ธรรมะ ธรรมชาติ
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 451
พึ่งไปปฎิบัติธรรมที่วัดธรรมมงคล ตรงสุขุมวิท 101 มา
นอนห้องแอร์ ห้องน้ำสะอาด สถานที่รับผู้ปฎิบัติได้ 200 กว่าคน
บอกบุญไว้เผื่อคนสนใจและต้องการที่ปฎิบัติไม่ไกลจากกรุงเทพ ครับ
นอนห้องแอร์ ห้องน้ำสะอาด สถานที่รับผู้ปฎิบัติได้ 200 กว่าคน
บอกบุญไว้เผื่อคนสนใจและต้องการที่ปฎิบัติไม่ไกลจากกรุงเทพ ครับ
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 452
เคยไปวัดธรรมมงคลแต่นานมาแล้ว
สมัยที่ยังสร้างพระหยก
แต่เดี๋ยวนี้ไปสวนสันติธรรมค่อนข้างบ่อย
หลังๆคนไปส่งการบ้านพระอาจารย์จนล้นศาลา
เคยไปศาลาลุงชิน และ บ้านอารีย์แต่คนเยอะมาก
เลยไม่ค่อยมีสมาธิในการฟังมากนัก
แต่ว่าโชคดีที่จับสลากได้ในปีนี้
และจะได้ไปปฎิบัติธรรม อยู่กับตัวเอง
ในสถานที่สัปปายะ และโชคดีมากๆที่จะได้
ส่งการบ้านและสอบถามข้อสงสัยอย่างใกล้ชิดกับพระอาจารย์....
สมัยที่ยังสร้างพระหยก
แต่เดี๋ยวนี้ไปสวนสันติธรรมค่อนข้างบ่อย
หลังๆคนไปส่งการบ้านพระอาจารย์จนล้นศาลา
เคยไปศาลาลุงชิน และ บ้านอารีย์แต่คนเยอะมาก
เลยไม่ค่อยมีสมาธิในการฟังมากนัก
แต่ว่าโชคดีที่จับสลากได้ในปีนี้
และจะได้ไปปฎิบัติธรรม อยู่กับตัวเอง
ในสถานที่สัปปายะ และโชคดีมากๆที่จะได้
ส่งการบ้านและสอบถามข้อสงสัยอย่างใกล้ชิดกับพระอาจารย์....
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 453
ตัวอิจฉาพุ่งวาบออกมาให้จับต้องได้เชียวครับbluesky เขียน: แต่ว่าโชคดีที่จับสลากได้ในปีนี้
และจะได้ไปปฎิบัติธรรม อยู่กับตัวเอง
ในสถานที่สัปปายะ และโชคดีมากๆที่จะได้
ส่งการบ้านและสอบถามข้อสงสัยอย่างใกล้ชิดกับพระอาจารย์....
ขอให้การภาวนาของคุณบลูสกายก้าวหน้าดุจติดปีกบิน
กลับมาแล้วมาสอนกันมั่งนะครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 454
por_jai เขียน:
ตัวอิจฉาพุ่งวาบออกมาให้จับต้องได้เชียวครับ
ขอให้การภาวนาของคุณบลูสกายก้าวหน้าดุจติดปีกบิน
กลับมาแล้วมาสอนกันมั่งนะครับ
อย่าอิจฉาเลยครับ..คนที่โชคดีจับสลากได้
แต่ถ้าไม่ตั้งใจ ถึงไปอยู่ที่สวนสันติธรรมก็อาจจะไม่ได้อะไรกลับบ้าน
เพราะว่าต้องปฎิบัติด้วยตัวเอง ไม่มีคอร์สอะไรทั้งนั้น
ผมยังติดขี้เกียจอยู่เลยครับพี่พอใจ
ไม่ค่อยได้ตามดูในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นัก
หลงมากกว่ารู้..ทางเดินสายนี้ยังอีกไกลเลยครับ สำหรับผม
ไม่บังอาจไปสั่งสอนใครได้หรอกครับ
ว่าแต่พี่เรียกผมซะห่างไกลเลย..เรียกเหมือนเดิมดีกว่านะครับ
ปล. ผมฟังซีดีแล้วถูกจริตมากกว่าอ่านหนังสือครับ
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 455
bluesky เขียน:
อย่าอิจฉาเลยครับ..คนที่โชคดีจับสลากได้
เรื่องบังเอิญไม่มีในโลก
แต่ถ้าไม่ตั้งใจ ถึงไปอยู่ที่สวนสันติธรรมก็อาจจะไม่ได้อะไรกลับบ้าน
ไม่ตั้งใจสิครับดี
เพราะว่าต้องปฎิบัติด้วยตัวเอง ไม่มีคอร์สอะไรทั้งนั้น
รู้กายใจของตัวเอง ไม่ปฏิบัิติด้วยตัวเองแล้วไผสิจะทำให้ครับ
ผมยังติดขี้เกียจอยู่เลยครับพี่พอใจ
อย่าให้หลวงพ่อรู้นะครับ
เอ...ว่าแต่มีวิธีทำให้หลวงพ่อไม่รู้ มีไหมครับ
ไม่ค่อยได้ตามดูในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นัก
หลงมากกว่ารู้..ทางเดินสายนี้ยังอีกไกลเลยครับ สำหรับผม
ของผมไม่ไกลแล้วครับ
ผมเดินมาเจอคอนโดที่ใช่แล้ว
แต่แหงนขึ้นไปมองไม่เห็นยอดซึ่งสูงเสียดเมฆ
คงเพราะกิเลสของผมงี้เพียบเชียว
ของผมออกแนวสูง
ไม่บังอาจไปสั่งสอนใครได้หรอกครับ
ว่าแต่พี่เรียกผมซะห่างไกลเลย..เรียกเหมือนเดิมดีกว่านะครับ
แหมทุกวันนี้ผมก็บังอาจสอนคนอยู่อ่ะซี
ผมเพียงแต่มาแนะนำเส้นทางอีกเส้น
ให้น้องๆที่ร่างกายแข็งแรง สมองแจ่มใส
และก็เป็นวัยที่เหมาะกับการปฏิบัติ การภาวนามากสุด
บอกไปซักพันคนมีซักนิดที่หันมาฉุกคิดเรื่องนี้
ผมเพียรบอกว่าการภาวนานี้มีผลอย่างน้อย
ก็จะทำให้ชีิวิตก็จะไม่ผิดพลาดพลั้งอย่างแน่นอน
ผมตั้งใจว่าที่ทำเนี่ยก็เพื่อบูชาหลวงพ่อ
ที่่่ตรากตรำลำบากขันธ์
จ้ำจี้จ้ำไชพวกเราให้เดินมาทางเอกเส้นนี้ครับ
ปล. ผมฟังซีดีแล้วถูกจริตมากกว่าอ่านหนังสือครับ
เหมือนกันครับ
ผมรู้ว่าถูกจริต
ผมเลยดัดแปลงการฟังซีดีมาเป็นวิหารธรรมของผมซะเลย
แก้ไขล่าสุดโดย por_jai เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 19, 2009 3:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- bluesky
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 456
พี่พอใจเล่นดักทุกทางเลย
ใช่ครับต้องปฎิบัติด้วยตนเอง
แต่อย่างที่ผมสารภาพ หลังๆผมขี้เกียจ
รู้เป็นพักๆ ยังกังวลอยู่เลยว่าตอนไปอยู่คนเดียว
จะเป็นอย่างไร
คนเราก็แปลกนะครับ รู้ว่าของดี
รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ให้กิเลศ(ของผมคือความขี้เกียจ)
มาหลอกเอาจนได้
เรื่องสั่งสอน..พี่พอใจไม่ได้บังอาจสั่งสอนหรอกครับ
ถือเป็นการแนะนำเส้นทางที่ดีอย่างที่พี่ว่า
แต่สำหรับผม..เหมือนคนกลับมาหัดว่ายน้ำ
หลังจากไม่ได้ว่ายมานาน ทำให้ยังว่ายไม่แข็ง
ต้องกลับมาฝึกหัดใหม่อีกครั้ง
เกรงว่าถ้าไปแนะนำใครต่อใคร
จะพาไปผิดทางเสียเปล่าๆครับ
เค้าว่ามาว่า เวลาปฎิบัติแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเรา
อย่าเอาไปคุยกันเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดอุปปาทาน
หรืออาจจะทำให้เสียกำลังใจไปเลย
ว่าทำไมเราปฎิบัติแล้วไม่เห็นเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
เหมือนกับคนนั้น คนนี้ ให้เราพึงปฎิบัติของเราไป
หลวงพ่อบอกเสมอว่า ถ้าเราปฎิบัติถูกเราจะโล่ง โปร่งเบา
ถ้าใครยังแน่นๆ เกร็งๆ อยู่แปลว่ายังไม่ถูก ให้เปลี่ยนวิธีซะ
หลังๆผมว่าคนส่งการบ้าน มีคำถามแปลกๆ เยอะพอสมควร
บางครั้งเล่นเอาผมอยากเห็นหน้าคนถาม แต่ก็ต้องตามรู้ไป..เท่านั้น
ใช่ครับต้องปฎิบัติด้วยตนเอง
แต่อย่างที่ผมสารภาพ หลังๆผมขี้เกียจ
รู้เป็นพักๆ ยังกังวลอยู่เลยว่าตอนไปอยู่คนเดียว
จะเป็นอย่างไร
คนเราก็แปลกนะครับ รู้ว่าของดี
รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ให้กิเลศ(ของผมคือความขี้เกียจ)
มาหลอกเอาจนได้
เรื่องสั่งสอน..พี่พอใจไม่ได้บังอาจสั่งสอนหรอกครับ
ถือเป็นการแนะนำเส้นทางที่ดีอย่างที่พี่ว่า
แต่สำหรับผม..เหมือนคนกลับมาหัดว่ายน้ำ
หลังจากไม่ได้ว่ายมานาน ทำให้ยังว่ายไม่แข็ง
ต้องกลับมาฝึกหัดใหม่อีกครั้ง
เกรงว่าถ้าไปแนะนำใครต่อใคร
จะพาไปผิดทางเสียเปล่าๆครับ
เค้าว่ามาว่า เวลาปฎิบัติแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเรา
อย่าเอาไปคุยกันเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดอุปปาทาน
หรืออาจจะทำให้เสียกำลังใจไปเลย
ว่าทำไมเราปฎิบัติแล้วไม่เห็นเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
เหมือนกับคนนั้น คนนี้ ให้เราพึงปฎิบัติของเราไป
หลวงพ่อบอกเสมอว่า ถ้าเราปฎิบัติถูกเราจะโล่ง โปร่งเบา
ถ้าใครยังแน่นๆ เกร็งๆ อยู่แปลว่ายังไม่ถูก ให้เปลี่ยนวิธีซะ
หลังๆผมว่าคนส่งการบ้าน มีคำถามแปลกๆ เยอะพอสมควร
บางครั้งเล่นเอาผมอยากเห็นหน้าคนถาม แต่ก็ต้องตามรู้ไป..เท่านั้น
มีบางคนบอกว่า คนเราเกิดมาเพื่อตามหาอีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 457
bluesky เขียน:พี่พอใจเล่นดักทุกทางเลย
ใช่ครับต้องปฎิบัติด้วยตนเอง
แต่อย่างที่ผมสารภาพ หลังๆผมขี้เกียจ
รู้เป็นพักๆ ยังกังวลอยู่เลยว่าตอนไปอยู่คนเดียว
ก็อย่าไปอธิษฐานอะไรที่ล่อแหลม
ซึ่งจะเป็นการชักชวนใครเขาออกมาทักทายด้วย
ก็จะดี
จะเป็นอย่างไร
คนเราก็แปลกนะครับ รู้ว่าของดี
รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ให้กิเลศ(ของผมคือความขี้เกียจ)
มาหลอกเอาจนได้
เรื่องสั่งสอน..พี่พอใจไม่ได้บังอาจสั่งสอนหรอกครับ
ถือเป็นการแนะนำเส้นทางที่ดีอย่างที่พี่ว่า
แต่สำหรับผม..เหมือนคนกลับมาหัดว่ายน้ำ
หลังจากไม่ได้ว่ายมานาน ทำให้ยังว่ายไม่แข็ง
ต้องกลับมาฝึกหัดใหม่อีกครั้ง
เกรงว่าถ้าไปแนะนำใครต่อใคร
จะพาไปผิดทางเสียเปล่าๆครับ
เค้าว่ามาว่า เวลาปฎิบัติแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเรา
อย่าเอาไปคุยกันเอง เพราะอาจจะทำให้เกิดอุปปาทาน
หรืออาจจะทำให้เสียกำลังใจไปเลย
ว่าทำไมเราปฎิบัติแล้วไม่เห็นเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้
เหมือนกับคนนั้น คนนี้ ให้เราพึงปฎิบัติของเราไป
หลวงพ่อบอกเสมอว่า ถ้าเราปฎิบัติถูกเราจะโล่ง โปร่งเบา
ถ้าใครยังแน่นๆ เกร็งๆ อยู่แปลว่ายังไม่ถูก ให้เปลี่ยนวิธีซะ
หลังๆผมว่าคนส่งการบ้าน มีคำถามแปลกๆ เยอะพอสมควร
บางครั้งเล่นเอาผมอยากเห็นหน้าคนถาม แต่ก็ต้องตามรู้ไป..เท่านั้น
ส่วนตัวนั้นนานๆ
ได้เจอศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน
ก็คิดว่าอือม...ดีนะ
แหมถ้าเกิดโชคดีเจอคนที่ชี้แนะเราได้
ก็คงเป็นบุญของเรา
ไม่ต้องงมผิดงมถูก เหมือนเช่นที่ผ่านมา
เดี๋ยวนี้หลวงพ่อนะเห็นได้ ฟังได้ ถามอะไรไม่ค่อยได้แล้วครับ
ก็ต้องมาเลียบๆเคียงๆถาม
กับคนที่มีบุญสูงกว่าเราเอาดื้อๆอย่างนี้แหละ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 458
จับฉลากได้นี้ผมว่าไม่ใช่โชคอย่างเดียวนะครับ
ต้องทำบุญมาเยอะด้วย
ถ้าไปแล้วเป็นอย่างไรช่วยเล่าให้คนไม่มีบุญอย่างผมด้วยนะครับ
ต้องทำบุญมาเยอะด้วย
ถ้าไปแล้วเป็นอย่างไรช่วยเล่าให้คนไม่มีบุญอย่างผมด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 459
บอกผม หน่อยซิ ว่า คนที่ปฏิบัติธรรม แต่ไม่มีศรัทธา จะต่างกับคนที่มีศรัทธายังไงบ้าง
ปล. ผมคนนึงล่ะที่ไม่เคยสนใจว่า พระพุทธเจ้า มีอยู่จริงหรือไม่ ลักษณะเป็นอย่างไร และก็ไม่เคยสนใจว่า ฝึกแล้ว จะเห็นโน่นเห็นนี่ (ก้อไม่รู้ว่าเห็นไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา :lol: ) ขอแค่กำลังสติและปัญญาที่ทำการใหญ่
ได้ก็พอครับ
ปล. ผมคนนึงล่ะที่ไม่เคยสนใจว่า พระพุทธเจ้า มีอยู่จริงหรือไม่ ลักษณะเป็นอย่างไร และก็ไม่เคยสนใจว่า ฝึกแล้ว จะเห็นโน่นเห็นนี่ (ก้อไม่รู้ว่าเห็นไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา :lol: ) ขอแค่กำลังสติและปัญญาที่ทำการใหญ่
ได้ก็พอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 461
อ่านบทความนี้แล้วถูกจริต
โกรธได้...แต่ต้องไหวตัวทัน
ตั้งแต่เริ่มเขียนบล็อกบอกเล่าเรื่องวิปัสสนามาสองสามปี
กลุ่มผู้อ่านที่มีคำถามมาถึงผมบ่อยที่สุดกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มคนที่โทสะแรง
กลุ่มนี้มักจะพบปัญหาว่า เวลาที่โกรธใคร แม้จะรู้สึกถึงแรงดันที่หน้าอก
หรือรู้ตัวว่ากำลังโกรธใครอยู่ แต่มันไม่ดับทันที เลยสงสัยว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า
หลายท่านเล่าว่าพอรู้ทันว่าโกรธปุ๊ป ก็รีบหายใจเข้ายาวๆลึกๆ ก็รู้สึกดีขึ้นแต่ไม่หาย
และก็รู้สึกว่าได้เอาความโกรธนั้นไปสะสมเอาไว้ข้างในไม่ใช่สักแค่รู้แล้วหายไป
อันนี้เล่าให้ฟัง เผื่อบางท่านที่เริ่มหัดภาวนาแล้วเป็นคนขี้โมโห โทสะแรง
ขั้นแรก ขอแนะนำให้ตั้งเป้าหมายในการภาวนาให้ถูกก่อน ว่าจะทำเพื่อประโยชน์อะไร
ถ้าจะเอาชนะความโกรธ ก็ต้องเจริญสมถะ เช่นเอาความคิดดีๆ มาปลอบตัวเอง
หรือรีบเอาสติมารู้ลมหายใจ มาภาวนาพุทโธ นับหนึ่งถึงสิบ ตั้งสติเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
หรือเอาเจตนาจะรักษาศีล มาเป็นตัวช่วย ไม่ให้มันเกินเลย
ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดครับ ดีไหม ดีครับ แต่ถูกและดีในแบบของสมถะนะ
เพราะสำหรับนักเรียนวิปัสสนา เราไม่ได้ภาวนาเพื่อเอาชนะ
แต่ภาวนาเพื่อเรียนรู้จากความโกรธนั่นแหละ
ที่บอกกันว่าให้คอยรู้สึกตัว เช่นความโกรธผุดขึ้นในใจ ก็ให้รู้นั้น
เราไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากคอยมีสติรู้ทุกสิ่งอย่างที่มันเป็น
ไม่ได้ต้องการให้เป็นคนดี ๒๔ ชม. นะครับ
ร้ายก็ได้ แต่แน่นอนว่าต้องไม่ชั่ว
ไม่ได้ต้องการเห็นแต่ความสุขนะครับ
ทุกข์ก็ได้ แค่อย่าไปช่วยมันคลุกเคล้าอยู่ในทุกข์ แต่แค่รู้ว่าทุกข์อยู่
ไม่ได้ต้องการให้มันสงบ มันจะฟุ้งซ่านก็ได้
แต่ไม่ไปช่วยมันคิดปรุงความฟุ้งต่อ แค่รู้ทันว่าจิตมันฟุ้งอยู่
ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกตัวเพื่อ ให้สุข ให้สงบ ให้ดี แบบจุดมุ่งหมายของสมถะ
เพราะปลายทางของวิปัสสนานั้น เราต้องการทำลายความยึดมั่นในกาย ในจิต
ต้องการทำลายความเห็นผิดว่า กายนี้ ใจนี้ เป็นของเรา เป็นของดี ของวิเศษ
โดยเหตุที่เรายังมีทุกข์กันอยู่ก็เนื่องจากยังเห็นผิดว่า
กายนี้ ใจนี้ เป็นของเที่ยงแท้ เป็นสุขและบังคับได้
พอมันไม่เที่ยงแท้ไม่คงทน มันเปลี่ยนแปลง เพราะมีทุกข์มาบีบเค้น
แล้วเราบังคับไม่ได้ เราก็ไม่ชอบใจ แล้วก็ดิ้นรน แล้วก็ทุกข์
หลักการของวิปัสสนา เราจึงต้องการเรียนรู้จักตัวเอง
เพื่อพิสูจน์สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านว่า กายนี้ ใจนี้
มันเป็นของไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้หรอกนะ
จิตมันโกรธ มันก็โกรธเอง เพราะมีเหตุ ไม่ใช่เพราะเราไปสั่งให้มันโกรธ
เวลามันจะดับ มันก็ดับเอง เพราะเหตุแห่งความโกรธมันดับ ไม่ใช่เพราะเราสั่งมันได้
แต่ส่วนมากที่ไปรู้ทันความโกรธ มักจะพลาดตรงที่ไม่ได้คอยรู้ต่อไปอีก
เช่น โกรธแล้วไม่ชอบความโกรธ เห็นแรงดันขึ้นมาที่กลางอกก็จริง
แต่ส่วนที่จิตมันรังเกียจความโกรธ อยากหาย อยากเป็นคนดี อันนี้มักจะไม่เห็น
ฉะนั้น คนที่ทุกข์เพราะโกรธไปเรียบร้อยแล้ว
โอกาสจะรู้สึกตัวแล้วความโกรธดับจึงน้อยครับ
เพราะจะมีโทสะ ความไม่ชอบจิตที่โกรธไปแล้ว
หรือความอยาก เกิดตามมาซ้อนกันเป็นชั้นๆ
แต่ที่บอกว่า เวลาสติตัวจริงเกิดแล้วความโกรธดับ
เพราะสติตัวจริงมันทำงานอัตโนมัติ ว่องไวมาก
พอกระบวนการของความโกรธเริ่มจะก่อตัว
สติมันทำงานปุ๊บ เชื้อของโทสะไม่มี
ความโกรธที่ทำท่าจะลุกฮือ จึงดับลง
เพราะไม่มีเชื้อของโทสะ คือความหลง(คิด)มาให้มันจุดติด
ครั้งหน้า ถ้าโกรธอีก ลองสังเกตลงไปอีกนะครับว่า
ตอนที่จิตเห็นจิตมันโกรธ แล้วมันมีปฏิกิริยาอย่างไร
มันชอบ หรือไม่ชอบ มันสบายหรืออึดอัด มันสุขหรือมันทุกข์ รู้ลงไปนะ
จะบอกเคล็ดลับให้ว่า เวลาเราโกรธ เราโกรธทีละแว๊บนะ
ที่เราเห็นมันยืนยาวอยู่ เพราะเหตุของความโกรธมันยังมีอยู่
สังเกตดูก็ได้ว่าความโกรธ มันจะมาเป็นระลอกๆ เหมือนคลื่น
เหมือนเวลาไฟไหม้มันก็ไม่ได้ไหม้พรึ่บทีเดียวทั้งตึก
มันค่อยๆลามไปไหม้ของทีละชิ้นสองชิ้น ทีละตารางนิ้วๆ ทีละห้อง ทีละชั้น
ฉะนั้น ไอ้ที่มันโกรธ มันไหม้ไปแล้วช่วยไม่ได้
อย่ามัวแต่ไปเสียดายอดีต อย่ารังเกียจมัน อย่าคิดมาก
ให้อยู่กับปัจจุบัน รู้ทันความคิด รู้ทันความรู้สึก รู้ทันความอยาก
ยิ่งอยากหายโกรธ จะยิ่งไม่หาย
แต่ถ้าหมดอยากเพราะรู้ทันว่าอยากนั่นแหละจะหาย
ฟังดูแล้วอาจจะงงๆสักนิด แต่ก็อีกเหมือนกันนะ
งง ก็แค่รู้ว่างง แล้ววันนึงจะเข้าใจเอง
อ่อ.. ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาว่า ให้รู้ทันความโกรธ ด้วยใจที่เป็นกลาง
เพราะความโกรธ ก็สอนธรรมะเราเท่าๆกับ กุศล ตัวอื่นๆ
สิ่งที่น่ากลัว ไม่ใช่ความโกรธ แต่คือการไหลไปกับความโกรธ คือขาดสติไป
กับการไปกดข่มเพ่งบังคับไว้ เพราะกลัวจะไม่ดี แล้วก็ไม่เกิดสติ ไม่เดินปัญญา
ตรงกันข้าม ผู้ภาวนาขี้โมโหที่คอยเห็นปรากฏการณ์โทสะได้ถูกหลัก
คือรู้ทันความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน อย่างเป็นกลาง
กลับจะได้ประโยชน์มากมายจากความขี้โมโหของตัวเอง
รู้เคล็ดลับแบบนี้แล้ว หวังว่าคุณผู้อ่านขี้โมโหทั้งหลาย
จะภาวนาอย่างสบายใจขึ้นนะครับ
วิปัสสนาฝึกได้ ง่ายนิดเดียว จริงๆนะครับ
http://www.dlitemag.com/index.php?optio ... &Itemid=59
โกรธได้...แต่ต้องไหวตัวทัน
ตั้งแต่เริ่มเขียนบล็อกบอกเล่าเรื่องวิปัสสนามาสองสามปี
กลุ่มผู้อ่านที่มีคำถามมาถึงผมบ่อยที่สุดกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มคนที่โทสะแรง
กลุ่มนี้มักจะพบปัญหาว่า เวลาที่โกรธใคร แม้จะรู้สึกถึงแรงดันที่หน้าอก
หรือรู้ตัวว่ากำลังโกรธใครอยู่ แต่มันไม่ดับทันที เลยสงสัยว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า
หลายท่านเล่าว่าพอรู้ทันว่าโกรธปุ๊ป ก็รีบหายใจเข้ายาวๆลึกๆ ก็รู้สึกดีขึ้นแต่ไม่หาย
และก็รู้สึกว่าได้เอาความโกรธนั้นไปสะสมเอาไว้ข้างในไม่ใช่สักแค่รู้แล้วหายไป
อันนี้เล่าให้ฟัง เผื่อบางท่านที่เริ่มหัดภาวนาแล้วเป็นคนขี้โมโห โทสะแรง
ขั้นแรก ขอแนะนำให้ตั้งเป้าหมายในการภาวนาให้ถูกก่อน ว่าจะทำเพื่อประโยชน์อะไร
ถ้าจะเอาชนะความโกรธ ก็ต้องเจริญสมถะ เช่นเอาความคิดดีๆ มาปลอบตัวเอง
หรือรีบเอาสติมารู้ลมหายใจ มาภาวนาพุทโธ นับหนึ่งถึงสิบ ตั้งสติเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
หรือเอาเจตนาจะรักษาศีล มาเป็นตัวช่วย ไม่ให้มันเกินเลย
ถามว่าผิดไหม ไม่ผิดครับ ดีไหม ดีครับ แต่ถูกและดีในแบบของสมถะนะ
เพราะสำหรับนักเรียนวิปัสสนา เราไม่ได้ภาวนาเพื่อเอาชนะ
แต่ภาวนาเพื่อเรียนรู้จากความโกรธนั่นแหละ
ที่บอกกันว่าให้คอยรู้สึกตัว เช่นความโกรธผุดขึ้นในใจ ก็ให้รู้นั้น
เราไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากคอยมีสติรู้ทุกสิ่งอย่างที่มันเป็น
ไม่ได้ต้องการให้เป็นคนดี ๒๔ ชม. นะครับ
ร้ายก็ได้ แต่แน่นอนว่าต้องไม่ชั่ว
ไม่ได้ต้องการเห็นแต่ความสุขนะครับ
ทุกข์ก็ได้ แค่อย่าไปช่วยมันคลุกเคล้าอยู่ในทุกข์ แต่แค่รู้ว่าทุกข์อยู่
ไม่ได้ต้องการให้มันสงบ มันจะฟุ้งซ่านก็ได้
แต่ไม่ไปช่วยมันคิดปรุงความฟุ้งต่อ แค่รู้ทันว่าจิตมันฟุ้งอยู่
ที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกตัวเพื่อ ให้สุข ให้สงบ ให้ดี แบบจุดมุ่งหมายของสมถะ
เพราะปลายทางของวิปัสสนานั้น เราต้องการทำลายความยึดมั่นในกาย ในจิต
ต้องการทำลายความเห็นผิดว่า กายนี้ ใจนี้ เป็นของเรา เป็นของดี ของวิเศษ
โดยเหตุที่เรายังมีทุกข์กันอยู่ก็เนื่องจากยังเห็นผิดว่า
กายนี้ ใจนี้ เป็นของเที่ยงแท้ เป็นสุขและบังคับได้
พอมันไม่เที่ยงแท้ไม่คงทน มันเปลี่ยนแปลง เพราะมีทุกข์มาบีบเค้น
แล้วเราบังคับไม่ได้ เราก็ไม่ชอบใจ แล้วก็ดิ้นรน แล้วก็ทุกข์
หลักการของวิปัสสนา เราจึงต้องการเรียนรู้จักตัวเอง
เพื่อพิสูจน์สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านว่า กายนี้ ใจนี้
มันเป็นของไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้หรอกนะ
จิตมันโกรธ มันก็โกรธเอง เพราะมีเหตุ ไม่ใช่เพราะเราไปสั่งให้มันโกรธ
เวลามันจะดับ มันก็ดับเอง เพราะเหตุแห่งความโกรธมันดับ ไม่ใช่เพราะเราสั่งมันได้
แต่ส่วนมากที่ไปรู้ทันความโกรธ มักจะพลาดตรงที่ไม่ได้คอยรู้ต่อไปอีก
เช่น โกรธแล้วไม่ชอบความโกรธ เห็นแรงดันขึ้นมาที่กลางอกก็จริง
แต่ส่วนที่จิตมันรังเกียจความโกรธ อยากหาย อยากเป็นคนดี อันนี้มักจะไม่เห็น
ฉะนั้น คนที่ทุกข์เพราะโกรธไปเรียบร้อยแล้ว
โอกาสจะรู้สึกตัวแล้วความโกรธดับจึงน้อยครับ
เพราะจะมีโทสะ ความไม่ชอบจิตที่โกรธไปแล้ว
หรือความอยาก เกิดตามมาซ้อนกันเป็นชั้นๆ
แต่ที่บอกว่า เวลาสติตัวจริงเกิดแล้วความโกรธดับ
เพราะสติตัวจริงมันทำงานอัตโนมัติ ว่องไวมาก
พอกระบวนการของความโกรธเริ่มจะก่อตัว
สติมันทำงานปุ๊บ เชื้อของโทสะไม่มี
ความโกรธที่ทำท่าจะลุกฮือ จึงดับลง
เพราะไม่มีเชื้อของโทสะ คือความหลง(คิด)มาให้มันจุดติด
ครั้งหน้า ถ้าโกรธอีก ลองสังเกตลงไปอีกนะครับว่า
ตอนที่จิตเห็นจิตมันโกรธ แล้วมันมีปฏิกิริยาอย่างไร
มันชอบ หรือไม่ชอบ มันสบายหรืออึดอัด มันสุขหรือมันทุกข์ รู้ลงไปนะ
จะบอกเคล็ดลับให้ว่า เวลาเราโกรธ เราโกรธทีละแว๊บนะ
ที่เราเห็นมันยืนยาวอยู่ เพราะเหตุของความโกรธมันยังมีอยู่
สังเกตดูก็ได้ว่าความโกรธ มันจะมาเป็นระลอกๆ เหมือนคลื่น
เหมือนเวลาไฟไหม้มันก็ไม่ได้ไหม้พรึ่บทีเดียวทั้งตึก
มันค่อยๆลามไปไหม้ของทีละชิ้นสองชิ้น ทีละตารางนิ้วๆ ทีละห้อง ทีละชั้น
ฉะนั้น ไอ้ที่มันโกรธ มันไหม้ไปแล้วช่วยไม่ได้
อย่ามัวแต่ไปเสียดายอดีต อย่ารังเกียจมัน อย่าคิดมาก
ให้อยู่กับปัจจุบัน รู้ทันความคิด รู้ทันความรู้สึก รู้ทันความอยาก
ยิ่งอยากหายโกรธ จะยิ่งไม่หาย
แต่ถ้าหมดอยากเพราะรู้ทันว่าอยากนั่นแหละจะหาย
ฟังดูแล้วอาจจะงงๆสักนิด แต่ก็อีกเหมือนกันนะ
งง ก็แค่รู้ว่างง แล้ววันนึงจะเข้าใจเอง
อ่อ.. ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาว่า ให้รู้ทันความโกรธ ด้วยใจที่เป็นกลาง
เพราะความโกรธ ก็สอนธรรมะเราเท่าๆกับ กุศล ตัวอื่นๆ
สิ่งที่น่ากลัว ไม่ใช่ความโกรธ แต่คือการไหลไปกับความโกรธ คือขาดสติไป
กับการไปกดข่มเพ่งบังคับไว้ เพราะกลัวจะไม่ดี แล้วก็ไม่เกิดสติ ไม่เดินปัญญา
ตรงกันข้าม ผู้ภาวนาขี้โมโหที่คอยเห็นปรากฏการณ์โทสะได้ถูกหลัก
คือรู้ทันความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน อย่างเป็นกลาง
กลับจะได้ประโยชน์มากมายจากความขี้โมโหของตัวเอง
รู้เคล็ดลับแบบนี้แล้ว หวังว่าคุณผู้อ่านขี้โมโหทั้งหลาย
จะภาวนาอย่างสบายใจขึ้นนะครับ
วิปัสสนาฝึกได้ ง่ายนิดเดียว จริงๆนะครับ
http://www.dlitemag.com/index.php?optio ... &Itemid=59
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 462
ลองมาถามในนี้ครับ ผมไม่เชื่อเรื่องที่วิทยาศาสตร์อธิบายไมได้ แต่นั่งเพราะชอบเรียนรูเกี่ยวกับสมองเท่านั้นเอง วันนี้ขออนุญาติถามเปนแนววิชาการครับ เรื่องฝึกนั่ง นั่งมานานครับ แต่นั่งไมได้จะไปไหน ผมนั่งจัดระเบียบความคิดเท่านั้นเอง ถามดังนี้ครับ แสงสว่างที่เหน ทั้ง ๆ ที่ปิดตา สว่างจนแสบตา สว่างเหมือนใครมาเปิดไฟในห้องที่เราอยู๋ สว่างจนน้ำตาไหลเพราะแสบตา แสงนี้เกิดได้อย่างไร ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าอะไร แสงสีเขียวที่เหนก่อนแสงสว่างเกิดขึ้นได้เพราะอะไร ทำไมคนเราจึงเหนแสงสีเขียวได้ทั้งๆ ที่ปิดตาอยู่ น่าจะเกี่ยวที่เคยผ่าตาเปนต้อกระจกมา สายตาซ้ายสั้น ขวายาว ส่วนใหญ่ใช้ซ้ายมอง หมอตาบอกว่า ผมจะใช้สมองซีกขวาตลอดเวลา เพราะใช้ตาซ้ายอย่างเดี่ยว เรื่องนั่งสมาธิเกี่บวกับสมองขวาอย่างไร ขอบพระคุณครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 465
เรื่องแสงนี่เจอเหมือนกัน
แต่คนละแบบ
นั่งสมาธิอยู่ที่วัด
รู้สึกว่้าแสงอาทิตย์ส่องมาโดนหัวทางขวา
นั่งไปเกือบชั่วโมง
พอออกจากสมาธิ
ลืมตา
พระอาทิตย์มันอยู่ทางซ้าย
อ้าวแล้วแสงอะไรที่เรารู้สึกตอนนั่้งสมาธิ
สงสัยเป็นแสงเฮ้ากวง...ฮ่า...
แต่คนละแบบ
นั่งสมาธิอยู่ที่วัด
รู้สึกว่้าแสงอาทิตย์ส่องมาโดนหัวทางขวา
นั่งไปเกือบชั่วโมง
พอออกจากสมาธิ
ลืมตา
พระอาทิตย์มันอยู่ทางซ้าย
อ้าวแล้วแสงอะไรที่เรารู้สึกตอนนั่้งสมาธิ
สงสัยเป็นแสงเฮ้ากวง...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 466
คอนโดสูงขนาดนี้por_jai เขียน: ของผมไม่ไกลแล้วครับ
ผมเดินมาเจอคอนโดที่ใช่แล้ว
แต่แหงนขึ้นไปมองไม่เห็นยอดซึ่งสูงเสียดเมฆ
คงเพราะกิเลสของผมงี้เพียบเชียว
ของผมออกแนวสูง
น่าจะมีลิฟท์นะครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 468
สามัญชน เขียน:
ผมขอเปิดใจตรงนี้ละกันครับว่า ตั้งแต่เรียนจบ ป. ตรีมาจนวันนี้ นอกจากผมจะไม่มีศรัทธาต่อการสร้างรูปเคารพ เครื่องพระ ซึ่งได้เกริ่นนำไปในกระทู้หน้าแรกแล้ว ผมยังเลิกศรัทธาบุคคลที่สอนสั่งมาตั้งแต่เด็กอีกหลายท่านด้วย ผมเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกนี้กับตัวเองได้ (เนื่องจากเป็นคนหัวอ่อนตั้งแต่เด็ก) แว๊บเดียวที่ทำให้มีความรู้สึกนี้ คือ วันที่เขาใช้เหตุผลอ้อนวอนเพื่อใช้เราทำงานให้เขา...วันที่ผมรู้ว่าเขาเป็นอาจารย์ที่นั่งเทียนไปวันๆ...ฯลฯ
คงชัดเจนอยู่ในตัวนะครับว่า ผมไม่หวังศรัทธาต่อใครและสิ่งใด
หลายๆเรื่องที่ผมคิดไม่ออก มักไม่พ้น trial & error แล้วรอฟังผลว่าเป็นเช่น
ใด วิธีไหนใช้ไม่ได้ผล ก็เปลี่ยนวิธี เจอคนในบ้านที่วันๆๆพูดแต่เรื่อง - ก็
หนีออกมา
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 469
ถ้าศรัทธาน้อยปัญญาน้อย จะกลายเป็นคน..........สามัญชน เขียน:
:lol:
ผมไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นคนมีปัญญา ระดับใด ? เพราะในอดีตเท่าที่ผ่านมา
มีทั้งสำเร็จสมความตั้งใจ และล้มเหลวไม่มีชิ้นดี คละเคล้ากันไป
ตัวเองเป็นคนหัวดื้ออวดดี แค่ไหน ?
ผมรู้อย่างแน่ชัดว่า จะดื้อและอวดดีอย่างถึงที่สุด กับ การห้ามปรามเพราะกลัว
อย่างไร้เหตุผลของคนรอบข้าง
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 472
นั่งสมาธิจนเห็นแสงนี้เรียกว่า โอภาส
ลอง search ใน กูเกิลดูเองดีกว่าเพราะชักจะลงเรื่องสมาธิลึกไปซะแล้ว
เห็นแล้วส่วนใหญ่ให้ปล่อยผ่านอย่าไปติด เหมือนติดยาละครับ
ลอง search ใน กูเกิลดูเองดีกว่าเพราะชักจะลงเรื่องสมาธิลึกไปซะแล้ว
เห็นแล้วส่วนใหญ่ให้ปล่อยผ่านอย่าไปติด เหมือนติดยาละครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 473
พยายามเดินขึ้นบันไดตามพี่ป้อมไป
แต่บางทีเผลอใจ
เเวะไปชมวิวสระว่ายน้ำเข้าให้
เลยขอตามไปห่างๆ
ยังไม่รู้เลยว่า "ชั้นบนๆ" จะเป็นยังไง
แต่ก็รู้สึกดีตอน"กำลังเดิน"
แต่บางทีเผลอใจ
เเวะไปชมวิวสระว่ายน้ำเข้าให้
เลยขอตามไปห่างๆ
ยังไม่รู้เลยว่า "ชั้นบนๆ" จะเป็นยังไง
แต่ก็รู้สึกดีตอน"กำลังเดิน"
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 474
ว่าจะหยุดโพสต์ มาเจอพี่โหน่ง เลยอดไม่ได้.^O-O^ เขียน:ผมไม่เชื่อเรื่องที่วิทยาศาสตร์อธิบายไมได้
ธรรมะนี่เป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุดแล้วนะผมว่า "ทุกข์เท่านั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป"
ส่วนกระบวนการต่าง ๆ นั่นคือการเรียนรู้ให้รู้จักทุกข์เท่านั้นเอง
วิทยาศาสตร์ อธิบายและแสดงให้เห็นด้วยอาตนะภายนอก โดยตนหรือคนอื่่น
ธรรม ต้องรู้แจ้ง เข้าใจด้วยตัวเอง
ไม่ต้องเชื่อนะ แต่ถามพี่ป้อมเอา..
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 475
ถ้าสังเกตุนะoatty เขียน:
ไม่ต้องเชื่อนะ แต่ถามพี่ป้อมเอา..
ผมไม่ค่อยตอบคำถามใคร
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับที่เขาถามๆกันมาน่ะ
อย่างเรื่องศรัทธาที่หมอแพะตอบว่า
ศรัทธามากปัญญาน้อย
ศรัทธาน้อยปัญญามาก
ผมอ่านแล้วทึ่ง อื้อฮือ
เรื่องอย่างนี้ผมคิดไม่ออก บอกไม่ได้
ผมรู้แต่เรื่องที่เกิดกับจิตผมเท่านั้น
จะให้เล่าก็ล้วนนามธรรม ไม่รู้จะเล่าอย่างไร
เล่าไปก็กลัวอุตริอีก เวรกรรม...ฮ่า..
มั่วๆไปเองอย่างนี้แหละดีแล้ว
ส่วนพี่สถาปนิกมัวแต่แวะุดูสาวๆสวีเดนอวบอั๋น
เมตตานี่พลิกปั๊บเป็นราคะปุ๊บ
ผมละเป็นห่วง
ถ่ายรูปส่งมาให้ผมดูแทนก็แล้วกัน...ฮ่า....
ผมยอมลงนรกแทนให้เอ้า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 476
รู้สึกดีตอนกำลังเดินก็ดีนะครับสถาปนิกต่างดาว เขียน:พยายามเดินขึ้นบันไดตามพี่ป้อมไป
แต่บางทีเผลอใจ
เเวะไปชมวิวสระว่ายน้ำเข้าให้
เลยขอตามไปห่างๆ
ยังไม่รู้เลยว่า "ชั้นบนๆ" จะเป็นยังไง
แต่ก็รู้สึกดีตอน"กำลังเดิน"
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 477
ถ้ามองหาดี๋ยวก็เจอครับpor_jai เขียน: ่ลิฟท์พยายามมองหา
แต่ไม่เจอครับ
เห็นเขาว่าบางคนหาเจอเหมือนกัน
ส่วนผมไม่ว่าไร
เดินขึ้นบันไดมาได้หน่อยนึงแล้วครับ
เจอแล้วทิ้งร่องรอยไว้ด้วยนะครับ
ผมจะได้ตามไปถูก :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 479
ขอบพระคุณในความเมตตาครับพี่หมอสามัญชน เขียน: พระพุทธเจ้าท่านก็สอนครั้งสุดท้ายเรื่องความไม่ประมาท
แต่ถ้าหนูน้อยหมวกแดงรักการเดินทางก็ไม่มีอะไรน่าห่วง
วัฏสงสารยังรอให้เดินอยู่อีกชั่วกัปชั่วกัลป์
เรื่องแวะข้างทางนี่ ก็พยายามลดน้อยลงไปเรื่อยๆนะครับ
เมื่อก่อนแวะไป...."กิน" อยู่บ่อยๆ เดี๋ยวนี้ก็ เฉยๆ ไม่ค่อยได้แวะ กินก็ได้
ไม่กินก็ได้
เมื่อก่อนแวะไปหา... "เกียรติ" กับเขาเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ก็ขาดการติดต่อกัน
ไปแล้ว
เหลือไอ้ตัว ก. สุดท้ายนี่แหละ.... " ก. สระ อา ม. ม้า " มันคอยกวักมือเรียก
กันจั๊ง
เหลียวมาข้างหลัง เห็นผมเอ้อระเหยลอยชายอยู่ ช่วยโทรมาตักเตือนด้วย
จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับผม
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 480
หลวงพ่ออีกองค์ที่แม็คนับถือมากสถาปนิกต่างดาว เขียน: เหลือไอ้ตัว ก. สุดท้ายนี่แหละ.... " ก. สระ อา ม. ม้า " มันคอยกวักมือเรียกกันจั๊ง
บอกเรื่องนี้ว่า
แค่อัณฑะเขย่าเบาๆ
ไปหลงกันทั้งโลก
ผมเองก็แทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน
เวลาเจ้ากิเลสตัวนี้มาหาแต่ละครั้ง
สติตัดไม่ทันซักครั้ง
พอคิดวืบ ปรุงเป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อย
แต่จะต้องมีเหตุให้ผมรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ทุกครั้งเหมือนกัน
ทุกวันนี้ผมเลยเชื่อที่หลวงพ่อบอกไว้แล้ว
เรารักษาศีล ศีลก็จะรักษาเราเช่่นกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า