ผมขอแสดงความคิดเห็นนะครับว่า ข้อความของคุณ อะไรดีละ เป็นแค่ความคิดเห็น หรือสมมุติฐาน ที่ ยังไม่ใช้ข้อเท็จจริง และยังไม่ได้รับการพิสูจน์ นอกจากความคิดเห็นที่ใช้ในการขยายความ ดังนี้อะไรดีละ เขียน:แทนที่จะไปกดดันราคาหุ้นตัวเองให้ลงไป
กลับไปกดดันราคาหุ้น อสังหาฯ ตัวอื่น ลงไปแทน
เพราะ นักลงทุนสถาบันต้องพยายามคงสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มนี้ไว้
ดังนั้น เมื่อต้องใช้เงินถึง 660 ล้านบาทเพื่อมาซื้อหุ้นขายคืนของ SPALI
ก็เลยขายทิ้งหุ้นอย่าง QH, AP, LPN, SC และ NOBLE พลอยโดนไปด้วย
ตกกันไปตามกันตั้งแต่ 2-4%
ขายเพชร ไปซื้อ พลอย กันหรือเปล่าครับเนี่ย อิๆๆ
ข้อความนี้ก็เป้นความคิดเห็นของคุณอะไรดีละ นะครับอะไรดีละ เขียน: ปริมาณการซื้อขายหุ้นของ LPN, QH, SC เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวเมื่อวานนี้
ปกติแล้ว ราคาหุ้นลง ปริมาณซื้อขายควรจะลดลง
แต่นี่เป็นสัญญาณบอกชัดๆ ว่า...สถาบัน "จำเป็นต้องขาย"
เพื่ออะไร....
"เพื่อนำเงินไปซื้อ หุ้นขายคืนของ SPALI ไงละครับ"
ผมชอบอ่านความคิดเห็นที่คุณอะไรดีละ post เช่นกัน เพราะว่ามักจะเป็นมุมที่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญ...จึงชอบมากครับ..ขอเป็นกำลังใจBeSmile เขียน:
ผมชอบอ่านความคิดเห็นที่คุณอะไรดีละเขียนนะครับ เพราำะทุกคนมีมุมมองที่ต่างกัน
แต่บางครั้ง ผมว่า ความคิดเห็นที่แสดง มันมีนัยยะแฝง ความกระทบกระทั่งกันอยู่นะครับ
สิ่งที่ผม Post เป็นแค่ความคิดเห็น ของผมนะครับ
การขายหุ้นแบบนี้ไม่บันทึกเป็นกำไรสุทธิ ในงบกำไรขาดทุนครับnasesus เขียน:ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริง แสดงว่าพวกกองทุนก็คิดถูก คงไม่ได้ขายเพชรซื้อพลอย เพราะว่ากำไรไตรมาสหน้าอาจเป็นตัวเร่งที่ดีก็เป็นได้ นั่นหมายถึงราคาน่าจะวิ่งขึ้นไปอีก กองทุนคงคิดว่าราคาน่าจะสูงขึ้นไปได้อีก
รู้สึกจะไม่ได้รับรู้เป็นกำไรขาดทุนนะครับ แต่น่าจะไปเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นแทนnasesus เขียน:อาจเป็นได้ว่าที่กองทุนต้องการไปซื้อหุ้นขายคืนของ spali เพราะว่าถ้า spali ขายหมดจะบันทึกเป็นกำไร ทำให้ไตรมาสต่อไปจะมีกำไรส่วนนี้เพิ่มทำให้งบกำไรขาดทุนจะยิ่งดูดีขึ้นไปอีก เลยเป็นที่หมายตาของกองทุน เป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่าครับ
.ขายเพชร ไปซื้อ พลอย กันหรือเปล่าครับเนี่ย อิๆๆ
.เมื่อจำเป็นต้องซื้อหุ้น SPALI 660 ล้านบาท ก็จำเป็นต้องขายหุ้นอื่นออกมาเพื่อนำเงินมาซื้อตัวนี้
โพสต์
:?:
บันทึกไม่สำเร็จ