หุ้น กระเพื่อม
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 31
[quote="sai"]
ปล. น้องฮงนี่ช่วงนี้ดูใจเย็นขึ้นนะครับ แอบชมในใจ เหอเหอ
ปล. น้องฮงนี่ช่วงนี้ดูใจเย็นขึ้นนะครับ แอบชมในใจ เหอเหอ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- Verified User
- โพสต์: 919
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 32
ผมเห็นด้วยกับน้อง sai นะครับ
ว่า...แนวทาง...มันแล้วแต่จริตคน
ผมว่าช่วงนี้ คนเล่น technical ก็อาจจะ ดี๊ด๊าได้มากกว่า...เพราะหุ้นขึ้น...จิ้มไร...โอกาสกำไรก็เยอะกว่า...ลองถ้าหุ้น sideway...ผมว่าอาจจะ cut บ่อยกว่าก็ได้
ส่วนตัวผมคงเน้น vi เป็นหลัก...จึงไม่น่าจะมี bias นะครับ
(จริงๆ มาให้กำลังใจน้องฮง เพราะโดยส่วนตัวชื่นชมมากกกกกก)
ว่า...แนวทาง...มันแล้วแต่จริตคน
ผมว่าช่วงนี้ คนเล่น technical ก็อาจจะ ดี๊ด๊าได้มากกว่า...เพราะหุ้นขึ้น...จิ้มไร...โอกาสกำไรก็เยอะกว่า...ลองถ้าหุ้น sideway...ผมว่าอาจจะ cut บ่อยกว่าก็ได้
ส่วนตัวผมคงเน้น vi เป็นหลัก...จึงไม่น่าจะมี bias นะครับ
(จริงๆ มาให้กำลังใจน้องฮง เพราะโดยส่วนตัวชื่นชมมากกกกกก)
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 33
จริงๆแล้วผมว่าพี่ tanapol ก็รู้เยอะมากนะครับtanapol เขียน: (จริงๆ มาให้กำลังใจน้องฮง เพราะโดยส่วนตัวชื่นชมมากกกกกก)
และมีความใฝ่รู้มากกว่าผมเสียอีกครับ
ช่วงนี้ผมเจอคนเยอะแล้วเจอคนไฟแรงเยอะมาก
ทำให้มานั่งคิดว่าผมคงต้องหัดพูดให้น้อยลง
และรับฟังให้มากขึ้นแล้วล่ะครับ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 35
เรื่องการมีเงินสด ผมเป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยแน่นอน
เพราะผมก็ไม่เชื่อเรื่องการถือหุ้น100%ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แต่การบอกว่ายังไงก็ต้องเหลือเงินสดตลอดเวลา
มันฟังดูง่ายไป และไม่ค่อยเป็นศาสตร์และศิลเท่าไหร่
ผมว่าเราควรเอาเรื่องMoney Managementมาใส่
อย่างเช่นคุณลงทุนครั้งแรก30% เมื่อพอร์ตมีกำไร20%
คุณก็ใส่เงินเพิ่มไปซัก10-20%ตามความชอบนะ
พอคุณทำแบบนี้ไปเรื่อยๆพอร์ตคุณก็จะมีแต่หุ้น
ถ้าพอร์ตกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนครับ ยังไงก็อย่าลืมมองทางลง ไว้ด้วย
แม้แต่การใช้มาร์จิ้น ผมว่าก็ไม่ใช่ใช้ไม่ได้
แต่ก็ควรอยู่ในความเสี่ยงที่ควบคุมได้
นะครับ กุ๊กกุ๊ก
เพราะผมก็ไม่เชื่อเรื่องการถือหุ้น100%ตลอดเวลาอยู่แล้ว
แต่การบอกว่ายังไงก็ต้องเหลือเงินสดตลอดเวลา
มันฟังดูง่ายไป และไม่ค่อยเป็นศาสตร์และศิลเท่าไหร่
ผมว่าเราควรเอาเรื่องMoney Managementมาใส่
อย่างเช่นคุณลงทุนครั้งแรก30% เมื่อพอร์ตมีกำไร20%
คุณก็ใส่เงินเพิ่มไปซัก10-20%ตามความชอบนะ
พอคุณทำแบบนี้ไปเรื่อยๆพอร์ตคุณก็จะมีแต่หุ้น
ถ้าพอร์ตกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนครับ ยังไงก็อย่าลืมมองทางลง ไว้ด้วย
แม้แต่การใช้มาร์จิ้น ผมว่าก็ไม่ใช่ใช้ไม่ได้
แต่ก็ควรอยู่ในความเสี่ยงที่ควบคุมได้
นะครับ กุ๊กกุ๊ก
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 36
ส่วนเรื่องการลงทุนเราควรศีกษาจากใคร
ถ้าให้ผมเลือก ผมขอศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จก่อนหละครับ
และมันก็เป็นแนวทางการศึกษาที่ง่ายสุดแล้ว
การศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จ
และคนที่ล้มเหลว โดยอย่าจริตไปทำตามคนล้มเหลวหละ
เสร็จแล้วค่อยมาดัดจริตตัวเองจะดีกว่า
ถ้าคุณคิดว่าคุณเกิดมาแล้วจริตคุณดีเลิศเลอแล้วหละก็
ก็ไม่ต้องไปโรงเรียนหรอกครับ
กุ๊กกุ๊ก
ถ้าให้ผมเลือก ผมขอศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จก่อนหละครับ
และมันก็เป็นแนวทางการศึกษาที่ง่ายสุดแล้ว
การศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จ
และคนที่ล้มเหลว โดยอย่าจริตไปทำตามคนล้มเหลวหละ
เสร็จแล้วค่อยมาดัดจริตตัวเองจะดีกว่า
ถ้าคุณคิดว่าคุณเกิดมาแล้วจริตคุณดีเลิศเลอแล้วหละก็
ก็ไม่ต้องไปโรงเรียนหรอกครับ
กุ๊กกุ๊ก
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 37
ผมกำลังพยายามศึกษาเรื่อง money management และทดลองกับพอร์ตตัวเองอยู่ครับ
หลักการคือ
1 ต้องมีเงินสดเหลือตลอด
2 การเลือกหุ้น ต้องเลือกหุ้นดี ยีลด์ 8%เป็นอย่างน้อย และค่อนข้างแน่ใจได้ว่า ยีลด์จะเพิ่มขึ้น ตลอดเวลา 5 ปีข้างหน้า
ตอนนี้ ผมมีหุ้นประมาณ 90% ของพอร์ท ถ้าหุ้นตกไป ก็จะทยอยซื้อเพิ่ม แต่จะหยุดเมื่อมีเงินสดน้อยกว่า 10% ของพอร์ท
เช่น สมมุติ ผมมีพอร์ท 5 ล้าน ผมก็จะต้องมีเงินสดอย่างน้อย 5 แสน
ถ้าหุ้นตก 10% เหลือ 4.5 ล้าน ผมก็จะซื้อเพิ่มอีก 5หมื่น ประมาณนี้ครับ
และด้วยการเลือกหุ้นแบบข้อสอง ผมเชื่อว่า หุ้นไม่น่าตกลงมากกว่า 50% ( อันนี้เข้าข้างตัวเอง) :lol: :lol:
และน่าจะมีปันผลไหลเข้าพอร์ท พอให้เก็บหุ้นในช่วงวิกฤตได้
หลักการคือ
1 ต้องมีเงินสดเหลือตลอด
2 การเลือกหุ้น ต้องเลือกหุ้นดี ยีลด์ 8%เป็นอย่างน้อย และค่อนข้างแน่ใจได้ว่า ยีลด์จะเพิ่มขึ้น ตลอดเวลา 5 ปีข้างหน้า
ตอนนี้ ผมมีหุ้นประมาณ 90% ของพอร์ท ถ้าหุ้นตกไป ก็จะทยอยซื้อเพิ่ม แต่จะหยุดเมื่อมีเงินสดน้อยกว่า 10% ของพอร์ท
เช่น สมมุติ ผมมีพอร์ท 5 ล้าน ผมก็จะต้องมีเงินสดอย่างน้อย 5 แสน
ถ้าหุ้นตก 10% เหลือ 4.5 ล้าน ผมก็จะซื้อเพิ่มอีก 5หมื่น ประมาณนี้ครับ
และด้วยการเลือกหุ้นแบบข้อสอง ผมเชื่อว่า หุ้นไม่น่าตกลงมากกว่า 50% ( อันนี้เข้าข้างตัวเอง) :lol: :lol:
และน่าจะมีปันผลไหลเข้าพอร์ท พอให้เก็บหุ้นในช่วงวิกฤตได้
จงทนอด และอดทน
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 38
ผมชอบคำพูดนี้นะคับ แต่ไม่ทราบใครพูดไว้
" แมวสีอะไีรก็ได้ ขอให้จับหนูได้เป็นพอ "
ผมว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายของการลงทุน
ส่วนใหญ่แล้วก็คือการทำ "กำไร"
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ วิธีที่ได้กำไรเร็วที่สุด
ด้วยความเสี่ยงที่น้อยที่สุด ในเวลาที่สั้นที่สุด
และลงทุนแล้วมีความสุขใจหรือสบายใจมากที่สุด
ส่วนจะเป็นวิธีไหนนั้น มีร้อยแปดครับ
ขึ้นอยู่กับความชอบ และความเหมาะสมส่วนบุคคล
ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง The winning investment habits of George Soros
and Warren Buffet
หลักการสำคัญก็คือเราต้องมีแนวทางของตัวเองครับ
แนวทางของผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นเพียงแค่แบบอย่าง
ให้เราเลือกเอาสิ่งที่เหมาะกับเรามาประยุกต์ใช้มากกว่า
ที่จะเลียนแบบหรือยึดถือเป็นหลักทั้งหมด
ส่วนตัวผมชื่นชอบเรื่องการลงทุน
ดังนั้นไม่ว่าจะรูปแบบใด หรือลักษณะไหน
ของเพียงมันน่าสนใจ และมีเหตุมีผล
มีหลักการมารองรับ ผมก็จะพยายามศึกษา
" แมวสีอะไีรก็ได้ ขอให้จับหนูได้เป็นพอ "
ผมว่าสุดท้ายแล้วเป้าหมายของการลงทุน
ส่วนใหญ่แล้วก็คือการทำ "กำไร"
ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ วิธีที่ได้กำไรเร็วที่สุด
ด้วยความเสี่ยงที่น้อยที่สุด ในเวลาที่สั้นที่สุด
และลงทุนแล้วมีความสุขใจหรือสบายใจมากที่สุด
ส่วนจะเป็นวิธีไหนนั้น มีร้อยแปดครับ
ขึ้นอยู่กับความชอบ และความเหมาะสมส่วนบุคคล
ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง The winning investment habits of George Soros
and Warren Buffet
หลักการสำคัญก็คือเราต้องมีแนวทางของตัวเองครับ
แนวทางของผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นเพียงแค่แบบอย่าง
ให้เราเลือกเอาสิ่งที่เหมาะกับเรามาประยุกต์ใช้มากกว่า
ที่จะเลียนแบบหรือยึดถือเป็นหลักทั้งหมด
ส่วนตัวผมชื่นชอบเรื่องการลงทุน
ดังนั้นไม่ว่าจะรูปแบบใด หรือลักษณะไหน
ของเพียงมันน่าสนใจ และมีเหตุมีผล
มีหลักการมารองรับ ผมก็จะพยายามศึกษา
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 39
สงสัยนิดหน่อยครับ...
เหลือเงินสดไว้ตลอด... เพื่อที่จะเอาไว้ซื้อหุ้นเผื่อกรณีมีวิกฤต (อย่างเช่นปีที่แล้วเป็นต้น)
แล้วสมมติว่าเราทำได้ตามนั้นจริงๆ เมื่อวิกฤตเกิดขึ้น เราจะทำยังไงต่อครับ.. ถ้าเอาเงินไปซื้อหุ้นเพราะเห็นว่าราคามันถูก มันก็ไม่เหลือเงินสดสิครับ
ผมว่าการเหลือเงินสดไว้ตลอดดูไม่ค่อย Flexible เท่าไหร่.. ส่วนตัวผมสัดส่วนเงินสด ควรจะขึ้นอยู่กับความถูกความแพงของหุ้นเป็นหลักครับ..
- ถ้าหุ้นที่ถืออยู่หรือหุ้นในตลาดมันถูกมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่หุ้นราคาถูก แบบนี้เงินสดอาจจะไม่เหลือเลยก็ได้
- ถ้าหุ้นมันถูกแบบกลาง หุ้นดีๆถูกพอหาได้ แต่ก็ต้องใช้ความพยายามระดับนึง ก็อาจจะเหลือไว้นิดหน่อย
- ถ้าหุ้นมันแพงมาก หาหุ้นยังไงก็ไม่เจอ แบบนี้จะถือเงินสดมัน 100% เลยก็ไม่เป็นไรครับ
แบบนี้ผมว่าดูจะเข้ากับหลักการ VI ดีกว่านะ Flexible กว่าด้วย
เหลือเงินสดไว้ตลอด... เพื่อที่จะเอาไว้ซื้อหุ้นเผื่อกรณีมีวิกฤต (อย่างเช่นปีที่แล้วเป็นต้น)
แล้วสมมติว่าเราทำได้ตามนั้นจริงๆ เมื่อวิกฤตเกิดขึ้น เราจะทำยังไงต่อครับ.. ถ้าเอาเงินไปซื้อหุ้นเพราะเห็นว่าราคามันถูก มันก็ไม่เหลือเงินสดสิครับ
ผมว่าการเหลือเงินสดไว้ตลอดดูไม่ค่อย Flexible เท่าไหร่.. ส่วนตัวผมสัดส่วนเงินสด ควรจะขึ้นอยู่กับความถูกความแพงของหุ้นเป็นหลักครับ..
- ถ้าหุ้นที่ถืออยู่หรือหุ้นในตลาดมันถูกมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่หุ้นราคาถูก แบบนี้เงินสดอาจจะไม่เหลือเลยก็ได้
- ถ้าหุ้นมันถูกแบบกลาง หุ้นดีๆถูกพอหาได้ แต่ก็ต้องใช้ความพยายามระดับนึง ก็อาจจะเหลือไว้นิดหน่อย
- ถ้าหุ้นมันแพงมาก หาหุ้นยังไงก็ไม่เจอ แบบนี้จะถือเงินสดมัน 100% เลยก็ไม่เป็นไรครับ
แบบนี้ผมว่าดูจะเข้ากับหลักการ VI ดีกว่านะ Flexible กว่าด้วย
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
-
- Verified User
- โพสต์: 691
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 40
เห็นด้วยกับแนวทางของพี่โยโย่ครับ เพราะตอนนี้ผมมีตังค์อยู่ในพอท 300 บาท
โดยส่วนตัวก็ดูหุ้นอยู่ประมาณ 30-40 ตัวเองครับ -.- แต่ถ้าศึกษาจริงจังก็ 8-10 ตัว คิดว่ามันแพงไปละก็หยุดซื้อ แต่ถ้ายังถูกก็ซื้อหมด ขนาดทุ่มทุนสร้างยังอยากได้เพิ่มอีกสัก 3 ตัวเลยครับ :lol:
ส่วนแนวทาง fundflow ของพี่ฮง ผมว่ามันก็เป็น ตัวที่ช่วยเตือนเรานะครับ มันยังมีความเป็นไปได้จากข้อมูลอ้างอิง
โดยส่วนตัวก็ดูหุ้นอยู่ประมาณ 30-40 ตัวเองครับ -.- แต่ถ้าศึกษาจริงจังก็ 8-10 ตัว คิดว่ามันแพงไปละก็หยุดซื้อ แต่ถ้ายังถูกก็ซื้อหมด ขนาดทุ่มทุนสร้างยังอยากได้เพิ่มอีกสัก 3 ตัวเลยครับ :lol:
ส่วนแนวทาง fundflow ของพี่ฮง ผมว่ามันก็เป็น ตัวที่ช่วยเตือนเรานะครับ มันยังมีความเป็นไปได้จากข้อมูลอ้างอิง
The best way to predict the future is to invent it.
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 41
เยี่ยมครับ เห็นด้วยอย่างยิ่งyoyo เขียน:ส่วนตัวผมสัดส่วนเงินสด ควรจะขึ้นอยู่กับความถูกความแพงของหุ้นเป็นหลักครับ..
- ถ้าหุ้นที่ถืออยู่หรือหุ้นในตลาดมันถูกมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่หุ้นราคาถูก แบบนี้เงินสดอาจจะไม่เหลือเลยก็ได้
- ถ้าหุ้นมันถูกแบบกลาง หุ้นดีๆถูกพอหาได้ แต่ก็ต้องใช้ความพยายามระดับนึง ก็อาจจะเหลือไว้นิดหน่อย
- ถ้าหุ้นมันแพงมาก หาหุ้นยังไงก็ไม่เจอ แบบนี้จะถือเงินสดมัน 100% เลยก็ไม่เป็นไรครับ
ดั้งนั้น เพื่อไม่ให้ "เสียโอกาสลงทุน ของเงินสด" ต้องมีหุ้นที่ศึกษาไว้รองรับ
เงินสดที่ได้มาจาก
- การขาย หุ้นตัวที่ถึงเป้าหมาย
- รายได้ประจำ
- เงินปันผล
กระโดดออกจากตัวที่หมดแรง ขึ้นม้าตัวใหม่ที่แรงกว่า
ไม่ต้องลงมานั่งรอ
แต่ทางปฏิบัติ
ทำได้ดีแค่ใหนขึ้นอยู่กับ
ความสามารถ จังหวะ การตัดสินใจ และ โอกาสครับ
คนที่รู้จักหุ้น หลายตัว อย่าง โจ ลูกอิสาน เลย ไม่มีคำว่า "แล้งหุ้น" (หาหุ้นดี แต่ถูก ไม่เจอ)ได้เปรียบคนในตลาดเสมอ
ไม่ปล่อยให้เงินสดนอน อยู่เสียโอกาส:lol:
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 42
เห็นด้วยครับ จะได้ไม่เสียโอกาสของเงิน เงินมีต้นทุนครับ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 43
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่านะ
รอบนี้พี่กองทุยทั้งนอกและใน วางหมากมาอย่างดีประกอบกับสถานการณ์
ต่างประเทศเป็นจัย รอบนี้ขึ้นมาได้จากลูกกระจ๊อกก่อน เหลือตัวพ่อที่ยังดู
ไม่ไปไหน
ทำให้ set ที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงกลับยังมีพลังเฮือกใหญ่ที่เป็นเงาแฝงอยู่
ด้านหลัง ไว้เป็นหมัดเด็ดอีกชุด(หรือเปล่า)
วิ่งแบบไม่ยอมหยุดพัก มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าเนีย ยังไงใครถึงเป้าแล้ว
ก้อระมัดระวังตัวกันด้วยนะครับ
ส่วนตัวผมร้องได้คำเดียว โอ้โห นายแน่มาก
รอบนี้พี่กองทุยทั้งนอกและใน วางหมากมาอย่างดีประกอบกับสถานการณ์
ต่างประเทศเป็นจัย รอบนี้ขึ้นมาได้จากลูกกระจ๊อกก่อน เหลือตัวพ่อที่ยังดู
ไม่ไปไหน
ทำให้ set ที่ดูเหมือนจะอ่อนแรงกลับยังมีพลังเฮือกใหญ่ที่เป็นเงาแฝงอยู่
ด้านหลัง ไว้เป็นหมัดเด็ดอีกชุด(หรือเปล่า)
วิ่งแบบไม่ยอมหยุดพัก มันจะเป็นไปได้หรือเปล่าเนีย ยังไงใครถึงเป้าแล้ว
ก้อระมัดระวังตัวกันด้วยนะครับ
ส่วนตัวผมร้องได้คำเดียว โอ้โห นายแน่มาก
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 44
ผมพบว่าการซื้อหุ้นดี ๆ เก็บไว้ที่ราคาเหมาะสม ก็ไม่ต้องทำอะไรมากแล้วครับ
ก็ถือรอไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังเติบโตอยู่ หรือหาหุ้นที่ดีกว่าเจอ
เก็บเงินก้นถุงไว้บ้าง เผื่อหุ้นในพอร์ตตัวไหนมันจะลงไปเยอะกว่าที่ควรจะเป็น
เหมือนซื้อ options short เอาไว้ แบบใช้เงินสด ซื้อที cover หุ้นทุกในพอร์ต ฮา
หรือสลับตัวบ้าง ถ้าหุ้นบางตัวมันแรงไป หรือ บางตัวอืดไป หรือสภาวะแวดล้อมเปลี่ยน
แผนการผมคือลองไปศึกษา options/futures ดู แต่ไม่รู้ work ป่าว
แต่หุ้นในพอร์ตหลายตัว คิดว่าทั้งราคาและคุณภาพดีพอถือยาวได้ (มั้ง :lol: )
ก็ถือรอไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังเติบโตอยู่ หรือหาหุ้นที่ดีกว่าเจอ
เก็บเงินก้นถุงไว้บ้าง เผื่อหุ้นในพอร์ตตัวไหนมันจะลงไปเยอะกว่าที่ควรจะเป็น
เหมือนซื้อ options short เอาไว้ แบบใช้เงินสด ซื้อที cover หุ้นทุกในพอร์ต ฮา
หรือสลับตัวบ้าง ถ้าหุ้นบางตัวมันแรงไป หรือ บางตัวอืดไป หรือสภาวะแวดล้อมเปลี่ยน
แผนการผมคือลองไปศึกษา options/futures ดู แต่ไม่รู้ work ป่าว
แต่หุ้นในพอร์ตหลายตัว คิดว่าทั้งราคาและคุณภาพดีพอถือยาวได้ (มั้ง :lol: )
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
There is no secret ingredient. It's just you.
-
- Verified User
- โพสต์: 503
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 45
:lol:
พยายามลงทุนอย่างต่อเนื่องครับ
เเต่สารภาพจริงๆว่าช่วงนี้ถือเงินสดเยอะมาก เกือบ50 %
ถ้าไม่มองตัวเลข700 ของ set ดูเเล้วยังมีหลายตัวที่ไม่เป็นที่นิยมของตลาด
ยังมีกำไรผลประกอบการ เเละสินทรัพย์ดูน่าสนใจ สงสัยว่าต้องหันไปมองหุ้น
ตัวอื่นๆนอกจากตัวที่เล็งไว้ ซะเเล้วหุ้นดีที่มองไว้ราคาซื้อไม่ลงจริงๆ
พยายามลงทุนอย่างต่อเนื่องครับ
เเต่สารภาพจริงๆว่าช่วงนี้ถือเงินสดเยอะมาก เกือบ50 %
ถ้าไม่มองตัวเลข700 ของ set ดูเเล้วยังมีหลายตัวที่ไม่เป็นที่นิยมของตลาด
ยังมีกำไรผลประกอบการ เเละสินทรัพย์ดูน่าสนใจ สงสัยว่าต้องหันไปมองหุ้น
ตัวอื่นๆนอกจากตัวที่เล็งไว้ ซะเเล้วหุ้นดีที่มองไว้ราคาซื้อไม่ลงจริงๆ
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น กระเพื่อม
โพสต์ที่ 48
พีว่าน่าจะเปลี่ยนจาก กำไรเร็วที่สุด เป็น กำไรมากที่สุดkornjackrit เขียน: ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ วิธีที่ได้กำไรเร็วที่สุด
ด้วยความเสี่ยงที่น้อยที่สุด ในเวลาที่สั้นที่สุด
และลงทุนแล้วมีความสุขใจหรือสบายใจมากที่สุด
ถ้าเราเลือกกำไรเร็วที่สุดอาจเป็นกำไรที่น้อยที่สุดก็ได้นะ
แบบที่เดย์เทรดชอบทำ
:lol: แซวเล่นนะ