ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

กระทู้คุณค่า มีประโยชน์ ความรู้ดีดี เป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แค่ไหนก็ตาม
moomoo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 320
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 901

โพสต์

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดี ๆ ครับ  :bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ball048
Verified User
โพสต์: 107
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 902

โพสต์

ขอแก้ครับ SF ไม่ใช่เจ้าของ future Park ครับ
แต่เป็นเจ้าของ อาทิ J Avenue , Esplanade ครับ :bow:  :bow:
กำลังฝึกให้ปอดแข็งแรงอยู่ครับ
Gamo
Verified User
โพสต์: 139
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 903

โพสต์

Esplanade ไม่ใช่ของ Major หรือครับ?
Gamo
Verified User
โพสต์: 139
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 904

โพสต์

อ้างอิงตามนี้ http://corporate.majorcineplex.com/TH/main.php

At year-end 2007, MAJOR operates 4 different brands:

   * Major Cineplex
   * EGV Cinemas
   * Paragon Cineplex
   * Esplanade Cineplex
Laziale
Verified User
โพสต์: 2147
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 905

โพสต์

หนังดีๆทั้งนั้นครับช่วงนี้ ชาว VI ช่วยๆกันไปอุดหนุนบริษัทผมมั่งนะคับ  :8)  ปล.ไม่ใช่ SF Cinema นะครับ  :D
Pallas
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 128
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 906

โพสต์

Gamo เขียน:Esplanade ไม่ใช่ของ Major หรือครับ?
Esplanade เป็นของ Siam Future ครับ
โดย Major เป็นผู้ถือหุ้นของ Siam Future อีกที

ส่วนแบรนด์ Esplanade Cineplex คือชื่อโรงภาพยนตร์ที่เปิดใน Esplanade ไม่ใช่ตัว Esplanade ครับ เหมือนกับ Paragon Cineplex ที่หมายถึงโรงหนังในสยามพารากอน แต่ตัวสยามพารากอนเองก็เป็นของกลุ่มสยามพิวรรธ์ กับเดอะมอลล์
"As Above, So Below"
แม่แฝด3
Verified User
โพสต์: 196
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 907

โพสต์

แสดงความยินดีกับคุณโจด้วยค่ะ
ได้น้องคนใหม่ เป็นลูกสาวซะด้วย ดีค่ะ จะได้มีคนอ้อน
สรุปว่า เรามีเท่ากันแล้วนะ
มีรูปให้ดูค่ะ ว่ามีลูกสามคนนี่น่ารักน๊า  :lol:

http://www.pantown.com/board.php?id=365 ... ction=view
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 908

โพสต์

แฝดฝาเดียวกัน 1 คู่   กับ แฝดคนละฝาอีก 1 คน  

เข้าใจถูกไหมครับ   :o
pump
Verified User
โพสต์: 29
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 909

โพสต์

คุณลูกอีสานมอง irp ว่ายังไงบ้างครับ

ขอบคุณมากนะครับ
poppum
Verified User
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 910

โพสต์

น่ารักทั้ง3คนเลยครับ  คุณแม่แฝด3
poppum
Verified User
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 0

ยินดีด้วยครับพี่โจ

โพสต์ที่ 911

โพสต์

ขอให้ทั้งครอบครับมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงดีทุกคนเลยนะครับพี่โจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jnos
Verified User
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 912

โพสต์

อาจจะช้าไปบ้างนะครับพี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าเว็บครับ ยินดีด้วยจริงๆนะครับ ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงกันทั้งครอบครัวนะครับ
"ผู้ที่ยืนเขย่งเท้า จะยืนได้ไม่มั่นคง
ผู้ที่ก้าวเท้ายาวเกินไป จะเดินได้ไม่ไกล"
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 913

โพสต์

[quote="Hughes"]สวัสดีครับขอแก้นิดนะครับพี่ลูกอิสานเพราะเป็นอดีตพนักงานบริษัทนี้

พอดี sf cinema นี่ไม่ใช่ของกลุ่มเซ็นทรัลครับแต่เป็น ผู้ทำธุรกิจโรงหนังซึ่งมาจากชลบุรี

แล้วที่ major ออกไปนี่น่าจะเป็นเพราะไม่อยากจ่ายค่าเช่ามั้งครับบวกกับว่ามีการเปลี่ยนกลุ่มพันธมิตร อย่างเมื่อก่อน Major เปิดกับเซ็นทรัลทุกสาขาแต่มาภาคพารากอน vs เซ็นทรัลเวิลด์ Major ไปเปิดกับกลุ่มพาราก้อนทำให้เซ็นทรัลต้องหาคนมาทำโรงหนังแทน ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะศูนย์การค้านี่มันต้องมีครบทุกอย่างครับ ถ้าไม่มีโรงหนังนี่ก็ขาด Anchor (ตัวดึงคน) ตัวใหญ่ไปทำให้ศูนย์คนเดินน้อยลง ศูนย์ใหม่ๆก็จะกลายเป็น sf cinema ซะหมด

ส่วนธุรกิจนี่กลุ่มเซ็นทรัลเค้าไม่ค่อยไปทำในสิ่งที่เขาไม่ถนัดครับ เขาจะเจาะแต่เฉพาะธุรกิจที่เขาทำเก่งคือธุรกิจ Retail แค่เฉพาะ retail นี่ก็ยังขยายได้อีกเยอะ

ผมไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าเค้าไปเอาเปรียบคู่ค้าเพราะคู่ค้าหลายรายก็ยังคงเปิดร้านดำเนินกิจการกันดีอยู่มีความสุขดีครับ

ขอบคุณที่รับฟังครับ แล้ว PM มาใบ้หุ้นกันมั่งนะครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 914

โพสต์

[quote="แม่แฝด3"]แสดงความยินดีกับคุณโจด้วยค่ะ
ได้น้องคนใหม่ เป็นลูกสาวซะด้วย ดีค่ะ จะได้มีคนอ้อน
สรุปว่า เรามีเท่ากันแล้วนะ
มีรูปให้ดูค่ะ ว่ามีลูกสามคนนี่น่ารักน๊า
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 915

โพสต์

แมงเม่าเจ้าเวหา เขียน:สวัสดีครับพี่โจ
ผมเคยดูพี่ออกรายการ money talk daily และ สัมมนาในวัน investors' day ครับ รู้สึกชื่นชมแนวทางในการลงทุนของพี่มาก

ผมอยากจะข้อคำชี้แนะจากพี่ 3ข้อครับ

1) เวลาที่พี่จะขายหุ้นมีการกำหนดราคาเป้าหมายในใจหรือไม่ครับ อย่างไร

2) การประเมินมูลค่าหุ้นพี่ใช้วิธีใดบ้างครับ

3) พี่คิดว่าวิธี DCF มีความน่าเชื่อถือมากน้อยอย่างไรครับ ในการคาดเดาอนาคต

ป.ล.หากคำถามซ้ำขออภัยด้วยครับผมพึ่งเป็นสมาชิกใหม่จริงๆ (โพสครั้งแรก)
โทษทีครับตอบช้านิดนึง.. :?

1.ถ้าเป็นราคาตายตัว ไม่มีครับ แต่ถ้าเป็นระดับ P/E ที่ผมคิดว่าเหมาะสมก็มีครับ เช่นหุ้นตัวนึงเทรดที่ P/E 5 เท่า ในขณะที่ผมคิดว่าคุณภาพขนาดนี้ควรเทรดที่ P/E 10 เท่า ดังนั้นเป้าหมายของผมจะอิงกับอัตราส่วนทางการเงินมากกว่าดูราคาครับ  เมื่อผมมองอย่างนี้ ถ้ากิจการมีกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมามาก แต่ยังไม่ถึง P/E ที่ผมคิดว่าควรจะเป็น ผมก็จะไม่ขายครับ แต่จริงๆก็ยอมรับว่าทำได้ยากเหมือนกัน เหมือนมันมีกับดักทางจิตวิทยาว่าหากราคาถึงระดับนึง หรือได้ผลตอบแทน 1 เด้ง เราอยากจะขาย ผมคิดว่าหลายคนน่าจะเป็น ก็ต้องพยายามเอาชนะกับดักอย่างนี้ให้ได้หากอยากจะประสบความสำเร็จแบบยั่งยืนครับ :lol:

2.ประเด็นนี้ผมเคยโพสต์ 2-3 ครั้งในกระทู้นี้  ลองดูหน้าแรกๆกลางๆจะมีครับ  หลักๆคือผมดู P/E  โดย P/E ของหุ้นแต่ละตัวไม่จำเป็นต้องเท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกิจการครับ นอกจากนั้นผมยังดูสินทรัพย์ เช่นกิจการมีสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง - หนี้สินแล้วยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของหุ้นมาก นี่ก็แสดงว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น แม้จะมี P/E สูงหรือกิจการไม่มีการเติบโต ผมก็สนใจครับ และระยะหลังผมยังหาโอกาสซื้อหุ้นที่คล้ายๆการอาบริเทรจ มีส่วนต่างระหว่าง 2 ราคาให้เราหาประโยชน์ เช่น scan jas metco ในปัจจุบันครับ

3.คำถามนี้ผมก็เคยตอบมาแล้วเช่นกัน หลักการของการหา DCF คือหากระแสเงินสดที่กิจการจะทำมาหาได้ในอนาคตช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วปรับลดให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน แล้วเปรียบเทียบกับราคาในตลาดว่าราคาหุ้นถูกหรือแพง ยกตัวอย่างเช่น หุ้น กอ มีกระแสเงินสดที่เราคาดการณ์ว่าจะได้รับในช่วง 10 ปีข้างหน้าเท่ากับ 1000 บ. ปรับลดให้เป็นมูลค่าปัจจุบันได้เท่ากับ 500 บ. ราคาหุ้นเทรดที่ 200 บ. อย่างนี้ก็ถือว่าราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็นครับ ปัญหาคือ1.การทำนายรายได้ใปในอนาคตถึง 10 หรือ 5 ปี เป็นเรื่องที่ยากสุดๆ บริษัทส่วนใหญ่แค่ 1-2 ปีก็ยากพอแล้ว ปัญหาที่ 2.คืออัตราคิดลด หลายคนจะให้ไม่เท่ากัน ต่างกัน 2-3% แต่ผลลัพธิ์จะต่างกันมากครับ  แต่ส่วนตัวผมคิดว่าวิธี DCF เราก็ควรศึกษาครับ มีบางบริษัทที่มีคุณภาพของรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน คาดการณ์ได้ ก็เหมาะที่จะใช้วิธี DCF ในการหามูลค่าครับ เช่นหุ้นโรงไฟฟ้า หุ้นค้าปลีกบางตัว หุ้นโรงพยาบาลที่มีหลายสาขา..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 916

โพสต์

trangteam เขียน:เหตุการณ์ที่เกิดกับ akr ถ้าเป็นพี่ลูกอีสานจะทำยังไงครับถ้ามีหุ้นตัวนี้ในพอร์ต
100% แก้เกมยังไงดีครับ ขอบคุณครับ
ผมเคยสนใจหุ้นตัวนี้เพราะหวังว่าบริษัทลูกซึ่งผลประกอบการไม่ดี จะดีขึ้น(ข้อมูลจากผู้บริหาร) ทำให้ไม่เป็นภาระให้กับบริษัทแม่ซึ่งผลประกอบการค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ปรากฎว่านอกจากลูกจะไม่ช่วยแม่ ยังจะฉุดแม่ให้แย่ไปด้วย ถ้าดูงบไตรมาสล่าสุด บริษัทแม่ทำกำไรดี แต่บริษัทลูกมีรายได้น้อยมาก และแนวโน้มปีนี้รายได้ก็ยังไม่เห็นทางดีขึ้น ออร์เดอร์ 1000 ล.ที่เคยเซ็นสัญญา ลูกค้าก็ประสบปัญหาทางการเงิน ถ้าบริษัทลูกไม่มีรายได้เลย น่าจะขาดทุนปีละ 200 ล.หรือตกไตรมาสละ 50 ล.ครับ  ดังนั้นเมื่อพื้นฐานไม่เป็นไปดังที่เราคาด ก็ขายไปเท่านั้นเองครับ :lol:  อย่าดื้อดึงดัน หวังอะไรลมๆแล้ง เหมือนที่พูดกันว่าซื้อด้วยเหตุผลอะไร ก็ขายด้วยเหตุผลอย่างนั้น (เหตุผลที่ซื้อคงไม่ใช่ซื้อตามคนอื่นนะ :roll: )  อยากแนะนำอีกข้อถ้าเราไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทนั้นๆ อย่าถือหุ้นตัวเดียวเลยครับ เราไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองนอนไม่หลับโดยไม่จำเป็น :P  อีกข้อครับอย่ามัวแต่รุกอย่างเดียว ต้องเตรียมการตั้งรับ หาทางถอยไว้บ้าง..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 917

โพสต์

maeteeb เขียน:รบกวนถามพี่หน่อยครับ
กับหุ้นปลาสวรรค์ PM
ขอบคุณล่วงหน้าครับพี่
PM มีธุรกิจหลักสองส่วนคือ

1.ธุรกิจตัวแทนจัดจำหน่าย ทั้งสินค้าของบริษัทเองและลูกค้าอื่นๆเช่นคุกกี้ s&p คาลบี้ สบู่อิมพีเรียลเลเทอร์ ยาธาตุตรากิเลน โบตัน อุทัยทิพ ลูกอมโอเล่ย์
2.ธุรกิจผลิตสินค้า หลักๆคือปลาสวรรค์ทาโร่ ปลาทูน่าส่งออก และซอสพริก

ธุรกิจหลักทั้งสองส่วน สร้างกำไรพอๆกันประมาณ 70-90 ล.รวมกันประมาณ 150-170 ล./ปี ผลิตภัณฑ์ที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นปลาสรรค์ทาโร่ สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 70% คู่แข่งคือเบนโตะ ฟิชโช่ และสินค้าเฮ้าแบรนด์ รายได้จากทาโร่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าขนมที่ไม่มีปัญหาการต่อต้านเรื่องสุขภาพ  ในขณะที่วัถตุดิบหลักคือเนื้อปลาบด ซึ่งมาจากอ่าวไทย ความผันผวนของราคาปลาบดส่งผลต่อกำไรขาดทุนค่อนข้างมาก ไตรมาสล่าสุดราคาวัถตุดิบลดลง ทำให้กำไรสูงขึ้นมากครับ ในขณะที่ธุรกิจผลิตปลาทูน่าส่งออกไปญี่ปุ่นมียอดขายประมาณ 1 พันล้าน แต่ผมไม่ทราบว่าทำกำไรได้เท่าไหร่ อย่างไร เคยอ่านเจอแต่ไม่ยืนยันว่ารับจ้างค่าแรงพาทเนอร์ญี่ปุ่นผลิตอย่างเดียว ความเสี่ยงอื่นๆจะตกอยู่กับทางญี่ปุ่น ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายก็เสริมกับการจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอง สินค้าที่รับจำหน่ายเพิ่มขึ้นทุกๆปีน่าจะสร้างกำไรได้ดีเพราะต้นทุนจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในอัตราน้อยกว่าครับ

ตอนขาย IPO ผมเคยคอมเมนต์เรื่องงบการเงิน เพราะตอนนั้นเข้าตลาดโดยที่ส่วนทุนติดลบ ได้เงินก้อนใหญ่สามารถนำไปคืนหนี้ได้ทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถปันผลได้เพราะมีขาดทุนสะสมก้อนโต ต่อมามีการนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้นไปหักลบจนเหลือขาดทุนสะสมไม่มาก ไตรมาส 2 ที่จะถึงคงเอากำไรล้างขาดทุนสะสมได้หมดครับ และมีกำไรครึ่งปีหลังที่สามารถนำมาจ่ายปันผลในปีหน้าได้ ที่จริงงบการเงินของ PM ก็ค่อนข้างดี มีหนี้ระยะยาวเพียง 1 ร้อยล้าน หนี้ส่วนนี้น่าจะหมดไปแล้วตั้งแต่ได้เงินขาย IPO แต่มีการทำรายการเช่าที่ระยะยาวจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ต้องจ่ายเงินก้อนโต เป็นรายการที่ไม่ได้ชัดเจนว่าบริษัทเสียเปรียบ แต่ก็ส่อเจตนาบางประการของผู้ถือหุ้นใหญ่ครับ :roll:

โดยรวม PM ผมมองว่าเป็นหุ้นที่ค่อนข้างดี ราคาไม่แพง มีข้อด้อยเล็กๆน้อยๆเรื่องธรรมภิบาลผู้บริหารครับ :o
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
maeteeb
Verified User
โพสต์: 783
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 918

โพสต์

ขอบคุณมากครับพี่
การเป็นนักลงทุนไม่ต้องการอะไรเลยคุณต้องการแค่ความคิด ความกล้าและอารมณ์  (ดร. นิเวศน์ 2552)
Laziale
Verified User
โพสต์: 2147
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 919

โพสต์

รบกวนถามความเห็นจากพี่โจครับ ว่า IT กับ SE-ED ณ ตอนนี้ ความน่าลงทุนต่างกันแค่ไหนครับ
สำหรับผมจัดให้เป็นหุ้นปันผลทั้งคู่ และความเห็นของผมคือ
ข้อดีของ SE-ED คือ ยังคงประคองกำไรในระดับเดิมได้ (คิดเองครับ) ปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ราคาขึ้นมาเยอะพอสมควร (ไม่แน่ใจว่าแพงไปหรือยัง เพราะขึ้นแบบไม่พักเลย จาก 5.3 มา 7 บาทก่าๆแล้วสำหรับหุ้นปันผลตัวนี้)

ส่วน IT นั้นข้อเสียคือกำไรในปีนี้ลดลงค่อนข้างมาก (โดยเฉพาะ Q1 ที่หายไปครึ่งหนี่ง) แต่ข้อดีคือราคาที่ค่อนข้างจะติดดินและเดินเล่นอยู่ในระดับ 3 บาทปลายๆถึง 4 บาทนิดๆมานานแล้ว (ภาวนาให้ตลาดทุบจนพอแล้ว) และปีก่อนปันผล 100% ส่วนปีนี้เข้าใจว่าอาจจ่ายปันผลทุกไตรมาสด้วย เพราะจ่ายปันผล Q1 ด้วยทันที (ไม่รู้ว่าปลอบใจสำหรับกำไรที่ฮวบฮาบหรือป่าว)

รบกวนพี่โจช่วยชั่งน้ำหนักให้ด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
sathaporne
Verified User
โพสต์: 1657
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 920

โพสต์

Laziale เขียน:รบกวนถามความเห็นจากพี่โจครับ ว่า IT กับ SE-ED ณ ตอนนี้ ความน่าลงทุนต่างกันแค่ไหนครับ
สำหรับผมจัดให้เป็นหุ้นปันผลทั้งคู่ และความเห็นของผมคือ
ข้อดีของ SE-ED คือ ยังคงประคองกำไรในระดับเดิมได้ (คิดเองครับ) ปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ราคาขึ้นมาเยอะพอสมควร (ไม่แน่ใจว่าแพงไปหรือยัง เพราะขึ้นแบบไม่พักเลย จาก 5.3 มา 7 บาทก่าๆแล้วสำหรับหุ้นปันผลตัวนี้)

ส่วน IT นั้นข้อเสียคือกำไรในปีนี้ลดลงค่อนข้างมาก (โดยเฉพาะ Q1 ที่หายไปครึ่งหนี่ง) แต่ข้อดีคือราคาที่ค่อนข้างจะติดดินและเดินเล่นอยู่ในระดับ 3 บาทปลายๆถึง 4 บาทนิดๆมานานแล้ว (ภาวนาให้ตลาดทุบจนพอแล้ว) และปีก่อนปันผล 100% ส่วนปีนี้เข้าใจว่าอาจจ่ายปันผลทุกไตรมาสด้วย เพราะจ่ายปันผล Q1 ด้วยทันที (ไม่รู้ว่าปลอบใจสำหรับกำไรที่ฮวบฮาบหรือป่าว)

รบกวนพี่โจช่วยชั่งน้ำหนักให้ด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ :D
ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนึงนะครับ ผมว่าการที่เราพูดว่าข้อดีคือยังสามารถประคองกำไรได้ หรือข้อเสียคือกำไรลดลง อะไรประมาณนี้ เป็นการพิจารณาที่น้อยเกินไปครับ
จริงๆเราควรจะวิเคราะห์ต่อว่า การที่เขาประครองกำไรได้ในระดับนี้เนี่ย เพราะอะไร และในอนาคตเราคาดว่ามันน่าจะเป็นเพราะอะไร เรามีสมมติฐานอย่างไร เช่น เราอาจจะบอกว่าเขาน่าจะรักษากำไรขนาดนี้ได้ต่อไปอีกหลายปี เพราะอัตราการอ่านหนังสือของคนไทยยังต่ำอยู่ แต่คงจะไม่ต่ำไปกว่านี้ ฯลฯ
เพราะการที่เราดูแค่กำไรในช่วงนี้มันก็ไม่ได้บอกอะไรเรามาก เราอาจจะตัดสินใจซื้อไปเพราะเราพอใจที่กำไรบริษัททำได้เท่านี้เทียบกับราคาและปันผลในตอนนี้ก็คิดว่าโอเคแล้ว
แต่ ต่อจากนี้ไปล่ะ ถ้าเขาไม่สามารถรักษากำไรได้ในระดับเดิม ราคาที่เราลงทุนไปก็ไม่ถือว่าให้ผลตอบแทนที่เราพอใจแล้ว
ผมจึงคิดว่าเราน่าจะให้ความเห็นเพิ่มเติมมากกว่านี้นะครับ
เช่น ถึงแม้ it กำไรลดลงมาก แต่ก็น่าจะเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีในตอนนี้ แต่ถ้าในระยะยาวน่าจะดีกว่าเดิมมาก อะไรประมาณนี้ครับ
จริงๆแล้วบางทีเรื่องเหล่านี้ คุณLaziale อาจจะคิดไว้แล้วก็ได้
แต่ก็อยากให้ลองแสดงความคิดเห็นออกมาด้วยครับ :)
Laziale
Verified User
โพสต์: 2147
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 921

โพสต์

sathaporne เขียน: ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยนึงนะครับ ผมว่าการที่เราพูดว่าข้อดีคือยังสามารถประคองกำไรได้ หรือข้อเสียคือกำไรลดลง อะไรประมาณนี้ เป็นการพิจารณาที่น้อยเกินไปครับ
จริงๆเราควรจะวิเคราะห์ต่อว่า การที่เขาประครองกำไรได้ในระดับนี้เนี่ย เพราะอะไร และในอนาคตเราคาดว่ามันน่าจะเป็นเพราะอะไร เรามีสมมติฐานอย่างไร เช่น เราอาจจะบอกว่าเขาน่าจะรักษากำไรขนาดนี้ได้ต่อไปอีกหลายปี เพราะอัตราการอ่านหนังสือของคนไทยยังต่ำอยู่ แต่คงจะไม่ต่ำไปกว่านี้ ฯลฯ
เพราะการที่เราดูแค่กำไรในช่วงนี้มันก็ไม่ได้บอกอะไรเรามาก เราอาจจะตัดสินใจซื้อไปเพราะเราพอใจที่กำไรบริษัททำได้เท่านี้เทียบกับราคาและปันผลในตอนนี้ก็คิดว่าโอเคแล้ว
แต่ ต่อจากนี้ไปล่ะ ถ้าเขาไม่สามารถรักษากำไรได้ในระดับเดิม ราคาที่เราลงทุนไปก็ไม่ถือว่าให้ผลตอบแทนที่เราพอใจแล้ว
ผมจึงคิดว่าเราน่าจะให้ความเห็นเพิ่มเติมมากกว่านี้นะครับ
เช่น ถึงแม้ it กำไรลดลงมาก แต่ก็น่าจะเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีในตอนนี้ แต่ถ้าในระยะยาวน่าจะดีกว่าเดิมมาก อะไรประมาณนี้ครับ
จริงๆแล้วบางทีเรื่องเหล่านี้ คุณLaziale อาจจะคิดไว้แล้วก็ได้
แต่ก็อยากให้ลองแสดงความคิดเห็นออกมาด้วยครับ :)
ขอบคุณพี่ satahporne ที่มาช่วยเพิ่มเติ่มครับ สำหรับ SE-ED ที่ผมคิดว่ายังไปได้ดีอยู่ก็อย่างที่พี่ยกตัวอย่างไว้ให้แหละครับ เพราะคนไทยยังถือว่าจำนวนผู้อ่านหนังสือเฉลี่ยต่อปีถือว่าน้อยมากๆ (ผมเคยได้อ่านจากนสพ.ฉบับหนึ่งมาพักนึงแล้วจำไม่ค่อยได้ ว่าประมาณ ซัก 1-2 เล่มต่อปีต่อคน หากจำผิดขออภัยด้วย) ซึ่ง ณ ตอนที่ได้ยินมานี่ถือว่าน้อยมากๆ อย่างตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ แต่พอหลังๆมานี่ได้เข้ามาเว็บ TVI ก็ได้สนใจที่จะหาหนังสือ เช่น ตีแตก ลงทุนในหุ้นอย่างพอเพียง ของท่านอาจารย์ มาอ่าน และแฟนผมก็ชวนไปงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมฯ ขนหนังสือมาเพียบ (จากที่ไม่ค่อยได้อ่านเช่นกัน) และก็ได้เห็นว่าคนล้นหลามจนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนไทยโดยเฉลี่ยจะอ่านหนังสือกันน้อยนิด และหนังสือดีๆก็มีเยอะแยะจนอยากหาเวลามาอ่าน (ถ้ามี)
สรุปความเห็น (กว้างๆ) ของผมสำหรับ SE-ED คือ อัตราการอ่านของคนไทยไม่ใช่ว่าจะไม่ต่ำไปกว่านี้ แต่คาดว่าน่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามการศึกษาของคนไทย เพราะคนที่ขาดโอกาสในการศึกษายังมีอีกจำนวนมาก แต่ที่เห็นเด่นชัดคือการที่รัฐบาลชุดนี้ดูให้ความสำคัญกับการศึกษาของผู้ด้อยโอกาสอย่างจริงจัง (ซึ่งควรจะทำมานานแล้ว  :twisted: ) ซึงจะเป็นแรงผลักดันให้คนไทยมีการศึกษามากขึ้นและพฤติกรรมการอ่านก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยครับ
และผมว่าปัญหาด้านการเมือง (ที่เป็นจุดด้อยสุดของไทย) ไม่น่าจะมีผลต่อผู้ที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจนะครับ (การเมืองห่วยยังไง ตูก็จะอ่านอะ  :8) ) และอย่าง SE-ED ก็มีการขยายสาขาอยู่เรื่อยๆ โดยใช้เงินลงทุนไม่มากและไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยเลย จึงน่าจะประคองกำไรต่อไปได้ ในปีนี้และปีต่อไปครับ

สำหรับ IT ผมมองว่าค่อนข้างจะแน่นอนสำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรม IT ที่จะกลับมาได้ เพราะสินค้า IT นับวันยิ่งมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากมาย อย่างการทำงาน และการหาข้อมูลต่างๆ (โดยเฉพาะการหาข้อมูลหุ้นใน TVI ของผม  :lol: ) แต่ปีนี้สำหรับ IT City นี่เหนักจริงๆ (เห็นได้จาก Q1 ที่ขนาดยังไม่รวมช่วงสงกรานต์) เพราะเป็นสินค้าระดับบน และเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย คนเลยชะลอไปก่อนในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่คาดว่าเมื่ออะไรๆมันดีขึ้น (เพราะมันน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วนี่นา เค้าว่ากันนะ) คนที่อัดอั้นก็คงจะกลับมาซื้อสินค้า IT ที่มีลูกเล่นเยอะขึ้นกว่าเดิมครับ (อย่าง notebook นับวันจะยิ่งสวยขึ้นๆ เร็วขึ้น ประสิทธืภาพดีขึ้น) เพราะผู้ผลิตต่างก็ต้องช่วงชิงโดยการออกสินค้าตัวใหม่ทึ่ราคาถูกลง (ยั่วน้ำลายคนที่ไม่ค่อยมีตังค์ครับ) และอย่าง IT ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกก็น่าจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ด้วย หากคนซื้อเยอะขึ้น และจุดเด่นของ IT คือการที่ผู้ซื้อที่ต้องการคุณภาพและการบริการหลังการขาย ซึ่งคนซื้อคงคำนึงถึงตรงนี้มากขึ้น เพราะอย่างผมเมื่อก่อนซื้อสินค้าตามร้านค้าในพันธ์ทิพย์ (เอาตัวเองมาเป็น pop อีกละ  :8) ) เจอปัญหาบ่อยมากเค้าบอกว่ามาซ่อมได้ตลอดชีวิต ผมก็เลยต้องไปซ่อมตลอดชีวิตเลยครับ  :twisted:  เด๋วนี้ลองไปซื้อสินค้าที่ IT City ดู บริการดีมากๆ ถึงจะจ่ายราคาแพงขึ้นอีกหน่อย (ไม่มากครับ) แต่คุ้มค่าและสบายใจกว่ากันเยอะ (ไม่รู้ชาวบ้านเห็นเหมือนผมมั๊ย) จึงคิดว่าเป็นหุ้นที่จะกลับมาได้ครับ (เมื่อไหร่ไม่รู้นะ)

แต่ก็อย่างที่ได้ถามไปนะครับ ผมก็ดูแค่ราคากะภาพรวมคร่าวๆ (โดยเฉพาะ SE-ED ซึ่งไม่เคยติดตามมาก่อน) แต่ตอนนี้กะลังหาเวลาอ่าน 56-1 ของ SE-ED อยู่คงมีคำถามกะปัญหาเพิ่มเติม แต่อยากทราบความเห็นของพี่โจและพี่ๆคนอื่น ช่วยกันแชร์มุมมองอื่นหน่อยครับ  :D ปล.ชอบหุ้นที่ไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 2

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 922

โพสต์

ขอแชร์ไอเดียเพิ่มเติมนะครับเกี่ยวกับ IT เพราะก่อนหน้ามีขายออกไปบ้างหลังจากงบ q1 ออก ความจริงที่ว่าภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบนั้น จริงจริงก็มีคิดไว้บ้างครับแต่พอดูงบของ sis แล้วเลยนั่งย้อนคิดว่า ที่ it กำไรลดลงมากมากเป็นเพราะเศรษฐกิจอย่างเดียว หรือเป็นเพราะความสามารถในการแข่งขันด้วยหรือไม่ ปัจจุบันจะเห็นว่าคู่แข่งหลายหลายรายเริ่มปรับปรุงกลยุทธ์พอสมควรนะครับ อย่าง com 7 นี่ดุเดือดมาก เพราะรุกทั้งกลุ่มผู้ใช้ใหม่ และ สร้างกลุ่มสำหรับผู้ใชระดับกลางแยกเป็นสองแบรนด์เลยครับ และกำลังเร่งขยายสาขาจนในศูนย์เดียวกันก็มีหลายร้านก็มี  ประกอบกับอีกปัญหาหนึ่งที่เคยถามผู้บริหารของ IT (เชื่อว่าหลายหลายคนคงเคยได้ยินบ่อยบ่อย ) คือการเพิ่มช่องทางการขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งตอนนี้ทาง com 7 ได้เริ่มรุกไปก่อนแล้ว โดยมีส่วนลดให้สำหรับผู้ที่สั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ตด้วยราวราว 2-10 % แล้วแต่ยี่ห้อและประเภทสินค้าครับ (เสียดายโอกาสเหมือนกันนะครับ ) และเมื่อไปดูตลาดจริงจริงตามศูนย์คอมผมว่ากำลังซื้อไม่ได้ลดลงไปมากเท่าไรนะครับ แต่ราคาสินค้าอาจถูกลงบ้างตามธรรมชาติของสินค้า IT แต่ตั้งแต่งบ Q1 ออกมาไม่ดีก็ดู IT ทำการเปลี่ยนแปลงหลายหลายอย่างนะครับ ตั้งแต่นโยบายกำหนดราคา ที่ค่อนข้างจะเป็นราคาที่แข่งขันพอสมควร และ มีการนำสินค้าที่ราคาถูกเป็นพิเศษ เช่น NK5800 ราคาตามห้างอยู่ที่ 13300 ร้านส่งมาบุญครองอยู่ที่ 12400 บาท แต่ ไอทีนำมาขายเพียง 11650 บาททำให้เป็นการดึงดูดลูกค้าใหม่ใหม่ให้มาช็อปที่ไอทีเพิ่มขึ้น (แต่ข้างกล่องของ nk 5800 จะเขียนว่าเป็นสินค้า DOA ไม่ทราบแปลว่าอะไรเหมือนกันนะครับแต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นเกรดรองลงมา แต่ก็เห็นร้านโทรศัพท์ไปเหมาที 12 เครื่องเลย เหอเหอ ) ประกอบกับร่วมกันทางซัฟพลายเออร์หลายเจ้าทำการตลาดที่เรียกได้ว่าราคาพิเศษเฉพาะ IT เท่านั้นเช่น BENQ netbook ราคารวมแว็ตที่เพียง 9900 บาทเท่านั้น ก็คงจะดีขึ้นนะครับสำหรับยอดขาย แต่ มาร์จิ้นต้องรอพี่โจมาสรุปอีกที ว่าทำการเดินเกมส์แบบนี้ของ it พี่โจมองอย่างไร ครับ
ปล.ยังมีอยู่นิดหน่อยครับ  :lol:
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sathaporne
Verified User
โพสต์: 1657
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 923

โพสต์

ขอออกความเห็นด้วยหน่อยนึงครับ
โดยส่วนตัวแล้วถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งแล้วผมว่าse-edมีความแข็งแกร่งกว่าในแง่ความสามารถในการแข่งขัน
- จากขนาดที่ใหญ่เนื่องจากมีสาขาอยู่หลายสาขา
- หลายสาขาไม่มีคู่แข่ง:ก็อย่างที่ทุกคนรู้ ว่าในห้างพวก lotus, bigc พวกนี้จะมีร้านหนังสือเพียงแค่ร้านเดียว ฉนั้นลูกค้าไม่มีทางเลือกครับ บวกกับการที่ว่าตามต่างจังหวัดไม่มีห้างใหญ่ๆเช่นห้างcentral เพราะฉนั้นลูกค้าจะไปไหนเสียถ้าไม่ไป lotus, bigc และแน่นอนถ้าจะซื้อหนังสือก็ต้องse-ed
- การแข่งขันด้านราคา: ผมว่าหนังสือคงไม่แข่งขันกันรุนแรงในด้านราคามั๊งครับ เราคงไม่เดินดูหนังสือในse-edและจากนั้นเดินออกไปเทียบราคากับร้านอื่นเพื่อที่จะซื้อเล่มที่ถูกกว่า เราคงเลือกเอาร้านที่สะดวกซื้อ เพราะมันอยากอ่านขี้เกียจเดินหา (เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง) ซึ่งต่างจากสินค้าitที่มีร้านให้เลือกหลายร้านในผลิตภัณฑ์แบบเดียวกัน
- แต่se-edก็มีข้อเสียตรงที่ว่าที่ผ่านมายอดขายโดยส่วนมากเติบโตจากการขยายสาขา ซึ่งอนาคตต่อไปก็คงขยายสาขาได้ไม่มาก ฉนั้นการเติบโตก็คงต้องมาลุ้นว่าคนไทยเราจะอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ซึ่งก็เห็นมีหลายคนบอกว่าหลายปีผ่านมาอัตราการอ่านหนังสือก็ไม่เห็นจะเพิ่มขึ้น ก็คงต้องดูต่อไป ซึ่งอันนี้แตกต่างจากธุรกิจIT ตรงที่ว่าอุตสาหกรรม it เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ายังไงมันต้องเติบโตขึ้นแน่ ถ้า it พยายามรักษาความแข็งแกร่งไว้ ก็คงจะเกาะกระแสเติบโตไปได้มากกว่า se-ed เยอะ
ซึ่งเราก็คงต้องดูกันต่อไปว่า it จะทำได้ไหม จากที่คุณ sai ว่ามาเกี่ยวกับ it ผมก็ว่าค่อนข้างน่ากังวลเหมือนกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอ พี่โจ และท่านอื่นมาเสริมความคิดเห็นครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
preeda_mark
Verified User
โพสต์: 173
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 924

โพสต์

เห็นด้วยกับ เสี่ยหมี นะครับ (sai) ราคาสินค้า it ถูกลงเรื่อยๆ จำได้เมื่อก่อนซื้อ notebook ราคา 3-40,000 เดี่ยวนี้ 10,000 ปลายๆ ได้สเปก ok แล้ว การที่จะทำยอดขายให้เท่าเดิม หรือมากกว่า ผมว่า เหนื่อย ส่วนเรื่องการ รุกของ com 7 น่ากลัวเหมือนกัน เพราะปีกเริ่มสยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ร้าน banana , i studio
รวมถึงขายส่ง อุปกรณ์ it ให้ร้านต่างๆ อีก เพียบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอ@
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4244
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 925

โพสต์

เพิ่งรู้ว่ามีเว็ป www.bigitshop.com ครับ การโปรโมทอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่น่ากลัวมากแน่นอนครับ
เมื่อวานซืนผมไปซื้อ Print HP 4660 มาครับที่ IT เพราะว่า แกเล่นขายถูกกว่าที่อื่นมาก
ที่อื่น 3590 IT ขาย 3090 ประมาณ18% เลยนะครับ งงมากครับว่าใครเป็นคน discount ส่วนนี้ให้
_________
montkrua
Verified User
โพสต์: 24
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 926

โพสต์

ผมรบกวน คุณพี่ลูกอิสาน ช่วยวิเคราะห์ หุ้นmodern ด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6447
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 927

โพสต์

[quote="Dekfaifah"]ไม่ค่อยได้แวะมากระทู้นี้เลย
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
eskimo
Verified User
โพสต์: 111
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 928

โพสต์

โอ@ เขียน:เพิ่งรู้ว่ามีเว็ป www.bigitshop.com ครับ การโปรโมทอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่น่ากลัวมากแน่นอนครับ
เมื่อวานซืนผมไปซื้อ Print HP 4660 มาครับที่ IT เพราะว่า แกเล่นขายถูกกว่าที่อื่นมาก
ที่อื่น 3590 IT ขาย 3090 ประมาณ18% เลยนะครับ งงมากครับว่าใครเป็นคน discount ส่วนนี้ให้
ผมมองว่า เรื่อง website ยังไม่น่ากลัวครับ ด้วยเหตุผลสองข้อ

1. การซื้อสินค้า IT ผ่านทาง website ตอนนี้ในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมากครับ แล้วส่วนมากจะเป็นสินค้าราคาุถูกๆมากกว่า เนื่องด้วยความมั่นใจในระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับ credit card ในกรณีที่ซื้อด้วยบัตรเครดิตโดยตรง หรือ ในการ โอนเงิน กรณีใช้วิธีจ่ายโดยการโอนเงินเข้าบัญขี (ได้ของช้ากว่า) ส่วนมากจะใช้ online banking เพราะสะดวกกว่า สองวิธีนี้ยังไงก็เกี่ยวกับการจ่ายเงินออนไลน์ ซึ่งบ้านเราก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลตรงนี้โดยตรง ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังไม่กล้าลอง

ดังนั้นการมีเวบไซต์ จะเป็นไปในแง่สำหรับเช็คราคา หรือออกโปรโมชั่นใหม่มากกว่า ซึ่งลูกค้าปกติก่อนจะซื้อ ก็ต้องเทืียบราคากับของที่อื่น เช่น IT City โดยการเดินมาดูที่ IT City (เพราะเวบ IT City โคตรห่วย) ถ้า IT City ถูกกว่าก็อาจจะไม่ต้องคิดแล้ว ซื้อเลย ประมาณนั้น

2. การทำเวบไซต์นั้น มันไม่ได้ใช้เวลานานนัก ถ้า it city อยากทำ ก็สามารถทำให้เสร็จได้ภายในหนึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าจะทำจริงๆอยากให้ออกมาให้ดีที่สุด เพราะของ big it ผมว่ามันก็ยังดีซักเท่าไหร่

สรุป เรื่องเวบไซต์ ผมว่ามีก็ดีแต่ถ้าจะมีอยากให้ทำให้ดีที่สุด แต่ถ้ายังไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะสำคัญกว่านั้น คือเรื่องของความหลากหลายของสินค้า ราคา การรับประกัน และบริการหลังการขาย ที่เป็นจุดเด่นของ it city

แค่ความเห็นนึงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
eskimo
Verified User
โพสต์: 111
ผู้ติดตาม: 0

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 929

โพสต์

eskimo เขียน:
แก้นิดนึงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์ที่ 930

โพสต์

ไม่รู้ทำกระทู้คุณโจเปรอะรึเปล่า แต่เห็นคุยกันสนุก ขอแจมด้วยครับ

เรื่อง IT ผมก็ว่า com7 กับ bigIT เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว

แล้วก็ยังมีพวก JIB JET ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าแต่ละคนโมเดลเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ คือไม่ต่างกันมาก

แต่ถ้ามองอีกทางนึง ผมว่าน่าจะช่วย ๆ กันโตมากกว่า

มันเป็นจุดเริ่มต้นที่กำลังจะบอกว่าหมดเวลาของโมเดลโชว์ห่วย
ที่บริหารแบบต้นทุนต่ำ ไม่มี VAT อะไรแบบนี้แล้ว

ส่วนโมเดลถ้ามองจากรูปแบบขนาด ยังมองไม่ออกครับว่าแบบร้านขนาดใหญ่ กับร้านเล็ก ๆ อันไหนจะดีกว่า

แต่ส่วนตัว ผมว่าถ้าเป็นร้านเล็ก ๆ ต้องบริหารสินค้าดีมาก ๆ ไม่งั้นของไม่ครบ

อีกเรื่องคือ HR ร้านแบบนี้ ต้องการบุคคลากรที่รู้ลึกเนื่องจากขายสินค้าพวก mainboard อะไรพวกนี้ด้วย

ตอนนี้ยังไม่มีปัญหามาก เพราะเกิดการ migrate พนักงานจากร้านโชว์ห่วยเก่า ๆ มาส่วนนึง

แต่อนาคตก็ไม่แน่ใจว่าจะโตทันรึเปล่า

อีกเรื่องที่สำคัญกว่าคือคนซื้อเค้าอยากมีทางเลือกหลากหลาย

ไม่ได้งั้นร้านเล็ก ๆ จะได้ฐานลูกค้ากลุ่มเดิมที่เป็นประเภทมีความรู้ IT อย่างเจนจัด

เพราะคนซื้อทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ซื้อขนมจีบ ซาลาเปานะครับ ถึงไปซื้อร้านเล็ก ๆ ที่ใกล้กว่ากันแค่สองร้านเมตร (ในห้าง)  :lol:  :lol: