Common Stock and Uncommon Profit
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 1
มีพี่ๆ คนไหนที่นี่ อ่านหนังสือเรื่อง
Common Stock and Uncommon Profit ของ ฟิลลิบ เอ ฟิสเชอร์
ฉบับแปลภาษาไทยมั้ยครับ
ผมซื้อมาอ่านแล้วรู้สึกมัน อ่านไม่รุ้เรื่อง
บางประโยค กว่าจะรู้เรื่อง ต้องอานซ้ำสัก 3-4 รอบ
ไม่ทราบว่ามีใครเป็นเหมือนผมบ้าง
หรือผมเป็นของผมเองอะครับ
ขอบคุณครับ :vm:
Common Stock and Uncommon Profit ของ ฟิลลิบ เอ ฟิสเชอร์
ฉบับแปลภาษาไทยมั้ยครับ
ผมซื้อมาอ่านแล้วรู้สึกมัน อ่านไม่รุ้เรื่อง
บางประโยค กว่าจะรู้เรื่อง ต้องอานซ้ำสัก 3-4 รอบ
ไม่ทราบว่ามีใครเป็นเหมือนผมบ้าง
หรือผมเป็นของผมเองอะครับ
ขอบคุณครับ :vm:
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 5
โห้ อ่านตั้ง 3-4 รอบเลยเหรอครับ
ขยันจัง
ผมอ่านไม่ภึง 100 หน้าก็วางแล้ว อิอิ
ขยันจัง
ผมอ่านไม่ภึง 100 หน้าก็วางแล้ว อิอิ

VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี

-
- Verified User
- โพสต์: 281
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 6
เป็นเหมือนกัน บางทีต้องอ่านผ่านๆ ไปก่อนตรงที่ไม่ค่อยเข้าใจ
สงสัยเดียวต้องกลับไปอ่านซ้ำรอบสอง
สงสัยเดียวต้องกลับไปอ่านซ้ำรอบสอง
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 8
เคยอ่านจบไปแล้วครับ แทบอ้วกครับ อ่านยากจริงๆ
ประโยคซ้อนประโยคซับซ้อนซ่อนเงื่อน... จนผมรู้สึกว่า
ฟิลิป ฟิชเชอร์ เค้าเป็นคนละเอียด แล้วก็คิดมากจริงๆ
แล้วที่สำคัญคือ มีแต่ตัวหนังสือล้วนๆ ไม่ค่อยมีภาพประกอบเลย...
ประโยคซ้อนประโยคซับซ้อนซ่อนเงื่อน... จนผมรู้สึกว่า
ฟิลิป ฟิชเชอร์ เค้าเป็นคนละเอียด แล้วก็คิดมากจริงๆ
แล้วที่สำคัญคือ มีแต่ตัวหนังสือล้วนๆ ไม่ค่อยมีภาพประกอบเลย...
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
เป็นเหมือนกันคับ ผมยังอ่านไม่จบเหมือนกันคับ
โพสต์ที่ 12
เป็นเหมือนกันคับ ผมยังอ่านไม่จบเหมือนกันคับ
แต่ผมว่าจำเป็นต้องอ่านมังคับ อิอิอิ
แต่ผมว่าจำเป็นต้องอ่านมังคับ อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 13
เป็นเหมือนกันค่ะ
แต่อ่านจบแล้ว ค่อยๆมานั่งทบทวน เนื้อหาดีมากเลย
เข้าใจว่า การแปลออกมาตรงๆ จะยิ่งอ่านเป็นไทยแล้วงง เพราะคิดว่า น่าจะเป็นภาษาเดิมที่ออกจะโบราณหน่อยด้วย เล่มนี้คนแต่งไม่แน่ใจแกเป็นคนรุ่นไหน แต่รู้สึกว่าจะนานมากแล้ว
ก็คงเหมือนอ่านหนังสือย้อนยุค แม้จะเป็นภาษาไทยเราเอง ให้ย้อนหลังไปซัก 5-60 ปี ก็เริ่มต้องอ่านแบบแปลในใจเป็นภาษาปัจจุบันอีกที
:lol:
แต่อ่านจบแล้ว ค่อยๆมานั่งทบทวน เนื้อหาดีมากเลย
เข้าใจว่า การแปลออกมาตรงๆ จะยิ่งอ่านเป็นไทยแล้วงง เพราะคิดว่า น่าจะเป็นภาษาเดิมที่ออกจะโบราณหน่อยด้วย เล่มนี้คนแต่งไม่แน่ใจแกเป็นคนรุ่นไหน แต่รู้สึกว่าจะนานมากแล้ว
ก็คงเหมือนอ่านหนังสือย้อนยุค แม้จะเป็นภาษาไทยเราเอง ให้ย้อนหลังไปซัก 5-60 ปี ก็เริ่มต้องอ่านแบบแปลในใจเป็นภาษาปัจจุบันอีกที
:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1487
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 14
Common Stock พิมพ์ครั้งแรกปี 1958 นับถึงวันนี้ก็ 51 ปีมาแล้วครับ007-s เขียน:เป็นเหมือนกันค่ะ
แต่อ่านจบแล้ว ค่อยๆมานั่งทบทวน เนื้อหาดีมากเลย
เข้าใจว่า การแปลออกมาตรงๆ จะยิ่งอ่านเป็นไทยแล้วงง เพราะคิดว่า น่าจะเป็นภาษาเดิมที่ออกจะโบราณหน่อยด้วย เล่มนี้คนแต่งไม่แน่ใจแกเป็นคนรุ่นไหน แต่รู้สึกว่าจะนานมากแล้ว
ก็คงเหมือนอ่านหนังสือย้อนยุค แม้จะเป็นภาษาไทยเราเอง ให้ย้อนหลังไปซัก 5-60 ปี ก็เริ่มต้องอ่านแบบแปลในใจเป็นภาษาปัจจุบันอีกที
:lol:

-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 15
เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งเลยครับ ค่อย ๆ อ่านครับ ตอนผมอ่านเมื่อสามปีก่อนแทบวางไม่ลงเลยครับ
In search of super stocks
-
- Verified User
- โพสต์: 347
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 16
เล่มนี้ถือว่าเป็นหนังสือเล่มโปรดของผมเลยครับ อ่านรอบแรกกว่าจะจบแทบจะสำลักแถมไม่ค่อยจะรู้เรื่องซักเท่าไหร่ ตอนนี้ก็กลับมาอ่านอีกรอบหลังจากที่ลองเก็บประสบการณ์ลงทุนไปศึกษาไปด้วยตลาดตอนที่เริ่มลงทุนจนถึงทุกวันนี้ช่างโหดร้าย :lol: อ่านรอบที่สองนี้เหมือนมันชัดเจนขึ้นเข้าใจเพิ่มขึ้น พอร์ทของผมมูลค่าตลาดลดลงเยอะแต่ผมยังคงซื้อสุทธิ :8)
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Common Stock and Uncommon Profit
โพสต์ที่ 18
ผมกำลังอ่านบท "มิติแรกของการลงทุน แบบอนุรักษ์นิยม- ความเหนือกว่าในการผลิต,การตลาด, การวิจัย และ ทักษะทางการเงิน"
และ อุตสาหกรรมเดียวกัน
กำลังแข่งขัน แย่งตลาด(อันซบเซา)ในขณะนี้
แม้ว่าขาดทุนก็ยอม เพื่อรักษาสภาพคล่อง
ใครคือผู้นำด้านต้นทุนตัวจริง
:D
จากตัวอย่างนี้ ทำให้ผมนึกถึงหลายบริษัทที่อยู่ในธุรกิจผมชอบตรงการยกตัวอย่างการได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
ตลาดปกติ ราคาขาย 10 เซ็นต์
บริษัท A ต้นทุน 6 เซ็นต์ กำไร 4 เซ็นต์
บริษัท B ต้นทุน 9 เซ็นต์ กำไร 1 เซ็นต์
ตลาดดีชั่วคราว ดีมานด์เพิ่มราคาขาย 12 เซ็นต์
บริษัท A ต้นทุน 6 เซ็นต์ กำไร 6 เซ็นต์ กำไรเพิ่ม 50%
บริษัท B ต้นทุน 9 เซ็นต์ กำไร 3 เซ็นต์ กำไรเพิ่ม 300%
นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมในระยะสั้น บริษัทที่มีต้นทุนสูงกว่า
(บริษัท B)บางครั้งหุ้นขึ้นมากกว่าในช่วงบูม
ต่อมาตลาดตกต่ำ ราคาขาย 8 เซ็นต์
บริษัท A ต้นทุน 6 เซ็นต์ กำไร 2 เซ็นต์
บริษัท B ต้นทุน 9 เซ็นต์ ขาดทุน 1 เซ็นต์
นี่คือบทพิสุทธ์ บริษัทที่ต้นทุนสูงกว่า ไม่ได้ถึงกับล้มละลาย หายจาก
แต่ก็คงสร้างกลุ่มนักลงทุนที่เจ็บตัวอย่างหนัก กลุ่มใหญ่ อีกกลุ่มหนึ่ง
(บางทีนักเก็งกำไร นึกว่าตัวเองคือนักลงทุน)
และ อุตสาหกรรมเดียวกัน
กำลังแข่งขัน แย่งตลาด(อันซบเซา)ในขณะนี้
แม้ว่าขาดทุนก็ยอม เพื่อรักษาสภาพคล่อง
ใครคือผู้นำด้านต้นทุนตัวจริง

"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"