Paul VI เขียน:ก็คงต้องมาดูเรื่องสาเหตุแห่ง การจิตตกแหละครับ ก็อย่างที่น้องบอกนั่นแหละ สาเหตุ มันก็มีหลากหลาย บางทีก็ซ่อนเงื่อน บางทีก็ซ้อนกันเป็นปมลึกๆอีกที
ก็ขอออกตัวว่า ไม่ได้เก่งธรรมะอะไรนะครับ ไม่สามารถยก ข้อใดมาอธิบายได้จริง...![]()
ผมก็ยังภาวนาไปไม่ถึงไหนเหมือนกัน
แต่หลวงพ่อสอนอะไรผมฟังหลายๆเที่ยวก็พอจำหลักๆได้บ้างนิดหน่อย
ทางธรรมนั้นหลวงพ่อสอนว่า
กุศลใดเกิดให้"รู้ "อกุศลใดเกิดก็ให้"รู้"
แค่"รู้สึก"ให้เท่าทันมันซะให้ได้ทุกครั้งไป
วันนึงจากปริมาณมันจะไปสู่คุณภาพ
คือ"รู้"ว่า ทั้งสองอย่างนั้น เกิดเอง ตั้งอยู่เอง แล้วก็ดับไปเอง
เราไปบังคับอะหยังมันไม่ได้ทั้งนั้น
แต่ทางโลกนั้น
มนุษย์ถูกสั่งสอนมาจากสังคมว่า
กุศลนั้นดี ก็อยากให้มันอยู่นานๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าฝืนธรรม(ชาติ)
อกุศลนั้นไม่ดี ก็อยากให้มันไปเร็วๆ ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าฝืนธรรม(ชาติ)อีกแล้ว
ผลที่ตามมาจากผิดธรรมชาติ ก็ทุกข์ไงครับ
การเปรียบเทียบไม่ผิดธรรมชาตินะครับ
แต่บางทีคนก็เปรียบแล้วคิดต่อ
พอคิดต่อก็ิอิจฉา
อิจฉานี่น่าจะเป็นอกุศลตัวแม่ตัวนึงเชียวนะ
ยกตัวอย่างดังข้างบน
จะเห็นได้ว่าพอเราิิอิจฉา
บ้างก็พยายามไปดับมัน อิจฉาหนอ ไม่ดีหนอ
จริงๆทางธรรม สอนว่าเวลาอิจฉา ก็ใ้ห้"รู้"ทันว่าอิจฉาแล้วนะ
แค่นี้เอง
ถ้าใครฝึกมาดี พอ"รู้" ตัวอกุศลมันก็ดับไปดื้อๆอย่างนั้นเอง
บางคนก็ไพล่คิดไปต่อว่า มานน...นั้นไม่เห็นจะดีกว่าตรูตรงไหน
ไหงมันเจริญก้าวหน้ากว่าตรูได้อย่างไร
อย่างนี้นำพาทุึกข์ใส่ตัวตามเหตุที่กล่าวข้างต้นครับ