ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 1
ผมขอพูดถึงตลาดหุ้นในมุมมองของความน่าจะเป็น แบบไม่อิงปัจจัยทั่วไปดูนะครับ
หากเรามองในมุมมองของนักพนันแล้ว ตลาดหุ้นซึ่งมีความน่าจะเป็นแค่เพียง 2 ชนิดคือ ขึ้น หรือ ลง จะมีความน่าจะเป็นคือ 50/50 หรือมีผลตอบแทนคาดหวังที่ 0%
อันที่จริงแล้วจากการสำรวจโดยทั่วไปพบว่าโดยเฉลี่ยตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ 10% ต่อปี
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังไม่น่าจะเป็น 0% แต่ควรจะเป็นบวกเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แต่ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราจึงมักได้ยินเรื่องราวของคนที่หมดตัวจากตลาดหุ้นบ่อย ๆ
คำตอบก็คือ "คอมมิชชั่น"
ใช่แล้วครับ ค่าคอมมิชชั่น 0.25 % นั่นแหละที่ทำให้คนหมดตัวกัน
ผลตอบแทนต่อปี 10% ถ้าหากคิดเป็นผลตอบแทนต่อวัน จะเท่ากับ 10/365 = 0.027 %
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังในตลาดหุ้นแบบ day trade ที่ซื้อขายกันวันต่อวันจึงเป็น 0.027-(0.25*2) = -0.473 %
หากคุณใช้เงินต้นจำนวน1,000,000 บาททำการซื้อขายแบบเต็มจำนวนทุก ๆ วันด้วยอัตรากำไรคาดหวัง -0.473 % นี้เป็นเวลา 200 วัน มีโอกาสสูงมากที่เงินต้นของคุณจะเหลือเพียงประมาณ 387,420.59 บาท หรือประมาณ 38.74%
หากเรามองในมุมมองของนักพนันแล้ว ตลาดหุ้นซึ่งมีความน่าจะเป็นแค่เพียง 2 ชนิดคือ ขึ้น หรือ ลง จะมีความน่าจะเป็นคือ 50/50 หรือมีผลตอบแทนคาดหวังที่ 0%
อันที่จริงแล้วจากการสำรวจโดยทั่วไปพบว่าโดยเฉลี่ยตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ 10% ต่อปี
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังไม่น่าจะเป็น 0% แต่ควรจะเป็นบวกเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แต่ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราจึงมักได้ยินเรื่องราวของคนที่หมดตัวจากตลาดหุ้นบ่อย ๆ
คำตอบก็คือ "คอมมิชชั่น"
ใช่แล้วครับ ค่าคอมมิชชั่น 0.25 % นั่นแหละที่ทำให้คนหมดตัวกัน
ผลตอบแทนต่อปี 10% ถ้าหากคิดเป็นผลตอบแทนต่อวัน จะเท่ากับ 10/365 = 0.027 %
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังในตลาดหุ้นแบบ day trade ที่ซื้อขายกันวันต่อวันจึงเป็น 0.027-(0.25*2) = -0.473 %
หากคุณใช้เงินต้นจำนวน1,000,000 บาททำการซื้อขายแบบเต็มจำนวนทุก ๆ วันด้วยอัตรากำไรคาดหวัง -0.473 % นี้เป็นเวลา 200 วัน มีโอกาสสูงมากที่เงินต้นของคุณจะเหลือเพียงประมาณ 387,420.59 บาท หรือประมาณ 38.74%
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 193
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 2
ผมว่าสิ่งที่คุณคิดเป็นแนวความคิดแนว VI เลยที่เดียว และโบกเกอร์ก็น่าจะไม่ชอบนักลงทุนแนว vi นะผมว่า แต่ทำไงได้ละครับ ก็คนมันอยู่ไม่สุขอะชอบมีเสียวชอบมีลุ้น เห็นราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วจินตนาการเข้าถูกขายแพง ซึ่งจริง ๆ ไม่มีใครทำได้ 100 % หรอก คิดแบบเต่าค่อย ๆ รอเวลาไปเรี่อย ๆ 10% ต่อปียืนพื้น นอกเหนือจากนั้นเป็นผลพลายได้น่าจะเป็นความคิดแนว VI ดั่งเดิมนะผมว่า :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 4
[quote="peacedev"]ผมขอพูดถึงตลาดหุ้นในมุมมองของความน่าจะเป็น แบบไม่อิงปัจจัยทั่วไปดูนะครับ
หากเรามองในมุมมองของนักพนันแล้ว ตลาดหุ้นซึ่งมีความน่าจะเป็นแค่เพียง 2 ชนิดคือ ขึ้น หรือ ลง จะมีความน่าจะเป็นคือ 50/50 หรือมีผลตอบแทนคาดหวังที่ 0%
อันที่จริงแล้วจากการสำรวจโดยทั่วไปพบว่าโดยเฉลี่ยตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ 10% ต่อปี
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังไม่น่าจะเป็น 0% แต่ควรจะเป็นบวกเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แต่ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราจึงมักได้ยินเรื่องราวของคนที่หมดตัวจากตลาดหุ้นบ่อย ๆ
คำตอบก็คือ "คอมมิชชั่น"
ใช่แล้วครับ ค่าคอมมิชชั่น 0.25 % นั่นแหละที่ทำให้คนหมดตัวกัน
ผลตอบแทนต่อปี 10% ถ้าหากคิดเป็นผลตอบแทนต่อวัน จะเท่ากับ 10/365 = 0.027 %
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังในตลาดหุ้นแบบ day trade ที่ซื้อขายกันวันต่อวันจึงเป็น 0.027-(0.25*2) = -0.473 %
หากเรามองในมุมมองของนักพนันแล้ว ตลาดหุ้นซึ่งมีความน่าจะเป็นแค่เพียง 2 ชนิดคือ ขึ้น หรือ ลง จะมีความน่าจะเป็นคือ 50/50 หรือมีผลตอบแทนคาดหวังที่ 0%
อันที่จริงแล้วจากการสำรวจโดยทั่วไปพบว่าโดยเฉลี่ยตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ 10% ต่อปี
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังไม่น่าจะเป็น 0% แต่ควรจะเป็นบวกเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แต่ถ้าเช่นนั้น เหตุใดเราจึงมักได้ยินเรื่องราวของคนที่หมดตัวจากตลาดหุ้นบ่อย ๆ
คำตอบก็คือ "คอมมิชชั่น"
ใช่แล้วครับ ค่าคอมมิชชั่น 0.25 % นั่นแหละที่ทำให้คนหมดตัวกัน
ผลตอบแทนต่อปี 10% ถ้าหากคิดเป็นผลตอบแทนต่อวัน จะเท่ากับ 10/365 = 0.027 %
ดังนั้นผลตอบแทนคาดหวังในตลาดหุ้นแบบ day trade ที่ซื้อขายกันวันต่อวันจึงเป็น 0.027-(0.25*2) = -0.473 %
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 5
แนวคิดนี้ไม่ใช่แนวคิด VI ครับ
ตามที่ผมได้เกริ่นนำว่าขอตัดปัจจัยอ้างอิง เช่น การทำนาย, คาดการณ์, ปัจจัยพิ้นฐาน ออกไป เพื่อให้เป็นมุมมองในแง่ของความน่าจะเป็น
โดยจุดประสงค์แท้จริงของประเด็นนี้ไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษหรือยกย่องว่าแนวทางดีหรือไม่ แต่ต้องการจะนำเสนอตัว benchmark ครับ
ถ้าหากเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ day treader เขาจะคงจะไม่เชื่อผมเป็นแน่ เพราะส่วนใหญ่เขาจะมีมุมมองในแบบที่ว่า เขาสามารถ ใช้เทคนิคการเทรดให้ชนะตลาดได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ไม่ผิดครับ เพราะจุดที่ผมนำเสนอนั้นได้ตัดปัจจัยอ้างอิง เช่นการทำนาน ออกไปแล้ว
ดังนั้นหากวัดจาก benchmark ตัวนี้แล้ว ในระยะยาว day treader ที่รักษาเงินต้นได้นั้นนับว่าเป็น day treader ที่มีความสามารถสูง และหากเขามีกำไรในระยะยาว แสดงว่าเขามีความสามารถที่สูงกว่า แบบแรกอีก
ถ้าในการเทรดวัดจากเงินต้นได้ 200 รอบแล้ว เหลือเงินประมาณ 38.74% แสดงว่าเขาทำไ้ด้ตามค่าสถิติที่ควรจะเป็นซึ่งก็ไม่ถือว่าดีนัก แต่ถ้าหากทำได้ต้ำกว่านั้น ถือว่าเขาทำได้แย่มาก
อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ไม่ใช่แนวทางแบบ VI แต่ผมเองกลับเห็นว่าเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบ VI หลาย ๆ ท่าน
ยกตัวอย่างเช่น ท่าน Warren Buffett ผมมีสมมุติฐานว่าท่านเองก็เป็นคนที่ก็เกลียดค่า คอมมิชชั่นมาก ๆ คนหนึ่ง จากที่ท่านซื้อหุ้นแล้วแทบจะไม่ยอมขายเลย แม้ว่าบางทีหุ้นนั้นราคาขึ้นไปจนสูงมากเกินไปแล้วก็ตาม ท่านไม่ชอบ switch หุ้น และความถี่ที่เข้าซื้อนั้นก็ถือว่าต่ำมาก ๆ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาแชร์ความคิดเห็นครับ
ตามที่ผมได้เกริ่นนำว่าขอตัดปัจจัยอ้างอิง เช่น การทำนาย, คาดการณ์, ปัจจัยพิ้นฐาน ออกไป เพื่อให้เป็นมุมมองในแง่ของความน่าจะเป็น
โดยจุดประสงค์แท้จริงของประเด็นนี้ไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษหรือยกย่องว่าแนวทางดีหรือไม่ แต่ต้องการจะนำเสนอตัว benchmark ครับ
ถ้าหากเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ day treader เขาจะคงจะไม่เชื่อผมเป็นแน่ เพราะส่วนใหญ่เขาจะมีมุมมองในแบบที่ว่า เขาสามารถ ใช้เทคนิคการเทรดให้ชนะตลาดได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ไม่ผิดครับ เพราะจุดที่ผมนำเสนอนั้นได้ตัดปัจจัยอ้างอิง เช่นการทำนาน ออกไปแล้ว
ดังนั้นหากวัดจาก benchmark ตัวนี้แล้ว ในระยะยาว day treader ที่รักษาเงินต้นได้นั้นนับว่าเป็น day treader ที่มีความสามารถสูง และหากเขามีกำไรในระยะยาว แสดงว่าเขามีความสามารถที่สูงกว่า แบบแรกอีก
ถ้าในการเทรดวัดจากเงินต้นได้ 200 รอบแล้ว เหลือเงินประมาณ 38.74% แสดงว่าเขาทำไ้ด้ตามค่าสถิติที่ควรจะเป็นซึ่งก็ไม่ถือว่าดีนัก แต่ถ้าหากทำได้ต้ำกว่านั้น ถือว่าเขาทำได้แย่มาก
อันที่จริงแล้ว ถึงแม้ไม่ใช่แนวทางแบบ VI แต่ผมเองกลับเห็นว่าเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบ VI หลาย ๆ ท่าน
ยกตัวอย่างเช่น ท่าน Warren Buffett ผมมีสมมุติฐานว่าท่านเองก็เป็นคนที่ก็เกลียดค่า คอมมิชชั่นมาก ๆ คนหนึ่ง จากที่ท่านซื้อหุ้นแล้วแทบจะไม่ยอมขายเลย แม้ว่าบางทีหุ้นนั้นราคาขึ้นไปจนสูงมากเกินไปแล้วก็ตาม ท่านไม่ชอบ switch หุ้น และความถี่ที่เข้าซื้อนั้นก็ถือว่าต่ำมาก ๆ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่เข้ามาแชร์ความคิดเห็นครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 7
ท่านเกลียดภาษีมากกว่าครับpeacedev เขียน:ยกตัวอย่างเช่น ท่าน Warren Buffett ผมมีสมมุติฐานว่าท่านเองก็เป็นคนที่ก็เกลียดค่า คอมมิชชั่นมาก ๆ คนหนึ่ง จากที่ท่านซื้อหุ้นแล้วแทบจะไม่ยอมขายเลย แม้ว่าบางทีหุ้นนั้นราคาขึ้นไปจนสูงมากเกินไปแล้วก็ตาม ท่านไม่ชอบ switch หุ้น และความถี่ที่เข้าซื้อนั้นก็ถือว่าต่ำมาก ๆ
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 10
เซียน- ลิง- เด็ก โดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวราsai เขียน: หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
ท่อนนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรครับ แต่เห็นด้วยเรื่องไม่ควรซื้อขายบ่อยครับ
http://portal.settrade.com/blog/nivate/2007/04/11/16
นกแก้วแสนรู้ แข่งเล่นหุ้น เก่งกว่าคน
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 8cdeda1c06
บทอ้างอิงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการลงทุนแบบ random ครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 12
[quote="chatchai"]ผมอยากขยายความ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 13
ด้วยเหตุว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายค่าคอมไปได้มาก และ โอกาสในการกำไรมากขึ้นเพราะเวลาเป็นมิตรที่ดีกับนักลงทุน(วีไอ)เสมอครับ :idea:
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 14
[quote="ศิษย์เซียน007"]ด้วยเหตุว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายค่าคอมไปได้มาก และ โอกาสในการกำไรมากขึ้นเพราะเวลาเป็นมิตรที่ดีกับนักลงทุน(วีไอ)เสมอครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 15
มิกล้าๆ ข้าน้อยขอรับด้วยใจ เพราะข้าน้อยจดจำคำสอนสั่งและการชี้แนะของท่านเจ้าสำนักใส่ใจจึงพอไขข้อข้องใจของท่านได้บ้างเท่านั้นเอง :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 16
sai เขียน: หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
ท่อนนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรครับ แต่เห็นด้วยเรื่องไม่ควรซื้อขายบ่อยครับ
ส่วนนึงจากจดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway
February 28, 1997
Let me add a few thoughts about your own investments. Most
investors, both institutional and individual, will find that the best way to own common stocks is through an index fund that charges minimal fees. Those following this path are sure to beat the net results (after fees and expenses) delivered by the great majority of investment professionals.
จากข้างบนนี้ ที่บัฟเฟตท่านบอกไว้ว่าข้อได้เปรียบที่จะทำให้ชนะพวกนักลงทุนมืออาชีพส่วนใหญ่ในตลาดได้มาจาก ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเทรดทั่วไป
สมมติว่าเหตุการณ์นี้เกิดในประเทศไทย
แสดงว่า การซื้อกองทุนดัชนี (ซึ่งเท่ากับการซื้อหุ้นทุกตัวที่อยู่ใน set50)
1. แค่ช่วยกระจายความเสี่ยงไม่ให้กระจุกตัว (แต่จริงๆความเสี่ยงไม่ได้หายไปไหน) ดัชนีร่วงที ก็วอดวายตาม ???
2. ค่าธรรมเนียมซื้อขายที่ต่ำเมื่อเทียบกับกองทุนที่มีคนบริหาร + ผลตอบแทนที่ได้พอๆๆกับ set50 แสดงว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่แพ้ตลาด ???
3. การใช้ DCA ทะยอยซื้อทุกๆงวดเท่ากัน ติดต่อกัน 10 ปีอย่างน้อย เป็นการ confirm หรือไม่ว่า
3.1 การเก็บเงินไว้ในหุ้นนานๆๆ จะให้เงินทุนเริ่มต้นเพิ่มมากกว่าการ
เก็บเงินใน รูปแบบอื่นๆ ???
3.2 การเก็บเงินไว้ในหุ้นนานๆๆ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นดีกว่า
การเก็บเงินในรูปแบบอื่น ???
จากประสบการณ์ที่ลงทุนหลายปีของทุกท่าน
ผมขอ comment ข้อ 3 แบบเปรี้ยงๆๆๆเลยนะครับ
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 17
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
DCA เหมาะกับตลาดขาลง
DCA เหมาะกับตลาดขาลง
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 20
[quote="support"]และ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 21
อันนี้ก็เห็นด้วยครับpoppo เขียน: ไม่มีวิธีใดเหมาะกับตลาดขาลง ถ้าเราไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของสิ่งที่เราซื้อ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 22
ข้อนี้ไม่อยากบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้าทำเช่นนั้นอาจเป็นการโกหกน่ะครับpoppo เขียน: หุ้นลงอย่าพัวพัน
เพราะกำไรส่วนใหญ่ของผมที่มีมาก ๆ มาจากหุ้นพื้นฐานดีมี upside สูงที่ราคาตกลงมามาก ๆ
ถือว่าขออนุญาติแสดงความคิดเห็นส่วนตัวก็แล้วกันครับผิดถูกก็อย่าได้ถือสาหาความเลยครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 24
คุณ poppo หมายถึงอย่าไปพัวพันตอนมันกำลังลงน่ะครับpeacedev เขียน: ข้อนี้ไม่อยากบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้าทำเช่นนั้นอาจเป็นการโกหกน่ะครับ
เพราะกำไรส่วนใหญ่ของผมที่มีมาก ๆ มาจากหุ้นพื้นฐานดีมี upside สูงที่ราคาตกลงมามาก ๆ
ถือว่าขออนุญาติแสดงความคิดเห็นส่วนตัวก็แล้วกันครับผิดถูกก็อย่าได้ถือสาหาความเลยครับ
แต่ถ้าราคานิ่งๆ volumn แห้งหมาดๆแล้ว ก็เข้าไปนัวเนียได้เลยครับ :lol: :lol: :lol:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 25
คุณ poppo หมายถึงอย่าไปพัวพันตอนมันกำลังลงน่ะครับsorawut เขียน:
แต่ถ้าราคานิ่งๆ volumn แห้งหมาดๆแล้ว ก็เข้าไปนัวเนียได้เลยครับ :lol:
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 26
รู้สึกจะพิมพ์ผิดบ่อยเกินไปน่ะครับ
ขอแก้หน่อยละกัน
หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แก้เป็น
หากสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
เป็นเช่นนี้เอง ของคุณครับ
แก้เป็น
เป็นเช่นนี้เอง ขอบคุณครับ
ขอแก้หน่อยละกัน
หาสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
แก้เป็น
หากสุ่มซื้อหุ้นมาซักกลุ่มโดยที่ไม่มีความรู้เลยก็น่าจะมีกำไรในระยะยาวที่ 10% ต่อปี ได้ไม่ยากนัก
เป็นเช่นนี้เอง ของคุณครับ
แก้เป็น
เป็นเช่นนี้เอง ขอบคุณครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
ทำไมจึงไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ
โพสต์ที่ 28
คุ้น ๆ นะครับ ใช่น้อยอ้อยหรือเปล่าครับ :osai เขียน:( โปรดดูรูปประกอบของคุณ sorawut ไปขณะอ่านข้อความด้วย เหอเหอ )
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"