ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
- tossaporn
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 1
สำหรับมือใหม่ ในการลงทุนแบบ VI ควรจะเริ่มต้นจากอะไรเป็นสิ่งสำคัญ ครับ. วันนี้ ผมเดินไปดูหนังสือมาหลายเล่มเกี่ยวกับการลงทุนแบบ VI แต่ยิ่งดูมากๆหลายๆ เล่ม ผมรู้สึกว่ามันรบกวนจิตรใจยังไงไม่รู้ครับ ช่วยแนะนำหนังสือ ดีๆ ที่จำเป็นมากๆ ได้มั้ยครับ
ผมอยากศึกษามากๆก่อนที่จะเข้าไปลงทุนจริงๆ เพราะผมเข็ดเหลือเกินครับกับการเก็งกำไร
ผมอยากศึกษามากๆก่อนที่จะเข้าไปลงทุนจริงๆ เพราะผมเข็ดเหลือเกินครับกับการเก็งกำไร
- tossaporn
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 2
โดยส่วนตัวผมนะครับ ผมมั่นใจในการลงทุนแบบนี้ แต่ในบางครั้งผมกลับอดสงสัยไม่ได้ว่า การที่จะเลือกบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่เราจะฝากเงินของเราไปลงทุนด้วยนั้น ผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่ผมลงทุนในบริษัทนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง. VI จะสนใจราคาหุ้นเป็นอันดับสุดท้าย นั่นหมายความว่าความมั่งคั่งจากหุ้น Value stock เหล่าก็คือ เงินปันผลใช่มั้ยครับ.
ผมว่าสิ่งที่ยากอีกอย่างหนึ่งของการเป็น VI คือ การตัดสินใจที่จะลงทุนในบริษัทใด บริษัทหนึ่งนะครับ เพราะไม่มีใครที่จะบอกได้เลยว่า ซื้อ ตัวนี้สิ ตัวนั้น สิ. การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับเจ้าตัวล้วนๆ เพราะว่าไม่มีการชี้นำใดๆเลย ต่างจากหุ้นที่มีนักวิเคราะห์คอยมองตลอด
ผมว่าสิ่งที่ยากอีกอย่างหนึ่งของการเป็น VI คือ การตัดสินใจที่จะลงทุนในบริษัทใด บริษัทหนึ่งนะครับ เพราะไม่มีใครที่จะบอกได้เลยว่า ซื้อ ตัวนี้สิ ตัวนั้น สิ. การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับเจ้าตัวล้วนๆ เพราะว่าไม่มีการชี้นำใดๆเลย ต่างจากหุ้นที่มีนักวิเคราะห์คอยมองตลอด
- tossaporn
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 4
โดยธรรมชาติของ VI. เมื่อไหร่จะสามารถรับรู้ถึงความสำเร็จได้ครับ หมายถึงระยะเวลาครับ สำหรับผมผมมองอย่างต่ำไว้ที่ 3 ปีครับ......ผมเคยมีที่ IPO ปตท.ที่ 10000 หุ้นครับ แต่ดันขายไปเมื่อตอน 150 บาท มาวันนี้ ผมรู้ทันทีสิ่งที่ผมทำมันผิด.
จำเป็นมั้ยครับที่ VI จะสนแต่หุ้นที่ถูกมองข้ามจากคนอื่นๆเท่านั้น
จำเป็นมั้ยครับที่ VI จะสนแต่หุ้นที่ถูกมองข้ามจากคนอื่นๆเท่านั้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 5
สำหรับ VI มือใหม่นั้น ผมอยากแนะนำให้อ่านหนังสือเพื่อที่จะมีความรู้ และความเข้าใจในหลักการลงทุนแนว VI ให้ชัดเจนซะก่อนนะครับ
หนังสือที่แนะนำก็มี
1. Once Up On Wall Street ของ Peter Lycnh ฉบับแปลโดย ดร.นิเวศน์ กำลังจะวางแผงครับ ดร.บอกว่าแปลเสร็จ
2. ตีแตก ของ ดร.นิเวศน์
3. กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
4. บทเรียนจากนักลงทุน ชั้นนำของโลก ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
5. ลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
6. กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
อ่านหนังสือเหล่านี้ก่อนนะครับ
แต่การที่เราจะวิเคราะห์หุ้นได้ดีนั้น เราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง การวิเคราะห์งบการเงิน การวิเคราะห์ธุรกิจ การวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ
ซึ่งการที่จะได้ความรู้เหล่านี้ ถ้าจะซื้อหนังสืออ่านเองก็อาจจะได้สำหรับบางคน แต่ถ้าให้ผมแนะนำควรที่จะเข้าเรียนระดับปริญญาโทจะดีกว่าครับ
ส่วนเรื่องความมั่นใจ คงเป็นเรื่องของประสบการณ์ครับ
การลงทุนแนว VI นั้นไม่ได้หวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่านั้นครับ เพียงแต่ว่า Capital Gain ที่คาดหวังไว้นั้น เป็นผลจากผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นของบริษัทเป็นสำคัญครับ ไม่ได้มาจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าออกซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง
หนังสือที่แนะนำก็มี
1. Once Up On Wall Street ของ Peter Lycnh ฉบับแปลโดย ดร.นิเวศน์ กำลังจะวางแผงครับ ดร.บอกว่าแปลเสร็จ
2. ตีแตก ของ ดร.นิเวศน์
3. กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
4. บทเรียนจากนักลงทุน ชั้นนำของโลก ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
5. ลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
6. กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
อ่านหนังสือเหล่านี้ก่อนนะครับ
แต่การที่เราจะวิเคราะห์หุ้นได้ดีนั้น เราก็ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง การวิเคราะห์งบการเงิน การวิเคราะห์ธุรกิจ การวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ
ซึ่งการที่จะได้ความรู้เหล่านี้ ถ้าจะซื้อหนังสืออ่านเองก็อาจจะได้สำหรับบางคน แต่ถ้าให้ผมแนะนำควรที่จะเข้าเรียนระดับปริญญาโทจะดีกว่าครับ
ส่วนเรื่องความมั่นใจ คงเป็นเรื่องของประสบการณ์ครับ
การลงทุนแนว VI นั้นไม่ได้หวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่านั้นครับ เพียงแต่ว่า Capital Gain ที่คาดหวังไว้นั้น เป็นผลจากผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นของบริษัทเป็นสำคัญครับ ไม่ได้มาจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าออกซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 6
ในความคิดผม ผมอยากให้มองว่าการที่คุณจะซื้อหุ้นบริษัทไหนก็ตาม ให้คุณใช้ความรู้สึกว่าคุณอยากเป็นเจ้าของกิจการนั้น เพราะมันเป็นกิจการที่ดี ทำกำไรได้มากมาย และคุณก็รอซื้อตอนราคาหุ้นมันลงมาจนถูกๆๆครับ
ดังนั้นตอนเริ่มต้นก็ให้คุณศึกษาทุกวิถีทางเพื่อให้คุณเข้าใจวิธีการทำธุรกิจ แล้วคุณจะรู้ว่ากิจการไหนดีไม่ดี กิจการไหนที่คุณชอบ อยากได้เป็นเจ้าของ คุณก็รอซื้อหุ้นกิจการนั้นได้เลยครับ ซื้อมันจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เลยก็ได้ครับ ถ้ามันทำได้ เพราะของดีซะอย่าง ใครๆก็อยากได้ทั้งนั้นครับ
ดังนั้นตอนเริ่มต้นก็ให้คุณศึกษาทุกวิถีทางเพื่อให้คุณเข้าใจวิธีการทำธุรกิจ แล้วคุณจะรู้ว่ากิจการไหนดีไม่ดี กิจการไหนที่คุณชอบ อยากได้เป็นเจ้าของ คุณก็รอซื้อหุ้นกิจการนั้นได้เลยครับ ซื้อมันจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เลยก็ได้ครับ ถ้ามันทำได้ เพราะของดีซะอย่าง ใครๆก็อยากได้ทั้งนั้นครับ
Expecto Patronum!!!!!!
- tossaporn
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 8
มีอยู่ตัวที่ผมเห็นคุณวัวแดงแนะนำมาและผมก็คิดว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับคือหุ้น CEI and TCB and TVO....โดยส่วนตัวผมชอบ TCB นะ ผมเห็นราคาลงมาแรงและถูกมากแล้ว แต่ประวัติการจ่ายปันผล หรือ กำไรในอดีต หรือ แนวโน้มในอนาคต ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ. แต่ผมว่าปันผลก็ใช้ได้......
พี่ๆว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ควรจะได้ผลตอบแทนกี่เปอร์เซ็น ในตลาดไทยนะครับ?
อีกคำถามผมอยากรู้ว่าในบอร์ดนี้ใครที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับการลงทุนแบบ VI?
พี่ๆว่านักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ควรจะได้ผลตอบแทนกี่เปอร์เซ็น ในตลาดไทยนะครับ?
อีกคำถามผมอยากรู้ว่าในบอร์ดนี้ใครที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับการลงทุนแบบ VI?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 9
การลงทุนในหุ้นนั้นถ้าต้องการผลตอบแทนที่ดี ถึงขั้นเรียกว่าประสบความสำเร็จนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คิดง่ายๆครับ
ผมมักไม่ชอบที่หลายๆที่มักจะชักจูงประชาชนมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยการบอกเพียงว่า คุณลงทุนในบริษัทที่ดี และลงทุนระยะยาว แค่นั้นคุณก็จะประสบความสำเร็จ
สำหรับคนทั่วไป บริษัทที่ดี ก็คงจะเป็นบริษัทใหญ่โต ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป หรือไม่ก็มีผู้บริหารที่มีชื่อเสียง
แต่จริงๆแล้วคงไม่ง่ายแบบนั้น การที่คุณจะประสบความสำเร็จได้นั้น ถ้าคุณประเมินราคาไม่เป็น คุณอาจจะซื้อในราคาที่แพงมากก็ได้ ถึงแม้คุณอาจจะไม่ขาดทุน เนื่องจากคุณลงทุนในบริษัทที่ดี กำไรเติบโตโดยตลอด และคุณก็ลงทุนระยะยาว แต่คุณก็คงจะได้รับผลตอบแทนที่ไม่ได้ดีนัก
การประเมินราคาก็คงไม่ง่ายเพียงแค่พิจารณาจาก Ratio ต่างๆที่รู้จักกันโดยทั่วไป เช่น P/E Dividend Yield P/B แค่นั้นหรอกครับ ถ้าคุณพิจารณาดดยใช้เพียงแค่ Ratio เหล่านี้ คุณอาจจะไม่ขาดทุน แต่ก็ไม่กำไรมากมายนัก (จริงๆแล้วก็ขาดทุนได้ด้วย)
การจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จในไม่ง่ายครับ
ผมมักไม่ชอบที่หลายๆที่มักจะชักจูงประชาชนมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยการบอกเพียงว่า คุณลงทุนในบริษัทที่ดี และลงทุนระยะยาว แค่นั้นคุณก็จะประสบความสำเร็จ
สำหรับคนทั่วไป บริษัทที่ดี ก็คงจะเป็นบริษัทใหญ่โต ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป หรือไม่ก็มีผู้บริหารที่มีชื่อเสียง
แต่จริงๆแล้วคงไม่ง่ายแบบนั้น การที่คุณจะประสบความสำเร็จได้นั้น ถ้าคุณประเมินราคาไม่เป็น คุณอาจจะซื้อในราคาที่แพงมากก็ได้ ถึงแม้คุณอาจจะไม่ขาดทุน เนื่องจากคุณลงทุนในบริษัทที่ดี กำไรเติบโตโดยตลอด และคุณก็ลงทุนระยะยาว แต่คุณก็คงจะได้รับผลตอบแทนที่ไม่ได้ดีนัก
การประเมินราคาก็คงไม่ง่ายเพียงแค่พิจารณาจาก Ratio ต่างๆที่รู้จักกันโดยทั่วไป เช่น P/E Dividend Yield P/B แค่นั้นหรอกครับ ถ้าคุณพิจารณาดดยใช้เพียงแค่ Ratio เหล่านี้ คุณอาจจะไม่ขาดทุน แต่ก็ไม่กำไรมากมายนัก (จริงๆแล้วก็ขาดทุนได้ด้วย)
การจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จในไม่ง่ายครับ
- tossaporn
- Verified User
- โพสต์: 88
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 10
พวกพี่ๆทั้งหลายมีคิดว่าอะไรคือ หลักสำคัญที่สุดที่นักลงทุน แบบ VI นั้นจะขาดไม่ได้ครับ และเป็นตัวตัดสินความสำเร็จหรือความล้มเหลวครับ
ถึงผมอยากจะเป็นนักลงทุนที่จะประสพความสำเร็จก็ตาม แต่อย่างนึงที่ผมจะทำป็นอันดับแรกคือ การศึกษาข้อมูลทุกอย่างให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนลงไป
ถึงผมอยากจะเป็นนักลงทุนที่จะประสพความสำเร็จก็ตาม แต่อย่างนึงที่ผมจะทำป็นอันดับแรกคือ การศึกษาข้อมูลทุกอย่างให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนลงไป
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 13
ถ้าเป็นอย่างที่ทุกคนช่วยแนะนำผมมา ผมในฐานะมือใหม่ควรจะเริ่มศึกษาหาบริษัทที่เราชอบและอยากเป็นเจ้าของ และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ใช่มั้ยครับ?
อีกอย่างบริษัทเหล่านั้นที่เราต้องการลงทุน เราต้องเข้าไปศึกษาอย่างลึกซึ้งในแง่การเงิน การลงทุน และทำการวิเคราะห์ตัวอุตสาหกรรมก่อนตัดสินใจทำการลงทุนใช่มั้ยครับ?
สงสัยอีกอย่างครับ การวิเคราะห์ตัวปัจจัยต่างของบริษัท มันมีโอกาสจะไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้มั้ยครับ ถ้าผิดมันจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อการลงทุนของเรามั้ยครับ?
ผมพอจะเข้าใจแนวทางของการลงทุนแบบ VI แล้วครับ แต่ผมว่ามันจะยากอยู่ที่การประราคาของหุ้นของบริษัทนั้นๆครับ และการประเมินความสามารถต่างๆของทางบริษัทครับ...โดยส่วนตัวผมว่าการที่เราจะเข้าไปลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น มันไม่เหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัย ที่อาจารย์จะให้เรื่องมาทำกรณีศึกษา แล้วเราก็วิเคราะห์ ถ้ามันไม่ดี ก็แค่คะแนน แต่นี่คือการลงทุนจริงเงินจริงนะครับ ถ้าพลาคคือการขาดทุนเลย ผมเป็นห่วงตรงนี้ด้วยเหมือนกัน.
จริงอยู่ที่ความเสี่ยงเกิดจากตัวเราเองแต่ประสพการณ์ในงาน หรือ การลงทุนของผมมันน้อยนิดเกินที่จะสามารถเข้าไปประเมินราคาของบริษัท หรือ สามารถวิเคราะห์ได้ถูกตลอด.......ล่าสุดผมกำลังจะเปิดสถาบันภาษา และผมก็มองว่าการเปิดกิจการใหม่ นั้นผมว่าทำได้ง่ายกว่าการลงทุนแบบ VI แต่ผมก็จะรอวันที่ผมมีความสามารถพอที่ผมจะลงทุนแบบ VI ได้มีประสิทธิภาพ.
อีกอย่างบริษัทเหล่านั้นที่เราต้องการลงทุน เราต้องเข้าไปศึกษาอย่างลึกซึ้งในแง่การเงิน การลงทุน และทำการวิเคราะห์ตัวอุตสาหกรรมก่อนตัดสินใจทำการลงทุนใช่มั้ยครับ?
สงสัยอีกอย่างครับ การวิเคราะห์ตัวปัจจัยต่างของบริษัท มันมีโอกาสจะไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้มั้ยครับ ถ้าผิดมันจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อการลงทุนของเรามั้ยครับ?
ผมพอจะเข้าใจแนวทางของการลงทุนแบบ VI แล้วครับ แต่ผมว่ามันจะยากอยู่ที่การประราคาของหุ้นของบริษัทนั้นๆครับ และการประเมินความสามารถต่างๆของทางบริษัทครับ...โดยส่วนตัวผมว่าการที่เราจะเข้าไปลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น มันไม่เหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัย ที่อาจารย์จะให้เรื่องมาทำกรณีศึกษา แล้วเราก็วิเคราะห์ ถ้ามันไม่ดี ก็แค่คะแนน แต่นี่คือการลงทุนจริงเงินจริงนะครับ ถ้าพลาคคือการขาดทุนเลย ผมเป็นห่วงตรงนี้ด้วยเหมือนกัน.
จริงอยู่ที่ความเสี่ยงเกิดจากตัวเราเองแต่ประสพการณ์ในงาน หรือ การลงทุนของผมมันน้อยนิดเกินที่จะสามารถเข้าไปประเมินราคาของบริษัท หรือ สามารถวิเคราะห์ได้ถูกตลอด.......ล่าสุดผมกำลังจะเปิดสถาบันภาษา และผมก็มองว่าการเปิดกิจการใหม่ นั้นผมว่าทำได้ง่ายกว่าการลงทุนแบบ VI แต่ผมก็จะรอวันที่ผมมีความสามารถพอที่ผมจะลงทุนแบบ VI ได้มีประสิทธิภาพ.
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 14
ถ้าเป็นอย่างที่ทุกคนช่วยแนะนำผมมา ผมในฐานะมือใหม่ควรจะเริ่มศึกษาหาบริษัทที่เราชอบและอยากเป็นเจ้าของ และสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ใช่มั้ยครับ?
อีกอย่างบริษัทเหล่านั้นที่เราต้องการลงทุน เราต้องเข้าไปศึกษาอย่างลึกซึ้งในแง่การเงิน การลงทุน และทำการวิเคราะห์ตัวอุตสาหกรรมก่อนตัดสินใจทำการลงทุนใช่มั้ยครับ?
สงสัยอีกอย่างครับ การวิเคราะห์ตัวปัจจัยต่างของบริษัท มันมีโอกาสจะไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้มั้ยครับ ถ้าผิดมันจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อการลงทุนของเรามั้ยครับ?
ผมพอจะเข้าใจแนวทางของการลงทุนแบบ VI แล้วครับ แต่ผมว่ามันจะยากอยู่ที่การประเมินราคาของหุ้นของบริษัทนั้นๆครับ และการประเมินความสามารถต่างๆของทางบริษัทครับ...โดยส่วนตัวผมว่าการที่เราจะเข้าไปลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น มันไม่เหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัย ที่อาจารย์จะให้เรื่องมาทำกรณีศึกษา แล้วเราก็วิเคราะห์ ถ้ามันไม่ดี ก็แค่คะแนน แต่นี่คือการลงทุนจริงเงินจริงนะครับ ถ้าพลาคคือการขาดทุนเลย ผมเป็นห่วงตรงนี้ด้วยเหมือนกัน.
จริงอยู่ที่ความเสี่ยงเกิดจากตัวเราเองแต่ประสพการณ์ในงาน หรือ การลงทุนของผมมันน้อยนิดเกินที่จะสามารถเข้าไปประเมินราคาของบริษัท หรือ สามารถวิเคราะห์ได้ถูกตลอด.......ล่าสุดผมกำลังจะเปิดสถาบันภาษา และผมก็มองว่าการเปิดกิจการใหม่ นั้นผมว่าทำได้ง่ายกว่าการลงทุนแบบ VI แต่ผมก็จะรอวันที่ผมมีความสามารถพอที่ผมจะลงทุนแบบ VI ได้มีประสิทธิภาพ.
อีกอย่างบริษัทเหล่านั้นที่เราต้องการลงทุน เราต้องเข้าไปศึกษาอย่างลึกซึ้งในแง่การเงิน การลงทุน และทำการวิเคราะห์ตัวอุตสาหกรรมก่อนตัดสินใจทำการลงทุนใช่มั้ยครับ?
สงสัยอีกอย่างครับ การวิเคราะห์ตัวปัจจัยต่างของบริษัท มันมีโอกาสจะไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้มั้ยครับ ถ้าผิดมันจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อการลงทุนของเรามั้ยครับ?
ผมพอจะเข้าใจแนวทางของการลงทุนแบบ VI แล้วครับ แต่ผมว่ามันจะยากอยู่ที่การประเมินราคาของหุ้นของบริษัทนั้นๆครับ และการประเมินความสามารถต่างๆของทางบริษัทครับ...โดยส่วนตัวผมว่าการที่เราจะเข้าไปลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น มันไม่เหมือนการเรียนในมหาวิทยาลัย ที่อาจารย์จะให้เรื่องมาทำกรณีศึกษา แล้วเราก็วิเคราะห์ ถ้ามันไม่ดี ก็แค่คะแนน แต่นี่คือการลงทุนจริงเงินจริงนะครับ ถ้าพลาคคือการขาดทุนเลย ผมเป็นห่วงตรงนี้ด้วยเหมือนกัน.
จริงอยู่ที่ความเสี่ยงเกิดจากตัวเราเองแต่ประสพการณ์ในงาน หรือ การลงทุนของผมมันน้อยนิดเกินที่จะสามารถเข้าไปประเมินราคาของบริษัท หรือ สามารถวิเคราะห์ได้ถูกตลอด.......ล่าสุดผมกำลังจะเปิดสถาบันภาษา และผมก็มองว่าการเปิดกิจการใหม่ นั้นผมว่าทำได้ง่ายกว่าการลงทุนแบบ VI แต่ผมก็จะรอวันที่ผมมีความสามารถพอที่ผมจะลงทุนแบบ VI ได้มีประสิทธิภาพ.
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 15
ลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ของ พรชัย รัตนนนทชัยสุข
ผมชอบเล่มนี้สุดครับ อ่านแล้วจะเข้าใจว่าทำไมว่า บัฟเฟตต์ จึงไม่ชอบบริษัทที่แข่งกันแต่ด้านราคา
ผมชอบเล่มนี้สุดครับ อ่านแล้วจะเข้าใจว่าทำไมว่า บัฟเฟตต์ จึงไม่ชอบบริษัทที่แข่งกันแต่ด้านราคา
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 16
ข้อมูลต่างๆของบริษัทจดทะเบียนสามารถหาได้จาก web ไหนบ้างครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 17
คุณทศพรบอกว่ากำลังเปิดสถาบันภาษา คุณทศพรบอกได้ไหมครับว่าอะไรคือ Key of succeses ในธุรกิจนั้น? และถ้าคุณประสบความสำเร็จในกิจการของคุณ และมีคนอยากจะหุ้นกับคุณ คุณจะขายหุ้นในราคาเท่าไร?
ลองเอาตัวเราเองเป็นเจ้าของกิจการและจะรู้ถึงคำตอบที่คุณถามทั้งหมด จริงๆครับไม่ได้กวน
ผมซื้อหุ้น Aprint เมื่อราคาแถวๆ 35 บาท Book Value แถวๆ 56 บาท กำไรโตมาตลอด จ่ายปันผลมาตลอด ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีจะร้าย ถามผมว่าผมคิดจะขายเมื่อไร ตอนนั้นบอกว่าไม่รู้ซิ ถ้าเกิดมันวิ่งฝุ่นตลบในสองวันก็คงขายแล้วครับ แต่มันค่อยๆขึ้นไปพร้อมๆกับมูลค่าของกิจการ ผมก็ปล่อยมันไว้
หุ้น NPC ซื้อแถวๆ 69 - 70 บาท อาการเดียวกับ Aprintในตอนแรก แต่บังเอิญมันวิ่งฝุ่นโขมงในเวลาไม่ถึงสองเดือน ผมก็ดีดทิ้งแล้วครับ ตอนนี้มาซื้อๆขายๆกันแถวๆราคาที่ผมขายออกไป
เรื่องมูลค่าที่ต้องการจะประเมินนั้นมันแล้วแต่เหตุการณ์ และลักษณะธุรกิจไม่มีอะไรตายตัว มันเป็นวิธีการ แต่หลักการมันเป็นอะไรที่มั่นคงและตายตัวอยู่นะครับ
ผมเป็นวิศวกร ผมเคยออกแบบห้องเย็น แรกๆผมนั่งคำนวนตามสูตรใช้เวลาเป็นอาทิตย์ หลังๆชำนาญครับ มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เช่นสรุปออกมาเป็นกราฟ เป็นตาราง ทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้นโดยความแม่นยำไม่ต่างกันนัก การลงทุนก็เช่นกัน ประสบการณ์สำคัญมาก ทำบ่อยจะเร็วและแม่นยำ อ่านงบการเงินบ่อยๆจะเร็ว และรู้จุดที่ควรระวังและสังเกตุ เลือกบริษัทบ่อยๆจะเห็นถึงแนวโน้มที่ควรจะเป็น
แรกๆต้องทนลำบากหน่อยครับ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เร็วๆ อย่าสับสนกับความสำเร็จที่ตีออกมาในรูปตัวเงินนะครับ มันคนละเรื่องกัน สำหรับผมแล้วการเห็นหุ้นที่เลือกซื้อมันขึ้น ไปพร้อมๆกับกิจการแข็งแกร่งขึ้น จ่ายปันผลมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ว่า "เราก็ตาถึงเหมือนกันแฮะ" แต่ถ้าคุณคิดว่าทำไมตั้งนานหุ้นคุณไม่ขึ้นเสียที กิจการก็ดี จ่ายปันผลก็ดี ขายซะดีไหม? หรือว่าเราตาถั่ววะ คุณกำลังหลงทางแล้วครับ ให้เวลากับการตัดสินใจที่ถูกต้องของคุณแล้วรอให้มันออกผลตามที่มันควรจะเป็น ปี สองปี สามปี เพราะเงินมันเป็นเงินเย็นนะครับ อย่าเอาเงินที่ต้องใช้มาลงทุน มันจะทำให้คุณยิ่งสับสน และหลงทาง
ความสำเร็จคือเลือกหุ้นได้ถูกทาง เห็นมันโต ผลที่ได้คือคุณมั่งคั่งขึ้น ไม่ใช่หุ้นที่เลือกจะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น หลายคนคิดอย่างนั้นเลยไม่ค่อยสนใจวิธีการลงทุนแบบนี้กัน มันช้า มันรวยช้า มันน่าลำคาญ มันไม่ขึ้นแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้ มันขึ้นไม่ขายแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้ ผิดทางครับ ขอบอก
ลองเอาตัวเราเองเป็นเจ้าของกิจการและจะรู้ถึงคำตอบที่คุณถามทั้งหมด จริงๆครับไม่ได้กวน
ผมซื้อหุ้น Aprint เมื่อราคาแถวๆ 35 บาท Book Value แถวๆ 56 บาท กำไรโตมาตลอด จ่ายปันผลมาตลอด ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีจะร้าย ถามผมว่าผมคิดจะขายเมื่อไร ตอนนั้นบอกว่าไม่รู้ซิ ถ้าเกิดมันวิ่งฝุ่นตลบในสองวันก็คงขายแล้วครับ แต่มันค่อยๆขึ้นไปพร้อมๆกับมูลค่าของกิจการ ผมก็ปล่อยมันไว้
หุ้น NPC ซื้อแถวๆ 69 - 70 บาท อาการเดียวกับ Aprintในตอนแรก แต่บังเอิญมันวิ่งฝุ่นโขมงในเวลาไม่ถึงสองเดือน ผมก็ดีดทิ้งแล้วครับ ตอนนี้มาซื้อๆขายๆกันแถวๆราคาที่ผมขายออกไป
เรื่องมูลค่าที่ต้องการจะประเมินนั้นมันแล้วแต่เหตุการณ์ และลักษณะธุรกิจไม่มีอะไรตายตัว มันเป็นวิธีการ แต่หลักการมันเป็นอะไรที่มั่นคงและตายตัวอยู่นะครับ
ผมเป็นวิศวกร ผมเคยออกแบบห้องเย็น แรกๆผมนั่งคำนวนตามสูตรใช้เวลาเป็นอาทิตย์ หลังๆชำนาญครับ มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เช่นสรุปออกมาเป็นกราฟ เป็นตาราง ทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้นโดยความแม่นยำไม่ต่างกันนัก การลงทุนก็เช่นกัน ประสบการณ์สำคัญมาก ทำบ่อยจะเร็วและแม่นยำ อ่านงบการเงินบ่อยๆจะเร็ว และรู้จุดที่ควรระวังและสังเกตุ เลือกบริษัทบ่อยๆจะเห็นถึงแนวโน้มที่ควรจะเป็น
แรกๆต้องทนลำบากหน่อยครับ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เร็วๆ อย่าสับสนกับความสำเร็จที่ตีออกมาในรูปตัวเงินนะครับ มันคนละเรื่องกัน สำหรับผมแล้วการเห็นหุ้นที่เลือกซื้อมันขึ้น ไปพร้อมๆกับกิจการแข็งแกร่งขึ้น จ่ายปันผลมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ว่า "เราก็ตาถึงเหมือนกันแฮะ" แต่ถ้าคุณคิดว่าทำไมตั้งนานหุ้นคุณไม่ขึ้นเสียที กิจการก็ดี จ่ายปันผลก็ดี ขายซะดีไหม? หรือว่าเราตาถั่ววะ คุณกำลังหลงทางแล้วครับ ให้เวลากับการตัดสินใจที่ถูกต้องของคุณแล้วรอให้มันออกผลตามที่มันควรจะเป็น ปี สองปี สามปี เพราะเงินมันเป็นเงินเย็นนะครับ อย่าเอาเงินที่ต้องใช้มาลงทุน มันจะทำให้คุณยิ่งสับสน และหลงทาง
ความสำเร็จคือเลือกหุ้นได้ถูกทาง เห็นมันโต ผลที่ได้คือคุณมั่งคั่งขึ้น ไม่ใช่หุ้นที่เลือกจะทำให้คุณรวยเร็วขึ้น หลายคนคิดอย่างนั้นเลยไม่ค่อยสนใจวิธีการลงทุนแบบนี้กัน มันช้า มันรวยช้า มันน่าลำคาญ มันไม่ขึ้นแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนใช้ มันขึ้นไม่ขายแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้ ผิดทางครับ ขอบอก
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณมากจริงๆครับ คุณ MON MONEY.....จะจำไว้จนวันตายเลยครับ ลึกซึ้งและเคลียอย่างยิ่ง
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 19
แนะนำ เทคนิดการอ่านงบการเงินง่ายๆและได้ประสิทธิภาพบ้างได้มั้ยครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 21
8) เงินเย็น, สายตาถึง, กล้าตัดสินใจ, โชค, และท้ายที่สุดที่สำคัญที่สุด อดทนครับ 8)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 22
คนบางคนอาจจะทำธุรกิจที่ตนเองถนัด มีความรู้ความสามารถ และมีใจรักได้ดีกว่าการลงทุนแนว VI ครับ
คนทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุนแนว VI ที่จะประสบความสำเร็จ แต่คุณอาจจะประสบความสำเร็จและมีความสุขจากธุรกิจที่คุณทำก็ได้ครับ
ถ้าทุกคนที่จะเข้ามาลงทุน ศึกษาหาข้อมูลและวิธีการลงทุนให้แน่ใจก่อนลงทุนแบบคุณ Guest ก็คงไม่มีคนขาดทุนจากการลงทุนเท่าไรครับ
คนทุกคนไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุนแนว VI ที่จะประสบความสำเร็จ แต่คุณอาจจะประสบความสำเร็จและมีความสุขจากธุรกิจที่คุณทำก็ได้ครับ
ถ้าทุกคนที่จะเข้ามาลงทุน ศึกษาหาข้อมูลและวิธีการลงทุนให้แน่ใจก่อนลงทุนแบบคุณ Guest ก็คงไม่มีคนขาดทุนจากการลงทุนเท่าไรครับ
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 23
เกี่ยวกับเวปไซด์ข้อมูลลองดูที่กระทู้รวบรวมเว็บไซด์ที่เวปบอร์ดได้ครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 24
พี่เจ๋งชมหรือเหน็บนี่
บังเอิญวันนี้เมียผมไม่อยู่ครับ เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตอบได้ถูกใจแฟนๆ
ในนสพ. ก็เขียนไปตามที่คิดแหละครับ อยากเขียนอะไรก็เขียน หลังๆชักเขียนแบบกวนๆมากขึ้น ไม่รู้เขาจะให้เขียนอีกนานเท่าไรครับ
บังเอิญวันนี้เมียผมไม่อยู่ครับ เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตอบได้ถูกใจแฟนๆ
ในนสพ. ก็เขียนไปตามที่คิดแหละครับ อยากเขียนอะไรก็เขียน หลังๆชักเขียนแบบกวนๆมากขึ้น ไม่รู้เขาจะให้เขียนอีกนานเท่าไรครับ
เป็นบุญหนักหนาเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เป็นคนไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
ถามท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายครับ
โพสต์ที่ 25
พี่ มน ไม่ต้องห่วงครับพี่เขียนมันส์ดี ไม่ค่อยเป็นวิชาการเกินไป(มันหนักหัว) ยังไงทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ