เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 2
เดี๋ยวจะลองไปยืนอ่านตัวอย่างตามร้านหนังสือดูนะคะ
แค่ สารบัญ ก็ดูสั้น และประหลาดจัง มองไม่ออกว่าจะเขียนอะไรในนั้น
ส่วนสัตยาไส บาบา... ง่า ไม่ค่อยเชื่อ แต่ไม่ขัดแย้งการนับถือของคนอื่นค่ะ :D
สารบัญ
- วันวาน
- วันนี้
- พรุ่งนี้
- รุ่งอรุณแห่งพรุ่งนี้ (ภาคพิเศษ)
- ทางออกสีขาว
จุดมุ่งหมายของหนังสือเล่มนี้ คือการช่วยให้ผู้อ่านได้ รู้เท่าทันเกมชีวิต รู้จักกับรากเหง้าที่แท้จริงของทุกสรรพสิ่ง
นับจากอดีต ต่อเนื่องไปถึงอนาคต ทั้งในส่วนที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น และในส่วนที่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้น
...หนังสือเล่มนี้ จึงไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะไปเพิ่มระดับความเป็นอัตตาตัวตนให้กับท่านผู้อ่านในฐานะของ
ผู้รอบรู้ แต่เป็นการที่จะให้ รู้เพื่อปล่อยวาง จาก สิ่งมายา ที่อยู่รายล้อมรอบตัว และมุ่งหน้าสู่ทางออก
จากเกมชีวิตนี้ให้จงได้ เช่นเดียวกับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่ความรู้จากภูมิปัญญาของท่านในทุกวันนี้
ได้ถูกนำออกมาใช้เพียงเพื่อช่วยเหลือผู้คนในสังคมเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อประกาศศักดาความเป็นผู้รอบรู้
หรือความเป็นอัจฉริยบุคคลแต่อย่างใด เพราะ นั่นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงของชีวิตในความคิดของท่าน...
ความสุขของท่านในทุกวันนี้ คือการได้เห็นเด็กๆ ของท่านเติบโตเป็น คนดี ในสังคม ด้วยหัวใจที่มั่นคง
จากการที่ท่านและเหล่าครูอาจารย์ได้ช่วยกันฟูมฟักด้วยความรักและความเมตตา เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็น
ถึงการสร้างผลิตผลที่ดีจากแหล่งผลิตที่ดี เป็นรากฐานใหม่ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับสังคม นอกเหนือจากนั้น
ชีวิตของท่านและทุกๆคนในโรงเรียนสัตยาไส ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ แวดล้อมด้วยผู้คนที่มีจิตใจดี
หล่อเลี้ยงชีวิตทุกชีวิตได้ด้วยทรัพยากรที่หาได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรจากภายนอก นั่นคือสิ่งที่
พอเพียง แล้ว สำหรับชีวิตของท่าน...
แค่ สารบัญ ก็ดูสั้น และประหลาดจัง มองไม่ออกว่าจะเขียนอะไรในนั้น
ส่วนสัตยาไส บาบา... ง่า ไม่ค่อยเชื่อ แต่ไม่ขัดแย้งการนับถือของคนอื่นค่ะ :D
สารบัญ
- วันวาน
- วันนี้
- พรุ่งนี้
- รุ่งอรุณแห่งพรุ่งนี้ (ภาคพิเศษ)
- ทางออกสีขาว
จุดมุ่งหมายของหนังสือเล่มนี้ คือการช่วยให้ผู้อ่านได้ รู้เท่าทันเกมชีวิต รู้จักกับรากเหง้าที่แท้จริงของทุกสรรพสิ่ง
นับจากอดีต ต่อเนื่องไปถึงอนาคต ทั้งในส่วนที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น และในส่วนที่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้น
...หนังสือเล่มนี้ จึงไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะไปเพิ่มระดับความเป็นอัตตาตัวตนให้กับท่านผู้อ่านในฐานะของ
ผู้รอบรู้ แต่เป็นการที่จะให้ รู้เพื่อปล่อยวาง จาก สิ่งมายา ที่อยู่รายล้อมรอบตัว และมุ่งหน้าสู่ทางออก
จากเกมชีวิตนี้ให้จงได้ เช่นเดียวกับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่ความรู้จากภูมิปัญญาของท่านในทุกวันนี้
ได้ถูกนำออกมาใช้เพียงเพื่อช่วยเหลือผู้คนในสังคมเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปเพื่อประกาศศักดาความเป็นผู้รอบรู้
หรือความเป็นอัจฉริยบุคคลแต่อย่างใด เพราะ นั่นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงของชีวิตในความคิดของท่าน...
ความสุขของท่านในทุกวันนี้ คือการได้เห็นเด็กๆ ของท่านเติบโตเป็น คนดี ในสังคม ด้วยหัวใจที่มั่นคง
จากการที่ท่านและเหล่าครูอาจารย์ได้ช่วยกันฟูมฟักด้วยความรักและความเมตตา เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็น
ถึงการสร้างผลิตผลที่ดีจากแหล่งผลิตที่ดี เป็นรากฐานใหม่ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับสังคม นอกเหนือจากนั้น
ชีวิตของท่านและทุกๆคนในโรงเรียนสัตยาไส ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ แวดล้อมด้วยผู้คนที่มีจิตใจดี
หล่อเลี้ยงชีวิตทุกชีวิตได้ด้วยทรัพยากรที่หาได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรจากภายนอก นั่นคือสิ่งที่
พอเพียง แล้ว สำหรับชีวิตของท่าน...
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 4
รูปที่ไหนครับ ?
แล้ว
"คนดี" ของกล้วยทอดคือคนยังไงอ่ะ ?
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 5
ผาซ่อนแก้วค่ะสถาปนิกต่างดาว เขียน:รูปที่ไหนครับ ?
ทารก กับสังฆราชค่ะสถาปนิกต่างดาว เขียน:แล้ว
"คนดี" ของกล้วยทอดคือคนยังไงอ่ะ ?
ใจจริง คิดว่า คนเรามันจะ perfect อะไรหนักหนา ชีวิตดีมั่ง เลวมั่ง ก็สีสันดีนะคะ
เคยได้ยินแนวคิดไม๊คะ ผู้ใหญ่ไทยบางคน ชอบสั่งสอนเด็กให้รุ้สึกว่า
"แค่นี้ยังไม่ดีพอนะ ต้องดีกว่านี้อีก แรดแคนดู หนูทำได้"
การสร้างความกดดันนิดๆ น่าจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพเราดีขึ้นมั้ง
พอเด็กพัฒนาจนไม่รู้จะ perfect ยังไงแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าไม่ดีพอที่ผู้ใหญ่จะชมสักที
(ก็เค้าติเป็นอย่างเดียวนี่ :lol: )
โตขึ้นมา เลยมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ชอบจับผิดคนอื่น
ลองดูดิคะ ตามข่าวดัง online ตามเว็บบอร์ด ต่างๆ
จะมีเหยื่อที่โดนจวกเละเลยถ้าคิดพลาด ทำพลาดเสมอนิ
" เห็นไม๊ กะแล้ว ว่ามันเป็นคนเลวนี่เอง "
ง่า... เอ๋อ... บางอย่าง เราก็เคยทำนี่นา แต่พอเป็นเรา
ทำไมเราคิดว่าเป็นคนดีหว่า
ไม่มีอะไรค่ะคุณคิมจองกุก กล้วยทอดคิดไป เรื่อยเปื่อยเฉยๆ
คนมีทุกข์ เข้าวัดปฏิบัติธรรม ยกระดับจิตใจตัวเอง ก็คงดีอยู่แล้วค่ะ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 6
เสียดาย มีคนใจตรงกันมาชิงซื้อเล่มสุดท้ายใน SE-ED ไป
ว่าจะไปยืนอ่านฟรีเสียหน่อย พอดีไปทำธุระที่แถวเยาฮัน
คนอ่านแถวนี้หรือเปล่าเนี่ย เห็นคนขายบอกว่า
เมื่อวานยังเห็นอยู่เลย ... ช้าไปครึ่งก้าว
ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาเวลาไปยืนอ่านใหม่
ว่าจะไปยืนอ่านฟรีเสียหน่อย พอดีไปทำธุระที่แถวเยาฮัน
คนอ่านแถวนี้หรือเปล่าเนี่ย เห็นคนขายบอกว่า
เมื่อวานยังเห็นอยู่เลย ... ช้าไปครึ่งก้าว
ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาเวลาไปยืนอ่านใหม่
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 7
สู้ผมไม่ได้ครับ กล้วยทอด
ไม่ต้องไปยืนอ่านฟรี
คนมีบุญอย่างเฮียนริศเขาส่งหนังสือมาให้คนบาปอย่างผม
อย่างกับรู้ว่ากำลังฟุ้งซ่านในบางคำถาม
ที่ถามว่า คนดี เป็นอย่างไร
หนังสือ ยศ ทรัพย์ อำนาจ ของ ว. วชิรเมธีที่เฮียนริศส่งมา
เขาบอกว่า
ในทัศนะของพุทธศาสนา นิยามคนดีเอาไว้ว่า
หนึ่งคิดดี สองพูดดี สามทำดี
รายละเอียด ก็คือ
คิดดี ด้วยจิตเมตตา คิดไม่เบียดเบียนตน และผู้อื่น
คิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลของสังคม
พูดดี ไม่พูดหยาบ เพ้อเจ้อ ยุแยง พูดประสานสามัคคี พูดความจริง
ทำดี ก็คือ ศิล ๓ ในศิล ๕
อันนั้น ก็เป็นหลักปฏิบัติ
ผมคนบุญน้อย ก็ฟุ้งซ่านคิดต่อไปอีกว่า ถ้าไปอีก layer นึง
"ความดี" นี่น่าจะต้องพิจารณาถึง "สถานการณ์" ด้วยนะ
ถ้าพูดเท่ห์ๆแบบร่วมสมัย ก็ใช้ว่า "สิ่งแวดล้อม"
ถ้าคิดแบบนี้ ความดี ก็น่าจะหมายถึง ...."ความสมดุลย์"
พอดีๆ ไม่เอนเอียงไปทางไหน
ถ้าเป็น สองพันห้าร้อยปีที่แล้ว
พุทธเจ้า ก็ใช้คำว่า....."มัชฌิมา"
คิดแบบนี้แล้ว ผมก็เพ้อเจ้อ(เข้าข่ายคิดไม่ดี อีกแล้ว) ต่อไปอีก
อีก layer นึง ที่มันชักจะแบ่งลำบากว่า อันไหน "ดี" อันไหน "ไม่ดี"
อันนี้ต้องไปถามเฮีย "เต๋า"
When people see some things as beautiful,
other things become ugly.
When people see some things as good,
other things become bad.
Being and non-being create each other.
Difficult and easy support each other.
Long and short define each other.
High and low depend on each other.
Before and after follow each other.
Therefore the Master
acts without doing anything
and teaches without saying anything.
Things arise and she lets them come;
things disappear and she lets them go.
She has but doesn't possess,
acts but doesn't expect.
When her work is done, she forgets it.
That is why it lasts forever.
สรุปว่าดีหรือไม่ดีกันละเนี่ย ฮ่า
แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับ คำตอบของกล้วยทอด(ซึ่งเข้าทีดี)
และเฮียนริศ ที่ส่งสิ่งดีดีมาให้
ขอให้บุญรักษา ปัญญาหนุนนำ ธรรมะเสริมส่ง ครับ
ไม่ต้องไปยืนอ่านฟรี
คนมีบุญอย่างเฮียนริศเขาส่งหนังสือมาให้คนบาปอย่างผม
อย่างกับรู้ว่ากำลังฟุ้งซ่านในบางคำถาม
ที่ถามว่า คนดี เป็นอย่างไร
หนังสือ ยศ ทรัพย์ อำนาจ ของ ว. วชิรเมธีที่เฮียนริศส่งมา
เขาบอกว่า
ในทัศนะของพุทธศาสนา นิยามคนดีเอาไว้ว่า
หนึ่งคิดดี สองพูดดี สามทำดี
รายละเอียด ก็คือ
คิดดี ด้วยจิตเมตตา คิดไม่เบียดเบียนตน และผู้อื่น
คิดเพื่อประโยชน์เกื้อกูลของสังคม
พูดดี ไม่พูดหยาบ เพ้อเจ้อ ยุแยง พูดประสานสามัคคี พูดความจริง
ทำดี ก็คือ ศิล ๓ ในศิล ๕
อันนั้น ก็เป็นหลักปฏิบัติ
ผมคนบุญน้อย ก็ฟุ้งซ่านคิดต่อไปอีกว่า ถ้าไปอีก layer นึง
"ความดี" นี่น่าจะต้องพิจารณาถึง "สถานการณ์" ด้วยนะ
ถ้าพูดเท่ห์ๆแบบร่วมสมัย ก็ใช้ว่า "สิ่งแวดล้อม"
ถ้าคิดแบบนี้ ความดี ก็น่าจะหมายถึง ...."ความสมดุลย์"
พอดีๆ ไม่เอนเอียงไปทางไหน
ถ้าเป็น สองพันห้าร้อยปีที่แล้ว
พุทธเจ้า ก็ใช้คำว่า....."มัชฌิมา"
คิดแบบนี้แล้ว ผมก็เพ้อเจ้อ(เข้าข่ายคิดไม่ดี อีกแล้ว) ต่อไปอีก
อีก layer นึง ที่มันชักจะแบ่งลำบากว่า อันไหน "ดี" อันไหน "ไม่ดี"
อันนี้ต้องไปถามเฮีย "เต๋า"
When people see some things as beautiful,
other things become ugly.
When people see some things as good,
other things become bad.
Being and non-being create each other.
Difficult and easy support each other.
Long and short define each other.
High and low depend on each other.
Before and after follow each other.
Therefore the Master
acts without doing anything
and teaches without saying anything.
Things arise and she lets them come;
things disappear and she lets them go.
She has but doesn't possess,
acts but doesn't expect.
When her work is done, she forgets it.
That is why it lasts forever.
สรุปว่าดีหรือไม่ดีกันละเนี่ย ฮ่า
แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับ คำตอบของกล้วยทอด(ซึ่งเข้าทีดี)
และเฮียนริศ ที่ส่งสิ่งดีดีมาให้
ขอให้บุญรักษา ปัญญาหนุนนำ ธรรมะเสริมส่ง ครับ
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 8
มาเรียกผมเฮียได้อย่างไรครับพี่... :lol: ผมไม่ยอมแก่กว่าตัว และ เดี๋ยวขี้กรากจะกินหัวผมเอานะคร้าบ
ตอบพี่กล้วยทอดว่า คนดีในสายตาผมคือ คนที่มีจิตใจดีไม่คิออกุศล ส่งผลไปให้พูดดี และปฎิบัติดีครับ ส่วนผมก็กำลังฝึกอยู่ครับ
ตอบพี่กล้วยทอดว่า คนดีในสายตาผมคือ คนที่มีจิตใจดีไม่คิออกุศล ส่งผลไปให้พูดดี และปฎิบัติดีครับ ส่วนผมก็กำลังฝึกอยู่ครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 9
ตายจริง ขนาดคุณนริศยังเรียกพี่สถาปนิกฯnaris เขียน:มาเรียกผมเฮียได้อย่างไรครับพี่... :lol: ผมไม่ยอมแก่กว่าตัว และ เดี๋ยวขี้กรากจะกินหัวผมเอานะคร้าบ
ตอบพี่กล้วยทอดว่า คนดีในสายตาผมคือ คนที่มีจิตใจดีไม่คิออกุศล ส่งผลไปให้พูดดี และปฎิบัติดีครับ ส่วนผมก็กำลังฝึกอยู่ครับ
สงสัยกล้วยทอดต้องต้องเปลี่ยนทีท่าแล้วหล่ะ
ก่อนหน้านี้ พูดกะคุณสถาปนิกฯ ราวกะเป็นรุ่นเดียวกัน
ถ้าเกินบาทไปบ้าง ถือว่าน้องกล้วยแซวด้วยความเคารพนะ
มีคำแนะนำเรื่องหุ้น บอกได้นะคะ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 10
กล้วยทอด เขียน:เคยคิดบ้างเหมือนกันว่า เราเป็นคนดีไม่พอหรือเปล่านะ
ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมะ ศาสนกิจและพิธีกรรมเท่าที่ควร
สวยนิ
รูปสวยมากครับพี่ กล้วยทอด
ผมคิดไว้ว่าสักวันผมจะไปฝึกปฎิบัติที่ผาซ้อนแก้วให้ได้ :D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 11
ไม่ต้องเปลี่ยนทีท่าหรอกจ้า กล้วยทอด[quote="กล้วยทอด"][
ตายจริง ขนาดคุณนริศยังเรียกพี่สถาปนิกฯ
สงสัยกล้วยทอดต้องต้องเปลี่ยนทีท่าแล้วหล่ะ
ก่อนหน้านี้ พูดกะคุณสถาปนิกฯ ราวกะเป็นรุ่นเดียวกัน
ถ้าเกินบาทไปบ้าง ถือว่าน้องกล้วยแซวด้วยความเคารพนะ
ที่เป็นอยู่น่ะ ดีแล้ว ชอบ
อุ๊บอิ๊บว่า เป็นคนรุ่นเดียวกันเลย ฮ่า
แซวได้ ไม่ต้องยั้ง
แต่ระวัง สวน บ้างแล้วกัน :lol:
ไม่ได้เป็น คิม จอง กุก หรอก
น่าจะ คิม จอง จำ หรือ คิม จอง คุก ซะมากกว่า
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 12
[/quote][quote="naris"]
ตอบพี่กล้วยทอดว่า คนดีในสายตาผมคือ คนที่มีจิตใจดีไม่คิออกุศล ส่งผลไปให้พูดดี และปฎิบัติดีครับ ส่วนผมก็กำลังฝึกอยู่ครับ
ผมวิเคราะห์หุ้นก็งั้นๆ
แต่วิเคราะห์คนนี่ ถนัด
(เอ หรือจะเรียกว่า เสือกเรื่องของชาวบ้าน :D )
ที่นริศเล่นหุ้นได้ระดับเซียนนี่
ถ้าจะอธิบายสั้นๆ ว่าเพราะอะไร คงต้องบอกแค่ ๒ คำสั้นๆว่า
"ชัดเจน"
ภาษาฝรั่งว่า "get to the point"
ผมสังเกตุตั้งแต่ signature ของแกเเล้ว
"ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลกำไร"
ไอ้ ๒ ประโยคนี่มันชัดเจน แถมครอบคลุมทุกด้าน
ไม่ว่าจะพื้นฐาน หรือเทคนิค
และก็เป็นอะไรที่ ไม่หลักการจนปฏิบัติลำบาก
หรือมุ่งหวังจนไม่มีหลักการ
คำอธิบาย "คนดี" ก็เหมือนกัน
ชัดเจน ตรงเป้า ครอบคลุม และ ไม่มาก ไม่น้อย เกินไป
อันนี้ผมว่า สำมะคัญ มาก
อย่างผมเนี่ย
เคยมีโอกาสดีได้ผ่าน ธรรม ต่างๆ ตั้งแต่วัยรุ่น
แต่เพราะความ ไม่เก็ท ทู เดอะ พ้อยท์ ไง
อย่างเช่นเรื่อง "ความดี"
รู้มาก็มาก แต่ผมก็ยังไม่เชื่อใครๆ
อยากรู้ต่อไปอีกว่า อะไรคือ "ดี"
เราจะแยก "ดี" กับ "ไม่ดี" ได้ยังไง ใครเป็นคนแยก
แล้ว ทำไมต้อง "ทำดี"
อยากจะรู้เรื่อง "อนัตตา" ก็ต้องไล่ตั้งแต่ "จักรวาล" มาจนยัน "อนุภาค"
เพื่อที่จะกลับมา รู้เท่าเดิมที่เคยรู้ ฮ่า
พี่หมอสามัญชน บอกว่าเป็นพวก "ชอบแวะข้างทาง"
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 13
อย่างพี่สถาปนิกสถาปนิกต่างดาว เขียน: เรื่อง "อนัตตา" ก็ต้องไล่ตั้งแต่ "จักรวาล" มาจนยัน "อนุภาค"
เพื่อที่จะกลับมา รู้เท่าเดิมที่เคยรู้ ฮ่า
พี่หมอสามัญชน บอกว่าเป็นพวก "ชอบแวะข้างทาง"
เป็นประเภท "จุ่มจักรวาลไว้ในจุลชีวัน" ด้วยล่ะ
นับถือ นับถือ
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง
- Akira_R
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
^^"
โพสต์ที่ 14
ผาซ้อนแก้ว เป็นที่ปฏิบัติธรรมเหรอคะ ^^"
ตอนวันพ่อเพิ่งไปถือศีลที่ แดนมหามงคล ที่กาญจนบุรีมาค่ะ คล้ายๆในรูปเลย อากาศหนาวมากๆ
ตอนวันพ่อเพิ่งไปถือศีลที่ แดนมหามงคล ที่กาญจนบุรีมาค่ะ คล้ายๆในรูปเลย อากาศหนาวมากๆ
- Akira_R
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
^^"
โพสต์ที่ 15
ไป search หาข้อมูลมา ปรากฎติดต่อได้ที่ บ้านอารีย์ ใกล้ๆตึกที่ทำงานเลย โชคดีจัง ^-^ มีใครอยากไปปฏิบัติธรรมไหมคะ
http://www.baanaree.net/media/index.php
http://www.baanaree.net/media/index.php
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 16
[quote="กูรูขอบสนาม"
ปีที่ผ่านมา ได้อ่านหนังสือ ๒ เล่ม
เล่มแรก the fabric of the cosmos แปลเป็นไทยโดย ดร อรรถกมล ฉัตรภูติ
ในชื่อ ทอถักจักรวาล
ว่ากันตั้งแต่ อนุภาค-คลื่น ไปยัน จักรวาล
วิชาการ ล้วนๆ
อื้อหืม มึนตึ้บ
บางตอนต้องอ่าน แล้วอ่านอีก ๘ ตลบ
บางตอน ต้องละความเป็น "คน" แล้วอ่าน
บางตอนต้องข้ามไป เพราะเกินปัญญา .....ฮ่า
อีกเล่ม the quantum self
เขียนโดย danah zohar เป็นนักฟิสิกส์ และนักปรัชญาจาก M.I.T. เขียนตอนกำลังเป็น"แม่"คน
คุณแม่แกตั้งทฤษฎีเพิ่มเติม จาก ทฤษฎีควอนตั้ม ซึ่งมันไปตันอยู่ที่ การมีการสังเกตุ การเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น มีผลกระทบต่อเหตุการณ์
คือเจ้าอนุภาค-คลื่น เนี่ย มันยังไม่เป็นอะไรของมันทั้งนั้น ต่อเมื่อมี "การสังเกตุ" เมื่อไร มันจะกลายร่างทันที
มันจะเป็นคลื่น ถ้าคนวัด วัดมันแบบคลื่น มันจะเป็นอนุภาค ถ้าคนวัด วัดมันแบบอนุภาค
แน่ะ มันรู้ซะด้วยแน่ะ
และการที่มันจะเป็น "คลื่น" หรือ"อนุภาค" เนี่ย มันมีผลมหาศาลสุดบรรยายต่อเราและโลกของเรา
และบางคนสรุป เอาว่า "การสังเกตุ" นี่ก็คือ"จิต" และควอนต้มฟิสิกส์ไม่สามารถ ละเลยเรื่องของ"จิต" ได้
แต่
วิทยาการ ฟืสิกส์ คณิตศาสตร์ ของมนุษย์ปัจจุบัน ยังเอาจิตมารวม ไม่ได้
คุณแม่ของเราเลยเสนอว่า เจ้า "อนุภาค-คลื่น" เนี่ย
ถ้ามันเป็น อนุภาค มันก็คือ มวล หรือ mass หรือ matter หรือ body
ถ้ามันเป็น คลื่น มันคือ พลังงาน หรือ mind หรือ soul
นั่นคือ mind & body
ฮ่า ฮ่า ฮ่า วิทยาศาสตร์ มี "จิต"ใจ แล้ว
แล้วเธอก็เอามาอธิบายคำจัดความถึง "ตัวฉัน" "ตัวเธอ" "ความสัมพันธ์" "การเกิด การตาย"
ซึ่งหลายประการ สอดคล้องกับ พุทธศาสนา เหลือเกิน
วิชาการทั้งสองเล่มนี่ เหนือจินตนาการมากกว่านิยายบางเล่มซะอีก
แถมทำให้ มึนๆ มันๆ เซลสมอง ดี :lol:
อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่า
พระเจ้านี่ท่าทางแกคงขี้เล่นน่าดู
ชอบเล่นเอาล่อเอาเถิด ชอบเล่นซ่อนหากับมนุษย์
แต่ ผมก็ยังพอรู้ว่า
ผม ก็ เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า เหมียนกัลลล
เราก็น่าจะพวกเดียวกันมั้ง พี่กูรูอย่างพี่สถาปนิก
เป็นประเภท "จุ่มจักรวาลไว้ในจุลชีวัน" ด้วยล่ะ
ปีที่ผ่านมา ได้อ่านหนังสือ ๒ เล่ม
เล่มแรก the fabric of the cosmos แปลเป็นไทยโดย ดร อรรถกมล ฉัตรภูติ
ในชื่อ ทอถักจักรวาล
ว่ากันตั้งแต่ อนุภาค-คลื่น ไปยัน จักรวาล
วิชาการ ล้วนๆ
อื้อหืม มึนตึ้บ
บางตอนต้องอ่าน แล้วอ่านอีก ๘ ตลบ
บางตอน ต้องละความเป็น "คน" แล้วอ่าน
บางตอนต้องข้ามไป เพราะเกินปัญญา .....ฮ่า
อีกเล่ม the quantum self
เขียนโดย danah zohar เป็นนักฟิสิกส์ และนักปรัชญาจาก M.I.T. เขียนตอนกำลังเป็น"แม่"คน
คุณแม่แกตั้งทฤษฎีเพิ่มเติม จาก ทฤษฎีควอนตั้ม ซึ่งมันไปตันอยู่ที่ การมีการสังเกตุ การเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น มีผลกระทบต่อเหตุการณ์
คือเจ้าอนุภาค-คลื่น เนี่ย มันยังไม่เป็นอะไรของมันทั้งนั้น ต่อเมื่อมี "การสังเกตุ" เมื่อไร มันจะกลายร่างทันที
มันจะเป็นคลื่น ถ้าคนวัด วัดมันแบบคลื่น มันจะเป็นอนุภาค ถ้าคนวัด วัดมันแบบอนุภาค
แน่ะ มันรู้ซะด้วยแน่ะ
และการที่มันจะเป็น "คลื่น" หรือ"อนุภาค" เนี่ย มันมีผลมหาศาลสุดบรรยายต่อเราและโลกของเรา
และบางคนสรุป เอาว่า "การสังเกตุ" นี่ก็คือ"จิต" และควอนต้มฟิสิกส์ไม่สามารถ ละเลยเรื่องของ"จิต" ได้
แต่
วิทยาการ ฟืสิกส์ คณิตศาสตร์ ของมนุษย์ปัจจุบัน ยังเอาจิตมารวม ไม่ได้
คุณแม่ของเราเลยเสนอว่า เจ้า "อนุภาค-คลื่น" เนี่ย
ถ้ามันเป็น อนุภาค มันก็คือ มวล หรือ mass หรือ matter หรือ body
ถ้ามันเป็น คลื่น มันคือ พลังงาน หรือ mind หรือ soul
นั่นคือ mind & body
ฮ่า ฮ่า ฮ่า วิทยาศาสตร์ มี "จิต"ใจ แล้ว
แล้วเธอก็เอามาอธิบายคำจัดความถึง "ตัวฉัน" "ตัวเธอ" "ความสัมพันธ์" "การเกิด การตาย"
ซึ่งหลายประการ สอดคล้องกับ พุทธศาสนา เหลือเกิน
วิชาการทั้งสองเล่มนี่ เหนือจินตนาการมากกว่านิยายบางเล่มซะอีก
แถมทำให้ มึนๆ มันๆ เซลสมอง ดี :lol:
อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่า
พระเจ้านี่ท่าทางแกคงขี้เล่นน่าดู
ชอบเล่นเอาล่อเอาเถิด ชอบเล่นซ่อนหากับมนุษย์
แต่ ผมก็ยังพอรู้ว่า
ผม ก็ เป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า เหมียนกัลลล
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 17
เราก็น่าจะพวกเดียวกันมั้ง พี่กูรูสถาปนิกต่างดาว เขียน:[quote="กูรูขอบสนาม"
ปีที่ผ่านมา ได้อ่านหนังสือ ๒ เล่ม
เล่มแรก the fabric of the cosmos แปลเป็นไทยโดย ดร อรรถกมล ฉัตรภูติ
ในชื่อ ทอถักจักรวาล
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 18
[/quote][/quote][quote="RONNAPUM"][มึนเลย อ่านจากที่พี่เขียน
จากหนังสือทั้งสองเล่ม :D
ผมละถนัดนัก เรื่องมอมเมาให้คนมึน
ฮ่า
อย่าเสียเวลาเลยครับ ronnapum
ronnapum น่ะไปถูกทางแล้ว
ไอ้ผมนั้นเมื่อก่อนก็เสียเวลา แวะข้างทาง
ค้นๆๆ หาๆๆ
เพื่อที่จะได้ก้าวหน้า.......แค่ก้าว สองก้าว
เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่วาย ค้นหาอยู่
เพียงแต่ว่า
เมื่อก่อน ค้นด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ ว่าจะได้เจอ อะไรๆ ที่มันสุดยอด
แต่เดี๋ยวนี้ ค้นไป
ขณะที่ยังพอรู้ว่า
......หากไปเจอพระเจ้าเข้าในวันนึง
ผมพอจะเดาออกว่า แกจะตอบคำถามผมว่ายังไง
แกคงตบไหล่ผมแล้วบอกว่า
"บอกมาตั้งนมนานแล้วว่า........ตถาตา
มันเป็นเช่นนั้น.....เอง"
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 20
ประโยคข้างต้น น่าจะมีที่มาจาก ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์(ระดับเล็กกว่าอะตอม)กูรูขอบสนาม เขียน:[
มีคำที่เกี่ยวๆกับประโยคที่ว่าอยู่ ๒ คำ
๑ local หรือ nonlocal
จักรวาลเรา ถ้าเอาแบบที่เห็นๆและเป็นอยู่ เราจะมองว่ามันเป็น local
คำว่า local คือ ถ้าจะทำอะไรสักอย่างมันต้องต่อเนื่องกันไปเป็นทอดๆ เช่น จะเปิดประตูก็ต้องเอามือไปแตะประตูแล้วออกแรงผลัก จะพูดให้อีกคนได้ยินก็ต้องออกแรงเสียงผ่านอากาศไปเข้าหูคนฟัง หรือจะโทรศัพท์ไร้สายก็ยังต้องผ่านเป็นคลื่นไปอีกที ต้องต่อกันเป็นทอดๆและใช้เวลา
แบบนี้เรียกว่า local
แต่จากการทดลองในระดับเล็กกว่าอะตอม (อนุภาค-คลื่น) พบเหตุการณ์ที่ผิดจากความรู้สึกของมนุษย์ นั่นคือการทดลองพบว่า
ในระดับอนุภาคนั้น จักรวาลเราเป็น nonlocal !!!!!!!!!
จากการที่เขาแยกเอาอนุภาคโฟตอนออกเป็นคู่แฝด แล้วเอาไปไว้ห่างกัน เป็นเมตร จนถึงหลายๆกิโลเมตร เมื่อทำการทดลองกับโฟตอนตัวหนึ่ง ได้ผลออกมาอย่างไร
ผลนั้นจะเกิดกับอีกตัวพร้อมกันในทันทีทันใด !!!!!!!!!
ผลทดลองยังสรุปด้วยว่า ต่อให้ห่างกันคนละกาแลกซี่ ผลมันก็จะเกิดพร้อมกัน
และลองหลับตานึกดูสิ ร่างกายเรา ทุกสิ่งรอบๆตัวเรา มันก็คืออนุภาคคลื่นทั้งนั้น
ฮ่า เหมือนนิยายไหมล่ะ
๒ holographic
เคยเห็น โปสการ์ด ๓ มิติไหมครับ ที่เป็นรูปมันวาว พอขยับดูแล้วจะเห็นเป็นภาพ ๓ มิติ และถ้าเป็นภาพholographic แท้ๆละก็ ถ้าเราเอากรรไกรตัดภาพออกเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปเรื่อยๆ หยิบมาซักชิ้นนึงเอากล้องส่องดู
เราจะเห็นเป็นภาพเดิมเดียวกับภาพตอนที่เรายังไม่ได้ตัด
ชิ้นไหนก็จะเห็นป็นภาพเดียวกัน
ทฤษฎีควอนตัม ให้แนวโน้มว่า
จักรวาลของเราอาจมีการแสดงออกเหมือนกับภาพ holographic
นั่นคือ จุ่มจักรวาลไว้ในจุลชีวัน ไง
ในจักรวาลมีเรา ในเรามีจักรวาล
เรื่องนี้ยังต่อไปอีก
เวลาเราดูภาพยนตร์ เราเห็นเป็นการเคลื่อนไหว แต่เรารู้ว่า ภาพยนต์เป็น "มายา" ใช่ไหมครับ เพราะ "สิ่งที่เป็นจริงแท้" คือภาพนิ่งทีละเฟรม ที่เคลื่อนที่ผ่านแสง แต่ประสาทรับรู้มะนุดจำกัด มองไม่ทัน เลยออกมาต่อเนื่อง
เขาว่ากันว่า จักรวาลเราอาจจะทำงานแบบนี้
เราๆ ท่านๆ นี่อาจเป็น "มายา" ไม่ใช่ "สิ่งที่เป็นจริงแท้"
ฮ่า นี่ก็เหมือนพล็อตนิยายอีกเรื่องนึง
เพียงแต่เผอิญว่า มันเริ่มจะเป็นเรื่องจริง
ที่ซ่อนอยู่ใน มายา ของจักรวาลใบนี้ ๕๕๕
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- khwannaret
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ
โพสต์ที่ 21
อยากพูดว่ามันสุดยอดมาก.....ครับ....เป็นคนที่ผมชอบมากๆ...เป็น Idol เลย.
ผมไม่คิดว่าโลกนี้มีคนอย่างนี้ด้วย
ผมไม่คิดว่าโลกนี้มีคนอย่างนี้ด้วย
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้