super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 2
แล้วแต่คนมองมั้งครับเรื่อง dca นี่บางคนว่าตัวนี้มี บางคนว่าไม่มี สำหรับ super stock ในโลกทุนนิยมเต็มที่แบบนี้ควรจะมี dca นะครับ ไม่งั้นมันคงไม่สามารถเป็น super stock ได้แน่นอน สำหรับ mint ผมมองว่ามี dca ครับ
Small Details Make a Big Difference
- sathaporne
- Verified User
- โพสต์: 1657
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 3
แล้วคุณ sai มองว่าเป็นบริษัทยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมยอดแย่ (ชั่วคราว) หรือเปล่าครับ
- Cherd
- Verified User
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 5
อะไรคือ DCA ครับไม่เข้าใจรบกวนผู้รู้ช่วยชี้ทางด้วยครับ
ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่
ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
-
- Verified User
- โพสต์: 1061
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 6
ย่อมาจากคำว่า durable competitive advantage ครับCherd เขียน:อะไรคือ DCA ครับไม่เข้าใจรบกวนผู้รู้ช่วยชี้ทางด้วยครับ
ลองอ่านเพิ่มได้ที่นี่ครับ
http://www.thaivi.com/webboard/archive. ... index.html
- Cherd
- Verified User
- โพสต์: 82
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากครับ
ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่
ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 8
ที่ได้เปรียบคู่แข่งมากเลย น่าจะเป็นเรื่องของ Economic of scale ครับnewbie_12 เขียน:MINT ก็น่าจะมีนะ หลายๆ brand ติดตลาดจนแทบจะผูกขาดในเมืองไทย
ทั้งอาหาร และโรงแรม
อย่างธุรกิจอาหารเอง ก็เสริมซึ่งกันและกันได้ดี เช่น โทร 1112
สามารถสั่งได้ทั้ง พิซซ่า เบอร์เกอร์ แล้วก็ไอศครีม
ตัวธุรกิจโรงแรมเอง เครือข่ายมากก็ได้เปรียบเช่นกันครับ เช่น
เรื่องการทำ maketing ส่งเสริมการขายซึ่งกันและกัน
แต่...
ผมว่า MINT ไม่มี DCA นะครับ สินค้าทดแทนเพียบ
จากความเห็นส่วนตัวนะ อย่างเวลาจะทานพิซซ่า ก็ไม่ได้หมายความว่า
เราจะต้องทานของ Pizza Company เท่านั้นจริงไหม..?
โรงแรมก็คล้ายกัน ทำเลดีๆ ก็ไม่ได้มีอยู่โรงแรมเดียวเหมือนกัน
บริการก็คงไม่ได้ต่างกัน ที่นี่เต็ม ก็เลือกอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ไม่ได้ถึงกับยกเลิกโปรแกรมการเดินทางนั้นไปเลย เพราะจองโรงแรมนั้น
โรงแรมนี้ไม่ได้จริงๆ
- Diablo
- Verified User
- โพสต์: 822
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 9
ผมว่า DCA คงไม่ถึงขนาดที่หาสินค้าทดแทนไม่ได้นะครับ
การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งก็นับเป็น DCA อย่างหนึ่งเช่นกัน
เช่น JW Marriott หรือ Four Seasons ที่นักท่อทเที่ยวชาวต่างชาติรู้จักกันดี
ส่วนพิซซ่านั้น ถึงจะมีเจ้าอื่นทำมาแข่งกันก็ตาม
แต่คนส่วนมากก็จะเลือก The Pizza Company เพราะแบรนด์ติดหูกว่า
และเชื่อ(ทั้งที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้) ว่าพิซซ่าของที่นี่ดีกว่า
เหมือนคนกิน KFC ซึ่งมีแบรนด์ติดหู คนรู้จักกันทั่วโลก
ผมเองว่าไก่ทอดห้าดาวก็อร่อยไม่แพ้ KFC เช่นกัน โดยเฉพาะไก่กรอบ ที่รสชาติราคาคล้ายกันแต่ราคาถูกกว่ากันเท่าตัว แหะๆ :lol:
การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งก็นับเป็น DCA อย่างหนึ่งเช่นกัน
เช่น JW Marriott หรือ Four Seasons ที่นักท่อทเที่ยวชาวต่างชาติรู้จักกันดี
ส่วนพิซซ่านั้น ถึงจะมีเจ้าอื่นทำมาแข่งกันก็ตาม
แต่คนส่วนมากก็จะเลือก The Pizza Company เพราะแบรนด์ติดหูกว่า
และเชื่อ(ทั้งที่อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้) ว่าพิซซ่าของที่นี่ดีกว่า
เหมือนคนกิน KFC ซึ่งมีแบรนด์ติดหู คนรู้จักกันทั่วโลก
ผมเองว่าไก่ทอดห้าดาวก็อร่อยไม่แพ้ KFC เช่นกัน โดยเฉพาะไก่กรอบ ที่รสชาติราคาคล้ายกันแต่ราคาถูกกว่ากันเท่าตัว แหะๆ :lol:
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
super stock จำเป็นต้องมีDCAหรือเปล่าคะ
โพสต์ที่ 10
ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การมีสินค้าทดแทน จะไม่มี DCA นะครับ ...
ขอยกตัวอย่าง...
สมัยก่อน MFG ลงทุนธุรกิจพิซซ่า ภายใต้ Pizza Hut
ต่อมาเมื่อหลุดจากเงา Pizza Hut แล้ว MFG ก็ทำ Pizza Company
ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเอง ส่วน Pizza Hut ก็ขยายตัวด้วยกลุ่มทุนใหม่
ได้แก่กลุ่มของ Yum ที่เข้ามารับผิดชอบครับ
แข่งกันไปก็เท่าที่เห็นนี่แหละครับ ร้าน Pizza ในไทยอันดับ 1
ก็คือ Pizza Company ทั้งๆ ที่ Pizza Hut ดูจะคุ้นหูคุ้นตาคนไทยมากกว่า
ประเด็นที่ผมเข้าใจก็คือ น่าจะเกิดจาก MFG ออกตัวก่อน YUM ครับ
ความพร้อมตอนนั้น MFG มีมากกว่า จำนวนสาขามากกว่า ร้านก็อยู่ในทำเลเดิมๆ
ลูกค้าก็ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรม เคยเข้าร้านนี้ ก็เข้าร้านเดิม ทานร้านเดิม
ผมสรุปกรณีนี้ง่ายๆ เอาเองครับว่า...
คนไทยซื้อพิซซ่าทาน เพราะความสะดวก มากกว่าเรื่องของรสชาติ
ทีนี้ มาดูคนใกล้ๆ ตัวผมบ้าง บางคนโทรสั่งก็เพราะโปรโมชั่นที่กำลังดูทางทีวีเท่านั้นครับ
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โทรไปสั่งจาก Pizza ไหน..?
ซึ่งผมไม่อยากให้มองว่าร้าน Pizza ต้องแข่งกับร้าน Pizza ด้วยกันนะครับ ความจริง...
มันก็คือของกิน อะไรที่กินได้แล้วอิ่มก็ใช้ได้เหมือนกัน และถ้าวันหน้า
มีอะไรที่สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า อร่อยกว่า จะว่าเป็น Trend ของอาหารก็ได้
Pizza ก็ Pizza เถอะ ก็ลำบากได้เหมือนกันนะครับ
ซึ่งผมมองว่า MINT ก็มีข้อดีตรงนี้นี่แหละ คือมีพอร์ตร้านอาหารในเครือ
ให้เลือกไว้หลายแบรนด์ แถมมีการพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ ด้วย
ส่วนธุรกิจโรงแรม ผมมองยังไงๆ บริการของโรงแรมในเกรดเดียวกันก็ไม่ได้ต่างกันนะครับ
อาจจะเพราะผมไม่ใช่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักก็ได้ :lol:
ซึ่งผมมองว่าโรงแรมจะสร้างให้สวยยังไงก็ได้ สุดท้าย...
บริการก็เหมือนๆ กัน คล้ายๆ ธุรกิจของธนาคาร พอใครดีกว่า
เดี๋ยวอีกเจ้าก็ทำตามเหมือนกัน สุดท้าย ลูกค้าก็เลือกธนาคารที่ตัวเองคิดว่าสะดวกๆ
โดยรวมๆ ผมมองว่า MINT ได้เปรียบคู่แข่งที่ความใหญ่ครับ
และที่สำคัญ ทุกแบรนด์ที่มี ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จด้วยกันทุกแบรนด์
ขอยกตัวอย่าง...
สมัยก่อน MFG ลงทุนธุรกิจพิซซ่า ภายใต้ Pizza Hut
ต่อมาเมื่อหลุดจากเงา Pizza Hut แล้ว MFG ก็ทำ Pizza Company
ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเอง ส่วน Pizza Hut ก็ขยายตัวด้วยกลุ่มทุนใหม่
ได้แก่กลุ่มของ Yum ที่เข้ามารับผิดชอบครับ
แข่งกันไปก็เท่าที่เห็นนี่แหละครับ ร้าน Pizza ในไทยอันดับ 1
ก็คือ Pizza Company ทั้งๆ ที่ Pizza Hut ดูจะคุ้นหูคุ้นตาคนไทยมากกว่า
ประเด็นที่ผมเข้าใจก็คือ น่าจะเกิดจาก MFG ออกตัวก่อน YUM ครับ
ความพร้อมตอนนั้น MFG มีมากกว่า จำนวนสาขามากกว่า ร้านก็อยู่ในทำเลเดิมๆ
ลูกค้าก็ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรม เคยเข้าร้านนี้ ก็เข้าร้านเดิม ทานร้านเดิม
ผมสรุปกรณีนี้ง่ายๆ เอาเองครับว่า...
คนไทยซื้อพิซซ่าทาน เพราะความสะดวก มากกว่าเรื่องของรสชาติ
ทีนี้ มาดูคนใกล้ๆ ตัวผมบ้าง บางคนโทรสั่งก็เพราะโปรโมชั่นที่กำลังดูทางทีวีเท่านั้นครับ
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โทรไปสั่งจาก Pizza ไหน..?
ซึ่งผมไม่อยากให้มองว่าร้าน Pizza ต้องแข่งกับร้าน Pizza ด้วยกันนะครับ ความจริง...
มันก็คือของกิน อะไรที่กินได้แล้วอิ่มก็ใช้ได้เหมือนกัน และถ้าวันหน้า
มีอะไรที่สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า อร่อยกว่า จะว่าเป็น Trend ของอาหารก็ได้
Pizza ก็ Pizza เถอะ ก็ลำบากได้เหมือนกันนะครับ
ซึ่งผมมองว่า MINT ก็มีข้อดีตรงนี้นี่แหละ คือมีพอร์ตร้านอาหารในเครือ
ให้เลือกไว้หลายแบรนด์ แถมมีการพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ ด้วย
ส่วนธุรกิจโรงแรม ผมมองยังไงๆ บริการของโรงแรมในเกรดเดียวกันก็ไม่ได้ต่างกันนะครับ
อาจจะเพราะผมไม่ใช่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักก็ได้ :lol:
ซึ่งผมมองว่าโรงแรมจะสร้างให้สวยยังไงก็ได้ สุดท้าย...
บริการก็เหมือนๆ กัน คล้ายๆ ธุรกิจของธนาคาร พอใครดีกว่า
เดี๋ยวอีกเจ้าก็ทำตามเหมือนกัน สุดท้าย ลูกค้าก็เลือกธนาคารที่ตัวเองคิดว่าสะดวกๆ
โดยรวมๆ ผมมองว่า MINT ได้เปรียบคู่แข่งที่ความใหญ่ครับ
และที่สำคัญ ทุกแบรนด์ที่มี ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จด้วยกันทุกแบรนด์