เราต้องตีกรอบของคำว่าตีแตกก่อนครับว่า ต้องการผลตอบแทนที่เท่าไหร่ และในระยะเวลานานแค่ไหน ถ้าคำว่าตีแตกแล้วได้ผลประกอบการ10%ตลอดชีวิตพี่ว่าทุกคนคงหาได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะเอาสัก100%ต่อปีนี่ มันจะมีจังหวะเวลาที่ซื้อและระยะเวลาการถือครองเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลตอบแทนkillyz เขียน:ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ
รบกวนอีกคำถาม พี่ช่วยเล่าประสบการณ์หุ้นที่พี่นริศตีแตกกับหุ้นตีพี่นริศแตก อะไรที่ทำให้พี่มองขาดและทำให้พี่มองพลาดไป
เช่นถ้าต้องการ100%ต่อปี หรือ8.33%ต่อเดือน ถามว่าตีแตกนี่ใช้อะไรเป็นตัววัดครับว่ามันจะไปถึงแน่. เพราะถ้าเป็นการเก็งกำไรคงจะไม่มีความมั่นใจมากนักอาจ50:50 แถมถ้าพลาดจากเดือนกลายเป็ฯสองเดือนเพราะตลาดไม่อำนวย ผลตอบแทนจะลดลงครึ่งหนึ่งทันที
โดยส่วนตัวพี่คิดว่า การตีแตกหุ้นที่ชัวร์ๆ100%ไม่พลาดเลยไม่มี ทุกอย่างจะมีpopเข้ามาเกี่ยวข้องและพี่จะเทียบกับผลตอบแทนที่คิดว่าได้ และถ้าพลาดมีMOSมากแค่ไหน
เช่นถ้ามีการทำtenderซื้อหุ้นคืน เราวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้วน่าจะเป็นไปได้90% และมีผลตอบแทนได้อีก15% น่าจะจบภายใน3เดือน และถ้าพลาด ไม่ได้เทรนเดอร์ จะมีผลตอบแทนจากการทำกำไรปกติ10%ต่อปี พี่จะเอาความน่าจะเป็นทั้งสองตัวมารวมกันและดูว่าเราได้มากแค่ไหนครับ
ส่วนหุ้นบางตัวที่พี่มั่นใจมากๆ เพราะมันถูกมากๆ มีMOSมากๆ ก็มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลวจากประสบการณ์การมองธุรกิจขาดหรือไม่ ที่ผ่านมาพี่ถึงใช้ลักษณะทะยอยเพิ่มจำนวนการถือครองไปเรื่อยๆครับ เท่าที่ตนเองรู้และคำนวนผลประกอบการแล้ว ผลตอบแทนได้เท่าที่เราพอใจ
เช่นเอาหุ้นสามตัวหลักของพี่ตอนนี้(80%ของพอร์ต) สองตัวแรกแสดงผลทางประสิทธิภาพของบริษัทเขาระดับหนึ่งแล้ว คือTNH SIS
เมื่อตอนที่พี่ซื้อTNHครั้งแรก ตอนแรกราคาประมาณ4บาทนิดๆ ผลประกอบการตอนนั้น กำไรไตรมาสหนึ่งประมาณ15ล้านบาท สามปีผ่านมา กำไรตอนนี้เฉลี่ยไตรมาสละ45ล้านบาท และมองว่าอนาคตอีก5ปี เขาน่าจะทำได้ถึง70ล้านบาทต่อไตรมาส(ถ้าปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง)
ส่วนSiSตอนที่เริ่มซื้อประมาณราคา3นิดๆ สองปีที่แล้วกำไรไตรมาสละประมาณ25-30ล้านบาท ตอนนี้กำไรไตรมาสละ50-60ล้านบาท และมองว่าอีก5ปีข้างหน้า เขาน่าจะทำกำไรได้ถึง100ล้านอัพต่อไตรมาส ซึ่งก็ต้องรอวันพิสูจน์ ส่วนอีกบริษัทที่ยังไม่แสดงผลในเชิงกำไร พี่ซื้อไปครึ่งปีที่ผ่านมาทุนราวๆ49บาท คือAHC ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมาขาดทุน และกำไรปีที่แล้ว66ล้านบาท แต่ผมมองว่าอีก3ปีกำไรน่าจะได้200ล้านต่อปี
ส่วนที่ล้มเหลวไว้ว่างจะมาเขียนต่อภาคสองครับ