ผลประกอบการ se-ed

[ลูกอิสาน]

กำไรไตรมาส 3 -2547 - 20 ล้าน
กำไรไตรมาส 3-2546 - 38 ล้าน

กำไรลดลงค่อนข้างมากครับ
ลองเช็คข้อมูลอีกครั้งนะครับ

[CK]

คิดว่าใช่ครับ

กำไรต่อหุ้นปรับลด เหลือ 0.06 บาท เทียบกับ 0.16 บาทปีที่แล้ว

ส่วนเก้าเดือนเหลือ 0.26 จาก 0.41 (diluted)

[MacroArt]

ธุรกิจหนังสืออยู่ในช่วงพักฐานครับ ถึงจะมีหนังสือออกใหม่มาก แต่คนอ่านยัง
มีปริมาณเท่าเดิม

[นักดูดาว]

ผมช่วยเชียร์มั้ยคับ หุๆๆๆๆๆ :lol:

[CK]

เชียร์เลยคร๊าบ เชียร์ให้เต็มที่เลย ผมจะได้ซื้อมั่ง :lol:

[se-ed]

cheer up or down la kab

[วัวแดง]

ไม่ต้องเชียร ก็ได้ซื้อแน่ๆๆครับ
รอซื้ออยู่เหมือนกัน เจอกันที่ 5 บาทเน้อ 8)

[Dr.T]

ไม่ต้องเชียร ก็ได้ซื้อแน่ๆๆครับ
รอซื้ออยู่เหมือนกัน เจอกันที่ 5 บาทเน้อ 8)

เหอะๆๆ หลายคนในนี้คงค้อนเอาตาเขียว :lol:

[นักดูดาว]

ในหมู่นักลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานบางท่านก็ชอบที่จะหา Growth Stock (จริงๆแล้วผมว่าคนละแนวทางกับ Value นะ แม้จะเป็นปัจจัยพื้นฐานเหมือนกัน)
บางที Value กับ Growth ก็ไม่ได้ไปด้วยกันครับ Growth นี่เราต้องใช้การคาดเดาอนาคต นั่นก็แปลว่าเกิดความไม่แน่นอนได้ในระดับหนึ่ง

ราคาของ SE-ED นี่ให้กันขนาดนี้เพราะสมมุติฐานว่าจะเห็น growth สูงๆ จริงมั้ยครับ ......growth stock ที่ไม่มี growth จริง ยอมมีความผิดหวัง ราคาจะเหลือเท่าไหร่ดี......ก็ต้องเป็นราคาที่ตั้งสมมุติฐานว่า Growth = 0 สิ ......แต่ถ้า Growth เป็นลบ กำไรหด จะทำไงดีล่ะครับ.......(คำตอบคงมีในใจ).....

ดังนั้น 5 บาท ผมว่ารับไม่อยู่ครับท่านวัวแดง

ผมแนะนำให้ลองดูเทคนิค DSM ที่ www.pantip.com ครับ ช่วยให้ท่านได้คลายอึดอัดได้มากทีเดียว

ขอให้โชคดี

[คัดท้าย]

ผมสน se-ed แต่ไม่ได้ซื้อ สัญญาณทางเทคนิค บอกมานานแล้วครับ ว่าไม่ปลอดภัย แถมพอดูพื้นฐานก็แพงอีก

แนวรับแรก 5.8 .. แล้วก็ .. 5.3 +/- แต่ถ้า .. ไม่อยู่แบบที่คุณนักดูดาวคาดละก็ .. เหอๆ .. ผมไม่อยากพูดแนวรับที่ผมมองแนวต่อไปครับ เพราะมันโหดร้ายและป่าเถือน เหอๆ :lol:

แต่ถ้าลงมาถึงแนวป่าเถื่อนจริงๆ ผมซื้อเลยครับซื้อแบบเยอะด้วย ผมมองว่า SE-ED ยังไงถ้ามองไกล ส่วนตัวผมเชื่อว่าดีแน่ๆ แต่ถ้ามองตอนนี้ ที่ราคานี้ ผมไม่ซื้อครับ ถ้า 5.8 ก็คงไม่ซื้ออีก ถ้า 5.3 - 5.1 ก็ .. อืม เริ่มๆชอบครับ แต่ถ้าหลุดไป .. ทีนี้คงต้องหาเงินมาโกยแล้วครับ แต่ลึกๆ ก็ยังคิดว่าไม่น่าหลุดนา ...

[se-ed]

ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 4/2547
เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2547 ได้มีมติดังนี้
เพิ่มวงเงินในการซื้อหุ้นคืน
ตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
2547 ให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นคืน จำนวน 25,783,600 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 9.99 ของหุ้นที่วงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืน 160 ล้านบาท

คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มวงเงินในการซื้อหุ้นคืนอีก 10 ล้านบาท จาก
เดิมวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืน 160 ล้านบาท เพิ่มเป็นวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการ
ซื้อหุ้นคืน 170 ล้านบาท โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้น
คืนเท่านั้น ไม่กระทบต่อจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าวงเงิน
การซื้อหุ้นคืนที่เพิ่มขึ้นนี้ ไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด

แบบรายงานผลการซื้อหุ้นคืนกรณีเพื่อการบริหารทางการเงิน
บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
วันที่ 8 กันยายน 2547

.3 จำนวนหุ้นที่ซื้อคืนทั้งสิ้น
จำนวนรวมของหุ้นที่ซื้อคืนในโครงการจนถึงปัจจุบัน (รวมข้อ 2.2) 19,783,600 หุ้น มูลค่า
รวม 122,641,095 บาท
คิดเป็น 7.673% ของทุนชำระแล้ว 257,836,950 หุ้น ณ วันที่ 28 มกราคม 2547 หรือ
คิดเป็น 6.385% ของทุนชำระแล้ว 309,863,410 หุ้น ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2547 เนื่องจาก
ระหว่างวันที่ 28 มกราคม 2547 ถึง 27 กรกฎาคม 2547 มีการแปลงสภาพใบสำคัญแสดง
สิทธิซื้อหุ้นสามัญเป็นหุ้นสามัญ จึงทำให้ทุนชำระแล้วของบริษัทฯ เปลี่ยนแปลง

วันปิดสมุดทะเบียน 25/08/04
จำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด 1,891 การถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้น 70.96%
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 1,862 การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย 26.11%

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวนหุ้น ร้อยละ
บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 46,958,310 15.15%
HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD 26,500,000 8.55%
นาย ฤทธิ์ ธีระโกเมน 22,851,790 7.37%
บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) 16,732,000 5.40%
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 13,493,250 4.35%
นาย เสริมสิน สมะลาภา 11,000,000 3.55%
นาย ฉัตรเฉลิม เฉลิมชัยวัฒน์ 10,000,010 3.23%
นาย ทนง โชติสรยุทธ์ 9,736,330 3.14%
นาย พงษ์ศักดิ์ ศิวะภัทรกำพล 8,950,810 2.89%
นาย วัฒนา เชียงกูล 5,486,600 1.77%
บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด 4,727,500 1.53%
คณะบุคคล วายเอ็นพีเอ็น โดยนางวรรณา ภู่วรวรรณ 4,084,130 1.32%
MORGAN STANLEY & CO INTERNATIONAL LIMITE 4,000,700 1.29%
คณะบุคคล วายพีเอ็น โดยนางวรรณา ภู่วรวรรณ 3,981,370 1.28%
คณะบุคคล วายเอ็นเอ็น โดยนางวรรณา ภู่วรวรรณ 3,934,500 1.27%
คณะบุคคล ณัญจพร โดยน.ส.ณวรรณ ภู่วรวรรณ 3,777,870 1.22%
DEUTSCHE BANK AG, LONDON PRIME BROKERAGE 3,500,000 1.13%
DBS VICKERS SECURITIES (SINGAPORE) PTE L 3,452,500 1.11%
นาย ส่ง สุขดานนท์ 3,229,000 1.04%
AMERICAN INTERNATIONAL ASSURANCE COMPANY 3,018,500 0.97%
CREDIT SUISSE SINGAPORE TRUST ACCOUNT CL 2,700,000 0.87%
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด 2,653,500 0.86%
น.ส. ณวรรณ ภู่วรวรรณ 2,300,000 0.74%
น.ส. ณัญจนา ภู่วรวรรณ 2,300,000 0.74%
กองทุนเปิด ธนชาติทวีรายได้ 5 2,104,900 0.68%
นาง เพาพิลาส เหมวชิรวรากร 2,000,000 0.65%
กองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ 2,000,000 0.65%
MR. LAURENCE RICHARD PARROTT 1,922,000 0.62%
นาย ส่ง สุขดานนท์ 1,567,500 0.51%

[วัวแดง]

ด้วยความสัจจริง
โดยส่วนตัวแล้ว se-ed เป็นหุ้นอีกตัว ที่ผมสนใจลงทุน ในราคาที่เหมาะสม
ที่จะสร้างผลตอบแทนให้ผมอย่างน่าพอใจ แต่ราคาในตอนนี้ ไม่เหมาะอย่างยิ่งต่อการลงทุนในสายตาของผม ซึ่งราคาที่ผมคิดว่าปลอดภัยที่สุดคือ 5 บาท แต่ถ้า 5 บาทรับอยู่หรือมั้ยผมไม่ทราบ ทราบเพียงแต่ผมรออยู่ 8)

ผมแนะนำให้ลองดูเทคนิค DSM ที่ www.pantip.com ครับ ช่วยให้ท่านได้คลายอึดอัดได้มากทีเดียว

ส่วนวิธี DSM นั้น ผมได้เข้าไปอ่านและศึกษาแล้ว มั่นใจว่าจะทำให้ ผมอึดอัดมากทีเดียว คงไม่มีเวลาเฝ้าราคา คอยซื้อ-ขายเพื่อหวังกระแสเงินสดแฝงได้ แต่ผมคิดว่าเป็นวิธีที่ดี วิธีหนึ่ง ที่จะคอยดูแลและปกป้อง port ของเรา แต่อย่างว่าละครับ เหมาะสมกับคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

ขอโทษในความ ตรงเกินไปของผม ผมคิดยังไงก็บอกไปอย่างงั้น อาจทำให้หลายคนที่คิดตรงข้ามกับผมไม่พอใจได้ แต่ผมไม่เคยคิดสร้างศัตรูเลย ถ้ารู้จักกับผมโดยตรงก็จะรู้ว่าผมมันก็แค่ คนคนหนึ่ง ที่ชอบท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ(ตรงมั้ยเนี้ย) เพื่อนผมชอบว่าผมกวนteen แต่มันยังครบกะผมมากกว่า 10 ปีแล้ว คือแบบว่า พูดตรง ปากหมา กวนteen แต่จริงใจ ไม่เอาเปรียบคน คือผมเอง

ขอให้โชดดีเช่นกันครับ

[ch_army]

เห็นวิจารณ์ กำไร ของ SE-ED ในปีนี้มาก ผมเองก็ถือไว้ที่ราคาค่อนข้างแพงเหมือนกันแต่ยังไงอย่าลืมไปนะครับว่าวันที่เราซื้อเนี่ยเราดูอะไรทำไมถึงซื้อ แม้ว่าจริงๆผมก็หวังการเติบโตจาก se-ed เช่นกันแต่หากคิดในอีกมุมหนึ่งว่าในอนาคตต่อไป se-ed จะคงสาถนภาพการแข่งขันได้ไหม การที่กำไรลดลงเพราะอะไร ตลาดหนังสือลดขนาดลงหรือเปล่า ซึ่งในระยะยาวไม่มีทางเลย ยิ่งคนไทยเรียนหนังสือสูงยังไงก็ต้องอ่านมากขึ้นๆ ซึ่งเป็นโอกาสในอนาคตของธุรกิจนี้ และที่สำคัญกว่ามันจะเห็นผลก็คงนาน ยังไงหากคิดว่าตกแน่ผมก็คง short แล้วค่อยช้อนคืน แต่ด้วยความสัตย์จริงผมไม่รู้นี่ครับว่า se-ed จะลดราคาไปอยู่ที่ไหน แต่ยัยงไงคงซื้อเพิ่มหากราคา สมเหตุสมผล อย่างน้อยผมว่าพื้นฐานของธุรกิจในแง่ความต้องการของผู้บริโภคอาจไม่เปลี่ยนมากนัก คือมี demand อยู่เสมอๆ และเชื่อมั่นในความสามารถของผ้บริหารที่ทำงานมานาน และผลงานที่บริหารร้านสาขาในปัจจุบันผมเองก็ประทับในบริการของเขานะครับ พนักงานที่ผมเจอส่วนใหญ่ก็ยิ้มๆดี และก็บริการใช้ได้ แต่ต้นทุนอาจเพิ่มก็ได้ อันนี้ผมไม่รู้อนาคต แต่หากเป็นอย่างนั้นก็พร้อมช้อน se-ed เพิ่มครับ เพราะยังมีคนไทยอีกมากที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือมากนัก ซึ่งตลาดนี้ยังโตได้อีก เพียงแต่ปีนี้ดูเหมือนอะไรๆก็ไม่อยู๋ในที่ทางของมันเท่านั้นเอง

[harry]

หลายๆคนฝันอยากมีร้านหนังสือของตัวเอง

ซื้อซีเอ็ด มีร้านหนังสือทั่วไทย เดินเข้าร้านตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

เดือนนี้ขายดี เดือนหน้าขายได้น้อย ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ถ้าคนไทย ไม่สนใจการอ่านนี้สิ ร้านหนังสือดีขนาดไหน ก็ขายไม่ได้

[ch_army]

นิสัยการอ่านของคนไทยเนี่ย ทุกๆคนคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างครับมีโอกาสจะพัฒนาบ้างไหม

สำหรับผมหลังจากไปงานสัปดาห์หนังสือแล้วก็เห็นว่า ประเทศเราก็มีหวังเป็นประเทศนักอ่านได้นะครับ อย่างน้อยก็ในเมืองใหญ่ๆแหละ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับการสนับสนุนของภาครัฐด้วย และหากที่ทำงานทุกแห่งสันบสนุนก็เป็นสิ่งที่ดีใหญ่เลย แถมหากเด็กๆของเรารักการอ่าน แน่อนนประเทศไทยสดใสแน่

การสนับสนุนธุรกิจหนังสือ ก็น่าเป็นการสันบสนุนการอ่านของคนในชาติทางอ้อมนะครับ

(อย่าทิ้ง se-ed เลยนะ)

[..]

http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... light=seed

[นักลงทุน]

ผมก็ลงทุนใน se-ed ในราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน ตอนนี้พอผลประกอบการออกมาไม่ดี ก็พากันติโน่นตินี่ แล้วช่วงที่เชียร์กันมากๆเมื่อก่อนนี้ละครับหายกันไปไหนหมด ราคานะตอนนี้(ประมาณ 6.10 บ.)ก็เป็นราคาที่บริษัทซื้อหุ้นคืนนะครับ แล้วท่านคิดมั้ยว่าทำไมบริษัทจึงลงทุนซื้อหุ้นคืนในราคาที่สูง(ตามที่หลายท่านว่าแพงงง) บริษัทโง่หรือ ??? ผมว่าเขาก็คงคิดว่าราคานี้ก็สมเหตุสมผลที่จะซื้อได้ แถมคุณเสริมสินมาช่วยซื้อหุ้นจำนวนมากในราคาสูงกว่านี้เสียด้วยซ้ำ

ผมว่าน่าจะรอคำอธิบายจากผู้บริหารนะครับว่าเพราะเหตุอันใดกำไรจึงหด ความจริง se-ed นี่ไม่ค่อยมี growth มาสัก 2 ปีแล้วนะครับเพราะการลงทุนขยายสาขาเพิ่ม ผมเดาว่าเหตุที่กำไรหดคงมาจากเหตุผลเดิมๆคือยอดขายที่เข้ามายังน้อยกว่าเงินลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนขยายสาขาลงตามสถานีรถไฟฟ้า ทำให้ต้นทุนเพิ่มในขณะที่ผู้บริหารก็คาดเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ากำไรคงไม่ดีนัก แต่อย่าลืมว่าอย่างไรก็ตามกระแสเงินสดของ se-ed ก็ยังดีอยู่นะครับ

[บุคคลทั่วไป]

ใช่ครับ อย่าลืมว่าพวกเราเป็นนักลงทุนนะครับ ดร.นิเวศน์ ก็ถือตัวนี้อยู่นะครับ
ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลแล้วนะครับ

[นักดูดาว]

ราคาเป้าหมาย ต่ำกว่า 5 ทางพื้นฐานผมคิดง่ายๆ ดังนี้ครับ

3 ไตรมาสกำไร 0.29 บาท เนื่องจากไม่เป็นธุรกิจที่มีฤดูกาล
ประมาณเป็นกำไรทั้งปีโดยคูณ 4 หาร 3 ได้ประมาณ 0.39 บาทต่อหุ้น
ให้ P/E 12 ราคาก็ได้ 4.8 บาท แล้วล่ะครับ

ถ้าให้ราคายืน 5 บาทได้ ที่ P/E 12 ต้องมีกำไรประมาณ 0.42 บาท
ดูผลประกอบการณ์ QoQ SE-ED จะทำได้หรือไม่ ต้องลองดูครับ

อีกประเด็น..อย่าลืมนะครับ หุ้นที่มี P/E ต่ำกว่า 10
และมี growth จริงๆของกำไร มีอยู่เต็มตลาด เราจะซื้อหุ้น no *real* growth ใน P/E สูงๆทำไมกัน




(per your request ครับ ท่านประธาน)

[ปรัชญา]

หมดW ตัวหารก็คงไม่เพิ่มจำนวน อ่ะ

[Blueblood]

บริษัทที่เราคาดการณ์กำไรไม่ได้ก็อย่างนี้ล่ะครับ ต่อให้ดีแค่ไหนก็ต้องมีช่วงที่กำไรตกไปบ้าง การลงทุนในบริษัทที่เรารู้จักดีมีข้อมูลครบถ้วน จะตัดปัญหาพวกนี้ไปได้เลยครับ เราจะกล้าถือยาวอย่างสบายใจมากกว่าเยอะครับ

[CK]

ตอนนี้เป็นช่วงวัดความสามารถของผู้บริหารครับ

ปีหน้าคงเป็นปีรัดเข็มขัดสำหรับธุรกิจในประเทศ
ใครบริหารได้ดี มีกำไร และในเวลาเดียวกันสามารถ
ขยายตัวรับเศรษฐกิจในปีถัดๆไปได้ก็เป็นผู้ชนะ

ผู้ถือหุ้นก็ชนะไปด้วย

SE-ED คงไม่ตกลงไปต่ำกว่า 5 บาทเร็วๆ นี้หรอกครับ
ท่านรองฯ เพราะมี "ปันผลรายไตรมาส" มาช่วยดันไว้

กำไรในช่วงสามปีข้างหน้าเฉลี่ยก็คงไม่ต่ำกว่านี้สัก
เท่าไหร่ และปันผลต่อปีคงจะราวๆ 0.40 บาท

แต่ถ้า SE-ED เปลี่ยนนโยบายปันผล คงจะได้เห็น 3
บาทกลางๆ

[คัดท้าย]

ตอนนี้เป็นช่วงวัดความสามารถของผู้บริหารครับ

ปีหน้าคงเป็นปีรัดเข็มขัดสำหรับธุรกิจในประเทศ
ใครบริหารได้ดี มีกำไร และในเวลาเดียวกันสามารถ
ขยายตัวรับเศรษฐกิจในปีถัดๆไปได้ก็เป็นผู้ชนะ

ผู้ถือหุ้นก็ชนะไปด้วย

SE-ED คงไม่ตกลงไปต่ำกว่า 5 บาทเร็วๆ นี้หรอกครับ
ท่านรองฯ เพราะมี "ปันผลรายไตรมาส" มาช่วยดันไว้

กำไรในช่วงสามปีข้างหน้าเฉลี่ยก็คงไม่ต่ำกว่านี้สัก
เท่าไหร่ และปันผลต่อปีคงจะราวๆ 0.40 บาท

แต่ถ้า SE-ED เปลี่ยนนโยบายปันผล คงจะได้เห็น 3
บาทกลางๆ

เหอๆ วันนี้ร่วงไปชนแนวรับแรก 5.8 เป๊ะๆ แล้วเด้ง
คุณ CK ใจร้ายจริงๆ ผมว่าจะไม่พูดเลขนั้นออกมาแล้วนะ :lol:

แต่ลึกๆผมยังเชื่อว่าคนจะยังไม่ขาย ไม่น่าหลุด 5 บาทครับ ยกเว้นเรื่องถ้าเกิดมีการลดปันผลอันนี้เห็นด้วยครับ

แต่ถ้าหลุดลงมาที่แนว 3 กว่าๆจริงๆ ผมว่าน่าซื้อมากกกๆๆๆๆๆ ครับ อย่าลืมซื้อก็แล้วกันเน้อออ ... 8)

ผมยังมอง SE-ED ว่าระยะยาว หุ้นตัวนี้ยังไงก็ดีครับผม นี่ความเห็นผมนะ จากคนที่เข้าร้าน SE-ED เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 หน

[นักลงทุน]

ดูจากคำอธิบายก็นับว่าน่าผิดหวัง เพราะการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมากแต่ยอดขายน้อยกว่าการลงทุนซึ่งเป็นอย่างนี้มาตลอด อย่างนี้เห็นทีผู้บริหารคงต้องพิจารณาปรับแนวทางการลงทุนใหม่แล้วนะครับ เพราะเป็นการขยายการลงทุนที่ก่อรายได้น้อยครับ และการควบคุมต้นทุนยังทำได้ไม่ดี

[คัดท้าย]

ดูจากคำอธิบายก็นับว่าน่าผิดหวัง เพราะการลงทุนที่เพิ่มขึ้นมากแต่ยอดขายน้อยกว่าการลงทุนซึ่งเป็นอย่างนี้มาตลอด อย่างนี้เห็นทีผู้บริหารคงต้องพิจารณาปรับแนวทางการลงทุนใหม่แล้วนะครับ เพราะเป็นการขยายการลงทุนที่ก่อรายได้น้อยครับ และการควบคุมต้นทุนยังทำได้ไม่ดี

พูดยากนะครับ ... ผมมองว่าผู้ถือหุ้นกับผู้บริหารหลายๆอย่างก็มองต่างกัน

ผู้ถือหุ้นก็มองผลประกอบการทุกๆ 3 เดือนว่า ออกมาดีหรือไม่ แต่สำหรับเจ้าของผมว่าเค้ามองไกลกว่านั้นนะครับ การยึดหัวหาดทางธุรกิจ ผมว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าไม่ทำก่อนคู้แข่งแต่เนิ้นๆ ก็อาจโดนคู่แข่งทำไปก่อน

การลงมือก่อนแล้วยึดพื้นที่ได้ ถ้ามองแบบไม่ลำเอียง ผมว่ามันดีนะ แล้วจริงๆถ้า SE-ED ขยายสาขาได้เยอะๆ แล้วไม่ขาดทุนเนี่ย ต่อไปผมว่าเค้าทำอะไรได้อีกมากมายเลย อย่าว่าแต่ขายหนังสือเลยครับ ถ้ามีสาขาไปทั่วเนี่ย ทำได้เยอะครับ

ผมคิดว่าเหมือนกับเราเพาะกายแหละนะ ถ้าเราอยากกล้ามโต อยากตัวใหญ่มันก็ต้องยกลูกตุ้ม ช่วงแรกๆมันก็ต้องมีปวดกล้ามเนื้อบ้างเป็นธรรมดา แต่ท้ายสุดกล้ามเราก็จะใหญ่ใช่มั้ย เพียงแต่ระหว่างการเพาะกล้ามก็ต้องระวังไม่ให้กล้ามเนื้อฉีกครับ ถ้า SE-ED คุมได้ กล้ามเนื้อไม่ฉีก ผมมองว่าระยะยาวจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสียครับ NO PAIN NO GAIN

[CK]

การขยายสาขาเดี๋ยวนี้เป็นเหมือน all-or-nothing

เช่นรถไฟฟ้าใต้ดิน อนาคตดีแน่ๆ แต่ตอนนี้เปิดสาขาไป
ก็เน่าแน่ๆ เพราะคนน้อยเหลือเกิน

แต่ผู้บริหารรถใต้ดินฉลาด แทนที่จะรอคนเยอะๆ ค่อยหา
ผู้เช่า หรือให้เช่าสถานีใดก็ได้ ก็บอกว่าถ้าเช่าต้องเช่า
ทุกสถานี หรือไม่งั้นก็ไม่เช่าเลย

ถ้าผมเป็นผู้บริหาร SE-ED ก็ต้องยอมเช่าหมด เพื่อแลก
อนาคต ถึงจะม้รู้ว่าปีแรกขาดทุนเต็มๆ ก็ตาม

[บุคคลทั่วไป]

ขออนุญาตสรุปปิดท้ายคับ
ผมว่านี่แหละคับ จะเป็นตัววัดอะไรได้หลาย ๆ อย่างคับ โดยเฉพาะวัดใจ วัดใจนักลงทุน แบบ VI วัดความหนักแน่น วัดถึงความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลของแต่ละท่าน วัดการตัดสินใจ ฯลฯ ผมว่าน่าเก็บกระทู้ที่พี่ ๆ พูดกันมาข้างบนเอาไว้ ในอีก 2 ไตรมาส มากกว่าหรือน้อยกว่า ผมว่าย้อนมาอ่านอีกที จะมีประโยชน์มากเลยคับ โดยเฉพาะมือใหม่อย่างผม หรือพี่ ๆ เห็นว่างัยคับ

[นักลงทุน]

ความจริงน่าจะอยู่ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น" ครับ ผมว่าคงไม่มีใครสามารถจะคาดการณ์อะไรได้แม่นยำหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ในพื้นฐานข้อมูลแวดล้อม + ความน่าจะเป็นทั้งนั้น หากใครสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ มิรวยเป็นเศรษฐีไปแล้วหรือครับ เพียงแต่ที่ผ่านมามั่นใจใน se-ed มากไปหน่อย อย่างภัยแล้งที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดในหน้าหนาวนี้และรุนแรงเสียด้วย ยังไม่รู้ว่าจะกระทบกับพืชผลทางการเกษตรหนักขนาดไหน หุ้นใดที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ต้องเตรียมตัวรับกันละครับ

[คัดท้าย]

ความจริงน่าจะอยู่ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น" ครับ ผมว่าคงไม่มีใครสามารถจะคาดการณ์อะไรได้แม่นยำหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ในพื้นฐานข้อมูลแวดล้อม + ความน่าจะเป็นทั้งนั้น หากใครสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ มิรวยเป็นเศรษฐีไปแล้วหรือครับ เพียงแต่ที่ผ่านมามั่นใจใน se-ed มากไปหน่อย อย่างภัยแล้งที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดในหน้าหนาวนี้และรุนแรงเสียด้วย ยังไม่รู้ว่าจะกระทบกับพืชผลทางการเกษตรหนักขนาดไหน หุ้นใดที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ต้องเตรียมตัวรับกันละครับ

เรื่องภัยแล้งนี่ผมจำได้ว่าท่าน hot พูดไว้นานแล้วครับ ผมว่าท่าน hot นี่แกเก่งมากๆหลายเรื่องนะ แกไม่รู้ไปขุดข้อมูลมาจากไหนสุดยอดครับ

[buglife]

ความจริงน่าจะอยู่ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น" ครับ ผมว่าคงไม่มีใครสามารถจะคาดการณ์อะไรได้แม่นยำหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ในพื้นฐานข้อมูลแวดล้อม + ความน่าจะเป็นทั้งนั้น หากใครสามารถคาดการณ์ได้แม่นยำ มิรวยเป็นเศรษฐีไปแล้วหรือครับ เพียงแต่ที่ผ่านมามั่นใจใน se-ed มากไปหน่อย อย่างภัยแล้งที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดในหน้าหนาวนี้และรุนแรงเสียด้วย ยังไม่รู้ว่าจะกระทบกับพืชผลทางการเกษตรหนักขนาดไหน หุ้นใดที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องก็ต้องเตรียมตัวรับกันละครับ

อา แบบนี้ บริษัทอารายหนอ ขายน้ำดิบ ต้องได้ราคาน้ำสูงขึ้นมั๊กๆ แน่ๆ เลย