ที่จริงแล้ว ศก.ไทยจะรุ่งหรือร่วงนั้น ขึนอยู่กับ นโยบาย FX ของประเทศยักษ์ใหญ่ต่างหาก
ปี 1985 ญี่ปุ่นยอมให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้น จากระดับ 240 เป็น 120 เยน ต่อ ดอลลาร์ ส่งผลให้ปี 1986 เป็นต้นมา ศก.ไทยรุ่งมาก เพราะ เงินลงทุนไหลเข้าแบบกระหน่ำ เพื่อสร้างไทยเป็นฐานการผลิต
ปี 1994 จีนลดค่าเงินหยวนลง 33% ส่งผลให้การส่งออกมีปัญหาด้านการแข่งขันอย่างมาก และ ทำให้ปี 95-96 ไทยเราขาดดุลเดินสะพัดอย่างหนัก เงินเยนเองก็อ่อนค่าลงด้วยช่วงนั้นราว 25-30%
ขณะที่ระบบ FX ของเราผูกค่ากับเงินดอลลาร์ .... เงินบาทเริ่มไม่ไหว ถ้าเราปรับเปลี่ยนได้ทัน ไทยคงไม่ต้องพบกับ "ต้มยำกุ้ง" ในปี 1997
ปี่ 1999 เริ่มมีการใช้เงิน "ยูโร" ขึ้นมา ประเทศในเขตนี้สนับสนุนให้เงินนี้เป็น hard currency ค่าเงินจึงเริ่มแข็งขึ้นตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมานานถึง 7 ปีเต็มๆ ส่งผลให้กำลังซื้อทั่วโลกดีขึ้นมากเป็นดอลลาร์ และ ทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวขึ้นได้ด้วยการส่งออกอย่างแข็งแกร่งจากนั้นเป็นต้นมา
ปี 2005 จีนได้ปรับค่าเงินหยวนให้ยืดหยุ่นขึ้น ทำให้เงินหยวนแข็งค่าต่อเนื่องมา 3 ปีแข็งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ราว 20% ช่วยพยุงกำลังซือทั่วโลก การส่งออกของไทยจึงยังดีต่อเนื่อง
คาดการณ์ :
ปี 2010 หลังจากใช้เงินยูโรมา 10 ปีเต็มๆ เริ่มมีปัญหาในประเทศริมขอบยูโรโซน PIIGS หรือ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และ สเปน เริ่มมีปัญหาการถูกลดเครดิต และ อดบ.ที่สูงขึ้นในปท. การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างหนักเพราะค่าเงินไม่เหมาะสมกับสภาพศก. และ หนี้สาธารณะพุ่งสูง
คาดว่าจะมีปัญหากับเงิน "ยูโร" อย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้ ..... และ จะส่งผลเสียหายต่อกำลังซื้อทั่วโลกได้
อาณาจักรเงินยูโร อาจถึงกับล่มสลายได้เลย ถ้าจัดการไม่ดีครับ
