เริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้นราวๆ 5 เดือนที่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้น ล้มลุกคลุกคลานกับ style การลงทุนมามากพอสมควร ( technical analysis )
ความคิดของผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากได้อ่านหนังสือ "ตีแตก" ของ ดร.นิเวศน์
ผมเริ่มศึกษาการดูผลประกอบการของบริษัทที่ผมสนใจ , ดูงบการเงิน รวมถึงกระทู้ในห้อง ร้อยคนร้อยหุ้น ซึ่งช่วยผมได้มากในกรณีเป็นบริษัทที่ผมไม่รู้จักมาก่อน
ผมตั้งกฎของตัวเองไว้ว่า
1. หลังจากที่ตัดสินใจซื้อไปแล้ว ตราบใดที่ธุรกิจยังไม่เปลี่ยน ผมก็จะถือเพื่อ let profit run
2. ผมจะซื้อหุ้นอีกครั้ง ในกรณีที่ตลาดวันนั้นแดงเดือด นั่นคือนักลงทุนพร้อมใจกันเทขาย ซึ่งหากตลาดยังเขียว ผมต้องยับยั้งชั่งใจไม่ซื้อเพิ่มเด็ดขาด ส่วนหนึ่งเพื่อรักษา margin of safety ไว้ด้วย
แต่ ... หลายวันมานี้ ตลาดปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โอกาสเข้าซื้อหุ้นแทบไม่มี
ถามว่าหุ้นที่มีอยู่ ได้แสดงกำไรออกมาไหม ?
ก็ต้องตอบว่า ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ ...... แต่
แต่ ผมเริ่มรู้สึกว่า "ความโลภ" มันเริ่มคืบคลานเข้ามา
ผมมีความรู้สึกว่า "น่าจะ" ซื้อเพิ่มนะ อัตรากำไรจะได้เพิ่มสูงขึ้น
ผมมักคิดว่า "เสียดาย น่าจะซื้อจำนวนเยอะกว่านี้"
แต่จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้แหกกฎตัวเองนะครับ
จุดประสงค์ที่ตั้งกระทู้ เพียงเพื่ออยากทราบความเห็นของพี่ๆที่นี่
รวมถึงคำเตือนในการลงทุน ว่าการหลงระเริงกับการได้กำไรของพอร์ท แท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร
ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ตัวผมอาจจะไม่เก่งอะไรเลยก็ได้
เพียงแต่ตอนนี้ตลาดมันพาไป ต่อให้ใครมาเล่น
เลือกหุ้นสักหนึ่งตัว ยังไงซะมันก็ต้องวิ่งขึ้น
สุดท้าย ... ที่ผมตั้งกระทู้ เพราะผมอยากบอกตัวเอง เตือนตัวเองว่า
อย่ามือบอน และแหกกฎที่ตั้งไว้แต่แรกครับ

เสียดาย ที่ไม่มีโอกาสซื้อเพิ่ม แต่ดีกว่าซื้อเพราะอารมณ์เป็นตัวกำหนด ใช่ไหมครับ :roll: