หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 181

โพสต์

[quote="อะไรดีละ"][quote="miracle"]ข้อมูลของ AYUD นั้นไม่เห็นมีการเพิ่มเติมของรายหรืออะไรในช่วงนี้
BAY เองก็ํตามก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในการขายกรมธรรม์ผ่านธนาคาร จนเรียกได้ว่า เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้

ผมไม่ใช่ไม่มีหุ้น AYUD ล่ะ
ผมมีอยู่ตั้งแต่ปี 2549 หรือ 2550
เป็นช่วงที่ AYUD ที่มีปัญหาอะไรบ้างอย่างราคา ร่วงไปแตะระดับ 13 บาทกว่า ก่อนที่กลับไปที่เดิม เป็นหุ้นที่ผมคิดว่า ผมลงทุนไม่ผิด เพราะผมได้กำไรทั้งส่วนต่างและปันผล และเหลือหุ้นที่คงค้างไว้ใน port นิดหน่อยเพื่อกินปันผล

ผมไม่ใช่ว่าอคติล่ะ สำหรับ AYUD แต่ ผมมองไม่ออกว่า BAY ถือ AYUD และ AACP แล้วบริษัทประกันภัยสองตัวนี้ได้ประโยชน์จาก BAY

ถ้าเป็นพวก กรุงเทพ ธนชาต ไทยพาณิชย์ กรุงไทย (อันนี้เพื่อนโทรมาบอก) และ กสิกรไทย ก็ตาม ที่เห็นชัดเจน

ขนาดผมเดินไปฝากเงินหรือถอนเงิน พนักงานของธนาคารไ่ม่เห็นชวนซื้อผลิตภัณฑ์อะไรเลย มันแปลกไหมล่ะ
Impossible is Nothing
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 182

โพสต์

[quote="อะไรดีละ"][quote="miracle"]ข้อมูลของ AYUD นั้นไม่เห็นมีการเพิ่มเติมของรายหรืออะไรในช่วงนี้
BAY เองก็ํตามก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในการขายกรมธรรม์ผ่านธนาคาร จนเรียกได้ว่า เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้

ผมไม่ใช่ไม่มีหุ้น AYUD ล่ะ
ผมมีอยู่ตั้งแต่ปี 2549 หรือ 2550
เป็นช่วงที่ AYUD ที่มีปัญหาอะไรบ้างอย่างราคา ร่วงไปแตะระดับ 13 บาทกว่า ก่อนที่กลับไปที่เดิม เป็นหุ้นที่ผมคิดว่า ผมลงทุนไม่ผิด เพราะผมได้กำไรทั้งส่วนต่างและปันผล และเหลือหุ้นที่คงค้างไว้ใน port นิดหน่อยเพื่อกินปันผล

ผมไม่ใช่ว่าอคติล่ะ สำหรับ AYUD แต่ ผมมองไม่ออกว่า BAY ถือ AYUD และ AACP แล้วบริษัทประกันภัยสองตัวนี้ได้ประโยชน์จาก BAY

ถ้าเป็นพวก กรุงเทพ ธนชาต ไทยพาณิชย์ กรุงไทย (อันนี้เพื่อนโทรมาบอก) และ กสิกรไทย ก็ตาม ที่เห็นชัดเจน

ขนาดผมเดินไปฝากเงินหรือถอนเงิน พนักงานของธนาคารไ่ม่เห็นชวนซื้อผลิตภัณฑ์อะไรเลย มันแปลกไหมล่ะ
:)
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 183

โพสต์

http://thanonline.com/index.php?option= ... Itemid=524

นายกฯ โบรกเกอร์ประกัน ชงคปภ.ปรับเกณฑ์ใหม่เป็นธรรม-แข่งขันได้

“เรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์” นายก ส.นายหน้าประกันภัยไทย สมัย 2 ใส่เกียร์เดินหน้าเล็งชง คปภ. ปรับประกาศใหม่ แข่งขันเป็นธรรมกับแบงก์แอสชัวรันส์ ทั้งถือ 2 ใบอนุญาตต้องแยกบริษัทและสัดส่วนถือหุ้นไทยต้องเกิน 75%  คาดบริษัทเก๋ากึกเจ็บหนักแบกต้นทุนอ่วม อีกทั้งลุยดึงตัวแทนและนายหน้าประกันภัยเป็นสมาชิกเพิ่มไม่ต่ำกว่า 70 ราย สร้างอำนาจต่อรองของธุรกิจ-กำหนดมาตรฐานทางการค้า

นายเรืองวิทย์ นันทาภิวัฒน์ นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย เปิดเผยถึง นโยบายและแนวทางการดำเนินงานในช่วง 2 ปีจากนี้ไป หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 ว่า เป้าหมายของสมาคมฯ เร่งด่วนนั้นจะเป็นการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการขอแก้ไขปรับปรุงประกาศ คปภ. เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมานี้เพิ่มเติม เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมาตรฐานมากยิ่งขึ้น    

โดยเฉพาะกรณีนายหน้านิติบุคคลที่ถือใบอนุญาตทั้งธุรกิจประกันชีวิตและ ประกันภัย ต้องแยกออกมาเป็น 2 บริษัทภายในปี 2554 จากเดิมบริษัทเดียวสามารถถือได้ 2 ใบอนุญาต ส่วนนี้อาจมีผลกระทบกับบริษัทเก่าขนาดใหญ่ ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นทั้งในเรื่องของสถานที่และบุคลากร ปัจจุบันบริษัทกลุ่มนี้ที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ มีประมาณ 10 บริษัท จากทั้งหมด 53 บริษัท ขณะที่บริษัทใหม่ ส่วนใหญ่ปรับตามระเบียบใหม่แล้วจึงไม่มีผลกระทบ          

ทั้งนี้ นายเรืองวิทย์ มองว่า ธุรกิจนายหน้าประกันภัย เป็นเพียงตัวกลาง ไม่มีความขัดแย้งใดๆในธุรกิจที่จำเป็นต้องแยกเป็น 2 ส่วนเหมือนธุรกิจประกันภัย (ประกันชีวิตและประวินาศภัย) อีกทั้งตามระเบียบเดิมนั้น คปภ.จะเข้ามาตรวจสอบทั้งเรื่องทะเบียนและงบการเงินได้ง่ายกว่า

ขณะเดียวกันยังมองเปรียบเทียบกับในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจขายประกันทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย  ผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ในลักษณะนายหน้าได้ โดยที่ไม่ต้องแยกออกมาเป็นบริษัทนิติบุคคล ถือว่า ธุรกิจนายหน้าถูกผลกระทบและเสียเปรียบอย่างมากในแง่การแข่งขันทางธุรกิจที่ รุนแรงขึ้น จากธุรกิจอื่นที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นนายหน้าประกัน โดยเฉพาะแบงก์แอสชัวรันส์

“การเปิดช่องทางขายผ่านแบงก์แอสชัวรันส์ถูกต้องแล้ว แต่ควรมีการควบคุมไม่ให้ผิดจรรยาบรรณ และควรมีการสื่อสารกับผู้บริโภคชัดเจนว่าแต่ละธุรกิจหน้าที่คืออะไร ขายประกันอะไรได้บ้างอย่างถูกต้องหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบธนาคารพาณิชย์เหมือนอย่างที่ตรวจสอบ ธุรกิจนายหน้าประกันเลย จึงเห็นประเด็นร้องเรียนที่ว่า ลูกค้าหรือพนักงานของแบงก์เองถูกบีบให้ซื้อหรือขายประกัน”

รวมถึงยังมีกรณี การกำหนดให้ต้องมีผู้ถือหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 75%  นั้น คาดว่าจะกระทบบริษัทต่างชาติ ที่ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ 100% หรือ 49%  จะต้องถูกลดเหลือ 25% แต่อย่างไรก็ตามภายในสัปดาห์หน้าทางสมาคมฯ จะเร่งสอบถามไปยังบริษัทสมาชิกทั้งหมดว่า ได้รับความเดือดร้อนในประเด็นบ้างและภายใน 3 วันจะรู้ถึงประเด็นผลกระทบที่ชัดเจน เพื่อเป็นตัวกลางเข้าไปเจรจากับ คปภ. ในการแก้ไขประกาศ

นอกจากนี้เป้าหมายของสมาคมฯ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิตไทยในการวางกฎและ ระเบียบการปฏิบัติงาน และการจัดทำเอกสารสัญญามาตรฐานต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศของ คปภ. และการให้การทำงานระหว่างองค์มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น , การจัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถในการประกันภัยของบุคคลากรของสมาชิกให้ได้อย่างต่อเนื่อง , การเพิ่มสมาชิกของสมาคมให้ไม่น้อยกว่า 70 บริษัท

ปัจจุบันมีประมาณ 53 บริษัท จากทั้งระบบมีประมาณ 800 บริษัท เป็นนายน้าประกันวินาศภัย 300 บริษัท และนายหน้าประกันชีวิต 200 บริษัท ซึ่งมีอัตราการถือใบอนุญาต 2 แบบยังน้อย ขณะที่จำนวนนายหน้าบุคคลธรรมดา ที่มีใบอนุญาตทั้งระบบมีประมาณ 40,000-50,000 คน เป็นสัดส่วนนายหน้าประกันวินาศภัย 60% และอีก 40% เป็นนายหน้าประกันชีวิต  และยังต้องมีการจัดทำข้อมูลสถิติของธุรกิจนายหน้าประกันภัยในประเทศไทยให้ สำเร็จ พร้อมกันนี้ ล่าสุดได้การแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ คือ ผู้อำนวยการสมาคมฯ โดยมีนางสาวทัศนี ดวงรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายสายงานการตลาดตัวแทน บริษัท ไพบูลย์ประกันภัย จำกัด เข้ารับตำแหน่ง เพื่อช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายของสมาคมฯ ให้สำเร็จ

นายกสมาคมฯ กล่าวอีกว่า ช่วง  2 ปีที่ผ่านมา เป็นการแยกน้ำดี มุ่งยกมาตรฐานการประกอบธุรกิจและเน้นหลักจรรยาบรรณ เพื่อสอดรับกับกฎเกณฑ์กำกับใหม่ คปภ. หลังจากนี้พร้อมแล้วที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ด้วยการให้สิทธิประโยชน์กับสมาชิกฯ  เช่น การรวมตัวกันจะทำให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้น, ได้รับรู้ข่าวสารข้อมูล และได้รับส่วนลดพิเศษต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้นแล้ว  เช่นการอบรมต่อใบอนุญาตที่สมาคมฯ รวมกับสถาบันประกันภัยไทย

เนื่องจากปีที่ผ่านมาถึงต้นปีนี้ พบปัญหามาก ในกลุ่มนายหน้าบุคคลธรรมดา ไม่สามารถต่อใบอนุญาตได้ทันที เพราะตกความเคลื่อนไหว ไม่ทราบถึงการปรับเกณฑ์ใหม่ของคปภ. ทำให้ขณะนี้มีจำนวนนับพันๆรายจากทั้งระบบ 40,000 กว่ารายเป็นเจ้าไม่มีศาล

ขณะเดียวกันหลังจากธุรกิจประกันวินาศภัย เริ่มใช้ระบบ Cash before Cover แล้วนั้น ในส่วนของนายหน้านิติบุคคลยังทำได้ลำบากอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ได้เข้าไปชี้แจ้งให้ คปภ. รับทราบจากปัญหาที่ลูกค้าส่วนใหญ่จ่ายไม่ทันตามกำหนด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการจัดทำเอกสารสัญญามาตรฐานระหว่างบริษัทประกัน วินาศภัย บริษัทนายหน้าประกัน อาจจะใช้เป็นสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ ซึ่งจะต้องกำหนดรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น ระยะเวลาที่สิ้นสุดและค่าตอบแทนจะเป็นอย่างไร

เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำในลักษณะนี้ มีเพียงสัญญาแต่งตั้งนายหน้า ซึ่งธุรกิจประกันมีไว้แต่งตั้งบริษัทนายหน้า ยกเว้นการเก็บเบี้ยประกันเท่านั้น ซึ่งบริษัทนายหน้าไม่สามารถนำส่วนนี้มาใช้กับลูกค้าได้
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 184

โพสต์

เก็บตกข่าวครับ  :lol:

http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/art ... ?cid=31848
ขี่พายุ------ปลุกผีหุ้นประกันฯ

ปลุกผีหุ้นประกันฯ

นานปีทีหนจะมีหุ้นประกันภัย-ประกันชีวิตเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ซักที

หุ้นในกลุ่มนี้มีทั้งสิ้น16หลักทรัพย์   มูลค่าหลักทรัพย์รวมตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคป ก็ไม่ใช่น้อยๆนะครับ ตั้ง93,990ล้านบาท ร่วม1แสนล้านบาท

แต่สภาพคล่องซื้อขายไม่มีเอาเสียเลย!

หุ้นประกันฯ16ตัวนี้ไม่ใช่หุ้นไม่ดีนะครับ   มีหุ้นที่จ่ายปันผลได้ถึง9ตัว  "ยีลด์"หรืออัตราผลตอบแทนก็มีตั้งแต่1-7%

หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดก็คือทิพยประกันภัย   7.86%   รองๆลงมาก็ได้แก่ไทยรับประกันภัยต่อ7.06%       จรัญประกันภัย6.84%      ศรีอยุธยาประกันภัย6.71%      บางกอกสหประกันภัย5.69% นวกิจประกันภัย5.56% และกรุงเทพประกันภัย5.0%

มาดูการซื้อขายหุ้นแต่ละตัวในแต่ละวัน ยิ่งน่าใจหาย แต่ละตัวซื้อขายกันไม่ถึง1ล้านบาท ที่กินใข่เป็นศูนย์ ไม่มีการซื้อขายกันเลยก็มีหุ้นถึง6ตัวเป็นขาประจำ

หุ้นประกันฯถึงเป็นหุ้นที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์ของตลาดหลักทรัพย์

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็คงจะมองเห็นปัญหานี้มานานปีดีดักแล้วล่ะครับ แต่ผมก็ไม่รู้และไม่เข้าใจว่า   ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ใช้ความพยายามในการแก้ไข"ความไร้ค่า"ของหุ้นประกันฯมากน้อยเพียงใด

มันจะเป็นปัญหาที่ปริมาณหุ้นกระจายในตลาดหรือ"ฟรี  โฟลต"ต่ำเกณฑ์15%หรือเปล่า ก็ไปแก้ไขกันตรงนั้นให้เข้าเกณฑ์ซะ

หรือถ้าดูแล้วฟรี  โฟลตก็ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ ก็อาจจะต้องคิดหาทางโน้มน้าวจูงใจให้มีการแตกพาร์ให้ปริมาณหุ้นมันเพิ่มขึ้นมา

ข่าวสารของบริษัทประกันฯที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ มักไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน แต่ในขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์ฯก็ดูจะไม่ให้ความสนใจเผยแพร่ข่าวสารบริษัทประกันฯเหมือนกัน

ดูเอาเถอะ  วัน"อ๊อป  เดย์"ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจัดผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนมาพบผู้ลงทุนน่ะ เคยมีการเชิญผู้บริหารบริษัทประกันสักรายมาบ้างไหม

อย่างไรก็ตาม   การเข้ามาเป็นหุ้นประกันชีวิตน้องใหม่เป็นรายที่17ในตลาดหลักทรัพย์ของกรุงเทพประกันชีวิต มาเติมเต็มให้หุ้นกลุ่มประกันฯมีมูลค่าตลาดกว่า1แสนล้านบาท ก็น่าจะถือเป็นนิมิตรหมายใหม่ทีดีของหุ้นกลุ่มประกันฯ
วันแรก    ราคาจองหุ้นBLA13.50บาท    ก็สามารถปิดเหนือจองได้ในระดับ15.30บาทหรือ13.33% ทำสถิติซื้อขายถล่มทลายถึง1,779ล้านบาท ติดสถิติซื้อขายสูงสุดอันดับ3ของวันนั้น

วันที่2ของการเทรดในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. สภาวะตลาดรวมไม่ดีแต่ราคายังทรงตัวได้ ปริมาณซื้อขายก็ยังคงคึกติดอันดับกลุ่มนำตลาดที่515ล้านบาท  วันที่3แผ่วลง ราคาปรับลง3.2%ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ระดับ367ล้านบาท

วันที่4ที่5ในการซื้อขายต่อๆไป หุ้นBLAจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้

อาจจะหายเข้ากลีบเมฆเหมือนหุ้นกลุ่มประกันฯเดิมๆ      หรือจะเป็นดาวรุ่งปลุกผีหุ้นประกันฯขึ้นมา

ผมขอภาวนาให้เป็นอย่างหลังเถอะ        ตลาดหุ้นจะได้ไม่มีสินค้าที่ไร้ค่าในหุ้นกลุ่มประกันฯอีกต่อไป

###########








วันที่ 30 ก.ย. 2552
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 185

โพสต์

กรุงเทพฯปิดหีบตามเป้า8.2พันล.

http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413340432

กำไรเพิ่ม5-10%อานิสงส์หุ้นดัน

กรุงเทพฯฟันธง! ปีนี้โตตามเป้า 6.2% เบี้ย 8.2 พันล้านบาท อานิสงส์ธุรกิจ โรงงานฟื้นตามเศรษฐกิจ ลั่นพีเอ-สุขภาพโตสูงปรี๊ด 70% ไม่หวั่นรถยนต์แผ่วพุ่งไม่เกิน 2% หลังตัดป้ายแดงทิ้งไปเยอะ ใช้ รถยนต์จิ๊กซอว์ขายประกันอื่น ปลื้มหุ้นพุ่งดันกำไรลงทุนโตตาม สิ้นปีกำไรเพิ่ม 5-10% ฟันเหนาะๆ กำไร 60 ล้านขาย หุ้นสินเอเซีย

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าสิ้นปี 2552 นี้บริษัท น่าจะมีอัตราเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย เพิ่มขึ้น 6.2% คิดเป็นเบี้ยรับรวมประมาณ 8,261 ล้านบาทเทียบกับปี 2551 ที่มีเบี้ยรับรวม 7,779 เนื่องจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เมษายนถึงกันยายนเบี้ยประกันภัยมีอัตรา เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องประมาณ 7-16% ต่อ เดือน โดย ณ สิ้นเดือนกันยายนเติบโตประมาณ 5% เป็นผลมาจากเศรษฐกิจเริ่ม ฟื้นตัวส่งผลดีต่อธุรกิจต่างๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น โรงงานโรงงานหลายแห่งเริ่มจ้างงาน มากขึ้นกว่าเดิมทำให้มีการทำประกันภัยมากขึ้นแม้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เบี้ย จะไม่เพิ่มขึ้นก็ตาม

สำหรับประกันภัยที่มีอัตราขยายตัวสูงสุดคือประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) และประกันสุขภาพที่ขายผ่านโทรศัพท์ (เทเลมาร์เก็ตติ้ง) และผ่านธนาคารกรุงเทพ (แบงก์แอสชัวรันส์) เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 70% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีเบี้ยรับรวมประมาณ 350 ล้านบาท

ตลาดรายย่อยจะโตมากส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำแบรนดิ้งเพื่อให้คนรู้จักเราผ่านสินค้าต่างๆ อย่างประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยราคาประหยัดเบี้ย 600 บาทที่เราขายอยู่ไม่มีกำไรเพราะค่าใช้จ่ายสูง แค่ต้นทุนในการออกกรมธรรม์ 250-300 บาทต่อฉบับแล้ว แต่เราหวังครอส เซลล์ไปยังสินค้าอื่นให้ลูกค้าซื้อประกันรถยนต์ ประกันพีเอเพิ่ม เป็นช่องทางโฆษณา แบรนด์ให้ประชาชนเขารู้ว่าเรามีสินค้าอื่นๆ เยอะ

ส่วนประกันภัยรถยนต์ คาดว่าปีนี้คงจะเติบโตประมาณ 1-2% เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมาเบี้ยปรับลดลงมากเนื่องจากควบคุมคุณภาพลูกค้าตัดงานที่ขาดทุนออกไปโดยเฉพาะรถป้ายแดงปรับราคาเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นไปตามนโยบายเน้นงานมีกำไรทำให้ลูกค้าหายไปมากจากปีที่ผ่านมาบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรถยนต์มากเป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรมปีนี้หล่นมาอยู่อันดับ 4 ถูกบริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัดที่ขยายงานมากกว่าแซงไป

นายชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีเบี้ย ประกันภัยรถยนต์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของเบี้ยทั้งหมดจะขยับสัดส่วนเพิ่มขึ้นหรือไม่อยู่ที่โอกาสถ้ารับแล้วมีกำไร แต่ถ้าขาดทุนไม่รับ
ประกันรถยนต์ทำกำไรยาก ในส่วน ของเราพออยู่ได้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมามีกำไรประมาณ 4-5% ส่วนหนึ่งการทำรถ ยนต์เพราะหวังขายประกันภัยประเภทอื่น ให้กับลูกค้าด้วย การทำตลาดรถยนต์เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ยืดหยุ่นตามพฤติกรรมการใช้รถของลูกค้า

นายชัย กล่าวว่า ครึ่งปีหลังเบี้ยประกันภัยจะขยายตัวดีกว่าครึ่งปีแรกโดยจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 12-15% เท่ากับอัตราการเติบโตเต็มปีของปีก่อนๆ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้นแต่ยังไม่รู้จะดีขึ้นนานแค่ไหน ซึ่งการที่เศรษฐกิจส่งสัญญาณดีทำให้การส่งออกและนำเข้ากระเตื้อง โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ขายของได้มากขึ้นเริ่มสั่งซื้อวัตถุดิบรวมไปถึงเครื่องจักรต่างๆ รองรับ การผลิตที่เพิ่มขึ้นส่งผลดีมาถึงการประกัน ภัยเพราะการขนส่งสินค้า การสต็อกสินค้า จำเป็นต้องทำประกันภัย

ต่อข้อถามถึงผลกำไรในปีนี้ นายชัยกล่าวว่า กำไรรรวมน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 1,089 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนมีผลงานดีกว่าปีที่ผ่านมามากโดย 9 เดือนกำไร จากการลงทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากดัชนีตลาด หลักทรัพย์ฯปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 740 จุดเทียบกับช่วงปลายปีก่อนปรับตัวลดลงมาก เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศคาดว่าปีนี้มีโอกาสพุ่งขึ้นถึง 780 จุดได้แต่ขึ้นอยู่กับปัญหาการเมืองทำให้หุ้นสะดุด

ถ้าเศรษฐกิจขยับหุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 780 จุดเราจะขายหุ้นออกมาอีก ตั้งแต่ต้นปีนี้ขายหุ้นไปแล้ว 150 ล้านบาท เป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน ปกติในแต่ละปีเราจะซื้อขายหุ้นวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาทจากพอร์ตลงทุนในหุ้นที่มีอยู่ประมาณ 3,200 ล้านบาทแต่ปีนี้จะเพิ่มวงเงินซื้อขายหุ้น เป็น 300-350 ล้านบาท

นายชัย กล่าวว่า หุ้นที่รอขายอยู่ใน ขณะนี้คือธนาคารสินเอเซียที่ถืออยู่คิดเป็น วงเงินประมาณ 51 ล้านบาทให้กับธนาคาร อินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า หรือ ICBC ที่เข้ามาซื้อธนาคารสินเอเซียทั้งหมดต่อจากธนาคารกรุง เทพรวมถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ โดยคาดว่าน่าจะขายได้กำไรประมาณ 60 ล้านบาท โดยการซื้อขายน่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ประมาณเดือนมกราคมปีหน้า
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 186

โพสต์

BAY ยิ้มแบงก์แอสชัวรันส์ฉลุย

http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413340433

BAY ยิ้มแบงก์แอสชัวรันส์ฉลุย

ลั่นปีหน้าขอโกยเบี้ย5,500ล้าน

แบงก์กรุงศรีฯ ประกาศปีหน้าโกยเบี้ยแบงก์แอสชัวรันส์ 5,500 ล้าน พร้อมลุยต่อสินค้าประกันสำเร็จรูปตระกูล Prompt หลังดันยอดขายโตเกินคาด 8 เดือนขาย ประกันพีเอ-รถได้ร่วม 150,000 กล่อง ล่าสุดเปิดตัวแผนประกันมะเร็ง KRUNG SRI Cancer Prompt ช่วยอีกแบบ ปีหน้าเล็งออกประกันชีวิตสำเร็จรูปในคอนเซปต์เดียวกัน ส่วนโค้งสุดท้ายปีนี้อัดแคมเปญภาษี ดึงสินค้าประกันร่วมแพ็กเกจภาษีกับ LTF-RMF หวัง 3 เดือน โกย เบี้ยได้อีก 600 ล้าน เสริมเบี้ยครบ 4,000 ล้าน โต 50% ตามเป้า

นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายประกันภัยธนพัทธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ผลงานผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ในปีนี้ของธนาคารน่าจะเป็นไปตามเป้าเบี้ย 4,000 ล้านบาท เติบโต 50% หลังจากในช่วง 8 เดือนแรกของปี (มกราคม-สิงหาคม 2552) สามารถที่จะทำเบี้ยได้แล้ว 3,500 ล้านบาท โดยเบี้ยส่วนใหญ่ 70-75% ยังมาจากการขายสินค้าประกันชีวิต ที่เหลือ 25-30% เป็นเบี้ยจากการขายสินค้าประกันวินาศภัย โดย 95% มาจากการขายผ่านสาขาของธนาคารที่มีอยู่ 582 สาขา และที่เหลือ 5% มาจากการขายผ่านโทรศัพท์ หรือเทเลมาร์เก็ตติ้ง (Tele Marketing)

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการขายสินค้าซีรี่ส์กล่อง หรือในตระกูล Prompt ซึ่งมีคอนเซปต์เป็นแบบประกันสำเร็จรูปที่ง่ายต่อการขาย และไม่ตรวจสุขภาพ โดยเป็น การคิดรูปแบบขึ้นมาร่วมกับบมจ.ศรีอยุธยาประกันภัย ทั้งแผนประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือประกันพีเอ KRUNG SRI PA Prompt ที่เปิดตัวตอนต้นปี 2552, แผนประกันรถยนต์ KRUNGSRI Auto Prompt 3+ หรือประกันภัยชั้น 3+ เพิ่งเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ช่วยให้ยอดขายร่วมกับศรีอยุธยาประกันภัยเพิ่มขึ้นเป็น 25-30% จากเดิมอยู่ที่ 20% ของเป้าหมายแบงก์แอสชัวรันส์

นายกฤษณ์ กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวแผนประกันมะเร็ง KRUNGSRI Cancer Prompt ซึ่งจะให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งที่ตรวจพบเป็นครั้งแรก ทุกระยะ รวม ถึงมะเร็งไฝดำ หรือเมลลาโนม่า ยกเว้นมะเร็งผิวหนัง โดยให้ความคุ้มครองสูงถึง 200,000 บาท แต่จ่ายเบี้ยประกันเพียงราย ปีเพียง 1,999 บาท ราคาเดียวเท่ากันหมด ซึ่งผู้เอาประกันต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 20-50 ปี และไม่เคยเป็น มะเร็งมาก่อนซื้อประกันภัยโดยตั้งเป้าเบี้ยจากกรมธรรม์นี้จนถึงสิ้นปีไว้ 20 ล้านบาท

ส่วนยอดขายของแผนประกันสำเร็จ รูปในตระกูล Prompt นี้ ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ขายได้แล้ว 150,000 กล่อง โดยคาดว่าในปีนี้ทั้งปีจะขายได้ถึง 200,000 กล่องหรือกรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ย 150 ล้าน บาท โดยที่ 70% ของทั้งหมด หรือประมาณ 140,000 กล่อง เป็นแผนประกันพีเอ KRUNGSRI PA Prompt, ประกันรถยนต์ KRUNG SRI Auto Prompt 3+ ประมาณ 5,000 กล่อง และคาดว่าประกันมะเร็ง KRUNGSRI Cancer Prompt ตัวใหม่นี้ คาดว่าจะขายได้ 10,000 กล่อง

ด้านยอดขายประกันชีวิต ราว 35% ของทั้งหมดเป็นยอดขายสินค้าประเภทชำระเบี้ยครั้งเดียว หรือซิงเกิล พรีเมี่ยม (Single Premium) อีก 35% เป็นยอดขายกรมธรรม์ประเภทสะสมทรัพย์ระยะสั้น (Short Term) คือ แบบ 12/6, 12/7 ของเอเอซีพีหรือบมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิตและแบบประกัน 11/7 ของ เอไอเอ หรือบริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด ส่วนที่เหลือ 30% จะเป็นยอดขายจากกรมธรรม์ประเภทสะสมทรัพย์ระยะยาว (Long Term) คือ แบบ 21/7 ของเอไอเอ และแบบ 21/15 ของเอเอซีพี

รูปแบบสินค้าประกันสำเร็จรูปตระกูล Prompt ที่เราคิดขึ้นมานี้ ถือว่าประสบความสำเร็จสร้างรายได้ให้กับเราเยอะมาก และเริ่มเห็นคู่แข่งทำตามเรา ซึ่งปีหน้าเราก็ยังเน้นการขายสินค้าในตระกูลนี้ แต่จะมีการปรับปรุงในเรื่องของอัตราเบี้ยและความคุ้มครอง รวมทั้งพัฒนาสินค้า ตัวใหม่ๆ ออกมาขาย เพื่อให้เบี้ยเป็นไปตามเป้าได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีโจทย์ที่ต้องคิดร่วมกับบริษัทประกันชีวิตในการออกสินค้าที่ตรงกับคอนเซปต์ของตระกูล Prompt คือ ซื้อง่าย คุ้มครองสูง ราคาแข่งตลาดได้ และเพิ่มจุดขาย คือ ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เพราะเน้นการขายผ่านสาขา ให้เหมือนกับสินค้าประกันวินาศภัย รวมทั้งมีแผนจะออกสินค้าใหม่ ให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายโดยผ่าน ATM ซึ่งน่าจะเป็นแบบประกันการเดินทาง หรือประกันทีเอ (Traveler Accident) ยังอยู่ระหว่างการพิจารณากันอยู่

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 นี้ จะนำสินค้าประกันไปขายพ่วงกับ LTF และ RMF ในรูปของแพ็กเกจลดหย่อน ภาษี โดยคาดว่าจะได้เบี้ยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ประมาณ 500-600 ล้านบาท จากปีที่แล้วในช่วงนั้นสามารถทำเบี้ยได้ถึง 300 ล้านบาท

จากความสำเร็จของช่องทางแบงก์ แอสชัวรันส์ในปีนี้ที่น่าจะเป็นไปตามเป้า คือ เบี้ย 4,000 ล้านบาท คาดว่าในปีหน้ายอดขายน่าจะขยับขึ้นไปได้ถึง 5,500 ล้านบาท
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 187

โพสต์

เศรษฐกิจซบส่งผลคนไทยเข้าถึงประกันช้า

  http://www.siamturakij.com/home/news/di ... =413340428

ปี 51 ยังรั้งอันดับ 10 เอเชีย-เบี้ยต่อจีดีพีแค่ 3.3%/จีนโตเร็ว

ข้อมูลจากสวิสรี (Swiss Re) ระบุว่าในปี 2551 ที่ผ่านมา ตลาดประกันภัยในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตโดดเด่นสวนกระแสตลาดโลก โดยมีเบี้ยรับตรงทั้งสิ้น 933,358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 6.60% (เป็นตัวเลขที่ปรับตามเงินเฟ้อแล้ว) ทำให้ส่วนแบ่งหรือมาร์เก็ตแชร์ ในตลาดโลกขยับเพิ่มขึ้นเป็น 21.86% จาก 20.70% ในปี 2550 เทียบกับสหรัฐฯที่ติดลบ 3.9% และยุโรปติดลบถึง 6.20% เนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียยังคงขยายตัวได้ดีอยู่ และอัตราการทำประกันภัยในภูมิภาคยังต่ำ

ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัยยังขยายตัวในระดับที่น่าพอใจ โดยประกันชีวิตมีเบี้ยรับตรง 960,951 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 8.2% ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 27.74% จาก 26.05% ในปี 2550 ขณะที่ประกันวินาศภัยมีเบี้ยรับตรง 242,407 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13.62% จาก 13.02% ในปี 2550

อย่างไรก็ดี หากเทียบสัดส่วนเบี้ยประกันภัยกับจีดีพีในภูมิภาคนี้ (Penetration by Premiums in % of GDP) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.1% พบว่า สัดส่วนอยู่ที่ 6.0% โดยในส่วนของประกันชีวิต (Life) สัดส่วนเบี้ยประกันต่อจีดีพีอยู่ที่ 4.4% และประกันวินาศภัย (Non-Life) สัดส่วนอยู่ที่ 1.5%

สำหรับประเทศไทย ในปี 2551 มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 64.3 ล้านคน มีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 304,430 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 9,138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้น 0.94% เมื่อเทียบกับปี 2550 ที่มีเบี้ย 285,973 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8,633 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในอันดับ 10 ของทั้งเอเชีย เมื่อเทียบสัดส่วนเบี้ยประกันต่อจีดีพีคิดเป็น 3.3% อยู่ในอันดับ 10 ของเอเชียเช่นกัน แม้จะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบ กับในปี 2550 ที่สัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อต่อจีดีพีอยู่ที่ 3.4% ก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในสัดส่วน เกือบครึ่งหนึ่งของทั่วโลกที่สัดส่วนอยู่ที่ 7.1% และเกินครึ่งเมื่อเทียบกับสัดส่วนของทั่วเอเชีย 25 ประเทศ ที่สัดส่วนเบี้ยประกันต่อจีดีพีในภูมิภาคนี้อยู่ที่ 6.0%

ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต ประเทศไทยมีสัดส่วนของเบี้ยประกันต่อจีดีพียังอยู่ที่ 1.8% เทียบเท่ากับปี 2550 และยังอยู่ในอันดับ10 ของทั้งภูมิภาคเอเชียเช่นเดียวกับปี 2550 อีกทั้งยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสัดส่วนของเบี้ยประกันชีวิตต่อจีดีพีทั้งภูมิภาคนี้ที่ 4.4%

ขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัย สัดส่วนเบี้ยประกันต่อจีดีพีอยู่ที่ระดับ 1.5% เท่ากับปี 2550 เช่นกัน และเท่ากับค่าเฉลี่ยของทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยอยู่ในอันดับ 10 ของเอเชียด้วย

ทั้งนี้ หากมองโดยภาพรวม จะเห็นว่าสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อจีดีพีของประเทศไทยในระดับ 3.3% นี้ ยังสูงกว่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งสัดส่วนอยู่ที่ 1.4%, 1.4% และ 1.3% ตามลำดับ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าสัดส่วนเบี้ยประกันต่ออจีดีพีของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากปี 2550 ที่ยังอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าไทย โดยอยู่ที่ 2.9% แต่มาถึงปี 2551 เพิ่มขึ้นเป็น 3.3% เท่ากับของไทยแล้ว สะท้อนให้เห็นการเข้าถึงระบบ ประกันภัยของคนจีนเริ่มมากขึ้น และยังเห็นได้ชัดจากการขยายตัวของตลาดประกันภัยในจีนที่เติบโตถึง 31.35% ในปี 2551 และมีเบี้ยประกันสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 2 ของเอเชียอีกด้วย
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 188

โพสต์

ค่อย ๆ คืบหน้าตามลำดับครับ

ต่างชาติฮุบวินาศภัย-ทุนญี่ปุ่นมาแรงรายกลาง-เล็กดิ้นหนีตายจ้าละหวั่น/คปภ.แจงแค่โมเดลเริ่มต้น

เกณฑ์ใหม่คปภ. ออกอาการ บริษัทวินาศภัย-นายหน้าประกันภัย ปรับตัวหนีตายจ้าละหวั่น ก่อนมีผลบังคับใช้จริงปี 54 เผยปีหน้าธุรกิจกลาง-เล็กปรับตัวไม่ทัน คาดหายกว่าครึ่ง สุดท้ายไม่พ้นต่างชาติฮุบเรียบ ชี้ทุนญี่ปุ่นประเดิมเปิดฉาก วงการโอดตั้งสำรองหนี้ URR สูงถึง 60-80% เท่ากับบังคับควบรวม ขณะที่ คปภ. แจงเป็นแค่โมเดลเริ่มต้นปรับยืดหยุ่น 12 ต.ค. นี้หารือข้อสรุปเพื่อเป็นมืออาชีพ          

ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า
จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกหลักเกณฑ์ใหม่ ในการกำกับดูแลภาคธุรกิจในระบบการประกันภัย  โดยเงื่อนไขใหม่ที่ คปภ.จะบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้บริษัทประกันต้องเตรียมเงินสำรองหนี้ที่ไม่เกิดรายได้ (URR) เพิ่มมากขึ้น กำลังเป็นข้อกังวลของภาคธุรกิจกลุ่มนี้ เพราะถ้าตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 60-80% จากหลักเกณฑ์เดิม 50% เงินกองทุน ถือว่าเป็นการบังคับให้ควบรวมธุรกิจแน่นอน โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล็กที่ไม่มีต่างชาติถือหุ้น หรือบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท เบี้ยต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี  อาจจะอยู่ไม่ได้ ในที่สุดต้องเสียใบอนุญาตประกอบกิจการ และจะส่งผลถึงระบบประกันวินาศภัยจะเหลือจำนวนแค่ 35 บริษัทใหญ่ จากปัจจุบันมีมากถึง 74 บริษัท"คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ว่าบริษัทประกันจะต้องเพิ่มเงินสำรองดังกล่าวขึ้นอีกในอัตราส่วนเท่าไหร่"
ดร.สมนึก กล่าวย้ำว่า การออกกฎเกณฑ์ควบคุมในปัจจุบัน นับว่าเป็นกฎที่ออกมาเพื่อช่วยนักลงทุนจากต่างชาติรวมถึงบริษัทประกันขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนเป็นจำนวนมากเท่านั้น ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อบริษัทขนาดกลางหรือเล็กอย่างแท้จริง
นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตว่า เกณฑ์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อการเพิ่มทุนและยังช่วยสนับสนุนบริษัทขนาดใหญ่ในทางอ้อมเป็นหลัก แต่บริษัทขนาดกลางหรือเล็กไม่มีการคัดค้านต่อระเบียบบางประการนั้น เนื่องจากบริษัทในกลุ่มกลัวจะถูกลงโทษจากหน่วยงานที่มีอำนาจเช่นกัน
นายปิติพงศ์ พิศาลบุตร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด(มหาชน) หรือ NKI กล่าวว่า หลังจากปีนี้บริษัท นิปปอนโคอะ ประกันภัย  เข้ามาถือหุ้นในบริษัทจำนวน 10% ของทุนจดทะเบียน มูลค่า 150 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจเพื่อรองรับเกณฑ์ใหม่แล้ว อีกทั้งในปีหน้ายังมองถึงการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจซึ่งผู้ถือหุ้นญี่ปุ่นรายนี้ เตรียมควบรวมกิจการกับ สมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) ในรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกันแต่แยกกันทำตลาดอย่างชัดเจน เพื่อให้บริษัทยังสามารถแข่งขันในตลาดได้ เพราะตอนนี้ทุกบริษัทต้องปรับปรุงให้เข้าเกณฑ์ใหม่แล้ว เห็นแนวโน้มในอนาคตธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ปรับตัวไม่ทัน คาดว่า จำนวนจะหายไปกว่าครึ่งของตลาดปัจจุบัน ขณะเดียวกันปีหน้า บริษัทประกันภัยญี่ปุ่นจะเข้ามามีอำนาจการต่อรองในตลาดสูงมาก ผ่าน 3 กลุ่มรายใหญ่ ที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในประเทศไทย คือ 1. กลุ่ม MSIG  ที่เตรียมควบรวม ไอโออิ ประกันภัย จะชัดเจนเดือนเมษายน  ปีหน้า  2. กลุ่มโตเกียวมารีน ถือหุ้นใหญ่ในประกันภัยศรีเมือง เตรียมรีแบรนด์ครั้งใหญ่ปีหน้า และ 3. กลุ่มนิปปอนโคอะ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) และในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า คปภ. ให้บริษัทเตรียมตัวรับการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง( RBC : Risk Based Capital ) จะนำมาใช้ปีหน้า ซึ่งขณะนี้มีบริษัทสมาชิก 30 บริษัทเข้าทดสอบโมเดลRBC จะรู้ผล 25 กันยายน2552 นี้ ขณะที่ภาพรวมธุรกิจประกันภัยปี 2552 อัตราการเติบโตของธุรกิจประกันภัยจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3% หรือทั้งปีจะเติบโตได้ถึง 5% คิดเป็นมูลค่าเบี้ยประกันภัย 1.2 ล้านล้านบาท    
ด้านแหล่งข่าวจาก สำนักงาน คปภ. ยืนยันว่า แนวทางปรับปรุงการกำกับฐานการเงินธุรกิจประกันทั้งระบบ  เพื่อยกระดับฐานะความมั่นคงของบริษัทเทียบเท่ากับมาตรฐานสากล ซึ่งนางจันทรา   บูรณฤกษ์ เลขาธิการ คปภ. มีนโยบายที่จะนำแนวทางนี้มาปรับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป  โดยในวันที่ 12 ตุลาคม นี้ จะมีการประชุมใหญ่เพื่อประเมินผลและกำหนดแนวทางปฏิบัติ ดังนั้นแม้ประกาศมีผลบังคับใช้ อาจมีการระยะเวลาผ่อนผัน เพื่อให้บริษัทมีเวลาในการปรับตัวให้ปฏิบัติตามของกำหนดของคปภ. ได้ราบรื่นที่สุด
ส่วนทางด้านบริษัทนายหน้าประกันภัยก็มีผลกระทบด้วยเช่นกัน  โดยนายผดุงสิน แต่รุ่งเรือง กรรมการบริหาร บริษัท อีซี่อินชัวร์ โบรกเกอร์ จำกัด มองว่า กฎระเบียบใหม่ คปภ. ยังตึงไปในแง่ของกรอบเวลา ที่เป็นการบังคับหรือกระชั้นชิดมากเกินไป หากบริษัทที่เป็นมือสมัครเล่น ไม่ว่าจะขนาดใหญ่หรือเล็ก หากปรับปรุงตัวให้เป็นมืออาชีพไม่ทัน อาจล้มหายไปบ้างอีก ทั้งระยะหลัง คปภ. ออกกฎเกณฑ์ที่มีโทษทั้งจำและปรับ อาจทำให้บริษัทที่ไม่เคยสัมผัสกับคปภ.โดยตรง อึดอัดและกลัวว่า คปภ. ออกเกณฑ์มาลงดาบอย่างเดียว


จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,462  17  ก.ย.- 19 ก.ย. 2552
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 189

โพสต์

นี่ก็เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปีถัด ๆ ไป คงมีประกันภัยและประกันชีวิต ทะยอยเข้าตลาดมากขึ้นตามเกณฑ์ใหม่ครับ น้องใหม่ ๆ เตรียมเข้าตลาดเพื่อสร้างสีสรรค์มากขึ้น คงต้องมีจุดเด่นมาแสดงกับนักลงทุนบ้างแล้ว และรุ่นพี่เก่า ๆ จะนิ่งดูดายได้อย่างไร คงต้องปรับแต่งกลยุทธ์ให้ดี เพื่อเตรียมตัวรับน้องใหม่กันอย่างไรบ้างนะครับ ปีถัด ๆ ไปกลุ่มนี้ทั้งประกันภัยและประกันชีวิต จะได้มีโอกาสคึกคักเหมือนกลุ่มอื่น ๆ บ้าง  เพราะมีคู่แข่งขันใหม่ ๆ ให้เปรียบเทียบ สร้างบรรยากาศการลงทุน คงได้เห็นข่าวหลายบริษัทเตรียมแต่งตัวเข้าตลาดมากขึ้นครับ   :lol:

ไทยสมุทรฯวางเป้าปีครึ่งเข้าตลาดทุน
"กีรติ อัสสกุล" วางยุทธศาสตร์เชิงรุก "ไทยสมุทรประกันชีวิต" ขอเวลาแต่งตัวปีครึ่ง เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เอื้อรับเกณฑ์ใหม่ RBC ขยายธุรกิจตัวคล่องเทียบชั้นแบงก์  หลังเป็นปลื้มผลงาน ดึง "ไดอิชิ"  เข้าร่วมทุน เดินเกมได้ตามเป้า เร่งปรับภายใน ก้าวสู่  "สถาบันประกัน" ครองใจมวลชนทุกระดับ
นายกีรติ อัสสกุล ประธานกรรมการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายใหม่  ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวอย่างน้อยปีครึ่ง อย่างไรก็ตามทิศทางดังกล่าว เป็นเรื่องที่ได้คุยกับทาง บริษัท ไดอิจิ มิวชวลไลฟ์ อินชัวรันซ์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 24% ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว  
"ผู้ถือหุ้นญี่ปุ่นค่อนข้างพอใจ ทั้งกำหนดเวลาและสัดส่วนการถือหุ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้  แต่เท่าที่ทำงานร่วมกันมา  เห็นได้ชัดเจนว่า ไออิจิ พันธมิตรรายนี้คงไม่ขายหุ้นแน่นอน โดยมีความตั้งใจลงทุนระยะยาว"
นายกีรติ ยังกล่าวถึงข้อได้เปรียบในการเข้าระดมทุนในตลาดฯ ว่ายังเอื้อต่อการเพิ่มทุนขยายธุรกิจในอนาคตได้อย่างคล่องตัว มีความมั่นคง เพราะทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า บริษัทยังถือว่า เป็นธุรกิจครอบครัวถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 76%  แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องการขยายการเติบโต เพิ่ม 3 เท่าตัว ทำให้เงินกองทุนก็ต้องเพิ่ม 3 เท่าตัว จึงมองว่าแนวทางเข้าตลาดฯ น่าจะมีผลประโยชน์ที่ดีที่สุด ทั้งธุรกิจ ผู้ถือหุ้นและลูกค้า  
นอกจากนี้ปัจจัยจากแนวทางการกำกับใหม่ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  ใช้ควบคุมมาตรฐานเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC)  โดยจะมีผลบังคับใช้ในปี 2554  ถือว่ามีผลกระทบโดยตรง ทำให้ทุกวันนี้ ธุรกิจประกันชีวิต มีความจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับเกณฑ์ใหม่
"จากเงินทุนที่มีสภาพคล่องจากการระดมทุนของผู้ถือหุ้นเข้าหนุนหลังไว้รอบรับ ทำให้บริษัทผันตัวไปลงทุนทำธุรกิจที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากยิ่งขึ้น ต่อไปก็ไม่ต่างจากสถาบันการเงิน จากทุกวันนี้ สถาบันการเงินไม่สามารถเป็นธุรกิจที่มีผู้ถือหุ้นส่วนตัวได้เลย เพราะว่าธนาคารมีความจำเป็นต้องมีเงินกองทุน ตามหลัก การดำรงเงินกองทุนตามหลัก บาเซิล ทู"
ขณะที่แนวโน้มภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตหลังจากปีนี้ นายกีรติ มองว่า ทุกบริษัทจะพัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้หลายๆ บริษัทมีขนาดใหญ่และคุณภาพใกล้เคียงกัน ขึ้นมาคานสัดส่วนทางการตลาดกัน โดยจะไม่มีเจ้าใหญ่อย่าง เอไอเอ ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดรายเดียวอีกเหมือนทุกวันนี้ต่อไปอีกแล้ว
ดังนั้น สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ 3 ปีหลังจากนี้ บริษัทเดินหน้าปรับเปลี่ยนและลดช่องว่างการบริหารภายในบ้านให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถยืนบนฐานของตัวเองได้ หลังจากปรับโครงสร้างการบริหารที่ชัดเจนและปรับภาพลักษณ์ใหม่ และขณะนี้เตรียมวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจ  เสริมจุดแข็งด้านการบริการฐานลูกค้าของบริษัทที่เหนือกว่าในตลาด  โดยตั้งเป้า "ก้าวเป็น สถาบันเพื่ออยู่คู่ธุรกิจประกันชีวิตไทย ที่ได้รับความไว้วางใจเป็นที่น่าเชื่อถือ ทั้ง สร้างความไว้วางใจเป็นที่น่าเชื่อถือครองใจประชาชนคนไทยทุกคน มองว่าตลาดนี้ในอนาคตยังเปิดกว้างพอสมควร  จากปัจจุบันบริษัทกลาย "เป็นขวัญใจคนรากหญ้า"  โดยเป็นผู้นำในตลาดนี้มีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านราย  ทุนประกันรวมอยู่ที่ 198,653 ล้านบาท และเงินสำรอง 51,923 ล้านบาท มีสาขาบริการกว่า 251 แห่งทั่วประเทศ  
สำหรับผลประกอบการในช่วง 7 เดือน (ม.ค. - ก.ค.) ปีนี้บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม 5,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นเบี้ยรับปีแรก 1,262 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 84 % โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีอัตราการเติบโตของเบี้ยปีแรกผ่านช่องทางตัวแทนสูงสุด เมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรม สำหรับในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ได้ตั้งเป้าหมายในการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 15 %

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2,468  08  ต.ค.- 10 ต.ค. 2552
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 190

โพสต์

ถ้าเป็นประกันชีวิต
ตอนนี้เหลืออีก สามตัวที่น่าสนใจ
คือ ไทยประกันชีวิต
เมืองไทยประกันชีวิต
อยุธยา อลิลันซ์ ซีพี (AACP)
นอกนั้นไม่เข้าตาเลยซักตัว
:)
:)
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 191

โพสต์

miracle เขียน:ถ้าเป็นประกันชีวิต
ตอนนี้เหลืออีก สามตัวที่น่าสนใจ
คือ ไทยประกันชีวิต
เมืองไทยประกันชีวิต
อยุธยา อลิลันซ์ ซีพี (AACP)
นอกนั้นไม่เข้าตาเลยซักตัว
:)
ผมเลือกตัวเดียวจากสามตัวนี้เลยละกันครับ MTL  :wink:
Impossible is Nothing
chaitorn
Verified User
โพสต์: 2545
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 192

โพสต์

ถ้าเป็นประกันชีวิต ผมเลือกตัวเดียวในขณะนี้คือ AIA ครับ น่าจีบเข้าตลาดหลักทรัพย์มากที่สุด รับรองคึกคักแน่นอนครับ ยังไง AIG ตัวแม่มีปัญหาทางการเงิน น่าจะจีบให้ AIA ซึ่งทำตลาดประกันชีวิตเมืองไทยเข้าตลาดเมืองไทยได้บ้าง

ถ้าเป็นประกันภัย ผมรอลุ้นให้วิริยะประกันภัย เจ้าตลาดรายใหญ่เข้าตลาดด้วยครับ คัวนี้น่าจะต้องการเงินลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต จะได้ขยายตลาดได้ถนัด ๆ หน่อย

แค่เขาเจ้าตลาด 2 บริษัทที่เป็นอันดับ 1 ของ Market Share ของประกันชีวิต และประกันภัยใดได้ คงทำให้รายอื่น ๆ อยากเข้าตลาดให้เร็วขึ้นได้ คราวนี้market Cap ของกลุ่มนี้ คงปรับขึ้นอีกมากเลยครับ

:lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 193

โพสต์

chaitorn เขียน:ถ้าเป็นประกันชีวิต ผมเลือกตัวเดียวในขณะนี้คือ AIA ครับ น่าจีบเข้าตลาดหลักทรัพย์มากที่สุด รับรองคึกคักแน่นอนครับ ยังไง AIG ตัวแม่มีปัญหาทางการเงิน น่าจะจีบให้ AIA ซึ่งทำตลาดประกันชีวิตเมืองไทยเข้าตลาดเมืองไทยได้บ้าง

ถ้าเป็นประกันภัย ผมรอลุ้นให้วิริยะประกันภัย เจ้าตลาดรายใหญ่เข้าตลาดด้วยครับ คัวนี้น่าจะต้องการเงินลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคต จะได้ขยายตลาดได้ถนัด ๆ หน่อย

แค่เขาเจ้าตลาด 2 บริษัทที่เป็นอันดับ 1 ของ Market Share ของประกันชีวิต และประกันภัยใดได้ คงทำให้รายอื่น ๆ อยากเข้าตลาดให้เร็วขึ้นได้ คราวนี้market Cap ของกลุ่มนี้ คงปรับขึ้นอีกมากเลยครับ

:lol:
AIA มันไป ฮ่องกงจดแล้ว
เริ่มซื้อขายต้นปีหน้าแล้ว

ก็เหลือ สามตัวที่บอกอ่ะ
เมืองไทยประกันชีวิต
ไทยประกันชีวิต
AACP

รวมกับ BLA ,SYNYL และ AIA ก็มากกว่า 80-90% ของตลาดแล้ว

AIA ไม่จดเมืองไทย นี้ทำให้ SET มันเล็กไป
หรือ ผู้บริหาร SET ไม่มีความสามารถที่ดึงเอาบริษัทนี้มาจดในเมืองไทยได้
มันน่าคิดล่ะ
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 194

โพสต์

เกณฑ์คปภ.เข้มตัวแทนลดฮวบ32%  
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สมัครสอบตัวแทนหดตัว เกณฑ์คปภ.เข้ม ยอด 9 เดือนแรกลดฮวบกว่า 30%

นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า จำนวนผู้สนใจที่สมัครสอบเป็นตัวแทนประกันชีวิตลดลงในช่วงที่ผ่านมา ก็เนื่องมาจากไม่มีเวลาที่จะเข้าทำการอบรมตามเกณฑ์ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด
ทั้งนี้ ตัวแทนที่หายไปส่วนใหญ่มีอาชีพหลักอยู่แล้ว แต่มาขายประกันชีวิตเป็นรายได้เสริม ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจะทำให้เหลือแต่มืออาชีพที่จะอยู่ในวงการตัวแทนประกันชีวิตต่อไป ที่พร้อมจะทำการฝึกอบรมและยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นมืออาชีพที่สามารถเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้าได้ สำหรับสมาคมตัวแทนประกันชีวิต ปัจจุบันมีสมาชิก 1.1 หมื่นคน คิดเป็นประมาณ 10% ของตัวแทนทั่วประเทศที่มีประมาณ 3 แสนคน

นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีผู้สมัครสอบขอเป็นตัวแทนประกันชีวิตรวม 1.08 แสนคน ลดลง 5.11 หมื่นคน หรือลดลง 32.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผู้สมัครสอบ 1.59 แสนคน แต่จำนวนนี้มีผู้เข้าสอบเพียง 8.55 หมื่นคน และสอบผ่าน 5.46 หมื่นคน หรือ 63.81% ของผู้เข้าสอบ

ทั้งนี้ เฉพาะเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สมัครสอบขอเป็นตัวแทนประกันชีวิตทั่วประเทศ 1.4 หมื่นคน ลดลงจากเดือนก.ย. 2551 ซึ่งมีผู้สมัครสอบ 1.71 หมื่นคน ลดลง 3,162 คน หรือ 18.4% ในจำนวนนี้มีผู้เข้าสอบ 1.11 หมื่นคน และสอบผ่าน 7,201 คน หรือ 64.4% ของผู้เข้าสอบ

สำหรับจังหวัดที่มีผู้สมัครสอบสูงสุด 5 อันดับแรกของประเทศ คือ กรุงเทพมหานคร 6,966 คน ขอนแก่น 714 คน เชียงใหม่ 609 คน ชลบุรี 550 คน และนครราชสีมา 421 คน

http://www.posttoday.com/finance.php?id=71636
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 195

โพสต์

ซิตีคาร์อ่วมประกันเล็งขึ้นเบี้ย  
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คปภ. จับมือสมาคมประกันภัยปรับปรุงค่าเบี้ยประกันภาคสมัครใจอีกรอบ

นายกฤษณ์ หิญชีระนันทน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทวิริยะประกันภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย ได้ตั้งคณะทำงานปรับปรุงพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจครั้งใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน โดยรถที่มีค่าสินไหมทดแทนเกิน 100% เช่น รถบรรทุก รถขนาดเล็กกลุ่มซิตีคาร์ มีแนวโน้มจะต้องปรับราคาเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นอีก
นายกฤษณ์ กล่าวว่า การปรับราคาขึ้นมาก็เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะกลุ่มรถดังกล่าวมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง เพราะเป็นรถคันแรกและเจ้าของรถส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ขณะที่รถบรรทุกนั้นเกิดความเสียหายแต่ละครั้งจะมีมูลค่าค่อนข้างสูง

สำหรับรถประเภทอื่นๆ ที่ผู้ขับขี่มีความระมัดระวัง มีแนวโน้มว่าราคาเบี้ยประกันภัยจะลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ที่มีพฤติกรรมขับขี่รถอย่างระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันคณะทำงานอยู่ระหว่างการรวบรวมสถิติย้อนหลัง เพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบและจะต้องมีการหารือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐกับเอกชน คาดว่าจะสรุปผลออกมาได้อย่างชัดเจนประมาณกลางปี 2553

เรามีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความเป็นธรรมมากที่สุด รถที่มีการเรียกร้องค่าสินไหมสูง ก็ควรจะจ่ายเบี้ยสูงกว่าคนที่ขับรถดี ทุกวันนี้รถกลุ่มคอมแพกต์คาร์เกิดเหตุสูงเบี้ยไม่พอ แต่อาศัยลูกค้าเยอะ จึงเอาเบี้ยของรถที่สินไหมต่ำมาอุดหนุน นายกฤษณ์ กล่าว

นายกฤษณ์ กล่าวว่า ส่วนการบริหารค่าสินไหมทดแทนประกันภัยภาคบังคับหรือพ.ร.บ. ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือของทางบริษัทสมาชิกประกันวินาศภัยว่า จะให้ใครเป็นผู้บริหารเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด หลังจากที่มีการปรับเพิ่มค่าสินไหมทดแทนจาก 1 แสนบาท เป็น 2 แสนบาท ซึ่งการหารือที่ผ่านมาก็มีหลายแนวทาง เช่น ให้บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถบริหารทั้งหมด หรือบริหารเฉพาะรถจักรยานยนต์ หากมติออกมาเป็นอย่างไร บริษัทก็ยินดีให้ความร่วมมือหากประชาชนได้ประโยชน์

http://www.posttoday.com/finance.php?id=71638
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 196

โพสต์

ไทยประกันผนึกคาร์ดิฟฯลุยตลาดแบงก์  
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โพสต์ทูเดย์ ไทยประกันชีวิตแพ็กไทยคาร์ดิฟ ลุยแบงก์แอสชัวรันส์ ล่าสุดจับยูโอบีขายประกันลดภาษี

นางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มช่องทางขายผ่านธนาคารหรือแบงก์แอสชัวรันส์ใหม่ ด้วยการร่วมมือกับบริษัท ไทยคาร์ดิฟ ประกันชีวิต บริษัทในเครือเพื่อทำตลาดร่วมกัน โดยไทยประกันชีวิตจะเน้นขายแบบประกันออมทรัพย์หรือการลงทุนเป็นหลัก ส่วนไทยคาร์ดิฟนั้นจะเน้นขายแบบประกันที่เน้นความคุ้มครองเป็นหลัก เพราะเป็นบริษัทขนาดเล็ก และมีความอ่อนไหวในเรื่องของดอกเบี้ยมาก ซึ่งตามแผนไทย คาร์ดิฟจะไม่เน้นการเติบโตทางธุรกิจหรือเน้นขยายสินทรัพย์ให้มีจำนวนมาก แต่จะเป็นผลตอบแทนจากการขายประกันเป็นหลัก

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้เป็นพันธมิตรกับธนาคารยูโอบีตั้งแต่เดือนก.ค. ที่ผ่านมา ขายแบบประกันที่ชำระเบี้ยครั้งเดียวได้เบี้ยมาแล้ว 860 ล้านบาท โดยจัดรายการส่งเสริมการขายร่วมกันภายในแคมเปญ UOB Tax Smile บริษัทจะขายแบบประกัน ยูโอบีธนทวี 10/4 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ไทย) ขายสินค้า LTF และ RMF สามารถซื้อด้วยการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตยูโอบีได้นานถึง 6 เดือน ดอกเบี้ยที่ 0%

นายยุทธชัย เตยะราชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าได้เบี้ยจาก ยูโอบีธนทวี 10/4 ในช่วงเวลาที่จัดแคมเปญถึงเดือนม.ค. ปีหน้า ประมาณ 200-300 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะได้เบี้ยจากประกันชีวิต 1,500 ล้านบาท และจากประกันวินาศภัย 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเบี้ยรวมในปีที่ผ่านมาที่ได้ 1,000 ล้านบาท
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 197

โพสต์

คปภ.การันตี ประกันภัยปึ้ก สินไหมเพียบ  
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โพสต์ทูเดย์ คปภ.ยืนยันบริษัทประกันวินาศภัยจ่ายสินไหมคล่อง

น.ส.ชำเลือง ชาติสุวรรณ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทประกันวินาศภัยมีสภาพคล่องในการจ่ายสินไหมทดแทนอยู่ในระดับสูง จึงไม่มีปัญหาเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการใช้เกณฑ์การกำกับฐานะการเงินแนวใหม่ ที่มีการเตือนล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปี 2551 และยังประจานผ่านเว็บไซต์ของคปภ.ที่ www.oic.or.th. หากมีการจ่ายสินไหมล่าช้ากว่าที่คปภ. กำหนด ทำให้บริษัทประกันภัยรายดังกล่าวเสียลูกค้าและขยายตลาดได้ลำบาก ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทประกันวินาศภัยกลัวมาก

สำหรับ 7 เดือนแรก บริษัทประกันวินาศภัยทั้งระบบมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ลูกค้าและ ผู้ประสบภัยจากรถรวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 3.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.48% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เบี้ยประกันภัย รับรวม 7 เดือนแรกมีทั้งสิ้น 6.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.78%

ขณะที่เงินกองทุนทั้งระบบมีจำนวน 5.29 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.68% มีสินทรัพย์รวม 1.46 แสนล้านบาท

น.ส.ชำเลือง เปิดเผยว่า ปัจจุบันคปภ.อยู่ระหว่างการทดสอบการดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง หรืออาร์บีซี โดยดูตัวอย่างของประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป แล้วนำมาปรับให้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจประกันภัยของไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2554 แต่จะนำมาใช้แบบขั้นบันไดเพื่อให้มีเวลาปรับตัว

http://www.posttoday.com/finance.php?id=71826
------------------------------------------------------------------

อ่านข่าวนี้ดีๆๆล่ะ
สุดท้าย RBC บังคับใช้ 2554
แต่มีระยะเวลาปรับตัว โดยกำหนดเป็นขั้นบันได
แสดงว่า ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ต้องมีอะไรออกมาเป็นคล้ายรูปธรรมแล้วล่ะ

ถ้าอันนี้ออกมา หายกังวลในเรื่องของ RBC ได้เรื่องหนึ่ง
ฟ้าที่อึมครึมในธุรกิจนี้ก็หายไปบ้างส่วน
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 198

โพสต์

การประกัน สินเชื่อที่อยู่อาศัย  
รายงานโดย :กำพล สุทธิพิเชษฐ์: วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องการประกันสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกว่า Mortgage Insurance ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่ได้มีการทำอย่างจริงๆ จังๆ ในประเทศไทย

การประกันตัวนี้ไม่ใช่การประกันอัคคีภัย หรือการทำประกันภัยการโจรกรรมทรัพย์สินภายในบ้าน และก็ไม่ใช่การทำการประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกกันติดปากว่า MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance) ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้เป็นการประกันที่ทำกันอยู่แล้ว และผู้ขอกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยต้องเป็นคนจ่ายค่าเบี้ยประกันเอง แต่สำหรับ Mortgage Insurance เป็นการที่สถาบันการเงินเป็นคนจ่ายค่าเบี้ยประกันเอง เพื่อทำการป้องกันกรณีที่ผู้ขอกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จริงๆ แล้วโดยหลักการความเสี่ยงที่ได้รับการคุ้มครองจากการทำ Mortgage Insurance นี้มีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ขอกู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ไม่เต็มใจที่จะชำระหนี้ การลดลงของมูลค่าบ้าน หรือแม้แต่ความเสี่ยงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจสินเชื่อที่อยู่อาศัยก่อน โดยทั่วไปการให้กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย จะให้กู้ ที่ LTV 80% (LTV = Loan to Collateral Value) หมายถึง ถ้าราคาบ้าน 1 ล้านบาท สถาบันการเงินจะให้กู้ 8 แสนบาท ส่วนอีก 2 แสนบาท จะเป็นในส่วนที่ผู้บริโภคต้องวางเงินดาวน์ จะจ่ายทีเดียวหรือจะผ่อนดาวน์ก็แล้วแต่

ถามว่า LTV 80% กับ LTV 100% ต่างกันอย่างไร ถ้าถามในมุมลูกค้า ลูกค้าก็ต้องชอบ LTV 100% เพราะจะซื้อบ้านหลังหนึ่งก็กู้ได้เต็มราคาบ้านเลย ไม่ต้องดาวน์ แต่สถาบันการเงินมักจะชอบให้ลูกค้าดาวน์บางส่วน ถามว่าทำไม ลองนึกภาพดูนะครับ ถ้าท่านซื้อบ้านหนึ่งหลัง 1 ล้านบาท แล้วใช้เงินสถาบันการเงินทั้งหมด (กู้ 1 ล้านบาท) และบ้านหลังนั้นก็จำนองไว้กับธนาคาร (มูลค่าบ้านก็ 1 ล้านบาท) ถ้าท่านผ่อนไม่ไหว ก็คงจะยอมให้สถาบันการเงินยึดบ้านไป เพราะบ้านทั้งหลังฉันก็เอาเงินเธอมาซื้อทั้งหมด เธอก็ยึดบ้านคืนไปก็แล้วกัน

แต่ถ้าท่านลงเงินตัวเองไป 2 แสนบาท แล้วกู้เงินแค่ 8 แสนบาท แต่บ้านหลังนั้นที่มีมูลค่า 1 ล้านบาท ต้องจำนองไว้กับสถาบันการเงินทั้งหลัง ถ้าผ่อนไม่ไหว ก็จะโดนยึดบ้านไป ซึ่งในบ้านหลังนั้นมันมีเงินของเราอยู่ด้วยตั้ง 2 แสนบาท เราก็คงไม่อยากเสียไปง่ายๆ แล้วคราวนี้ เพราะลูกค้ารู้สึกว่ามีการผูกมัด กับการที่ต้องพยายามรักษาบ้านไว้ต่างกัน มนุษย์เราส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ ทุกเรื่องครับไม่เฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย อะไรก็ตามที่ได้มาง่ายๆ ความมุ่งมั่นที่จะรักษามันไว้ก็จะน้อยลงไป ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของความรัก

กลับมาที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยต่อครับ ปัจจุบันการซื้อบ้านแทบจะไม่ต้องดาวน์กันแล้ว หรือดาวน์พอเป็นพิธี ที่เหลือกู้สถาบันการเงินหมด อาจจะเป็นเพราะการแข่งขันสูงหรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งก็จะได้เฉพาะโครงการที่ดีจริงๆ เป็นบริษัทใหญ่ที่น่าเชื่อถือ เพราะมูลค่าบ้านในโครงการจะมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต หรืออย่างน้อยก็ด้อยค่าไม่มากนัก และเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่สถาบันการเงินมั่นใจในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้

สำหรับโครงการที่ไม่สามารถให้กู้ได้ 100% ของราคาซื้อขาย ต้องมีเงินดาวน์จำนวนหนึ่งก่อน (สมมติว่า 20%) และกู้ได้ 80% ถ้าลูกค้าอยากกู้มากกว่า 80% ตัวอย่างเช่น อยากกู้ 95% ส่วนสถาบันการเงินก็อยากปล่อยในส่วน 15% ที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่อยากรับความเสี่ยงจากการที่ลูกค้าอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ในส่วนที่เพิ่มขึ้น สถาบันการเงินก็จะโอนความเสี่ยงส่วนเพิ่มของสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปยังบริษัทประกันภัย ตรงนี้แหละครับที่เรียกว่า การทำ Mortgage Insurance

Mortgage Insurance มี 2 แบบ ได้แก่ แบบที่ 1) Fixed Exposure with a Floor LTV คือ ระดับความคุ้มครองจะถูกกำหนดโดย Floor LTV (เช่น 80% LTV) และจากตัวอย่างที่ลูกค้าอยากกู้ 95% ดังนั้น Mortgage Insurance จะคุ้มครองในช่วงตั้งแต่ 80-95% และจะสิ้นสุดการคุ้มครอง เมื่อยอดคงค้างสินเชื่อลดต่ำกว่า 80% เพราะถือว่าโดยปกติสถาบันการเงินก็จะรับความเสี่ยงในการปล่อยกู้ที่ 80% อยู่แล้ว แบบที่ 2) Fixed Exposure over Loan Term ระดับความคุ้มครองจะถูกกำหนดตามสัดส่วนของยอดคงค้างสินเชื่อตลอดอายุของสัญญาเงินกู้ เช่น 20% ของยอดคงค้างสินเชื่อ ตลอดสัญญา อันนี้ แสดงว่าจะคุ้มครองตลอดไป ถ้าหนี้เสียเมื่อไหร่ก็จะคุ้มครอง 20% ของยอดคงค้างสินเชื่อ ณ ขณะที่หนี้เสีย ซึ่งแบบที่ 2 นี้ค่าเบี้ยประกันจะแพงกว่าแบบแรก เพราะคุ้มครองนานกว่า

ส่วนการทำประกันระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทประกันภัยนั้น ผมจะเล่าคร่าวๆ ไม่ลงรายละเอียดมากนัก ก็ต้องมีการทำเป็น Portfolio ไม่ได้ทำเป็นรายๆ การคิดค่าเบี้ยประกันก็จะคิดเป็น Portfolio มีการกำหนดราคาขั้นต่ำของแต่ละ Portfolio ค่าเบี้ยประกันจะถูกหรือแพง ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ข้อมูล Mortgage Performance ของแต่ละสถาบันการเงิน Credit Scoring และ Policy Lending ของแต่ละสถาบันการเงิน ประเภทเงินกู้ ระยะเวลาของเงินกู้ ขนาดของวงเงิน LTV Ratio ของแต่ละ Portfolio เป็นต้น แต่ที่แน่ๆ ค่าเบี้ยประกันที่สถาบันการเงินต้องจ่ายให้แก่บริษัทประกันภัย ก็จะถูกมาเรียกเก็บจากผู้ขอกู้ในรูปของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในส่วนของ LTV ที่เพิ่มขึ้น ก็สมเหตุสมผลนะครับ ในมุมลูกค้า ถ้าไม่มีเงินดาวน์มากพอ แต่อยากกู้เพิ่ม ในส่วนที่เพิ่มก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงกว่าปกติหน่อย

ประโยชน์ของกรมธรรม์คุ้มครองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในมุมลูกค้า ก็คือ เงินดาวน์น้อยลง กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ในมุมของสถาบันการเงิน ก็คือ ขยายธุรกิจจากการเพิ่ม LTV ให้ลูกค้า เพิ่มยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยปราศจากความเสี่ยง ลดความเสียหายจากการผิดนัดชำระหนี้ ลดเงินทุนที่ต้องสำรอง

ผมจำได้ว่าเมื่อตอนราวๆ กลางปี 2548 ประเทศไทยเคยคิดที่จะทำเรื่อง Mortgage Insurance นี้ขึ้นมาครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้เห็นเงียบๆ ไป โดยส่วนตัวผมเห็นว่าเรื่อง Mortgage Insurance ก็เป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญตัวหนึ่ง ที่น่าจะมาช่วยผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ และตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยของไทยได้ พบกันใหม่เดือนหน้าครับ

http://www.posttoday.com/finance.php?id=71484
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 199

โพสต์

ปลดล็อกใบอนุญาตนายหน้า  
วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คปภ. ปลดล็อกนายหน้าประกันภัย แก้กฎหมายให้ขายได้ทั้งกรมธรรม์ชีวิต-ประกันภัย เกณฑ์เดียวกับแบงก์แอสชัวรันส์ พร้อมขอเพิ่มลดหย่อน

น.ส.ชำเลือง ชาติสุวรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ฝ่ายกฎหมายของคปภ. อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายนายหน้าประกันภัย (โบรกเกอร์) ให้สามารถขายได้ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เหมือนกับแบงก์แอสชัวรันส์ ที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยแล้ว สามารถขายได้ทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทนายหน้าประกันภัยจะต้องขอใบอนุญาต 2 ใบ คือ ใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย และใบอนุญาตนายหน้าประกันชีวิต จึงต้องปรับปรุงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

เมื่อแบงก์ซึ่งมีฐานะเป็นนายหน้าประกันภัยเหมือนกัน ยังสามารถขายได้ทั้งสองอย่าง ก็ควรจะใช้เกณฑ์นี้กับนายหน้าประกันภัยด้วย ซึ่งคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน น.ส.ชำเลือง กล่าว

น.ส.ชำเลือง กล่าวว่า การแก้ไขให้นายหน้าประกันภัยสามารถขายได้ทั้งกรมธรรม์ประกันชีวิต และกรมธรรม์ประกันภัย จะทำให้การกระจายความคุ้มครองไปสู่ประชาชนสะดวกมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันประชาชนชาวไทยเห็นความสำคัญของการซื้อประกันเพื่อสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว และลดความเสี่ยง ทำให้การซื้อประกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจประกันภัยจึงเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

เฉพาะธุรกิจประกันชีวิตช่วง 8 เดือนแรก เบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้นถึง 16% หรือ 1.63 แสนล้านบาท เติบโตกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อต้นปีที่ประมาณการว่าจะเติบโตเพียง 10.3% เท่านั้น จึงคาดว่าปีนี้ทั้งปีเบี้ยประกันรับรวมของธุรกิจประกันชีวิตจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 16% เมื่อเทียบกับปี 2551 น.ส.ชำเลือง กล่าว

นอกจากนี้ รองเลขาธิการคปภ. กล่าวว่า คปภ.จะพยายามผลักดันเรื่องจำนวนเงินที่ได้รับการลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากกระทรวงการคลัง เพื่อให้ ทัดเทียมกับการลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ ที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษีปีละ 3 แสนบาท เพื่อกระตุ้นและเพิ่มทางเลือกในการการออมเงินของประชาชน

นอกจากนี้ คปภ.จะผลักดันการขอลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบบำนาญ และประกันสุขภาพด้วย เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีช่องทางการออมเพื่อรองรับการเกษียณการทำงาน และสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้ รองรับสังคม ผู้สูงอายุในอนาคต ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็เข้าใจและอยู่ระหว่างการพิจารณา

http://www.posttoday.com/finance.php?id=71487

----------------------------------------------------------------

ย่อหน้าสุดท้ายนี้
คปภ ออกโรง ให้ลดหย่อนภาษีได้สำหรับ ประกันชีวิตแบบบำนาญ และ ประกันสุภาพด้วย
ตัวประกันสุภาพ นี้ต้องดูความแน่นอนว่า กรมสรรพากรคิดอย่างไง
เพราะต้นปี เอาแต่ตัวกรมธรรม์หลักอย่างเดียว
ถ้าเป็นแบบนี้ คงต้องรอความชัดเจนกว่าว่าอย่างไง

งานนี้ ถ้าหาก คปภ สามารถพลักดัน หรือ ไถให้ผ่านด่านกรมสรรพากร
คงโตอีกหลายเลย
:)~
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 200

โพสต์

ผมขอตั้งข้อสังเกตนิดหน่อย
ในส่วนของเรื่อง แบบกรมธรรม์ระหว่างแบบที่ตัวแทนขายกับแบบที่ธนาคารขาย

ตัวแทนไม่สามารถขายแบบกรมธรรม์ที่ธนาคารได้
อันนี้ใครทำงานในแวดวงนี้ มาตอบหน่อยว่า จริงหรือเปล่า

และผมมีคำถามต่อว่า ธนาคารสามารถขายแบบกรมธรรม์ของตัวแทนได้หรือเปล่า
:)
:)
pornchal
Verified User
โพสต์: 1070
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 201

โพสต์

โดยปกติ บริษัทประกัน จะออกแบบกรมธรรม์ประกันชีวิต สำหรับธนาคารโดยเฉพาะ ตัวแทนไม่สามารถขายได้ และ กรมธรรม์ ของ ตัวแทน ธนาคารจะไม่สามารถขายได้เหมือนกัน แต่กรมธรรม์ที่ขายฝ่ายธนาคารและตัวแทนจะไม่แตกต่างกันมากนัก
pornchal
Verified User
โพสต์: 1070
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 202

โพสต์

เพิ่มเติมอีกนิด กรมธรรม์ที่ขายผ่านตัวแทนจะมีความหลากหลายกว่า ที่ผ่านธนาคาร แบบที่ขายผ่านธนาคารจะเลือกแบบประกันง่าย ๆ ไม่สับซ้อน เพราะพนักงานแบงค์ ไม่เชี่ยวชาญด้านการประกันเท่าตัวแทนประกัน
ในแต่ละช่างเวลา ธนาคารจะมีแบบประกันให้ลูกค้าเลือกประมาณ 3-4 แบบ แต่ตัวแทนจะมีแบบประกันในมือมากกว่า 20 แบบ ครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 203

โพสต์

ประกันมึนลงหุ้นฉุดเงินกองทุน  
วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประกันวินาศภัยเซ็ง เกณฑ์อาร์บีซีฉุดเงินกองทุน เหตุลงทุนหุ้นมากความเสี่ยงสูง

นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่า ผลทดสอบจากการนำเกณฑ์การดำรงกองทุนตามความเสี่ยง หรืออาร์บีซี ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะนำมาใช้ในปี 2554 นั้น ปรากฏว่าบริษัทได้เกณฑ์อยู่ที่ประมาณ 320-330% จากเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดขั้นต่ำที่ 150%
ทั้งนี้ ค่าความเสี่ยงตามเกณฑ์อาร์บีซีที่เป็นตัวดึงเงินกองทุนให้ลดลงเป็นจำนวนมากก็จะมาจากค่าความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งบริษัทเองก็มีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่เป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามเกณฑ์เงินกองทุนที่บริษัทได้อยู่ระดับ 300% นั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการ บริหารงานหรือการทำธุรกิจและยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทประกันวินาศภัย 30 แห่งที่เข้าร่วมทดสอบเกณฑ์อาร์บีซีใหม่ก็ผ่านเกณฑ์หมด และเฉลี่ยเงินกองทุนอยู่ที่ 200% ส่วนบริษัทที่เหลืออีก 16 แห่งนั้นก็อยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มเติม

นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า เกณฑ์อาร์บีซี ไม่ส่งผลกระทบต่อเงินกองทุนของบริษัทที่ขายประกันภัยรถยนต์มากนัก เนื่องจากความเสี่ยงต่ำ เพราะ มีฐานลูกค้ารายย่อยจำนวนมาก เนื่อง จากแต่ละรายมีความเสี่ยงไม่สูง เช่น หากเกิดอุบัติเหตุต่อครั้งจะเสียหายอย่างมากหลัก 1 แสนบาท หรือ ถ้ารถเสียหายทั้งคันสูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนลูกค้ารถยนต์ถึง 94% อีก 6% เป็นลูกค้าที่ไม่ใช่รถยนต์หรือนันมอเตอร์ จากจำนวนลูกค้า 3 ล้านรายทั่วประเทศ ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี โอกาสที่ลูกค้าทั้ง 3 ล้านรายจะเกิดอุบัติเหตุพร้อมกันจึงเป็นไปได้ยาก ต่างจากการรับประกันภัยขนาดใหญ่ ที่มีวงเงินความคุ้มครองต่อราย เป็นพันเป็นหมื่นล้านบาท หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมูลค่าความเสียหายจะสูงมาก จึงต้องตั้งสำรองสินไหมทดแทนไว้สูงตามไปด้วย

นางวรางค์ เสรฐภักดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทซึ่งเป็นธุรกิจประกันชีวิตนั้น พบว่าการนำเกณฑ์อาร์บีซีมาทดสอบยังไม่มีปัญหา

สำหรับเรื่องการลงทุนของบริษัทนั้น ยอดเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมามีเงินลงทุนอยู่ 123,328 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.3% เป็น การลงทุนในเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้ เงิน 24.3% พันธบัตรรัฐบาลและ รัฐวิสาหกิจไทย 54.3% พันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจต่างประเทศ 3.8% หุ้นกู้ 13.6% และหน่วยลงทุน 0.8% โดยมีแผนขอขยายลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม เนื่องจากได้ผลตอบแทนดีกว่าและใกล้เต็มวงเงินแล้ว

http://www.posttoday.com/finance.php?id=72227
:)
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 204

โพสต์

จริงของคุณpornchal ครับ ตัวแทนมีแบบประกันเยอะมากๆ (ผมนับได้ประมาณ 80 แบบ)  แต่ที่ไม่ได้เอามาแจกแจงให้กับลูกค้า เพราะมีการศึกษาความต้องการของผู้ทำประกันก่อน จึงเสนอออกมาได้ไม่กี่แบบ ถ้าเสนอหมดกว่าจะเลือกได้ก็คงนาน

หากลูกค้ามีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง ก็มีอะไรน่าสนใจมากมาย อย่างพวกแบบประกันที่ใช้ลดหย่อนภาษี แบบพันธบัตร หรือแบบที่เหมาะกับการคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ก็มีการออกแบบมาเป็นการเฉพาะครับ
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 205

โพสต์

คำอธิบายของ BAY ประมาณหน้า 13 จากทั้งหมด 25 หน้า
- รายได้ค่าธรรมเนียมและค่าบริการเพิ่มขึ้น 753 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.3 ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกัน (Bancassurance) ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมในการเรียกเก็บหนี้ และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจเช่าซื้อ จำนวน 129 ล้านบาท 120 ล้านบาท 79 ล้านบาท และ 372 ล้านบาท ตามลำดับ
ผมยังไม่เห็นคำอธิบายของ BBL กับ SCB ออกมา
ถ้าเห็นเดี๋ยวมานั่งอ่านต่อ ว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับ Bankassurance เป็นเช่นไร

อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ผิดกฏ เพราะ Bank ไม่ได้บอกว่า ขายให้ใคร
แต่บอกยอดกลมๆ แต่ใครใช้ประโยชน์จากข้อมูลแค่นี้นำไปตีความได้
หรือจินตนาการต่อ บนพื้นฐานของหลักการ เช่น หลักของความน่าจะเป็น หลักการของสถิติ หลักประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น เพื่อหาความสัมพันธ์กับอีกอุตสาหกรรมหนึ่ง

ส่งท้าย
BBL ออกงบมาหลายวันแล้ว แต่คำอธิบายยังไม่ออกมา
ส่วนของ SCB งบเพิ่งออก แต่คำอธิบายยังไม่มา
ถ้ามีเวลาเดี๋ยวลงไปดูที่หมายเหตุ น่าจะมีบอกไว้
เพราะสองธนาคารมีการทำธุรกิจกรรมกิจกรรมที่รายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย อยู่มาก
และส่วนของ Bankassurance ก็สูงด้วยเมื่อเทียบกับค่าธรรมเนี่ยมตัวอื่นๆ

รอหลายตัวที่เห็นๆคือ ธนชาติ อันนี้ไม่แน่ใจว่า มีบอกไหม และ Kbank
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 206

โพสต์

มั่นใจปีหน้าประกันชีวิตโต15%  
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สาระ ฟันธงปี 2553 ธุรกิจประกันชีวิตไปโลดตามเศรษฐกิจ คาดโตไม่ต่ำกว่า 15%

นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตในปี2553 จะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ใกล้เคียงกับปีนี้ที่สมาคมฯ เพิ่งได้มีการปรับเป้าการเติบโตใหม่เป็น 15.5% หรือมีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% เท่านั้น ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาก็เติบโตอยู่ที่ 16% และคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ก็จะเติบโต 17-18% เพราะเป็นช่วงที่แต่ละช่องทางต้องเร่งสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุดก่อนปิดงบประมาณประจำปี

ปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตยังไปได้ดี แสดงให้เห็นว่าลูกค้าไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และสัดส่วนการถือกรมธรรม์ประกันชีวิตก็ยังมีน้อยมาก โอกาสทางการตลาดจึงมีอีกมาก ที่สำคัญคนไทยเริ่มเข้าใจประกันชีวิตมากขึ้น ทำให้การขายผ่านทุกช่องทางทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในปีนี้เราก็มั่นใจว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เพราะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาธุรกิจประกันชีวิตก็มีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% อยู่แล้ว นายสาระ กล่าว

นายสาระ กล่าวว่า คาดว่าสัดส่วนการถือครองตามกรมธรรม์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 30% ของประชากร จากเดิมที่อยู่ระดับ 20% ซึ่งเป็นกระจายไปยังฐานลูกค้าทุกกลุ่มรายได้ โดยเฉพาะการขยายไปยังกลุ่มที่มีรายได้น้อยด้วยการเสนอแบบประกันที่มีเบี้ยไม่สูงมากนัก จากเดิมเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป

ทั้งนี้ จะเห็นได้จากแนวโน้มช่องทางธนาคารหรือแบงก์แอสชัวรันส์จะขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเปิดสาขาของธนาคารที่ลงไปยังพื้นที่ในเขตอำเภอตามต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อขยายไปยังลูกค้าระดับล่างจากเดิมมักเจาะลูกค้ากลุ่มกลางถึงบน ขณะเดียวกันช่องทางตัวแทนก็พัฒนาตัวเองให้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินที่สามารถขายสินค้าให้กับกลุ่มกลางถึงบนได้ จากเดิมที่เน้นลูกค้าระดับกลางลงล่าง ดังนั้นคาดว่าอีกประมาณ 3 ปี ช่องแบงก์แอสชัวรันส์และช่องทางตัวแทนจะมีสินค้าที่เหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก

นายสาระ กล่าวถึงการทดสอบเกณฑ์ดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยงหรืออาร์บีซี ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต ว่า ผลการทดสอบเบื้องต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และธุรกิจประกันชีวิตเฉลี่ยประมาณ 80% ก็ได้ตัวเลขค่อนข้างสูง ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก็คงนำผลที่ได้ไปประเมินอีกครั้งว่าจะต้องมีการปรับปรุงเกณฑ์อะไรอีกบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับองค์ประกอบของประเทศไทย

น.ส.ชำเลือง ชาติสุวรรณ รองเลขาธิการคปภ. คาดว่าปี 2553 อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตจะไม่ต่ำกว่า 15% เนื่องจากผู้ที่ยังไม่มีประกันมีจำนวนมาก

http://www.posttoday.com/finance.php?id=72340
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 207

โพสต์

นายประกันคึก ภาคพื้นเอเชีย จัดประชุมไทย  
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไทยรับเจ้าภาพประชุมประกันชีวิตเอเชียแปซิฟิก หวังนำความรู้ยกระดับธุรกิจ


นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ย.นี้ ทางสมาคมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมธุรกิจประกันชีวิตในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกครั้งที่ 24 ขึ้น ซึ่งจะมีผู้บริหารธุรกิจประกันกว่า 300 คนจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากการบริหารงานในธุรกิจประกันชีวิตซึ่งจะทำให้ธุรกิจประกันชีวิตในเอเชียแปซิฟิกมีมาตรฐานระดับโลกขึ้นมาได้
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจะมีหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น การสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันชีวิตในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกควรมีการปรับตัวอย่างไรเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง แนวโน้มของช่องทางขายผ่านธนาคารหรือแบงก์แอสชัวรันส์ เรื่องกรมธรรม์สำหรับผู้สูงวัยหรือแบบประกันชีวิตบำนาญ

เราก็กำลังคุยกันถึงแบบประกันที่ควบคู่การลงทุน เช่น ยูนิลิงก์ ซึ่งในต่างประเทศเริ่มไป 10 ปีที่แล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่จะเอาประสบการณ์จากต่างประเทศมาใช้ เพราะไทยยังเป็นระยะเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจประกันชีวิตไทยได้ประโยชน์ นายสาระ กล่าว


http://www.posttoday.com/finance.php?id=72336
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 208

โพสต์

ลืมอธิบายเพิ่มเติมนิดหน่อย
ที่บอกว่า ถ้าคำอธิบายไม่ออก แล้วไปหาในหมายเหตุประกอบงบการเงินได้
เนื่องจากว่า ดูจากยอดรายงานของ คปภ แล้วย้อนกลับไปดูในส่วนของธนาคารแล้ว ผู้ตรวจสอบบัญชี น่าที่จะบอกในหมายเหตุเพราะ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย มันไม่มากนัก แต่ รายได้ค่าธรรมเนี่ยมของการประกันภัยนั้น เมื่อเทียบกับ ตัวรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมันมาก เลยทำให้เป็นการบังคับกลายๆว่าต้องบอก

อันนี้คือ ใช้หลักการบัญชีในการช่วยในการเจาะ แต่ไม่ใช่ทุกธนาคารที่เห็น
เพราะ ว่า อาจจะยอดดังกล่าวไม่ปรากฏก็ได้ ถ้าหาก ผู้ตรวจสอบบัญชีและผู้จัดทำบัญชีเห็นคล้องคอยกันว่า ยอดไม่สูงมาก ไม่ต้องเปิดเผย มันก็หายไป

ปล
คำอธิบายของ TMB ไม่ได้กล่าวถึง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ที่เป็นรายได้จากค่าธรรมเนี่ยมของการทำ Bankassurrance เลย แสดงว่า ยอดมันน้อยมากหรือไม่ทำเลย แบบนี้ ไทยประกันชีวิต ก็เศร้าล่ะเนี่ย ขายผ่านตัวแทนอย่างเดียว
:)
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 209

โพสต์

พรูเด็นเชียลจับมือแบงก์ เก็บเบี้ยสิ้นปี  
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

พรูเด็นเชียลฯ ร่วมกับธนาคารลุยตลาดลูกค้าเงินหนาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มเพดาน

นายอภิธร อมาตยกุล รองประธานฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ไตรมาส 4 ของปีนี้ บริษัทยังคงทำตลาดร่วมกับพันธมิตรที่เป็นธนาคารพาณิชย์ ในการเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีสิทธิในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสูง และยังใช้สิทธิลดหย่อนภาษียังไม่เต็มที่

ช่วงนี้แบงก์สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่ขายประกันของเรา กำลังทำโปรโมชันกับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ ส่วนซิตี้แบงก์ ก็กำลังเสนอแบบประกันลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมให้กับลูกค้าที่ยังมีช่องว่างในการลดหย่อนภาษีได้อีก นายอภิธร กล่าว

นายอภิธร เปิดเผยว่า โปรโมชั่นจะเริ่มทำกับลูกค้าที่ชำระเบี้ยประกันระยะยาวตั้งแต่ 1.5 หมื่นบาทต่อปี ถึงจ่ายเบี้ยประกัน 5 แสนบาทต่อปี จะได้รับบัตรกำนัลร้านอาหาร และเติมน้ำมันมูลค่าตั้งแต่ 500 บาท ถึง 3,000 บาท และ ที่พักโรงแรมหรูที่หัวหิน และ พัทยา.

ภาคของตัวแทน มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยแข่งขันกับทางพรูเด็นเชียล ของบาหลี ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายได้อย่างต่อเนื่องนายอภิธร กล่าว

นายอภิธร กล่าวว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะอยู่ช่วงต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายแต่บริษัทยังคงสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพ.ย.นี้ ให้การสนับสนุนการประกวดดนตรีแจ๊ซครั้งที่ 5 เป็นปีที่ 4 เพื่อให้เยาวชนไทยมีโอกาสได้แสดงความสามารถด้านดนตรีต่อสาธารณะ โดยนิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป ที่สนใจต้องสมัครภายในวันที่ 6 พ.ย.นี้

สำหรับ 8 เดือนแรก บริษัท พรูเด็นเชียลฯ มีเบี้ยรับรวม 1,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%

โครงการพัฒนาอาชีพผู้สูงอายุ และพัฒนาศูนย์ดูแลเด็กอ่อน ชนะเลิศการประกวดจากกลุ่มพรูเด็นเชียลอังกฤษ ได้รับเงินเข้าสนับสนุน 2 โครงการนี้ต่อรวม 16 ล้านบาทนายอภิธร กล่าว

สำหรับ 8 เดือนแรก บริษัทพรูเด็นเชียลฯ มีเบี้ยรับรวม 1,918.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%


http://www.posttoday.com/finance.php?id=72718
:)
miracle
Verified User
โพสต์: 18134
ผู้ติดตาม: 0

หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้

โพสต์ที่ 210

โพสต์

เทเวศลุยขายประกันสถานบริการ  
วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เทเวศฯ ตั้งแท่นขายประกันความรับผิดบุคคลภายนอก จับกลุ่มลูกค้าสถานบริการ

นายอนันต์ เกษเกษมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเวศประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวแบบประกันใหม่ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก หรือ Public Liabillity จับกลุ่มเจ้าของสถานบริการสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการร้านค้าและสถานบริการต่างๆ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขยายตลาดแบบประกันดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้ส่งเอกสารแนะนำเกี่ยวกับกรมธรรม์ดังกล่าวไปยังเจ้าของสถานประกอบการต่างๆ แล้วกว่า 1,000 แห่ง

กรมธรรม์ดังกล่าวจะคุ้มครองทั้งด้านอัคคีภัย ภัยจากการระเบิด และภัยจากตึกถล่มให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยชดเชยกรณีเสียชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และความเสียหายต่อทรัพย์สิน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี และภาระความรับผิดชอบที่ตามมาของเจ้าของสถานบริการ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับที่เกิดเหตุไฟไหม้ซานติก้าผับ นายอนันต์ กล่าว

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ทางคปภ.ได้อนุมัติแบบกรมธรรม์ดังกล่าวให้บริษัทประกันวินาศภัยขายได้ตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา คิดเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 6,000-1 หมื่นบาทต่อปี ตามประเภทของสถานบริการ ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ทาง)ได้อนุมัติให้บริษัทประกันออกขายกรมธรรม์ดังกล่าวตามกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการ พ.ศ.2553

สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยความรับ ผิดต่อบุคคลที่ 3 ของสถานบริการแยกตาม ประเภทสถานบริการตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 คุ้มครองความเสียหายจาก 3 ภัย ได้แก่ ไฟไหม้ ระเบิด และอาคารถล่ม กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาลไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อคน และทรัพย์สินบุคคลภายนอกตามความเสียหายจริง แต่ไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาทต่อครั้ง โดยความคุ้มครองทั้ง 3 ส่วนรวมกันไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาทต่อครั้งเช่นกัน ทั้งนี้ เมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้อนุมัติให้บริษัทประกันวินาศภัยขายผลิตภัณฑ์กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกได้ตามกฎกระทรวงที่กำหนดเรื่องระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการพ.ศ. 2553

http://www.posttoday.com/finance.php?id=72720
:)