที่ ร.ต.ท.ธาม ลอยสะเทื้อน รองสารวัตรป้องกัน|และปราบปราม (รอง สวป.) สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ยอมรับนับถืออย่างสุดใจ ยังก้องอยู่ในความทรงจำของหมวดหนุ่ม เป็นคำพูดเพื่อบอกให้ลูกน้องได้เข้าใจต่อการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้ง ในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้มาร่วม 40 ปี และต้องการย้ายออกนอกพื้นที่ เพื่อความสบายใจของครอบครัว ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิตราชการ




ไม่กี่วันก่อนเดินทางไปร้องเรียนที่กรุงเทพฯ พ.ต.อ.สมเพียร ถูกลอบวางระเบิด ขณะนั่งรถยนต์ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โชคดีที่เขาไม่ได้รับอันตราย หลังยื่นหนังสือร้องเรียนครั้งนั้น พ.ต.อ.สมเพียร เปิดใจให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า

ผมอยากกลับบ้านให้ลูกและภรรยาสบายใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตราชการ แม้จะให้ยศพลตำรวจเอก ผมก็ไม่อยากได้ ถ้าหากกลับบ้านแบบมีธงชาติคลุม

ผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ น้ำตาของคนไทยรินหลั่ง กับภาพธงไตรรงค์ที่คลุมอยู่เหนือร่างวีรบุรุษ...

4 ปีแล้วที่หมวดธาม จากลพบุรีบ้านเกิด มาปฏิบัติหน้าที่ยัง อ.บันนังสตา เกือบปลายสุดด้ามขวาน ดินแดนซึ่งความรุนแรงได้คุกคามชีวิตอันสงบสุขของผู้คน เป็นช่วงเวลา 4 ปีที่หมวดหนุ่มได้สัมผัสกับมือปราบแห่งชายแดนใต้

ผมมารับตำแหน่งเมื่อปี 2548 ตอนนั้นแกยังเป็นรองผู้กำกับป้องกันปราบปราม (รอง ผกก.ป.) ผมเห็นแกครั้งแรกไม่ได้รู้สึกศรัทธาแกเลย เพราะรูปร่างหน้าตาแกไม่สมาร์ตเลย ดูยังไงก็ไม่เชื่อว่าแกเป็นนักรบ ปกติแกจะนุ่งกางเกงวอร์ม สวมเสื้อยืด เย็นวันหนึ่งผมกำลังเล่นกีฬา แกก็เดินมาหาในชุดเดิม แต่สะพายปืนมาด้วย บอกว่าเฮ้ยไปทำงานกัน พอไปถึงจุดหมาย คนร้ายเปิดฉากยิงใส่ก่อน แกวิ่งนำหน้า เสื้อเกราะก็ไม่ได้ใส่ ยิงปะทะกันอย่างหนักฝ่ายคนร้ายตายไป 5 แต่พวกเราปลอดภัย

ในฐานะลูกน้องใกล้ชิด ไม่ต่างจากมือขวา หมวดธามเล่าถึงเรื่องราวของนายผู้ล่วงลับว่า พ.ต.อ.|สมเพียร ทุ่มเททำงานโดยไม่หวังผลตอบแทน หวังอย่างเดียวคือทำลายเครือข่ายขบวนการก่อความไม่สงบให้ได้ ให้บันนังสตาเป็นแบบอย่างของการทำงานเพื่อรักษาความสงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

แกเป็นต้นแบบของตำรวจ ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง อยู่ในพื้นที่มานานตั้งแต่เป็นตำรวจชั้นประทวน ชาวบ้านเรียกแกว่า จ่าเพียร คนเฒ่าคนแก่มุสลิมแถวบันนังสตารักแกหมด พอรู้ว่าแกเป็นผู้กำกับ ก็มาหา แกเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจชายแดนใต้ คือเป็น|นักสู้ ถึงลูกถึงคน จึงจะได้ใจคน ดึกๆ แกก็ไปเยี่ยมลูกน้องตามฐาน ไปเยี่ยมชาวบ้าน ผมว่าผู้ก่อการคิดผิด การตายของผู้กำกับสมเพียร ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นใจแก จะทำให้มวลชนที่ยังไม่เข้าข้างฝ่ายไหน จะหันมาให้ความร่วมมือกับฝ่ายรัฐมากขึ้น ในงานรดน้ำศพมีชาวบ้านมุสลิมจากบันนังสตาไปร่วมงานเยอะมาก

แม้จะเป็นลูกน้องใกล้ชิด เป็นมือขวาที่ร่วมงานมากว่า 4 ปี แต่ไม่มีสักครั้งที่ผู้กำกับกระดูกเหล็กจะเอ่ยปากสอนงานให้ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา

แกไม่เคยสอนงาน แต่แกปฏิบัติให้เห็น ทำให้ดู ผมร่วมจับกุมเข้าปะทะกับแกมาแล้ว 9 ครั้ง ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 25 คน ทุกครั้งแกนำเองเลย พันตำรวจเอกวิ่งนำหน้า แกบอกว่า อยากให้ดูว่าลูกปืนมันก็วิ่งเข้าหาพันตำรวจเอกไม่ใช่แต่นายสิบเท่านั้น เข้าป่าไปดักซุ่มคนร้ายแกก็แบกเป้เอง กินข้าวปลาเค็ม นอนตากฝนกับลูกน้อง ทุกครั้งที่ผู้บังคับบัญชาฝากเงินให้เป็นรางวัลแกไม่เคยเปิดซองดู แต่เรียกชุดทำงานเข้ามาแล้วยื่นซองให้ บอกให้ไปแบ่งกัน

การพูดคุยนิ่งไปชั่วครู่ หมวดหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า

สำหรับผมแกเป็นยิ่งกว่าวีรบุรุษ

ความเป็นวีรบุรุษของจ่าเพียร มิใช่จากการเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ แต่มาจากเรื่องราว|วีรกรรมการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มาร่วม 40 ปี นับแต่จบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจภูธร จ.ยะลา เมื่อ พ.ศ. 2513 ก็บรรจุเข้ารับราชการที่ อ.บันนังสตา ในยุคที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเข้มแข็งถึงขีดสุด ผ่านการสู้รบปะทะกับกลุ่มโจร|ก่อการร้าย โจรจีนคอมมิวนิสต์มลายามานับ 100 ครั้ง บาดเจ็บถึง 8 ครั้ง ที่หนักสุดคือในช่วงปี 2519 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาซ้ายจนเกือบพิการ

วีรกรรมของจ่าเพียรส่งผลให้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร และได้เข้าร่วมพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ต่อเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2525 ขณะมียศเพียงจ่าสิบตำรวจ เป็นจ่าตำรวจคนแรกและคนเดียวที่ได้ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้

ระยะเวลายาวนานถึง 40 ปี สำหรับชีวิตผู้คน โดยเฉพาะการมีชีวิตอยู่อย่างทุ่มเทเสียสละ นับว่าเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแต่งานราชการที่ทุ่มเทปฏิบัติเพื่อความสงบสุขของประเทศชาติและประชาชน วันนี้ จ่าเพียร เกษียณแล้วจากภาระทั้งปวง เหลือไว้แต่เรื่องราวความกล้าหาญ เสียสละ ยึดมั่นต่อหน้าที่ เสมือนตำนานที่จะอยู่ในความทรงจำของผู้คนตลอดไป

หลับตาเถอะนะ ขอให้เธอหลับฝันดี คืนนี้ไม่ต้องห่วง ตรงนี้ฉันจะดูแลด้วยชีวิตของฉัน

ฝากดาวบนฟ้า ร้องเพลงนี้ให้เธอฟัง หากฉันไม่ได้กลับ อย่างน้อยให้เธอหลับสบายก็พอแล้ว...
tanapol
Verified User
โพสต์: 919
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 12

โพสต์

สุดท้ายเรื่องนี้ก็จะเงียบไปเหมือน gt200

ผิดกับเรื่องประท้วง...ปั่นกระแสซะจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต...กลบข่าวอื่นซะมิด

หนังสือเคยบอกไว้ว่า..."คุณจะไม่ได้อะไรกับการพิสูจน์ว่าคนอื่นผิด"

พี่ เพื่อนๆ ว่าเราควร แคร์เรื่องนี้...ถึงการหาคนรับผิดชอบหรือเปล่าครับ  :P
vivitawin
Verified User
โพสต์: 1922
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 13

โพสต์

good cop ... bad cop
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 14

โพสต์

vivitawin เขียน:good cop ... bad cop
หมายถึงว่า ท่านที่เสียชีวิตเป็นคนดี ในหมู่ของคนไม่ดีอีกหลายๆ คน
หรือ ลึกซึ้งแนวการใช้จิตวิทยา Good Cop Bad Cop "ให้ตำรวจคนนึงดูเลวดูดุ อีกคนดูใจดีดูเข้าอกเข้าใจ"
เวลาสอบสวนก็เพื่อให้ผู้ต้องหาคายความจริงออกมาให้คนแสร้งเห็นอกเห็นใจคะ  :?

ปล. ไม่ได้ยินสำนวนนี้มานานค่ะ เลยถามเฉยๆ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 15

โพสต์

RIP  ครับ

หลังๆ ผมเริ่มเชื่อเเล้วว่า คนดีมักตายเร็ว
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
tanapol
Verified User
โพสต์: 919
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 16

โพสต์

บทเพลงระหว่างบรรทัดของลูกชาย กับความภาคภูมิในศักดิ์ศรีตำรวจอาชีพของ จ่าเพียร ผู้พ่อ เชื่อมโยงถึง 'นังตา บ้านที่สงบสุขของทั้งคู่

เสียงระเบิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553 ที่คร่าชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ไปนั้น ได้ส่งผลสะเทือนไปทั่ว


เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นอีกเครื่องย้ำเตือนถึงความโหดร้าย "รายวัน" ของสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการสูญเสียนายตำรวจระดับผู้กำกับ...คนแรก

ที่สำคัญ เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นภาพสะท้อนความเน่าเฟะของปัญหาการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีมาอย่างยาวนาน

"ผมไม่กลัวถูกยิงเพราะโดนยิงมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมจะไม่ตาย เพราะงานยังไม่จบ ตายไม่ได้" คำมั่นในปณิธานของ พ.ต.อ.สมเพียร ที่ต้องการให้บ้านหลังที่สองของเขาเกิดความสงบสุข ครั้งเปิดโรงพักใหม่เมื่อต้นปี 2552 ถูกฉีกออกไม่เป็นชิ้นดี

สำหรับชาวบันนังสตาเอง นี่คงเป็นเหมือนการพังทลายลงของกำแพงใหญ่ที่คอยปกป้องพวกเขาจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมาชั่วนาตาปี จนวันนี้ ไม่มีเงา "นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด" หรือ "จ่าเพียร ขาเหล็ก" ให้อุ่นใจอีกต่อไปแล้ว

ห่างออกไปทางภาคอีสาน... ห้วงทำนองการรำลึกวัยเยาว์ของกีตาร์โปร่งตัวหนึ่งกังวานขึ้น พร้อมรอยน้ำตา...

ฉันรู้ว่าวันเวลาเป็นส่วนหนึ่ง  ที่รีไซเคิลไม่ได้
มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป...
บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน ในวัยเยาว์นั้น พ่อซื้อแพะให้ฉันหนึ่งตัว
แพะโง่ๆ หนึ่งตัว..."

บันนังสตา กับครอบครัว ภูวพงษ์พิทักษ์ (เอกสมญา) ถือเป็นความผูกพันที่ไม่อาจแยกออกจากความทรงจำ หลังสำเร็จการฝึกจาก โรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา เมื่อปี 2513 ชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ของ พลตำรวจสมเพียร เอกสมญา ก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่ รวมทั้งชีวิตวัยเด็กของ ชุมพล เอกสมญา  (เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น จิรพัชช์ ภูวพงษ์พิทักษ์ แต่เจ้าตัวภูมิใจกับชื่อเดิมมากกว่า) และน้องชายอีก 3 คนด้วย

"พ่อผมเรียกตัวเองว่า พลตำรวจลูกแถวน่ะ ไต่เต้าตั้งแต่เป็นพลตำรวจลูกแถวเลยนะ มีเรื่องสมัยพ่อบรรจุใหม่ๆ เหมือนหนังเกรดบีอเมริกันเลย ไปรายงานตัววันแรกที่บันนังสตาตอนปี 2513 ไปเจอตำรวจอายุ 50 ปีเป็นพลตำรวจ หัวใจแกตกลงตาตุ่มเลย มันต้องไม่ดีแน่ๆ เลย ทำงานจนหัวหงอกยังเป็นพลตำรวจอยู่ แล้วเขาก็เป็นคู่หูของพ่อนะ ออกยิงโจรด้วยกัน ตำรวจแก่ 50 ปีกับตำรวจเด็กรุ่นลูกคนนั้น  เหมือนหนังเลย" เขาย้อนความทรงจำเมื่อวันวาน


ขณะนั้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตเคลื่อนไหวของขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ทำให้เกิดการปะทะระหว่างภาครัฐ กับฝ่ายตรงข้ามหลายครั้ง จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างสาหัสสำหรับพลตำรวจจบใหม่อย่างมาก แต่นั่นก็คือจุดเริ่มต้นของตำนานมือปราบกระดูกเหล็ก ด้วยการทำงานชนิด "ถึงลูกถึงคน" แม้จะถูกกระสุน และระเบิดฝากรอยแผลเอาไว้ตามร่างกายหลายแห่งก็ตาม

"15 วันผมเสียพ่อครั้งหนึ่งนะ ที่เขาเรียกเพียรขาเหล็กเพราะแกชอบลาดตระเวน ชอบเดินหาข่าวในป่าลึกที่รถเข้าไปไม่ถึง เดิน 15 คืนกลับบ้านครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นปมด้อยนะ เพราะด้านหนึ่งเราก็ภูมิใจ  สิ่งที่ติดตาเรามาตั้งแต่เด็กเกี่ยวกับพ่อก็คือ ความแข็งแรง ร่างกายพ่อใหญ่กว่าผมครึ่งหนึ่งในส่วนของกระดูก ผมโตมาขนาดนี้ยังไม่เท่ากระดูกของพ่อเลย"

วีรกรรมการจับโจรในทุกรูปแบบ ทั้งชิงตัวประกันด้วยมือเปล่า การปฏิบัติราชการลับร่วมกับฝ่ายปกครอง ฝ่ากระสุน ดงระเบิดอีกนับครั้งไม่ถ้วน เขายอมรับว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกๆ ค่อนข้างเกรงใจ "พ่อเพียร"


"ท่านเป็นคนเหมือนดุแต่ขี้เล่น ตลก ขำ แต่เวลาจริงจังอย่าเข้าใกล้ พ่อเป็นคนตวาด เพราะโดนระเบิดแล้วหูซ้ายดับ มีหูไว้ฟังเสียงข้างเดียว  กลัวพ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็รักพ่อนะ (ยิ้ม) พ่อเคยพาผมขึ้นขี่คอไปดูหนังแบกไปเป็นกิโลๆ เลย แข็งแรงมากๆ วันเกิดพ่อก็ให้ของขวัญเป็นแพะตัวหนึ่งไม่เหมือนใครเลย มันเป็นภาพความทรงจำที่ผมประทับใจมากๆ"





"...บันนังสตาบ้านเกิดของฉัน ในวัยเยาว์นั้น หอนาฬิกาโบราณ
หอนาฬิกาโบราณ นาฬิกาตาย นาฬิกาตาย
...มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป
มองไปทางซ้ายก็เพื่อนเรา มองไปทางขวา เราเป็นเพื่อนกัน"


ใต้ชายคาของความเป็นเด็ก การได้วิ่งเล่นที่สนามหญ้า ข้างๆ หอนาฬิกา จับกลุ่มเข้าป่าในช่วงวันหยุดกับเพื่อนๆ ทั้งพุทธ และมุสลิม การไปคลุกอยู่ในมัสยิดเป็นวันๆ หรือกระทั่งพาเพื่อนอิสลามเดินเตร่อยู่หลังกำแพงวัด ชุมพลรู้สึกว่ามันค่อนข้างถูกแบ่งแยกออกจากกรอบของผู้ใหญ่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการก่อการร้าย


"สมัยนั้นเขาปะทะกันเป็นลูกผู้ชายมาก เขาแบ่งข้าง มีดินแดนเป็นของตัวเอง ไม่เอาชาวบ้านเป็นตัวประกัน ชัดเจน ไม่มีมาลอบยิง คนแก่ เด็ก ไม่มี ระเบิดใส่ผู้หญิง ยิงคนบริสุทธิ์ ไม่มี เจอเจ้าหน้าที่รัฐก็ใส่ เขาแฟร์มาก ทุกพื้นที่ที่พ่อไป เราเดินเล่นได้ เด็กๆ ผมกับเพื่อนก็เคยเดินป่าบันนังสตาจนทะลุยะหานะ เสาร์ อาทิตย์ เด็กพุทธ-มุสลิม เดินด้วยกัน อันตรายจากสัตว์ยังมากกว่าคนเลย แต่ทุกวันนี้ มันไม่เหมือนเก่า มันไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย แม่บอกว่าคนที่ก่อการเป็นเพื่อนผมทั้งนั้น มันน่าเศร้าที่เราเติบโตมาด้วยกัน"

หากมองภาพปัญหาโดยรวมในสายตาของคนทำงานในพื้นที่มาตลอดชีวิตอย่าง "จ่าเพียร" เขาบอกเสมอว่า ถ้าไม่นับวิธีการที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

"เรารู้มาตลอดว่าเหตุการณ์เป็นยังไง หลับตาก็มองเห็นแล้ว ธรรมชาติคนที่นี่เขากลัวคนจริง ใครทำจริงเขากลัว"

ด้วยความ "เจนสนาม" รู้ตื้นลึกหนาบาง ทำให้เขาตัดสินใจกลับสู่บันนังสตาอีกครั้งช่วงปี 2550 เพื่อเปลี่ยน "ชุมโจร" ให้กลับมาเป็น "บ้าน" ที่สงบสุขอย่างเดิม ทั้งพระเดช และพระคุณที่เขาใช้ ล้อมปราบ หางานให้คนกลับใจ ทำงานแบบใจแลกใจอยู่แรมปี จากโรงพักที่เคยล้อมรั้วด้วยลวดหนาม ก็กลายมาเป็นอาคารทำการสถานีตำรวจบันนังสตา 3 ชั้นใหม่เอี่ยมอ่อง ดึงความหวังของประชาชนให้กลับคืนมา

"ผมเรียกญาติพี่น้องทั้งหลายมาคุยกัน ผมเทียบภาพ 3 จังหวัดเหมือนเป็นหมากับเห็บ เห็บมาดูดเลือดหมา แล้วก็ออกลูกหลานดูดจนหมาผอมโซอยู่ทุกวันนี้ แล้วตั้งคำถามกลับไปว่าสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ใครได้ประโยชน์ถ้าไม่ใช่หน่วยงานของรัฐรวมทั้งผมด้วย ที่ลงมามีแต่ได้กับได้ พวกคุณคิดไหมทำงานครั้งหนึ่งได้เท่าไร เจ้าหน้าที่ได้คนละเท่าไร คิดให้ดีเลย อย่าไปเป็นเครื่องมือของรัฐของเจ้าหน้าที่ ถ้ามีอำนาจผมจะจ้างโจรไม่ให้เป็นโจรก็ได้ เลี้ยงโจรดีกว่าให้โจรเลี้ยงอยู่แล้ว"


เลี้ยงโจร...ดีกว่าให้โจรเลี้ยง วลีดังกล่าว ชุมพลยืนยันว่า นี่คือสิ่งที่ภาครัฐอ่านการทำงานของพ่อไม่เคยขาด

"เป็นสไตล์พ่อนะ สร้างมิตรดีกว่าทำตัวเป็นศัตรู แกพูดเสมอว่าเราต้องเป็นฝ่ายรุก นอกจากรุกทางปราบแล้วยังต้องรุกทางมวลชนด้วย แกมีเทคนิคที่รัฐบาลไทยอ่านไม่ขาด พ่อเห็นชาวบ้าน เห็นโจรก่อการร้ายตั้งแต่มันแก้ผ้าเนี่ย รู้ว่าโจรคนนี้พ่อมันชื่ออะไร ปู่มันชื่ออะไร มันกลัวอะไร นิสัยแบบไหน ดีกว่าคุณไปเสียเงินวิจัยกันเป็นพันล้านแล้วได้อะไรล่ะ"





"แม้โลกนี้เราล้างไฟด้วยไฟ ล้างไฟด้วยไฟ
มองโลกตามที่มันเป็นจริง มองโลกตามที่มันเป็นไป
ฉันก็ยังหวังนะ ฉันก็ยังหวังดี
ว่าเราจะเป็นน้ำดับไฟ เป็นน้ำดับไฟ
..เป็นน้ำดับไฟ"

จังหวะเส้นสายที่กรีดกราย คลอถ้อยคำที่กลั่นออกจากความรู้สึกที่อยากเห็นบ้านเกิดกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้งหมดเป็นผลิตผลของชายหนุ่มที่สานเอาชีวิตตำรวจของพ่อ และอิทธิพลทางศิลปะจากกลุ่มเพื่อนพ้องในรั้วมหาวิทยาลัย ถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง "บันนังสตา" ในที่สุด

"ผมคิดว่าถ้าเรามองปัญหาจุดเล็กแล้วมันจะสะท้อนจุดใหญ่ได้" เขาบอก

เพื่อนในวัยเด็กที่วันนี้ต้องมายืนคนละข้างกับเขา และพ่อ ในฐานะคนอยู่ตรงกลาง การสื่อความสู่สันติน่าจะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก หากทุกฝ่ายใช้ "น้ำ" ดับ "ไฟ" ที่กำลังโหมกระพืออยู่ในวันนี้

"โลกใบนี้ถ้าเราล้างไฟด้วยไฟ ปัญหามันก็ไม่จบ จริงอยู่ ทหารตำรวจน่ะจำเป็นในกรณีที่มีการปะทะรุนแรง แต่การได้หัวใจประชาชนมันต้องเป็นน้ำดับไฟไม่ใช่เหรอ ต้องใช้น้ำใจช่วยยืดหยุ่นไม่ใช่เหรอ พอมองปัญหาในบันนังสตา ตอนนี้ที่กำลังทำอยู่มันเป็นการล้างไฟด้วยไฟ เขาก็ล้างไฟกลับมา แล้วเรามองสะท้อนไปอัฟกานิสถาน มองไปเลบานอน เหมือนกันทั้งโลกนี่นา ใครๆ ก็ล้างไฟด้วยไฟ มองจุดเล็กๆ ก็จะเห็นจุดใหญ่ พอมาเจอเหตุการณ์บันนังสตา เจอพ่อย้าย เราห่วงพ่อ ภาพวันเด็กมันสะท้อนกลับมา เลยทำเพลงนี้ขึ้นมา"

เขายอมรับว่าเขิน ทำให้พ่อไม่เคยมีโอกาสดูลูกชายเดี่ยวกีตาร์สดๆ สักครั้ง แต่ก็คือพ่อสมเพียรนั่นแหละที่เป็นคนโทรมาบอกเขาว่าเพลงนี้ติด 1 ใน 6 เพลงยอดเยี่ยมแห่งปี 2552 ของเว็บไซด์มติชนออนไลน์

ในความรู้สึกของลูกชายที่อาจทำให้พ่อผิดหวังด้วยการหันหลังให้งานรับราชการ เขาจึงหักร้างถางพงที่จ.หนองบัวลำภูจนได้สวนยางพาราขนาด 30 ไร่ รอพ่อที่กำลังจะเกษียณอายุราชการไปแบกเสียมแบกจอบอย่างที่ใจชอบ

"ทางอาร์เคเคประกาศแล้วว่าตำรวจถ้าเกษียณเขาจะตามเก็บ ก็เตรียมที่ทางไว้ให้ท่านตั้งแต่ 4 ปีก่อนแล้ว ก็คิดว่าท่านจะกลับมาอยู่ด้วยกัน สงบๆ อยู่อีสาน ทำสวนยางไป เป็นคนแก่ปลูกต้นไม้ไป"

แต่ระเบิดลูกนั้น กลับทำลายความฝันของเขาแหลกละเอียด

"อีกนิดเดียวแท้ๆ " น้ำเสียงนั้นออกอาการ "เศร้า" อย่างชัดเจน

วันนี้ ไม่มีผู้กำกับกระดูกเหล็กที่ชาวนังตาคุ้นเคย ไม่มีผู้กำกับที่ไปลงมือขุดส้วมด้วยตัวเอง ไม่มีนายตำรวจที่ช่วยเป็นธุระทั้งหาอาชีพ รับรองความปลอดภัยให้กับบรรดา "โจรกลับใจ" หรือกระทั่งดั้นด้นไปหาพันธุ์ไม้ต่างถิ่นมาปลูกให้ชาวบ้านได้ดูกันอีกแล้ว


ชีวิตของนายตำรวจที่ถูกตั้งค่าหัวไว้เท่ากับแพะ 50 ตัว เคยบากหน้าไปขอความเป็นธรรมในการโยกย้ายก่อนเกษียณ หลังจากเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาทั้งชีวิต แต่ได้รับการปฏิเสธ ถูกบรรดาผู้บังคับบัญชาออกมาเรียงหน้าออกมาพูด ว่า กำลังจะเยียวยาให้ขึ้นเป็น รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง อยู่แล้ว แต่ไม่ทัน...

น้ำตาของชุมพลยืนยันว่า เขาไม่ได้เสียใจกับการจากไปของพ่อ แต่เขาเสียใจกับความไม่ยุติธรรมสำหรับตำรวจคนหนึ่งที่เอาชีวิตครอบครัวเข้าแลกเพื่อประเทศชาติมากกว่า

"ผมเสียใจที่มันไม่มีความเป็นธรรม คนเราให้กันตอนเป็นๆ ไม่ได้เหรอ รางวัลที่ควรได้รับ ให้ตอนโน่น เป็นกระดูกเป็นเถ้า กี่รุ่นแล้วนักรบไทย โดนอย่างนี้หมด ก็หวังว่าจะเป็นกระแสบ้าง อย่างที่พ่อบอก ตำรวจรุ่นน้องควรจะได้รับการดูแลที่ดี จากการเรียกร้องของท่าน คนที่ได้ตำรวจที่ดีเป็นแบบอย่างว่า เฮ้ย ทำดีแล้วต้องได้ดี มีผลงานแล้ว เฮ้ย เราอยากสบาย อยากพัก เราก็ควรไป" เขาย้ำถึงสิ่งที่พ่อพยายามทำอยู่เสมอ

เหมือนกับที่ตัวพ.ต.อ.สมเพียรเคยวิจารณ์ถึงบรรดาตำรวจรุ่นใหม่ ที่มักไม่ได้มองเห็นภาพชีวิตจริงของชาวบ้าน อยู่แต่ส่วนกลางเพื่อรอวันเป็นใหญ่เป็นโต

"ผบ.ตร. ไม่เคยมาจากภูธรเลย อยู่แต่นครบาล เขาไม่เคยเห็นความลำบากของลูกน้อง ก็อยากจะปลูกฝังตำรวจรุ่นใหม่จริงๆ สอนให้เขาอยู่ในสภาพที่ลำบากเพื่อจะได้เห็นใจผู้อื่นบ้าง วันนี้ ตำรวจขาดจิตสำนึกความเป็นตำรวจ เข้ามาเพื่ออะไร...

... เราต้องเป็นตำรวจอาชีพ ไม่ใช่อาชีพตำรวจ" นักสู้แห่งเทือกเขาบูโดยึดมั่นเช่นนั้นจนวันสุดท้าย
หมีขาว
Verified User
โพสต์: 354
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 17

โพสต์

RIP ครับ :cry:
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 18

โพสต์

:8) ช่วยกันคนละไม้คนละมือครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ตำรวจผู้กล้าชื่อ "จ่าเพียร"

โดย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช


ท่ามกลางความวุ่นวายสับสนทางการเมืองในขณะนี้ ไม่มีพื้นที่ข่าวสารของสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้นำเสนอให้ผู้บริโภคข่าวสนใจ แต่ละวันเหตุลอบยิง วางระเบิด หรือลอบทำร้ายหมายขวัญทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว


สื่อทุกประเภทจึงรายงานพอเป็นพิธี หนังสือพิมพ์มีเพียงข่าวอยู่ในล้อมกรอบเล็กๆ แบบเสียมิได้เพื่อให้รับรู้เท่านั้น


ถ้าเลียนแบบถ้อยคำที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องบอกว่า "โลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้"


ข่าวการสูญเสียผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา จากการถูกลอบวางระเบิดและซุ่มยิงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความสั่นสะเทือนให้โลกใบนี้หยุดหมุนรอบเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี หรือหมุนเร็วเสียจนคนนั่งในตำแหน่งอาจจะต้องกระเด็นตกเก้าอี้ลงมา


เหตุผลสำคัญก็คือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ไม่ใช่เป็นแค่ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา เท่านั้น แต่ พ.ต.อ.สมเพียร หรือที่ประชาชนเรียกกันติดปากว่า "จ่าเพียร" เป็นผู้กำกับการที่กำกับหัวจิตหัวใจ ความรู้สึกของประชาชน และตำรวจชั้นผู้น้อยเกือบสองแสนคนที่ถือว่า "จ่าเพียร" คือสัญลักษณ์ของความองอาจ กล้าหาญ เสียสละ


เป็นลูกผู้ชายตัวจริงที่เหนือคำโปรโมตโฆษณา


ผู้เขียนรู้จัก พ.ต.อ.สมเพียร ซึ่งในที่นี้จะขอใช้คำว่า "จ่าเพียร" (ตามที่ประชาชนเรียกขาน) มาช้านาน ความสัมพันธ์ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา ครูกับลูกศิษย์ พี่กับน้องเท่านั้น เพราะความผูกพันของเราสองคนมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร


ตามความเข้าใจของคนภายนอก อาจจะมองว่าผู้เขียนเป็นทั้งอดีตผู้บังคับบัญชา ครู และพี่ โดยวัยวุฒิและคุณวุฒิ แต่ในความเป็นจริง พฤติกรรมในความเป็นมนุษย์ของ "จ่าเพียร" เป็นตัวอย่างให้ผู้เขียนเรียนรู้ เข้าใจ ถึงภาวะผู้นำที่ดีว่าควรมีคุณสมบัติอย่างไร และต้องปฏิบัติอย่างไรถึงจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับ ศรัทธา ลงมือปฏิบัติตามแบบอย่างที่ "จ่าเพียร" ประพฤติให้เห็น


ดังนั้น ในมุมกลับกัน ถือว่า "จ่าเพียร" เป็นครู เป็นแม่แบบที่ดีที่หายากอันควรแก่การยกย่อง สามารถนำไปถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นนายตำรวจหลักสูตรต่างๆ ได้รู้ซึ้งถึงจิตวิญญาณของการเป็นตำรวจที่ดีว่าควรเป็นอย่างไร


ตอนยังรับราชการในตำแหน่ง ผู้ช่วยและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องสวัสดิการตำรวจ เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในเขต 3 จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอของสงขลาอันประกอบด้วย จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ จะมีบัญชาให้ไปร่วมงานศพหรือเยี่ยมเยียนผู้บาดเจ็บ


ครั้งหนึ่งบริเวณริมทางรถไฟใกล้สถานีจะนะมีการลอบวางระเบิด ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ผู้เขียนจึงต้องลงไปปลอบขวัญครอบครัวและได้พบกับ "จ่าเพียร" ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม


"จ่าเพียร" ปรารภกับผู้เขียนว่าองค์กรตำรวจ สวัสดิการช่วยเหลือครอบครัวผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ นอกจากจะช้าแล้วประโยชน์ตอบแทนในรูปของเงินสวัสดิการมีเพียงน้อยนิด เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่น


เรือตรีวินัย นาวิกโยธินทหารเรือเสียชีวิตที่ตันหยง ได้รับเงินช่วยร่วม 3 ล้านบาท ของเรานอกจากแค่เงินฌาปนกิจ 2-3 แสน ก็มีเงินกองทุนเล็กกองทุนน้อยรวมแล้วไม่ถึงแสน มันเทียบกันไม่ได้เลยครับอาจารย์


คำแนะนำของจ่าเพียร นอกจากจะสะท้อนความรู้สึกของผู้ปฏิบัติงานสนามที่เสี่ยงอันตรายแล้ว ยังกระตุกให้ผู้บังคับบัญชาตำรวจหันมาสนใจผู้น้อยอย่างจริงจัง


และนี่คือที่มาของการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์ข้าราชการตำรวจ ซึ่งก่อนที่ผมจะลาออกเมื่อ พล.ต.อ.โกวิท ถูกคำสั่งนายกรัฐมนตรีขณะนั้นให้ไปประจำสำนักนายกฯ สามารถรวบรวมเงินได้ประมาณ 500 ล้านบาท


ได้ติดตามข่าวสารของ "จ่าเพียร" อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งเป็น ผกก.สภ.บันนังสตา ผู้เขียนได้ไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ "จ่าเพียร" ไต่ถามความต้องการว่ามีอะไรที่จะให้ช่วยสนับสนุนบ้าง


จ่าเพียรไม่ตอบตรงๆ แต่ชี้ให้ดูรอบบริเวณโรงพัก


"ผมเอารั้วลวดหนามที่วางรอบบริเวณโรงพักออกให้หมด เพื่อเป็นการเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ว่า ตำรวจพร้อมที่จะรับใช้ พร้อมจะเสียสละและไม่กลัว จึงไม่ต้องมีอะไรขวางกั้น เข้ามาติดต่อต้องเข้าง่ายออกง่าย เพราะตำรวจอย่างเรามีหัวใจบริการ แต่ถ้าอาจารย์จะกรุณาผมอยากได้เครื่องขยายเสียงเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ยินทั่วถึง"


จึงจัดหางบบริจาคส่งไปให้ "จ่าเพียร" เท่ากับจำนวนที่ขอ


ครั้งสุดท้ายที่ลงไปยะลา เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2553 และสนทนากับ "จ่าเพียร" ทางโทรศัพท์ ได้รับคำตัดพ้อเรื่องแต่งตั้งว่า


"อาจารย์ ผมขอแค่ไปอยู่กันตัง ไม่ใช่เมืองตรัง นายเขาก็ปฏิเสธ ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่ตรากตรำทำงานมาทั้งชีวิต รู้ว่าทุกเวลาในนังตา (บันนังสตา) นั้น ทั้งเสี่ยงและเหนื่อย ที่ขอย้ายก็ไม่ได้หนี แต่ขอพักเพราะลูกเมียขอร้อง ไม่เข้าใจว่านายเขาคิดกันอย่างไร"


ฟังแล้วสะอึกเหมือนมีก้อนอะไรวิ่งมาจุกคอหอย ได้แต่ปลอบ "จ่าเพียร" ไปว่าผู้บังคับบัญชากำลังแก้ไขให้


หลังจากนั้น "จ่าเพียร" ก็ขึ้นมายื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีมีข้อความบางตอนที่สะท้อนความรู้สึกอัดอั้นตันใจ


"นายบางคนต้องการเงินมากกว่าคนทำงาน อุตส่าห์ทุ่มเททำงานหนักมาตลอด เคยปะทะผู้ร้ายกว่า 100 ครั้ง บาดเจ็บ 8-9 ครั้ง วิสามัญผู้ร้าย 22 คน ... ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจกลับมองไม่เห็นหัว คงอยากจะทำเรื่องขอพระราชทานยศ พล.ต.อ.ให้ผมตอนตายแล้วมากกว่า..."


แล้ว "จ่าเพียร" ก็จากไป ชีวิตของวีรบุรุษเขาบูโด จ่าเพียรขาเหล็ก นายตำรวจผู้ดำรงศักดิ์แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร ตั้งแต่เป็นชั้นประทวนยศจ่าสิบตำรวจนั้นทรงคุณค่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตำรวจอีกหลายนายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


เชื่อว่าครอบครัวลูกเมียของจ่าเพียรคงไม่ได้มุ่งหวังให้จ่าเพียรได้ติดยศ พล.ต.อ.ในยามที่ไม่มีลมหายใจ แต่อยากให้ได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุขในบั้นปลายชีวิตหลังจากที่ได้ตรากตรำ ทำงานอย่างหนักมาตลอดชีวิตรับราชการมากกว่า


ไม่อาจล่วงรู้ความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ว่าการตายของจ่าเพียร จะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่ อย่างไร


แต่สำหรับความรู้สึกของผู้เขียน ของเพื่อนข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยเกือบสองแสนชีวิต และของประชาชนที่รับทราบเรื่องราว ความเสียสละ ความองอาจกล้าหาญ ความรักและศรัทธาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของจ่าเพียร ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะในฐานะประธาน ก.ตร. และ ผบ.ตร. การแก้ไขปัญหาที่จ่าเพียรเรียกร้องความเป็นธรรมนั้นง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เพียงแต่กำหนดตำแหน่ง รอง ผบก.ประจำ สตช. ในที่ประชุม ก.ตร.และใช้อำนาจของ ผบ.ตร.ตามมาตรา 56 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แต่งตั้งให้ไปช่วยปฏิบัติราชการที่ ภ.จว.ตรัง เราคงไม่สูญเสียวีรบุรุษอย่างจ่าเพียรไป


แต่ผู้มีอำนาจข้างต้นกลับเลือกที่จะใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบผายลมทางปากไปวันๆ โดยเลือกที่จะให้ยศ พล.ต.อ.เมื่อจ่าเพียรไร้วิญญาณตามคำพูดของจ่าเพียร การแก้ไขปัญหาลักษณะนี้ ถ้าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและมีภาวะผู้นำ


"เขาลาออกไปแล้วครับ"


http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... =01&catid=
จงทนอด และอดทน
SoLid_frOg
Verified User
โพสต์: 355
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ผมยังไม่เข้าใจกับอะไรหลาย ๆ อย่างในวงการตำรวจครับ

อยู่จริงแล้วเป็นไง สังคมเป็นไง การเลื่อนตำแหน่ง โยกย้าย เป็นไง

:(

RIP ครับ
It's not how good you are, it's how good you want to be.
tanapol
Verified User
โพสต์: 919
ผู้ติดตาม: 0

น่าสงสารจริงๆ Rest in peace พตอ สมเพียร เอกสมญา

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ผมคิดว่าครอบครัวจ่าเพียรคงไม่ได้อยากได้เงินนะครับ

ยศ พล.ต.อ. ที่รัฐบาลให้ เงินบำนาญคงพอให้ครอบครัวอยู่สบายๆ

อีกอย่างลูกทั้งสองก็มีงานมีการทำกันแล้ว

ผมว่าตำรวจทำเพื่อสร้างภาพ เบี่ยงเบนความสนใจ

ผมคิดว่าสิ่งที่เค้าอยากได้ที่สุด น่าจะเป็น "ความเป็นธรรม"
โพสต์โพสต์