แต่ติดใจอยู่ที่ kelly formula ครับ
ใครช่วยเหลือน้อยครับ ว่ามันคืออะไรครับ
อ่านแล้วก็งงว่า ใช้ตอนไหนครับ
แต่หนังสือนี้ เป็นหนังสือที่ผมว่า
มันตีความรู้เดิมของผมที่มีอยู่
ได้ความรู้ใหม่เป็นถังเลย ไม่จำเจ

ลงทุนเท่าไรดี โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การตัดสินใจในการลงทุนข้อหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ จะลงทุนเท่าไรดี? เช่น จะลงทุนในหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเงินลงทุนรวม หรือสำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ จะลงทุนในหุ้น A กี่เปอร์เซ็นต์ หุ้น B กี่เปอร์เซ็นต์ และทั้งหมดจะลงทุนในหุ้นกี่ตัวที่เป็นตัวหลัก ๆ
คำตอบก็คือ จะลงทุนโดยเฉพาะในหุ้นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งหรือหุ้นที่เราจะลงว่า 1) โอกาสที่จะทำกำไรมีมากน้อยแค่ไหน และถ้ากำไร จะได้กำไรเท่าไร และ 2) โอกาสที่จะขาดทุนมีเท่าไร และถ้าขาดทุน จะขาดทุนแค่ไหน พูดสั้น ๆ ก็คือ การลงทุนจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้และผลตอบแทนที่จะได้รับ
ถ้าเราพบหุ้นตัวหนึ่งที่เราดูแล้วมีพื้นฐานทางธุรกิจดีมาก โอกาสที่บริษัทจะทำกำไรเพิ่มมีสูงมากในขณะที่ราคาหุ้นต่ำกว่าพื้นฐานมากมีค่า PE เพียง 8 เท่า ความเสี่ยงที่ยอดขายและกำไรจะตกต่ำลงมีน้อยมาก แบบนี้ เราควรจะลงทุนคิดเป็นสัดส่วนของพอร์ตโฟลิโอสูงมาก หรือที่ผมเรียกว่า ตีแตก ในทางตรงกันข้าม ถ้าโอกาสขาดทุนมีสูง และการขาดทุนอาจทำให้เราเสียหายหนัก เราก็จะไม่ลงทุน หรือในกรณีที่เราพบหุ้นที่น่าสนใจ แต่โอกาสที่จะได้กำไรมาก ๆ ก็ยังเห็นไม่ชัด แบบนี้เราอาจจะลงทุนบ้าง แต่คิดเป็นสัดส่วนของเม็ดเงินทั้งหมดก็ไม่มากนัก
เขียนแบบข้างต้นนั้น ก็เป็นการคิดแบบ ศิลปิน ไม่มีมาตรฐานว่าอะไรแปลว่ามากหรือน้อย สำหรับคนที่ต้องการตัวเลข ( อย่างน้อยก็คร่าว ๆ) ว่าเราควรลงทุนเท่าไรในหุ้นโดยส่วนรวมหรือหุ้นแต่ละตัว ผมคิดว่า สูตรของเคลลี่ หรือ Kelly Formula น่าจะพอนำมาประยุกต์ใช้ได้แม้ว่าสูตรนี้จะเหมาะมากกับการพนันที่เราสามารถหา Probability หรือความน่าจะเป็นและผลตอบแทนที่จะได้หรือเสียอย่างถูกต้อง ในขณะที่การลงทุนในหุ้นนั้น เราจะต้องคิดคำนวณความน่าจะเป็นและผลตอบแทนที่จะได้รับเอง
สูตรของเคลลี่บอกว่า ถ้าจะให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดกับพอร์ตของเรา เราควรลงทุนในหุ้นแต่ละตัวคิดเป็นสัดส่วนของพอร์ต (F) เท่ากับ Edge หารด้วย Odds โดยที่ Edge นั้นเท่ากับผลรวมของความน่าจะเป็นคูณด้วยผลตอบแทนที่จะได้รับหรือเสีย ส่วน Odds นั้นก็คือผลตอบแทนสูงสุดที่จะได้รับถ้าเราชนะ ตัวอย่างเช่น:
หุ้น ก. เราคาดว่าน่าจะมีโอกาสที่จะขึ้น 60% และถ้าขึ้นน่าจะให้ผลตอบแทน 15% ส่วนโอกาสที่จะลงนั้นมี 40% และถ้าลงก็น่าจะลงไปเพียง 10% แบบนี้ Edge ก็จะเท่ากับ 0.6 คูณด้วย 15 บวกกับ 0.4 คูณด้วยลบ 10 เท่ากับ 5 ส่วน Odds เท่ากับ 15 เอา 5 ตั้ง หารด้วย 15 เท่ากับ 0.33 หรือก็คือ เราควรลงทุนซื้อหุ้น ก. คิดเป็นเม็ดเงินเท่ากับ 33% ของพอร์ตของเรา
หุ้น ข. เป็นหุ้นที่มีโอกาส 20% ที่จะทำกำไรได้ถึง 80% มีโอกาส 50% ที่จะกำไรเพียง 10% และ มีโอกาส 30% ที่จะขาดทุน 20% แบบนี้ Edge จะเท่ากับ 0.2*80 + 0.5*10 - 0.3*20 เท่ากับ 15 และ Odds คือ 80 ดังนั้น F หรือสัดส่วนที่ควรลงทุนคือ 15 หารด้วย 80 เท่ากับ 0.1875 หรือประมาณ 19% ของพอร์ต
ลองมาดูว่าถ้าไม่ใช่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งแต่เป็นการหาดูว่าเราควรจะถือหุ้นโดยรวมหรือซื้อหน่วยลงทุนในหุ้น คิดเป็นสัดส่วนเท่าไรของเม็ดเงินทั้งหมด ในกรณีนี้สมมุติว่าเราคาดว่าโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นมี 65% และถ้าปรับขึ้นจะขึ้นจาก 720 จุดเป็น 864 จุด หรือเท่ากับ 20% และโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวลงมี 35% และถึงปรับลงก็น่าจะลงไม่เกินมาที่ 648 จุด หรือไม่เกิน 10% แบบนี้ คำนวณค่า Edge เท่ากับ 0.65*20 - 0.35*10 เท่ากับ 9.5 ส่วน Odds เท่ากับ 20 ดังนั้นค่า F เท่ากับ 9.5 หารด้วย 20 เท่ากับ .475 หรือเท่ากับ 47.5% พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าเราดูว่าสถานการณ์น่าจะเป็นอย่างนั้น เราก็เอาเงินลงในหุ้นประมาณ 50% ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้เป็นเงินฝากหรือตราสารหนี้อื่น
สูตรของเคลลี่นั้น เมื่อเอามาใช้กับการลงทุนในหุ้น ความถูกต้องจะน้อยลงไปมากเพราะโอกาสที่เราจะกำหนดความน่าจะเป็นอาจจะผิด หรือการคาดการณ์ผลตอบแทนก็มักจะไม่ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย เราควรลดสัดส่วนลงเวลาจะลงทุน เช่น ถ้าคำนวณว่าเราควรจะลงทุนเท่ากับ 40% ของพอร์ตตามสูตรของเคลลี่ เราก็อาจจะลงเพียงครึ่งเดียวหรือ 20% เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้พอร์ตของเรามีหุ้นเป็น เบี้ยหัวแตก ถ้าหุ้นตัวไหนเมื่อลดสัดส่วนลงมาเหลือครึ่งเดียวของค่าตามสูตรแล้วเหลือสัดส่วนไม่ถึง 10% เราก็อาจจะไม่ลงทุนในหุ้นตัวนั้นเลย ถ้าทำแบบนี้ ในที่สุด เราก็จะมีพอร์ตโฟลิโอที่ประกอบไปด้วยหุ้นอาจจะประมาณ 5- 6 ตัวใหญ่ ๆ ที่มีโอกาสทำผลตอบแทนที่น่าประทับใจและมีความเสี่ยงที่เหมาะสม
ตามนี่ไปเลยครับ@nakin เขียน:ว่าแต่ ดันโด คืออะไรเหรอครับ
peacedev เขียน:เห็นด้วยกับคุณ nanchan ว่าการประเมิณโอกาสเป็นสิ่งสำคัญมาก
ในกรณีที่ว่ามา หาเรา เห็นว่า amexจะได้ผลตอบแทน200%ภายใน2 ปี
แต่ลดความมั่นใจจาก 90% มาเหลือที่ 55%
ก็จะได้
0.1/(1/2.0) = 20 บาทจากหน้าตัก 100บาท แบบนี้ก็เสี่ยงน้อยลงเยอะเลยครับ
หรือถ้ามั่นใจขึ้นอีกหน่อยเป็น60% ก็จะได้
0.2/(1/2.0) = 40 บาทจากหน้าตัก 100บาท
แต่ถ้ามั่นใจ 90% ผมคำนวนไ้ด้เป็น
0.8/(1/2.0) = 160 บาทจากหน้าตัก 100บาท (อัดมาจิ้น !!?)
ลองคำนวนดูได้แบบนี้ผิดถูกอย่างไรทักท้วงกันได้นะครับ
เห็นด้วยครับ เนื่องจาก prop เป็นสิ่งที่คนใส่เข้าไป ถ้าใส่ผิดตั้งแต่แรก ยังไงผลลัพธ์ก็ผิดเหยี่ยวเดือน9 เขียน:คงไม่ต้องจริงจังกับค่าที่ได้จาก kelly formula นักหรอกครับ
สรุปแค่ว่าเดิมพันหนักๆกับสิ่งที่เรามั่นใจมากๆ
เหมือนกับ เบสบอลของปู่บัฟ ,7 โปกเกอร์ของลินซ์,ตีแตกของ ดร.นิเวศน์
สรุปแค่นี้ก็น่าจะพอ
เดิมทีสูตรของเคลลี มันเหมาะกับการ bet ในสิ่งที่เรารู้ prob.ค่อนข้างแน่
bet แล้ว betอีกได้ โดย prob.ค่อนข้างคงที่ในแต่ละครั้งที่เราbet
ซึ่งมันมีข้อจำกัดและแตกต่างค่อนข้างมากกับหุ้น