konkaikong เขียน:การลงทุนผมว่าก็คล้ายๆกับการปลูกต้นไม้นะครับ
การที่เรากำหนดกรอบของเวลา หรือยึดติดกับเป้าหมายมากเกินไป
อาจทำให้เราเครียดมากกับการลงทุน เราปลูกต้นไม้ เราก็บอกไม่ได้ว่า
ตันไม้จะโตสูงเท่าไหร่ ออกลูกเยอะไหม
การที่นักลงทุนรายย่อยจะกำไรจากตลาดหุ้นได้ ก็เป็นเพราะเงินผู้อื่นที่จะมา
ไล่ซื้อดันราคาหุ้นขึ้นไป ถามว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาไล่ซื้อ ไม่มีใครรู้หรอกครับ
ดังนั้นผมว่าการกำหนดว่าปีนี้จะตั้งเป้ากำไรเท่านั้นเท่านี้ เป็นเรื่องยาก
ขอเพียงแต่เราสนใจใฝ่หากิจการที่มีการบริหารจัดการที่ดี หมั่นหาความรู้ความเข้าใจในกิจการนั้นๆ เช่นเดียวกันกับการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ต้นไม้
เป็นเรื่องของเรา แต่เรื่องโตเร็ว โตช้านั้นเป็นเรื่องของต้นไม้
แล้วสักวันกระแสเงินก็จะพาหุ้นนั้นๆไปสู่ที่ที่ควรจะเป็น
ขออภัยถ้าท่านเจ้าของกระทู้รู้สึกว่าตอบนอกเรื่องไป
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 31
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 32
เก็บเงินเก่งจังครับ ผมยังได้แค่ ประมาณ 30% เองเตรียมตัวเรียนต่อโท&ชิงทุนให้ได้ภายใน 2 ปี + ทำงานเดิมไปก่อน&เก็บ
ออม 65-70 %
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 34
ถ้าเทียบเงินเดือนเหมือนปันผล คิดที่ 10% ก็แล้วกัน
ทุกๆหมื่นบาท ก็เหมือนเงินต้นล้านสอง
ทุกๆหมื่นบาท ก็เหมือนเงินต้นล้านสอง
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 35
แนวคิดดีจังครับBoring Stock Lover เขียน:ถ้าเทียบเงินเดือนเหมือนปันผล คิดที่ 10% ก็แล้วกัน
ทุกๆหมื่นบาท ก็เหมือนเงินต้นล้านสอง
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 37
Voldtrest เขียน: เป้าหมาย
1. มีความสุข/ความหวัง/ความสนุก กับชีวิตให้ได้ทุกวัน
2. 15 ปี 100 ล้าน (อายุ 40 ยังหนุ่มอยุ่ใช่ไหมครับ พี่ๆๆ)
3. ผลตอบแทน/เงินลงทุน ตามผลประกอบการ + ราคาที่นายตลาดให้
แนวทาง
1. เติมความคิดบวกให้ตนเอง & ขจัดความคิดลบออกไปให้ได้ทุกวัน
2. ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 4 วัน/วันละ 30 นาที
3. เตรียมตัวเรียนต่อโท&ชิงทุนให้ได้ภายใน 2 ปี + ทำงานเดิมไปก่อน&เก็บ
ออม 65-70 %
4. ศึกษาแนวทาง VI ต่อไป & เลือกการลงทุนที่ไม่เกินความสามารถของตน
เอง
มาช่วยกันเติมได้นะครับ หลายหัวดีกว่าหัวเดียว
ประเมินผลตัวเองตามแนวทาง 4 ข้อ หลังผ่านไป 1 เดือนกว่าๆ
1. อารมณ์ดีขึ้น ความรู้สึกแย่ๆยังมีอยู่ แต่มาน้อยลง และอยู่ได้ไม่นาน
2. ยังไม่ได้ทำเลย :evil:
3. แผนล้ม... ใจออกห่างจากงานเดิม กำลังหาทางเปลี่ยนงาน
เก็บออมยังทำได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
4. ยังไม่เพียงพอ ที่จะทำตามเป้าหมายได้
เป้าหมายทางการเงินยังคงเป็น 100 ล้าน ภายใน 15 ปี (อายุ 40 ปี)
สมมติฐานขอไปเรียบเรียงก่อนครับ
โละอันเก่าทิ้งตามคำแนะนำของพี่ picatos :lol:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 38
สมมติฐาน
1. ทำงานสบายๆในประเทศ ใช้ชีวิตชิวๆเข้าไว้
ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 36-40 % ลงทุนทั้งก้อนหนเดียวจากเงินเก็บที่มีอยู่
2. ทำงานที่ปรึกษาบริษัทใหญ่ในต่างประเทศ
2.1 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25 % เงินเดือน 4 แสนบาท (ออม 75 %) เป็นเวลา 3 ปี
(เตรียมตัว+เรียนโทเต็มเวลา = 3 ปี) แล้วกลับไปทำงานที่ประเทศไทยในข้อ 3.1
ลงทุนทั้งก้อนในเวลา 9 ปีที่เหลือในตลาดหลักทรัพย์ไทย
2.2 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25 % ไม่กลับประเทศ หาคู่ชีวิตที่นั่น ทำงานและลงทุน
ในตลาดหลักทรัพย์ที่นั่นและตลาดหลักทรัพย์ไทย
3. ทำงานบริษัทใหญ่ ในไทย
3.1 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25 % กรณีผ่านข้อ 2 มาก่อน
กลับมาทำงานที่ไทยในต้นปีที่ 7 เงินเดือน 1.2 แสนบาท up
(ออม 91 %) นำไปลงทุนต่อเนื่องทุกเดือนเป็นเวลา 9 ปีที่เหลือ
3.2 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 40 % กรณีไม่ได้ผ่านข้อ 2 มาก่อน
ตั้งใจทำงานเต็มที่และเรียนโทควบคู่ไปด้วย คาดว่าต้นปีที่ 6
เงินเดือน 1.2 แสนบาท up (ออม 91 %) นำไปลงทุนต่อเนื่อง
ทุกเดือนเป็นเวลา 10 ปีที่เหลือ
มันต้องใช้ได้สักข้อนึงขึ้นไปน่า หากใช้ได้ 2 ข้อขึ้นไป ไม่ได้ 100 ล้าน
ก็ให้มันรู้ไปสิ :)
1. ทำงานสบายๆในประเทศ ใช้ชีวิตชิวๆเข้าไว้
ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 36-40 % ลงทุนทั้งก้อนหนเดียวจากเงินเก็บที่มีอยู่
2. ทำงานที่ปรึกษาบริษัทใหญ่ในต่างประเทศ
2.1 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25 % เงินเดือน 4 แสนบาท (ออม 75 %) เป็นเวลา 3 ปี
(เตรียมตัว+เรียนโทเต็มเวลา = 3 ปี) แล้วกลับไปทำงานที่ประเทศไทยในข้อ 3.1
ลงทุนทั้งก้อนในเวลา 9 ปีที่เหลือในตลาดหลักทรัพย์ไทย
2.2 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25 % ไม่กลับประเทศ หาคู่ชีวิตที่นั่น ทำงานและลงทุน
ในตลาดหลักทรัพย์ที่นั่นและตลาดหลักทรัพย์ไทย
3. ทำงานบริษัทใหญ่ ในไทย
3.1 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25 % กรณีผ่านข้อ 2 มาก่อน
กลับมาทำงานที่ไทยในต้นปีที่ 7 เงินเดือน 1.2 แสนบาท up
(ออม 91 %) นำไปลงทุนต่อเนื่องทุกเดือนเป็นเวลา 9 ปีที่เหลือ
3.2 ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 40 % กรณีไม่ได้ผ่านข้อ 2 มาก่อน
ตั้งใจทำงานเต็มที่และเรียนโทควบคู่ไปด้วย คาดว่าต้นปีที่ 6
เงินเดือน 1.2 แสนบาท up (ออม 91 %) นำไปลงทุนต่อเนื่อง
ทุกเดือนเป็นเวลา 10 ปีที่เหลือ
มันต้องใช้ได้สักข้อนึงขึ้นไปน่า หากใช้ได้ 2 ข้อขึ้นไป ไม่ได้ 100 ล้าน
ก็ให้มันรู้ไปสิ :)
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 807
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 39
เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งโดนใจมากๆ เค้าบอกว่า "ทุกความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เกิดจากการเก็บสะสมความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อยๆ" โดยใจความแล้วก็ได้แนวทางประมาณนี้
• ตั้งเป้าหมายให้สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ย้ำว่าต้องเป็นไปได้ ไม่งั้นก็เป็นแค่ฝันกลางวัน
• แบ่งเป้าหมายของคุณออกเป็นภารกิจย่อยๆ ทุกภารกิจย่อยๆ ต้องมีเป้าหมายและกำหนดเวลาที่ชัดเจน
• คุณเคลียร์แต่ละภารกิจให้เต็มกำลังความสามารถ สะสมชัยชนะ เพื่อเป็นกำลังใจสู่เป้าหมายที่ยากขึ้น (กรณีที่คุณแพ้อยู่เรื่อยๆมันจะส่งผลตรงข้าม)
ฉะนั้น เป้าหมายที่เป็นไปได้ แต่ทำให้คุณใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเป็นสิ่งจำเป็น เรามายกตัวอย่างจากการลงทุนกันนะ สมมตินะ
EX:
คุณต้องการเวลาหาเงินก้อน 1 ล้านแรกที่ปราศจากหนี้สินให้ได้ภายใน 10 ปี
คุณศึกษาแล้วว่ามีวิธีการต่างๆ ดังนี้
• เก็บเงินงานประจำของคุณเอง
• นำเงินไปลงทุน
• หาอาชีพเสริม
คุณคิดว่าเต็มกำลังความสามารถคุณสามารถทำได้ดังนี้
• รายได้งานประจำ - ค่าใช้จ่าย คุณประหยัดเต็มที่ก็ได้แค่เดือนละ 4,000 บาท
• คุณลงทุนไม่เก่ง คิดว่าทบต้น 10% ก็เต็มที่แล้ว
• คุณไม่มีงานพิเศษ
ประเมินความเป็นไปได้
• จากการคำนวณดอกเบี้ทบต้นคุณคิดแล้วว่าการลงทุนได้ +10% ต่อเนื่องจะนำคุณไปสู่เป้าหมายได้ทันเวลาต่อเมื่อคุณเก็บเงินได้อย่างน้อย 5,000 บาทต่อเดือน
• ถ้าคิดว่าทำไม่ได้คุณควรกำหนดเป้าหมายใหม่ให้ง่ายขึ้น
• ถ้าคิดว่าทำได้ มาประเมินความเสี่ยงกัน
ประเมินความเสี่ยง
• มีโอกาสแค่ไหนที่เราจะเก็บเงินได้ไม่ถึงเดือนละ 5,000
::คุณบอกว่าทุกวันนี้เดือนละ 4,000 ก็แย่แล้ว แต่คุณมั่นใจว่าถ้าคุณหางานพิเศษทำไปด้วย คุณทำได้แน่ๆ และงานประจำคุณก็มีการปรับเงินเดือนด้วย คุณมั่นใจว่าโอกาสที่คุณจะถูกไล่ออกมีน้อยมากๆ
• มีโอกาสแค่ไหนที่เราลงทุนแล้วเจ๊ง ทำให้เป้าหมายที่ยากอยู่แล้วยากขึ้นไปอีก
::คุณศึกษา VI มีความรู้พอสมควร และพออย่างน้อยที่สุด คุณรู้จัก defensive stock พอตัว ที่สำคัญคุณไม่ได้โลภ คุณบอกว่าทำได้
กำหนดภารกิจ
• เก็บเงินให้ได้ 5,000 บาทต่อเดือน ประเมินทุกสิ้นเดือน
::ชัยชนะแรกของคุณ ทำมันให้ดีที่สุด
• ทุกปีคุณต้องเก็บเงินได้ 60,000 บาท ประเมินทุกสิ้นปี
::เพราะคนส่วนใหญ่ชอบอ้างว่า มีเหตุให้เก็บเงินไม่ได้ เดี๋ยวเดือนหน้าจะเก็บมากขึ้น ฯลฯ เราจะดูกันว่าคุณทำได้จริงไม๊
• ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น 10% ประเมินทุก 3-5 ปี
::การประเมินรายเดือนหรือรายปีไม่ช่วยอะไรเพราะตลาดมีความผันผวน
แผนลดความเสี่ยง
• คุณต้องหารายได้ให้มากขึ้น พัฒนาตนเองไปสู่ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ผลตอบแทนสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะทำให้คุณพ่ายแพ้ภารกิจ หรือถ้าคุณคิดว่างานอิสระอาจให้คุณได้มากกว่าคุณก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยน
• ตลาดมีความผันผวน ซึ่งอาจทำให้คุณทำผลตอบแทนไม่ได้ตามเป้าในบางปี ฉะนั้นคุณต้องศึกษาการลงทุนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หาความรู้ใหม่ๆ และไม่อายที่จะถามผู้รู้ พยายามสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าเป้าให้ได้ เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่อาจขาดทุนเมื่อเจอวิกฤติ
• คุณรู้ว่าการอยู่ในตลาดหุ้นโดยไม่ตามกระแสความโลภและความกลัวเป็นเรื่องที่ยากมากๆๆๆ คุณต้องพยายามศึกษาธรรมะ เพื่อปล่อยวางความโลภ ละความกลัว
• ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพอสมควร อย่าลืมดูแลตัวเองและคนรอบข้างบ้าง เพื่อให้คุณไม่เสียใจหากคุณดันตายไปก่อนที่เป้าหมายคุณจะสำเร็จ
ลงมือปกิบัติ ทำการประเมินอย่างต่อเนื่อง และปรับเป้าหมายตามศักยภาพและความสำเร็จในภารกิจย่อยของคุณ
• ถ้าคุณเก่งขึ้นเยอะจากประสบการณ์จนทำให้เป้าหมายเดิมเป็นเรื่องง่ายๆ หรือประสบปัญหาหนักอึ้งที่ทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายคุณเหลวแน่ๆ จงปรับปรุงเป้าหมายของคุณให้เข้ากับศักยภาพในปัจจุบัน ซึ่งมันอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้
• ย้ำว่ามันต้องทำให้คุณพยายามอย่างสุดความสามารถ อย่าตั้งเป้าหมายที่ง่ายเกินไป ชัยชนะแบบนั้นไม่ช่วยอะไร ที่สำคัญอย่าปรับลดเป้าหมายของคุณลงบ่อยๆ คุณจะเสียศรัทธาในตัวเอง เหมือนที่คุณหมดศรัทธากับนักวิเคราะห์ที่ปรับประมาณการณ์ทุกสัปดาห์
ลงมือทำซะ ขอให้คุณประสบความสำเร็จ
ปล.เขียนไว้อ่านเองครับ
• ตั้งเป้าหมายให้สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ย้ำว่าต้องเป็นไปได้ ไม่งั้นก็เป็นแค่ฝันกลางวัน
• แบ่งเป้าหมายของคุณออกเป็นภารกิจย่อยๆ ทุกภารกิจย่อยๆ ต้องมีเป้าหมายและกำหนดเวลาที่ชัดเจน
• คุณเคลียร์แต่ละภารกิจให้เต็มกำลังความสามารถ สะสมชัยชนะ เพื่อเป็นกำลังใจสู่เป้าหมายที่ยากขึ้น (กรณีที่คุณแพ้อยู่เรื่อยๆมันจะส่งผลตรงข้าม)
ฉะนั้น เป้าหมายที่เป็นไปได้ แต่ทำให้คุณใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเป็นสิ่งจำเป็น เรามายกตัวอย่างจากการลงทุนกันนะ สมมตินะ
EX:
คุณต้องการเวลาหาเงินก้อน 1 ล้านแรกที่ปราศจากหนี้สินให้ได้ภายใน 10 ปี
คุณศึกษาแล้วว่ามีวิธีการต่างๆ ดังนี้
• เก็บเงินงานประจำของคุณเอง
• นำเงินไปลงทุน
• หาอาชีพเสริม
คุณคิดว่าเต็มกำลังความสามารถคุณสามารถทำได้ดังนี้
• รายได้งานประจำ - ค่าใช้จ่าย คุณประหยัดเต็มที่ก็ได้แค่เดือนละ 4,000 บาท
• คุณลงทุนไม่เก่ง คิดว่าทบต้น 10% ก็เต็มที่แล้ว
• คุณไม่มีงานพิเศษ
ประเมินความเป็นไปได้
• จากการคำนวณดอกเบี้ทบต้นคุณคิดแล้วว่าการลงทุนได้ +10% ต่อเนื่องจะนำคุณไปสู่เป้าหมายได้ทันเวลาต่อเมื่อคุณเก็บเงินได้อย่างน้อย 5,000 บาทต่อเดือน
• ถ้าคิดว่าทำไม่ได้คุณควรกำหนดเป้าหมายใหม่ให้ง่ายขึ้น
• ถ้าคิดว่าทำได้ มาประเมินความเสี่ยงกัน
ประเมินความเสี่ยง
• มีโอกาสแค่ไหนที่เราจะเก็บเงินได้ไม่ถึงเดือนละ 5,000
::คุณบอกว่าทุกวันนี้เดือนละ 4,000 ก็แย่แล้ว แต่คุณมั่นใจว่าถ้าคุณหางานพิเศษทำไปด้วย คุณทำได้แน่ๆ และงานประจำคุณก็มีการปรับเงินเดือนด้วย คุณมั่นใจว่าโอกาสที่คุณจะถูกไล่ออกมีน้อยมากๆ
• มีโอกาสแค่ไหนที่เราลงทุนแล้วเจ๊ง ทำให้เป้าหมายที่ยากอยู่แล้วยากขึ้นไปอีก
::คุณศึกษา VI มีความรู้พอสมควร และพออย่างน้อยที่สุด คุณรู้จัก defensive stock พอตัว ที่สำคัญคุณไม่ได้โลภ คุณบอกว่าทำได้
กำหนดภารกิจ
• เก็บเงินให้ได้ 5,000 บาทต่อเดือน ประเมินทุกสิ้นเดือน
::ชัยชนะแรกของคุณ ทำมันให้ดีที่สุด
• ทุกปีคุณต้องเก็บเงินได้ 60,000 บาท ประเมินทุกสิ้นปี
::เพราะคนส่วนใหญ่ชอบอ้างว่า มีเหตุให้เก็บเงินไม่ได้ เดี๋ยวเดือนหน้าจะเก็บมากขึ้น ฯลฯ เราจะดูกันว่าคุณทำได้จริงไม๊
• ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้น 10% ประเมินทุก 3-5 ปี
::การประเมินรายเดือนหรือรายปีไม่ช่วยอะไรเพราะตลาดมีความผันผวน
แผนลดความเสี่ยง
• คุณต้องหารายได้ให้มากขึ้น พัฒนาตนเองไปสู่ตำแหน่งหน้าที่การงานที่ผลตอบแทนสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะทำให้คุณพ่ายแพ้ภารกิจ หรือถ้าคุณคิดว่างานอิสระอาจให้คุณได้มากกว่าคุณก็ต้องกล้าที่จะเปลี่ยน
• ตลาดมีความผันผวน ซึ่งอาจทำให้คุณทำผลตอบแทนไม่ได้ตามเป้าในบางปี ฉะนั้นคุณต้องศึกษาการลงทุนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หาความรู้ใหม่ๆ และไม่อายที่จะถามผู้รู้ พยายามสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าเป้าให้ได้ เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่อาจขาดทุนเมื่อเจอวิกฤติ
• คุณรู้ว่าการอยู่ในตลาดหุ้นโดยไม่ตามกระแสความโลภและความกลัวเป็นเรื่องที่ยากมากๆๆๆ คุณต้องพยายามศึกษาธรรมะ เพื่อปล่อยวางความโลภ ละความกลัว
• ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพอสมควร อย่าลืมดูแลตัวเองและคนรอบข้างบ้าง เพื่อให้คุณไม่เสียใจหากคุณดันตายไปก่อนที่เป้าหมายคุณจะสำเร็จ
ลงมือปกิบัติ ทำการประเมินอย่างต่อเนื่อง และปรับเป้าหมายตามศักยภาพและความสำเร็จในภารกิจย่อยของคุณ
• ถ้าคุณเก่งขึ้นเยอะจากประสบการณ์จนทำให้เป้าหมายเดิมเป็นเรื่องง่ายๆ หรือประสบปัญหาหนักอึ้งที่ทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายคุณเหลวแน่ๆ จงปรับปรุงเป้าหมายของคุณให้เข้ากับศักยภาพในปัจจุบัน ซึ่งมันอาจสูงขึ้นหรือต่ำลงก็ได้
• ย้ำว่ามันต้องทำให้คุณพยายามอย่างสุดความสามารถ อย่าตั้งเป้าหมายที่ง่ายเกินไป ชัยชนะแบบนั้นไม่ช่วยอะไร ที่สำคัญอย่าปรับลดเป้าหมายของคุณลงบ่อยๆ คุณจะเสียศรัทธาในตัวเอง เหมือนที่คุณหมดศรัทธากับนักวิเคราะห์ที่ปรับประมาณการณ์ทุกสัปดาห์
ลงมือทำซะ ขอให้คุณประสบความสำเร็จ
ปล.เขียนไว้อ่านเองครับ
อย่ายอมแพ้
- McDull
- Verified User
- โพสต์: 313
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 40
ขออนุญาตให้ความเห็นหน่อยละกัน อย่าถือสานะครับ ถือว่าช่วยกันมองต่างมุม
[quote="Voldtrest"]สมมติฐาน
1. ทำงานสบายๆในประเทศ ใช้ชีวิตชิวๆเข้าไว้
[quote="Voldtrest"]สมมติฐาน
1. ทำงานสบายๆในประเทศ ใช้ชีวิตชิวๆเข้าไว้
"It is in your moments of decision that your destiny is shaped." --- ANTHONY ROBBINS
http://en.wikipedia.org/wiki/McDull
http://en.wikipedia.org/wiki/McDull
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 41
ได้อ่านแล้ว ผมก็นึกถึงคำสอนของหัวหน้าเก่า ตอนที่ผมเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน พี่เค้าบอกว่า สำหรับเป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้น มีเส้นทางหลายทางที่จะทำให้เราขี้นไปถึง ถ้าไปเส้นตรงไม่ได้ ก็อ้อมๆหน่อยแล้วค่อยขี้นต่อ ถ้าเหนื่อยนักก็พักก่อนแล้วค่อยไปต่อ ผมว่ามันมีความหมายมากเลยนะครับ
ส่วนตัวแล้วตั้งเป้าไว้สัก 10 ล้านต่อคนตอนเกษียณ ซึ่งตอนนี้เป็นผมคนเดียว ถ้ามีภรรยา ก็ต้อง 20 ล้าน ในตอนเกษียณ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้เงินก้อนนี้ไปลงทุนในหุ้นเพื่อผลตอบแทนสัก 8% ต่อปี เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ให้เดือนร้อนลูกหลานครับ
การที่เราตั้งเป้าหมายไว้มันก็ดีนะครับ แต่ถ้าตั้งสูงไปก็กดดันตัวเองมากไป รวมถึงอาจจะทำให้เกิดผลเสียทำให้เรายอมเสี่ยงมากขี้น เพื่อที่จะให้ได้ผลตอบแทนมากขี้น ก็อย่างว่าครับ ถ้าเราขาดทุน ผลตอบแทนทั้งหมดที่เราพากเพียรพยายามทำมาก็จะหายไป ยิ่งถ้าการขาดทุนนั้นเกิดในปีหลังๆ ที่เรามีเงินมากขี้น มันก็จะยิ่งแย่ไปใหญ่ครับ ผมจึงคิดว่านี่คือเหตุผลของเซียนที่บอกว่า อย่าขาดทุน และ อย่าขาดทุน
กำไรมากกำไรน้อยอีกเรื่องครับ แต่มันก็ทำให้ความมั่งคังของเรามากขี้น เฉลี่ยๆกันไปในแต่ละปีนะครับ
ส่วนตัวผมตอนนี้ก็พยายามสร้างผลตอบแทนให้ดีครับ และก็พยายามหารายได้พิเศษเสริมเพือ่มาลงทุนต่ออีกทางอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่สำเร็จเลยครับ หวังว่าจะสำเร็จในอนาคตครับ
ขอให้โชคดีกับการลงทุนกันทุกคนนะครับ
ส่วนตัวแล้วตั้งเป้าไว้สัก 10 ล้านต่อคนตอนเกษียณ ซึ่งตอนนี้เป็นผมคนเดียว ถ้ามีภรรยา ก็ต้อง 20 ล้าน ในตอนเกษียณ เพื่อที่ว่าจะได้ใช้เงินก้อนนี้ไปลงทุนในหุ้นเพื่อผลตอบแทนสัก 8% ต่อปี เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ให้เดือนร้อนลูกหลานครับ
การที่เราตั้งเป้าหมายไว้มันก็ดีนะครับ แต่ถ้าตั้งสูงไปก็กดดันตัวเองมากไป รวมถึงอาจจะทำให้เกิดผลเสียทำให้เรายอมเสี่ยงมากขี้น เพื่อที่จะให้ได้ผลตอบแทนมากขี้น ก็อย่างว่าครับ ถ้าเราขาดทุน ผลตอบแทนทั้งหมดที่เราพากเพียรพยายามทำมาก็จะหายไป ยิ่งถ้าการขาดทุนนั้นเกิดในปีหลังๆ ที่เรามีเงินมากขี้น มันก็จะยิ่งแย่ไปใหญ่ครับ ผมจึงคิดว่านี่คือเหตุผลของเซียนที่บอกว่า อย่าขาดทุน และ อย่าขาดทุน
กำไรมากกำไรน้อยอีกเรื่องครับ แต่มันก็ทำให้ความมั่งคังของเรามากขี้น เฉลี่ยๆกันไปในแต่ละปีนะครับ
ส่วนตัวผมตอนนี้ก็พยายามสร้างผลตอบแทนให้ดีครับ และก็พยายามหารายได้พิเศษเสริมเพือ่มาลงทุนต่ออีกทางอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่สำเร็จเลยครับ หวังว่าจะสำเร็จในอนาคตครับ
ขอให้โชคดีกับการลงทุนกันทุกคนนะครับ
- picklife
- Verified User
- โพสต์: 2565
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 42
ขอโทษนะน้องพี่ไม่ได้ขัดนะครับ แต่ไม่เข้าใจคำถามครับ 555+
A. มุ่งที่จะเพิ่มรายได้จากงานหลักให้ได้มากที่สุด จ่ายให้
พอร์ตลงทุนก่อนจ่ายเรื่องอื่นๆ (กรณีปกติ)
- อาจต้องเรียนต่อเพื่อเปลี่ยนอาชีพ
- อาจต้องหางานเสริม/ทำธุรกิจ
B. เราเลือกการลงทุนที่ไม่เกินความสามารถของเรา
ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกปี ในระดับที่เรา ok
(กรณีที่ไม่มีเวลาติดตามเท่าไร)
ถ้าพี่เป็นคนที่ขยันทำงานแบบAแต่ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนอาชีพก็ได้นี่ครับ
ขยันทำงานทำอาชีพเดิม เอาเงินมาลงทุนเยอะๆ
หรือถ้าพี่เป็นBลงทุนแบบง่ายๆผลตอบแทนสมำเสมออาจเป็นกองทุนหรือตราสารหนี้ แต่คนอย่างBก็สามารถขยันแบบAหรือเปลี่ยนสายอาชีพแบบAได้นี่ครับ
พี่เข้าใจว่าสิ่งที่น้องจะสื่อคือ
A.เปลี่ยนงานที่เกี่ยวกับการเงินลุยมันไปสุดๆให้เวลากับการลงทุนเยอะๆ
B.ทำงานเดิมดีแล้วสายงานเดิม แต่มีเวลาดูแลพอร์ทน้อยก็ลงที่ดูมั่นคง
แต่ทั้งAและBก็ควรที่จะเก็บเงินให้มากๆเพื่อนำไปลงทุนครับ ถ้าให้พี่เลือกแบบนี้พี่เลือกข้อB เพราะแนวVIไม่จำเป็นต้องเฝ้าหุ้นครับ เวลาศึกษาเราหาได้ไม่ยากครับ....แต่ถ้าจะเปลี่ยนงานเพราะงานที่ทำมันไม่ใช่ อยากทำเกี่ยวกับการเงินอันนี้ก็แนะให้เปลี่ยนครับ เพราะน้องอายุยังน้อย ไปหาประสบการณืได้ครับ
ส่วนในเรื่องเก็บเงินมากๆอันนี้ต้องดูภ้ามากเกินไปแล้วชีวิติไม่มีความสุขก็ไม่ควรทำเพราะการใช้เงินตอนแก่กับตอนหมุ่มมันคนละเรื่องเลยครับ
สมัยก่อนพี่คนละครึ่งทาง หาความสุขในชีวิตๆมากๆซื้อรถคันใหญ่ๆขับเที่ยวบ่อยๆ แต่ก็พอเหลือเงินเก็บบ้างพอสมควรนะครับ แต่ชีวิตก็สบายดีครับ เพราะเป้าหมายพี่คือเกษียน55
ซึ่งถ้าเป้าหมายน้องคือเกษียน55ปีน้องก็ควรจะใช้บ้างเก็บบ้างครับ
แต่พอพี่รูจักหุ้น รูเรื่องผลตอบแทน วางแผนอนาคต เห็นเป้าหมายชัดเจนว่าพี่สามารถเกษียนตอนอายุ40ได้ พี่ก็เปลี่ยนแนวทางชีวิตเลยครับ เน้นเก็บเงินมากๆ เพราะถ้าพี่ไปถึงจุดนั้นอายุ40พี่มีเงิน พี่ก็ยังมีแรงใช้ครับ.....ดังนั้นช่วงนี้เก็นและลงสุดสุดชีวิตครับ ขายรถใหญ่ ซื้อรถเล็ก เพื่อให้เหลือเงินมาลงทุนและประหยัดค่าน้ำมันปีละประมาณ3หมื่น และอีกหลายๆอย่างครับที่ปรับชีวิตตัวเองใหม่เพื่อให้เข้าเป้าได้ไวขึ้น
อื้มมไหนๆน้องก็ถามงั้นขอถามความคิดเห้นพี่ๆชาวTVIบ้างครับ......
ว่า..................
หากเราเล่นหุ้นและทำงานประจำคนละสาย กับย้ายสายมาเป็นแนวเดียวกับหุ้น มันจะมีผลทำให้กำไรในพอรืทเพิ่มขึ้นไหมครับ????????
A. มุ่งที่จะเพิ่มรายได้จากงานหลักให้ได้มากที่สุด จ่ายให้
พอร์ตลงทุนก่อนจ่ายเรื่องอื่นๆ (กรณีปกติ)
- อาจต้องเรียนต่อเพื่อเปลี่ยนอาชีพ
- อาจต้องหางานเสริม/ทำธุรกิจ
B. เราเลือกการลงทุนที่ไม่เกินความสามารถของเรา
ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกปี ในระดับที่เรา ok
(กรณีที่ไม่มีเวลาติดตามเท่าไร)
ถ้าพี่เป็นคนที่ขยันทำงานแบบAแต่ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนอาชีพก็ได้นี่ครับ
ขยันทำงานทำอาชีพเดิม เอาเงินมาลงทุนเยอะๆ
หรือถ้าพี่เป็นBลงทุนแบบง่ายๆผลตอบแทนสมำเสมออาจเป็นกองทุนหรือตราสารหนี้ แต่คนอย่างBก็สามารถขยันแบบAหรือเปลี่ยนสายอาชีพแบบAได้นี่ครับ
พี่เข้าใจว่าสิ่งที่น้องจะสื่อคือ
A.เปลี่ยนงานที่เกี่ยวกับการเงินลุยมันไปสุดๆให้เวลากับการลงทุนเยอะๆ
B.ทำงานเดิมดีแล้วสายงานเดิม แต่มีเวลาดูแลพอร์ทน้อยก็ลงที่ดูมั่นคง
แต่ทั้งAและBก็ควรที่จะเก็บเงินให้มากๆเพื่อนำไปลงทุนครับ ถ้าให้พี่เลือกแบบนี้พี่เลือกข้อB เพราะแนวVIไม่จำเป็นต้องเฝ้าหุ้นครับ เวลาศึกษาเราหาได้ไม่ยากครับ....แต่ถ้าจะเปลี่ยนงานเพราะงานที่ทำมันไม่ใช่ อยากทำเกี่ยวกับการเงินอันนี้ก็แนะให้เปลี่ยนครับ เพราะน้องอายุยังน้อย ไปหาประสบการณืได้ครับ
ส่วนในเรื่องเก็บเงินมากๆอันนี้ต้องดูภ้ามากเกินไปแล้วชีวิติไม่มีความสุขก็ไม่ควรทำเพราะการใช้เงินตอนแก่กับตอนหมุ่มมันคนละเรื่องเลยครับ
สมัยก่อนพี่คนละครึ่งทาง หาความสุขในชีวิตๆมากๆซื้อรถคันใหญ่ๆขับเที่ยวบ่อยๆ แต่ก็พอเหลือเงินเก็บบ้างพอสมควรนะครับ แต่ชีวิตก็สบายดีครับ เพราะเป้าหมายพี่คือเกษียน55
ซึ่งถ้าเป้าหมายน้องคือเกษียน55ปีน้องก็ควรจะใช้บ้างเก็บบ้างครับ
แต่พอพี่รูจักหุ้น รูเรื่องผลตอบแทน วางแผนอนาคต เห็นเป้าหมายชัดเจนว่าพี่สามารถเกษียนตอนอายุ40ได้ พี่ก็เปลี่ยนแนวทางชีวิตเลยครับ เน้นเก็บเงินมากๆ เพราะถ้าพี่ไปถึงจุดนั้นอายุ40พี่มีเงิน พี่ก็ยังมีแรงใช้ครับ.....ดังนั้นช่วงนี้เก็นและลงสุดสุดชีวิตครับ ขายรถใหญ่ ซื้อรถเล็ก เพื่อให้เหลือเงินมาลงทุนและประหยัดค่าน้ำมันปีละประมาณ3หมื่น และอีกหลายๆอย่างครับที่ปรับชีวิตตัวเองใหม่เพื่อให้เข้าเป้าได้ไวขึ้น
อื้มมไหนๆน้องก็ถามงั้นขอถามความคิดเห้นพี่ๆชาวTVIบ้างครับ......
ว่า..................
หากเราเล่นหุ้นและทำงานประจำคนละสาย กับย้ายสายมาเป็นแนวเดียวกับหุ้น มันจะมีผลทำให้กำไรในพอรืทเพิ่มขึ้นไหมครับ????????
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 43
ช่วงเริ่มต้นชีวิต
ให้ทำงานเพื่องาน และรักในงานที่ทำ เงินมันจะตามมาทีหลังเอง
อย่าคิดเรื่องเงินมาก
มี ล้านเดียว หรือมีร้อยล้าน ก็มีความสุขได้
ความรวย เราควบคุมไม่ได้ รวยมากรวยน้อย แล้วแต่โชควาสนา
แต่ความสุข เราควบคุมได้ครับ มันอยู่ที่ใจของเรา อย่าให้เงินมาเป็นเป้าหมายของชีวิต อย่าให้มันมากำหนดความสุขของชีวิต
เงินน้อยๆแบบผม ก็มีความสุขได้ครับ :8)
ให้ทำงานเพื่องาน และรักในงานที่ทำ เงินมันจะตามมาทีหลังเอง
อย่าคิดเรื่องเงินมาก
มี ล้านเดียว หรือมีร้อยล้าน ก็มีความสุขได้
ความรวย เราควบคุมไม่ได้ รวยมากรวยน้อย แล้วแต่โชควาสนา
แต่ความสุข เราควบคุมได้ครับ มันอยู่ที่ใจของเรา อย่าให้เงินมาเป็นเป้าหมายของชีวิต อย่าให้มันมากำหนดความสุขของชีวิต
เงินน้อยๆแบบผม ก็มีความสุขได้ครับ :8)
จงทนอด และอดทน
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 45
[quote="poppo"]ช่วงเริ่มต้นชีวิต
ให้ทำงานเพื่องาน และรักในงานที่ทำ เงินมันจะตามมาทีหลังเอง
อย่าคิดเรื่องเงินมาก
มี ล้านเดียว หรือมีร้อยล้าน ก็มีความสุขได้
ความรวย เราควบคุมไม่ได้ รวยมากรวยน้อย แล้วแต่โชควาสนา
แต่ความสุข เราควบคุมได้ครับ มันอยู่ที่ใจของเรา อย่าให้เงินมาเป็นเป้าหมายของชีวิต อย่าให้มันมากำหนดความสุขของชีวิต
เงินน้อยๆแบบผม ก็มีความสุขได้ครับ
ให้ทำงานเพื่องาน และรักในงานที่ทำ เงินมันจะตามมาทีหลังเอง
อย่าคิดเรื่องเงินมาก
มี ล้านเดียว หรือมีร้อยล้าน ก็มีความสุขได้
ความรวย เราควบคุมไม่ได้ รวยมากรวยน้อย แล้วแต่โชควาสนา
แต่ความสุข เราควบคุมได้ครับ มันอยู่ที่ใจของเรา อย่าให้เงินมาเป็นเป้าหมายของชีวิต อย่าให้มันมากำหนดความสุขของชีวิต
เงินน้อยๆแบบผม ก็มีความสุขได้ครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 46
[quote="McDull"]ขออนุญาตให้ความเห็นหน่อยละกัน อย่าถือสานะครับ ถือว่าช่วยกันมองต่างมุม
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- muten
- Verified User
- โพสต์: 9
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 47
poppo เขียน:อย่าให้ความสำคัญกับเป้าหมายมากเกินไป
แต่ให้ความสำคัญกับวิถีที่เราจะเดินไปให้ถึงเป้าหมาย
แม้ที่สุดเราจะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ถ้าเราได้เดินในวิถีที่เราศรัทธา นั่นก็น่าจะพอใจแล้ว
สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกเราคือความไม่แน่นอน
ตอนแรกๆ ผมก็ตั้งเป้าหมายไว้ จะต้องไปถึงในระยะเวลากี่ปี
แต่ปัจจุบัน ผมคิดว่า ผมเลือกวิธีที่จะเดินไปถึงเป้าหมาย แล้วมีความสุขกับทุกขณะที่เราเดินไปสู่เป้าหมาย ทีละก้าว ทีละก้าว
ใครจะรู้ ก่อนเราจะมีร้อยล้าน อาจจะเกิดอุบัติเหตุอะไรก็ได้ ผมเห็นชีวิตมามาก เห็นความสูญเสียมามาก
ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนของเราเสมอหรอกครับ
ชอบครับ :)poppo เขียน:ช่วงเริ่มต้นชีวิต
ให้ทำงานเพื่องาน และรักในงานที่ทำ เงินมันจะตามมาทีหลังเอง
อย่าคิดเรื่องเงินมาก
มี ล้านเดียว หรือมีร้อยล้าน ก็มีความสุขได้
ความรวย เราควบคุมไม่ได้ รวยมากรวยน้อย แล้วแต่โชควาสนา
แต่ความสุข เราควบคุมได้ครับ มันอยู่ที่ใจของเรา อย่าให้เงินมาเป็นเป้าหมายของชีวิต อย่าให้มันมากำหนดความสุขของชีวิต
เงินน้อยๆแบบผม ก็มีความสุขได้ครับ :8)
รวย
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 48
ดูท่าตอนนี้อาชีพหลักของผมตอนนี้จะเป็นนักpokerซะแล้วครับ :lol: อาชีพนี้ท่าเก่งบวกเฮงไม่ถึง10ปีก็หา100ล้านได้ครับ(ชนะtourเยอะๆก็ได้แน่นอนครับครับอย่างElkaรวยเละ :8) )
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 49
[quote="ศิษย์เซียน007"]ดูท่าตอนนี้อาชีพหลักของผมตอนนี้จะเป็นนักpokerซะแล้วครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 155
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 50
ถามนิดเดียว เรื่องมีครอบครัว มีลูก คิดไว้หรือยัง
ถ้าไม่คิดถึง คงมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ว่าเกิดมาทำไม
เงิน 100 ล้าน จะเอาไปทำอะไร :roll:
ถ้าไม่คิดถึง คงมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ว่าเกิดมาทำไม
เงิน 100 ล้าน จะเอาไปทำอะไร :roll:
-
- Verified User
- โพสต์: 155
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 51
[quote="ศิษย์เซียน007"]ดูท่าตอนนี้อาชีพหลักของผมตอนนี้จะเป็นนักpokerซะแล้วครับ :lol:
- pavilion
- Verified User
- โพสต์: 1766
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 53
เล่นอยู่ที่ไหนครับคุณศิษย์เซียนบอกกันบ้างครับ ใช่ที่เดิมหรือเปล่าครับ อิอิศิษย์เซียน007 เขียน:ดูท่าตอนนี้อาชีพหลักของผมตอนนี้จะเป็นนักpokerซะแล้วครับ อาชีพนี้ท่าเก่งบวกเฮงไม่ถึง10ปีก็หา100ล้านได้ครับ(ชนะtourเยอะๆก็ได้แน่นอนครับครับอย่างElkaรวยเละ )
ถ้าจะสำเร็จต้องเก่งบวกเฮงและก็มีความพยายามด้วยครับ ผมว่า นัก poker
ที่รวยๆ นี่มีหลายคนครับ อย่าง phil ivey นี่เข้ารอบ final table ใน
ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ ๆ ได้หลายรายการมากครับทำเงินได้มหาศาลทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 54
[quote="Quantum of Solace"]ถามนิดเดียว เรื่องมีครอบครัว มีลูก คิดไว้หรือยัง
ถ้าไม่คิดถึง คงมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ว่าเกิดมาทำไม
เงิน 100 ล้าน จะเอาไปทำอะไร
ถ้าไม่คิดถึง คงมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ว่าเกิดมาทำไม
เงิน 100 ล้าน จะเอาไปทำอะไร
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 56
หากไม่มีความเห็นของทุกท่านในกระทู้นี้ ผมก็ไม่สามารถที่จะตั้ง
สมมติฐานที่ตอบรับกับเป้าหมายได้มากขึ้น
หลังจากนี้ผมมีหน้าที่ลงมือทำจริงๆ เพื่อทดสอบสมมติฐานเหล่านี้
ในชีวิตจริง อุปสรรคทุกรูปแบบที่เข้ามาขัดขวาง จะไม่นำไปสู่ การล้มเลิกแผน
แต่จะนำไปสู่การปรับตัวและเดินหน้าต่อไป
แนวคิดที่บอกว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ มาจากการสะสมความสำเร็จเล็กๆน้อยๆระหว่างทาง สำหรับผมถือว่า เป็นแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจมาก
ผมตีความได้อย่างนี้
1. ย่อยเป้าหมายใหญ่เดียว ให้เล็กลงมากจนกลืนได้ง่ายขึ้น ตามช่วงเวลา
ระยะสั้นและกลาง
2. กำหนดเป้าหมายหลายอย่าง ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่ไม่ต้องใหญ่มาก
และใช้เวลาไม่นานก็สำเร็จแล้ว
เพียงแต่ประสบการณ์สร้างแรงจูงใจครั้งก่อนๆของผมตั้งแต่เด็กจนโต ที่มากพอจนสามารถทำผลงานชิ้นโบว์แดง ล้วนมาจาก การตั้งเป้าหมายสูงๆ ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับข้อ 1
มีใครพอที่จะเล่าให้ผมฟังเป็นวิทยาทาน โดยอิงจากประสบการณ์ชีวิต
ได้บ้างครับ :?:
ผมเองก็อยากมีแรงกระตุ้นในการทำตามข้อ 2 ที่เทียบเท่ากับการทำตามข้อ 1
เหมือนกัน
รอฟังอยู่นะครับ พี่ๆทุกท่าน
สมมติฐานที่ตอบรับกับเป้าหมายได้มากขึ้น
หลังจากนี้ผมมีหน้าที่ลงมือทำจริงๆ เพื่อทดสอบสมมติฐานเหล่านี้
ในชีวิตจริง อุปสรรคทุกรูปแบบที่เข้ามาขัดขวาง จะไม่นำไปสู่ การล้มเลิกแผน
แต่จะนำไปสู่การปรับตัวและเดินหน้าต่อไป
แนวคิดที่บอกว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ มาจากการสะสมความสำเร็จเล็กๆน้อยๆระหว่างทาง สำหรับผมถือว่า เป็นแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจมาก
ผมตีความได้อย่างนี้
1. ย่อยเป้าหมายใหญ่เดียว ให้เล็กลงมากจนกลืนได้ง่ายขึ้น ตามช่วงเวลา
ระยะสั้นและกลาง
2. กำหนดเป้าหมายหลายอย่าง ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่ไม่ต้องใหญ่มาก
และใช้เวลาไม่นานก็สำเร็จแล้ว
เพียงแต่ประสบการณ์สร้างแรงจูงใจครั้งก่อนๆของผมตั้งแต่เด็กจนโต ที่มากพอจนสามารถทำผลงานชิ้นโบว์แดง ล้วนมาจาก การตั้งเป้าหมายสูงๆ ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับข้อ 1
มีใครพอที่จะเล่าให้ผมฟังเป็นวิทยาทาน โดยอิงจากประสบการณ์ชีวิต
ได้บ้างครับ :?:
ผมเองก็อยากมีแรงกระตุ้นในการทำตามข้อ 2 ที่เทียบเท่ากับการทำตามข้อ 1
เหมือนกัน
รอฟังอยู่นะครับ พี่ๆทุกท่าน
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 57
คุณ Voldtrest ไม่ต้องซีเรียสกับเป้าหมายมากนักก็ได้นะครับ
ทำอย่างที่คุณ poppo แนะนำไว้น่าจะดีมาก ๆ กับตัวเอง
อ่าน ๆ ดูที่คุณเขียนมา ผมว่าชีวิตเครียดนะนั่น
ระวังเป้าหมายจะกดดันชีวิตมากเกินไปนะครับ
ตอนผมบวชที่วัด (เกือบป่า) แห่งหนึ่งที่สุราษฏร์
วันเสาร์ หรืออาทิตย์ จำไม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านเทศน์ให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังเป็นประจำ
เรื่องหนึ่งที่ท่านเล่าย้ำ ๆ ตลอดเลย สรุปใจความได้ประมาณ
ทุก ๆ เช้า สมัยที่ท่านออกเดินบิณฑบาตร ก็จะมีเป้าหมายทุกวันว่า วันนี้จะต้องเดินไปถึงจุดนี้ (มีคนรอตักบาตร) แล้วถึงจะเดินกลับวัด
บางเส้นในบางวัน ก็เป็นระยะทางพอสมควร แต่มีเส้นทางหนึ่ง ที่ต้องเดินไปค่อนข้างไกล
เพียงเพื่อที่จะไปให้คุณยายท่านหนึ่งเพียงคนเดียวตักบาตรทำบุญ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทางมันไกล เพื่อจะไปหาคน ๆ เดียวหรอก
ประเด็นคือ ทุก ๆ เช้า ท่านก็จะตั้งใจแน่วแน่ ค่อย ๆ เดินไปตามทางอย่างมีสมาธิเพื่อให้ถึงจุดหมาย
แต่จุดที่ท่านย้ำคือ ท่านก็ไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งรอบข้างที่ท่านเดินผ่านในตอนเช้ามืดของทุก ๆ วัน
ไม่ว่าจะเป็นการเหลียวมองน้ำค้างที่ตกอยู่บนยอดหญ้าในตอนเช้า เสียงสัตว์ต่าง ๆ หรือต้นไม้ข้างทางที่มีการเปลี่ยนแปลง ...
แค่นี้แหละครับ
ทำอย่างที่คุณ poppo แนะนำไว้น่าจะดีมาก ๆ กับตัวเอง
อ่าน ๆ ดูที่คุณเขียนมา ผมว่าชีวิตเครียดนะนั่น
ระวังเป้าหมายจะกดดันชีวิตมากเกินไปนะครับ
ตอนผมบวชที่วัด (เกือบป่า) แห่งหนึ่งที่สุราษฏร์
วันเสาร์ หรืออาทิตย์ จำไม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านเทศน์ให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังเป็นประจำ
เรื่องหนึ่งที่ท่านเล่าย้ำ ๆ ตลอดเลย สรุปใจความได้ประมาณ
ทุก ๆ เช้า สมัยที่ท่านออกเดินบิณฑบาตร ก็จะมีเป้าหมายทุกวันว่า วันนี้จะต้องเดินไปถึงจุดนี้ (มีคนรอตักบาตร) แล้วถึงจะเดินกลับวัด
บางเส้นในบางวัน ก็เป็นระยะทางพอสมควร แต่มีเส้นทางหนึ่ง ที่ต้องเดินไปค่อนข้างไกล
เพียงเพื่อที่จะไปให้คุณยายท่านหนึ่งเพียงคนเดียวตักบาตรทำบุญ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทางมันไกล เพื่อจะไปหาคน ๆ เดียวหรอก
ประเด็นคือ ทุก ๆ เช้า ท่านก็จะตั้งใจแน่วแน่ ค่อย ๆ เดินไปตามทางอย่างมีสมาธิเพื่อให้ถึงจุดหมาย
แต่จุดที่ท่านย้ำคือ ท่านก็ไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งรอบข้างที่ท่านเดินผ่านในตอนเช้ามืดของทุก ๆ วัน
ไม่ว่าจะเป็นการเหลียวมองน้ำค้างที่ตกอยู่บนยอดหญ้าในตอนเช้า เสียงสัตว์ต่าง ๆ หรือต้นไม้ข้างทางที่มีการเปลี่ยนแปลง ...
แค่นี้แหละครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 58
ขอบพระคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่านอย่างสูง ที่กรุณาสละเวลามาตอบกระทู้
ของกระผมอีกครั้ง
จริงๆกระทู้นี้ควรมีชื่อใหม่ว่า " 15 ปี 100 ล้าน ไปอย่างไร "
จากที่ผมทำอะไรไม่ถูกเลยว่า จะให้ความสำคัญกับสิ่งใด มากน้อยแค่ไหน
เพื่อไปถึงจุดนั้น ทำเอาชื่อกระทู้กำกวม คนอ่านสับสน และไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง จนกระทั่งได้รับการตอบคำถามจากโจทย์ที่ให้ไว้ พ่วงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป, ข้อเสนอแนะให้เปลี่ยนสมมติฐานหรือไม่ก็เปลี่ยนเป้าหมาย และที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ คือ ความเห็นต่างที่ทำให้ผมสามารถสร้างแรงบันดาลใจฮึดสู้ พยายามคิดและตั้ง สมมติฐานที่จะทำให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นจริงให้ได้มากกว่า 1 ทางเลือกขึ้นไป
รู้สึกตื่นเต้นมาก กับการศึกษาหาตัวเลือกที่สอดคล้องกับสมมติฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การเตรียมตัวและลงมิอทำเสียที เมื่อคืนนี้กว่าจะนอนหลับได้ก็ตี 1 กว่าๆ
เลยครับ
ผมมีความสุขจริงๆครับ กับการเตรียมตัวครั้งนี้ หากมีความก้าวหน้าไปในทางใด จะมาเล่าสู่ฟันฟังอีกทีในกระทู้ภาคต่อ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่
คิดฝันใหญ่
กระผมขอจบกระทู้นี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ
ของกระผมอีกครั้ง
จริงๆกระทู้นี้ควรมีชื่อใหม่ว่า " 15 ปี 100 ล้าน ไปอย่างไร "
จากที่ผมทำอะไรไม่ถูกเลยว่า จะให้ความสำคัญกับสิ่งใด มากน้อยแค่ไหน
เพื่อไปถึงจุดนั้น ทำเอาชื่อกระทู้กำกวม คนอ่านสับสน และไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง จนกระทั่งได้รับการตอบคำถามจากโจทย์ที่ให้ไว้ พ่วงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป, ข้อเสนอแนะให้เปลี่ยนสมมติฐานหรือไม่ก็เปลี่ยนเป้าหมาย และที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ คือ ความเห็นต่างที่ทำให้ผมสามารถสร้างแรงบันดาลใจฮึดสู้ พยายามคิดและตั้ง สมมติฐานที่จะทำให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นจริงให้ได้มากกว่า 1 ทางเลือกขึ้นไป
รู้สึกตื่นเต้นมาก กับการศึกษาหาตัวเลือกที่สอดคล้องกับสมมติฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การเตรียมตัวและลงมิอทำเสียที เมื่อคืนนี้กว่าจะนอนหลับได้ก็ตี 1 กว่าๆ
เลยครับ
ผมมีความสุขจริงๆครับ กับการเตรียมตัวครั้งนี้ หากมีความก้าวหน้าไปในทางใด จะมาเล่าสู่ฟันฟังอีกทีในกระทู้ภาคต่อ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนที่
คิดฝันใหญ่
กระผมขอจบกระทู้นี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 59
[quote="akekarat"]คุณ Voldtrest ไม่ต้องซีเรียสกับเป้าหมายมากนักก็ได้นะครับ
ทำอย่างที่คุณ poppo แนะนำไว้น่าจะดีมาก ๆ กับตัวเอง
อ่าน ๆ ดูที่คุณเขียนมา ผมว่าชีวิตเครียดนะนั่น
ระวังเป้าหมายจะกดดันชีวิตมากเกินไปนะครับ
ตอนผมบวชที่วัด (เกือบป่า) แห่งหนึ่งที่สุราษฏร์
วันเสาร์ หรืออาทิตย์ จำไม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านเทศน์ให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังเป็นประจำ
เรื่องหนึ่งที่ท่านเล่าย้ำ ๆ ตลอดเลย สรุปใจความได้ประมาณ
ทุก ๆ เช้า สมัยที่ท่านออกเดินบิณฑบาตร ก็จะมีเป้าหมายทุกวันว่า วันนี้จะต้องเดินไปถึงจุดนี้ (มีคนรอตักบาตร) แล้วถึงจะเดินกลับวัด
บางเส้นในบางวัน ก็เป็นระยะทางพอสมควร แต่มีเส้นทางหนึ่ง ที่ต้องเดินไปค่อนข้างไกล
เพียงเพื่อที่จะไปให้คุณยายท่านหนึ่งเพียงคนเดียวตักบาตรทำบุญ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทางมันไกล เพื่อจะไปหาคน ๆ เดียวหรอก
ประเด็นคือ ทุก ๆ เช้า ท่านก็จะตั้งใจแน่วแน่ ค่อย ๆ เดินไปตามทางอย่างมีสมาธิเพื่อให้ถึงจุดหมายแต่จุดที่ท่านย้ำคือ ท่านก็ไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งรอบข้างที่ท่านเดินผ่านในตอนเช้ามืดของทุก ๆ วัน
ไม่ว่าจะเป็นการเหลียวมองน้ำค้างที่ตกอยู่บนยอดหญ้าในตอนเช้า เสียงสัตว์ต่าง ๆ หรือต้นไม้ข้างทางที่มีการเปลี่ยนแปลง ...
แค่นี้แหละครับ
ทำอย่างที่คุณ poppo แนะนำไว้น่าจะดีมาก ๆ กับตัวเอง
อ่าน ๆ ดูที่คุณเขียนมา ผมว่าชีวิตเครียดนะนั่น
ระวังเป้าหมายจะกดดันชีวิตมากเกินไปนะครับ
ตอนผมบวชที่วัด (เกือบป่า) แห่งหนึ่งที่สุราษฏร์
วันเสาร์ หรืออาทิตย์ จำไม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านเทศน์ให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังเป็นประจำ
เรื่องหนึ่งที่ท่านเล่าย้ำ ๆ ตลอดเลย สรุปใจความได้ประมาณ
ทุก ๆ เช้า สมัยที่ท่านออกเดินบิณฑบาตร ก็จะมีเป้าหมายทุกวันว่า วันนี้จะต้องเดินไปถึงจุดนี้ (มีคนรอตักบาตร) แล้วถึงจะเดินกลับวัด
บางเส้นในบางวัน ก็เป็นระยะทางพอสมควร แต่มีเส้นทางหนึ่ง ที่ต้องเดินไปค่อนข้างไกล
เพียงเพื่อที่จะไปให้คุณยายท่านหนึ่งเพียงคนเดียวตักบาตรทำบุญ
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทางมันไกล เพื่อจะไปหาคน ๆ เดียวหรอก
ประเด็นคือ ทุก ๆ เช้า ท่านก็จะตั้งใจแน่วแน่ ค่อย ๆ เดินไปตามทางอย่างมีสมาธิเพื่อให้ถึงจุดหมายแต่จุดที่ท่านย้ำคือ ท่านก็ไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งรอบข้างที่ท่านเดินผ่านในตอนเช้ามืดของทุก ๆ วัน
ไม่ว่าจะเป็นการเหลียวมองน้ำค้างที่ตกอยู่บนยอดหญ้าในตอนเช้า เสียงสัตว์ต่าง ๆ หรือต้นไม้ข้างทางที่มีการเปลี่ยนแปลง ...
แค่นี้แหละครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- raiden
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
รายได้จากอาชีพหลัก VS รายได้จากเงินลงทุน
โพสต์ที่ 60
รู้เขาไม่พอนะครับ ต้องรู้เราด้วย
สิ่งสำคัญคือ ลองประเมินตัวเอง ว่ากับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เทียบกับศักยภาพหรือผลงานที่ผ่าน ๆ มา มีความเป็นไปได้แค่ไหน
สิ่งสำคัญคือ ลองประเมินตัวเอง ว่ากับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เทียบกับศักยภาพหรือผลงานที่ผ่าน ๆ มา มีความเป็นไปได้แค่ไหน
คนดี คนเก่ง คนรวย คนกล้าหาญ เป็นกันได้ โดยใช้คีย์บอร์ด