Value Way ฉบับวันที่ 16 มีนาคม 2552
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
จอร์จ โซรอส.สารภาพ
จอร์จ โซรอสทำนายการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอเมริกาไว้ล่วงหน้า เขาเขียนหนังสือออกมาหนึ่งเล่มเมื่อเดือนมกราคม 2008 ชื่อ ยุคใหม่ของตลาดการเงิน (The New Paradigm for Financial Markets) กล่าวถึงสาเหตุของวิกฤติการเงินที่จะเกิดขึ้นและจะสามารถนำทฤษฏีของเขามาอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้อย่างไร และแล้วถึงวันนี้ตลาดหุ้นและโลกการเงินได้พิสูจน์แล้วว่าโซรอสพูดถูก
ถึงแม้เขาจะพยากรณ์การเกิดวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ได้ แต่ในเรื่องของการลงทุน กว่าที่โซรอสจะฝ่าพิษวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เรามาดูกันว่าปีที่ผ่านมาเขาลงทุนในอะไรบ้าง และแต่ละอย่างนั้นให้ผลตอบแทนแก่เขาอย่างไร
โซรอสกล่าวว่าถึงแม้เขาจะตั้งรับวิกฤติการเงินครั้งนี้เป็นอย่างดี แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาขาดทุนมหาศาลก็คือ การที่ตลาดการเงินในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนาไม่ได้แยกออกจากกันอย่างชัดเจน (Decoupling)
ตลาดหุ้นในอินเดียและจีนต่างได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดหุ้นในอเมริกาและยุโรปเสียอีก ที่สำคัญเขาไม่ได้ลดการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียเลย ทำให้ปีที่ผ่านมาเขาขาดทุนในอินเดียมากกว่ากำไรที่เคยได้ในปีก่อนหน้านี้ สำหรับการลงทุนในจีน โชคดีที่ผู้จัดการประจำเมืองจีนของเขาทำได้ดีในการเลือกหุ้น รวมทั้งการแข็งค่าของค่าเงินหยวนช่วยให้เขาเอาตัวรอดจากการลงทุนในจีนไปได้
การขาดทุนจากอินเดียและผลขาดทุนจากผู้จัดการกองทุนทำให้เขาต้องใช้การลงทุนแบบมาโคร (Macro Account) เป็นตัวช่วย ซึ่งเกิดผลเสียอย่างหนึ่งคือเขาเทรดมากเกินไป พอร์ตการลงทุนของเขามีขนาดใหญ่มากสำหรับตลาดในช่วงเวลานั้น ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยง เขาจึงไม่สามารถสวนตลาดมากๆได้ ทำให้เขาต้องคอยจับจังหวะทีละนิดละหน่อยแทน
โซรอสบอกว่าการเทรดเช่นนี้ทำให้เกิดความลำบากในการช๊อตหรือยืมหุ้นมาขาย (Short Position) ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์มากในการช็อตหุ้น แต่เขาก็ต้องยอมขาดทุนหลายๆครั้ง รวมทั้งตกขบวนรถในช่วงที่ตลาดตกต่ำมากที่สุดในช่วงตลุาคมและพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา
ขณะที่พอร์ตถือหุ้นของเขา (Long Position) เขาไม่ได้ลดจำนวนหุ้นลงทำให้ขาดทุนอย่างมหาศาล เขาบอกว่าเขาซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัทผลิตน้ำมันในบราซิลเพราะเชื่อมั่นในการค้นพบหลุมน้ำมันขนาดใหญ่นอกชายฝั่ง หลังจากนั้นราคาหุ้นบริษัทนี้ได้ลดลงถึง 75 เปอร์เซนต์ นอกเหนือจากนั้นเขายังขาดทุนจากการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในตะวันออกกลางอีกด้วย
โชคยังดีที่เขาขายหุ้นบริษัทเหมืองแร่ในบราซิลออกไปก่อนที่ราคาสินค้าโภคภัณท์จะตกลง รวมทั้งยืมหุ้นบริษัทเหล็กมาขายทำกำไรได้ ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็พลาดโอกาสที่จะลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง เพราะประสบการณ์สอนเขาว่ามันยากที่จะซื้อขายในตลาดนี้
นอกจากนี้เขายังยอมรับว่าขาดทุนกำไรกับค่าเงินดอลล่าร์เพราะเขาปิดสถานะพอร์ตเงินดอลล่าร์ก่อนที่ดอลล่าร์จะแข็งค่าขึ้นอย่างมาก เขาทำกำไรได้ในการลงทุนในประเทศอังกฤษ เพราะคาดว่าดอกเบี้ยระยะสั้นจะลดลงรวมทั้งทำกำไรจากการขายช๊อตเงินยูโร เขายังทำกำไรจากตลาดเครดิตในช่วงที่ตลาดเงินกำลังล่มสลาย ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเขาคาดว่าเงินดอลล่าร์จะอ่อนค่าลง ทำให้เขาทำกำไรได้จากการขายช๊อตเงินดอลล่าร์ การลงทุนในดอลล่าร์ครั้งนี้ทำให้้ผลตอบแทนในปี 2008 กลับมาเป็นบวกที่ 10% หลังจากที่ขาดทุนมาตลอดหลายเดือนในช่วงที่ผ่านมา
จะเห็นว่าแม้แต่นักลงทุนระดับโลกอย่างจอร์จ โซรอส งแม้เขาจะทำนายการเกิดของวิกฤตินี้ได้ล่วงหน้า แต่ยังเกือบเอาตัวเองไม่รอดจากผลกระทบจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ครั้งนี้ ถือว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีปราบเซียนอย่างแท้จริง
จอร์จ โซรอส สารภาพ : Value Way วิบูลย์ พึงประเสริฐ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
จอร์จ โซรอส สารภาพ : Value Way วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 1
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"