เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 1
ความ ร่ำรวย แทบเป็นยอดปรารถนาของทุกคน ในขณะที่คนทั่วไปเข้าใจว่า แต่ละเดือนมีรายได้ไม่มาก เหลือเงินเก็บไม่เท่าไหร่ ภายใต้การเก็บสะสมเหล่านี้ไม่มีวันร่ำรวยได้ แต่ในความเป็นจริง ถ้าหากมีเวลาเพียงพอ และรู้หลักการลงทุน ก็จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
ทั้งนี้ก็เพราะว่าการลงทุนประสบความร่ำรวย ประกอบไปด้วยเงื่อนไขพื้นฐาน 3 ประการคือ เงินออมที่แน่นอน การค้นหาผลตอบแทนสูง และการรอคอยระยะยาว
ถ้าหากคนหนุ่มสาวสามารถเก็บเงินปีละ 14,000 บาท เก็บทุกปีติดต่อกัน 40 ปี หากนำเงินที่เก็บไว้ในแต่ละปีไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์หรืออื่น ๆ ที่ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% คล้อยหลังไป 40 ปี จะมีทรัพย์สินเท่าไร ?
คำตอบที่ได้รับคือ 102,810,000 บาท (หนึ่งร้อยสองล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นบาท)
เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก ถ้าหากเป็นหนุ่มสาวเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 25 ปี ขอเพียงเก็บเงินปีละ 14,000 บาท หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,167 บาท ลงทุนทั้งสิ้น 40 ปี เท่ากับ 560,000 บาท ถ้านำเงินเหล่านี้ไปลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% เมื่อเกษียณที่อายุ 65 ปี จะกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้าน
ตัวเลขร้อยล้านนี้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังไปนี้
14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000
สูตรตัวเลขนี้เพียงบ่งชี้ว่า เงินจำนวนเล็กน้อย พอผ่านการลงทุนจะทำกำไรเป็นเงินมหาศาลอย่างไร คุณอาจจะยังไม่เข้าใจสูตรตัวเลขนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าผู้ที่ลงทุนจนกลายเป็นเศรษฐีส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจสูตรนี้เช่นกัน และคนที่เข้าใจสูตรตัวเลขนี้ก็ใช่ว่าจะลงทุนแล้วร่ำรวยกันทุกคน
ขอเพียงคุณยังหนุ่มยังสาว มีความตั้งใจอยากร่ำรวย รู้จักลงทุนให้ถูกทาง ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ต้องได้เป็นเศรษฐี ทั้งนี้ต้องประกอบด้วยเงื่อนไข 3 ข้อที่ว่า
1. ปีนึงต้องเก็บเงิน 14,000 บาท หรือเท่ากับเดือนละ 1,167 บาท เชื่อว่าสำหรับคนทั่วไปอยู่ในวิสัยที่ทำได้
2. นำเงินออมไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนเครื่องมือการลงทุนอื่นๆ ให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% และถือครองระยะยาว ซึ่งรูปแบบการลงทุนเช่นนี้ ไม่ว่าชายหรือหญิง ยากดีมีจนอย่างไร ล้วนลงทุนได้
3. ระยะเวลาในการสร้างฐานะ 40 ปี ดูเหมือนว่ายาวนาน แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แทบทุกคนสามารถทำได้
หนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 20 25 ปี เวลานี้เริ่มเก็บออมเงินได้แล้ว เมื่อมีอายุถึง 60 65 ปี เท่ากับว่าทำงาน 40 ปีพอดี
ถ้าหากยังไม่เข้าใจ โปรดดูข้อมูลตัวเลขข้างล่างนี้ ซึ่งอธิบายวิธีการลงทุนสร้างฐานะว่า ลงทุนทุกปี ปีละ 14,000 บาท ถ้าได้ผลตอบแทนปีละ 20% ทุก 10 ปีจะมียอดเงินสะสมดังนี้
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
นั่นหมายความว่าหากคุณมีเงินเก็บสะสมอยู่แล้ว 360,000 บาท ก็ขอแสดงความยินดีที่คุณสามารถ ลดระยะเวลาของการลงทุนไป 10 ปี ขอเพียงคุณลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนอย่างงาม (20%ขึ้นไป) อีก 30 ปีคุณจะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน หากคุณมีเงินทองอยู่แล้ว 2,610,000 บาท ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนไป 20 ปี หรือหากคุณมียอดเงินอยู่แล้ว 16,550,000 บาท ก็ยิ่งวิเศษใหญ่ เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนถึง 30 ปี อีก 10 ปีคุณก็จะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน
มีคนทั่วไปเห็นว่า เมื่อฝากเงินกับธนาคารจะได้รับดอกเบี้ย เมื่อทบดอกเบี้ยเข้าไป จะได้ดอกทวีคูณ เมื่อนานเข้าน่าจะเป็นเงินก้อนใหญ่ คนที่มีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะไม่เข้าใจวิธีการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น ถ้าพบว่าภายใต้เงินก้อนเดียวกัน ผ่านระยะเวลาดอกเบี้ยทบต้นเท่ากัน แต่ดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นแตกต่างอย่างมหาศาลน่าแปลกใจมาก
ตัวอย่างคน ๆ นึงฝากเงินกับธนาคารทุกปี ปีละ 14,000 บาท เป็นเวลา 40 ปี รับดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 5% แล้วนำดอกเบี้ยทบต้นเข้าไป คุณคิดว่า 40 ปีให้หลัง คน ๆ นี้จะมีเงินสะสมเท่าไร ? คำตอบคือ 1,690,000 บาทเท่านั้น
คำตอบที่ได้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังนี้
14,000 x (1+5%)^40 / 5% = 1,690,000
ในขณะที่ตัวอย่างร้อยล้านจากวิธีคำนวณข้างต้น แต่ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี
14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000
ทั้งสองรายการนี้ใช้เงินลงทุนเท่ากัน ระยะเวลานานเท่ากัน ต่างกันที่ผลตอบแทน 5% กับ 20% ทั้งสองรายการได้ผลตอบแทนต่างกันถึง 70 กว่าเท่า นี่คือลักษณะเฉพาะของ ดอกเบี้ยทบต้น
จากตัวอย่างที่ยกมานี้แสดงว่า เคล็ดลับข้อหนึ่งของการลงทุนสร้างฐานะ อยู่ที่ให้ผลตอบแทนสูงต่ำแค่ไหน ฉะนั้นจุดสำคัญของการลงทุนไม่ใช่อยู่ที่นำเงินไปลงทุนหรือยัง หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณลงทุนอย่างไร และให้ผลตอบแทนสูงต่ำแค่ไหน
สมมติว่าคน ๆ นึงเก็บเงินปีละ 500,000 บาท แล้วนำไปฝากประจำดอกเบี้ย 5% กับธนาคาร ขอถามว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร ค่อยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน คำตอบคืออีก 200 ปี คิดดูสิว่าคน ๆ นึงเก็บเงินปีละ 500,000 บาท ก็ว่ายากอยู่แล้ว คิดมีอายุถึง 200 ปีนี่เป็นไปไม่ได้เลย โดยทั่วไปคนเรามีอายุเฉลี่ยประมาณ 75 ปี สองชาติเท่ากับ 150 ปี ถ้าอย่างนั้นคนที่ฝากเงินกับธนาคาร ต้องรอถึงชาติที่สามจึงได้เป็นเศรษฐี
ในทางกลับกัน ถ้าหากคุณรู้จักลงทุนอย่างถูกทาง ใช้เวลา 40 ปี หรือประมาณครึ่งชีวิต ก็มีสิทธิเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
..... การเก็บเงินปีละ 14,000 บาท จะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้านน่าสนใจมาก แต่ถ้าทำตามวิธีการของคุณ ต้องรอถึง 40 ปี ทำให้ใจห่อเหี่ยว .....
..... ต้องรอถึง 40 ปีค่อยเป็นมหาเศรษฐี ดีไม่ดีตายกลายเป็นผีไปแล้ว คุณมีเคล็ดลับช่วยให้ร่ำรวยเร็วขึ้นมั้ย ? .....
การสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล คนส่วนหนึ่งรู้คำตอบแล้วว่า ถ้าเก็บเงินลงทุนแบบนี้ 40 ปี จะได้เงินร้อยกว่าล้าน จึงทายว่า 10 ปีน่าจะได้สัก 5 ล้าน บางคนทายว่าประมาณ 1 ล้าน แต่ว่าคำตอบที่คำนวณได้น่าแปลกใจเหมือนกันคือได้แค่ 360,000 บาท เมื่อเทียบกับลงทุน 40 ปี ได้ร้อยกว่าล้าน แตกต่างกันถึง 300 กว่าเท่า
ยังดีที่มีคนตั้งคำถามแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีผู้ทำตามวิธีการนี้ เก็บเงินไปลงทุนปีละ 14,000 บาท นำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ 20% นึกว่านานเข้าคงร่ำรวยเป็นเศรษฐี คิดไม่ถึงว่าแค่สิบปีมีเงินสะสมแค่สามแสนหก คงเข้าใจว่าถูกหลอกซะแล้ว
ต้องเข้าใจว่านี่เป็นการ วิ่งมาราธอน ไม่ใช่ วิ่งร้อยเมตร สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว การลงทุนสร้างเนื้อสร้างตัว เงื่อนไขข้อแรกอยู่ที่เวลา คุณต้องผ่านการรอคอยจึงจะเห็นผล เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อย ๆ ในปีต่าง ๆ
- ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
นี่เป็นข้อสังเกตที่ว่าทำไมหาเงินเพิ่มอีก 10 ล้านบาท ยังง่ายกว่าหาเงิน 1 ล้านบาทแรกมากนัก
สำหรับคนที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยมือเปล่า คงมีประสบการณ์อย่างนี้มาแล้ว หมื่นแสนเรื่องราวตอนเริ่มต้นนั้นลำบากที่สุด ตอนแรกเริ่มกว่าจะหาเงินได้ช่างลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองหายากหาเย็นถึงเพียงนี้ แต่หลังจากประสบความสำเร็จ เงินทองก็ไหลมาเทมา เรียกว่าอยากจะหยุดยั้ง ก็ยั้งไว้ไม่อยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองกลายเป็นหาง่ายเพียงนี้
ทุกคนอยากจะหยิบเงินล้านที่สอง หรือหยิบเงินสิบล้านแบบง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ภาวนาให้เงินไหลมาเทมา ปัญหาอยู่ที่ก่อนจะหยิบเงินล้านที่สอง ต้องมีเงินล้านแรกก่อน ทำอย่างไรจึงจะได้เงินล้านแรก ?
เศรษฐีส่วนใหญ่สร้างเนื้อสร้างตัวจากเงินก้อนเล็ก ๆ ผ่านวันเวลาอันยาวนาน ค่อย ๆ เก็บสะสม ตอนแรกเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ แทบไม่น่าเชื่อ แต่ความสำเร็จเรียงร้อยจากความสำเร็จเล็ก ๆ ทั้งหลาย สะสมพอกพูนเป็นสมบัติกองโต
แสดงให้เห็นว่า เวลา มีความสำคัญต่อการลงทุนสร้างฐานะ ความ อดทน เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต้องมี และไม่ใช่อดทนไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี ยิ่งอดทนยี่สิบสามสิบปี หรือสี่สิบห้าสิบปี พลังที่จะสร้างความร่ำรวยก็ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร
แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ อาหารจานด่วน ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล เวลาทานอาหารก็รับประทานอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด ส่งจดหมายก็ใช้บริการด่วนพิเศษ ขับรถก็ต้องขึ้นทางด่วน แม้แต่การศึกษาก็ยังใช้วิธีเรียนลัด ผู้คนยิ่งมายิ่งหวังผลทันตาเห็น กลายเป็นรีบร้อนเร่งด่วน ขาดซึ่งความอดทน แม้แต่การลงทุนสร้างฐานะก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่น อาจเร่งความเร็วได้ แต่การลงทุนสร้างฐานะเร่งเร็วไม่ได้ เพราะ เวลา เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการสร้างตัว ยิ่งเร่งเร็วยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งส่วนมากจะ เลิกล้มกลางคัน เมื่อเจอกับเงื่อเวลา ก็เกิดความท้อถอย พาลขายหุ้น ขายอสังหาริมทรัพย์ เดินออกจากตลาดหุ้น หารู้ไม่ว่าการขาดความอดทนและความตั้งใจ ยากจะพบกับความสำเร็จได้
การลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจก็ทำเรื่องเสี่ยง ๆ ฉะนั้นแทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว ไม่ว่าการสร้างสมความร่ำรวยก็ดี การสั่งสมประสบการณ์ก็ดี ไม่สามารถบรรลุได้ในเวลาชั่วข้ามคืน หากแต่ต้องใช้เวลาเข้าแลกมา คนที่อยากรวยทางลัด ได้แต่ใช้วิธีสุ่มเสี่ยงหรือว่าเล่นพนัน หรือทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๆ แต่ผลของมันคือสิ้นเนื้อประดาตัว จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
คนที่อยากรวยเร็วไม่เหมาะกับการลงทุนสร้างฐานะ เพราะการลงทุนแบบช้าหน่อยแต่ชัวร์แน่นอน พลังที่สร้างฐานะจะใหญ่โตกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่พวกเรานึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน ลองนึกดูว่าคุณแม่ต้องผ่านการอุ้มท้องกว่าสิบเดือน ชาวนาปลูกข้าวก็ต้องรอน้ำรอฝน ต้นข้าวจึงจะออกรวงได้ การพอกพูนของเงินทองก็เหมือนกับการเติบโตของชีวิต ผ่านวันผ่านเดือนผ่านปี ได้รับดอกเบี้ยทบต้น ไม่ใช่ถึงเป้าที่วางไว้ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน นักลงทุนบางคนทำกำไรมหาศาลในชั่วข้ามคืน แต่ก็สิ้นเนื้อประดาตัวเพียงชั่วข้ามคืนได้เช่นกัน
http://www.css10nb.com/lofiversion/index.php/t546.html
ทั้งนี้ก็เพราะว่าการลงทุนประสบความร่ำรวย ประกอบไปด้วยเงื่อนไขพื้นฐาน 3 ประการคือ เงินออมที่แน่นอน การค้นหาผลตอบแทนสูง และการรอคอยระยะยาว
ถ้าหากคนหนุ่มสาวสามารถเก็บเงินปีละ 14,000 บาท เก็บทุกปีติดต่อกัน 40 ปี หากนำเงินที่เก็บไว้ในแต่ละปีไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์หรืออื่น ๆ ที่ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% คล้อยหลังไป 40 ปี จะมีทรัพย์สินเท่าไร ?
คำตอบที่ได้รับคือ 102,810,000 บาท (หนึ่งร้อยสองล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นบาท)
เป็นตัวเลขที่น่าตกใจมาก ถ้าหากเป็นหนุ่มสาวเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 25 ปี ขอเพียงเก็บเงินปีละ 14,000 บาท หรือเฉลี่ยประมาณเดือนละ 1,167 บาท ลงทุนทั้งสิ้น 40 ปี เท่ากับ 560,000 บาท ถ้านำเงินเหล่านี้ไปลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% เมื่อเกษียณที่อายุ 65 ปี จะกลายเป็นเศรษฐีร้อยล้าน
ตัวเลขร้อยล้านนี้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังไปนี้
14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000
สูตรตัวเลขนี้เพียงบ่งชี้ว่า เงินจำนวนเล็กน้อย พอผ่านการลงทุนจะทำกำไรเป็นเงินมหาศาลอย่างไร คุณอาจจะยังไม่เข้าใจสูตรตัวเลขนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าผู้ที่ลงทุนจนกลายเป็นเศรษฐีส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจสูตรนี้เช่นกัน และคนที่เข้าใจสูตรตัวเลขนี้ก็ใช่ว่าจะลงทุนแล้วร่ำรวยกันทุกคน
ขอเพียงคุณยังหนุ่มยังสาว มีความตั้งใจอยากร่ำรวย รู้จักลงทุนให้ถูกทาง ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ต้องได้เป็นเศรษฐี ทั้งนี้ต้องประกอบด้วยเงื่อนไข 3 ข้อที่ว่า
1. ปีนึงต้องเก็บเงิน 14,000 บาท หรือเท่ากับเดือนละ 1,167 บาท เชื่อว่าสำหรับคนทั่วไปอยู่ในวิสัยที่ทำได้
2. นำเงินออมไปลงทุนในตลาดหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนเครื่องมือการลงทุนอื่นๆ ให้ได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละ 20% และถือครองระยะยาว ซึ่งรูปแบบการลงทุนเช่นนี้ ไม่ว่าชายหรือหญิง ยากดีมีจนอย่างไร ล้วนลงทุนได้
3. ระยะเวลาในการสร้างฐานะ 40 ปี ดูเหมือนว่ายาวนาน แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง แทบทุกคนสามารถทำได้
หนุ่มสาวในยุคปัจจุบัน เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 20 25 ปี เวลานี้เริ่มเก็บออมเงินได้แล้ว เมื่อมีอายุถึง 60 65 ปี เท่ากับว่าทำงาน 40 ปีพอดี
ถ้าหากยังไม่เข้าใจ โปรดดูข้อมูลตัวเลขข้างล่างนี้ ซึ่งอธิบายวิธีการลงทุนสร้างฐานะว่า ลงทุนทุกปี ปีละ 14,000 บาท ถ้าได้ผลตอบแทนปีละ 20% ทุก 10 ปีจะมียอดเงินสะสมดังนี้
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
นั่นหมายความว่าหากคุณมีเงินเก็บสะสมอยู่แล้ว 360,000 บาท ก็ขอแสดงความยินดีที่คุณสามารถ ลดระยะเวลาของการลงทุนไป 10 ปี ขอเพียงคุณลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนอย่างงาม (20%ขึ้นไป) อีก 30 ปีคุณจะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน หากคุณมีเงินทองอยู่แล้ว 2,610,000 บาท ก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนไป 20 ปี หรือหากคุณมียอดเงินอยู่แล้ว 16,550,000 บาท ก็ยิ่งวิเศษใหญ่ เพราะว่าคุณลดระยะเวลาการลงทุนถึง 30 ปี อีก 10 ปีคุณก็จะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน
มีคนทั่วไปเห็นว่า เมื่อฝากเงินกับธนาคารจะได้รับดอกเบี้ย เมื่อทบดอกเบี้ยเข้าไป จะได้ดอกทวีคูณ เมื่อนานเข้าน่าจะเป็นเงินก้อนใหญ่ คนที่มีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะไม่เข้าใจวิธีการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น ถ้าพบว่าภายใต้เงินก้อนเดียวกัน ผ่านระยะเวลาดอกเบี้ยทบต้นเท่ากัน แต่ดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นแตกต่างอย่างมหาศาลน่าแปลกใจมาก
ตัวอย่างคน ๆ นึงฝากเงินกับธนาคารทุกปี ปีละ 14,000 บาท เป็นเวลา 40 ปี รับดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 5% แล้วนำดอกเบี้ยทบต้นเข้าไป คุณคิดว่า 40 ปีให้หลัง คน ๆ นี้จะมีเงินสะสมเท่าไร ? คำตอบคือ 1,690,000 บาทเท่านั้น
คำตอบที่ได้มาจากวิธีคำนวณทางคณิตศาสตร์ดังนี้
14,000 x (1+5%)^40 / 5% = 1,690,000
ในขณะที่ตัวอย่างร้อยล้านจากวิธีคำนวณข้างต้น แต่ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ต่อปี
14,000 x (1+20%)^40 / 20% = 102,810,000
ทั้งสองรายการนี้ใช้เงินลงทุนเท่ากัน ระยะเวลานานเท่ากัน ต่างกันที่ผลตอบแทน 5% กับ 20% ทั้งสองรายการได้ผลตอบแทนต่างกันถึง 70 กว่าเท่า นี่คือลักษณะเฉพาะของ ดอกเบี้ยทบต้น
จากตัวอย่างที่ยกมานี้แสดงว่า เคล็ดลับข้อหนึ่งของการลงทุนสร้างฐานะ อยู่ที่ให้ผลตอบแทนสูงต่ำแค่ไหน ฉะนั้นจุดสำคัญของการลงทุนไม่ใช่อยู่ที่นำเงินไปลงทุนหรือยัง หากแต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณลงทุนอย่างไร และให้ผลตอบแทนสูงต่ำแค่ไหน
สมมติว่าคน ๆ นึงเก็บเงินปีละ 500,000 บาท แล้วนำไปฝากประจำดอกเบี้ย 5% กับธนาคาร ขอถามว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร ค่อยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน คำตอบคืออีก 200 ปี คิดดูสิว่าคน ๆ นึงเก็บเงินปีละ 500,000 บาท ก็ว่ายากอยู่แล้ว คิดมีอายุถึง 200 ปีนี่เป็นไปไม่ได้เลย โดยทั่วไปคนเรามีอายุเฉลี่ยประมาณ 75 ปี สองชาติเท่ากับ 150 ปี ถ้าอย่างนั้นคนที่ฝากเงินกับธนาคาร ต้องรอถึงชาติที่สามจึงได้เป็นเศรษฐี
ในทางกลับกัน ถ้าหากคุณรู้จักลงทุนอย่างถูกทาง ใช้เวลา 40 ปี หรือประมาณครึ่งชีวิต ก็มีสิทธิเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
..... การเก็บเงินปีละ 14,000 บาท จะได้เป็นเศรษฐีร้อยล้านน่าสนใจมาก แต่ถ้าทำตามวิธีการของคุณ ต้องรอถึง 40 ปี ทำให้ใจห่อเหี่ยว .....
..... ต้องรอถึง 40 ปีค่อยเป็นมหาเศรษฐี ดีไม่ดีตายกลายเป็นผีไปแล้ว คุณมีเคล็ดลับช่วยให้ร่ำรวยเร็วขึ้นมั้ย ? .....
การสร้างความร่ำรวยต้องใช้เวลา ภายในเวลาอันสั้นจะไม่เห็นผล คนส่วนหนึ่งรู้คำตอบแล้วว่า ถ้าเก็บเงินลงทุนแบบนี้ 40 ปี จะได้เงินร้อยกว่าล้าน จึงทายว่า 10 ปีน่าจะได้สัก 5 ล้าน บางคนทายว่าประมาณ 1 ล้าน แต่ว่าคำตอบที่คำนวณได้น่าแปลกใจเหมือนกันคือได้แค่ 360,000 บาท เมื่อเทียบกับลงทุน 40 ปี ได้ร้อยกว่าล้าน แตกต่างกันถึง 300 กว่าเท่า
ยังดีที่มีคนตั้งคำถามแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีผู้ทำตามวิธีการนี้ เก็บเงินไปลงทุนปีละ 14,000 บาท นำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนปีละ 20% นึกว่านานเข้าคงร่ำรวยเป็นเศรษฐี คิดไม่ถึงว่าแค่สิบปีมีเงินสะสมแค่สามแสนหก คงเข้าใจว่าถูกหลอกซะแล้ว
ต้องเข้าใจว่านี่เป็นการ วิ่งมาราธอน ไม่ใช่ วิ่งร้อยเมตร สิ่งที่ต้องเผชิญคือน้ำอดน้ำทน ไม่ใช่แรงฮึดแค่อึดใจเดียว การลงทุนสร้างเนื้อสร้างตัว เงื่อนไขข้อแรกอยู่ที่เวลา คุณต้องผ่านการรอคอยจึงจะเห็นผล เรามาดูยอดเงินสะสมจากการลงทุนปีละ 14,000 บาท โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 20% ทบต้นไปเรื่อย ๆ ในปีต่าง ๆ
- ปีที่ 5 ยอดเงินสะสม = 100,000 บาท
- ปีที่ 10 ยอดเงินสะสม = 360,000 บาท
- ปีที่ 15 ยอดเงินสะสม = 1,010,000 บาท
- ปีที่ 20 ยอดเงินสะสม = 2,610,000 บาท
- ปีที่ 25 ยอดเงินสะสม = 6,610,000 บาท
- ปีที่ 30 ยอดเงินสะสม = 16,550,000 บาท
- ปีที่ 35 ยอดเงินสะสม = 41,280,000 บาท
- ปีที่ 40 ยอดเงินสะสม = 102,810,000 บาท
นี่เป็นข้อสังเกตที่ว่าทำไมหาเงินเพิ่มอีก 10 ล้านบาท ยังง่ายกว่าหาเงิน 1 ล้านบาทแรกมากนัก
สำหรับคนที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยมือเปล่า คงมีประสบการณ์อย่างนี้มาแล้ว หมื่นแสนเรื่องราวตอนเริ่มต้นนั้นลำบากที่สุด ตอนแรกเริ่มกว่าจะหาเงินได้ช่างลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองหายากหาเย็นถึงเพียงนี้ แต่หลังจากประสบความสำเร็จ เงินทองก็ไหลมาเทมา เรียกว่าอยากจะหยุดยั้ง ก็ยั้งไว้ไม่อยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเงินทองกลายเป็นหาง่ายเพียงนี้
ทุกคนอยากจะหยิบเงินล้านที่สอง หรือหยิบเงินสิบล้านแบบง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ภาวนาให้เงินไหลมาเทมา ปัญหาอยู่ที่ก่อนจะหยิบเงินล้านที่สอง ต้องมีเงินล้านแรกก่อน ทำอย่างไรจึงจะได้เงินล้านแรก ?
เศรษฐีส่วนใหญ่สร้างเนื้อสร้างตัวจากเงินก้อนเล็ก ๆ ผ่านวันเวลาอันยาวนาน ค่อย ๆ เก็บสะสม ตอนแรกเป็นเงินก้อนเล็ก ๆ แทบไม่น่าเชื่อ แต่ความสำเร็จเรียงร้อยจากความสำเร็จเล็ก ๆ ทั้งหลาย สะสมพอกพูนเป็นสมบัติกองโต
แสดงให้เห็นว่า เวลา มีความสำคัญต่อการลงทุนสร้างฐานะ ความ อดทน เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต้องมี และไม่ใช่อดทนไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี ยิ่งอดทนยี่สิบสามสิบปี หรือสี่สิบห้าสิบปี พลังที่จะสร้างความร่ำรวยก็ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร
แต่ทุกวันนี้พวกเราตกอยู่ภายใต้กระแสของ อาหารจานด่วน ทุกเรื่องเน้นที่ความรวดเร็วและประสิทธิผล เวลาทานอาหารก็รับประทานอาหารแบบฟาสต์ฟู้ด ส่งจดหมายก็ใช้บริการด่วนพิเศษ ขับรถก็ต้องขึ้นทางด่วน แม้แต่การศึกษาก็ยังใช้วิธีเรียนลัด ผู้คนยิ่งมายิ่งหวังผลทันตาเห็น กลายเป็นรีบร้อนเร่งด่วน ขาดซึ่งความอดทน แม้แต่การลงทุนสร้างฐานะก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่น อาจเร่งความเร็วได้ แต่การลงทุนสร้างฐานะเร่งเร็วไม่ได้ เพราะ เวลา เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการสร้างตัว ยิ่งเร่งเร็วยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งส่วนมากจะ เลิกล้มกลางคัน เมื่อเจอกับเงื่อเวลา ก็เกิดความท้อถอย พาลขายหุ้น ขายอสังหาริมทรัพย์ เดินออกจากตลาดหุ้น หารู้ไม่ว่าการขาดความอดทนและความตั้งใจ ยากจะพบกับความสำเร็จได้
การลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจก็ทำเรื่องเสี่ยง ๆ ฉะนั้นแทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว ไม่ว่าการสร้างสมความร่ำรวยก็ดี การสั่งสมประสบการณ์ก็ดี ไม่สามารถบรรลุได้ในเวลาชั่วข้ามคืน หากแต่ต้องใช้เวลาเข้าแลกมา คนที่อยากรวยทางลัด ได้แต่ใช้วิธีสุ่มเสี่ยงหรือว่าเล่นพนัน หรือทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง ๆ แต่ผลของมันคือสิ้นเนื้อประดาตัว จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
คนที่อยากรวยเร็วไม่เหมาะกับการลงทุนสร้างฐานะ เพราะการลงทุนแบบช้าหน่อยแต่ชัวร์แน่นอน พลังที่สร้างฐานะจะใหญ่โตกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลานานกว่าที่พวกเรานึกเอาไว้ด้วยเช่นกัน ลองนึกดูว่าคุณแม่ต้องผ่านการอุ้มท้องกว่าสิบเดือน ชาวนาปลูกข้าวก็ต้องรอน้ำรอฝน ต้นข้าวจึงจะออกรวงได้ การพอกพูนของเงินทองก็เหมือนกับการเติบโตของชีวิต ผ่านวันผ่านเดือนผ่านปี ได้รับดอกเบี้ยทบต้น ไม่ใช่ถึงเป้าที่วางไว้ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน นักลงทุนบางคนทำกำไรมหาศาลในชั่วข้ามคืน แต่ก็สิ้นเนื้อประดาตัวเพียงชั่วข้ามคืนได้เช่นกัน
http://www.css10nb.com/lofiversion/index.php/t546.html
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 5
เวลา และความอดทน ไม่เพียงพอ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจด้วย
การทำผลตอบแทนทบต้น 20% ระยะยาวๆ สำหรับบางอาจทำได้
สำหรับใครหลายๆคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ไม่มีความรู้
ยิ่งยากเกินไปอีก แม้กระทั้งกองทุนรวมในไทย ผลตอบแทนสุดยอด
แบบนี้ยังไม่ีมีปรากฏให้เห็น อย่าเพิ่งเชื่อมากกับบทความขายฝัน
คำพูดสวยหรู การมองโลกในแง่ดีเกินไปทำใ้ห้เกิดความประมาทครับ
การทำผลตอบแทนทบต้น 20% ระยะยาวๆ สำหรับบางอาจทำได้
สำหรับใครหลายๆคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ไม่มีความรู้
ยิ่งยากเกินไปอีก แม้กระทั้งกองทุนรวมในไทย ผลตอบแทนสุดยอด
แบบนี้ยังไม่ีมีปรากฏให้เห็น อย่าเพิ่งเชื่อมากกับบทความขายฝัน
คำพูดสวยหรู การมองโลกในแง่ดีเกินไปทำใ้ห้เกิดความประมาทครับ
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 6
ผมหวังไว้แค่ทบต้นมากกว่า 15% เองครับ ได้มากกว่านั้นถือว่าเป็น BonusTibular เขียน:เวลา และความอดทน ไม่เพียงพอ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจด้วย
การทำผลตอบแทนทบต้น 20% ระยะยาวๆ สำหรับบางอาจทำได้
สำหรับใครหลายๆคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนที่ไม่มีความรู้
ยิ่งยากเกินไปอีก แม้กระทั้งกองทุนรวมในไทย ผลตอบแทนสุดยอด
แบบนี้ยังไม่ีมีปรากฏให้เห็น อย่าเพิ่งเชื่อมากกับบทความขายฝัน
คำพูดสวยหรู การมองโลกในแง่ดีเกินไปทำใ้ห้เกิดความประมาทครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- newbie_12
- Verified User
- โพสต์: 2904
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 9
จริงๆก็เป็นข้อเขียนที่ให้กำลังใจดีนะครับ เงิน 14000 ไม่ได้ยาก แต่ไอ้ที่ยากก็คือให้ได้ผลตอบแทนทบต้นที่ 20% ต่อปี เป็นเวลายาวนานถึง 40 ปี
ตลาดหลักทรัพย์ไทยผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ต่อปี นั่นก็คือต้องลงทุนให้ชนะตลาดอย่างน้อย 10% โดยเฉลี่ย เป็นเวลาต่อเนื่อง ยาวนานถึง 40 ปี
ก็ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ ต้องเซียนกันพอสมควรเลยทีเดียว
แต่ถ้าทำได้ คงติดอันดับนักลงทุนชั้นยอดของเมืองไทยได้เลย
ตลาดหลักทรัพย์ไทยผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ต่อปี นั่นก็คือต้องลงทุนให้ชนะตลาดอย่างน้อย 10% โดยเฉลี่ย เป็นเวลาต่อเนื่อง ยาวนานถึง 40 ปี
ก็ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ ต้องเซียนกันพอสมควรเลยทีเดียว
แต่ถ้าทำได้ คงติดอันดับนักลงทุนชั้นยอดของเมืองไทยได้เลย
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 10
เห็นด้วยในหลักการ แต่ก็ต้องขอขัดในเรื่องผลตอบแทน 20% จริงๆน่ะแหละครับ
เพราะถ้าทำได้ 20% ติดต่อกัน 40 ปีได้จริงๆ นั่นมันระดับ Warren Buffett แล้วนะครับ
เพราะฉะนั้น หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ควรจะนำมาประยุกต์ใช้กับระดับของตัวเอง เช่น อาจเพิ่มเงินลงทุนแล้วลดระดับผลตอบแทนที่คาดหวังลงครับ
เพราะถ้าทำได้ 20% ติดต่อกัน 40 ปีได้จริงๆ นั่นมันระดับ Warren Buffett แล้วนะครับ
เพราะฉะนั้น หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ควรจะนำมาประยุกต์ใช้กับระดับของตัวเอง เช่น อาจเพิ่มเงินลงทุนแล้วลดระดับผลตอบแทนที่คาดหวังลงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 11
เห็นด้วยครับ.....ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ 20% ทุกปีแน่ ๆBelffet เขียน:เห็นด้วยในหลักการ แต่ก็ต้องขอขัดในเรื่องผลตอบแทน 20% จริงๆน่ะแหละครับ
เพราะถ้าทำได้ 20% ติดต่อกัน 40 ปีได้จริงๆ นั่นมันระดับ Warren Buffett แล้วนะครับ
เพราะฉะนั้น หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ควรจะนำมาประยุกต์ใช้กับระดับของตัวเอง เช่น อาจเพิ่มเงินลงทุนแล้วลดระดับผลตอบแทนที่คาดหวังลงครับ
port เล็กทำได้ง่ายกว่า port ใหญ่ ใคร ๆ ก็รู้
warrent buffet ยังบอกว่าเขาโชคดีที่เกิดใน USA ประเทศที่มีการเจริญเติบโตอย่างสูงตลอดมา และในระดับ global ด้วย ขณะที่แม้ปัจจุบันบริษัทในไทยที่โตระดับ global ก็ยังน้อยมาก....ยังไงก็ขอชมว่าท่านสุดยอดมาก ดังเช่นปรมาจารย์อีกหลายท่าน
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4526
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 13
เห้นด้วยแต่ไม่ทั้งหมดครับ นึกถึงปี2008เลย แต่ถ้าcrisisฟื้นแล้วเราไม่ขายทิ้งตอนcrisis ในไม่ช้า port ก็จะกลับมาครับเมื่อ econ ฟื้น ที่สําคัญคือธุรกิจที่เราเลือกต้องฝ่า crisis ไปได้ครับakekarat เขียน:สมการง่าย ๆ อ่านแล้วเข้าใจไม่ยาก แต่ความเป็นไปได้ต่ำมากครับ
สมมติถ้าปีที่ 39 ขาดทุน 50% จะเกิดอะไรขึ้นครับ ?
ไม่ได้อยากขัดอะไรนะครับ
แต่เหรียญมันมี 2 ด้านครับ
- vi_tal signs
- Verified User
- โพสต์: 631
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 15
สาธุๆ
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 18
เพื่อนนักธุรกิจของผมในสมัยยังหนุ่ม คิดสูตรคล้ายๆอย่างนี้แหละครับ พอเขามีเงินก็เริ่มลงทุนที่มีความเสี่ยงเพื่อจะต่อทุนให้รวยมหาสารแบบทวีคูณ ผลคือเมื่อเขาเจอเรื่องขาดทุนเขาก็เริ่มใช้เงินกู้มาลงก้อนใหญ่ขึ้นเพื่อตามทุนคืนและเพื่อจะเดินต่อเจตนาเดิมปรากฏว่าในชีวิตระยะ25 ปี เจ้งเป็นหนี้หนักๆถึงสองรอบ ต้องหาเงินผ่อนธนาคาร จนถึงวันที่จากไปยังทิ้งหนี้ให้ทายาทอีกก้อนใหญ่ ทั้งที่เขามีความสามารถหารายได้เลี้ยงครอบครัวสบายๆ ครับ นี่คือตัวอย่างจริงที่เคยเห็น
เพราะว่าในความเป็นจริงการลงทุนที่จะให้ได้กำไรเยอะๆ ก็ล้วนมีความเสี่ยงสูงทั้งนั้น
เป็นความจริงครับปั่นเหรียญ ย่อมต้องออกได้ทั้งสองด้าน
เพราะว่าในความเป็นจริงการลงทุนที่จะให้ได้กำไรเยอะๆ ก็ล้วนมีความเสี่ยงสูงทั้งนั้น
เป็นความจริงครับปั่นเหรียญ ย่อมต้องออกได้ทั้งสองด้าน
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 19
โดนใจครับประโยคนี้
"การลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจก็ทำเรื่องเสี่ยง ๆ ฉะนั้นแทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว "
เหมือนผมตอนเล่นหุ้นครั้งแรก ยังงี้เปี้ยบเลย
"การลงทุนสร้างฐานะต้องใช้เวลา ถ้าหากไม่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะเกิดความร้อนใจ พอร้อนใจก็ทำเรื่องเสี่ยง ๆ ฉะนั้นแทนที่จะพบกับความสำเร็จ กลับกลายเป็นล้มเหลว "
เหมือนผมตอนเล่นหุ้นครั้งแรก ยังงี้เปี้ยบเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 20
ผมคิดว่าขั้นตอนการสร้างเนื้อสร้างตัว อย่างsaichon เขียน:อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจในการเดินทางบนเส้นทางสายนี้ขึ้นอีกเยอะเลยครับ
ขอบคุณครับ
1. ออมเงิน
2. ลงทุน
3. รอคอย
เป็นหน้าที่ที่พึงทำให้ดีไปจนวาระสุดท้ายของเรา
ฉะนั้น คนลงทุนควรมีกำลังใจที่ดีสม่ำเสมอ มากกว่า ต้องการกำลังใจที่เพิ่มขึ้นแบบปุปปับ ซึ่งเหมาะกับแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
การคิดอย่างท้อแท้ว่า " กว่าจะรวยนี่ เท้าเหยียบคันเร่งไม่ไหว มือหักพวงมาลัยไม่ไป " อย่างนี้ถือว่า แก่ชราตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำแล้ว
ความหนุ่มสาวที่แท้ จะขึ้นกับปรัชญาชีวิต+ขวัญกำลังใจ+สุขภาพที่พร้อม
ส่วนอายุก็ปล่อยให้มันวิ่งตามปฏิทินไปสิ..มันไม่ร่วงลงมาให้ดูหรอก
สุดท้ายวันนั้น เราจะอยุ่ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงศ์ตระกูล
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 21
เอ้า..ลืมยกตัวอย่าง
ผมเล่นหุ้นครั้งแรก ปี41 ตอนแรกผมตั้งใจจะซื้อลงทุนผมดันไปเล่นเก็งกำไร...โลภกะจะฟันกำไรซื้อขายหลายๆรอบทั้งที่ราคาหุ้นที่ผมซื้อถูกมากอยู่แล้ว สรุปปี41ผมได้กำไร 7 % แล้วออกจากตลาดไปเพราะขายหมูแล้วไม่กล้า
ซื้อกลับได้แต่ยืนดู
ตัวอย่างราคาหุ้นปี41-42 noble (พาร์10)ต่ำสุด1.3-สูงสุด16.5 คิดดูหุ้นขึ้นตั้ง
1200 %กว่า
ผมเล่นหุ้นครั้งแรก ปี41 ตอนแรกผมตั้งใจจะซื้อลงทุนผมดันไปเล่นเก็งกำไร...โลภกะจะฟันกำไรซื้อขายหลายๆรอบทั้งที่ราคาหุ้นที่ผมซื้อถูกมากอยู่แล้ว สรุปปี41ผมได้กำไร 7 % แล้วออกจากตลาดไปเพราะขายหมูแล้วไม่กล้า
ซื้อกลับได้แต่ยืนดู
ตัวอย่างราคาหุ้นปี41-42 noble (พาร์10)ต่ำสุด1.3-สูงสุด16.5 คิดดูหุ้นขึ้นตั้ง
1200 %กว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 22
ถ้าเราเพิ่มตัวเร่งละครับ
แทนที่จะเก็บเงินปีละ 14000 บาท
เป็นเดือนละ 5000 บาทปีละ 60000 บาท
เป้าหมาย 100 ล้านใกล้ขึ้นมาบ้างหรือยังครับ
แทนที่จะเก็บเงินปีละ 14000 บาท
เป็นเดือนละ 5000 บาทปีละ 60000 บาท
เป้าหมาย 100 ล้านใกล้ขึ้นมาบ้างหรือยังครับ
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 23
ผมลงทุนซื้อหุ้นให้ลูกเดือนละ 5หมื่นบาททุกเดือน
มักน้อยๆ คิดแค่ผลตอบแทน 10% ต่อปี อีก 20 ปี จะมีหลักทรัพย์ 30กว่าล้าน
แต่มีลูก2คน ก็เลยต้อง หาร2 เหลือคนละ 10กว่าล้าน
ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่า ค่าเงินที่ถูกอัตราเงินเฟ้อกัดกร่อน ค่าครองชีพ
ช่วงนั้นจะเป็นเท่าไหร่ แต่ หุ้นดีๆต้องชนะขาดได้แน่นอน มั่นใจ :D
มักน้อยๆ คิดแค่ผลตอบแทน 10% ต่อปี อีก 20 ปี จะมีหลักทรัพย์ 30กว่าล้าน
แต่มีลูก2คน ก็เลยต้อง หาร2 เหลือคนละ 10กว่าล้าน
ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่า ค่าเงินที่ถูกอัตราเงินเฟ้อกัดกร่อน ค่าครองชีพ
ช่วงนั้นจะเป็นเท่าไหร่ แต่ หุ้นดีๆต้องชนะขาดได้แน่นอน มั่นใจ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 24
แต่ถ้าเพิ่มเป็น 25ปี จะเป็นหลักทรัพย์ 60กว่าล้านเลยทีเดียวvivitawin เขียน:ผมลงทุนซื้อหุ้นให้ลูกเดือนละ 5หมื่นบาททุกเดือน
มักน้อยๆ คิดแค่ผลตอบแทน 10% ต่อปี อีก 20 ปี จะมีหลักทรัพย์ 30กว่าล้าน
แต่มีลูก2คน ก็เลยต้อง หาร2 เหลือคนละ 10กว่าล้าน
หาร2 ลูก2คน จะได้เหลือเยอะหน่อย คนละ 30ล้าน อิอิ
หวังว่าช่วงนั้น ถ้าได้ปันผล สัก 5% ก็ตก ปีละ 1.5ล้าน/คน
เดือนละ 1แสนบาทในอีก 25ปีข้างหน้า น่าจะพอกินนะ
ถ้าคิดอัตราเงินเฟ้อสัก ปีละ 4% เงิน 1 แสนบาทในอีก 25 ปีข้างหน้า
คิดย้อนกลับมาปัจจุบันก็ ได้เงินปัจจุบันประมาณ 35,000 บาท น่าจะพอ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 25
บทความนี้เป็นแรงจูงใจที่ดีครับ
แต่ผลตอบแทน 20% ทบต้นทุกปี จะมีใครทำได้บ้างงะ :?:
ตามทฤษฎีน่ะมันง่าย แค่เขียนและใส่สูตร แต่ในโลกความเป็นจริง จะมีสักกี่คนที่ทำได้ ไม่อย่างนั้นอีก 40 ปี เศรษฐีเต็มประเทศไทยเลย รวมถึงผมด้วย :lol:
แต่ผลตอบแทน 20% ทบต้นทุกปี จะมีใครทำได้บ้างงะ :?:
ตามทฤษฎีน่ะมันง่าย แค่เขียนและใส่สูตร แต่ในโลกความเป็นจริง จะมีสักกี่คนที่ทำได้ ไม่อย่างนั้นอีก 40 ปี เศรษฐีเต็มประเทศไทยเลย รวมถึงผมด้วย :lol:
- Outliers
- Verified User
- โพสต์: 527
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 28
ผมชอบบทความนี้มากนะครับ
สำหรับคนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ก็ทำให้เกิดความหวัง
แล้วจะได้รีบไปหาความรู้เพิ่มซะ
โดยถ้าคิดว่า 20% ยากเกินไป ก็เพิ่มเงินลงทุนซะ
อย่างน้อยก็เป็นจุดที่ทำให้ได้เริ่มคิด และเห็นแสงสว่างล่ะ
เหมือนที่ชาวมองโกลบอกว่าเวลายิงธนูให้เล็งดวงจันทร์ อย่างน้อก็อาจถูกหยี่ยวบ้างแหละ
ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
ส่วนคนที่รู้เรื่องการลงทุนดีอยู่แล้ว ผมว่า 20% รวมปันผลก็ท้าทายดีนะ
ถ้าตั้งเป้าแค่ 10-15% มันไม่ท้าทายเมื่อเทียบกับความเสี่ยงน่ะ
สำหรับคนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ก็ทำให้เกิดความหวัง
แล้วจะได้รีบไปหาความรู้เพิ่มซะ
โดยถ้าคิดว่า 20% ยากเกินไป ก็เพิ่มเงินลงทุนซะ
อย่างน้อยก็เป็นจุดที่ทำให้ได้เริ่มคิด และเห็นแสงสว่างล่ะ
เหมือนที่ชาวมองโกลบอกว่าเวลายิงธนูให้เล็งดวงจันทร์ อย่างน้อก็อาจถูกหยี่ยวบ้างแหละ
ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง
ส่วนคนที่รู้เรื่องการลงทุนดีอยู่แล้ว ผมว่า 20% รวมปันผลก็ท้าทายดีนะ
ถ้าตั้งเป้าแค่ 10-15% มันไม่ท้าทายเมื่อเทียบกับความเสี่ยงน่ะ
The Miracle of 10,000 hrs
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
เงินเดือนน้อยๆ ก็มีเงินเป็นล้านกับเขาได้
โพสต์ที่ 30
[quote="[v]"][quote="killyz"][quote="[v]"]ผมถามว่า ตอนหุ้นลงหนักๆ ที่ปันผลมากกว่า 20-30 % มีใครได้ซื้อเก็บไว้รึปล่าว ถ้ามีก็คนนั้นหล่ะ ที่จะกำเงินล้าน
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก