เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 1
ขอตั้งกระทู้นี้ เพื่อให้เพื่อนๆได้แชร์ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปมาแล้ว
ในประเทศของเรา ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันครับ
สถานที่ไหนที่ไปมาแล้ว รู้สึกประทับใจ มีความสุข สวยงาม หรือ ไม่น่าไป
เที่ยวเลย อย่าไปเลย คิดผิด ก็ร่วมแชร์ๆกันได้ครับ
อยากให้เป็นแหล่งข้อมูลก่อนไปเที่ยวครับ
เฉพาะในประเทศไทยนะครับ
ในประเทศของเรา ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันครับ
สถานที่ไหนที่ไปมาแล้ว รู้สึกประทับใจ มีความสุข สวยงาม หรือ ไม่น่าไป
เที่ยวเลย อย่าไปเลย คิดผิด ก็ร่วมแชร์ๆกันได้ครับ
อยากให้เป็นแหล่งข้อมูลก่อนไปเที่ยวครับ
เฉพาะในประเทศไทยนะครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 2
เริ่มจากผมก่อนละกัน
อาทิตย์นี้ไปเที่ยว กาญจนบุรี มาครับ สวยกว่าที่คิดมากเลย บรรยากาศรอบ
ข้างเต็มไปด้วยภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ครบครันจิงๆครับ
อ้อ ผมไปพักที่ โรงแรม มนต์เสน่ห์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอน สปา บรรยากาศ
ก็โอเคครับ ติดแม่น้ำและภูเขา อยู่ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลมั้ง แต่โรงแรมไม่
ได้หรูอะไรมากมาย บรรยากาศเหมือนกิจการในครอบครัวครับ
ก้อได้ตะเวนไปรอบๆเมือง ไปแช่บ่อน้ำพุร้อน สะพานข้ามแม่น้ำแคว
วัดถ้ำเสือ น้ำตกไทรโยกน้อย ตะเวนชิมอาหารในตัวเมือง อาหารเยอะมากๆ
ครับ อร่อยด้วยแถมถูกอีก กินจนพุงกาง 4 คน จ่ายไป 280 สุดยอดจิงๆ
เสียดายขากลับฝนตก เลยอดแวะข้างทาง บรรยากาศสดชื่นมากครับ ทำให้
หายเหนื่อยได้จิงๆ
ต้องไปเที่ยวดูครับ คราวหน้าหากมีโอกาศ ว่าจะไปล่องแก่งครับ
อาทิตย์นี้ไปเที่ยว กาญจนบุรี มาครับ สวยกว่าที่คิดมากเลย บรรยากาศรอบ
ข้างเต็มไปด้วยภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ครบครันจิงๆครับ
อ้อ ผมไปพักที่ โรงแรม มนต์เสน่ห์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท แอน สปา บรรยากาศ
ก็โอเคครับ ติดแม่น้ำและภูเขา อยู่ห่างจากตัวเมือง 3 กิโลมั้ง แต่โรงแรมไม่
ได้หรูอะไรมากมาย บรรยากาศเหมือนกิจการในครอบครัวครับ
ก้อได้ตะเวนไปรอบๆเมือง ไปแช่บ่อน้ำพุร้อน สะพานข้ามแม่น้ำแคว
วัดถ้ำเสือ น้ำตกไทรโยกน้อย ตะเวนชิมอาหารในตัวเมือง อาหารเยอะมากๆ
ครับ อร่อยด้วยแถมถูกอีก กินจนพุงกาง 4 คน จ่ายไป 280 สุดยอดจิงๆ
เสียดายขากลับฝนตก เลยอดแวะข้างทาง บรรยากาศสดชื่นมากครับ ทำให้
หายเหนื่อยได้จิงๆ
ต้องไปเที่ยวดูครับ คราวหน้าหากมีโอกาศ ว่าจะไปล่องแก่งครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 4
สองปีที่แล้วไปเกาะกูดกับเพื่อนๆครับ ชอบมากเลย ไปเป็น package หน่ะครับ
แบบรวม speed boat รวมอาหารที่พัก แล้วก็พวกดูปะการังอะไรพวกนี้ไว้หมดแล้ว
สนุกครับธรรมชาติก็ยังสวยมาก น้ำใสกิ๊กเลย ปะการังก็ยังสวยๆอยู่เลยครับ
แบบรวม speed boat รวมอาหารที่พัก แล้วก็พวกดูปะการังอะไรพวกนี้ไว้หมดแล้ว
สนุกครับธรรมชาติก็ยังสวยมาก น้ำใสกิ๊กเลย ปะการังก็ยังสวยๆอยู่เลยครับ
_________
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 5
ผมก็ไปมา ที่เกาะสวยมาก ที่พักไม่แพงจนเกินไป เสียดายที่ไม่มี ATM ไม่อย่างนั้นคงได้พักนานกว่านี้โอ@ เขียน:สองปีที่แล้วไปเกาะกูดกับเพื่อนๆครับ ชอบมากเลย ไปเป็น package หน่ะครับ
แบบรวม speed boat รวมอาหารที่พัก แล้วก็พวกดูปะการังอะไรพวกนี้ไว้หมดแล้ว
สนุกครับธรรมชาติก็ยังสวยมาก น้ำใสกิ๊กเลย ปะการังก็ยังสวยๆอยู่เลยครับ
ปล.จะไปช่วงเทศกาลต้องติดต่อก่อนนะคับ ผมไปแบบตายดาบหน้า หาที่พักยากมากดีที่มีนักท่องเที่ยวยกเลิกห้อง :oops:
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 7
ผมก็ไปมา ที่เกาะสวยมาก ที่พักไม่แพงจนเกินไป เสียดายที่ไม่มี ATM ไม่อย่างนั้นคงได้พักนานกว่านี้กุหลาบงามหลังฝน เขียน:
ปล.จะไปช่วงเทศกาลต้องติดต่อก่อนนะคับ ผมไปแบบตายดาบหน้า หาที่พักยากมากดีที่มีนักท่องเที่ยวยกเลิกห้อง
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 9
หมู่เกาสุรินทร์
ลองดูครับ สุดยอดมากๆ
ปะการังน้ำตืนสวยจริงๆ เสียดายโดนสืนามิทำลายไปซะเยอะ
แต่ถ้าทะเล ผมให้ที่นี่เป็นที่หนึ่งในใจครับ
กลางวันดูปะการัง เล่นน้ำ ออกแรงให้พอเหนื่อย
ไปตอนกลางคืนกับคนรู้ใจละก็ นั่งริมหาด ฟังเสียงคลื่น ดูดาวแบบไม่มีแสงไฟ สวยลืมหายใจครับ
Confirm !!!
ลองดูครับ สุดยอดมากๆ
ปะการังน้ำตืนสวยจริงๆ เสียดายโดนสืนามิทำลายไปซะเยอะ
แต่ถ้าทะเล ผมให้ที่นี่เป็นที่หนึ่งในใจครับ
กลางวันดูปะการัง เล่นน้ำ ออกแรงให้พอเหนื่อย
ไปตอนกลางคืนกับคนรู้ใจละก็ นั่งริมหาด ฟังเสียงคลื่น ดูดาวแบบไม่มีแสงไฟ สวยลืมหายใจครับ
Confirm !!!
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 10
Firm ด้วยคน... สวยจริงๆจังๆsunrise เขียน:หมู่เกาสุรินทร์
ลองดูครับ สุดยอดมากๆ
ปะการังน้ำตืนสวยจริงๆ เสียดายโดนสืนามิทำลายไปซะเยอะ
แต่ถ้าทะเล ผมให้ที่นี่เป็นที่หนึ่งในใจครับ
กลางวันดูปะการัง เล่นน้ำ ออกแรงให้พอเหนื่อย
ไปตอนกลางคืนกับคนรู้ใจละก็ นั่งริมหาด ฟังเสียงคลื่น ดูดาวแบบไม่มีแสงไฟ สวยลืมหายใจครับ
Confirm !!!
ปลาเป็นแสนเป็นล้าน ว่ายรอบตัวเรา.. ลานตาไปหมด
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- baby-investor
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 11
แนะนำภูหินร่องกล้าครับ เป็นลานหินที่มีหินขนาดฝ่ามือนูนขึ้นจากพื้นดินนับหมื่นนับแสนปุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะสรรสร้างอะไรแบบนี้ได้ อลังการจริงๆครับ
- Basketman
- Verified User
- โพสต์: 1208
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 12
ถ้ามาภาคเหนือแวะเชียงราย ก็หลังไมค์มาบอกได้ครับtum_H เขียน:ส่วนผม ยังเหลือภาคเหนือ ที่ยังไม่ได้ไป trip หน้าคงมีโอกาส แต่เป็นคนชอบ
น้ำกับทะเลมากกว่าครับ อยากไปเที่ยวเกาะกูด เหมือนเพื่อนๆด้านบนเหมือนกัน
จะแนะนำที่เที่ยวแบบเจาะลึกให้ ... :lol:
แต่ปลายปีผมมีโครงการไปเที่ยวที่นี่ครับ
Six Senses Hideaway Yao Noi
ไม่ใช่โรงแรมนี้นะครับ(เห็นราคาแล้วปวดตับ)
แต่ก็ใก้ลๆกัน....
"สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องไปปั่นเอาเอง"
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 15
แหมเสี่ยเจนBasketman เขียน: ถ้ามาภาคเหนือแวะเชียงราย ก็หลังไมค์มาบอกได้ครับ
จะแนะนำที่เที่ยวแบบเจาะลึกให้ ... :lol:
แต่ปลายปีผมมีโครงการไปเที่ยวที่นี่ครับ
Six Senses Hideaway Yao Noi
ไม่ใช่โรงแรมนี้นะครับ(เห็นราคาแล้วปวดตับ)
แต่ก็ใก้ลๆกัน....
ห้องสูทที่เกาะยาวน้อยห้องละสี่แสนต่อคืนเอง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- m_act_z
- Verified User
- โพสต์: 357
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 16
ไปแล้วประทับใจสุดๆ คงเป็นที่กระบี่ ส่วนตัวผมชอบไปเที่ยวทะเลมากกว่าป่า หรือน้ำตกครับ ที่กระบี่ทะเล สวยมากๆ ครับ ไปมาหลังเกิด สึนามิ ครับ ถ้าไปต้องนั่งเรื่อ ไป ดู ทะเลแหวก เที่ยวหมู่เกาะ 9 เกาะ ดูปะการัง ครับ น้ำทะเลใสแบบน้ำในสระว่ายน้ำเลยครับ เห็นฝูงปลาได้จากบนเรือ กิจกรรม ค่อนข้างเยอะครับ มีพายเรือ คายัค ตอนเช้าก็สนุกเเต่เหนื่อยมากๆ ครับ รวมๆ แล้วที่นี่ผมว่ามีครบทุกรส เลยครับ
- Qคุง
- Verified User
- โพสต์: 1328
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 17
ของผมว่า
ใต้
พังงา ไปก่อนซึนามิไม่กี่เดือนสวยและเป็นธรรมชาติมาก
แต่ที่ไปบ่อยแค่หัวหินเอง
เหนือ
น่านครับ ปีที่แล้วไปกางเต้นนอนชอบมากไม่ค่อยมีคนด้วยหากมีโอกาสจะไปอีก
แต่ที่ไปบ่อยเชียงใหม่
อิสาน
ชอบเขาใหญ่กางเต้นนอนสนุกมาก
ที่ไปบ่อยก็โคราช
ผมรักประเทศไทย
:D
ใต้
พังงา ไปก่อนซึนามิไม่กี่เดือนสวยและเป็นธรรมชาติมาก
แต่ที่ไปบ่อยแค่หัวหินเอง
เหนือ
น่านครับ ปีที่แล้วไปกางเต้นนอนชอบมากไม่ค่อยมีคนด้วยหากมีโอกาสจะไปอีก
แต่ที่ไปบ่อยเชียงใหม่
อิสาน
ชอบเขาใหญ่กางเต้นนอนสนุกมาก
ที่ไปบ่อยก็โคราช
ผมรักประเทศไทย
:D
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 18
ชายทะเลสวยมีหลายแห่ง แต่ถ้าแบบสบายกระเป๋า สงบ คนน้อย ไม่ต้องขึ้นเรือ ก้อแนะนำหาดดอนสำราญ (เลยบ้านกรูดนิด) ประจวบค่ะ ชายหาดตื้น ยาวหลายกม. (แต่มีแค่สองรีสอร์ทห่างกันหน่อย) เล่นน้ำกันได้ทั้งครอบครัวไม่มีมลพิษ
ถ้าดำน้ำตื้นดูปะการัง สวยสุดก้อทะเลตรัง
เที่ยวน้ำตกไทย สามารถไปสุดยอดน้ำตกได้หลายแห่ง น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นก้อสวยอลังการ หรือจะล่องแพเที่ยวทีลอซู ก้อสนุกไปอีกแบบ
ถ้าฤดูหนาว บรรยากาศเหนือ แต่ใกล้ๆ ก้อไปราชบุรี มีที่พักสวยๆ ริมเขา (ช่วงเสาร์อาทิตย์ ขอให้จองล่วงหน้าหลายเดือน) เที่ยวฟาร์มกล้วยไม้ อากาศสบาย หนาวนิดๆ
ไปไหนสำคัญสุดคือได้ไปกับคนรู้ใจ ก้อสุขใจ
ถ้าดำน้ำตื้นดูปะการัง สวยสุดก้อทะเลตรัง
เที่ยวน้ำตกไทย สามารถไปสุดยอดน้ำตกได้หลายแห่ง น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นก้อสวยอลังการ หรือจะล่องแพเที่ยวทีลอซู ก้อสนุกไปอีกแบบ
ถ้าฤดูหนาว บรรยากาศเหนือ แต่ใกล้ๆ ก้อไปราชบุรี มีที่พักสวยๆ ริมเขา (ช่วงเสาร์อาทิตย์ ขอให้จองล่วงหน้าหลายเดือน) เที่ยวฟาร์มกล้วยไม้ อากาศสบาย หนาวนิดๆ
ไปไหนสำคัญสุดคือได้ไปกับคนรู้ใจ ก้อสุขใจ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 19
เที่ยวเมืองศรีสะเกษ ดินแดนอีสานใต้
http://www.posttoday.com/travel.php?id=56409
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สวัสดีค่ะ โปรแกรมการท่องเที่ยวครั้งนี้ น้ำผึ้งและทีมงานเที่ยวละไมไทยแลนด์เวิลด์เดินทาง ไปยัง จ.ศรีสะเกษ
จุดหมายที่แรกคือ พระธาตุเรืองรอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัว อ.เมืองศรีสะเกษ เท่าไหร่นักค่ะ
พระธาตุเรืองรอง เป็นพระธาตุที่สร้างโดยการผสมศิลปะอีสานใต้สี่เผ่าเข้าด้วยกันค่ะ อันได้แก่ ลาว ส่วย เขมร แล้วก็ เยอ มีความงดงามมากๆ โดยท่านปู่ธัมมา พิทักษา เป็นผู้สร้างค่ะ ซึ่งมีทั้งหมด 6 ชั้น ภายในได้จัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของชนสี่เผ่า รวมถึงประเพณีชาวอีสานทั้งสิบสองเดือนค่ะ และด้วยพระธาตุเรืองรองได้รับการเชิดชูให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตต้นแบบ ทำให้ในแต่ละวันมี นักเรียน นักศึกษา เข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับจารีตประเพณีของอีสาน หากจะดูว่าเป็นเผ่าอะไรให้สังเกตที่หน้าตา เพราะแต่ละเผ่าหน้าตาจะไม่เหมือนกัน อย่างเผ่าเขมรปากจะหนาและมีผิวคล้ำค่ะ หรืออาจสังเกตได้จากการแต่งกายและชีวิตความเป็นอยู่ ถ้าเป็นเผ่าลาวโดยส่วนมากจะนิยมใช้ผ้าทอ ส่วนเผ่าเยอเป็นเผ่าที่รักสนุก รักความสนุกสนานมักมีการละเล่นต่างๆ อย่าง “สนาย” เขาจะนำเขาควายมาเป็นเครื่องดนตรี และเผ่าส่วยจะเป็นเผ่าที่ขยันที่สุดในจำนวนสี่เผ่า ส่วนมากจะมีอาชีพ ตีเหล็ก
ที่ศรีสะเกษนับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีพุทธสถานอันเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธอย่าง วัดมหาพุทธาราม หรือวัดหลวงพ่อโต ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ จึงมีผู้เข้ามากราบสักการะอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นเมื่อเรามาที่ศรีสะเกษ จึงไม่ควรพลาดที่จะมาสักการะหลวงพ่อโตกันค่ะ
เมื่อมาที่ศรีสะเกษ อีกสถานที่หนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ไปกันนั่นก็คือ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ เป็นสวน ที่ดำเนินการจัดสร้างขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้กระทรวงการศึกษาดำเนินการจัดสร้าง เพื่อเทิดพระเกียรติแด่องค์สมเด็จย่า ที่มีพระชน มายุ 80 พรรษา ตามพระราชดำริของสมเด็จย่า สวนนี้จะเป็นสวนที่เปิดให้ประชาชนเข้าพักผ่อนฟรี ซึ่งที่นี่เป็นสวนที่มีความรื่นรมย์ด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์คล้ายป่าธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่จะเป็นต้นลำดวน ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดขึ้นอยู่โดดเด่นนับหมื่นต้น นอกจากนี้ภายในสวนยังได้จัดแบ่งเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อม เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมอีกด้วย
มาถึงถิ่นดอกลำดวนทั้งที ควรแวะชิมขนมกลีบดอกลำดวนกันด้วย ที่มีชื่อเห็นจะเป็นร้านกิจเตียงค่ะ ร้านนี้อยู่หน้าสถานีรถไฟ
นอกจากขนมกลีบลำดวนแล้ว ยังมีขนมอีกมากมายให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน หากใครที่อยากได้ของพื้นเมืองก็ต้องไปที่ตึกขุนอำไพพาณิชย์ค่ะ เพราะที่นั่นมีของพื้นเมืองให้เลือกหลายอย่าง ทั้งยังได้ไปชมของสะสมของขุนอำไพพาณิชย์และบ้านโบราณด้วยค่ะ...
ติดตามชมและสัมผัสเรื่องราวการท่องเที่ยวของน้ำผึ้งในครั้งนี้ได้เช้าวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.นี้ ในรายการ “เที่ยว ละไม...ไทยแลนด์เวิลด์” เวลา 06.25 น. ทางช่อง 3 ค่ะ
http://www.posttoday.com/travel.php?id=56409
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สวัสดีค่ะ โปรแกรมการท่องเที่ยวครั้งนี้ น้ำผึ้งและทีมงานเที่ยวละไมไทยแลนด์เวิลด์เดินทาง ไปยัง จ.ศรีสะเกษ
จุดหมายที่แรกคือ พระธาตุเรืองรอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัว อ.เมืองศรีสะเกษ เท่าไหร่นักค่ะ
พระธาตุเรืองรอง เป็นพระธาตุที่สร้างโดยการผสมศิลปะอีสานใต้สี่เผ่าเข้าด้วยกันค่ะ อันได้แก่ ลาว ส่วย เขมร แล้วก็ เยอ มีความงดงามมากๆ โดยท่านปู่ธัมมา พิทักษา เป็นผู้สร้างค่ะ ซึ่งมีทั้งหมด 6 ชั้น ภายในได้จัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของชนสี่เผ่า รวมถึงประเพณีชาวอีสานทั้งสิบสองเดือนค่ะ และด้วยพระธาตุเรืองรองได้รับการเชิดชูให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตต้นแบบ ทำให้ในแต่ละวันมี นักเรียน นักศึกษา เข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับจารีตประเพณีของอีสาน หากจะดูว่าเป็นเผ่าอะไรให้สังเกตที่หน้าตา เพราะแต่ละเผ่าหน้าตาจะไม่เหมือนกัน อย่างเผ่าเขมรปากจะหนาและมีผิวคล้ำค่ะ หรืออาจสังเกตได้จากการแต่งกายและชีวิตความเป็นอยู่ ถ้าเป็นเผ่าลาวโดยส่วนมากจะนิยมใช้ผ้าทอ ส่วนเผ่าเยอเป็นเผ่าที่รักสนุก รักความสนุกสนานมักมีการละเล่นต่างๆ อย่าง “สนาย” เขาจะนำเขาควายมาเป็นเครื่องดนตรี และเผ่าส่วยจะเป็นเผ่าที่ขยันที่สุดในจำนวนสี่เผ่า ส่วนมากจะมีอาชีพ ตีเหล็ก
ที่ศรีสะเกษนับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีพุทธสถานอันเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธอย่าง วัดมหาพุทธาราม หรือวัดหลวงพ่อโต ที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ จึงมีผู้เข้ามากราบสักการะอย่างไม่ขาดสาย ดังนั้นเมื่อเรามาที่ศรีสะเกษ จึงไม่ควรพลาดที่จะมาสักการะหลวงพ่อโตกันค่ะ
เมื่อมาที่ศรีสะเกษ อีกสถานที่หนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ไปกันนั่นก็คือ สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ เป็นสวน ที่ดำเนินการจัดสร้างขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้กระทรวงการศึกษาดำเนินการจัดสร้าง เพื่อเทิดพระเกียรติแด่องค์สมเด็จย่า ที่มีพระชน มายุ 80 พรรษา ตามพระราชดำริของสมเด็จย่า สวนนี้จะเป็นสวนที่เปิดให้ประชาชนเข้าพักผ่อนฟรี ซึ่งที่นี่เป็นสวนที่มีความรื่นรมย์ด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์คล้ายป่าธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่จะเป็นต้นลำดวน ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดขึ้นอยู่โดดเด่นนับหมื่นต้น นอกจากนี้ภายในสวนยังได้จัดแบ่งเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อม เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมอีกด้วย
มาถึงถิ่นดอกลำดวนทั้งที ควรแวะชิมขนมกลีบดอกลำดวนกันด้วย ที่มีชื่อเห็นจะเป็นร้านกิจเตียงค่ะ ร้านนี้อยู่หน้าสถานีรถไฟ
นอกจากขนมกลีบลำดวนแล้ว ยังมีขนมอีกมากมายให้ได้เลือกซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน หากใครที่อยากได้ของพื้นเมืองก็ต้องไปที่ตึกขุนอำไพพาณิชย์ค่ะ เพราะที่นั่นมีของพื้นเมืองให้เลือกหลายอย่าง ทั้งยังได้ไปชมของสะสมของขุนอำไพพาณิชย์และบ้านโบราณด้วยค่ะ...
ติดตามชมและสัมผัสเรื่องราวการท่องเที่ยวของน้ำผึ้งในครั้งนี้ได้เช้าวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.นี้ ในรายการ “เที่ยว ละไม...ไทยแลนด์เวิลด์” เวลา 06.25 น. ทางช่อง 3 ค่ะ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 20
เดอะ บาราย กับไฮโซ 48 ชั่วโมง
http://www.posttoday.com/travel.php?id=54618
รายงานโดย :ร้อยตะวันพันดาว:
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
“ว้าว....” เสียงเพื่อนร้องเป็นระยะๆ ทันทีที่บัตเลอร์เปิดประตูพาพวกเราไปชื่นชมห้องพักของเดอะ บาราย ที่มีเพียง 8 ห้องเท่านั้น
ระยะที่ผ่านมา เดอะ บาราย สร้างชื่อให้ประเทศไทยมากมายด้วยการติดอันดับสปาระดับโลกที่คอสปาทั่วโลกถวิลหามาเยี่ยมยล ขณะเดียวกัน เดอะ บาราย เองก็เป็นโรงแรมสปาหนึ่งเดียวของหัวหินที่มีสปา เรสซิเดนเชียล สวีท ที่พรั่งพร้อมไปด้วยความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้คุณทำสปาในห้องพักได้อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน
เป็นสปาส่วนตัวที่มาหยุดจังหวะเวลาของวันพักผ่อนให้ทุกวินาทีดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและอิ่มเอมด้วยความรื่นรมย์เหมือนที่เพื่อนสาวกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้
“ที่นี่เรามีบัตเลอร์ส่วนตัวไว้คอยบริการคุณทุกอย่าง อยากเข้าสตีมหรือบาธ ก็เรียกบัตเลอร์มาเซตอัพให้ได้ตลอดเลยค่ะ” ฟังแค่นี้เพื่อนก็หูผึ่งขึ้นมาด้วยหัวใจพองโต แหม จะได้ใช้ชีวิตไฮโซกับเขาบ้าง แค่สองวันก็ยังดี นับจากนี้ 48 ชั่วโมงความเหนื่อยล้าที่หอบหิ้วมาจากสังคมเมืองคงพอละลายหายไปกับสายลมแสงแดดของหัวหินได้บ้าง
ห้องพักเดอะ บารายมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่ชนิดที่เรียกว่าอยู่คนเดียวคงเหงา แต่นี่มากันสองคนเลยอบอุ่นขึ้น ห้องพักชั้นล่างเป็นเดอะ บาราย พูล สวีท มีสระส่วนตัวอยู่หน้าห้องท่ามกลางสวนอันร่มรื่น ส่วนด้านบนเป็นเดอะ บาราย บัลโคนี สวีท มีระเบียงกว้างให้ดื่มด่ำวิวทะเลคลายเหงา
คะเนด้วยสายตาในห้องพักแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วนด้วยกัน ด้านนอกสุดคล้ายๆ จะเป็นมุมนั่งเล่น แต่เห็นเตียงสปาที่เมื่อไม่ใช้งานก็ปรับมาเป็นเดย์เบดไว้นอนเล่น ครั้นอยากนวดเมื่อไหร่ บอกบัตเลอร์ส่วนตัว เธอและพนักงานของสปาจะมาเนรมิตเตียงนี้ให้กลายเป็นเตียงทรีตเมนต์ขึ้นมาได้ในพริบตา
ลึกเข้าไปหน่อยคือห้องนอนที่โอ่โถง เล่นความหรูหราผ่านเตียงใหญ่โตขนาด 2X3 เมตรที่เพื่อนสาวบอกว่านอนได้สี่คนสบายๆ ผ่านจากห้องนอนคือห้องแต่งตัว ห้องสตีม และห้องน้ำ ซึ่งอยู่คนละฟากกัน และพื้นที่สุดท้ายเป็นอ่างสำหรับแช่ตัวที่สองฟากวางเบาะนอนขนาดใหญ่ไว้เอกเขนกกายสบายอารมณ์
พักในห้องนี้ อยากลงแช่ตัว บัตเลอร์จะบริการน้ำนมและเกลือสำหรับแช่ตัวให้ทุกครั้งที่คุณต้องการ อยากเข้าสตีม เธอคนเดิมก็มาเซตความร้อนของสตีมที่พอเหมาะไว้ให้ มินิบาร์ในห้องรับประทานอาหารได้เต็มที่ และตกเย็นก็ออกไปชิลเรียกน้ำย่อยที่บ้านแมคฟาร์แลนด์ บ้านไม้หลังงามที่ปรับมาเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพริมทะเล
“เวลาแขกมาพักก็สามารถนวดตัวได้ในห้องพักเลย แต่ส่วนใหญ่ชอบที่จะไปทำที่เดย์ สปากันมากกว่า” พนักงานสาวสวยอธิบายต่อ เชื่อเลยค่ะ สำหรับคนไม่เคยสัมผัสความงดงามของสปาย่อมอยากไปยลความอลังการนั้นสักครั้งในชีวิต แต่คนที่พอคุ้นๆ กันแล้ว คงเลือกนอนนวดสบายๆ ในห้องพัก เปิดเพลงสปาคลอเคล้าเบาๆ เร้าบรรยากาศให้ละมุนละไม เท่านี้ก็สุขเกินใครแล้ว
ยิ่งได้ตื่นเช้าออกมาตักบาตรริมทะเลซึ่งทางโรงแรมจัดไว้ให้ เป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่อิ่มใจ สุขกาย ก่อนเดินไปผ่อนคลายกับโยคะยามเช้า หรือไท้ชิตอนสาย เติมพลังให้กายและใจกลับสู่ความสมดุล
มานอนเป็นไฮโซรับการปรนนิบัติจากเดอะ บาราย แล้วคุณจะลืมไปเลยว่าโลกภายนอกนั้นวายวุ่นแค่ไหน
http://www.posttoday.com/travel.php?id=54618
รายงานโดย :ร้อยตะวันพันดาว:
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
“ว้าว....” เสียงเพื่อนร้องเป็นระยะๆ ทันทีที่บัตเลอร์เปิดประตูพาพวกเราไปชื่นชมห้องพักของเดอะ บาราย ที่มีเพียง 8 ห้องเท่านั้น
ระยะที่ผ่านมา เดอะ บาราย สร้างชื่อให้ประเทศไทยมากมายด้วยการติดอันดับสปาระดับโลกที่คอสปาทั่วโลกถวิลหามาเยี่ยมยล ขณะเดียวกัน เดอะ บาราย เองก็เป็นโรงแรมสปาหนึ่งเดียวของหัวหินที่มีสปา เรสซิเดนเชียล สวีท ที่พรั่งพร้อมไปด้วยความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้คุณทำสปาในห้องพักได้อย่างครบถ้วนทุกขั้นตอน
เป็นสปาส่วนตัวที่มาหยุดจังหวะเวลาของวันพักผ่อนให้ทุกวินาทีดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและอิ่มเอมด้วยความรื่นรมย์เหมือนที่เพื่อนสาวกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้
“ที่นี่เรามีบัตเลอร์ส่วนตัวไว้คอยบริการคุณทุกอย่าง อยากเข้าสตีมหรือบาธ ก็เรียกบัตเลอร์มาเซตอัพให้ได้ตลอดเลยค่ะ” ฟังแค่นี้เพื่อนก็หูผึ่งขึ้นมาด้วยหัวใจพองโต แหม จะได้ใช้ชีวิตไฮโซกับเขาบ้าง แค่สองวันก็ยังดี นับจากนี้ 48 ชั่วโมงความเหนื่อยล้าที่หอบหิ้วมาจากสังคมเมืองคงพอละลายหายไปกับสายลมแสงแดดของหัวหินได้บ้าง
ห้องพักเดอะ บารายมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่ชนิดที่เรียกว่าอยู่คนเดียวคงเหงา แต่นี่มากันสองคนเลยอบอุ่นขึ้น ห้องพักชั้นล่างเป็นเดอะ บาราย พูล สวีท มีสระส่วนตัวอยู่หน้าห้องท่ามกลางสวนอันร่มรื่น ส่วนด้านบนเป็นเดอะ บาราย บัลโคนี สวีท มีระเบียงกว้างให้ดื่มด่ำวิวทะเลคลายเหงา
คะเนด้วยสายตาในห้องพักแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วนด้วยกัน ด้านนอกสุดคล้ายๆ จะเป็นมุมนั่งเล่น แต่เห็นเตียงสปาที่เมื่อไม่ใช้งานก็ปรับมาเป็นเดย์เบดไว้นอนเล่น ครั้นอยากนวดเมื่อไหร่ บอกบัตเลอร์ส่วนตัว เธอและพนักงานของสปาจะมาเนรมิตเตียงนี้ให้กลายเป็นเตียงทรีตเมนต์ขึ้นมาได้ในพริบตา
ลึกเข้าไปหน่อยคือห้องนอนที่โอ่โถง เล่นความหรูหราผ่านเตียงใหญ่โตขนาด 2X3 เมตรที่เพื่อนสาวบอกว่านอนได้สี่คนสบายๆ ผ่านจากห้องนอนคือห้องแต่งตัว ห้องสตีม และห้องน้ำ ซึ่งอยู่คนละฟากกัน และพื้นที่สุดท้ายเป็นอ่างสำหรับแช่ตัวที่สองฟากวางเบาะนอนขนาดใหญ่ไว้เอกเขนกกายสบายอารมณ์
พักในห้องนี้ อยากลงแช่ตัว บัตเลอร์จะบริการน้ำนมและเกลือสำหรับแช่ตัวให้ทุกครั้งที่คุณต้องการ อยากเข้าสตีม เธอคนเดิมก็มาเซตความร้อนของสตีมที่พอเหมาะไว้ให้ มินิบาร์ในห้องรับประทานอาหารได้เต็มที่ และตกเย็นก็ออกไปชิลเรียกน้ำย่อยที่บ้านแมคฟาร์แลนด์ บ้านไม้หลังงามที่ปรับมาเป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพริมทะเล
“เวลาแขกมาพักก็สามารถนวดตัวได้ในห้องพักเลย แต่ส่วนใหญ่ชอบที่จะไปทำที่เดย์ สปากันมากกว่า” พนักงานสาวสวยอธิบายต่อ เชื่อเลยค่ะ สำหรับคนไม่เคยสัมผัสความงดงามของสปาย่อมอยากไปยลความอลังการนั้นสักครั้งในชีวิต แต่คนที่พอคุ้นๆ กันแล้ว คงเลือกนอนนวดสบายๆ ในห้องพัก เปิดเพลงสปาคลอเคล้าเบาๆ เร้าบรรยากาศให้ละมุนละไม เท่านี้ก็สุขเกินใครแล้ว
ยิ่งได้ตื่นเช้าออกมาตักบาตรริมทะเลซึ่งทางโรงแรมจัดไว้ให้ เป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่อิ่มใจ สุขกาย ก่อนเดินไปผ่อนคลายกับโยคะยามเช้า หรือไท้ชิตอนสาย เติมพลังให้กายและใจกลับสู่ความสมดุล
มานอนเป็นไฮโซรับการปรนนิบัติจากเดอะ บาราย แล้วคุณจะลืมไปเลยว่าโลกภายนอกนั้นวายวุ่นแค่ไหน
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 21
เปิดตัว ‘72 Hours Amazing Thailand Hua Hin & Beyond’
http://www.posttoday.com/travel.php?id=54208
รายงานโดย :หมูมะนาว:
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ไอลีน วี รองประธานและผู้จัดการประจำประเทศไทย
มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “72 Hours Amazing Thailand Hua Hin & Beyond” ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร สถานบริการ และนำเสนอตัวอย่างรายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในเวลา 3 วัน 2 คืน (72 ชั่วโมง) เพื่อสามารถเป็นแนวทางในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่นิยมท่องเที่ยวด้วยตนเอง โดยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อและนิยมบริโภคสินค้าระดับไฮเอนด์ สามารถหาซื้อหนังสือได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำในราคาเล่มละ 250 บาท และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailand72 hrsamazing.com
แมริออทฯ พัทยาคว้า 5 รางวัลยอดเยี่ยม
โรงแรมแมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา ได้รับ 5 รางวัลยอดเยี่ยมจากแมริออท อินเตอร์เนชันแนล
เกณฑ์การตัดสินได้พิจารณาคัดเลือกผู้ชนะจากโรงแรมในเครือของแมริออททั่วโลก ผลปรากฏว่าโรงแรมแมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา ชนะ 5 รางวัลจากจำนวนรางวัลทั้งหมด 13 รางวัล ได้แก่ รางวัลจิตวิญญาณในการบริการลูกค้า รางวัลยอดเยี่ยมด้านการบริการลูกค้า รางวัลยอดเยี่ยมด้านความพึงพอใจในการตอบสนองต่อปัญหา รางวัลยอดเยี่ยมด้านการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า และรางวัลยอดเยี่ยมด้านการให้บริการของพนักงาน
เที่ยวไทย 5 ภาค @ สีสัน...แดนอีสาน
“ยกเมืองไทยมาไว้ที่เมืองอุบลฯ” เป็นแนวคิดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กำหนดจัดงานเทศกาลเที่ยวไทย 5 ภาค @ สีสัน...แดนอีสานขึ้นในระหว่างวันที่ 1719 ก.ค. 2552 ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.อุบลราชธานี เที่ยวให้สนุก เติมความสุขเต็มพิกัด ในรูปแบบอันน่าตื่นตาตื่นใจ นำเสนอความโดดเด่นของแหล่งท่องเที่ยว และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากทุกภูมิภาค ตลอดจนถึงการผนวกกิจกรรมส่งเสริมการขายและบริการทางการท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่ไหนมีอะไรดี รวมไปถึงอาหารพื้นเมืองสินค้าโอท็อปที่เป็นเอกลักษณ์จาก 76 จังหวัดทั่วไทย ต้องไปค้นหาคำตอบที่เมืองอุบลฯ ดินแดนแห่งสีสันที่ท่านมาสัมผัสแล้วไม่อาจลืมเลือน
แคมเปญใหม่จากวันทูโก
สายการบินวันทูโก โดยโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ เปิดตัวแคมเปญใหม่ “โอกาสดีๆ อย่าปล่อยให้หลุดลอยไป” เมื่อผู้โดยสารซื้อบัตรโดยสารราคาปกติไปกลับ ชำระเพิ่มเพียง 99 บาท ได้รับสิทธิที่พัก 1 คืนกับโรงแรมที่ร่วมรายการ เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความสะดวกของการบริการด้านการบินและการสำรองห้องพักในราคาพิเศษ ผู้โดยสารที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ย. 2552 ผ่านทาง Call Center 1126 ขณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป วันทูโกจะเพิ่มเที่ยวบินไปกลับ เส้นทางกรุงเทพฯเชียงใหม่ จาก 2 เที่ยวบิน เป็น 3 เที่ยวบิน การเพิ่มเที่ยวบินดังกล่าวจะสามารถตอบสนองความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารได้มากขึ้น ด้วยการให้บริการเที่ยวบินในช่วงเช้า บ่าย และค่ำถึงวันละ 3 เที่ยวบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เชียงใหม่ และยังสามารถระบุที่นั่งได้ฟรี พร้อมของว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ฟรี ที่สำคัญคือความปลอดภัยมาตรฐานสากล ISO9001 สนใจสามารถสอบถามตารางการบินหรือสำรองที่นั่งได้ที่ Call Center 1126 หรือ www.fly12go.com
แจกฟรีคู่มือสนามบินนานาชาติมิวนิก
สนามบินนานาชาติมิวนิกได้จัดทำคู่มือ Stopover Guide สำหรับผู้โดยสารที่ต้องเปลี่ยนเครื่องหรือหยุดเที่ยวที่เมืองมิวนิก โดยภายในเล่มมีคูปองส่วนลดมากกว่า 50% สำหรับรถบัสเดินทางเข้าเมือง ส่วนลดค่าทัวร์อลิอันซ์อารีนา และค่าขึ้นโอลิมปิกทาวเวอร์ คูปองส่วนลด 5 ยูโร เมื่อซื้อสินค้าที่ร้าน Travel Value & Duty Free ภายในสนามบินเกิน 25 ยูโร และฟรี กาแฟเอสเปรสโซเมื่อใช้บริการร้านอาหารภายในสนามบิน ฯลฯ (ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด) นอกจากนี้ภายในเล่มยังมีข้อมูลการบริการต่างๆ ภายในสนามบิน การเดินทางเข้าเมือง สถานที่ไฮไลต์ในเมืองมิวนิก สถานที่เที่ยวนอกเมือง บัสทัวร์ และตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา การบินไทยเพิ่มตารางการบินจากกรุงเทพฯมิวนิก เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกมากขึ้นในการต่อเครื่องบินจากสนามบินมิวนิกไปยังเมืองอื่น สำหรับคู่มือเล่มนี้ติดต่อขอรับได้ฟรี!!!!! ที่สนามบินนานาชาติมิวนิกประจำประเทศไทย โทร. 026520507 หรือ 022559966 ต่อ 184 อีเมล [email protected] www.munichairport.com
รีสอร์ตใหม่ในเครือแลงแฮมฯ
แลงแฮม โฮเต็ลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Langham Hotels International–LHI) เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวบูติกรีสอร์ตแห่งใหม่ที่ชื่อว่า แลงแฮม เพลส สมุย แอท ละไม บีช (Langham Place Samui at Lamai Beach) ในเดือนพ.ย.นี้ หลังจากได้ลงนามในสัญญาการบริหารจัดการกับบริษัท เกอริช แลงแฮม เพลสแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่บนเกาะสมุย โดยนับเป็นรีสอร์ตภายใต้ชื่อแลงแฮม เพลส แบรนด์ล่าสุดที่นำเสนอรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ซึ่งออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักความสนุกสนานและความมีชีวิตชีวากับสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าที่เข้ามาในชีวิต แลงแฮม เพลส สมุย ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมบนชายฝั่งเกาะสมุย โดยประกอบไปด้วยวิลลาและห้องสวีตที่งดงามจำนวน 77 หลัง โดยหลายหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มองเห็นวิวของทะเลอ่าวไทย
ช็อปปิ้งหนำใจใน ‘ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปกทาคูลาร์’
เตรียมฟิตร่างกายให้พร้อมกับเทศกาลเซลส์ครั้งสำคัญทั่วฮ่องกงที่หลายคนรอคอยกับ “ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปกทาคูลาร์” (Hong Kong Summer Spectacular) ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.31 ส.ค.ศกนี้ ภายใต้ธีม “Think Hip Think Hong Kong” โดยเหล่าบรรดาแบรนด์เนมทั้งของฮ่องกงและแบรนด์ดังระดับโลก จะนำเทรนด์ล่าสุดของสินค้านานาชนิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า นาฬิกา น้ำหอม เครื่องสำอาง ที่พาเหรดกันมามอบส่วนลดสูงสุดถึง 70% เรียกว่าให้คุณดูดีได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าในราคาสบายกระเป๋า และอย่าลืมหยิบคู่มือ Hip Hot Guide ที่รวบรวมข้อมูลอัพเดตกิจกรรมและโปรโมชันอินเทรนด์ทั่วฮ่องกงได้จากศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวฮ่องกง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวฮ่องกง โทร. 02233433839 หรือเว็บไซต์ http://www.discoverhongkong. com/hkss/
http://www.posttoday.com/travel.php?id=54208
รายงานโดย :หมูมะนาว:
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552
จุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ ไอลีน วี รองประธานและผู้จัดการประจำประเทศไทย
มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “72 Hours Amazing Thailand Hua Hin & Beyond” ซึ่งเป็นคู่มือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร สถานบริการ และนำเสนอตัวอย่างรายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในเวลา 3 วัน 2 คืน (72 ชั่วโมง) เพื่อสามารถเป็นแนวทางในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่นิยมท่องเที่ยวด้วยตนเอง โดยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อและนิยมบริโภคสินค้าระดับไฮเอนด์ สามารถหาซื้อหนังสือได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำในราคาเล่มละ 250 บาท และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailand72 hrsamazing.com
แมริออทฯ พัทยาคว้า 5 รางวัลยอดเยี่ยม
โรงแรมแมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา ได้รับ 5 รางวัลยอดเยี่ยมจากแมริออท อินเตอร์เนชันแนล
เกณฑ์การตัดสินได้พิจารณาคัดเลือกผู้ชนะจากโรงแรมในเครือของแมริออททั่วโลก ผลปรากฏว่าโรงแรมแมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา พัทยา ชนะ 5 รางวัลจากจำนวนรางวัลทั้งหมด 13 รางวัล ได้แก่ รางวัลจิตวิญญาณในการบริการลูกค้า รางวัลยอดเยี่ยมด้านการบริการลูกค้า รางวัลยอดเยี่ยมด้านความพึงพอใจในการตอบสนองต่อปัญหา รางวัลยอดเยี่ยมด้านการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า และรางวัลยอดเยี่ยมด้านการให้บริการของพนักงาน
เที่ยวไทย 5 ภาค @ สีสัน...แดนอีสาน
“ยกเมืองไทยมาไว้ที่เมืองอุบลฯ” เป็นแนวคิดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กำหนดจัดงานเทศกาลเที่ยวไทย 5 ภาค @ สีสัน...แดนอีสานขึ้นในระหว่างวันที่ 1719 ก.ค. 2552 ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.อุบลราชธานี เที่ยวให้สนุก เติมความสุขเต็มพิกัด ในรูปแบบอันน่าตื่นตาตื่นใจ นำเสนอความโดดเด่นของแหล่งท่องเที่ยว และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากทุกภูมิภาค ตลอดจนถึงการผนวกกิจกรรมส่งเสริมการขายและบริการทางการท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่ไหนมีอะไรดี รวมไปถึงอาหารพื้นเมืองสินค้าโอท็อปที่เป็นเอกลักษณ์จาก 76 จังหวัดทั่วไทย ต้องไปค้นหาคำตอบที่เมืองอุบลฯ ดินแดนแห่งสีสันที่ท่านมาสัมผัสแล้วไม่อาจลืมเลือน
แคมเปญใหม่จากวันทูโก
สายการบินวันทูโก โดยโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ เปิดตัวแคมเปญใหม่ “โอกาสดีๆ อย่าปล่อยให้หลุดลอยไป” เมื่อผู้โดยสารซื้อบัตรโดยสารราคาปกติไปกลับ ชำระเพิ่มเพียง 99 บาท ได้รับสิทธิที่พัก 1 คืนกับโรงแรมที่ร่วมรายการ เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความสะดวกของการบริการด้านการบินและการสำรองห้องพักในราคาพิเศษ ผู้โดยสารที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ย. 2552 ผ่านทาง Call Center 1126 ขณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป วันทูโกจะเพิ่มเที่ยวบินไปกลับ เส้นทางกรุงเทพฯเชียงใหม่ จาก 2 เที่ยวบิน เป็น 3 เที่ยวบิน การเพิ่มเที่ยวบินดังกล่าวจะสามารถตอบสนองความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารได้มากขึ้น ด้วยการให้บริการเที่ยวบินในช่วงเช้า บ่าย และค่ำถึงวันละ 3 เที่ยวบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เชียงใหม่ และยังสามารถระบุที่นั่งได้ฟรี พร้อมของว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง โหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ฟรี ที่สำคัญคือความปลอดภัยมาตรฐานสากล ISO9001 สนใจสามารถสอบถามตารางการบินหรือสำรองที่นั่งได้ที่ Call Center 1126 หรือ www.fly12go.com
แจกฟรีคู่มือสนามบินนานาชาติมิวนิก
สนามบินนานาชาติมิวนิกได้จัดทำคู่มือ Stopover Guide สำหรับผู้โดยสารที่ต้องเปลี่ยนเครื่องหรือหยุดเที่ยวที่เมืองมิวนิก โดยภายในเล่มมีคูปองส่วนลดมากกว่า 50% สำหรับรถบัสเดินทางเข้าเมือง ส่วนลดค่าทัวร์อลิอันซ์อารีนา และค่าขึ้นโอลิมปิกทาวเวอร์ คูปองส่วนลด 5 ยูโร เมื่อซื้อสินค้าที่ร้าน Travel Value & Duty Free ภายในสนามบินเกิน 25 ยูโร และฟรี กาแฟเอสเปรสโซเมื่อใช้บริการร้านอาหารภายในสนามบิน ฯลฯ (ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด) นอกจากนี้ภายในเล่มยังมีข้อมูลการบริการต่างๆ ภายในสนามบิน การเดินทางเข้าเมือง สถานที่ไฮไลต์ในเมืองมิวนิก สถานที่เที่ยวนอกเมือง บัสทัวร์ และตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา การบินไทยเพิ่มตารางการบินจากกรุงเทพฯมิวนิก เป็น 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกมากขึ้นในการต่อเครื่องบินจากสนามบินมิวนิกไปยังเมืองอื่น สำหรับคู่มือเล่มนี้ติดต่อขอรับได้ฟรี!!!!! ที่สนามบินนานาชาติมิวนิกประจำประเทศไทย โทร. 026520507 หรือ 022559966 ต่อ 184 อีเมล [email protected] www.munichairport.com
รีสอร์ตใหม่ในเครือแลงแฮมฯ
แลงแฮม โฮเต็ลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Langham Hotels International–LHI) เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวบูติกรีสอร์ตแห่งใหม่ที่ชื่อว่า แลงแฮม เพลส สมุย แอท ละไม บีช (Langham Place Samui at Lamai Beach) ในเดือนพ.ย.นี้ หลังจากได้ลงนามในสัญญาการบริหารจัดการกับบริษัท เกอริช แลงแฮม เพลสแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่บนเกาะสมุย โดยนับเป็นรีสอร์ตภายใต้ชื่อแลงแฮม เพลส แบรนด์ล่าสุดที่นำเสนอรีสอร์ตระดับ 5 ดาว ซึ่งออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักความสนุกสนานและความมีชีวิตชีวากับสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าที่เข้ามาในชีวิต แลงแฮม เพลส สมุย ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยมบนชายฝั่งเกาะสมุย โดยประกอบไปด้วยวิลลาและห้องสวีตที่งดงามจำนวน 77 หลัง โดยหลายหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มองเห็นวิวของทะเลอ่าวไทย
ช็อปปิ้งหนำใจใน ‘ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปกทาคูลาร์’
เตรียมฟิตร่างกายให้พร้อมกับเทศกาลเซลส์ครั้งสำคัญทั่วฮ่องกงที่หลายคนรอคอยกับ “ฮ่องกง ซัมเมอร์ สเปกทาคูลาร์” (Hong Kong Summer Spectacular) ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย.31 ส.ค.ศกนี้ ภายใต้ธีม “Think Hip Think Hong Kong” โดยเหล่าบรรดาแบรนด์เนมทั้งของฮ่องกงและแบรนด์ดังระดับโลก จะนำเทรนด์ล่าสุดของสินค้านานาชนิดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า นาฬิกา น้ำหอม เครื่องสำอาง ที่พาเหรดกันมามอบส่วนลดสูงสุดถึง 70% เรียกว่าให้คุณดูดีได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าในราคาสบายกระเป๋า และอย่าลืมหยิบคู่มือ Hip Hot Guide ที่รวบรวมข้อมูลอัพเดตกิจกรรมและโปรโมชันอินเทรนด์ทั่วฮ่องกงได้จากศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวฮ่องกง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวฮ่องกง โทร. 02233433839 หรือเว็บไซต์ http://www.discoverhongkong. com/hkss/
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 22
ตะลอนพิษณุโลก เมืองสองแคว
http://www.posttoday.com/travel.php?id=51960
รายงานโดย :ม.ล.สราลี กิติยากร:
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
สวัสดีค่ะ หากกล่าวถึงคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา”
แค่เอ่ยถึงพระพุทธชินราชเป็นรู้ได้เลยว่ากำลังกล่าวถึง จ.พิษณุโลก หรือเมืองสองแควนั่นเองค่ะ คำว่าเมืองสองแควมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อันเนื่องจากพื้นที่ตั้งของเมืองอยู่ระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อย ครั้นต่อมาสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองสองแควมาตั้งอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน และยังคงเรียกเมืองสองแควเรื่อยมา จนกระทั่งสมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงได้เปลี่ยนเป็นเมืองพิษณุโลก และเรียกขานมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
ทันทีที่เดินทางมาถึง จ.พิษณุโลก เรามุ่งหน้าไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “วัดใหญ่” เป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหารค่ะ ซึ่งน้ำผึ้งตั้งใจชวนเกดและทีมงานมากราบสักการบูชาพระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามมากองค์หนึ่งในประเทศไทย ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตรัสสรรเสริญว่า “งามหาพระพุทธรูปองค์ใดเปรียบมิได้ เป็นพระพุทธปฏิมากรดีล้ำเลิศ ประกอบไปด้วยพุทธลักษณะอันประเสริฐ มีสิริอันเทพยดา
หากอภิบาลรักษา ย่อมเป็นที่สักการบูชานับถือแต่โบราณ” เป็นที่รู้กันว่าหากมาสักการะต้องแต่งกายให้เหมาะสม ไม่ควรนุ่งสั้นเหนือเข่า เป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่ ทั้งยังเป็นกฎระเบียบเคร่งครัดของทางวัดสำหรับผู้ที่เข้าไปสักการะองค์พระพุทธชินราช ในพระวิหารใหญ่ค่ะ พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูง 7 ศอก พระพักตร์ทรงรูปไข่ หรือรูปหน้านาง ที่แสกพระพักตร์มีเครื่องหมายศูล ประดับด้วยเพชรเป็นอุณาโลม มีเรือนแก้วหรือที่เรียกว่าพระรัศมี แกะสลักด้วยไม้สักลงรักปิดทอง มีลวดลายเป็นรูปนาค วงขนานไปตามทรงขององค์พระ ขึ้นไปบรรจบที่เหนือพระเกศค่ะ นับเป็นความอัศจรรย์ที่คนโบราณมีความสามารถอย่างสูงส่ง ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของพุทธจริยา 3 ประการ อันได้แก่ พระมหากรุณาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ จากนามธรรมเป็นรูปธรรม
ที่แสดงออกซึ่งความสงบเย็น ความมีสติปัญญา และความเมตตาอันหาที่เปรียบไม่ได้ และนี่คือความโดดเด่นของพุทธลักษณะของพระพุทธรูปองค์นี้ค่ะ
จากวิหารใหญ่เราเดินมาอีกหน่อยจะเป็นวิหารคด 2 ด้านค่ะ ซึ่งวิหาร 2 หลังนี้ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ที่เคยประดิษฐานพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา พระพุทธรูปที่สำคัญและสร้างในคราเดียวกันกับพระพุทธชินราชค่ะ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมาประดิษฐานยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันภายในวิหารทั้งสองได้มีการจำลององค์พระทั้งสององค์นี้ไว้ ซึ่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเข้าไปกราบสักการบูชาอย่างไม่ขาดสายเช่นกันค่ะ ไม่เพียงเท่านี้ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังได้มีการรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้โบราณวัตถุอีกมากมาย รวมถึงดอกไม้เงินดอกไม้ทองที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระพุทธชินราชค่ะ
แหม...ได้อิ่มบุญอิ่มใจกันแล้ว แต่ทั้งน้ำผึ้งและเกดท้องร้องระงมด้วยความหิว จึงชวนกันไปหาของอร่อยประจำท้องถิ่น นั่นก็คือก๋วยเตี๋ยวห้อยขาค่ะ แต่เดี๋ยวนี้จะหาแบบห้อยขาเท้าแช่น้ำเหมือนอย่างแต่ก่อนคงยากแล้ว เอาเป็นว่าแนะนำร้านที่คนร่ำลือว่าอร่อยและบรรยากาศดีก็แล้วกันนะคะ เป็นร้านไม่ใหญ่ดูสะอาดถูกสุขลักษณะ ชื่อว่าร้านจูงนางแห่งคุ้งน้ำน่านค่ะ ซึ่งของเขาอร่อยจริงๆ น้ำผึ้งกับเกดเลยฝากท้องกับที่นี่ไปคนละ 2 ชามค่ะ เมื่อท้องอิ่ม กายพร้อม ใจพร้อมแล้วจะทำอะไรหรือไปที่ไหนต่อจากนี้...สบายบรื๋อค่ะ
มาถึงตัวเมืองพิษณุโลกแล้ว อยากแนะนำให้ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวีและโรงหล่อพระบูรณเขตต์ ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลกค่ะ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ที่เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของ จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ ที่ต้องการให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตพื้นบ้านไทยในอดีตค่ะ ซึ่งลุงจ่าได้เริ่มสะสมมาตั้งแต่วัยหนุ่ม จนคนใกล้ชิดมองว่าลุงจ่าเพี้ยนไปหรือเปล่าถึงได้สะสมของที่คนอื่นทิ้งขว้างมองเป็นขยะเก่าๆ อย่างเห็นคุณค่าว่าขยะเหล่านี้น่าจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในวันข้างหน้าได้ค่ะ จนวันหนึ่งสิ่งที่ลุงจ่าคิดทำนั้นได้ออกมาเป็นรูปธรรม คือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จากการรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านในอดีตตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ จนถึงชิ้นใหญ่ๆ รวมกันแล้วนับหมื่นชิ้น ทำให้ได้รับการยอมรับว่าเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย และได้รับรางวัลอีกมากมายที่เชิดชูและยกย่องให้เป็นบุคคลดีเด่น ทั้งยังได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น “คนดีศรีพิษณุโลก” อีกด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ลุงจ่ากับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เจอมรสุมในชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า และครั้งนี้เพื่อให้พิพิธภัณฑ์ยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ ลุงจ่าจึงได้แสดงฝีมือออกแบบและหล่อพระพุทธรูปเป็นพระพุทธชินราช ใช้ชื่อว่ารุ่น “บูรณะพิพิธภัณฑ์” และเข้าพิธีพุทธาภิเษก ให้ผู้ที่สนใจได้สั่งจองเช่าบูชาที่บ้านกันค่ะ ใครสนใจสั่งจองเช่าบูชาได้ที่คุณเอกอร 0869347299 และคุณบุญนาค 0897085910 น้ำผึ้งก็ได้สั่งจองหนึ่งองค์ในราคา 14,900 บาทค่ะ เป็นองค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว และมีพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตรประกบซ้ายขวา ไปเห็นองค์ที่สมบูรณ์มาแล้วสวยงามละเอียดและอ่อนช้อยมากค่ะ ปัจจุบันหาฝีมือชั้นบรมครูแบบนี้ยากมากแล้วนะคะ จึงขอเชิญชวนให้เช่าบูชาเก็บไว้เป็นสิริมงคลในบ้านและยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้พิพิธภัณฑ์ดีๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของครอบครัวบูรณเขตต์ยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ สมกับที่นักวิชาการหลายๆ ท่านได้ชื่นชมว่าพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ
ณ วันนี้ลุงจ่าได้มีคุณพรศิริ บูรณเขตต์ หรือคุณปู ลูกสาวเป็นผู้รับช่วงดูแลพิพิธภัณฑ์ ซึ่งคุณปูได้ทุ่มเทใจสืบสานงานต่อจากคุณพ่อ โดยนำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาแต่งเติมสีสันให้พิพิธภัณฑ์เกิดความน่าสนใจยิ่งขึ้น รวมทั้งนำชมพิพิธภัณฑ์ด้วยตนเอง และสร้างทีมงานคุณภาพไว้ต้อนรับคณะเข้าชม ด้วยลีลาวิธีการเล่าที่สนุกสนานน่าฟังค่ะ ยังไงน้ำผึ้งและทีมงานเที่ยวละไมไทยแลนด์เวิลด์ขอให้ผลแห่งความตั้งใจในการสร้างสิ่งดีๆ เพื่อคนไทย ช่วยให้พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวีผ่านพ้นจากวิกฤตต่างๆ โดยเร็ววัน และพร้อมยืนหยัดเป็นแหล่งความรู้ให้กับคนไทยอย่างมั่นคงตลอดไปค่ะ
http://www.posttoday.com/travel.php?id=51960
รายงานโดย :ม.ล.สราลี กิติยากร:
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
สวัสดีค่ะ หากกล่าวถึงคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา”
แค่เอ่ยถึงพระพุทธชินราชเป็นรู้ได้เลยว่ากำลังกล่าวถึง จ.พิษณุโลก หรือเมืองสองแควนั่นเองค่ะ คำว่าเมืองสองแควมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อันเนื่องจากพื้นที่ตั้งของเมืองอยู่ระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อย ครั้นต่อมาสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองสองแควมาตั้งอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน และยังคงเรียกเมืองสองแควเรื่อยมา จนกระทั่งสมัยกรุงศรีอยุธยาในรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงได้เปลี่ยนเป็นเมืองพิษณุโลก และเรียกขานมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
ทันทีที่เดินทางมาถึง จ.พิษณุโลก เรามุ่งหน้าไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “วัดใหญ่” เป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหารค่ะ ซึ่งน้ำผึ้งตั้งใจชวนเกดและทีมงานมากราบสักการบูชาพระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิษณุโลก ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงามมากองค์หนึ่งในประเทศไทย ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ตรัสสรรเสริญว่า “งามหาพระพุทธรูปองค์ใดเปรียบมิได้ เป็นพระพุทธปฏิมากรดีล้ำเลิศ ประกอบไปด้วยพุทธลักษณะอันประเสริฐ มีสิริอันเทพยดา
หากอภิบาลรักษา ย่อมเป็นที่สักการบูชานับถือแต่โบราณ” เป็นที่รู้กันว่าหากมาสักการะต้องแต่งกายให้เหมาะสม ไม่ควรนุ่งสั้นเหนือเข่า เป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่ ทั้งยังเป็นกฎระเบียบเคร่งครัดของทางวัดสำหรับผู้ที่เข้าไปสักการะองค์พระพุทธชินราช ในพระวิหารใหญ่ค่ะ พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สูง 7 ศอก พระพักตร์ทรงรูปไข่ หรือรูปหน้านาง ที่แสกพระพักตร์มีเครื่องหมายศูล ประดับด้วยเพชรเป็นอุณาโลม มีเรือนแก้วหรือที่เรียกว่าพระรัศมี แกะสลักด้วยไม้สักลงรักปิดทอง มีลวดลายเป็นรูปนาค วงขนานไปตามทรงขององค์พระ ขึ้นไปบรรจบที่เหนือพระเกศค่ะ นับเป็นความอัศจรรย์ที่คนโบราณมีความสามารถอย่างสูงส่ง ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของพุทธจริยา 3 ประการ อันได้แก่ พระมหากรุณาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ จากนามธรรมเป็นรูปธรรม
ที่แสดงออกซึ่งความสงบเย็น ความมีสติปัญญา และความเมตตาอันหาที่เปรียบไม่ได้ และนี่คือความโดดเด่นของพุทธลักษณะของพระพุทธรูปองค์นี้ค่ะ
จากวิหารใหญ่เราเดินมาอีกหน่อยจะเป็นวิหารคด 2 ด้านค่ะ ซึ่งวิหาร 2 หลังนี้ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ที่เคยประดิษฐานพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา พระพุทธรูปที่สำคัญและสร้างในคราเดียวกันกับพระพุทธชินราชค่ะ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมาประดิษฐานยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันภายในวิหารทั้งสองได้มีการจำลององค์พระทั้งสององค์นี้ไว้ ซึ่งมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเข้าไปกราบสักการบูชาอย่างไม่ขาดสายเช่นกันค่ะ ไม่เพียงเท่านี้ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังได้มีการรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้โบราณวัตถุอีกมากมาย รวมถึงดอกไม้เงินดอกไม้ทองที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินสมัยก่อนถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระพุทธชินราชค่ะ
แหม...ได้อิ่มบุญอิ่มใจกันแล้ว แต่ทั้งน้ำผึ้งและเกดท้องร้องระงมด้วยความหิว จึงชวนกันไปหาของอร่อยประจำท้องถิ่น นั่นก็คือก๋วยเตี๋ยวห้อยขาค่ะ แต่เดี๋ยวนี้จะหาแบบห้อยขาเท้าแช่น้ำเหมือนอย่างแต่ก่อนคงยากแล้ว เอาเป็นว่าแนะนำร้านที่คนร่ำลือว่าอร่อยและบรรยากาศดีก็แล้วกันนะคะ เป็นร้านไม่ใหญ่ดูสะอาดถูกสุขลักษณะ ชื่อว่าร้านจูงนางแห่งคุ้งน้ำน่านค่ะ ซึ่งของเขาอร่อยจริงๆ น้ำผึ้งกับเกดเลยฝากท้องกับที่นี่ไปคนละ 2 ชามค่ะ เมื่อท้องอิ่ม กายพร้อม ใจพร้อมแล้วจะทำอะไรหรือไปที่ไหนต่อจากนี้...สบายบรื๋อค่ะ
มาถึงตัวเมืองพิษณุโลกแล้ว อยากแนะนำให้ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวีและโรงหล่อพระบูรณเขตต์ ตั้งอยู่ที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ในตัวเมืองพิษณุโลกค่ะ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ที่เกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจของ จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ ที่ต้องการให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตพื้นบ้านไทยในอดีตค่ะ ซึ่งลุงจ่าได้เริ่มสะสมมาตั้งแต่วัยหนุ่ม จนคนใกล้ชิดมองว่าลุงจ่าเพี้ยนไปหรือเปล่าถึงได้สะสมของที่คนอื่นทิ้งขว้างมองเป็นขยะเก่าๆ อย่างเห็นคุณค่าว่าขยะเหล่านี้น่าจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในวันข้างหน้าได้ค่ะ จนวันหนึ่งสิ่งที่ลุงจ่าคิดทำนั้นได้ออกมาเป็นรูปธรรม คือ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน จากการรวบรวมข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านในอดีตตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ จนถึงชิ้นใหญ่ๆ รวมกันแล้วนับหมื่นชิ้น ทำให้ได้รับการยอมรับว่าเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย และได้รับรางวัลอีกมากมายที่เชิดชูและยกย่องให้เป็นบุคคลดีเด่น ทั้งยังได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น “คนดีศรีพิษณุโลก” อีกด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ลุงจ่ากับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้เจอมรสุมในชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า และครั้งนี้เพื่อให้พิพิธภัณฑ์ยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ ลุงจ่าจึงได้แสดงฝีมือออกแบบและหล่อพระพุทธรูปเป็นพระพุทธชินราช ใช้ชื่อว่ารุ่น “บูรณะพิพิธภัณฑ์” และเข้าพิธีพุทธาภิเษก ให้ผู้ที่สนใจได้สั่งจองเช่าบูชาที่บ้านกันค่ะ ใครสนใจสั่งจองเช่าบูชาได้ที่คุณเอกอร 0869347299 และคุณบุญนาค 0897085910 น้ำผึ้งก็ได้สั่งจองหนึ่งองค์ในราคา 14,900 บาทค่ะ เป็นองค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้ว และมีพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตรประกบซ้ายขวา ไปเห็นองค์ที่สมบูรณ์มาแล้วสวยงามละเอียดและอ่อนช้อยมากค่ะ ปัจจุบันหาฝีมือชั้นบรมครูแบบนี้ยากมากแล้วนะคะ จึงขอเชิญชวนให้เช่าบูชาเก็บไว้เป็นสิริมงคลในบ้านและยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้พิพิธภัณฑ์ดีๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของครอบครัวบูรณเขตต์ยืนหยัดอยู่ต่อไปได้ สมกับที่นักวิชาการหลายๆ ท่านได้ชื่นชมว่าพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ
ณ วันนี้ลุงจ่าได้มีคุณพรศิริ บูรณเขตต์ หรือคุณปู ลูกสาวเป็นผู้รับช่วงดูแลพิพิธภัณฑ์ ซึ่งคุณปูได้ทุ่มเทใจสืบสานงานต่อจากคุณพ่อ โดยนำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาแต่งเติมสีสันให้พิพิธภัณฑ์เกิดความน่าสนใจยิ่งขึ้น รวมทั้งนำชมพิพิธภัณฑ์ด้วยตนเอง และสร้างทีมงานคุณภาพไว้ต้อนรับคณะเข้าชม ด้วยลีลาวิธีการเล่าที่สนุกสนานน่าฟังค่ะ ยังไงน้ำผึ้งและทีมงานเที่ยวละไมไทยแลนด์เวิลด์ขอให้ผลแห่งความตั้งใจในการสร้างสิ่งดีๆ เพื่อคนไทย ช่วยให้พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวีผ่านพ้นจากวิกฤตต่างๆ โดยเร็ววัน และพร้อมยืนหยัดเป็นแหล่งความรู้ให้กับคนไทยอย่างมั่นคงตลอดไปค่ะ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 23
เปิดฟ้า อุตรดิตถ์
http://www.posttoday.com/travel.php?id=51957
รายงานโดย :วัชราวุธ ลีภาคภูมิพานิชย์:
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ผืนน้ำทอประกายเป็นสีทองอร่าม ยามเมื่ออาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
ตัดสลับกับเขาที่วางตัวเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ภาพของความประทับใจตลอดเส้นทางการล่องเรือชมเขื่อนสิริกิติ์ยังคงดังเป็นระยะจากผู้ร่วมเดินทางกว่า 100 ชีวิต ที่มาร่วมงานเปิดฟ้าการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ ในครั้งนี้
เขื่อนสิริกิติ์ ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ทางจังหวัดจัดโปรแกรมไว้ต้อนรับในวันแรกของการเดินมาเยี่ยมเยือน ซึ่งก็เรียกความสนใจจากพวกเราไปเต็มๆ เพราะด้วยทิวทัศน์ของทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เกิดจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ขวางกั้นลำน้ำน่าน ทำให้ภายในอ่างเก็บน้ำเกิดเป็นเกาะแก่งอยู่มากมาย บางเกาะที่ถูกน้ำกัดเซาะจะปรากฏเป็นขั้นบันได ทำให้เกิดเป็นผลงานทางธรรมชาติที่ดูแปลกตา นอกจากนั้นระหว่างสองข้างทางจะพบเห็นอุปกรณ์ดักปลาของชาวบ้านในละแวกนั้นวางตัวอยู่อย่างกระจัดกระจายตลอดสายน้ำ วิถีชีวิตของคนริมน้ำแสดงให้เห็นว่าสายน้ำแห่งนี้ยังมีชีวิต และยังคงดำรงต่อไปตราบที่ยังมีแหล่งหากิน
คืนนี้คณะเราแยกพักผ่อนกันตามบ้านบนเขื่อนสิริกิติ์ที่เขาตั้งชื่อไว้อย่างน่ารัก ทั้งรังนกกระเต็น รังนกกระจอก รังนกนางนวล ส่วนผมอยู่ในรังนกกระจิบ ซึ่งเป็นบ้านพักหลังเดี่ยวตั้งรวมกันอยู่บนเนินเขา หน้าบ้านจัดสวนไว้อย่างสวยงาม รถยนต์สามารถขึ้นมาจอดได้ ส่วนในรังนอนแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ห้องโถง พร้อมด้วยเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น และโทรทัศน์ แต่ต้องขอแอบกระซิบนิดหนึ่งว่า สภาพรังของผมร้อนเอาเรื่องเลย เพราะเครื่องปรับอากาศมันไม่ค่อยเต็มใจทำงานสักเท่าไหร่ งานนี้กว่าจะทำให้ใจเย็นและตัวเย็นก็เกือบเที่ยงคืน
อรุณสวัสดิ์รับเช้าวันใหม่ ก่อนออกเดินทางเราเติมพลังกันที่ร้านอาหารระเบียงน่าน ซึ่งเป็นร้านอาหารของทางเขื่อนที่จัดไว้บริการให้กับนักท่องเที่ยวท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติริมแม่น้ำน่าน พออิ่มท้องกันแล้ว เรามุ่งหน้าสู่แอร์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามหมายที่ได้รับ งงใช่มั้ยครับ ผมก็งงเหมือนกันว่าอะไรคือแอร์ธรรมชาติ
ก่อนที่รถจะมาจอดที่วนอุทยานต้นสักใหญ่ ถึงได้รู้ถึงคำตอบว่าที่แท้แอร์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือต้นสักใหญ่ ตั้งอยู่ในบ้านปาง นาเกลือ ต.น้ำใคร้ อ.น้ำปาด ซึ่งก็ได้รับความกระจ่างจากพี่เจ้าหน้าที่ว่า ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 ซึ่งแต่เดิมป่าบริเวณนี้ถูกสัมปทาน ทำให้มีต้นสักถูกตัดไป ซึ่งต้นที่เหลืออยู่นั้นเป็นโพรง ทำให้ไม่สามารถทำเป็นสินค้าได้ จึงรอดพ้นจากการทำไม้
อายุต้นสักใหญ่วัดได้โดยอาศัยเทียบเคียงขนาดและจำนวนวงปี ซึ่งต้นที่เหลืออยู่ประมาณอายุได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ปี ส่วนความสูงวัดโดยการทิ้งดิ่งตลับเมตรสูงประมาณ 38.5 เมตร ความโต 1,015 เซนติเมตร (18 มิ.ย. 2551)
จากนั้นเราเดินทางไปยังบ่อเหล็กน้ำพี้ ที่ อ.ทองแสนขัน บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นโบราณสถานซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งเหล็กกล้าที่นำมาทำพระแสงดาบตั้งแต่สมัยโบราณ โดยบ่อขุดสินแร่เหล็กที่เรียกว่าบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ เป็นบ่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้ และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ซึ่งสงวนไว้ใช้ทำพระแสงดาบและพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์
เหล็กน้ำพี้ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นโลหะมหัศจรรย์ มีพลังในตัวสามารถป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้ายได้ ปัจจุบันแร่เหล็กน้ำพี้ถือว่าเป็นวัตถุมงคลอันเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มีไว้ครอบครอง นอกจากนี้ภายในบริเวณมีพิพิธภัณฑ์ บ่อเหล็กน้ำพี้นมีการจัดแสดงและจำลองให้เห็นถึงขบวนการการตีเหล็กน้ำพี้ ตั้งแต่การขุดแร่เหล็กจนตีเป็นดาบที่มีความแข็งแกร่งและความคมเป็นเลิศ ดาบน้ำพี้จึงเป็นอาวุธคู่กายของขุนศึกและนักรบไทยในสมัยโบราณ ตลอดมา
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทางจังหวัดนำเสนอคือ เส้นทางแอดเวนเจอร์ ชมเส้นทางคาราวานขนทุเรียน ที่ชาวบ้านใช้ขนทุเรียนลงเขา ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเปิดใหม่ให้ขาลุยได้ท้าพิสูจน์กัน ระหว่างเส้นทางขึ้นเขาจะเห็นต้นทุเรียนทั้งพันธุ์หมอนทอง หลงลับแล และหลินลับแล (เขาบอกว่าสองพันธุ์หลังนี้ราคาสูงมาก และหาทานไม่ได้ง่ายๆ) สลับกับต้นมะไฟที่ออกลูกเต็มต้น เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาบริเวณจุดชมวิวสวนป้าสมเด็จ จะมองเห็นเมืองอุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียง โดยทางอบต.บอกว่าสามารถมองเห็นได้ถึงห้าเมือง แต่เท่าที่ผมขึ้นไปก็ไม่รู้ว่ามีเมืองไหนอยู่ตรงไหน เขาชี้ให้ผมดูก็ไม่เห็นจะแตกต่างกัน เพราะมีแต่ต้นไม้กับท้องฟ้า แถมหน้าตาก็คล้ายๆ กันอีก แต่รับรองว่าต้องประทับใจในความสวยงามของทัศนียภาพแน่นอน
เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเมืองอุตรดิตถ์ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยจังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน จากหลักฐานการค้นพบโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยอยุธยา และสมัยธนบุรี วัดวาอารามในเมืองนี้จึงมีอายุกว่าร้อยปีอยู่หลายวัด เช่น วัดดงสระแก้ว ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับการรอดโบสถ์ไม้สักทองว่าจะเป็นมงคลต่อชีวิต
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ลักษณะเด่นมีพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซึ่งมีความเก่าแก่ เป็นที่เคารพสักการะนับถือชาวเมือง เพราะเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ภายในวิหารของวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวพุทธประวัติตอนมารผจญ อยู่ที่ผนังด้านบนตอนล่างเป็นภาพเรื่องสังข์ทองซึ่งมีการลบเลือนไปมากแล้ว
นอกจากนี้ยังมีวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ซึ่งเป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด แต่ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์เมื่อปี พ.ศ. 2283 ได้แสดงว่า พระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง จนพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จไปนมัสการ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าอุตรดิตถ์เป็นเมืองที่มีทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ แต่หลายคนกลับใช้เมืองนี้เป็นเพียงทางผ่านเพื่อมุ่งสู่ภาคเหนือ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และไม่เหมือนที่ใด ลองแวะมาอุตรดิตถ์ เมืองน่ารักๆ แห่งนี้รอต้อนรับคุณอยู่
http://www.posttoday.com/travel.php?id=51957
รายงานโดย :วัชราวุธ ลีภาคภูมิพานิชย์:
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552
ผืนน้ำทอประกายเป็นสีทองอร่าม ยามเมื่ออาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า
ตัดสลับกับเขาที่วางตัวเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ภาพของความประทับใจตลอดเส้นทางการล่องเรือชมเขื่อนสิริกิติ์ยังคงดังเป็นระยะจากผู้ร่วมเดินทางกว่า 100 ชีวิต ที่มาร่วมงานเปิดฟ้าการท่องเที่ยว จ.อุตรดิตถ์ ในครั้งนี้
เขื่อนสิริกิติ์ ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ทางจังหวัดจัดโปรแกรมไว้ต้อนรับในวันแรกของการเดินมาเยี่ยมเยือน ซึ่งก็เรียกความสนใจจากพวกเราไปเต็มๆ เพราะด้วยทิวทัศน์ของทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เกิดจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ขวางกั้นลำน้ำน่าน ทำให้ภายในอ่างเก็บน้ำเกิดเป็นเกาะแก่งอยู่มากมาย บางเกาะที่ถูกน้ำกัดเซาะจะปรากฏเป็นขั้นบันได ทำให้เกิดเป็นผลงานทางธรรมชาติที่ดูแปลกตา นอกจากนั้นระหว่างสองข้างทางจะพบเห็นอุปกรณ์ดักปลาของชาวบ้านในละแวกนั้นวางตัวอยู่อย่างกระจัดกระจายตลอดสายน้ำ วิถีชีวิตของคนริมน้ำแสดงให้เห็นว่าสายน้ำแห่งนี้ยังมีชีวิต และยังคงดำรงต่อไปตราบที่ยังมีแหล่งหากิน
คืนนี้คณะเราแยกพักผ่อนกันตามบ้านบนเขื่อนสิริกิติ์ที่เขาตั้งชื่อไว้อย่างน่ารัก ทั้งรังนกกระเต็น รังนกกระจอก รังนกนางนวล ส่วนผมอยู่ในรังนกกระจิบ ซึ่งเป็นบ้านพักหลังเดี่ยวตั้งรวมกันอยู่บนเนินเขา หน้าบ้านจัดสวนไว้อย่างสวยงาม รถยนต์สามารถขึ้นมาจอดได้ ส่วนในรังนอนแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ห้องโถง พร้อมด้วยเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น และโทรทัศน์ แต่ต้องขอแอบกระซิบนิดหนึ่งว่า สภาพรังของผมร้อนเอาเรื่องเลย เพราะเครื่องปรับอากาศมันไม่ค่อยเต็มใจทำงานสักเท่าไหร่ งานนี้กว่าจะทำให้ใจเย็นและตัวเย็นก็เกือบเที่ยงคืน
อรุณสวัสดิ์รับเช้าวันใหม่ ก่อนออกเดินทางเราเติมพลังกันที่ร้านอาหารระเบียงน่าน ซึ่งเป็นร้านอาหารของทางเขื่อนที่จัดไว้บริการให้กับนักท่องเที่ยวท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติริมแม่น้ำน่าน พออิ่มท้องกันแล้ว เรามุ่งหน้าสู่แอร์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามหมายที่ได้รับ งงใช่มั้ยครับ ผมก็งงเหมือนกันว่าอะไรคือแอร์ธรรมชาติ
ก่อนที่รถจะมาจอดที่วนอุทยานต้นสักใหญ่ ถึงได้รู้ถึงคำตอบว่าที่แท้แอร์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือต้นสักใหญ่ ตั้งอยู่ในบ้านปาง นาเกลือ ต.น้ำใคร้ อ.น้ำปาด ซึ่งก็ได้รับความกระจ่างจากพี่เจ้าหน้าที่ว่า ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 ซึ่งแต่เดิมป่าบริเวณนี้ถูกสัมปทาน ทำให้มีต้นสักถูกตัดไป ซึ่งต้นที่เหลืออยู่นั้นเป็นโพรง ทำให้ไม่สามารถทำเป็นสินค้าได้ จึงรอดพ้นจากการทำไม้
อายุต้นสักใหญ่วัดได้โดยอาศัยเทียบเคียงขนาดและจำนวนวงปี ซึ่งต้นที่เหลืออยู่ประมาณอายุได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ปี ส่วนความสูงวัดโดยการทิ้งดิ่งตลับเมตรสูงประมาณ 38.5 เมตร ความโต 1,015 เซนติเมตร (18 มิ.ย. 2551)
จากนั้นเราเดินทางไปยังบ่อเหล็กน้ำพี้ ที่ อ.ทองแสนขัน บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นโบราณสถานซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งเหล็กกล้าที่นำมาทำพระแสงดาบตั้งแต่สมัยโบราณ โดยบ่อขุดสินแร่เหล็กที่เรียกว่าบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ เป็นบ่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้ และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ซึ่งสงวนไว้ใช้ทำพระแสงดาบและพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์
เหล็กน้ำพี้ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นโลหะมหัศจรรย์ มีพลังในตัวสามารถป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้ายได้ ปัจจุบันแร่เหล็กน้ำพี้ถือว่าเป็นวัตถุมงคลอันเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มีไว้ครอบครอง นอกจากนี้ภายในบริเวณมีพิพิธภัณฑ์ บ่อเหล็กน้ำพี้นมีการจัดแสดงและจำลองให้เห็นถึงขบวนการการตีเหล็กน้ำพี้ ตั้งแต่การขุดแร่เหล็กจนตีเป็นดาบที่มีความแข็งแกร่งและความคมเป็นเลิศ ดาบน้ำพี้จึงเป็นอาวุธคู่กายของขุนศึกและนักรบไทยในสมัยโบราณ ตลอดมา
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทางจังหวัดนำเสนอคือ เส้นทางแอดเวนเจอร์ ชมเส้นทางคาราวานขนทุเรียน ที่ชาวบ้านใช้ขนทุเรียนลงเขา ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเปิดใหม่ให้ขาลุยได้ท้าพิสูจน์กัน ระหว่างเส้นทางขึ้นเขาจะเห็นต้นทุเรียนทั้งพันธุ์หมอนทอง หลงลับแล และหลินลับแล (เขาบอกว่าสองพันธุ์หลังนี้ราคาสูงมาก และหาทานไม่ได้ง่ายๆ) สลับกับต้นมะไฟที่ออกลูกเต็มต้น เมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาบริเวณจุดชมวิวสวนป้าสมเด็จ จะมองเห็นเมืองอุตรดิตถ์และจังหวัดใกล้เคียง โดยทางอบต.บอกว่าสามารถมองเห็นได้ถึงห้าเมือง แต่เท่าที่ผมขึ้นไปก็ไม่รู้ว่ามีเมืองไหนอยู่ตรงไหน เขาชี้ให้ผมดูก็ไม่เห็นจะแตกต่างกัน เพราะมีแต่ต้นไม้กับท้องฟ้า แถมหน้าตาก็คล้ายๆ กันอีก แต่รับรองว่าต้องประทับใจในความสวยงามของทัศนียภาพแน่นอน
เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเมืองอุตรดิตถ์ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยจังหวัดนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน จากหลักฐานการค้นพบโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยอยุธยา และสมัยธนบุรี วัดวาอารามในเมืองนี้จึงมีอายุกว่าร้อยปีอยู่หลายวัด เช่น วัดดงสระแก้ว ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับการรอดโบสถ์ไม้สักทองว่าจะเป็นมงคลต่อชีวิต
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ลักษณะเด่นมีพระบรมธาตุทุ่งยั้ง ซึ่งมีความเก่าแก่ เป็นที่เคารพสักการะนับถือชาวเมือง เพราะเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ภายในวิหารของวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวพุทธประวัติตอนมารผจญ อยู่ที่ผนังด้านบนตอนล่างเป็นภาพเรื่องสังข์ทองซึ่งมีการลบเลือนไปมากแล้ว
นอกจากนี้ยังมีวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ซึ่งเป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด แต่ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารในรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์เมื่อปี พ.ศ. 2283 ได้แสดงว่า พระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง จนพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จไปนมัสการ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าอุตรดิตถ์เป็นเมืองที่มีทั้งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม และมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ แต่หลายคนกลับใช้เมืองนี้เป็นเพียงทางผ่านเพื่อมุ่งสู่ภาคเหนือ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และไม่เหมือนที่ใด ลองแวะมาอุตรดิตถ์ เมืองน่ารักๆ แห่งนี้รอต้อนรับคุณอยู่
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- MacroArt
- Verified User
- โพสต์: 265
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 24
สำหรับผมต้องปางอุ๋งครับ ไปมาแล้วสองครั้ง ยังอยากไปซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้เบื่อ นั่งรถพันโค้งก็ไม่ยั่น
ผมเคยไปเขาหวงซานที่เขาว่ากันว่าติด 1 ใน 5 ภูเขาที่สวยที่สุดในจีน (ลองนึกถึงภาพวาดพู่กันจีนที่วาดเทือกเขากับทิวสน) กวีชาวจีนบอกว่าถ้าได้ไปหวงซานแล้วก็ไม่ต้องไปภูเขาที่อื่นอีก แต่ผมกลับรู้สึกว่าหวงซานมันสวยแค่วันแรกเท่านั้นเอง ไปครั้งเดียวก็ไม่อยากไปอีกรอบแล้ว ขณะที่ปางอุ๋งนี่มันสวยแบบมีเสน่ห์ที่ไม่น่าเบื่อเลย[/img]
ผมเคยไปเขาหวงซานที่เขาว่ากันว่าติด 1 ใน 5 ภูเขาที่สวยที่สุดในจีน (ลองนึกถึงภาพวาดพู่กันจีนที่วาดเทือกเขากับทิวสน) กวีชาวจีนบอกว่าถ้าได้ไปหวงซานแล้วก็ไม่ต้องไปภูเขาที่อื่นอีก แต่ผมกลับรู้สึกว่าหวงซานมันสวยแค่วันแรกเท่านั้นเอง ไปครั้งเดียวก็ไม่อยากไปอีกรอบแล้ว ขณะที่ปางอุ๋งนี่มันสวยแบบมีเสน่ห์ที่ไม่น่าเบื่อเลย[/img]
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 25
มี"คนจร"อย่างเสี่ย tum_h นี่
ททท. สบายเลย
ขอให้เที่ยวสนุก นั่งลุกสบายนะครับ
:lol:
ททท. สบายเลย
ขอให้เที่ยวสนุก นั่งลุกสบายนะครับ
:lol:
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 26
ผมเพิ่งออก start เองครับ ยังไม่ได้ไปไหนมากมายสถาปนิกต่างดาว เขียน:มี"คนจร"อย่างเสี่ย tum_h นี่
ททท. สบายเลย
ขอให้เที่ยวสนุก นั่งลุกสบายนะครับ
:lol:
หาข้อมูลเพื่ออนาคตครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 28
เที่ยวรถไฟไปอรัญฯ
โดย : ลาเกอปอ
"ฉากริมหน้าต่างนี่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยนะ" บางสุ้มเสียงเอ่ยขึ้น ระหว่างที่ 'ม้าเหล็ก' กำลังไต่ระดับความเร็วบนรางอย่างไม่เสียจังหวะ
สายลมเย็นปะทะผิว แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากรางและล้อรถ รวมไปถึงเสียงระฆังสัญญาณระหว่างสถานี ช่วยรีดอาการสลึมสลือของใครหลายคนที่ต้องฝืนตารางเวลาตัวเองตื่นขึ้นมาให้ทันรถไฟเที่ยวแรกของวันได้เป็นอย่างดี
แม้จะมีเพียงที่นั่งชั้น 3 แต่รถไฟสายกรุงเทพฯ - อรัญประเทศ ก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรงมากว่า 83 ปีแล้ว บนระยะรางกว่า 260 กิโลเมตรสุดชายแดนเบื้องบูรพา ภาพเรือกสวนไร่นาสีเขียวขจี สลับฉากวิถีชีวิตชุมชนเกษตรกรรม ยังกลายเป็น 'ของหวาน' ทางอารมณ์ให้ผู้พิศมัยจังหวะจะโคนบนไม้หมอนได้นั่งละเลียดระหว่างทางไปไม่รู้เบื่อ
รถไฟขบวน 'นำร่อง' ที่จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการท่องเที่ยวโดยรถไฟ ซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีอรัญประเทศในจ. สระแก้ว เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเปิดเส้นทางใหม่ๆ ให้กับสำหรับผู้ที่มีเข็มทิศอยู่ในหัวใจอีกด้วย
อรัญประเทศ เดิมเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสระแก้วซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ภายหลัง อรัญประเทศเป็นอำเภอชายแดนทางด้านตะวันออกของไทยมีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศกัมพูชา แต่เดิมมีชื่อว่า บ้านหินแร่ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เมื่อ พ.ศ. 2393 ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่7)
สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ 'ขึ้นชื่อ'อย่าง ปราสาทเขาน้อยสีชมพู ที่ปรากฏอยู่ในภาพสัญลักษณ์ประจำจังหวัด ปราสาทเมืองไผ่ โบราณสถานเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี วัดอนุบรรพรต ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นวัดที่มีอุโบสถสวยงามและลักษณะแปลกกว่าอุโบสถทั่วไป คือสร้างเป็นฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หลังคาทรงไทยยอดแหลมสูง ตกแต่งสวยงาม ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หรือประตูชัยอรัญประเทศ ที่กรมยุทธโยธาทหารบกได้ระดมกำลังทหารช่างทำการสร้างทั้งกลางวันและและกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมงเสร็จใน 29 วันแล้ว ที่นี่ยังมี 'แหล่งจับของมือสอง' ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอุษาคเนย์อย่าง ตลาดโรงเกลือ อยู่อีกด้วย
ตลาดโรงเกลือ เพิ่งพัฒนาเป็นอาคารร้านค้ามั่นคงถาวรแทนการปลูกเพิงอย่างง่ายๆ เมื่อกว่า 10 ปีมานี้ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้วเป็นผู้จัดการดูแล ประกอบด้วยตลาด 5 ตลาด คือ ตลาดโรงเกลือเก่า ตลาดเดชไทย ตลาดเทศบาล 2 (ตลาดโรงเกลือใหม่) ตลาดเทศบาล 3 (ตลาดโกลเดนเกต) และตลาดเบญจวรรณ แต่ละตลาดปลูกเป็นอาคารชั้นเดียว มีหลายหลัง ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แต่ละหลังแบ่งเป็นแผงร้านค้านับร้อยแผง สร้างเป็นแบบโรงเรือนแบ่งเป็นห้องๆ ในพื้นที่ราว 66 ไร่ จำนวนร้านค้า
ภาพนักท่องเที่ยวเดินปนเปกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้ากลายเป็นความเคยชินของที่นี่ไปเสียแล้ว หากใครมีโอกาสได้ไปที่ประตูด่านในช่วงเช้าตรู่ของวันก็จะเห็นผู้คนชาวเขมรที่มาออกันอยู่เพื่อรอเวลาด่านเปิด ความพลุกพล่านของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมหาศาลอย่างนี้เอง ทำให้มีการคาดคะเนกันถึงปริมาณเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนในตลาดไม่น่าจะต่ำกว่าวันละ 10 ล้านบาท อีกทั้งบ่อนกาสิโนอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่อยู่อีกฝั่งพรมแดนก็ยิ่งเพิ่มความคึกคักของผู้คน และจำนวนเงินให้มากขึ้นไปอีก
สินค้าที่ขาช้อปมักจะต้องหยิบติดไม้ติดมือกลับมา จะเป็นสินค้าจำพวกเสื้อผ้ามือสองคุณภาพดีจากประเทศต่างๆ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้วยชาม เครื่องจักสาน ชุดน้ำชาจากจีนและเวียดนาม เป็นต้น
สำหรับนักเดินทางทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ที่อยากจะหาจังหวะในการเดินทางให้หัวใจ รวมทั้งภาพวิถีชีวิตต่างๆ ที่ห่างหายไปจากเมืองกรุง เส้นทางล้อเหล็กสุดแดนบูรพาก็นับเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย 02-621-8701 ต่อ 5217, call center 1690 หรือ www.railway.co.th
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... AD%CF.html
โดย : ลาเกอปอ
"ฉากริมหน้าต่างนี่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยนะ" บางสุ้มเสียงเอ่ยขึ้น ระหว่างที่ 'ม้าเหล็ก' กำลังไต่ระดับความเร็วบนรางอย่างไม่เสียจังหวะ
สายลมเย็นปะทะผิว แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากรางและล้อรถ รวมไปถึงเสียงระฆังสัญญาณระหว่างสถานี ช่วยรีดอาการสลึมสลือของใครหลายคนที่ต้องฝืนตารางเวลาตัวเองตื่นขึ้นมาให้ทันรถไฟเที่ยวแรกของวันได้เป็นอย่างดี
แม้จะมีเพียงที่นั่งชั้น 3 แต่รถไฟสายกรุงเทพฯ - อรัญประเทศ ก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรงมากว่า 83 ปีแล้ว บนระยะรางกว่า 260 กิโลเมตรสุดชายแดนเบื้องบูรพา ภาพเรือกสวนไร่นาสีเขียวขจี สลับฉากวิถีชีวิตชุมชนเกษตรกรรม ยังกลายเป็น 'ของหวาน' ทางอารมณ์ให้ผู้พิศมัยจังหวะจะโคนบนไม้หมอนได้นั่งละเลียดระหว่างทางไปไม่รู้เบื่อ
รถไฟขบวน 'นำร่อง' ที่จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการท่องเที่ยวโดยรถไฟ ซึ่งมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีอรัญประเทศในจ. สระแก้ว เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเปิดเส้นทางใหม่ๆ ให้กับสำหรับผู้ที่มีเข็มทิศอยู่ในหัวใจอีกด้วย
อรัญประเทศ เดิมเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสระแก้วซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งขึ้นมาใหม่ภายหลัง อรัญประเทศเป็นอำเภอชายแดนทางด้านตะวันออกของไทยมีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศกัมพูชา แต่เดิมมีชื่อว่า บ้านหินแร่ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เมื่อ พ.ศ. 2393 ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่7)
สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ 'ขึ้นชื่อ'อย่าง ปราสาทเขาน้อยสีชมพู ที่ปรากฏอยู่ในภาพสัญลักษณ์ประจำจังหวัด ปราสาทเมืองไผ่ โบราณสถานเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี วัดอนุบรรพรต ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นวัดที่มีอุโบสถสวยงามและลักษณะแปลกกว่าอุโบสถทั่วไป คือสร้างเป็นฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หลังคาทรงไทยยอดแหลมสูง ตกแต่งสวยงาม ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หรือประตูชัยอรัญประเทศ ที่กรมยุทธโยธาทหารบกได้ระดมกำลังทหารช่างทำการสร้างทั้งกลางวันและและกลางคืนตลอด 24 ชั่วโมงเสร็จใน 29 วันแล้ว ที่นี่ยังมี 'แหล่งจับของมือสอง' ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอุษาคเนย์อย่าง ตลาดโรงเกลือ อยู่อีกด้วย
ตลาดโรงเกลือ เพิ่งพัฒนาเป็นอาคารร้านค้ามั่นคงถาวรแทนการปลูกเพิงอย่างง่ายๆ เมื่อกว่า 10 ปีมานี้ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้วเป็นผู้จัดการดูแล ประกอบด้วยตลาด 5 ตลาด คือ ตลาดโรงเกลือเก่า ตลาดเดชไทย ตลาดเทศบาล 2 (ตลาดโรงเกลือใหม่) ตลาดเทศบาล 3 (ตลาดโกลเดนเกต) และตลาดเบญจวรรณ แต่ละตลาดปลูกเป็นอาคารชั้นเดียว มีหลายหลัง ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แต่ละหลังแบ่งเป็นแผงร้านค้านับร้อยแผง สร้างเป็นแบบโรงเรือนแบ่งเป็นห้องๆ ในพื้นที่ราว 66 ไร่ จำนวนร้านค้า
ภาพนักท่องเที่ยวเดินปนเปกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้ากลายเป็นความเคยชินของที่นี่ไปเสียแล้ว หากใครมีโอกาสได้ไปที่ประตูด่านในช่วงเช้าตรู่ของวันก็จะเห็นผู้คนชาวเขมรที่มาออกันอยู่เพื่อรอเวลาด่านเปิด ความพลุกพล่านของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่จำนวนมหาศาลอย่างนี้เอง ทำให้มีการคาดคะเนกันถึงปริมาณเม็ดเงินสะพัดหมุนเวียนในตลาดไม่น่าจะต่ำกว่าวันละ 10 ล้านบาท อีกทั้งบ่อนกาสิโนอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่อยู่อีกฝั่งพรมแดนก็ยิ่งเพิ่มความคึกคักของผู้คน และจำนวนเงินให้มากขึ้นไปอีก
สินค้าที่ขาช้อปมักจะต้องหยิบติดไม้ติดมือกลับมา จะเป็นสินค้าจำพวกเสื้อผ้ามือสองคุณภาพดีจากประเทศต่างๆ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ถ้วยชาม เครื่องจักสาน ชุดน้ำชาจากจีนและเวียดนาม เป็นต้น
สำหรับนักเดินทางทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ที่อยากจะหาจังหวะในการเดินทางให้หัวใจ รวมทั้งภาพวิถีชีวิตต่างๆ ที่ห่างหายไปจากเมืองกรุง เส้นทางล้อเหล็กสุดแดนบูรพาก็นับเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย 02-621-8701 ต่อ 5217, call center 1690 หรือ www.railway.co.th
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... AD%CF.html
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 29
สวรรค์น้อยๆ บนเกาะยาวน้อย
โดย : สิรินทร์ วงศ์พานิช
ความงามอันน่าตื่นตะลึง ของเกาะป่าหน้าอ่าวพังงา มองเห็นอย่างชัดเจนจากห้องพักของ ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ เกาะยาวน้อย
ซึ่งอาจทำให้คนที่ไปเยือนครั้งแรก นึกว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนสวรรค์...
เกาะป่าอันสวยงามหน้าอ่าวของรีสอร์ท ที่มีลักษณะเป็นหินปูนงอกขึ้นมาจากผิวทะเล ทอดเรียงตัวลดหลั่นกัน เป็นเอกลักษณ์ความงามตามธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องเดินทางมาดูที่นี่ ที่เมืองไทย บน เกาะยาวน้อย
เกาะยาวน้อย เป็นเกาะเล็ก ๆ การเดินทางแสนง่าย ถ้ามาจากภูเก็ต คนพื้นถิ่นหรือชาวเกาะเป็นชาวประมง และกว่า 98% เป็นมุสลิม มีวิถีชีวิตเรียบง่าย และเมืองเล็ก ๆ ที่พวกเขาอยู่กันนั้น ช่างเงียบสงบ ทำให้ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีรีสอร์ทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย แต่ทว่ารีสอร์ทแห่งนี้ก็มีลักษณะพิเศษที่จะทำผู้ไปพัก นึกว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแท้จริง ใช้ชีวิตแบบ 'ไฮด์อเวย์' เงียบ เรียบง่าย ได้พักผ่อนจริง ๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถออกไปสัมผัสชีวิตชาวบ้าน หรือนั่งเรือออกไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่าง ๆ ชมทะเล ชมหอยปูปลา หรือดำน้ำอย่างสบายอารมณ์
ผู้คนบนเกาะยาวน้อยเป็นตัวอย่างของสังคมเล็ก ๆ ของไทย ที่คนรู้จักกันหมดทั้งเกาะและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ที่ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ พวกเราได้ พี่แหม่ม - สุชาดา รัตนศรีไพบูลย์ สาวใต้หัวหน้าบัตเลอร์ประจำโรงแรมเป็นคนแนะนำเราให้รู้จักเกาะยาวน้อยได้ดียิ่งขึ้น เราไปเกาะยาวน้อยช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หน้าฝนกำลังมา และเกาะสวรรค์นี้ก็ยิ่งเงียบเพราะฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติซาลงแล้ว พี่แหม่มเล่าให้ฟังว่า คนที่นี่ก็เอื้อเฟื้อผิดปกติ (หากเปรียบเทียบกับความเป็นจริงของสังคมทั่วไป) ประมาณว่าจอดมอเตอร์ไซค์ที่นี่แล้วทิ้งกุญแจไว้ ก็ไม่หาย ไม่มีขโมยนั่นแหละ พี่แหม่มบอกด้วยความภูมิใจ...
นอกจากสังคมชาวเกาะออกจะน่ารักขนาดนี้ เรายังได้รู้จักกับ บังหมี - คุณสำเริง ราเขต หัวหน้าชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนเกาะยาว ที่เป็นแรงผลักดันหลัก ทำให้การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของเกาะยาวกลายเป็นต้นแบบให้ชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศนำไปใช้ หากว่ามีแนวทางในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ศักดิ์ศรี และสภาพสังคมท้องถิ่นแบบเดิม ๆ อย่างเหนียวแน่น และหารายได้จากการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยมีคนท้องถิ่นร่วมมือกันในการอนุรักษ์
บังหมี เล่าความหลังให้ฟังว่า ความจริง เกาะยาวน้อยก็เคยยืนอยู่ปลายเหวแห่งการพัฒนามาก่อน เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนหน้านี้ การจับสัตว์น้ำในทะเลด้วยอวนลาก อวนรุน ได้ลากและขุดทรัพยากรทางทะเลออกไปจนเกือบหมดสิ้น คือเรือประมงที่ใช้อวนลาก อวนรุน จะไม่แคร์ว่าเขาได้ทำลายอะไรบ้างในการจับสัตว์น้ำในแต่ละครั้ง ขอเพียงแต่ให้ได้ทุกอย่างออกไปจากทะเลให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เพราะต้องแข่งขันกับเจ้าอื่น ดีที่ว่าชาวเกาะยาวได้รวมตัวกันอย่างแข็งแรง แล้วใช้การท่องเที่ยวนี่แหละในการเผยแพร่ปัญหาความเห็นแก่ตัวของเรือเหล่านั้น ประเด็นคือ เราควรจะมีวิธีจับสัตว์ให้ยั่งยืน ให้คนท้องถิ่นเข้าใจก่อน ให้รักของ ๆ เขาก่อน อย่าลดศักดิ์ศรีให้ตัวเองยอมทำทุกอย่างเพื่อนายทุน ผลที่ได้ก็คือตอนนี้เกาะยาวมีชมรมประมงพื้นบ้าน ที่นอกจากจะร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องเรื่องการประมงแบบยั่งยืน ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชน เป็นการสร้างงานและรายได้ และนักท่องเที่ยวที่มายังได้ความรู้และความประทับใจไปบอกต่ออีกด้วย
แน่นอนว่า คนที่มาเห็นความอุดมสมบูรณ์ของเกาะยาว ที่เขียวขจีไปด้วยต้นไม้ท้องถิ่น และความงามตามธรรมชาติที่เงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อได้ ย่อมเกิดความรู้สึกหวงแหนเป็นธรรมดา การมาเที่ยวเกาะยาวจึงมีมากกว่าการนั่งนอนตากแดดบนชายหาด เพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย โดยเฉพาะคนที่รักธรรมชาติ หากชอบเที่ยวทางทะเล เราสามารถให้ชาวบ้านพาไปดูกระชังเลี้ยงปลาเก๋า ปลาช่อนทะเล กุ้งมังกร หรือออกไปตามเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะนอก เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย หรือถ้ำ เช่น ถ้ำเพชร ถ้ำไอติม ไปดูหินงอกหินย้อย บนบกของเกาะยาวน้อยยังมีบ่อน้ำจืดอยู่ตอนเหนือ ที่คนเกาะยาวน้อยเชื่อว่าเป็น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคให้หายได้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตไซดักปลา มีสวนยางพารา มะพร้าวน้ำหอม ทุ่งนา หรือหากอยากซื้อของฝากก็สามารถไปดูบ้านทำผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม และของใช้สวย ๆ จากกะลามะพร้าว
ที่ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ ยาวน้อย มีป่าชายเลนธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยต้นซับน้ำ เช่น ตะบูน โกงกาง ปีปี ลำพู ถั่ว มูตา เหงือกปลาหมอ และหญ้าทะเล ให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้ พี่แหม่มบอกว่ารีสอร์ทของเธอมีนโยบายห้ามตัดต้นไม้ ดังนั้นห้องพักที่นี่จึงเหมือนซุกตัวอยู่ในป่า (ประมาณบ้านไม้กลางป่าของทาร์ซานแต่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง) และที่สำคัญเขาออกแบบห้องพักให้เราได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เช่น วิวด้านหน้าตรงห้องนอน และสระว่ายน้ำเห็นป่าเกาะ ห้องน้ำมีทั้งแบบกลางแจ้งที่อาบน้ำสนุกมาก และด้านในแบบธรรมดา เวลาอาบน้ำกลางคืน ไม่มีแอร์ให้เปลืองไฟยกเว้นในห้องนอน ที่เขาออกแบบไว้น่ารักมาก เพราะให้ผ้าห่มผืนบาง ๆ เนื้อนุ่ม แทนที่จะให้ผ้านวมหนาหนักให้เราต้องกระหน่ำเร่งแอร์ น้ำของที่นี่ยังเป็นน้ำกรองบรรจุขวดแก้ว สั่งทำพิเศษสะอาดปลอดภัย เพื่อลดขยะจากขวดพลาสติก ชอบไอเดียนี้มากเลยค่ะ
มาเที่ยวที่แบบนี้ จะไม่ลองรับประทานของอร่อย ๆ ของเขาได้อย่างไร หากไม่นับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่สวยงามของซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์แล้ว สิ่งที่ดิฉันชอบมาก ๆ ของที่นี่คืออาหารเช้าค่ะ ขอเรียงลำดับสาเหตุความชอบว่า ชอบกาแฟหอม ๆ ทำสด ๆ ที่เขาเสิร์ฟแก้วโตสะใจ ที่ห้องอาหาร The Living Room ที่เปิดตลอดทั้งวัน เริ่มมื้อแรกด้วยอาหารเช้าที่อลังการมากคือเขาจะให้เราสั่งอาหารร้อนที่มีเป็นเซต หรือสั่งแยกก็ได้ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ชุดข้าวต้ม ชุดอาหารญี่ปุ่น และก็ไปเลือกขนมปังหลายชนิดอบใหม่ ๆ หอมกรุ่นกับแยมโฮมเมดหลากรสเช่น เสาวรส มะม่วง กล้วยผสมซินนามอน กระเจี๊ยบ เบอร์รีผสม และอื่น ๆ อีกมากมาย และในห้องชีส ก็ยังมีชีสเป็นถาดให้เลือก น้ำผลไม้และผลไม้สด ๆ และบรรดาแฮมหลากชนิดอีกนับไม่ถ้วน
มื้อกลางวันของซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ ในห้อง Living Room ก็มีให้เลือกหลายอย่าง เช่น แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต ที่มีเฟรนช์ฟรายด์ในถังนึ่งติ่มซำก็อร่อย อาหารไทย จีน สลัด หรือจะลองสลัดทูน่าสดกับปอเปี๊ยะกุ้งแบบไทยก็อร่อย ตามด้วยเส้นทาจิโอลินี่ผักโขมกับลอบสเตอร์ในไวน์ขาว ราดด้วยน้ำมันมะกอกหอม ๆ ผสมใบโหระพาฝรั่งก็ได้ ดิฉันแอบชอบดุ๊กค่า (Dukka) หรือถั่วบดเครื่องเทศสไตล์อียิปต์หอมยี่หร่าและเมล็ดผักชี และน้ำมันมะกอกสุดยอดแห่งความหอมที่เขาเสิร์ฟกับขนมปังอุ่น ๆ อร่อยมาก
ส่วนอาหารเย็น ดิฉันแนะนำว่าให้ลองออกไปกินอาหารฝีมือชาวบ้าน แต่ช่วยบอกเขาล่วงหน้านิดนึง เพราะเขาต้องเตรียมซื้ออาหารทะเลและปรุงให้เราตามจำนวนคน เราได้ไปกินข้าวที่บ้าน จ๊ะวรรณี ที่เธอทำปลากะพงย่าง (ปลากะพงใบไม้ตัวใหญ่มาก) ปูนึ่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสแซบ แกงส้มปลายอดมะพร้าว (ชอบ ๆ ๆ) ผัดผักรวมใส่กุ้ง และยำสามกรอบ บังหมีบอกว่าหากบอกล่วงหน้า เขาจะไปคัดปูตัวโต ๆ มาให้ ที่สำคัญคนที่นี่เขาอุดหนุนชาวประมงพื้นบ้านกันเองที่จะจับปูเฉพาะตัวที่ไม่มีไข่ เราหม่ำปูไข่ไป 1 ตัว เท่ากับเราทำลายไข่เขาไป 2 แสนฟอง ถ้ากินอาหารโดยรู้ที่มาของมันก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่เราจะช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้ค่ะ
เกาะยาวน้อย... ไม่เพียงสวรรค์เล็ก ๆ ที่มีแต่สีเขียวของความอุดมสมบูรณ์ และสีครามของน้ำทะเล แต่เป็นสวรรค์น้อย ๆ ของคนช่างกินอีกด้วย...
เกาะยาวน้อย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะตอนนี้ที่โรงแรมกำลังลดราคา ห้องพักที่ ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ ยาวน้อย มีราคาพิเศษสำหรับคนไทยและคนต่างชาติที่พักในเมืองไทย ห้องพูลวิลล่าห้องละ 14,200 บาท รวมภาษี และค่าบริการแล้ว และมีอาหารเช้าทุกวัน (พักอย่างต่ำ 2 คืน) โทร.076-418-500 หรือ อีเมล์ [email protected] (ราคานี้ยืนยันจนถึง 31 ตุลาคม ศกนี้)
ถ้าไปเกาะยาวไปทางภูเก็ตสะดวกที่สุด โดยเรือของรีสอร์ทจะมารับที่อ่าวปอมารีน่า ตอนนี้โรงแรมลดราคาค่าทรานสเฟอร์รถลีมูซีน + เรือ 50% สำหรับคนไทย
หากอยากรับประทานอาหารทะเลของชาวบ้าน ติดต่อ บังหมี โทร.081-968-0877 หรือ 076-597-244
รถแท็กซี่รับจ้างของชุมชน บริการเที่ยวรอบเกาะ ติดต่อ บังรัตน์ โทร.089-471-7950
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... CD%C2.html
โดย : สิรินทร์ วงศ์พานิช
ความงามอันน่าตื่นตะลึง ของเกาะป่าหน้าอ่าวพังงา มองเห็นอย่างชัดเจนจากห้องพักของ ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ เกาะยาวน้อย
ซึ่งอาจทำให้คนที่ไปเยือนครั้งแรก นึกว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนสวรรค์...
เกาะป่าอันสวยงามหน้าอ่าวของรีสอร์ท ที่มีลักษณะเป็นหินปูนงอกขึ้นมาจากผิวทะเล ทอดเรียงตัวลดหลั่นกัน เป็นเอกลักษณ์ความงามตามธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องเดินทางมาดูที่นี่ ที่เมืองไทย บน เกาะยาวน้อย
เกาะยาวน้อย เป็นเกาะเล็ก ๆ การเดินทางแสนง่าย ถ้ามาจากภูเก็ต คนพื้นถิ่นหรือชาวเกาะเป็นชาวประมง และกว่า 98% เป็นมุสลิม มีวิถีชีวิตเรียบง่าย และเมืองเล็ก ๆ ที่พวกเขาอยู่กันนั้น ช่างเงียบสงบ ทำให้ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีรีสอร์ทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย แต่ทว่ารีสอร์ทแห่งนี้ก็มีลักษณะพิเศษที่จะทำผู้ไปพัก นึกว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแท้จริง ใช้ชีวิตแบบ 'ไฮด์อเวย์' เงียบ เรียบง่าย ได้พักผ่อนจริง ๆ และในขณะเดียวกันก็สามารถออกไปสัมผัสชีวิตชาวบ้าน หรือนั่งเรือออกไปเที่ยวตามเกาะแก่งต่าง ๆ ชมทะเล ชมหอยปูปลา หรือดำน้ำอย่างสบายอารมณ์
ผู้คนบนเกาะยาวน้อยเป็นตัวอย่างของสังคมเล็ก ๆ ของไทย ที่คนรู้จักกันหมดทั้งเกาะและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ที่ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ พวกเราได้ พี่แหม่ม - สุชาดา รัตนศรีไพบูลย์ สาวใต้หัวหน้าบัตเลอร์ประจำโรงแรมเป็นคนแนะนำเราให้รู้จักเกาะยาวน้อยได้ดียิ่งขึ้น เราไปเกาะยาวน้อยช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หน้าฝนกำลังมา และเกาะสวรรค์นี้ก็ยิ่งเงียบเพราะฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติซาลงแล้ว พี่แหม่มเล่าให้ฟังว่า คนที่นี่ก็เอื้อเฟื้อผิดปกติ (หากเปรียบเทียบกับความเป็นจริงของสังคมทั่วไป) ประมาณว่าจอดมอเตอร์ไซค์ที่นี่แล้วทิ้งกุญแจไว้ ก็ไม่หาย ไม่มีขโมยนั่นแหละ พี่แหม่มบอกด้วยความภูมิใจ...
นอกจากสังคมชาวเกาะออกจะน่ารักขนาดนี้ เรายังได้รู้จักกับ บังหมี - คุณสำเริง ราเขต หัวหน้าชมรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนเกาะยาว ที่เป็นแรงผลักดันหลัก ทำให้การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนของเกาะยาวกลายเป็นต้นแบบให้ชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศนำไปใช้ หากว่ามีแนวทางในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ศักดิ์ศรี และสภาพสังคมท้องถิ่นแบบเดิม ๆ อย่างเหนียวแน่น และหารายได้จากการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยมีคนท้องถิ่นร่วมมือกันในการอนุรักษ์
บังหมี เล่าความหลังให้ฟังว่า ความจริง เกาะยาวน้อยก็เคยยืนอยู่ปลายเหวแห่งการพัฒนามาก่อน เมื่อเกือบ 20 ปีก่อนหน้านี้ การจับสัตว์น้ำในทะเลด้วยอวนลาก อวนรุน ได้ลากและขุดทรัพยากรทางทะเลออกไปจนเกือบหมดสิ้น คือเรือประมงที่ใช้อวนลาก อวนรุน จะไม่แคร์ว่าเขาได้ทำลายอะไรบ้างในการจับสัตว์น้ำในแต่ละครั้ง ขอเพียงแต่ให้ได้ทุกอย่างออกไปจากทะเลให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เพราะต้องแข่งขันกับเจ้าอื่น ดีที่ว่าชาวเกาะยาวได้รวมตัวกันอย่างแข็งแรง แล้วใช้การท่องเที่ยวนี่แหละในการเผยแพร่ปัญหาความเห็นแก่ตัวของเรือเหล่านั้น ประเด็นคือ เราควรจะมีวิธีจับสัตว์ให้ยั่งยืน ให้คนท้องถิ่นเข้าใจก่อน ให้รักของ ๆ เขาก่อน อย่าลดศักดิ์ศรีให้ตัวเองยอมทำทุกอย่างเพื่อนายทุน ผลที่ได้ก็คือตอนนี้เกาะยาวมีชมรมประมงพื้นบ้าน ที่นอกจากจะร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแล้ว ยังเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องเรื่องการประมงแบบยั่งยืน ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวชุมชน เป็นการสร้างงานและรายได้ และนักท่องเที่ยวที่มายังได้ความรู้และความประทับใจไปบอกต่ออีกด้วย
แน่นอนว่า คนที่มาเห็นความอุดมสมบูรณ์ของเกาะยาว ที่เขียวขจีไปด้วยต้นไม้ท้องถิ่น และความงามตามธรรมชาติที่เงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อได้ ย่อมเกิดความรู้สึกหวงแหนเป็นธรรมดา การมาเที่ยวเกาะยาวจึงมีมากกว่าการนั่งนอนตากแดดบนชายหาด เพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย โดยเฉพาะคนที่รักธรรมชาติ หากชอบเที่ยวทางทะเล เราสามารถให้ชาวบ้านพาไปดูกระชังเลี้ยงปลาเก๋า ปลาช่อนทะเล กุ้งมังกร หรือออกไปตามเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะนอก เกาะห้อง เกาะผักเบี้ย หรือถ้ำ เช่น ถ้ำเพชร ถ้ำไอติม ไปดูหินงอกหินย้อย บนบกของเกาะยาวน้อยยังมีบ่อน้ำจืดอยู่ตอนเหนือ ที่คนเกาะยาวน้อยเชื่อว่าเป็น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคให้หายได้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตไซดักปลา มีสวนยางพารา มะพร้าวน้ำหอม ทุ่งนา หรือหากอยากซื้อของฝากก็สามารถไปดูบ้านทำผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม และของใช้สวย ๆ จากกะลามะพร้าว
ที่ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ ยาวน้อย มีป่าชายเลนธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยต้นซับน้ำ เช่น ตะบูน โกงกาง ปีปี ลำพู ถั่ว มูตา เหงือกปลาหมอ และหญ้าทะเล ให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้ พี่แหม่มบอกว่ารีสอร์ทของเธอมีนโยบายห้ามตัดต้นไม้ ดังนั้นห้องพักที่นี่จึงเหมือนซุกตัวอยู่ในป่า (ประมาณบ้านไม้กลางป่าของทาร์ซานแต่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่าง) และที่สำคัญเขาออกแบบห้องพักให้เราได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เช่น วิวด้านหน้าตรงห้องนอน และสระว่ายน้ำเห็นป่าเกาะ ห้องน้ำมีทั้งแบบกลางแจ้งที่อาบน้ำสนุกมาก และด้านในแบบธรรมดา เวลาอาบน้ำกลางคืน ไม่มีแอร์ให้เปลืองไฟยกเว้นในห้องนอน ที่เขาออกแบบไว้น่ารักมาก เพราะให้ผ้าห่มผืนบาง ๆ เนื้อนุ่ม แทนที่จะให้ผ้านวมหนาหนักให้เราต้องกระหน่ำเร่งแอร์ น้ำของที่นี่ยังเป็นน้ำกรองบรรจุขวดแก้ว สั่งทำพิเศษสะอาดปลอดภัย เพื่อลดขยะจากขวดพลาสติก ชอบไอเดียนี้มากเลยค่ะ
มาเที่ยวที่แบบนี้ จะไม่ลองรับประทานของอร่อย ๆ ของเขาได้อย่างไร หากไม่นับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่สวยงามของซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์แล้ว สิ่งที่ดิฉันชอบมาก ๆ ของที่นี่คืออาหารเช้าค่ะ ขอเรียงลำดับสาเหตุความชอบว่า ชอบกาแฟหอม ๆ ทำสด ๆ ที่เขาเสิร์ฟแก้วโตสะใจ ที่ห้องอาหาร The Living Room ที่เปิดตลอดทั้งวัน เริ่มมื้อแรกด้วยอาหารเช้าที่อลังการมากคือเขาจะให้เราสั่งอาหารร้อนที่มีเป็นเซต หรือสั่งแยกก็ได้ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ชุดข้าวต้ม ชุดอาหารญี่ปุ่น และก็ไปเลือกขนมปังหลายชนิดอบใหม่ ๆ หอมกรุ่นกับแยมโฮมเมดหลากรสเช่น เสาวรส มะม่วง กล้วยผสมซินนามอน กระเจี๊ยบ เบอร์รีผสม และอื่น ๆ อีกมากมาย และในห้องชีส ก็ยังมีชีสเป็นถาดให้เลือก น้ำผลไม้และผลไม้สด ๆ และบรรดาแฮมหลากชนิดอีกนับไม่ถ้วน
มื้อกลางวันของซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ ในห้อง Living Room ก็มีให้เลือกหลายอย่าง เช่น แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต ที่มีเฟรนช์ฟรายด์ในถังนึ่งติ่มซำก็อร่อย อาหารไทย จีน สลัด หรือจะลองสลัดทูน่าสดกับปอเปี๊ยะกุ้งแบบไทยก็อร่อย ตามด้วยเส้นทาจิโอลินี่ผักโขมกับลอบสเตอร์ในไวน์ขาว ราดด้วยน้ำมันมะกอกหอม ๆ ผสมใบโหระพาฝรั่งก็ได้ ดิฉันแอบชอบดุ๊กค่า (Dukka) หรือถั่วบดเครื่องเทศสไตล์อียิปต์หอมยี่หร่าและเมล็ดผักชี และน้ำมันมะกอกสุดยอดแห่งความหอมที่เขาเสิร์ฟกับขนมปังอุ่น ๆ อร่อยมาก
ส่วนอาหารเย็น ดิฉันแนะนำว่าให้ลองออกไปกินอาหารฝีมือชาวบ้าน แต่ช่วยบอกเขาล่วงหน้านิดนึง เพราะเขาต้องเตรียมซื้ออาหารทะเลและปรุงให้เราตามจำนวนคน เราได้ไปกินข้าวที่บ้าน จ๊ะวรรณี ที่เธอทำปลากะพงย่าง (ปลากะพงใบไม้ตัวใหญ่มาก) ปูนึ่ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสแซบ แกงส้มปลายอดมะพร้าว (ชอบ ๆ ๆ) ผัดผักรวมใส่กุ้ง และยำสามกรอบ บังหมีบอกว่าหากบอกล่วงหน้า เขาจะไปคัดปูตัวโต ๆ มาให้ ที่สำคัญคนที่นี่เขาอุดหนุนชาวประมงพื้นบ้านกันเองที่จะจับปูเฉพาะตัวที่ไม่มีไข่ เราหม่ำปูไข่ไป 1 ตัว เท่ากับเราทำลายไข่เขาไป 2 แสนฟอง ถ้ากินอาหารโดยรู้ที่มาของมันก็นับเป็นวิธีหนึ่งที่เราจะช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้ได้ค่ะ
เกาะยาวน้อย... ไม่เพียงสวรรค์เล็ก ๆ ที่มีแต่สีเขียวของความอุดมสมบูรณ์ และสีครามของน้ำทะเล แต่เป็นสวรรค์น้อย ๆ ของคนช่างกินอีกด้วย...
เกาะยาวน้อย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะตอนนี้ที่โรงแรมกำลังลดราคา ห้องพักที่ ซิกส์เซ็นส์ ไฮด์อเวย์ ยาวน้อย มีราคาพิเศษสำหรับคนไทยและคนต่างชาติที่พักในเมืองไทย ห้องพูลวิลล่าห้องละ 14,200 บาท รวมภาษี และค่าบริการแล้ว และมีอาหารเช้าทุกวัน (พักอย่างต่ำ 2 คืน) โทร.076-418-500 หรือ อีเมล์ [email protected] (ราคานี้ยืนยันจนถึง 31 ตุลาคม ศกนี้)
ถ้าไปเกาะยาวไปทางภูเก็ตสะดวกที่สุด โดยเรือของรีสอร์ทจะมารับที่อ่าวปอมารีน่า ตอนนี้โรงแรมลดราคาค่าทรานสเฟอร์รถลีมูซีน + เรือ 50% สำหรับคนไทย
หากอยากรับประทานอาหารทะเลของชาวบ้าน ติดต่อ บังหมี โทร.081-968-0877 หรือ 076-597-244
รถแท็กซี่รับจ้างของชุมชน บริการเที่ยวรอบเกาะ ติดต่อ บังรัตน์ โทร.089-471-7950
http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... CD%C2.html
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
- ดงดิบ
- Verified User
- โพสต์: 23
- ผู้ติดตาม: 0
เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี
โพสต์ที่ 30
นี่เลยครับ..อุทยานแห่งชาติเขาแหลม กาญจนบุรี...
ไปกางเต้นท์มา 3 รอบแล้ว ที่จุดชมวิวป้อมปี่...ริมเขื่อนเขาแหลม..ประทับใจตลอด..นั่งจิบเบียร์ ดูพระอาทิตย์ตกน้ำ...สุดๆ...
ห้องน้ำหรู...เจ้าหน้าที่ดูแลดีมาก..มีพายเรื่อด้วย...
ส่วนระยะทางจะเพิ่มอีกเท่าตัว เท่ากับ กรุงเทพๆไปกาญ...ไกลเหมือนกัน..
รับรองคุ้มครับ...
ไปกางเต้นท์มา 3 รอบแล้ว ที่จุดชมวิวป้อมปี่...ริมเขื่อนเขาแหลม..ประทับใจตลอด..นั่งจิบเบียร์ ดูพระอาทิตย์ตกน้ำ...สุดๆ...
ห้องน้ำหรู...เจ้าหน้าที่ดูแลดีมาก..มีพายเรื่อด้วย...
ส่วนระยะทางจะเพิ่มอีกเท่าตัว เท่ากับ กรุงเทพๆไปกาญ...ไกลเหมือนกัน..
รับรองคุ้มครับ...
เหรียญมี 2 ด้าน...