VI มี STOP Loss ไหม

[Ole]

VI มีหลักในการ Stop Loss อย่างไร ที่ผ่านมาเคยถือหุ้นแบบ VI ราคาตกลงเราฃื้อเพิ่มเพราะมั่ันใจในกิจการ แต่ราคาก็ตกลงไปเรื่อยๆ
บางตัวก็พื้นฐานยังดีอยู่ก็พอทน บางตัวต่อมาพื้นฐานก็เริ่มเปลี่ยน ฃึ่งกว่าที่เราจะได้ข้อมูลและทำการวิเคราะห์แล้วว่าเป็นการเปลี่ยนพื้นฐานแบบค่อนข้างถาวร (ถ้าเปลี่ยนแปลงแบบชั่วคราวก็เป็นโอกาศฃื้อ) ราคาก็ลงไปไกลแล้ว จะขายก็ขาดทุนมาก
ปัญหาที่ผมพบ อยากขอคำแนะนำคือ

1.เรามักได้ข้อมูลช้า กว่าจะประกาศ+วิเคราะห์ ราคาก็ไปไกลแล้ว
ทั้งข่าวดีและร้าย เราควรมีStop loss ไหมขายไปก่อนถ้าไม่แน่ใจ ยอมฃื้อที่แพงกว่าเมื่อทุกอย่างชัดเจน

2.เกณฑ์ในการวิเคราะห์ แม้จะใช้การคำนวณ วิธีใดๆก็ตามสุดท้ายตอน Valuation ไม่มีเกณฑ์แน่นอน ว่าจะฃื้อ-ขายที่ราคาเท่าใด เราว่าถูกแล้วฃื้อมากลับติดดอย เราว่าแพงแล้วขายไปกลับขายหมู ตรงนี้ค่อนข้างเป็น Subjective แต่ละคนไม่เหมือนกัน(แม้จะคำนวณวิธีเดียวกันใช้ Ratio ต้วเดียวกันก็ตาม)

3.เคยอ่านพบว่าVIลงทุนไม่ต้องดูภาวะตลาด ข้อความนี้คิดว่าคงเหมาะกับ
VIชั้นเฃียน มือใหม่ไม่เหมาะแน่ แต่ปัญหาก็คือ มือใหม่มักคิดว่าตัวเองเป็นเฃียน เฃียนตัวจริงมักบอกตนเองและผู้อื่นว่าเขาไม่ใช่เฃียน!!!

[edd]

ผมว่าจริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับว่า เรารู้จักบริษัทนั้นดีแค่ไหน ซึ่งก็เป็นเรื่องยากพอสมควร

เพราะถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ทำให้พื้นฐานเปลี่ยน หรือไม่มีปัจจัยอะไรมากระทบ แต่ราคาลงเอาลงเอา ผมว่านั่นคือโอกาสนะ

แต่สิ่งที่สำคัญก็คงเป็นว่าเรามั่นใจในสิ่งที่เราวิเคราะห์หรือไม่เท่านั้น

สำหรับผมเวลาหุ้นขึ้นเกินราคาเป้าหมายที่ทำไว้ ผมยัง stop profit เลย แฮะๆ ซึ่งบางครั้งมันก็เหมือนขายหมู แต่ผมว่ามุมมองในธุรกิจของแต่ละคนแตกต่างกัน ผมอาจจะผิดในบางธุรกิจ

แต่อย่างน้อยผมก็มีจุดในการตัดสินใจ

[harry]

ก่อนเข้าซื้อ ต้องมั่นใจว่าราคานั้นถูกกว่าที่ควรแล้ว คือ มี margin of safety

ดังนั้น ถ้าราคามันลง เพราะจิตวิทยา ความกลัว ระยะสั้น ไม่ได้มาจากการประกอบธุรกิจ

ก็น่าจะเป็นโอกาสที่เข้าซื้อเพิ่มครับ

และก็เช่นเดียวกับคุณ edd คือ ต้องเข้าใจบริษัทนั้นให้ดีซะก่อน

[นักดูดาว]

ถ้าไม่มั่นใจ ผมขายเพื่อรักษาเงินต้นครับ ผมไม่มีเงินพอที่จะซื้อเฉลี่ยไปได้เรื่อยๆ
ที่ว่าหุ้นไม่มีวันหมดตลาด แต่เงินจะหมดจากกระเป๋า ลองคิดดูครับ ผมว่าจริง

[Mon money]

นั่นแสดงว่าคุณยังไม่รู้จริงในบริษัทนั้น จึงได้ลงทุนไป

อย่างที่นักดูดาวว่านั่นแหละครับ ไม่แน่ใจก็ออกก่อน

บริษัทที่เคยดีแต่พื้นฐานแสดงอาการเปลี่ยนแปลงดูได้ไม่ยากครับ ต้องติดตามการดำเนินการต่างๆของผู้บริหารว่าเริ่มนอกลู่นอกทางหรือไม่ ผิดไปจากกฎเกณฑ์สมัยคุณเริ่มซื้อมันหรือไม่ นั่นสำคัญมาก

[house]

ผมยังไม่เคยโดนแบบ คุณ ole ครับ แต่ก็เสียวๆเหมือนกันว่ามัวแต่มาวิเคราะห์แล้วจะขายทันได้ไง ยิ่งถ้าขายเพชรทิ้งในราคาตม เพราะโดนนายตลาดปั่นหัวนี่คงแค้นน่าดู

ข้อคิดของพี่ๆดี มากครับ จะเก็บไว้ใช้ในปีนี้

[ch_army]

ก้คิดดูนะครับ เราซื้อหุ้นก็หวังว่ามันจะขึ้น หากไม่เป็นดังที่คาดจะถือทำไม(แต่ให้เวลามันนิดนึงนะครับไม่ใช่ stop loss กันรายนาที) ยกเว้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารพอร์ตของคุณนะครับ

[Viewtiful Investor]

ที่เคย cut loss มากับ fancy ssc เพราะว่าก่อนซื้อไม่ได้วิเคราะห์ให้ดีก่อน ช่วงครึ่งปีหลัง level up ขึ้นมา ไม่ซื้อมั่วซั่ว ก็ไม่ต้อง cut cut cut ครับ

ถ้าวิเคราะห์ว่าดีแล้วแต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วย ก็ซื้อเพิ่มเลยครับ ผมกำลังทำกับเรือน้อยอยู่ เป็นตายร้ายดีอย่างไรต้องรอดูก่อนอ่ะ

[chatchai]

ในอดีตเคยขายหมูแทยทุกบริษัทเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น MANRIN OGC LANNA SE-ED TIW แทบทุกบริษัทเลยครับที่ขายแล้วราคาหุ้นยังคงวิ่งต่อ

แต่ผมขายแล้วสบายใจครับ เพราะสามารถนำเงินไปลงทุนบริษัทใหม่ที่มีราคาถูกกว่า

ที่ขายตัดขาดทุนนั้นมีแค่ THIP ครับ เพราะผู้บริหารไม่น่าไว้วางใจ

ส่วนที่ขายแบบกำไรนิดหน่อยแต่ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ตอนแรกก็คือ CM และ GYT ครับ เพราะไม่แน่ใจบริษัทครับ

แทบทุกบริษัทที่ผมลงทุน ผมมักไม่ขาดทุน เนื่องจากผมลงทุนในช่วงที่ไม่มีใครสนใจบริษัทเหล่านั้น ทำให้ผมสามารถที่จะซื้อได้ในราคาที่ต่ำมากๆ โดยที่ผมไม่สนใจเรื่องสภาพคล่องของบริษัทเลยครับ

ถ้าเราเข้าใจบริษัทที่เราลงทุนนั้นดี ติดตามข่างคราวสม่ำเสมอ แน่นอนว่าเราคงไม่ตกข่าว

การที่บริษัทมีผู้บริหารที่ดี เรื่อง Insider Trading ก็คงไม่มี

และถ้าเราสามารถซื้อลงทุนได้ในราคาที่ต่ำกว่าพื้นฐานมากๆ

โอกาสที่จะต้องตัดขาดทุนก็คงน้อยครับ

[Stock Broker]

ต้อง stop ถ้าบริษัทเกิด loss ครับ

แต่ถ้าบริษัทยังมี profit ตามที่คาดการณ์ หากราคาหุ้นลดลงต้องซื้อเพิ่มสถานเดียว

[sirivajj]

ผมคิดว่า VI ก็ไม่น่ายกเว้นนะครับ
ถ้า Stop Loss แล้วคิดว่า มันจะดีกว่า
ด้วยเหตุที่ปัจจัยพื้นฐาน หรืออื่นๆ ที่จะมีผลมากระทบ
ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญแล้ว

เหตการณ์จริงส่วนใหญ่ก็คงมีทำนองที่ว่า
VI ชั้นเซียน คงเลือกและวิเคราะห์ลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคง
และแข็งแกร่งอย่างมากแล้ว ดังนั้น ก็เลยไม่น่าจะมีเหตุการณ์ให้ VI
ต้องมา Stop Loss กันบ่อยๆ

อันนี้ ผมคิดเองว่า เป็นแบบนั้นนะครับ เนื่องจากผมไม่ได้เป็น VI ตัวจริง

[tt]

ผมเคยเป็นเหมือนคุณ เพราะเราไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์
จริงๆว่าราคามันเกิน Value หรือยัง ทั้งๆที่เป็นหุ้นดีเราก็อาจขาดทุนมากมาย
ได้ อยากให้ลองไปดูใน pantip แล้วศึกษา DSM เอามันมาผสมกับแนว VI
ผมว่ามันใช้ได้ทีเดียว อย่างน้อย เราก็ไม่ต้องมาซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ หรือ
นั่งปลอบใจตัวเองว่าหุ้นดียังไงมันก็ต้องกลับมา แต่ไม่รู้เมื่อไร หรือ นั่งปลอบใจกับคำคมของ buffet ที่ว่า ถ้าทำใจไม่ได้กับการขาดทุน 50 % อย่าลงทุนในตลาดหุ้น ลองศึกษาและประยุกต์ดูนะครับ

[miracle]

เราว่าVIต้องดูแนวโน้มบริษัทจาก ณ ที่วันที่เราซื้อ
แล้วต้องกำหนดว่าเราจะขายเมื่อไร ณ ราคาเท่าไร
ถ้าไปไม่ถึง มีอะไรมากระทบในcoreงานหลักหรือเปล่า
คุณ ต้องคิดอยู่เสมอว่า คุณซื้อ 1 หุ้น ก็คือคุณไปบริหารบริษัทนั้นแล้ว
คุณต้องรู้ทุกอย่างว่าบริษัทนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง
และที่สำคัญต้องไว้ใจในผู้บริหาร ถ้าเราไม่ไว้ใจงานนี้ถอยอย่างเดียว

ปล VIเป็นการลงทุนระยะยาว มองอะไรยาวๆๆ
ถ้าจะCut lossแล้วนั้นเป็นลักษณะของDay tradeมากกว่า

[CK]

ง่ายๆ ครับ

ซื้อถูก ขายแพง
ซื้อผิด ขายทิ้ง

[shinnozuke]

VI คงไม่มี stop loss หรอกครับ
แต่ VI ต้องมี margin of safety

[kmphol]

เวลาที่เรา stop loss อาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหุ้นก็ได้นะครับ
ผมเคยมีประสบการณ์ ทั้ง tta psl
ถ้าหุ้นมีปันผลสม่ำเสมอ เราควรรู้จักอดทน และรอคอยครับ

[chaiwutake]

ผมเคยมีประสบการณ์ cut loss เมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนครับ สาเหตุจากปัจจัยภายนอกครับ ( Suprime Crisis  จากกองทุนต่างชาติเทขายทิ้ง ส่วนปัจจัยภายในผมก็ดูข่าวบริษัท และงบการเงินแต่ละ Q ครับ)ทำใจอยู่นาน  :(  บวกกับ คำนวนดูว่า ถ้าเงินปันผลได้ไม่ถึง 8-10% ของเงินลงทุนก็ไม่เสี่ยงครับที่จะถือต่อ ( ตอนนั้นมือใหม่ลองของ ของเข้าเลยครับ ) หลังจาก cut loss ก็เปลี่ยนport มาดูหุ้นที่บริโภคในประเทศครับดูว่าเขาทำกิจการอะไร โอกาสล้มละลายน้อย หนี้สินต่อทุนน้อย คือ ทนอยู่ได้ในภาวะนี้ไปอีก 2-3 ปี รอคอยจนแน่ใจว่า สมมุติถ้าหุ้นนั้นทำกำไรลดลง 50 %จากปีที่แล้ว แต่ยังให้เงินปันผลงามๆต่อเงินลงทุนผมก้ทยอยซื้อครับ

[anubist]

แล้วแต่ครับ buffetบอกว่าห้ามขาดทุนเด็ดขาด สมมติเราซื้อหุ้นแล้วเกิดวิกฤต ราคาลง50% พื้นฐานไม่เปลี่ยน ต่อมา ราคาค่อยๆฟื้นขึ้นเรื่อยๆ ให้เราฟื้นปีละ10% ก็ต้องใช้เวลามากกว่า15ปีในการกลับมาราคาเท่าเดิม ฉนั้นผมคิดว่าต้องดูด้วยว่า ราคาลงไปชั่วคราว รึลงไปถาวร

[McDull]

ถ้าดูวิกฤติซับไพรม์ที่เกิดเมือปีทีแล้ว จนทำให้ราคาหุ้นลดลงมหาศาล แต่ ณ วันนี้ หุ้นพื้นฐานแกร่งหลายบริษัทก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าราคาที่ลดฮวบลงสามารถดีดกลับมาเท่าเดิมในเวลาไม่กี่เดือน แถมยังพุ่งสูงขึ้นไปเป็น 2-3 เท่าด้วยซ้ำ คงต้องดูครับว่าเลือกหุ้นแกร่งจริงหรือเปล่า ถ้าวิเคราะห์พื้นฐานผิดก็คงต้องทำ stop loss
ถ้าไปเลือกหุ้นที่อ่อนแอหน่อย ราคาตก 50% แล้วค่อยๆฟื้นในอัตรา 10% ต่อปีทบต้น ในเวลา 7.2 ปีก็จะกลับมาที่ราคาเดิมครับ

กระแสข่าวลือ หรือ กระแสกองทุนทุบหุ้นในช่วงนี้ก็เช่นกัน ให้เวลากับหุ้นที่ดีแล้วมันก็คงจะพิสูจน์ตัวมันเองอีกครั้ง

[ส.สลึง]

ผมว่า.. พวกเราควรจะชนะ ตั้งแต่ตอนที่ซื้อแล้วครับ
ถ้าคิดว่าซื้อแล้วแพ้ อย่าซื้อ เพราะฉะนั้น
ควรทำการบ้านให้หนักตั้งแต่ตอนแรก

ประเด็น.. ถ้าการลงทุนของพวกเราที่ผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้ว
การลดลงของราคาตลาดที่ทำให้สุดแสนจะอึดอัด + เสียงเพื่อนๆ ร้องโอดโอย...
ผมว่า.. ไม่ใช่เวลาขายนะครับ แต่มันเป็นเวลาซื้อที่ได้ส่วนลดตางหาก...

ปล.
กระโดดลงหลุม กับมุดหลุมหลบภัย (MOF) นี่ สภาพต่างกันมากนะครับ :lol:

[dojocity]

ของแบบนี้มันก็ตอบได้หลายอย่างแหละครับ มันแล้วแต่จังหวะมากกว่า ถ้าคุณstop loss แล้ว ได้ซื้อตัวอื่นที่ดีกว่าคุณก็กำไร ถ้าพลาดก็ยิ่งเจ็บหนัก

[กล้วยไม้ขาว]

ผมว่ามีนะครับ

แต่ตอนซื้อไม่ได้ซื้อด้วยเหตุผลว่าราคาจะขึ้น
ตอน stop lost จึงไม่ได้ stop lost ด้วยเหตุผลว่าราคามันลง

เพราะซื้อด้วยเหตุผลว่ามูลค่าบริษัทจะเำพิ่มขึ้น
stop lost ของ VI จึงควรมาจากเหตุผลว่า มูลค่าบริษัทมันจะลดลง กำลังลดลง หรือลดลงไปแล้ว มากกว่าครับ