หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
- kin
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 1
ไปเดินร้านหนังสือ เพิ่งเจอหนังสือแปลเล่มใหม่ เลยเอามาฝาก ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ เห็นกันรึยัง
หนังสือชื่อ Warren Buffett and The Interpretation of Financial Statements
เขียนโดย Mary Buffett & David Clark เจ้าเก่า แปลโดย คุณนรา สุภัคโรจน์
เนื้อหาแนวๆ เกี่ยวกับวิธีการดูงบการเงินของคุณปู่แบบเร่งรัด เข้าใจง่าย แยกเป็นบทย่อยๆ บทละสั้นๆ อ่านไม่เหนื่อย
ลองไปหาอ่านกันดูได้ครับ เป็นอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว
หนังสือชื่อ Warren Buffett and The Interpretation of Financial Statements
เขียนโดย Mary Buffett & David Clark เจ้าเก่า แปลโดย คุณนรา สุภัคโรจน์
เนื้อหาแนวๆ เกี่ยวกับวิธีการดูงบการเงินของคุณปู่แบบเร่งรัด เข้าใจง่าย แยกเป็นบทย่อยๆ บทละสั้นๆ อ่านไม่เหนื่อย
ลองไปหาอ่านกันดูได้ครับ เป็นอีกเล่มหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว
- green-orange
- Verified User
- โพสต์: 896
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 3
[quote="autodust"]อ่านแล้วคับ
ดีมาก เข้าใจง่าย
ดีมาก เข้าใจง่าย
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 4
ตอนแรกว่าน่าสนใจ แต่พออ่านความเห็นจากท่าน green-orange แล้ว
รอ คห อื่นมาแสดงความคิดเห็นก่อนดีกว่า
แต่ผมเปิดผ่านๆแล้ว ก็น่าซื้ออยู่นะ เพราะของ ดร ภาพร อ่านไม่ค่อยเพลินเท่าไหร่ เลยอยากลองหาทางเลือกอื่นดูก่อน
รอ คห อื่นมาแสดงความคิดเห็นก่อนดีกว่า
แต่ผมเปิดผ่านๆแล้ว ก็น่าซื้ออยู่นะ เพราะของ ดร ภาพร อ่านไม่ค่อยเพลินเท่าไหร่ เลยอยากลองหาทางเลือกอื่นดูก่อน
- wichayam
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 5
ผมอ่านแล้ว ผมว่าค่อนข้างน่าผิดหวังครับ
อย่างเรื่องสินค้าคงคลังก็พูดแค่ว่า บ.ที่มียอดขายสูงขึ้นก็จะมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้พูดถึงประเด็นอื่นเลย เช่นการที่ บ.บางแห่งสามารถบริหารสินค้าคงคลังดีกว่าคู่แข่ง ทำให้ cash cycle ดีกว่า ฯลฯ
อย่างเรื่องสินค้าคงคลังก็พูดแค่ว่า บ.ที่มียอดขายสูงขึ้นก็จะมีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้พูดถึงประเด็นอื่นเลย เช่นการที่ บ.บางแห่งสามารถบริหารสินค้าคงคลังดีกว่าคู่แข่ง ทำให้ cash cycle ดีกว่า ฯลฯ
The great man is he who in the midst of the crowd keeps with perfect sweetness the independence of solitude.
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 6
ไปอ่านมาแล้ว มีจุดที่พิมพ์ผิดนะครับ หลังๆมาเจอบ่อยขึ้นในหนังสือทางบัญชี เล่มแรกในปีนี้ที่เจอนั้นน่าเกลียดมากคือKEY MENAGEMENT RATIOS ผิดตรงคำแปลศัพท์บัญชีหลายๆจุด และในเล่มวอร์เรนนี้ผิดตรงตารางเทียบผลกำไรในอดีตที่ยกตัวอย่างสองบริษัทมาให้ดู แถมเล่มที่ผมอ่านใส้ในดันสลับหน้ากันเสียอีก เดี๋ยวจะต้องเอาไปเปลี่ยน
ผมว่าโรงพิมพ์น่าจะละเอียดให้มากกว่านี้ ในการจะพิมพ์หนังสือออกมาสักเล่ม ดดยเฉพาะเล่มKEY นั้นผิดหลายจุดน่าเกลียด ถ้าคนไม่รู้อ่านไปอ่านมาน่าจะงงมากขึ้กว่าเดิมซะอีกแหน่ะ :lol:
ปล.เล่มนี้ภาพรวมก็อ่านง่ายดีนะครับ สำหรับพื้นฐานจริงๆ
ผมว่าโรงพิมพ์น่าจะละเอียดให้มากกว่านี้ ในการจะพิมพ์หนังสือออกมาสักเล่ม ดดยเฉพาะเล่มKEY นั้นผิดหลายจุดน่าเกลียด ถ้าคนไม่รู้อ่านไปอ่านมาน่าจะงงมากขึ้กว่าเดิมซะอีกแหน่ะ :lol:
ปล.เล่มนี้ภาพรวมก็อ่านง่ายดีนะครับ สำหรับพื้นฐานจริงๆ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 8
ก็อธิบายง่ายนะคะ
เหมือนพูดให้เห็นภาพรวมคร่าวๆ มากกว่า
ไม่ค่อยลงรายละเอียด เหมาะแก่คนที่ไม่มีพื้นฐานมาเลย
ถ้าอยากรู้รายละเอียด ก็ไปต่อยอดจากเล่มอื่น
เหมือนพูดให้เห็นภาพรวมคร่าวๆ มากกว่า
ไม่ค่อยลงรายละเอียด เหมาะแก่คนที่ไม่มีพื้นฐานมาเลย
ถ้าอยากรู้รายละเอียด ก็ไปต่อยอดจากเล่มอื่น
ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหวัง
แปลว่ามีบางอย่างที่คุณยังไม่รู้
แปลว่ามีบางอย่างที่คุณยังไม่รู้
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ผมคิดเล่นๆว่าถ้า ดร.ท่านชื่นชมจริงๆ
โพสต์ที่ 9
[/img]Guiman เขียน:ตรงที่ยกตัวอย่างผิด เค้ามี สลิปแก้เล็กๆมาให้อะครับ ของที่ผมซื้อนะ
มันก้อดูทุเรศนิดนึง
ปล.โดยรวมก้ออ่านง่ายดี เพราะผมยังไม่รุ้เรื่องอะไรทั้งสิ้น [img]เห็นคำนิยมของ%20ดร.นิเวศ%20ก้อซื้อเลย
คงเปลี่ยนจากคำว่า" " " สาวก " ของ บัฟเฟ็ตต์ เป็นคำอื่น
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 10
อ่านแล้วงงครับ
ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับงบการเงิน
หวังว่าเล่มนี้คงจะช่วยให้เข้าใจงบการเงินมากขึ้น
แต่ยิ่งอ่าน ยิ่งงงครับ
- อย่างในหน้า 93
ตารางจะมีลูกศรชี้ที่บรรทัด "กำไรขั้นต้น"
กับบรรทัด"ดอกเบี้ยจ่าย"
แต่เนื้อหาในหน้า93-96 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง "กำไรจากการดำเนินการ" กับ "ดอกเบี้ยจ่าย"
ผมเลยงงว่า ตกลงลูกศรมันชี้ผิดบรรทัด หรือว่าเนื้อหาอธิบายผิด
หรือว่ามันถูกแล้วทั้ง 2 อย่าง
- หน้า 104 ย่อหน้าที่ 2 ทั้งย่อหน้าเลย
ท่านใดอ่านแล้ว รบกวนอธิบายหน่อยนะครับ
ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ
T_T
- หน้า 126-127
ทำไมในงบดุล บรรทัดสุดท้าย
รวมสินทรัพย์ (43,059) จึงไม่เท่ากับ รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น (43,269)
รบกวนผู้รู้ ที่อ่านหนังสือเล่มนี้ อธิบายผมหน่อยนะครับ
ผมยิ่งอ่าน ยิ่งงง
ตกลงว่าพิมพ์ผิด หรือ แปลผิด หรือ ต้นฉบับผิด
อ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งเจอที่ผิด มันบั่นทอนความน่าเชื่อถือของหนังสืออ่ะครับ
ทำให้รู้สึก ไม่มั่นใจว่า ส่วนที่เราคิดว่าเราเข้าใจนั้น มันพิมพ์ถูกจริงๆหรือเปล่า
เสียความรู้สึก แล้วก้อเสียดายเงินด้วยครับ
ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับงบการเงิน
หวังว่าเล่มนี้คงจะช่วยให้เข้าใจงบการเงินมากขึ้น
แต่ยิ่งอ่าน ยิ่งงงครับ
- อย่างในหน้า 93
ตารางจะมีลูกศรชี้ที่บรรทัด "กำไรขั้นต้น"
กับบรรทัด"ดอกเบี้ยจ่าย"
แต่เนื้อหาในหน้า93-96 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง "กำไรจากการดำเนินการ" กับ "ดอกเบี้ยจ่าย"
ผมเลยงงว่า ตกลงลูกศรมันชี้ผิดบรรทัด หรือว่าเนื้อหาอธิบายผิด
หรือว่ามันถูกแล้วทั้ง 2 อย่าง
- หน้า 104 ย่อหน้าที่ 2 ทั้งย่อหน้าเลย
ท่านใดอ่านแล้ว รบกวนอธิบายหน่อยนะครับ
ผมอ่านแล้วไม่เข้าใจ
T_T
- หน้า 126-127
ทำไมในงบดุล บรรทัดสุดท้าย
รวมสินทรัพย์ (43,059) จึงไม่เท่ากับ รวมหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น (43,269)
รบกวนผู้รู้ ที่อ่านหนังสือเล่มนี้ อธิบายผมหน่อยนะครับ
ผมยิ่งอ่าน ยิ่งงง
ตกลงว่าพิมพ์ผิด หรือ แปลผิด หรือ ต้นฉบับผิด
อ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งเจอที่ผิด มันบั่นทอนความน่าเชื่อถือของหนังสืออ่ะครับ
ทำให้รู้สึก ไม่มั่นใจว่า ส่วนที่เราคิดว่าเราเข้าใจนั้น มันพิมพ์ถูกจริงๆหรือเปล่า
เสียความรู้สึก แล้วก้อเสียดายเงินด้วยครับ
- killyz
- Verified User
- โพสต์: 409
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 11
อ่านจบแล้วครับ ใช้เวลาอ่านประมาณสามชั่วโมง
เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มให้รู้จักใช้ตัวเลขในงบการเงินในการหาบริษัทมี dca
คงไม่เจาะในรายละเอียด
หาบริษัทที่มี dca ในราคายุติธรรมในไทยหายากกว่าในอเมริกาเยอะครับ
วัฒนธรรมการบริโภคของไทยกับอเมริกาต่างกันเยอะ
ลองดูผู้ผลิตโคล่ากับเป๊ปซี่ใน(htc,ssc)ไทยสิแล้วเทียบกับผู้ผลิตชาเขียวสิ
(oishi)
ปล.มีที่พิมพ์ผิดดังที่พี่นริศบอกไว้
เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มให้รู้จักใช้ตัวเลขในงบการเงินในการหาบริษัทมี dca
คงไม่เจาะในรายละเอียด
หาบริษัทที่มี dca ในราคายุติธรรมในไทยหายากกว่าในอเมริกาเยอะครับ
วัฒนธรรมการบริโภคของไทยกับอเมริกาต่างกันเยอะ
ลองดูผู้ผลิตโคล่ากับเป๊ปซี่ใน(htc,ssc)ไทยสิแล้วเทียบกับผู้ผลิตชาเขียวสิ
(oishi)
ปล.มีที่พิมพ์ผิดดังที่พี่นริศบอกไว้
การลงทุนมีความเสียว โปรดใช้วิจารณญาณในการลอก
-
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 13
killyz เขียน:อ่านจบแล้วครับ ใช้เวลาอ่านประมาณสามชั่วโมง
เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มให้รู้จักใช้ตัวเลขในงบการเงินในการหาบริษัทมี dca
คงไม่เจาะในรายละเอียด
หาบริษัทที่มี dca ในราคายุติธรรมในไทยหายากกว่าในอเมริกาเยอะครับ
วัฒนธรรมการบริโภคของไทยกับอเมริกาต่างกันเยอะ
ลองดูผู้ผลิตโคล่ากับเป๊ปซี่ใน(htc,ssc)ไทยสิแล้วเทียบกับผู้ผลิตชาเขียวสิ
(oishi)
ปล.มีที่พิมพ์ผิดดังที่พี่นริศบอกไว้
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ต้องอ่านหลาย ๆ รอบ
โพสต์ที่ 14
[quote="lovestock"]เป็นหนังสือที่เขียนให้อ่านง่าย ๆ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 15
อ่านง่ายครับ แต่มีจุดผิดเยอะมาก ในส่วนของ งบดุลก็ไม่ดุล เหอะๆ - -'' ไม่รู้ต้นฉบับภาษาอังกฤษมันไม่ดุลเหมือนกันหรือเปล่า นะ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
micky
โพสต์ที่ 17
สวัสดีค่ะ เป็นคนแปลค่ะ เข้ามายอมรับความผิดพลาดในหนังสือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และการตีความงบการเงิน บังเอิญว่าหนังสือเล่มนี้มีความผิดพลาดในการดำเนินการบางอย่าง และโดยส่วนตัวแล้วไม่พอใจนักกับหลายแห่งคิดว่าน่าจะใช้คำที่ทำให้เข้าใจได้มากกว่านี้ ต้องกราบขอโทษผู้อ่านมาก ๆ ด้วยค่ะ
ขอตอบคุณ thanyalentino นะคะ
หน้า 93 - ลูกศรตามต้นเป็นแบบนั้นค่ะ
ปัญหาที่งงในบทนี้คือ จากต้นฉบับ ตรงส่วนของงบดุล กำไรขั้นต้น แปลจากคำว่า Gross Profit, กำไรจากการดำเนินการ แปลจากคำว่า Operating Profit. แต่พอในเนื้อหา ต้นฉบับใช้คำว่า Operating Income ก็เลยแปลว่า รายได้จากการดำเนินการ ความจริงก็คือ กำไรจากการดำเนินการ ตัวเดียวกัน มีคนท้วงมาเหมือนกัน แต่คิดว่าคนเขียนคงไม่อยากใช้คำว่า กำไร เผื่อมีกรณีที่ขาดทุน เลยใช้คำว่ารายได้แทน
หน้า 104 - ตามนั้นเลยค่ะ
คือ วอร์เรนไปซื้อพันธบัตรมา $139 ล้านเหรียญ แล้วได้ดอกเบี้ยสุทธิมา 22.7 ล้านเหรียญ (ไม่ต้องหักภาษี) ซึ่งถ้าเทียบเป็นรายได้ก่อนหักภาษีจะเท่ากับ $45 ล้านเหรียญ และเขาพูดถึงว่า โดยทั่วไปแล้วการจะทำรายได้ $ 45 ล้านเหรียญก่อนหักภาษี เขาต้องลงทุนถึง 250-300 ล้านเขาถึงจะได้มา แต่นี่เขาลงทุนไปแค่ $139 ล้านเท่านั้น จึงเท่ากับเขาซื้อธุรกิจนี้มาในส่วนลด 50% ค่ะ
หน้า 126-127 - ไปเช็คกับต้นฉบับแล้ว ตัวเลขตามนั้นเลยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกัน (ถ้าใครเข้าใจช่วยตอบด้วยนะคะ)
ต้องขอโทษคนอ่านทุกท่านด้วยนะคะ เรื่องความผิดพลาด ถ้าใครพบเห็นตรงไหน กรุณาบอกด้วยค่ะ
ปล. เรื่องสลิบเล็ก ๆ นั่นมานก็ทุเรศจริง ๆ อ่าค่ะ คุณ Ny รู้สึกแย่มาก ๆ เหมือนกันค่ะ
หวังว่าหนังสือเล่มนี้คงทำประโยชน์ให้ผู้อ่านบ้างนะคะ ความจริงคงจะธรรมดามากกับเซียน VI ห้องนี้
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุน ส่วนพอร์ตดิฉันยังแดงแจ๋เลยค่ะ เพราะชอบเล่นหุ้นปั่น ว่าจะเปลี่ยนมาเป็น VI เหมือนกัน ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ขอเชิญวิจารณ์กันต่อเลยค่ะ
ขอตอบคุณ thanyalentino นะคะ
หน้า 93 - ลูกศรตามต้นเป็นแบบนั้นค่ะ
ปัญหาที่งงในบทนี้คือ จากต้นฉบับ ตรงส่วนของงบดุล กำไรขั้นต้น แปลจากคำว่า Gross Profit, กำไรจากการดำเนินการ แปลจากคำว่า Operating Profit. แต่พอในเนื้อหา ต้นฉบับใช้คำว่า Operating Income ก็เลยแปลว่า รายได้จากการดำเนินการ ความจริงก็คือ กำไรจากการดำเนินการ ตัวเดียวกัน มีคนท้วงมาเหมือนกัน แต่คิดว่าคนเขียนคงไม่อยากใช้คำว่า กำไร เผื่อมีกรณีที่ขาดทุน เลยใช้คำว่ารายได้แทน
หน้า 104 - ตามนั้นเลยค่ะ
คือ วอร์เรนไปซื้อพันธบัตรมา $139 ล้านเหรียญ แล้วได้ดอกเบี้ยสุทธิมา 22.7 ล้านเหรียญ (ไม่ต้องหักภาษี) ซึ่งถ้าเทียบเป็นรายได้ก่อนหักภาษีจะเท่ากับ $45 ล้านเหรียญ และเขาพูดถึงว่า โดยทั่วไปแล้วการจะทำรายได้ $ 45 ล้านเหรียญก่อนหักภาษี เขาต้องลงทุนถึง 250-300 ล้านเขาถึงจะได้มา แต่นี่เขาลงทุนไปแค่ $139 ล้านเท่านั้น จึงเท่ากับเขาซื้อธุรกิจนี้มาในส่วนลด 50% ค่ะ
หน้า 126-127 - ไปเช็คกับต้นฉบับแล้ว ตัวเลขตามนั้นเลยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกัน (ถ้าใครเข้าใจช่วยตอบด้วยนะคะ)
ต้องขอโทษคนอ่านทุกท่านด้วยนะคะ เรื่องความผิดพลาด ถ้าใครพบเห็นตรงไหน กรุณาบอกด้วยค่ะ
ปล. เรื่องสลิบเล็ก ๆ นั่นมานก็ทุเรศจริง ๆ อ่าค่ะ คุณ Ny รู้สึกแย่มาก ๆ เหมือนกันค่ะ
หวังว่าหนังสือเล่มนี้คงทำประโยชน์ให้ผู้อ่านบ้างนะคะ ความจริงคงจะธรรมดามากกับเซียน VI ห้องนี้
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุน ส่วนพอร์ตดิฉันยังแดงแจ๋เลยค่ะ เพราะชอบเล่นหุ้นปั่น ว่าจะเปลี่ยนมาเป็น VI เหมือนกัน ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
ขอเชิญวิจารณ์กันต่อเลยค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 772
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 19
หวัดดีครับ พี่ micky
ผมไม่ใช่เซียนอะไรเหรอครับ มาขอบคุณที่แปลหนังสือให้อ่านครับ
ผมไม่ใช่เซียนอะไรเหรอครับ มาขอบคุณที่แปลหนังสือให้อ่านครับ
ร็อคกี้ บัลโบว : ชีวิตไม่สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรารับการโดนต่อยได้แค่ไหน (ชีวิตจุดสำคัญอยู่ที่การทนทุกข์ มากกว่าการประสบสุข)
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 21
พูดได้คำเดียวครับ
"สุโค่ย"
"สุโค่ย"
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- Junior_VI
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 23
สวัสดีครับ ผมก็เพิ่งเริ่มสนใจในเรื่องหุ้น(ใหม่สุดๆ ครับ)
ซื้อเล่มนี้มาแล้วเหมือนกันครับ แต่ยังอ่านไม่จบครับ...
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าอ่านง่านเหมือนกัน เพราะไม่มีความรู้ด้านการเงินมาก่อนเลย
สงสัยคงต้องรีบกลับไปอ่านให้จบครับ
ขอฝากตัวเป็นสมาชิก VI อีกคนนะครับ
ซื้อเล่มนี้มาแล้วเหมือนกันครับ แต่ยังอ่านไม่จบครับ...
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าอ่านง่านเหมือนกัน เพราะไม่มีความรู้ด้านการเงินมาก่อนเลย
สงสัยคงต้องรีบกลับไปอ่านให้จบครับ
ขอฝากตัวเป็นสมาชิก VI อีกคนนะครับ
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 259
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 24
ยืนยันอีกเสียงครับ ถ้าจะซื้อเล่มนี้ ไปซื้อ ฉลาดรู้ทางการเงินดีกว่าครับ ผมซื้อมาทั้งสองเล่ม เล่มนี้ผู้เขียนไม่ทำการบ้านซักเท่าไรเลย ผิดกับฉลาดรู้ทางการเงิน เนื้อหา ตัวอย่างแน่นปึก อ่านสัก 2 รอบ เข้าใจบัญชีคุ้มเกินคุ้ม
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นของเรา เหลือแต่กุศลผลบุญทั้งดีและไม่ดีเท่านั้น ที่จะติดตัวเราไป
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
หนังสือแปลเล่มใหม่ บัฟเฟตต์และการตีความงบการเงิน
โพสต์ที่ 28
-------------------------------------pacabee เขียน:economic of the company
ถ้าใช้คำว่า ''ผลการดำเนินงานของบริษัท'' จะน่าจะลงตัวดีนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ขออธิบายนิดนึงนะคะ ตามความเข้าใจ คือ
เราจะเคยชินเมื่อพูดถึง เศรษฐกิจของประเทศ เศรษฐกิจของโลก แต่ประเทศ หรือ โลก คือหน่วย (พรมแดน) เรายังสามารถแยกหน่วยให้ย่อยลงไปเป็น เศรษฐกิจของจังหวัด ของอำเภอ ของภาคอุตสาหกรรม บริษัทก็เช่นเดียวกันค่ะ เป็นเศรษฐกิจของบริษัท หรือของครัวเรือนก็ได้ อันนี้ถ้าอ่านเรื่อง The Age of Turbulance ของอลัน กรีนสแปนจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ
การแปลหนังสือลำบากตรงบางคำที่คนไทยเราจะไม่เคยชิน แต่ภาษาอังกฤษจะมีคำใหม่ ๆ เสมอ ตามวิทยาการที่พัฒนาขึ้น บางทีต้องมีอธิบายเพิ่มเติมถึงจะเข้าใจค่ะ
ขอบคุณค่ะ