สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เพิ่งเข้ามาอ่านได้ไม่นาน แนะนำตัวครับแต่มีข้อสงสัย
1.สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เกิดจากข่าวลือแน่นอน แล้วทำไมเหล่า vi ถึงบอกว่าข่าวลือนี้  ไม่ทำให้มูลค่าหุ้นเปลี่ยน เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในthaiand มันต้องเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง  เรื่องเศรษฐกิจ แล้วเกิดสูญญากาศอีกต่างหาก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต แล้วบางคนก็ไม่ยอม cut loss เป็นวิธีที่ถูกต้องเหรอครับ
2.ลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จิตใจท่านๆเป็นอย่างไร(ตัวผมเองมึนครับแล้วเบลอไปเลย ไม่ใช่ว่าเรื่องหุ้นแต่งงกับ THAILAND)
3.หากวันนี้ลงแบบเมื่อวานอีกท่านจะถือต่อไปมั้ย
ในวันนี้ทราบโดยชัดเจนแล้วว่าไม่จริง 100 % แล้วก็ไม่อยากให้มันเป็นด้วยช่วย
ตอบข้อสงสัยให้ทีครับ อยากเอาเป็นความรู้จริงๆ
หรือไม่สะดวกทางเมล์ก็ได้
[email protected]

i[d;osojvp8iy[
ssss
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

Re: สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อีเมลล์ winขีดล่าง[email protected]
ssss
อะไรดีละ
Verified User
โพสต์: 680
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ฝรั่งขายจริงต่างหาก...แกล้งทำเป็นปล่อยข่าวลือ
เพื่อให้มีแรงรับเข้ามาบ้าง...จะได้ขายได้เรื่อยๆ ไม่ฟลอร์ทุกตัวครับ
:)
เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก... กรอบแนวคิดใหม่ใช้หลักยืมพลัง และ รักษาสมดุลเพื่อช่วยฟื้น ศก.ไทย และ ศก.โลก

หุ้นเงา... หุ้นอยู่ในเงาทำให้คนมองเห็นไม่ชัด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับขึ้น 2 เด้งจาก EPS ที่สูงขึ้น และ การปรับค่า P/E ให้สูงขึ้นในอนาคต
akekarat
Verified User
โพสต์: 1746
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

อะไรดีละ เขียน:ฝรั่งขายจริงต่างหาก...แกล้งทำเป็นปล่อยข่าวลือ
เพื่อให้มีแรงรับเข้ามาบ้าง...จะได้ขายได้เรื่อยๆ ไม่ฟลอร์ทุกตัวครับ
:)
เข้าท่า  :wink:
KB
Verified User
โพสต์: 1558
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

1. เรามองในมุมกว้างอะไรกระทบกับธุรกิจโดยรวม อะไรกระทบกับบริษัทที่เราลงทุนโดยตรง แล้วก็ประเมินผลกระทบนั้นว่ามีผลมากน้อยแค่ไหน การ cut loss จะถูกหรือไม่ถูกแล้วแต่แนวทางการลงทุนของแต่ละคนครับ แต่นักลงทุนแบบ VI จะขายทิ้งก็ต่อเมื่อพื้นฐานกิจการเปลี่ยนไปในทางเลวร้าย หรือเกิดจากการคาดการณ์ที่ผิดพลาดก็ต้องยอมตัดใจขายทิ้ง หรือเมื่อเจอโอกาสลงทุนใหม่ๆ ที่ดีกว่า

2. ลงต่อวันที่ 2 ก็รู้สึกธรรมดา ต่อลงจาก 900 จุดยังมันส์กว่านี้อีก

3. ถือต่อ มีเงินก็ซื้อเพิ่มในหุ้นที่เราเล็งไว้ถ้าราคามันเหมาะจะลงทุนแล้ว
KriangL
Verified User
โพสต์: 1475
ผู้ติดตาม: 0

Re: สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

[quote="winhaha"]เพิ่งเข้ามาอ่านได้ไม่นาน แนะนำตัวครับแต่มีข้อสงสัย
1.สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เกิดจากข่าวลือแน่นอน แล้วทำไมเหล่า vi ถึงบอกว่าข่าวลือนี้
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3653
ผู้ติดตาม: 0

Re: สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

[quote="winhaha"]เพิ่งเข้ามาอ่านได้ไม่นาน แนะนำตัวครับแต่มีข้อสงสัย
1.สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เกิดจากข่าวลือแน่นอน แล้วทำไมเหล่า vi ถึงบอกว่าข่าวลือนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="winhaha"]เพิ่งเข้ามาอ่านได้ไม่นาน แนะนำตัวครับแต่มีข้อสงสัย
1.สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เกิดจากข่าวลือแน่นอน แล้วทำไมเหล่า vi ถึงบอกว่าข่าวลือนี้
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ลองอ่านกะทู้พี่วิบูลย์ดูนะครับ อ่านจบน่าจะเข้าใจมากขึ้นครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=1250
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอขอบคุณมากครับทุกๆคำตอบ
ผมเข้าใจอย่างนี้ไมรู้ว่าถูกหรือปล่าว
1.ต่อให้เป็น vi หากมันเป็นเช่นนั้นจริงก็ยินดีที่จะ cut แล้วค่อยหันกลับมาประเมินอีกครั้ง แต่ในเหตุการณ์นี้ถือว่า รอความชัดเจน เพราะเนื่องจากทุกอย่างมันคลุมเครือไปหมด ก็เลยรอคำตอบที่ชัดจริง
2.จริงแล้วไม่ว่า vi หรือ แค่นักลงทุน ก็มีวิธีการแต่ละคนแตกต่างออกไป บางที vi ก็ต้องกลับไปเป็นนักลงทุน แล้วเล่นไปตามรอบที่มันควรจะเป็น หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ก็ต้องเปลี่ยนตามโดยไม่ยึดติด
3.ในบางครั้งการที่เรายึดติดกับการเป็น vi จนมากจนเกินไปเช่นที่กล่าวมา จาก900 มา380 แล้วไม่ขายไม่ใช่ว่าเก่งแต่มองว่า เราเลือกหุ้นมาเป็นอย่างดีแล้วยังไงแค่ปรับฐานลงมาธุรกิจไม่เปลี่ยนยังไงก็ต้องกลับไปในจุดเดิมได้  แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการเสียโอกาส พอสมควร หากลองมองย้อนกลับไปว่าแล้วถ้าหากเราเป็นแค่นักลงทุนหล่ะ เค้ายอมตัดใจเมื่อเค้าพลาด แล้วไปรับเต็มที่ตอน 380 หล่ะ
4.ไม่ว่าจะเป็น vi หรือแค่นักลงทุน ในการซื้อขายหุ้นไม่ควรที่จะซื้อทีละครั้งมากๆ ควรที่จะค่อยเติม ค่อยผ่อน เมื่อสัญญานมาเริ่มซื้อไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นแรงขายเริ่มเกิดขึ้นควรที่หยุด ผ่อน แต่ vi อาจจะต่างจากนักลงทุนที่เค้าสามารถทำใจแล้วปล่อยไปเรื่อย ๆ เพื่อกินมื้อโตๆ ดีกว่าซื้อๆ ขายๆ ไปเรื่อยๆ เพราะเค้าคิดว่าเค้าได้เ้ประเมินมาเป็นอย่างดีแล้วว่ามูลค่าหุ้นที่เค้าถืออยู๋่เมื่อนำมากรองกับภาวะเศรษฐกิจเป็นเท่าไหร่ เค้าถึงกล้าปล่อย ราวกับว่าไม่สนใจอะไร แต่จริงๆแล้วเมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นเค้าจะนำมาวิเคราะห์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ หากเหตุการณ์นั้นส่งผลต่อธุรกิจ
5.สุดท้ายแล้วไม่ว่า vi หรือแค่นักลงทุนขอเพียงแค่มองมูลค่าหุ้นให้ออก แล้วเลือกซื้อให้ถูกเวลา แค่นี้คำว่าขาดทุนก็แทบจะเกิดน้อยมากเมื่อเทียบกับกำไรที่เกิด


ไม่รู้ผิดถูกอย่างไร ต้องขอประทานโทษทุกท่าน และขอขอคุณมากที่ตอบคำถาม ในตอนแรกคิดว่า เหล่า vi จะยึดติดกับสิ่งที่เป็นจนเกินเหตุ แต่ตอนนี้พอเข้าใจมากขึ้นแล้ว ขอบคุณครับ
ssss
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 248
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ไม่ถูกซะทีเดียวนะครับ
1 ไม่ได้รอคำตอบที่ชัดเจนจริงๆซะทีเดียว เพราะถึงคำตอบชัดเจนในข่าวลือบางเรื่อง ถ้าไม่กระทบกับธุรกิจของบริษัทที่เราถือ ก็ไม่หวั่นไหว เว้นแต่ว่าตังไม่มีแล้ว แล้วดันมีหุ้นที่น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า คิดแล้วคุ้มที่จะ cut ถึงจะ cut ครับ
2 ผมว่า vi นี่แหละนักลงทุน ถ้ามัวแต่ดูแต่รอบ รอตลาดขึ้นลงแล้วซื้อขาย ผมเรียกว่านักเก็งกำไรครับ
3 ถ้าคิดว่าเสียโอกาสก็เสียโอกาสแหละครับ ว่าแต่คุณจะรู้ล่วงหน้ามั้ยว่ามันจะขึ้นสุดลงสุดที่ไหน ถ้าคุณ cut ไปตั้งแต่ 700 แล้วปรากฏว่ามันเด้งขึ้นแรงๆไป 800 กว่า คุณไม่เสียดายหรอครับ
4 ไม่จริงเสมอไปครับ ถ้ามั่นใจทำไมไม่ตีแตกล่ะครับ
5 ไม่ว่าใครถ้าเข้าถูกเวลาก็ทำกำไรได้ทั้งนั้น มันยากตรงที่ว่าจะรู้ได้ไงว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทำอะไร แต่สมมติฐานของ vi คือหุ้นจะกลับเข้าสู่ราคาพื้นฐานที่ควรจะเป็น ดังนั้นถ้ามีจังหวะซื้อของดีและถูกก็น่าซื้อไว้

ผมก็แค่เริ่มต้น อาจตอบผิดๆถูกๆนะครับ

[quote="winhaha"]ขอขอบคุณมากครับทุกๆคำตอบ
ผมเข้าใจอย่างนี้ไมรู้ว่าถูกหรือปล่าว
1.ต่อให้เป็น vi หากมันเป็นเช่นนั้นจริงก็ยินดีที่จะ cut แล้วค่อยหันกลับมาประเมินอีกครั้ง แต่ในเหตุการณ์นี้ถือว่า รอความชัดเจน เพราะเนื่องจากทุกอย่างมันคลุมเครือไปหมด ก็เลยรอคำตอบที่ชัดจริง
2.จริงแล้วไม่ว่า vi หรือ แค่นักลงทุน ก็มีวิธีการแต่ละคนแตกต่างออกไป บางที vi ก็ต้องกลับไปเป็นนักลงทุน แล้วเล่นไปตามรอบที่มันควรจะเป็น หากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ก็ต้องเปลี่ยนตามโดยไม่ยึดติด
3.ในบางครั้งการที่เรายึดติดกับการเป็น vi จนมากจนเกินไปเช่นที่กล่าวมา จาก900 มา380 แล้วไม่ขายไม่ใช่ว่าเก่งแต่มองว่า เราเลือกหุ้นมาเป็นอย่างดีแล้วยังไงแค่ปรับฐานลงมาธุรกิจไม่เปลี่ยนยังไงก็ต้องกลับไปในจุดเดิมได้
มโนปุพพังคมาธัมมา - ในตัวของเรามีใจเป็นใหญ่
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมว่าคุณ winhaha น่าจะเข้าใจ ปรัชญาของ vi คลาดเคลื่อนไปนะครับ...

เท่าที่ผมเข้าใจ Value Investing หลักปรัชญาของมันก็แค่ ซื้อหลักทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

ซึ่งแนวทางนี้พูดถึงแต่การเข้าลงทุน ไม่ได้ระบุถึงแนวทางในการขาย...

อย่างที่บัฟเฟตเคยพูดถึง VI ว่า เหมือนซื้อแบงค์ 100 ในราคา 10 บาท จึงทำให้ VI กำไรทันทีที่ลงทุน และทำให้บัฟเฟตตั้งกฎข้อที่ 1 และข้อที่ 2 ว่าอย่าขาดทุน เพราะ ถ้าคุณประเมินมูลค่ามาแล้ว คุณซื้อราคาที่มี Margin Of Safety ไม่พอ บางทีอาจมีปัจจัยบางอย่างที่คุณมองไม่เห็น หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วทำให้ มูลค่าที่ประเมินได้อาจลดลงจนต่ำกว่าราคาที่คุณซื้อ และเป็นผลให้ขาดทุนในมุมมองของ VI

ด้วยเหตุนี้... ผมจึงเชื่อว่า... VI เป็นกรอบแนวคิดกว้างๆ ที่ใครจะเอาไปประยุกต์ใช้ได้ ไม่ได้ขัดอะไรกับแนวคิดอื่นมากมาย... เช่น สามารถเอา VI ไปใช้เลือกหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า แล้วใช้ Technical ในการหา Timing เป็นต้น

เราจึงเห็นว่า VI มันมีหลายสไตล์เหลือเกินซะจนไม่สามารถระบุได้ว่าภายใต้สถานการณ์ที่คุณพูดถึงจะ React อย่างไร... และไม่ควรเหมารวมว่า VI จะต้องทำอย่างงี้อย่างงั้น
yy
Verified User
โพสต์: 6427
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผมถือว่าเป็นโอกาสในการซื้อครั้งเล็กๆครับ รอมาหลายเดือน พอร์ตผมเลยเพิ่มขึ้นอีกร่วมๆ 25% ... เสียดายอยู่อย่างเดียวเท่านั้น ที่ไม่ได้เฝ้าหน้าจอตอนที่ร่วงหนักๆ มิฉะนั้นแล้วอาจจะได้หุ้นมากกว่านี้  :lol:  :lol:
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
SEHJU
Verified User
โพสต์: 1238
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ขายเพราะข่าวลือ ไม่กลัว... กลัวขายจริงครับ...

ศึกวันแดงเดือดผ่านไป ได้เห็นพลานุภาพแห่ง Margin of Safety ช่วยไว้ได้เยอะมากๆ
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น
จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ
1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก
2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน
3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง.....
4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก
5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์
6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด)
7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25%
8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt  dtac centel
9.ตอนนี้ cut ptt เรียบร้อย ส่วน dtac กะ centel กะถือ
10. เมื่อวาน รับ cpf  qh  เพื่อเก็งกำไรอย่างเดียว


ช่วยวิจารณ์น่อยครับ ก่อนที่ผมจะซื้อหุ้นแต่ละตัวผมต้องเอางบการเงินของบ.นั้นๆ มาอ่านแล้วเปรียบเทียบกับตัวอื่นในแต่ละกลุ่มก่อนค่อยซื้อ แต่ในบางโอกาสอย่างตอนนี้ก็หวังเก็งกำไร หากเก็งผิดก็พร้อมที่จะ cut ทันที
***อยากหาความรู้จากท่านอื่นเพราะนั่เล่นหุ้นอยู่บ้านแล้วหาข่าวจากสื่อต่างเอา  เคยไปห้องค้าแค่ 5 นาที(จริงๆ)ดูกระดานแล้วตาลายเลยกลับบ้าน

ขอบคุณทุกคำตอบครับ
ssss
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 2

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

[quote="winhaha"]อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น
จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ
1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก
2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน
3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง.....
4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก
5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์
6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด)
7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25%
8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

[quote="sai"][quote="winhaha"]อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น
จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ
1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก
2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน
3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง.....
4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก
5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์
6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด)
7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25%
8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

อ้อ... ผมว่าจุดแบ่งระหว่างการเป็น vi และไม่เป็น vi น่าจะอยู่ที่วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นมากกว่านะครับ...

อารมณ์ประมาณว่า... บอกว่าตัวเองเป็น vi แต่ซื้อหุ้น vi ตามคนอื่นท่าเดียว แต่ถามว่ามูลค่าหุ้นอยู่ตรงไหนตอบไม่ได้นี่... ผมไม่นับว่าเป็น vi แน่นอน
KB
Verified User
โพสต์: 1558
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

[quote="winhaha"]อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น
จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ
1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก
2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน
3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง.....
4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก
5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์
6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด)
7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25%
8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt
ภาพประจำตัวสมาชิก
OutOfMyMind
Verified User
โพสต์: 1232
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ผมว่ามันเกียวกับเป้าหมายในชีวิตด้วยนะ ว่าเราอยากลงทุนในตลาดไปตลอด อยากเป็น VI ไปตลอดหรือเปล่า แล้วตลาดล่ะจะอยู่ไปตลอดหรือไม่ หากไตร่ตรองแล้วได้คำตอบว่า เหตุการณ์ที่เกิดต่าง ๆ ที่มันกระทบให้ตลาดตกลงอย่างมากมายในแต่ละครั้ง รวมถึงครั้งนี้นั้น ไม่สามารถทำให้ตลาดปิดตัวลง เศรษฐกิจไทยหรือโลกจบสิ้น ประเทศไทยถึงกาลอาวสาน แล้วทำไมเราต้องกลัวครับ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

ลงทุนแบบ VI ก็เหมือนการมองอนาคตร่วมกัน หรือมองหาเพื่อนแท้ซักคนที่จะคบกันไปนาน ๆ เติบโตไปด้วยกัน หลักการคล้าย ๆ กัน คือมองหาคนที่เข้ากับเราได้ เป็นคนดี ปรัชญา แนวความคิดไปกับเรา คุยแล้วเราเข้าใจในตัวเพื่อนคนนี้ได้ดี เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงจะประสบความสำเร็จ (ถ้าเลือกได้คุณคงอยากคบกับคนที่จะเจริญก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ พร้อมกับคุณมากกว่า คนที่มองไปภายภาคหน้าก็เห็นแต่มีปัญหาหนี้สิน ล้มละลายใช่ไม๊ครับ)

ถ้าคุณเจอเพื่อนคนนั้นแล้ว

เหตุการณ์แค่นี้คงไม่ทำให้คุณเลิกคบเขาใช่ไม๊ครับ

แต่หากคุณยังไม่เจอคนนั้น คนที่คุย ๆ กันตอนนี้ แค่คบกันแบบแกน ๆ ยังไมผูกพัน ยังไม่ลึกซึ้ง หรือมั่นใจในมิตรภาพมากนั้น

เหตุการณ์นี้ คุณอาจตัดสินใจมองหาเพื่อนคนใหม่ๆ ต่อไปก็ได้ครับ
แชทบอทสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.chathoon.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
austin_bd
Verified User
โพสต์: 172
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

มาอ่าน ขอแบ่งปันความรู้และประสบการณ์คับ

:D
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

[quote="KB"][quote="winhaha"]อืมมมม.... แล้วอย่างผมเรียกว่าอะไรดีครับ เล่นมาหลายปีตอนนี้ชักสับสนตัวเองแล้ว ยิ่งอ่านยิ่งงง(งงกับตัวเอง) ช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น vi แต่พออ่านไปเรื่อยๆ กลายเป็นพวกนักเก็งกำไรซะงั้น
จะเล่าให้ฟังครับเอาแค่รอบที่แล้วพอนะ
1. เริ่มถอนตัวออกจากตลาดตอน 8xx เพราะมองว่ามันขึ้นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรจากราคาน้ำมันเป็นหลัก แล้วส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงแล้วมองว่าราคาหุ้น มันสูงจนเกินความเป็นจริงมากกก
2.เริ่มเข้าซื้ออีกครั้งตอน 4xx เพราะว่าราคามันช่างต่ำกว่าเสียเหลือเกิน
3.380 เริ่มเข้าซื้ออีกครั้ง(จำได้ว่ามันลงแค่ระหว่างวันนะ) ตอนนั้นจำได่แม่นๆว่ารับ banpu มาตอน 138 ตอนนี้ซื้อแค่ 50% ของพอรท์เพราะกลัวว่าไม่เหลือเงินเล่นตัวอื่น แต่ถามว่ากลัวตลาดมั้ย ไม่กลัวแล้วครับ เหตุผลความไม่กลัวนั้นง่ายมากๆ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นได้มีการคุยสารพัด ว่า หาก ptt ออกตลาด ดัชนีจะไปแถวที่เท่าไหร่ คำถามตอบก็แถวนี้ไงครับ(ง่ายมะ)แล้วราคามันช่าง.....
4.4xx เริ่มซื้ออีกครั้งคราวนี้เต็มพอรท์เลย เพราะเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนมาก
5.550-620 ขายจนเกลี้ยงพอรท์
6.6xx เริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง(แต่ในตอนนี้ซื้อแค่ 40% เพราะแค่อยากลุ้นจุดสูงสุด)
7.750 เหลือหุ้นในพอรท์แค่ 25%
8.โดนเต็มๆ เพราะดันไปถือ ptt
ssss
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ถามมากไปหรือปล่าวครับต้องขอโทษด้วย แต่ต้องถามต่อ
1.ถ้าเช่นนั้น vi ที่แท้จริงไม่ค่อย(ไม่ค่อยนะ)สนใจในดัชนีและแนวโน้ม  สนใจราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่ากับความเป็นจริงและอัตราการเติบโตมากกว่า
2.vi มองมูลค่าก่อน ค่อยมองภาวะตลาด
3.vi ต้องการลงทุนเหมือนเป็นเจ้าของบริษัทฯนั้นๆ
4.vi ไม่ค่อยสนใจในข่าวลือ แม้ว่าข่าวลือนั้นๆ มีน้ำหนักมากเพียงใด แต่เมื่อยังไม่เฉลยก็เป็นแค่ข่าวลือ จะไม่ยอมลดความเสื่ยงหากมองว่าข่าวนั้นๆ ไม่กระทบกับหุ้นที่ตัวเองลงทุนอยู่
5.ข่าวลือ ล่าสุดไม่กระทบกับหุ้นตรงไหนครับ หากมองตามความจริงแล้วนั่งไล่ไปเรื่อยๆ เริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลง...-------- การเมือง----เศรษฐกิจ-------การลงทุน----------นักลงทุนต่างชาติ-----------สูญญากาศ------------ความเป็นอยู่ของประชาชน------------THAILAND +-+-+-+-00000

ต้องขอโทษด้วยครับที่ถามมากไป แต่ผมสงสัยจริงๆ เพราะ vi ต้องมองถึงมูลค่าหุ้น/อัตราการเติบโต/การลงทุนของธุรกิจของบริษัทนั้นๆ แล้วทำไมในครั้งนี้ถึงบอกว่าในอนาคตไม่กระทบต่อมูลค่าหุ้น ไม่กระทบต่อธุรกิจ ในเมื่อในครั้งนี้มันไม่เหมือนแค่ กันสำรอง30% หรือการปฏิวัติ หรือยุบสภา หรือ มาบตาพุด หรือ 3G หรือ ฯลฯ ซึ่งมันกระทบชิ่งเป็นลูกโซ่ที่รุนแรงมากกว่านั้นมากมายนัก
ผมพอเข้าใจว่า vi เป็นนักลงทุนที่เน้นมูลค่าหุ้น ผมก็น่าจะเป็น vi อาจจะไม่เต็มร้อย แต่น่าจะพอเรียกตัวเองแบบนั้นได้เพราะผมเข้าใจถึงมูลค่าหุ้น แต่ดูแล้ว% ในการเป็นนักเก็งกำไรจะมากกว่า ( อย่างนี้ถูกมั้ยครับ)
ขอบคุณทุกๆคำวิจารณ์นะครับ ผมอยากใช้คำนี้มากกว่าทุกคนเชิญวิจารณ์ได้เต็มที่เลยครับ เพราะผมอยากรู้ความคิดของคนอื่นมากๆ
ssss
TPH
Verified User
โพสต์: 347
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

มาร่วมแชร์ไอเดียและก็หลักการครับ ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่ายังอ่อนพรรษาในด้านการลงทุน เพราะว่าร่วมเดินทางและรับรู้เรื่องราวตลาดแค่ปีกว่า ๆ พอร์ทโดยรวมยังคงทรง ๆ บวกหรือลบไม่เกิน 5 %

หลักการลงทุน VI นั้นเท่าที่ทราบเริ่มมาจาก อ. Ben Graham ที่เน้นเรื่องการลงทุนในหุ้นมันต้องคิดเหมือนกับว่าเราลงทุนทำกิจการจริง ๆ ซึ่งเราต้องพิจารณาถึงส่วนประกอบของแต่ธุรกิจจริง ๆ อย่างของ อ. Graham จะเน้นดูที่งบการเงินของแต่ละบริษัทที่จะแสดงความสามารถผ่านออกมาให้เห็นในรูปตัวเลขต่าง ๆ แล้วก็คำนวณหามูลค่าของกิจการออกมา หลังจากนั้นก็เข้าซื้อหากว่า Mr. Market นำมาเสนอขายต่ำกว่ามูลค่าของกิจการที่เรียกว่ามี Margin Of Safety หรือว่าขายออกมาหาก Mr. Market อารมณ์ดีเสนอราคาเกินกว่ามูลค่าของกิจการ ท่านชอบซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของ net net asset ซึ่งส่วนใหญ่กิจการพวกนี้มักจะเป็นกิจการที่ไม่ค่อยจะเติบโตเลยซื้อขายกันที่ pe ต่ำ ๆ ที่เรียกว่า หุ้นก้นบุหรี่

หลังจากนั้นก็มีนักลงทุนอีกหลายท่านที่นำหลักการของท่านมาประยุกต์ให้เข้ากับแนวทางของตนเอง แต่ที่โดดเด่นมาก ๆ ก็คือ Warren Buffett ที่เน้นลงทุนในกิจการที่มี DCA

1. ผมว่า VI จะไม่สนใจตลาดเท่าไหร่ ตราบใดที่ราคาที่จ่ายไปต่ำกว่ามูลค่าของกิจการที่ได้รับ

2. ผมว่า VI อย่างน้อยต้องสามารถหามูลค่าที่ควรจะเป็นของกิจการก่อน ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรก็รอให้ Mr. Market มาเสนอ

3. หากว่าข่าวสารทีมีอยู่มีผลกระทบต่อกิจการที่ถืออยู่เพียงชั่วคราว แล้ว Mr.Market ทำอะไรแปลก ๆ ออกมาขายหุ้นแบบลดกระหน่ำก็ถือว่าเป็นโอกาสได้หุ้นดีในราคาที่มี MOS มากกว่าเดิม

สำหรับผมหลักการลงทุนแบบ VI ค่อนข้างที่จะเข้าใจได้ง่ายแต่นำไปปฏิบัติค่อนข้างยาก เพราะว่าเราต้องเข้าใจในหุ้นที่ลงทุนจริง ๆ ที่สามารถประมาณมูลค่าของกิจการออกมา ซึ่งมีโอกาสผิดมากกว่าถูกขึ้นอยู่กับ Circle Of Completent ของแต่ละคน และอดทนรอที่จะซื้อก็ต่อเมื่อมี MOS เท่านั้นซึ่งแต่ละท่านก็กำหนด MOS ไม่เท่ากัน หุ้นตัวเดียวกันแต่ละคนมองไม่เหมือนกันเลยทำให้เกิดการซื้อขายกันได้ครับ
KB
Verified User
โพสต์: 1558
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

[quote="winhaha"]ถามมากไปหรือปล่าวครับต้องขอโทษด้วย แต่ต้องถามต่อ
1.ถ้าเช่นนั้น vi ที่แท้จริงไม่ค่อย(ไม่ค่อยนะ)สนใจในดัชนีและแนวโน้ม
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ตอบข้อ 5 ไม่ว่าข่าวอะไรก็ตามถ้าเป็นเรื่องจริงที่กระทบกับกิจการเราควรพิจารณาโดยด่วน แต่ถ้าไม่จริงหรือเป็นแค่ข่าวลือ เราจะไม่ตื่นตูมไปกับตลาด เราไม่ใช่คนวงใน การตามข่าวและโอนเอนไปกับตลาดทำให้เราเสียโอกาสในการลงทุนได้ และการไม่มีวินัยทำให้จิตใจเราไม่มั่นคง[/quote]



แต่ขอเน้นว่า VI ไม่มีครึ่งๆ หรือเดี๋ยวเป็นเดี๋๋ยวไม่เป็น นั้นไม่ใช่ VI เลย
ssss
winhaha
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 27

โพสต์

[quote="KB"][quote="winhaha"]ถามมากไปหรือปล่าวครับต้องขอโทษด้วย แต่ต้องถามต่อ
1.ถ้าเช่นนั้น vi ที่แท้จริงไม่ค่อย(ไม่ค่อยนะ)สนใจในดัชนีและแนวโน้ม
ssss
ภาพประจำตัวสมาชิก
austin_bd
Verified User
โพสต์: 172
ผู้ติดตาม: 0

สงสัยเหล่า vi ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยครับ

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ปู่เคยพูดว่า ถึงตลาดจะปิดการซื้อขายไป 5 ปี เค้าก็ไม่สน....


ถึงตลาดจะผันผวนอย่างไร ซักวันมันจะสะท้อนมูลค่าของธุรกิจออกมาอย่างแน่นอน...
โพสต์โพสต์