CEO ของบริษัท แอปเปิล รับค่าแรงปีนี้เพียง 1 ดอลลาร์

[dome@perth]

สตีฟ จ๊อบส์ CEO ของบริษัท แอปเปิล รับค่าแรงปีนี้เพียง 1 ดอลลาร์

Posted on Friday, December 25, 2009
สตีฟ จ๊อบส์ รับค่าแรงแค่ 1 ดอลลาร์ในปีนี้

สตีฟ จ๊อบส์ ซีอีโอบริษัท แอปเปิล อิงค์ รับค่าแรงเพียง 1 ดอลลาร์ในปีนี้ นอกจากนั้นยังไม่รับเงินโบนัสหรือสวัสดิการพิเศษ อาทิ การรักษาความปลอดภัยส่วนตัวที่ซีอีโออีกหลายคนได้รับ แม้ว่าบริษัทจะกลับมาแข็งแกร่งแล้วก็ตาม

จ๊อบส์ วัย 54 ปี ถือหุ้น 5.5 ล้านหุ้นในแอปเปิล และไม่เคยขายหุ้นทิ้งเลยนับตั้งแต่กลับมารับตำแหน่งซีอีโอเมื่อปี 2540 อีกทั้งยังไม่เคยได้รับหุ้นเป็นผลตอบแทนจากบริษัทนับตั้งแต่ปี 2546 ในปี 2551 มูลค่าหุ้นที่จ๊อบส์ถืออยู่ร่วงลงครึ่งหนึ่งหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี หุ้นแอปเปิลก็ดีดตัวขึ้นถึง 42% ในช่วงปีงบประมาณซึ่งสิ้นสุดในเดือนกันยายน และเมื่อวานนี้หุ้นแอปเปิลปิดที่ 202.10 ดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นที่จ๊อบส์ถืออยู่มีมูลค่าราว 1,100 ล้านดอลลาร์

ในการประชุมประจำปีวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2553 ผู้ถือหุ้นของแอปเปิลจะมีโอกาสโหวตแผนให้เงินชดเชยกับผู้บริหารเป็นครั้งแรก นอกจากนั้นยังมีอีก 2 ประเด็นที่เสนอให้มีการโหวต หนึ่งเกี่ยวกับรายงานด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม และสองเกี่ยวกับคณะกรรมการที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว

มี CEO เมืองไทยคนไหนไม่รับค่าแรงอย่าง สตี๊ป บ้าง

[killyz]

การได้ทำในสิ่งที่รัก เงินทองเป็นผลพลอยได้

ผมนับถือในปรัชญาชีวิตของท่านสตีฟ จ๊อบส์

[MO101]

---------
จอบส์ทำงานที่บริษัทแอปเปิลเป็นเวลาหลายปีติดกันด้วยค่าจ้างรายปีเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ และนั่นทำให้เขาได้ถูกบันทึกไว้ในสถิติโลกกินเนสส์ว่า เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับค่าจ้างต่ำที่สุดในโลก ในการเป็นองค์นำปาฐกถาที่งานแมคเวิลด์เอกซ์โป (Macworld Expo) ในนครซานฟรานซิสโก บริษัทได้ตัดคำว่า "ชั่วคราว" ออกจากตำแหน่งของเขา แต่เงินค่าจ้างของเขาที่แอปเปิลก็ยังคงเป็น 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้ว่าเขาจะได้รับของขวัญพิเศษจำนวนมากที่สร้างรายได้แก่เขาจากคณะกรรมการบริหารตามธรรมเนียม รวมถึงเครื่องบินเจ็ต Gulfstream V มูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีค.ศ. 1999 และหุ้นมูลค่าเกือบๆ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากหุ้นปุริมสิทธิ์ในปีค.ศ. 2000 - ค.ศ. 2002 ดังนั้น จอบส์จึงได้รับค่าตอบแทนอย่างงามสำหรับความพยายามของเขาที่แอปเปิล แม้จะได้ชื่อว่ามีค่าจ้างเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
---------- ข้อมูลจาก wikipedia.org

ในช่วงปี 2000 - ค.ศ. 2002 สตีฟได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่ได้ออปชั่นหุ้นมากที่สุดในโลก
โดยที่ไม่รับผลตอบแทนเป็นรายเดือน แต่ได้หุ้นเพิ่มทุกปี
ปีนี้ราคาหุ้นของ apple ร่วงลง น่าจะถือได้ว่า สติฟทำงานฟรีๆ ปีหนึ่ง

[TheHee]

---------
จอบส์ทำงานที่บริษัทแอปเปิลเป็นเวลาหลายปีติดกันด้วยค่าจ้างรายปีเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ และนั่นทำให้เขาได้ถูกบันทึกไว้ในสถิติโลกกินเนสส์ว่า เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับค่าจ้างต่ำที่สุดในโลก ในการเป็นองค์นำปาฐกถาที่งานแมคเวิลด์เอกซ์โป (Macworld Expo) ในนครซานฟรานซิสโก บริษัทได้ตัดคำว่า "ชั่วคราว" ออกจากตำแหน่งของเขา แต่เงินค่าจ้างของเขาที่แอปเปิลก็ยังคงเป็น 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้ว่าเขาจะได้รับของขวัญพิเศษจำนวนมากที่สร้างรายได้แก่เขาจากคณะกรรมการบริหารตามธรรมเนียม รวมถึงเครื่องบินเจ็ต Gulfstream V มูลค่า 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีค.ศ. 1999 และหุ้นมูลค่าเกือบๆ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากหุ้นปุริมสิทธิ์ในปีค.ศ. 2000 - ค.ศ. 2002 ดังนั้น จอบส์จึงได้รับค่าตอบแทนอย่างงามสำหรับความพยายามของเขาที่แอปเปิล แม้จะได้ชื่อว่ามีค่าจ้างเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐก็ตาม
---------- ข้อมูลจาก wikipedia.org

ในช่วงปี 2000 - ค.ศ. 2002 สตีฟได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่ได้ออปชั่นหุ้นมากที่สุดในโลก
โดยที่ไม่รับผลตอบแทนเป็นรายเดือน แต่ได้หุ้นเพิ่มทุกปี
ปีนี้ราคาหุ้นของ apple ร่วงลง น่าจะถือได้ว่า สติฟทำงานฟรีๆ ปีหนึ่ง

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ผิดถูกรบกวนช่วยแนะนำด้วยนะครับ...

จริงๆการรับเงินเดือน 1 ดอลล่าห์ อาจจะไม่ได้แปลว่าผู้ถือหุ้นควรดีใจนะครับ เพราะอาจมีกลวิธีที่เขาเรียกว่า single-digit salary แฝงอยู่ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บางท่านอาจเจตนาดี แต่มีบางท่านที่ใช้วิธีนี้เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีแทน)

ถ้าท่านสังเกตดีๆ หากเราไม่นำปันผลไปขอภาษีคืน ภาษีหัก ณ ที่จ่ายเพียง 10% เท่านั้น(ซึ่งตาม กม.ไทย กล่าวไว้ว่า หากไม่นำไปขอคืน ก็เจ๊ากันไป ไม่ต้องตามจ่ายเพิ่มตามฐานภาษี) เทียบกับการหักภาษีจากเงินเดือน หากได้รับเงินเดือนหลักล้าน/ปี อาจจะเสียภาษีสูงถึง 35% เลยทีเดียว

ทั้งนี้ ต้องดูดีๆถึงเจตนาครับ...ที่พูดไม่ได้หมายความว่าท่าน Jobs ต้องการเลี่ยงภาษีนะครับ แต่ผมต้องการให้นักลงทุนตระหนักและรับรู้ว่ามีวิธีนี้อยู่บนโลกด้วย ส่วนเรื่องของท่านJobsผมไม่ขอออกความเห็นนะครับ

[vivitawin]

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ผิดถูกรบกวนช่วยแนะนำด้วยนะครับ...

จริงๆการรับเงินเดือน 1 ดอลล่าห์ อาจจะไม่ได้แปลว่าผู้ถือหุ้นควรดีใจนะครับ เพราะอาจมีกลวิธีที่เขาเรียกว่า single-digit salary แฝงอยู่ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บางท่านอาจเจตนาดี แต่มีบางท่านที่ใช้วิธีนี้เพื่อเลี่ยงการจ่ายภาษีแทน)

คนที่ใช้ single-digit salary ในทางเลี่ยงภาษี ต้องมีหุ้นบริษัทมากๆครับ ถึงจะประหยัดภาษีได้ ถ้ามีหุ้นอยู่น้อย มันไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก และ Jobs ก็มีไม่ถึง 1% เองครับ

[ส.สลึง]

ผมพอทราบประวัติคุณ Jobs เลาๆ เองครับ ...
แต่ขออนุญาตแสดงความเห็นดังนี้

คือคุณ Jobs คนพบสัจธรรมข้อหนึ่งจากการปฏิบัติด้วยตัวเอง
ที่เรียกว่า "พอดี"

ภาษาบาลีตามคำสังสอนของพระพุทธเจ้าเรียกกว่า "สันโดษ"

สมัยที่คุณ Jobs แอบสิ่งอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยเป็นระยะเวลา 17 เดือน
ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ
คือเป็นช่วงเวลาหนึ่งหลังจากลาออกจากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว
(แค่ 6 เดือน)
หลังจากเกรงใจพ่อแม่บุญธรรมว่าจะไม่มีเงินส่งให้เรียนจนจบ
คุณ Jobs ก็อาศัยนอนพื้นห้องพักของเพื่อนที่สนิทกันเป็นที่สถิต
เพื่อที่จะเข้าฟังบรรยายเฉพาะในวิชาที่ตัวเองสนใจเท่านั้น
(วิชาอักษรประดิษฐ์ เป็นหนึ่งในนั้น และเป็นที่มาในการพัฒนา
ตัวอักษรในเครื่อง Apple ในเวลาต่อมา)

ในขณะเดียวกัน คุณ Jobs ก็หาเงินจากการเก็บพวกขวดพลาสติก
ไปขาย กิโลนึงก็คงได้ไม่กี่เซนต์กระมังครับ
และคุณ Jobs เองยังยอมรับว่า อาหารที่ดีที่สุดที่ได้กิน
คือการเดินร่วมรับประทานอาหารที่โบสถ์ในวันพระ

ยังไม่รวมช่วงที่ถูกแทงข้างหลังที่ บ.Apple อีก
คนเราล้มได้ ก็ลุกได้ ไม่ได้ฟูมฟายว่า บ.Apple เป็นของเขา
ฯลฯ

(ใครอยากรู้ก็ไปหาประวัติอ่านกันเองแล้วกันครับ ...)

นี่แค่น้ำจิ้มครับ ผมว่าประสบการณ์ชีวิตของคุณ Jobs น่าสนใจ
เพียงแต่คุณ Jobs ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่สิ่งที่คุณ Jobs พบ
ตั้งแต่ช่วงเป็นวัยรุ่น ก็คือนี่แหละครับ "สันโดษ" คือรู้จักพอ
มีแค่พื้นห้องก็นอนได้ มีเงินแค่ไม่กี่เซนต์ก็อยู่ได้ ฯลฯ

[picklife]

สุดยอดมากๆครับคนนี้....อิอิ

[killyz]

คุณสตีฟ จอบส์ เกิดจากนักศึกษาสาวที่ตั้งท้องในวัยเรียนแล้วไม่สามารถรับผิดชอบได้ เลยทำสัญญายกลูกในท้องให้สามี ภรรยาคู่หนึ่งที่ยากจนโดยมีเงื่อนไขว่า ต้องให้เด็กคนนี้เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จบมหาวิทยาลัย เพราะเงินส่งเสียในมหาลัยจากพ่อแม่บุญธรรมไม่พอ

เคยถูกไล่ออกจากบริษัทที่ก่อตั้งด้วยตัวเอง จากคนที่ตัวเองเป็นคนรับมาเอง
ช่วงนั่นสตีฟ จอบส์ไม่รู้จะทำอะไร คิดว่าชีวิตมันสูญสิ้นทุกอย่าง
แต่สุดท้ายให้เลิกทำสิ่งที่รักไม่ได้ ก็ก่อตั้งบริษัท Next กับ Pixar(ค่ายหนังการ์ตูนอนิเมชั่น เรื่องแรกที่ดังก็คือ Toy sTory)

แล้วก็กลับเข้ามาเป็น CEO ของ APPLE อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่

ประวัติบางส่วนก็ตามที่ พี่ ส.สลึงได้เขียนไว้ครับ

ความร่ำรวย หรือ การได้สร้างสรรในสิ่งที่รักเป็นสิ่งที่สตีฟ จอบส์ ต้องการ

[picklife]

เป็นอีกหนึ่งความคิดที่แปลกดีครับ อิอิ

แต่ถ้าเป็นผม ผมคิคว่าเงินเดือนผู้บริหารนั้นไม่ได้มีผลกับผู้ถือหุ้นมากนักเพาะมุลค่าน้อย ดังนั้นการไม่รับเงินเดือนคนที่ได้ผลประโยชน์คือผู้ถือหุ้น ซึ่งเมื่อเทียบตามมูลค่าผมว่าเป็นแค่เศษเงินเลยนะครับ....สู้รับเงินมาแล้วเอาทั้งหมดไปบริจาคน่าจะดีกว่านะครับ อิอิ

ผมจึงอยากรู้ว่า....เขาให้เหตุผลว่าอย่างไรครับถึงรับเงินเดือนแค่นั้น????
เท่าที่ผมประเมินดูน่าจะมี2สาเหตุคือ
1.อยากสร้างสถิติ/ทำตัวแตกต่าง
2.ทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกดี เพราะถ้าเงินเดือนเขามีน้อยกว่า 0.01% ของมุลค่าในบริษัทเผ้นผมผมก็ไม่รู้จะเอาไปทำไม สู้สร้างภาพขึ้นมา อาจจทำให้มูลค่าหุ้นขึ้นไปอีก5%(5/.01/12=41ปี) ทำให้เทียบเท่ารับเงินเดือนล่วงหน้าถึง41ปีเลยนะครับ อิอิ
3.ไม่อยากได้ ซึ่งหากไม่อยากได้ถ้าเราไม่เอาคนรวยก็ได้ไป สู้เอามาแล้วไปให้คนจนน่าจะดีกว่านะครับ อิอิ
ปล.ผลลองมองในมุมมองที่แตกต่างเฉยๆนะครับ แต่ผมก็เชื่อว่าเขาน่าจะมีเหตุผลที่ดีกว่านี้นะครับ อิอิ

[picklife]

killyz ผมฟังๆแล้วชีวิตเขาสุดยอดจริงๆแฮ๊ะ น่าทำเป็นหนังนะครับ 555+

[ส.สลึง]

...3.ไม่อยากได้ ซึ่งหากไม่อยากได้ถ้าเราไม่เอาคนรวยก็ได้ไป สู้เอามาแล้วไปให้คนจนน่าจะดีกว่านะครับ อิอิ...

ผมคิดอย่างนี้นะครับ เรื่องเงิน 1 ดอลล่าร์
น่าจะเป็นแค่ผลทางกฎหมาย คือทำงานแล้วต้องได้เงินแค่นั้น
ซึ่งโดยความหมาย คุณ Jobs ไม่มีเจตนาจะทำงานเพื่อรับเงินมากกว่า
นั่นคือ "พอ" แล้ว และคุณ Jobs เอง น่าจะมีแรงขับที่สร้างความสุขได้มากกว่าการมีเงิน

ความเห็นของผมคือ คุณ Jobs ค้นพบความสุขที่แท้จริง
ที่ไม่อิงกัยสิ่งอำนวยความสะดวกครับ
แต่เป็นสุขที่อิ่มเอิบมาจากภายใน ของแบบนี้ ไม่เจอกับตัวไม่รู้ครับ

เพราะแม้บางคนคิดว่าไม่ได้ยึดติดอะไร แต่ไม่เคยเจอเรื่องหนักๆ ในชีวิต
พอเหตุการณ์โถมเข้ามาจริงๆ หลายครั้งกลับทำใจไม่ได้

ส่วนเรื่องสุขจากการให้ทาน ตามความเห็นของพี่ picklife ก็จะเป็นอีกประเด็นครับ

[vivitawin]

เพียงแต่คุณ Jobs ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ

แต่ใน wikipedia บอกว่า Religious beliefs  คือ Buddhism ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Steve_Jobs
โดยอ้างอิงจาก http://money.cnn.com/2008/03/02/news/co ... /index.htm
มีข้อความว่า
A Buddhist and vegetarian, the Apple (AAPL, Fortune 500) CEO was skeptical of mainstream medicine.

[vivitawin]

นี่แหละครับ "สันโดษ" คือรู้จักพอ
มีแค่พื้นห้องก็นอนได้ มีเงินแค่ไม่กี่เซนต์ก็อยู่ได้ ฯลฯ

คนรักสันโดษ นี่แปลตรงๆ ว่า เป็น "คนเลี้ยงง่าย" นั่นเองครับ

ส่วนมาก คนจะเข้าใจผิดคำว่า สันโดษ แล้วแปลว่า ชอบอยู่เงียบๆง่ายๆ ไม่ชอบสังคม

[ส.สลึง]

แต่ใน wikipedia บอกว่า Religious beliefs

[winzer]

เพิ่งรู้หลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเค้าคนนี้นะครับ
ขอบคุณพี่ ๆ นะครับ  :lol:

[sunnyvi]

คนที่ป่วยหนักแล้วรอดมาได้

เล่าว่าได้มีเวลาทบทวนชีวิตและเปลี่ยนแนวคิดหลังจากหายดีแล้ว


สตีฟ  ป่วยจากมะเร็ง  ได้รับการรักษาจนโรคสงบ แต่ยังไม่หายสนิท

การป่วยที่รู้ว่าอาจถึงชีวิต อาจมีผลต่อแนวคิดของเขาด้วยครับ
ู

[investor9000]

ไม่อยากเสียภาษีมากกว่า ต้องไปดูว่านายสตีฟ นี่ใช้เครื่องบินส่วนตัวใหม่

บริษัทจ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ไหม

มีพวกโกงประเภท เอาเงินบริษัทไปเลี้ยงเพื่อน ฝูง ญาติพี่น้อง

แล้วเอามาเบิกบริษัท เยอะแยะ