รายงาน น้ำมันจะดิ่งซ้ำรอยปี51?
น้ำมันจะดิ่งซ้ำรอยปี51?
การดีดตัวอย่างรวดเร็วของราคาตราสารน้ำมันดิบซึ่งแตะ 70 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กำลังทำให้เกิดความวิตกกันว่ามันจะดิ่งแรงเหมือนปีที่แล้ว
ตราสารน้ำมันดิบที่ตลาดนิวยอร์กแตะ 70.32 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะปิดตลาดลดลง 37 เซนต์ ที่ 68.44 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันชนิดต่างๆยังต่ำกว่าเมื่อหนึ่งปีก่อนซึ่งมีการขายกันในราคามากกว่า 125 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่การขยับขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ มีความชันมากว่าปีที่แล้ว
ราคาน้ำมันได้ถีบตัวขึ้นกว่าสองเท่านับแต่ปิดตลาดที่ 33.98 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ แต่มันได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 50% นับแต่ต้นปีนี้ ในขณะที่ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมันปรับเพิ่มขึ้น 33%
ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันมองว่า มีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่อยู่เบื้องหลังการดีดตัวของราคาน้ำมันเมื่อเร็วๆนี้ให้สะท้อนการดีดตัวเมื่อปีที่แล้ว
อย่างแรกคือ นักลงทุนกำลังนำเงินเข้าลงทุนในน้ำมันเพื่อบริหารความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ และการอ่อนตัวของดอลลาร์ ในขณะที่เมื่อปีที่แล้ว มีการลงทุนในน้ำมันเพื่อบริหารความเสี่ยงต่อการอ่อนตัวของตลาดหุ้น
อย่างที่สองคือ นักลงทุนกำลังคาดการณ์ว่า สัญญาณเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ชี้ว่าน้ำมันส่อเค้าจะขาดแคลน ในขณะที่เมื่อหนึ่งปีก่อนนักลงทุนคิดว่า ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากจีนและอินเดียจะทำให้ดีมานด์มากว่าซัพพลาย
"สิ่งที่เรากำลังเห็นในตอนนี้คือการรีเพลย์ปรากฏการณ์แบบเดียวกัน" แอนน์-หลุยส์ ฮิตเทิล หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดน้ำมันของบริษัท วู้ด แมคเคนซี กล่าว
แน่นอนว่า มีความแตกต่างกันมากระหว่างปีนี้กับปีที่แล้ว
เมื่อหนึ่งปีก่อน เศรษฐกิจโลกกำลังเย็นลงแต่ไม่ถดถอย และดีมานด์น้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ผลิตน้ำมันใกล้อัตราสูงสุด แต่ในขณะนี้ดีมานด์น้ำมันกำลังลดลง สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ) คาดการณ์ว่า การบริโภคน้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่แล้ว 3% และสมาชิกโอเปกกำลังลดขีดความสามารถในการผลิตลงหลายล้านบาร์เรลต่อวัน
แต่จากข้อมูลของสำนักงานข้อมูลพลังงานของสหรัฐ การสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐสูงกว่าปีแล้ว 19% ซึ่งเพียงพอสำหรับดีมานด์ในสหรัฐ 25 วัน เพิ่มขึ้นจากหนึ่งปีก่อนซึ่งมีการสำรองน้ำมันเท่ากับดีมานด์ 20 วัน
นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า ในเมื่อราคาถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของนักลงทุน ไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานของตลาด การก้าวกระโดดของราคาน้ำมันอาจเปิดทางให้มันปรับตัวลงอย่างรุนแรงเช่นกัน ซึ่งเหมือนกับปีที่แล้ว
"อาจมีแรงส่งเพียงพอที่จะทำให้ราคาขึ้นไปถึง 72.50 ดอลลาร์ แต่จากนั้นคิดว่าจะมีการปรับฐานรุนแรง" กาย กลิชมานน์ ประธานบริษัท ยูไนเต็ด สเตรเตอจิค อินเวสเตอร์กรุ๊ป กล่าว
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้การฟื้นตัวช้าลง ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในสหรัฐ ได้ปรับขึ้น 23% นับแต่ปลายเดือนเมษายน ทอม โคลซา หัวหน้านักวิเคราะห์น้ำมันของออย ไพรซ์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส เตือนว่า อาจทำให้มีผู้บริโภคมากขึ้นที่จะลดการใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่า ผู้ผลิตน้ำมันกำลังมีความเชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัว
บริษัทน้ำมันรัสเซียที่ชื่อว่า ทีเอ็นเค-บีพี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบีพี กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะเพิ่มการใช้จ่ยเงินทุนประมาณ 400 ดอลลาร์ เป็น 3,700 ล้านดอลลาร์
เอ็กซ์ซอน โมบิล บริษัทน้ำมันตะวันตกที่ใหญ่ที่สุด ได้ประกาศในเร็วๆนี้ว่าจะมีการลงทุนในโครงการระยะยาวขนาดใหญ่ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการเปิดไฟเขียวให้บริษัทอื่นๆเพิ่มอัตราในการใช้จ่ายได้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเพิ่มซัพพลาย ซึ่งลดแรงกดดันต่อราคาเมื่อดีมานด์ฟื้นตัวในท้ายที่สุด
ผู้ผลิตน้ำมันได้เตือนมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้วว่า การขุดเจาะน้ำมันลดลงอาจทำให้ซัพพลายขาดแคลนได้ เมื่อภาวะถดถอยยุติลง
"หากเราเห็นราคาน้ำมันสูงกว่า 60 ดอลลาร์ ผู้ผลิตน้ำมันอาจกลับมาทำโครงการที่ได้วางแผนไว้" มาร์ก บราวน์ นักวิเคาะห์พลังงานบริษัท พริตชาร์ด แคปิตอล พาร์ตเนอร์กล่าว
(เรียบเรียงจากวอลล์สตรีท เจอร์นัล)
------------------------
วันที่ 09 มิ.ย. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว -1วัน 13ช.ม. 47นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/gen ... ?cid=27766