เก็บตก งานเสวนา ลงทุนอย่างไรเพื่อร่ำรวยและยั่งยินแบบ Buffett
-
- Verified User
- โพสต์: 234
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก งานเสวนา ลงทุนอย่างไรเพื่อร่ำรวยและยั่งยินแบบ Buffett
โพสต์ที่ 1
งานจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เย็นวันนี้(อังคาร 13 ตุลาคม 52) โดยมี
ผู้ร่วมอภิปราย คือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
พิธีกร คือ คุณ สุกิจ อุดมศิริกุล
หัวข้อหลักในวันนี้ คุยเรื่องของ Warren Buffett
โดย ดร.นิเวศน์ จะพูดถึง สไตล์การลงทุนของ Buffett
ส่วน ดร.วรากรณ์ พูดเรื่อง ความเป็นนักปราชญ์ นักปรัชญา มักมีแนวคิดที่ดีๆ มาสอนคนรุ่นหลังอยู่เสมอ รวมทั้งความพอเพียงในแบบของ Warren
ซึ่งในส่วนนี้ ผมว่าทุกคนที่เป็นแฟนประจำ เคยอ่านหนังสือหลายๆเล่มมา ก็จะทราบเรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเพิ่มเติมครับ
ต่อมา คุยเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และอนาคตที่คาดว่าจะเป็นต่อไป
ดร.วรากรณ์ ในฐานะของนักเศรษฐศาสตร์ ท่านให้ความเห็นว่า
- เป็นที่ชัดเจนแล้วที่ตลาดผ่านจุดต่ำสุดมา
- เห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
- คาดว่าเศรษฐกิจของไทยไม่น่าจะดีขึ้นรวดเร็วมากนัก เนื่องจากอเมริกาที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ น่าจะฟื้นตัวไม่เร็วนัก
- ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะดูดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
- เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นน่าจะครึ่งหลังของปี 2553
- โดยมีข้อแม้สำคัญ คือ การเมืองจะต้องนิ่ง เพราะสังเกตว่า ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 เดือนในการจัดทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ลงตัว และจัดทำนโยบายเสร็จ ดังนั้น ถ้าการเมืองไม่นิ่ง อาจจะฟื้นช้าออกไปอีก
ขณะที่ ดร.นิเวศน์ ตอบอย่างตรงไปตรงมา ว่า ท่านไม่สนใจหรอก ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลง ฟื้นเมื่อไร เพราะท่านถือหุ้น 100% ตลอดเวลา และจะดูที่ความสามารถในการแข่งขัน และทำกำไรของกิจการที่ถืออยู่เป็นหลัก ถ้ายังดีอยู่ ก็ถือต่อ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นอย่างไร
มีผู้พยายามถามดร.นิเวศน์ เกี่ยวกับหุ้นเป็นรายตัว รวมถึงให้ยกตัวอย่าง super company ในประเทศไทย ซึ่งดร.ปิดปากนิ่งมาก
คือ ไม่ยอมบอกตรงๆ เพราะกลัวจะเป็นการเชียร์หุ้นตัวเอง
ที่มีคำถามเกี่ยวกับหุ้นเป็นรายตัว จะไม่ตอบเลย
บอกแค่ว่า เราทุกคนล้วนรู้อยู่แล้ว ว่าบริษัทไหนดีขนาดไหน เช่น ร้านอาหาร ร้านไหนดีที่สุด , ร้านหนังสือ ร้านไหนดีที่สุด , โรงพยาบาล โรงไหนเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแต่เราไม่ได้นำการสังเกตนี้มาใช้กับการซื้อหุ้น เพราะพอเป็นการซื้อหุ้น เราก็มักดูแต่ราคาเป็นหลัก ว่าจะขึ้นหรือลง ลืมพื้นฐานธุรกิจกันไปหมด
อ้อ ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เกี่ยวกับเรื่องการดูงบการเงินสไตล์ buffett ว่าควรจะดูอัตราส่วนใดบ้าง
ดร.นิเวศน์ สรุปแบบง่ายๆว่า
1. ดู ROE
2. ดูกำไรที่เติบโตสม่ำเสมอ
3. ดูยอดขายที่โตไปกับกำไร
4. ดูหนี้สินไม่ได้มากเกินไป
โดยที่ให้ข้อคิดว่า ส่วนมากงบการเงิน ดูแค่บรรทัดแรก บรรทัดสุดท้าย และดูกลางๆนิดหน่อย ก็พอบอกได้แล้ว ว่าบริษัทไหนดี บริษัทไหนไม่ดี
หลักๆจะดูจากปัจจัยทางคุณภาพก่อน
งบการเงิน ใช้เพียงยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้อง
งบของบริษัทที่ดี ดูคร่าวๆก็รู้แล้วว่าดี
งบไหนที่ต้องไปดูรายละเอียดมากๆ ไม่แน่ใจว่าดีหรือไม่ดี มันมักไม่ดีจริง
เปรียบเสมือนผู้หญิงเดินผ่านมา ถ้าสวย ดูปุ๊บเราก็รู้ว่าสวย อันนี้มันชัดเจน , ถ้าเราต้องมาถามส่วนสูง น้ำหนัก วัดสัดส่วน แปลว่าคงไม่สวยจริง :lol:
ผู้ร่วมอภิปราย คือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
พิธีกร คือ คุณ สุกิจ อุดมศิริกุล
หัวข้อหลักในวันนี้ คุยเรื่องของ Warren Buffett
โดย ดร.นิเวศน์ จะพูดถึง สไตล์การลงทุนของ Buffett
ส่วน ดร.วรากรณ์ พูดเรื่อง ความเป็นนักปราชญ์ นักปรัชญา มักมีแนวคิดที่ดีๆ มาสอนคนรุ่นหลังอยู่เสมอ รวมทั้งความพอเพียงในแบบของ Warren
ซึ่งในส่วนนี้ ผมว่าทุกคนที่เป็นแฟนประจำ เคยอ่านหนังสือหลายๆเล่มมา ก็จะทราบเรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเพิ่มเติมครับ
ต่อมา คุยเรื่องภาวะเศรษฐกิจ และอนาคตที่คาดว่าจะเป็นต่อไป
ดร.วรากรณ์ ในฐานะของนักเศรษฐศาสตร์ ท่านให้ความเห็นว่า
- เป็นที่ชัดเจนแล้วที่ตลาดผ่านจุดต่ำสุดมา
- เห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
- คาดว่าเศรษฐกิจของไทยไม่น่าจะดีขึ้นรวดเร็วมากนัก เนื่องจากอเมริกาที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ น่าจะฟื้นตัวไม่เร็วนัก
- ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะดูดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
- เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นน่าจะครึ่งหลังของปี 2553
- โดยมีข้อแม้สำคัญ คือ การเมืองจะต้องนิ่ง เพราะสังเกตว่า ถ้าเปลี่ยนรัฐบาล ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 เดือนในการจัดทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ลงตัว และจัดทำนโยบายเสร็จ ดังนั้น ถ้าการเมืองไม่นิ่ง อาจจะฟื้นช้าออกไปอีก
ขณะที่ ดร.นิเวศน์ ตอบอย่างตรงไปตรงมา ว่า ท่านไม่สนใจหรอก ว่าเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลง ฟื้นเมื่อไร เพราะท่านถือหุ้น 100% ตลอดเวลา และจะดูที่ความสามารถในการแข่งขัน และทำกำไรของกิจการที่ถืออยู่เป็นหลัก ถ้ายังดีอยู่ ก็ถือต่อ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นอย่างไร
มีผู้พยายามถามดร.นิเวศน์ เกี่ยวกับหุ้นเป็นรายตัว รวมถึงให้ยกตัวอย่าง super company ในประเทศไทย ซึ่งดร.ปิดปากนิ่งมาก
คือ ไม่ยอมบอกตรงๆ เพราะกลัวจะเป็นการเชียร์หุ้นตัวเอง
ที่มีคำถามเกี่ยวกับหุ้นเป็นรายตัว จะไม่ตอบเลย
บอกแค่ว่า เราทุกคนล้วนรู้อยู่แล้ว ว่าบริษัทไหนดีขนาดไหน เช่น ร้านอาหาร ร้านไหนดีที่สุด , ร้านหนังสือ ร้านไหนดีที่สุด , โรงพยาบาล โรงไหนเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแต่เราไม่ได้นำการสังเกตนี้มาใช้กับการซื้อหุ้น เพราะพอเป็นการซื้อหุ้น เราก็มักดูแต่ราคาเป็นหลัก ว่าจะขึ้นหรือลง ลืมพื้นฐานธุรกิจกันไปหมด
อ้อ ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เกี่ยวกับเรื่องการดูงบการเงินสไตล์ buffett ว่าควรจะดูอัตราส่วนใดบ้าง
ดร.นิเวศน์ สรุปแบบง่ายๆว่า
1. ดู ROE
2. ดูกำไรที่เติบโตสม่ำเสมอ
3. ดูยอดขายที่โตไปกับกำไร
4. ดูหนี้สินไม่ได้มากเกินไป
โดยที่ให้ข้อคิดว่า ส่วนมากงบการเงิน ดูแค่บรรทัดแรก บรรทัดสุดท้าย และดูกลางๆนิดหน่อย ก็พอบอกได้แล้ว ว่าบริษัทไหนดี บริษัทไหนไม่ดี
หลักๆจะดูจากปัจจัยทางคุณภาพก่อน
งบการเงิน ใช้เพียงยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้อง
งบของบริษัทที่ดี ดูคร่าวๆก็รู้แล้วว่าดี
งบไหนที่ต้องไปดูรายละเอียดมากๆ ไม่แน่ใจว่าดีหรือไม่ดี มันมักไม่ดีจริง
เปรียบเสมือนผู้หญิงเดินผ่านมา ถ้าสวย ดูปุ๊บเราก็รู้ว่าสวย อันนี้มันชัดเจน , ถ้าเราต้องมาถามส่วนสูง น้ำหนัก วัดสัดส่วน แปลว่าคงไม่สวยจริง :lol:
"Many shall be restored that are now fallen and many shall fall that are now in honor."
- jack5515566
- Verified User
- โพสต์: 114
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณครับ
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
ข้อมูลไวจริงๆ.......
ข้อมูลไวจริงๆ.......
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก งานเสวนา ลงทุนอย่างไรเพื่อร่ำรวยและยั่งยินแบบ Buffett
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณด้วยคนครับ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 17
- ผู้ติดตาม: 0
เก็บตก งานเสวนา ลงทุนอย่างไรเพื่อร่ำรวยและยั่งยินแบบ Buffett
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากเลยครับ สมัครไปแล้ว แต่พอดีติดธุระ เลยไม่ได้ไปอ่า