หุ้นที่มี business model เจ๋งที่สุด มีอะไรบ้างคับ

[วิศรุต]

ถามพี่ๆว่ามีหุ้นที่มี business model ที่ดีเยี่ยม ถ้าบอกเหตุผลมาด้วยก็ดี

จะขอเอาไปศึกษาคับ ขอบคุณล่วงหน้า

[jung_oh]

ดูแค่เรื่อง Bizmodel ผมว่า CPALL

[hagrid]

ผมก็ยกให้ CPALL ของ ดร.นิเวศม์

ตอนผมลงทุน บริษัท ฟาร์มเฮาส์ (หลายปีก่อน) ผมก็คิดว่าบริษัทไร้คู่แข่ง

ตอนนั้นคุยกับพนักงานขายของการ์ดิเนียร์ พนักงานยอมรับว่าสู้ฟาร์มเฮาส์

ไม่ได้จริงๆ แต่ไม่นานพอ ซีพีแรม(บริษัทลูก CPALL) มาเอาจริงเอาจังกับการ

ขายขนมปัง ไม่นานฟาร์มเฮาส์ผมก็เจอคู่แข่งที่น่ากลัว  ต่อมาผมลงทุน

บริษัท ร้านซีเอ็ด ตอนนั้นก็คิดว่าบริษัทไร้คู่แข่งอีก ไม่นานพอ Book smile

มาเปิดในเซเว่น ก็พบว่า กว่า ซีเอ็ด จะขยายสาขามาได้ขนาดนี้ใช้เวลาหลาย

ปี แต่ Book Smile ใช้เวลาไม่นาน ก็มีสาขาแซง ซีเอ็ดไปแล้ว

นี่ยังไม่รวมธุรกิจอื่นๆ ที่โดดเด่น เช่น เคาเตอร์เซอร์วิส สถาบันปัญญาภิวัฒน์

และธุรกิจใหม่ คือร้านขายยา ซึ่งทำให้เหล่าเภสัชกรที่เปิดร้านขายยา หนาวๆ

ร้อนๆ อยู่ในขณะนี้ เพราะการเริ่มต้นเปิดร้านขายยา โดยการเรียกบริษัทยามา

ตกลงค่าวางยาบนชั้นในร้านยาว่าแต่ละบริษัทจะจ่ายเท่าไร แค่นี้ก็รับประกัน

ว่าธุรกิจร้านขายยา ก็น่าจะรุ่งไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ

สรุปคือ  ขนาดไม่ได้พูดถึงธุรกิจหลัก ยังมี Model ธุรกิจที่ดีเยี่ยมขนาดนี้

และมีโอกาสขยายธุรกิจอื่นๆ ออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ยังไงข้อเสียสำคัญของบริษัทก็คงอยู่ตรงผู้ถือหุ้นใหญ่ มักมีอะไรๆ มีให้

แปลกใจเสมอ วันดีคืนดีผมว่าอาจเอา True มารวมกับ CPALL ก็ได้(ผมพูด

เล่นนะครับ)

[jung_oh]

วันดีคืนดีผมว่าอาจเอา True มารวมกับ CPALL ก็ได้(ผมพูด

เล่นนะครับ)

555

[charnengi]

มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศมันดีอย่างนี้เอง

คุณ hagrid พูดได้น่าสนใจครับ
กำไร CPALL 3Q = 2792 m
กำไร PB       3Q = 267 m
กำไร SE-ED  3Q = 156 รวมกันแค่ 423 m

รอดู q4 ครับ CPALL ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนโลตัสที่จีนแล้ว จะกระฉูดมั้ย

ผมว่าอย่าเอาทรู มารวมจะดีกว่า เด๋วต้องมาตัดแบบโลตัสอีก

ปล ไม่มีหุ้น CPALL

[pongo]

วันดีคืนดีผมว่าอาจเอา True มารวมกับ CPALL ก็ได้(ผมพูด
เล่นนะครับ)

 :vm:  :vm:

[กระโจมไฟ]

วันดีคืนดีผมว่าอาจเอา True มารวมกับ CPALL ก็ได้(ผมพูดเล่นนะครับ)

         :\/:  :\/:

[dino]

[sorawut]

บริษัท ร้านซีเอ็ด ตอนนั้นก็คิดว่าบริษัทไร้คู่แข่งอีก ไม่นานพอ Book smile

มาเปิดในเซเว่น ก็พบว่า กว่า ซีเอ็ด จะขยายสาขามาได้ขนาดนี้ใช้เวลาหลาย

ปี แต่ Book Smile ใช้เวลาไม่นาน ก็มีสาขาแซง ซีเอ็ดไปแล้ว

ส่วนตัวคิดว่าลูกค้าคนละกลุ่ม คนละอารมณ์(ในการซื้อ)เลยครับ

คนที่จะหนาวน่าจะเป็นแผงหนังสือแถวบ้านผม โชว์ห่วยแหลกลาญตามเคย

[miracle]

ยอมรับว่า Biz Model ดี
แต่ว่า ผู้บริหารดีด้วยหรือไม่
วันดีคืนดี ประกาศเลิกดีล เดี๋ยวก็สะดุ้งกันหมด

[sai]

ขอถามพี่พี่หน่อยครับ ทำไมหลายหลายคนไม่ค่อยชอบเจ้าสัวอ่ะครับ ผมรื้อหาประวัติเก่าเก่า ก็ไม่ได้มีข่าวอะไรที่ไม่ดีมากมาก จะมีก็แต่น้องสาวที่ทำงานเครือซีพี เค้าว่าเถ้าแก่เคี่ยวมาก โรงแรมอื่นโอเปอร์เรเตอร์มี 2 คนต่อกะ ที่โรงแรมที่น้องสาวผมทำ (เครือ ซีพี ) ให้ทำกะละคน เวลาไปห้องน้ำมีปัญหามากมาก นี่ยังไม่รวมเวลาลากิจลาป่วยนะครับ  :lol:

[drypoint]

ดูง่ายๆแค่เรื่องโลตัสนี่ก็เห็นเรื่องความเขี้ยวของเจ้าสัวแล้วนะครับ

[Hazelnut]

ดูง่ายๆแค่เรื่องโลตัสนี่ก็เห็นเรื่องความเขี้ยวของเจ้าสัวแล้วนะครับ

เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ

[kornjackrit]

ส่วนตัวคิดว่าลูกค้าคนละกลุ่ม คนละอารมณ์(ในการซื้อ)เลยครับ

เห็นด้่วยกับพี่ sorawut บางส่วนครับ
ผมมองว่า SE-ED ที่เป็นแผงหนังสือก็อารมณ์เดียวกับ Book Smile
ของ CPALL นะครับ  ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะแย่งลูกค้ากันมากกว่า

ผมคิดว่า Brand SE-ED ไม่ได้ผูกขาดชนิดที่ว่าลูกค้าต้องเข้า SE-ED
ไม่เข้า Book Smile ในแง่ความสะดวก Book Smile ของ CPALL
ก็ดูจะได้เปรียบกว่าเพราะมีจำนวนสาขาเยอะ ตามจำนวนร้าน Se7en

จะมีเหตุผลไม่กี่อย่างที่จะเลือกเข้า SE-ED ที่เป็นแฝงหนังสือ
ซึ่งเหตุผลที่ว่าก็คือ ถ้าผมเป็นสมาิชิก หรือมีบัตรลด
ของร้าน SE-ED ( ในกรณีนี้ต้องสะดวกด้วยนะครับ ถ้าไม่สะดวก
ผมเชื่อว่าผู้บริโภคคงไม่เดินทางไปซื้อที่ SE-ED ถ้าราคาต่างกันไม่มาก
ซึ่งก็ก้คงจะไม่มากจริงๆ เพราะหนังสือราคา 1 เล่มไม่ได้แพงมาก
ค่าเดินทางไป-กลับคงจะไม่คุ้ม และที่สำคัญแฝงขายหนังสือ
ก็มักจะขายพวกนิตยสารเป็นส่วนมากซึ่งดูแล้ว
ผมว่าราคาแทบไม่แตกต่างกันเลย )

แน่นอนในส่วนของร้านใหญ่ Book Smile ของ CPALL สู้ไม่ได้แน่นอนครับ
เพราะพื้นที่ในการวางสินค้าต่างกันเยอะ อารมณ์ที่ซื้อก็ต่างกัน
(ตรงนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ)

[Coca-Cola]

ก็มีทั้งแง่บวก แง่ลบ และครับ
ส่วนตัวผมเคยอยู่ในองค์กรนี้มาก่อน ก็รู้เห็นหลายอย่าง ถ้ามีโอกาสพูดปากเปล่า ก็อยากเล่าให้ฟัง แต่ให้มาพิมพ์ตรงนี้ เด๋วจะตะลึงจนหนาว อาจจะไม่อยากจับหุ้นไว้ก็ได้ ธรรมาภิบาล--อธรรมารภิบาล ...   55555  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ  :8)  :8)

[sorawut]

เห็นด้่วยกับพี่ sorawut บางส่วนครับ
ผมมองว่า SE-ED ที่เป็นแผงหนังสือก็อารมณ์เดียวกับ Book Smile
ของ CPALL นะครับ  ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะแย่งลูกค้ากันมากกว่า

ผมก็ไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้ SE-ED มีลูกค้าที่มาซื้อหนังสือที่แผงหนังสือเป็นประจำหรือเปล่า

ผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้าโดยไม่ได้เจตนามากกว่า เดินๆตามห้างแล้วเกิด(อารมณ์)อยากจะหาอะไรอ่านขึ้นมา :lol:

ส่วนลูกค้าประจำน่าจะซื้อที่แผงหนังสือแถวๆบ้าน ซึ่งจะเจอแผงหนังสือใน 7-11 ตีจนกระจุย

เพราะยืนอ่านใน 7-11 ไม่ต้องเจอรังสีอำมหิตของคนขายหนังสือ และที่สำคัญ เย็นกว่าครับ :lol:

[sorawut]

ก็มีทั้งแง่บวก แง่ลบ และครับ
ส่วนตัวผมเคยอยู่ในองค์กรนี้มาก่อน ก็รู้เห็นหลายอย่าง ถ้ามีโอกาสพูดปากเปล่า ก็อยากเล่าให้ฟัง แต่ให้มาพิมพ์ตรงนี้ เด๋วจะตะลึงจนหนาว อาจจะไม่อยากจับหุ้นไว้ก็ได้ ธรรมาภิบาล--อธรรมารภิบาล ...   55555  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ  :8)  :8)

จิบเบียร์คราวนี้เจอกันนะครับ อยากรู้ๆ :lol:

[drypoint]

ในสมัยปลายราชวงศ์เจี่ย    มีคหบดีใหญ่ที่ร่ำรวยมากนามว่า  “ สุมาเต๊กไต๋ ”   มีลูกชายหลายคน ทุกคนล้วนขยันขันแข็ง  ช่วยกันทำการค้าเจริญรุ่งเรืองจนมีกำไรมหาศาล
สาเหตุที่ลูกๆทุกคนประสบความสำเร็จนั้น    เนื่องจาก “ สุมาเต๊กไต๋ ”  เป็นคนออกหน้าและออกทุนรอนในการเริ่มต้นกิจการให้ก่อน    จากนั้นจึงระดมทุนที่เหลือจากชาวบ้านทั่วไป   ทำให้กิจการของลูกๆ “ สุมาเต๊กไต๋ ” ทุกคน   ต่างประสบความสำเร็จก้าวหน้ากว่ากิจการของตระกูลอื่นอย่างรวดเร็ว
ลูกชายคนที่ 7  กับลูกชายคนที่  11  ของ “ สุมาเต๊กไต๋ ”   มีนิสัยชอบแต่งตัวทันสมัย   ทำอะไรค่อนข้างรีบและรวดเร็ว    “ สุมาเต๊กไต๋ ”  เลยให้ไปทำกิจการขายสินค้าสะดวกจ่าย   โดยตั้งชื่อร้านว่า “ 7 + 11 ”  โดยนโยบายของร้านก็คือ   เปิดร้านให้ลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน

โดยสั่งสินค้าที่เห็นว่ากำลังเป็นที่นิยมของชาวบ้านมาจำหน่ายเป็นจำนวน มาก    โดยขายเป็นเงินสด งดเชื่อ    แล้วค่อยๆทะยอยคืนเจ้าหนี้การค้าเป็นงวดๆ    เข้าทำนอง  เอาเงินสดมาหมุนก่อนค่อยจ่ายคืนช้าๆทีหลัง    จึงทำให้ร้าน “ 7 + 11 ”  ไม่มีหนี้สิน   มีแต่เงินสดอยู่เต็มกระเป๋า   จนกิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วทั้งตลาด    เป็นที่หมายปองของเหล่าสาวและไม่สาวตลอดจนหนุ่มๆที่อยากรวยทางลัดรวดเร็ว ทั้งหลาย    จ้องมองหนุ่มน้อยทั้ง 2 กันตาเป็นมัน
อยู่มาวันหนึ่ง  เพื่อนของ “ สุมาเต๊กไต๋ ” มาจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน     มาชวนให้เข้าร่วมเปิดร้านขายของชำขนาดใหญ่หรูหราแบบทันสมัย     ซึ่งต้องใช้ทุนเป็นจำนวนมาก   แต่สิ่งที่ “ สุมาเต๊กไต๋ ”  คิดไม่ตกอย่างหนักก็คือ   การร่วมทำธุรกิจในครั้งนี้    คู่แข็งล้วนแต่มีทุนมากกว่าอีกทั้งใช้วิธีการขายที่เข้มแข็งกว่า   ยากที่จะได้กำไรคืนทุนภายใน 5 ปีเป็นแน่
 
กอรปกับที่เมืองจีนยังปกครองแบบสังคมนิยม    ไม่อนุญาตให้ประชาชนเป็นเจ้าของที่ดิน    จึงทำให้ ” สุมาเต๊กไต๋ ” คิดมากจนนอนไม่หลับอยู่หลายคืน     แต่ด้วยสายตาที่ยาวไกล    และความที่เป็นคนกล้าได้แต่ไม่ยอมเสีย    จึงตัดสินใจร่วมลงทุนกับเพื่อนที่เซี่ยงไฮ้ทันที      โดยออกคำสั่งให้ อา 7  กับ อา 11  เอาร้าน “ 7 + 11 ” ออกหน้าลงทุน   โดยใช้เงินสดที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือของร้าน   เปิดร้านขายของชำหรูหราทันสมัยที่เซี่ยงไฮ้      โดยใช้ชื่อร้านใหม่ว่า  “ ดอกบัวเซี่ยงไฮ้ขนาดใหญ่ ”
 
กิจการที่เซี่ยงไฮ้เป็นไปตามที่ “ สุมาเต๊กไต๋ ” คาดไว้ไม่มีผิด    คู่แข่งที่ร่ำรวยกว่ามากหน้าหลายตา  ทำให้ร้าน  “ ดอกบัวเซี่ยงไฮ้ฯ ”  ขาดทุนมหาศาล    จนดึงให้กำไรของร้าน “ 7 + 11 ”  ลดลงอย่างน่าใจหาย   เหลือกำไรเพียงปีละไม่กี่อีแปะ     สร้างความอึดอัดใจแก่บรรดาชาวบ้านที่ร่วมทุนของ ร้าน “ 7 + 11 ” เป็นอย่างยิ่ง  ต่างบ่นกันเป็นแถว   แต่ด้วยเงินส่วนแบ่งกำไรที่เจียดให้ปีละไม่กี่อีแปะ   จึงทำให้เสียงบ่นเบาบางน้อยลง  แม้จะไม่พอใจก็ตาม
เหตุการณ์เป็นอยู่อย่างนี้หลายปี    จนชาวบ้านที่ร่วมทุนบางคนเห็นว่า  หากตนเอาเงินไปทำธุรกิจอย่างอื่นน่าจะได้กำไรดีกว่าที่จะร่วมทุนกับร้าน “ 7 + 11 ”  อีกต่อไป    จึงค่อยๆทยอยถอนทุนออกไป  จนทำให้ความนิยมของร้านตกต่ำลงเรื่อยๆ
           
       
และแล้ว  วันหนึ่ง   ชาวบ้านในตลาดได้ยินข่าวกระซิบมาว่า   ทางการประเทศจีน  ได้ออกกฏหมายอนุญาตให้ชาวบ้านทั่วไปเป็นเจ้าของที่ดินได้     และด้วยข่าวนี้นี่เอง   ทำให้เกิดอีกข่าวต่อเนื่องมาว่า   มีนายฝรั่งอาชีพนายหน้าที่ดิน  มาติดต่อขอเซ้งร้าน “ ดอกบัวเซี่ยงไฮ้ ฯ ”  เพื่อนำมาปล่อยเช่าอีกต่อหนึ่ง   ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็คาดเดาว่า    หากข่าวนี้เป็นจริง  ต่อไปร้าน “ 7 + 11 ” ที่พวกเขาร่วมทุนอยู่ด้วย   คงไม่ต้องแบกขาดทุนของร้าน “ ดอกบัวเซี่ยงไฮ้ฯ ” อีกต่อไป  และคงได้เงินค่าเซ้งก้อนโตเก็บเข้ากระเป๋าเป็นแน่    จึงทำให้ความนิยมของร้าน “ 7 + 11 ” กลับมาเป็นที่นิยมอย่างมากมายล้นหลามอีกครั้ง     สูงจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วันต่อมา   มีข่าวประกาศจาก “ สุมาเต๊กไต๋ ”  ติดหราอยู่หน้าตลาดแผ่นใหญ่ใจความว่า
“ ข้าฯ  ในนามของ  “ สุมาเต็กไต๋ ”  กับ ตระกูล  ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า   เนื่องจาก ร้าน“ ดอกบัวเซี่ยงไฮ้ฯ ” ประสบกับการขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี          มาบัดนี้  ข้าฯเล็งเห็นแล้วว่า  ในฐานะที่ข้าฯ เป็นผู้ใหญ่  หัวหน้าของตระกูล  ขอรับผิดชอบ   โดยการขอรับซื้อกิจการทั้งหมดของร้าน “ ดอกบัวเซี่ยงไฮ้ฯ ” คืนจากเจ้าของเดิม  พร้อมทั้งหนี้สินทั้งหมด  ด้วยตั๋วแลกเงิน ซึ่งรับประกันโดยตระกูลของข้าฯ    โดยตีมูลค่าให้ทั้งสิ้น  3,900  ล้านตำลึง    จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน  ”
ชาวบ้านโดยทั่วไปต่างดีใจที่ร้าน “ 7 + 11 ”  ไม่ต้องแบกขาดทุนอีกต่อไป  พร้อมกับสรรเสริญในความมีน้ำใจของเศรษฐี “ สุมาเต๊กไต๋ ” อย่างเซ็งแซ่ มีเพียงชาวบ้านบางคน   ที่เคยค้าขายต่างถิ่นมาก่อนไม่เห็นด้วย   พร้อมกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียดเสียงดังว่า
“  เจ้าสัวทำงี้ได้ไง   ทีขาดทุนก็โยนให้พวกเราชาวบ้านรับกรรมมาหลายปี     ทีจะมีคนเอาเงินก้อนใหญ่มหาศาลเป็นหมื่นล้านตำลึงทองมาเซ้งร้าน   กลับรีบซื้อร้านคืนเป็นของตัวเอง     เพื่อเอาเงินค่าเซ้งเข้ากระเป๋าเอง   อย่างงี้เอาเปรียบพวกเราชัดๆนี่หว่า..“
ในบรรดาคนที่ยืนอ่านประกาศอยู่นั้น    มีชายสูงอายุ   ผมและหนวดเคราสีดอกเลา  สวมหมวกปีกกว้างคลุมปกปิดใบหน้าอันเหี่ยวย่น     ที่กรำแดดมาหลายปีปะปนอยู่ด้วย    ยืนอ่านอย่างสงบ  แล้วหลบกายถอยจากไปท่ามกลางเสียงสรรเสริญและดีใจของผู้คนชาวบ้านที่แออัด ยัดเยียด
ก่อนที่ชายนิรนามจะสาวเท้าจ้ำเดินจากไปอย่างเร่งรีบ       มีเสียงรำพึงที่สั่นระรัวปนหวาดกลัวเล็ดรอดออกจากปากของชายนิรนามอย่างแผ่ว เบา

“  สุมาเต๊กไต๋  ผู้นี้  ใช้เคล็ดสุดยอดวิชา  “ ลอกเนื้อ มังกร ” ได้แนบเนียนล้ำเลิศเหนือมนุษย์ธรรมดาจริงๆ    ช่างอำมหิตยิ่งนัก ”  

อันนี้สำหรับเรื่องโลตัสที่จีนนะครับ  

ส่วนเรื่องse-edกับbook smileผมว่าคนละกลุ่มลูกค้าครับเพียงแต่มีสินค้าบางอย่างซ้ำกันลูกค้าิบุ๊คสไมล์ส่วนใหญ่เป็นนิตยสารครับลูกค้าซีเอ็ดนี่เป็นหนังสือวิชาการกับพ็อคเก็ตบุ๊ค  นิตยสารนี่ซื้อร้านที่ใกล้ตัวอยู่แล้วครับซึ่งจริงๆแล้วผมก็ไม่เห็นว่าแย่งลูกค้ากันนะครับ  สมมุติว่าผมจะซื้อa dayแล้วตอนนั้นผมอยู่บ้านผมก็คงซื้อที่เซเว่น แต่ถ้าเดินห้างอยู่แล้วอยากอ่านa dayผมก็เิดินไปซื้อที่se-edคงไม่กลับบ้านก่อนแล้วค่อยซื้อ แต่ที่แน่ๆคือถ้าผมจะซื้อหนังสือการลงทุน หรือนิยายที่ไม่ใช่นิยายเกาหลีแบบเด็กมัธยมชอบอ่านที่วางขายที่เซเว่นผมต้องไปซื้อที่ซีเอ็ดครับ  ซึุ่่งผมไม่คิดว่าเซเว่นจะสามารถเอาหนังสือแบบซีเอ็ดมาวางขายตามสาขาต่างๆได้ง่ายๆเพราะดอกหญ้าก็ทำให้เห็นแล้วว่าร้านหนังสือตึกแถวมันโตไม่ได้ทุกสาขา ผมจึงไม่ห่วงซีเอ็ดมากนักในเรื่องนี้  แต่ถ้าเซเว่นมีระบบจัดซื้อหนังสือออนไลน์แล้วส่งไปให้คนสั่งซื้อที่สาขาใกล้บ้านแบบที่ซีเอ็ดทำอยู่ซีเอ็ดก็อาจตายได้เหมือนกัน  แต่ที่ผมอยากเห็นก็คือ2ที่เป็นพันธมิตรกัน สั่งหนังสือซีเอ็ดแล้วไปส่งที่เซเว่นใกล้บ้านแต่ไม่รู้จะเป็นไปได้หรือเปล่า

[ปรัชญา]

เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ

แอบนินทา  ดีไหมเอ่ย
ถ้าถอยหลังไปเมื่อ15ปีก่อนโน้น

บริษัทในเครือ
นักลงทุนเล่าขานต่อกันมาว่า
มีการโยนหุ้นกันในเครือ
คือถือและซื้อพร้อมขาย
อื่นๆ  ลองถามคนรุ่นเก่านักลงทุนที่ผ่านมา15-20ปีที่แล้วดูครับ
ว่าเคยถูกดองหุ้นมั๊ย  โยกอะไรทางตัวเลขมั๊ย
พอซื้อหุ้นตก  
พอถือหุ้นนอนแน่นิ่ง
พอขายหุ้นมันวิ่ง

[i_sarut]

เล่าให้เด็กๆฟังหน่อยสิครับ 15 ปีก่อนผมยังไม่รู้เรื่อง :lol:

[kornjackrit]

อยากทราบข้อเสีย หรือ ข้อด้อย
โดยเฉพาะด้านธรรมาภิบาลของ CPALL เช่นกันครับ

 :D

[noooon010]

Business model ที่ดีนั้น เราดูอย่างไรครับ

คำถามเช่นนี้ จริงๆแล้วเราจะนำไปพัฒนา / ศึกษาต่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรครับ

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... +model+mon

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... +model+mon

บางครั้งหุ้นที่มีความน่าสนใจ อาจไม่น่าสนใจสำหรับบางคน
หากเรายังไม่รู้จักธุรกิจนั้นดีพอ

มีหนังสอเล่มหนึ่งที่ผมว่า อ่านแล้วทำให้เราเปิดโลกทัศน์ของการศึกษา Business model analysis นะครับ


http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=30861

มีใครค้นกระทู้ ว่าด้วยเรื่อง five force model เจอไหมครับ
ผมพยายามขุดหา แต่หาไม่พบครับ
ผมว่ากระทู้นั้นให้อะไรมากมายเกี่ยวกับการศึกษา business model นะครับ

มีความสุขกับการลงทุนหุ้นคุณค่านะครับผม

[little wing]

กระทู้นี้รึปล่าวครับ เห็นด้วยว่าเป็นกระทู้ที่ดีมากๆครับคุณหมอ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=34009

[Hughes]

คู่แข่ง 7 ผมว่าเป็นพวกปั๊มน้ำมันครับ
อย่างผมนี่ไปปั๊มตลอดเพราะสะดวกดีมีที่จอดรถแถมใกล้บ้านเปิด 24 ชมอีกตะหาก
พวก 7 นี่ที่จอดรถไม่มีนะ (เว้นซะว่าไปเปิดในปั๊ม)

[kornjackrit]

คู่แข่ง 7 ผมว่าเป็นพวกปั๊มน้ำมันครับ
อย่างผมนี่ไปปั๊มตลอดเพราะสะดวกดีมีที่จอดรถแถมใกล้บ้านเปิด 24 ชม
อีกตะหาก พวก 7 นี่ที่จอดรถไม่มีนะ (เว้นซะว่าไปเปิดในปั๊ม)

เห้นด้วยนะครับถึงแม้จะเป็นคู่แข่งที่แปลกนิดนึง
"ปั๊มน้ำมัน VS ร้านสะดวกซื้อ"

แต่ผมว่าจริงๆแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่น่าจะเข้าปั๊มไปเพื่อเข้า SE7EN นะครับ
น่าจะเข้าเติมน้ำมันแล้วแวะ SE7EN มากกว่า หรือเปล่าครับ ???
ดังนั้น การมีที่จอดรถคงจะไม่น่าจะเป็นจุดที่ช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากนัก
ผมคิดว่าถ้าเราจะขับรถเพื่อไปซื้อของ น่าจะเป็นการขับไปเพื่อซื้อของ
จำนวนมาก ซึ่งน่าจะเลือกไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
มากกว่าการไป SE7EN เพราะจะได้ราคาถูก และสามารถหิ้วกลับบ้านได้ง่าย
( ใส่ท้ายรถ )

[chatchai]

บริษัทที่มี business model ที่ดี  ควรมีงบการเงินที่ดีด้วยหรือเปล่าครับ

[miracle]

[quote="chatchai"]บริษัทที่มี business model ที่ดี

[dome@perth]

Business Model ดี==> งบการเงินสะอาด==> กำไรเติบโต
==>กระแสเงินสดเยียม ==>ใช้เงินสดให้เป็นประโยชน์ต่อ ผู้ถือหุ้น สูงสด

จะพอหาเจอในตลาดหุ้นไทย ไหมเนียะ

[kornjackrit]

บริษัทที่มี business model ที่ดี  ควรมีงบการเงินที่ดีด้วยหรือเปล่าครับ

สมควรจะเป็นเช่นนั้นครับ
ถ้าธุรกิจที่ business model  ดีแต่งบการเงินไม่ดี
ก็แสดงว่าูผู้บริหารแย่แล้วครับ

แต่ผมว่าก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้น
อยู่ในช่วงไหนด้วยเช่นกัน
เติบโต หรือ อิ่มตัว
ความแข็งแกร่งของงบการเงินคงจะมีไม่เท่ากัน
ทำให้งบการเงินในช่วงเติบโตอาจจะไม่สวยหรูมากนัก

[อินทรีย์ทองแดง]

bisuness model เนี่ยมันอะไรง่ะ

แต่ชอบอยู่บริษัทนึงอ่ะ  "ฉื่อจินฮั้ว" ครับ   โปรดักส์หลักเลยก็มี หม้อ กะทะ ตราจระเข้  พูดถึงแบรนด์แล้ว แข็งโป๊กกกครับ  รู้สึกจะขยายไลน์ไปทำจักรยานตราจระเข้ด้วย   แต่ตอนที่สะดุ้งที่สุดก็คือ ตอนที่ไปยืนฉี่รดเสาไฟ แล้วเห็นตราจระเข้ พร้อมชื่อเป็นหลักฐาน ฉื่อ จิน ฮั้ว   แม่เจ้า! นี่เค้าขายหม้อยันเสากระโดงเลยหรือเนี่ย   สุดดดยอดดดด
เห็นเพื่อนบอกว่าครั้งนึงเคยทำท่าเหมือนจะเข้าตลาด  แต่สุดท้ายก็ไม่