ธรรมะ ธรรมชาติ
- Eyore
- Verified User
- โพสต์: 606
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 121
พี่ป้อม
เรื่องการ"รับรู้"อดีตที่ผ่านมาแล้ว หรืออนาคตที่ยังไม่มาด้วยญานเหมือนอ่านหนังสือนั้น ผมก็ว่าเป็นไปได้ครับ
แต่จะให้ย้อนอดีต เป็นตัวเป็นๆเจอกันเลยนี่ไม่น่าเป็นไปได้ครับ
ที่เขียนคือหมายความอย่างนี้ครับ
พี่สถาปนิกต่างดาว
เรื่อง "นะจังงัง" นี่ ผมก็เป็นครับ
ตอนเจอหลวงพ่อปราโมทย์
ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตา
หลวงพ่อมองหน้า ประมาณว่า มีอะไรก็พูดมา
คิดอะไรไม่ออกเลยครับ อึ้งนิ่งอย่างเดียว
หลวงพ่อมองหน้าเหมือนจะดูว่าเจ้าคนนี้มันเป็นยังไง
ซักพักคงเห็นว่าไม่ได้เรื่องเลย 555
ก็พอดีมีโยมอีกคนมาคุยด้วย
หลวงพ่อเลยไปคุยกับคนอื่นเลย 555
เรื่องการ"รับรู้"อดีตที่ผ่านมาแล้ว หรืออนาคตที่ยังไม่มาด้วยญานเหมือนอ่านหนังสือนั้น ผมก็ว่าเป็นไปได้ครับ
แต่จะให้ย้อนอดีต เป็นตัวเป็นๆเจอกันเลยนี่ไม่น่าเป็นไปได้ครับ
ที่เขียนคือหมายความอย่างนี้ครับ
พี่สถาปนิกต่างดาว
เรื่อง "นะจังงัง" นี่ ผมก็เป็นครับ
ตอนเจอหลวงพ่อปราโมทย์
ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตา
หลวงพ่อมองหน้า ประมาณว่า มีอะไรก็พูดมา
คิดอะไรไม่ออกเลยครับ อึ้งนิ่งอย่างเดียว
หลวงพ่อมองหน้าเหมือนจะดูว่าเจ้าคนนี้มันเป็นยังไง
ซักพักคงเห็นว่าไม่ได้เรื่องเลย 555
ก็พอดีมีโยมอีกคนมาคุยด้วย
หลวงพ่อเลยไปคุยกับคนอื่นเลย 555
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 122
จิ๊กซอว์ตัวที่ ๔
anatomy ของจิต
ผมยังสนุกต่อจิ๊กซอว์อยู่นะครับ
ไอ้เจ้าจิ๊กซอว์ ตัว จักรวาล คน หิน ดิน ควาร์ก ก็พอมองเห็นมันเลาๆอยู่
เจ้ากลุ่มพลังงานพวกนี้มันอยู่ของมันก็เป็นสุขดี
แต่พอมี จิต เข้ามาสังเกตุแล้ว
เรื่องวุ่นวายทั้งหลายก็เกิดขึ้น
ผมเลยอยากรู้ว่า
ไอ้ จิต เนี่ย รูปร่างหน้าตา มันเป็นยังไง
ทำไมมันถึงได้ทำให้เขายุ่งกันไปหมด
จากการปะ ควอนตัม ติดลูกอีช่างคิด ต่อด้วยคัมภีร์โบราณ แถมความฟุ้งซ่านของกระผม พอจะสเก็ตซ์ออกมาได้ประมาณนี้
ติ๊ดต่างอีกทีว่า เราผ่าตัดเอาเลนส์ปรมาณูมาใส่ที่ตาซึ่งสามารถซูมไปไหนต่อไหนได้
บางระดับเราจะเห็น ตัวเราเป็น เซลยั้วเยี้ยไปหมด เกิดบ้าง เหี่ยวไปบ้าง
บางระดับเราจะเห็นเป็นธาตุต่างๆ คาร์บอน อ๊อกซเจน ไฮโดรเจน เหลือบมองไปข้างๆ ไม่มีแล้วนะครับ โต๊ะ เก้าอี้ มีแต่ ธาตุอะไรต่อมิอะไรอยู่รอบๆ
เข้าไประดับอะตอมนี่ แยกแทบไม่ออกแล้วครับ ก็มันเป็นเม็ดกลมไปหมด เพียงแต่กลมหลายแบบ หลายกลม ตรงไอ้ที่เคยเป็นคนก็อาจจะดูมีคลื่นความถี่มากกว่าตรงที่เป็นโต๊ะหน่อย
เข้าไปที่ระดับควาร์กนี่ เจอปัญหาแล้วครับ
อย่างที่ อีตาชโรดิงเจอร์บอกเรื่องแมวๆ ที่ผมเคยเล่าตอนต้นแถมด้วยคุณไฮเซนเบิร์กยังบอกถึง "หลักแห่งความไม่แน่นอน" อีก หลักนี้ก็คือ เราไม่สามารถถามเจ้าควาร์กซึ่งเป็นได้ทั้งอนุภาค และ คลื่นว่า ๑ มันอยู่ที่ไหน ๒ มันมีโมเมนตั้มเท่าไร
ถ้าถามข้อหนึ่ง แสดงว่าเราตั้งใจจะให้มันเป็นอนุภาค มันจึงปรากฏกายเป็นอนุภาค ถ้าถามข้อ๒ มันก็จะกลายเป็นคลื่นไป
ตกลงมึงจะเป็นอะไรเนี่ย ต้องรอตูเข้าไปแจมใช่มะ
แล้วตูจะเอาอะไรไปดูแลเองได้ทุกตัว
และลองนึกต่อไปอีกว่า เจ้าเหล่าบรรดาควาร์กทั้งลายที่มาประชุม ปะทะ สังสรรค์ รวมกัน แลกเปลี่ยนกัน แยกจากกัน ยั้วเยี้ยกันไปหมดเนี่ย
ใครเป็นคนสั่งมันวะ ?
นักคิด นักฟิสิกส์หลายคน ยอมรับว่ามันคือ จิต คนนึงdr" deepak chopra เข้าใจว่าเป็นนักฟิสิกส์และเป็นอินเดียอาจได้อิทธิพลมาจากคัมภีร์โบราณ ฟันธงว่า มันคือ
จิตจักรวาล
มันเป็นจิตที่ไร้ขอบเขตที่ตั้ง อยู่ในดินแดนแห่งความเป็นจริงสูงสุด ในที่ๆเวลาเป็นศูนย์
แล้วจิตจักรวาลมันติดต่อ กับ จิตของเราอย่างไร
กรุณาติดตามตอนต่อไป
anatomy ของจิต
ผมยังสนุกต่อจิ๊กซอว์อยู่นะครับ
ไอ้เจ้าจิ๊กซอว์ ตัว จักรวาล คน หิน ดิน ควาร์ก ก็พอมองเห็นมันเลาๆอยู่
เจ้ากลุ่มพลังงานพวกนี้มันอยู่ของมันก็เป็นสุขดี
แต่พอมี จิต เข้ามาสังเกตุแล้ว
เรื่องวุ่นวายทั้งหลายก็เกิดขึ้น
ผมเลยอยากรู้ว่า
ไอ้ จิต เนี่ย รูปร่างหน้าตา มันเป็นยังไง
ทำไมมันถึงได้ทำให้เขายุ่งกันไปหมด
จากการปะ ควอนตัม ติดลูกอีช่างคิด ต่อด้วยคัมภีร์โบราณ แถมความฟุ้งซ่านของกระผม พอจะสเก็ตซ์ออกมาได้ประมาณนี้
ติ๊ดต่างอีกทีว่า เราผ่าตัดเอาเลนส์ปรมาณูมาใส่ที่ตาซึ่งสามารถซูมไปไหนต่อไหนได้
บางระดับเราจะเห็น ตัวเราเป็น เซลยั้วเยี้ยไปหมด เกิดบ้าง เหี่ยวไปบ้าง
บางระดับเราจะเห็นเป็นธาตุต่างๆ คาร์บอน อ๊อกซเจน ไฮโดรเจน เหลือบมองไปข้างๆ ไม่มีแล้วนะครับ โต๊ะ เก้าอี้ มีแต่ ธาตุอะไรต่อมิอะไรอยู่รอบๆ
เข้าไประดับอะตอมนี่ แยกแทบไม่ออกแล้วครับ ก็มันเป็นเม็ดกลมไปหมด เพียงแต่กลมหลายแบบ หลายกลม ตรงไอ้ที่เคยเป็นคนก็อาจจะดูมีคลื่นความถี่มากกว่าตรงที่เป็นโต๊ะหน่อย
เข้าไปที่ระดับควาร์กนี่ เจอปัญหาแล้วครับ
อย่างที่ อีตาชโรดิงเจอร์บอกเรื่องแมวๆ ที่ผมเคยเล่าตอนต้นแถมด้วยคุณไฮเซนเบิร์กยังบอกถึง "หลักแห่งความไม่แน่นอน" อีก หลักนี้ก็คือ เราไม่สามารถถามเจ้าควาร์กซึ่งเป็นได้ทั้งอนุภาค และ คลื่นว่า ๑ มันอยู่ที่ไหน ๒ มันมีโมเมนตั้มเท่าไร
ถ้าถามข้อหนึ่ง แสดงว่าเราตั้งใจจะให้มันเป็นอนุภาค มันจึงปรากฏกายเป็นอนุภาค ถ้าถามข้อ๒ มันก็จะกลายเป็นคลื่นไป
ตกลงมึงจะเป็นอะไรเนี่ย ต้องรอตูเข้าไปแจมใช่มะ
แล้วตูจะเอาอะไรไปดูแลเองได้ทุกตัว
และลองนึกต่อไปอีกว่า เจ้าเหล่าบรรดาควาร์กทั้งลายที่มาประชุม ปะทะ สังสรรค์ รวมกัน แลกเปลี่ยนกัน แยกจากกัน ยั้วเยี้ยกันไปหมดเนี่ย
ใครเป็นคนสั่งมันวะ ?
นักคิด นักฟิสิกส์หลายคน ยอมรับว่ามันคือ จิต คนนึงdr" deepak chopra เข้าใจว่าเป็นนักฟิสิกส์และเป็นอินเดียอาจได้อิทธิพลมาจากคัมภีร์โบราณ ฟันธงว่า มันคือ
จิตจักรวาล
มันเป็นจิตที่ไร้ขอบเขตที่ตั้ง อยู่ในดินแดนแห่งความเป็นจริงสูงสุด ในที่ๆเวลาเป็นศูนย์
แล้วจิตจักรวาลมันติดต่อ กับ จิตของเราอย่างไร
กรุณาติดตามตอนต่อไป
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 123
ไม่ต้องบอกก็ตามติดๆอยู่แล้วครับ
ถ้าเป็นเมื่อ6เดือนก่อน
มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
รับรองผมไม่รู้เรื่องลูกเดียวจริงๆ
ตอนนี้ผมตามรู้เรื่องได้หลายเปอร์เซนต์เชียวครับ
ใครหนอบอกผมว่า
"เมื่อศิษย์พร้อม อาจารย์จะมา"
ถ้าเป็นเมื่อ6เดือนก่อน
มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
รับรองผมไม่รู้เรื่องลูกเดียวจริงๆ
ตอนนี้ผมตามรู้เรื่องได้หลายเปอร์เซนต์เชียวครับ
ใครหนอบอกผมว่า
"เมื่อศิษย์พร้อม อาจารย์จะมา"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 124
มานั่งฟังพี่สถาปนิก import เล่าเรื่อง JIgsaw ด้วยคนครับ ไม่เหมือน Jigsaw ในหนังนะครับ :lol:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 126
สถาปนิกต่างดาว เขียน: ติ๊ดต่างอีกทีว่า เราผ่าตัดเอาเลนส์ปรมาณูมาใส่ที่ตาซึ่งสามารถซูมไปไหนต่อไหนได้
บางระดับเราจะเห็น ตัวเราเป็น เซลยั้วเยี้ยไปหมด เกิดบ้าง เหี่ยวไปบ้าง
บางระดับเราจะเห็นเป็นธาตุต่างๆ คาร์บอน อ๊อกซเจน ไฮโดรเจน เหลือบมองไปข้างๆ ไม่มีแล้วนะครับ โต๊ะ เก้าอี้ มีแต่ ธาตุอะไรต่อมิอะไรอยู่รอบๆ
เข้าไประดับอะตอมนี่ แยกแทบไม่ออกแล้วครับ ก็มันเป็นเม็ดกลมไปหมด เพียงแต่กลมหลายแบบ หลายกลม ตรงไอ้ที่เคยเป็นคนก็อาจจะดูมีคลื่นความถี่มากกว่าตรงที่เป็นโต๊ะหน่อย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 127
ตกลงแสงหยุดเวลาสถาปนิกต่างดาว เขียน: มันคือ
จิตจักรวาล
มันเป็นจิตที่ไร้ขอบเขตที่ตั้ง อยู่ในดินแดนแห่งความเป็นจริงสูงสุด ในที่ๆเวลาเป็นศูนย์
หรือเวลาหยุดแสงครับ
เวลาไม่มีอยู่จริง
หรือว่าแสงก็ไม่มีอยู่จริง
ถ้างั้นหลุมดำก็ไม่มีแสง
ถ้ามีแสงหลุมมันก็คงไม่ดำ
ขอตัวไปกินยาพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ
จิตของผมมันฟุ้งเกินไปหน่อยแล้ว...ฮ่า....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 130
การรับประทานของคุณ lukechin เป็นการเบียดเบียนตนเองครับและร่างกายของเราแท้จริงก็มิใช่ของเรา คุณสามารถเลือกรับประทานอะไรก็ตามที่คุณชอบและไม่เบียดเบียนตนเองเเต่ร่างกายไม่สามารถเลือกได้ครับ :)
ถ้าปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆด้วยความเพียรเหมือนถึงที่สุดบรรลุธรรมแล้วสิ่งที่เล้นลับและมหัศจรรย์ก็จะรู้แจ้งด้วยตนเอง
จิตของผู้ที่ฝึกตนดีแล้วคือสิ่งมหัศจรรย์
ถ้าปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆด้วยความเพียรเหมือนถึงที่สุดบรรลุธรรมแล้วสิ่งที่เล้นลับและมหัศจรรย์ก็จะรู้แจ้งด้วยตนเอง
จิตของผู้ที่ฝึกตนดีแล้วคือสิ่งมหัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 131
ชอบใจมากครับ ที่มีคนร่วมด้วยช่วย งง
คุณ ryuga นี่ผมก็แอบหลงรักมานาน
แต่อย่าตกใจ รสนิยมผมไม่ชอบเล่น ฟันดาบ
เล่นกอล์ฟ หรือ แบด นี่พอได้
ผมชอบการวิแคะครับ
ก่อนจะไป อาร์ต เอ๊ย จิตตัวแม่ ตัว ลูก
แวะข้างทางที่ แสง เวลา หลุมดำ กันก่อน
เรื่องพวกนี้ต้องแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนนะครับ
คือ ส่วนที่มะนุดมีหลักฐานยืนนอนยันได้ กับ ส่วนที่ยังเป็นแนวความคิด
เอาที่มีหลักฐานมัดตัวก่อน
เริ่มที่บิ๊กซี (ตัวนี้ผมสนใจแต่สุดท้ายได้บิ๊กเซเว่นมา เสียดายมีนิดเดียว)
บิ๊กแบงครับ
พอจุดที่ไม่ใช่จุดเลี้ยวมันบึ้มออกมา
แสงมาแล้วครับ (อันนี้เข้าใจว่าในไบเบิลก็กล่าวถึงแสงแรกอยู่เหมือนกัน)
ที่ ๑๐ ยกกำลัง -๔๓วินาที แรงโน้มถ่วงแยกตัวออกมา
ที่ ๑๐ ยกกำลัง-๓๖วินาที แรงนิวเคลียอย่างเข้ม แยกตัวออกมา
ระหว่าง๑๐ยกกำลัง -๓๒ ถึง-๑๐วิ มาแล้วครับ ทะเลแห่งควาร์ก
หลังจากนั้นมันก็เป็น โปรตอน นิวตรอน เป็นอะตอม เป็นดวงดาว เป็นกาแลคซี่ เป็นโพไซดอน
อันหลังนี่พิมพ์ตามมือ พอมีกาแลคซี่(บางแสน) มันเลยมาแบบไม่ตั้งใจ
จนถึงปัจจุบันก็ ๑๐กว่าพันล้านปี
ในระหว่างทาง ดาวมันก็มีเกิด มีดับ
ไอ้ดวงที่ที่มีความหนาแน่น มีแรงโน้มถ่วงมหาศาล มันจะทำให้บริเวณนั้นยุบเป็นหลุมลึกหาที่สุดมิได้ มันคือ black hole ตอนนี้ก็เจอเป็นร้อยๆหลุมแล้วครับ
ผมปีแรกก็เจอเลย black monday
ด้วยแรงอภิมหาโน้มถ่วง มันจึง ดูดๆๆๆๆๆๆทุกสิ่งรอบตัวมัน
ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งแสง
ส่วนเรื่อง เวลา นี่
อย่างที่รู้ นิวตันบอกว่า เวลาที่ไหนก็เท่ากัน
แต่ไอน์สไตน์คิดทฤษฎีสัมพัทธภาพขึ้น เขาเอาเวลามาเป็นมิติที่ ๔
เขาว่า เวลาและอวกาศแยกจากกันไม่ได้ เกิดศัพท์ space-time
และเวลามันก็ ไม่เท่ากันในแต่ละที่ เพราะมันมีผลมาจากไอ้แสง ซึ่งมันแปลก
มันมีความเร็วคงที่
ยิ่งมีความเร็วใกล้แสงเท่าไร เวลาก็ยิ่งหดลง
อันนี้ในไตรปิกก็ว่าไว้ว่า แต่ละภพภูมิเวลาก็ไม่เท่ากัน
มาต่อกันที่จักรวาล
ตอนนี้จักรวาลกำลังขยายตัวอยู่นะครับ ซึ่งเป็นผลจากบิ๊กแบง
ถามว่า มันจะขยายไปจนถึงไหน
อันนี้แหละ ที่เป็นส่วนของ แนวคิด หรือทฤษฎี
ยังไม่มีข้อสรุป
และมีอยู่ ๓ ทางที่ผมเคยโม้ไว้ต้งแต่ต้น
แบบแรกคือ จักรวาลแบบวัฐจักร
ก็คือ พอมันขยายตัวไปเรื่อย เกิดหลุมดำไปเรื่อยๆ อนุภาคมันเสื่อมก็ต้องตัดค่าเสื่อมไปบ้าง หมดแรงเฉื่อย มันก็อาจจะยุบรวมตัวกันใหม่ กลายป็นที่ว่าง
แล้วก็มีทฤษฎี string ว่ามันมีเมมเบรนดึงกันไปมา รวมกันและก็เกิด บิ๊กแบง
อีกครั้ง วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด
แบบสองก็คือ แบบหลายจักรวาล คือไอ้คนคิดมันบอกว่า ระเบิดทั้งทีทำไมจะต้องมีแค่จักรวาลเดียวล่ะโว้ย แล้วแต่ละจักรวาลก็มีการผ่องถ่ายพลังงานกัน
อันนี้ก็ใกล้เคียงกับไตรปิฎก ที่ว่ามีหลายจักรวาล
และไอ้คนคิดมันยังคิดถึง เวลา ว่า direction ของเวลา เขาเรียกว่า time arrow มันจะเป็นอย่างไร หลายจักรวาลนี่บางจักรวาล เวลามันเดินย้อน!!
เอาเข้าไป ช่างคิดนะมึง
แบบ๓ ก็คือ ไอ้เจ้านี่มันบอกว่า เวลา ไม่มีอยู่จริง !!!
มีแต่ ณบัดnow เท่านั้น
อันนี้ดูมันเป็น Zen ดี (ถึงผมจะชอบเซ็นนะ แต่ผมก็ไม่มีหุ้นเซ็น)
ไอ้สองแบบแรกเนี่ยพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคอยหาจิ๊กซอว์กันไป
แต่ไอ้แบบหลังนี่ มันเกินขั้นฟิสิกส์แล้วฟ่ะ
มันต้องมี "จิต" เข้ามาแจม
ฝอยมานาน จิตมันชักจะหงุดเงี้ยว
มองไปนอกหน้าต่าง หิมะตก
นึกถึงกลอนนี้
sitting quietly
doing nothing
spring comes
the grass grows by
คุณ ryuga นี่ผมก็แอบหลงรักมานาน
แต่อย่าตกใจ รสนิยมผมไม่ชอบเล่น ฟันดาบ
เล่นกอล์ฟ หรือ แบด นี่พอได้
ผมชอบการวิแคะครับ
ก่อนจะไป อาร์ต เอ๊ย จิตตัวแม่ ตัว ลูก
แวะข้างทางที่ แสง เวลา หลุมดำ กันก่อน
เรื่องพวกนี้ต้องแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนนะครับ
คือ ส่วนที่มะนุดมีหลักฐานยืนนอนยันได้ กับ ส่วนที่ยังเป็นแนวความคิด
เอาที่มีหลักฐานมัดตัวก่อน
เริ่มที่บิ๊กซี (ตัวนี้ผมสนใจแต่สุดท้ายได้บิ๊กเซเว่นมา เสียดายมีนิดเดียว)
บิ๊กแบงครับ
พอจุดที่ไม่ใช่จุดเลี้ยวมันบึ้มออกมา
แสงมาแล้วครับ (อันนี้เข้าใจว่าในไบเบิลก็กล่าวถึงแสงแรกอยู่เหมือนกัน)
ที่ ๑๐ ยกกำลัง -๔๓วินาที แรงโน้มถ่วงแยกตัวออกมา
ที่ ๑๐ ยกกำลัง-๓๖วินาที แรงนิวเคลียอย่างเข้ม แยกตัวออกมา
ระหว่าง๑๐ยกกำลัง -๓๒ ถึง-๑๐วิ มาแล้วครับ ทะเลแห่งควาร์ก
หลังจากนั้นมันก็เป็น โปรตอน นิวตรอน เป็นอะตอม เป็นดวงดาว เป็นกาแลคซี่ เป็นโพไซดอน
อันหลังนี่พิมพ์ตามมือ พอมีกาแลคซี่(บางแสน) มันเลยมาแบบไม่ตั้งใจ
จนถึงปัจจุบันก็ ๑๐กว่าพันล้านปี
ในระหว่างทาง ดาวมันก็มีเกิด มีดับ
ไอ้ดวงที่ที่มีความหนาแน่น มีแรงโน้มถ่วงมหาศาล มันจะทำให้บริเวณนั้นยุบเป็นหลุมลึกหาที่สุดมิได้ มันคือ black hole ตอนนี้ก็เจอเป็นร้อยๆหลุมแล้วครับ
ผมปีแรกก็เจอเลย black monday
ด้วยแรงอภิมหาโน้มถ่วง มันจึง ดูดๆๆๆๆๆๆทุกสิ่งรอบตัวมัน
ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งแสง
ส่วนเรื่อง เวลา นี่
อย่างที่รู้ นิวตันบอกว่า เวลาที่ไหนก็เท่ากัน
แต่ไอน์สไตน์คิดทฤษฎีสัมพัทธภาพขึ้น เขาเอาเวลามาเป็นมิติที่ ๔
เขาว่า เวลาและอวกาศแยกจากกันไม่ได้ เกิดศัพท์ space-time
และเวลามันก็ ไม่เท่ากันในแต่ละที่ เพราะมันมีผลมาจากไอ้แสง ซึ่งมันแปลก
มันมีความเร็วคงที่
ยิ่งมีความเร็วใกล้แสงเท่าไร เวลาก็ยิ่งหดลง
อันนี้ในไตรปิกก็ว่าไว้ว่า แต่ละภพภูมิเวลาก็ไม่เท่ากัน
มาต่อกันที่จักรวาล
ตอนนี้จักรวาลกำลังขยายตัวอยู่นะครับ ซึ่งเป็นผลจากบิ๊กแบง
ถามว่า มันจะขยายไปจนถึงไหน
อันนี้แหละ ที่เป็นส่วนของ แนวคิด หรือทฤษฎี
ยังไม่มีข้อสรุป
และมีอยู่ ๓ ทางที่ผมเคยโม้ไว้ต้งแต่ต้น
แบบแรกคือ จักรวาลแบบวัฐจักร
ก็คือ พอมันขยายตัวไปเรื่อย เกิดหลุมดำไปเรื่อยๆ อนุภาคมันเสื่อมก็ต้องตัดค่าเสื่อมไปบ้าง หมดแรงเฉื่อย มันก็อาจจะยุบรวมตัวกันใหม่ กลายป็นที่ว่าง
แล้วก็มีทฤษฎี string ว่ามันมีเมมเบรนดึงกันไปมา รวมกันและก็เกิด บิ๊กแบง
อีกครั้ง วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด
แบบสองก็คือ แบบหลายจักรวาล คือไอ้คนคิดมันบอกว่า ระเบิดทั้งทีทำไมจะต้องมีแค่จักรวาลเดียวล่ะโว้ย แล้วแต่ละจักรวาลก็มีการผ่องถ่ายพลังงานกัน
อันนี้ก็ใกล้เคียงกับไตรปิฎก ที่ว่ามีหลายจักรวาล
และไอ้คนคิดมันยังคิดถึง เวลา ว่า direction ของเวลา เขาเรียกว่า time arrow มันจะเป็นอย่างไร หลายจักรวาลนี่บางจักรวาล เวลามันเดินย้อน!!
เอาเข้าไป ช่างคิดนะมึง
แบบ๓ ก็คือ ไอ้เจ้านี่มันบอกว่า เวลา ไม่มีอยู่จริง !!!
มีแต่ ณบัดnow เท่านั้น
อันนี้ดูมันเป็น Zen ดี (ถึงผมจะชอบเซ็นนะ แต่ผมก็ไม่มีหุ้นเซ็น)
ไอ้สองแบบแรกเนี่ยพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคอยหาจิ๊กซอว์กันไป
แต่ไอ้แบบหลังนี่ มันเกินขั้นฟิสิกส์แล้วฟ่ะ
มันต้องมี "จิต" เข้ามาแจม
ฝอยมานาน จิตมันชักจะหงุดเงี้ยว
มองไปนอกหน้าต่าง หิมะตก
นึกถึงกลอนนี้
sitting quietly
doing nothing
spring comes
the grass grows by
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 132
anatomy ของ "จิต"
มาร่วมด้วยช่วยกันงงต่อนะครับ
ต่อจากตอนที่แล้ว ที่เอ่ยถึง จิตตัวแม่ หรือ จิตจักรวาล
ก่อนอี่นต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันก่อนว่า
ความเชื่อเรื่องจิตของคนบนโลกนี้แบ่งได้ สามสี่กลุ่ม
ก็คือเรื่องของศาสนานั่นแหละ
พวกแรก คือพวกที่เชื่อใน พระเจ้า แบ่งเป็น ๒ กลุ่มย่อย คือแบบพระเจ้าองค์เดียว ก็ได้แก่ คริสต์ อิสลาม และแบบพระเจ้าหรือเทพหลายองค์ เช่น พราหมณ์-ฮินดู ที่มี พระพรหม พระอิศวร แล้วก็ นาร๊าย นารายณ์ พวกสอง คือพวก ไม่มีพระเจ้า ได้แก่ พุทธ เชน (แม้ว่า พุทธนั้นจะมี ภูติ พรหม แต่จุดมุ่งหมายก็ไม่ได้ไปสู่พรหม แต่มุ่งไปสู่นิพพาน)
พวกสาม พวกกึ่งๆครับ เช่น เต๋า ขงจื๊อ เหมือนๆว่าจะมีพระเจ้าแต่ก็ไม่ใช่(เต๋า นี่ขึ้นต้นมาก็ ...เต๋าสามารถเอ่ยถึงได้...แต่ไม่ใช่เต๋าที่แท้ สามารถตั้งชื่อได้....แต่ไม่ใช่ชื่อที่แท้ เต๋าจริงๆแล้วไร้ชื่อไร้นาม...... ๕๕๕ รู้แล้วว่าทำไมไอ้เต๋ามันถึงได้มีเรื่องกะเขาไปทั่ว)
พวกสี่ คือพวกไม่นับถืออะไรเลย อาจจะแบ่งเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ กับพวกประสาทแบบกระพ้มเนี่ย
เข้าเรื่องจิต
ต่อจากตอนที่แล้ว อีตาดีภัค โชปรา ว่าด้วยเรื่องของจิตว่า มีจิตวิญญาณ ๒
ส่วน คือ จิตวิญญาณี่ไร้ที่ตั้ง ดำรงอยู่ณ ดินแดนแห่งความเป็นจริงสูงสุด ทรงพลังไม่มีที่สิ้นสุด และจิตวิญญาณในระดับควันตัม ซึ่งเรามองว่านี่คือ จิต ของเรานั่นเอง แล้วมันติดต่อกันยังไง?
ลองนึกภาพมหาสมุทร ถ้ามองไกลๆก็เห็นเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ถ้ามองใกล้ๆก็จะเห็นเป็นคลื่นแต่ละคลื่น นั่นละ มหาสมุทรคือตัวแม่ คลื่นแต่ละลูกคือจิตแต่ละคน
ที่บอกว่าจิตจักรวาลอยู่ในที่ๆเวลาเป็นศูนย์ ก็คือมันติดต่อกับจิตย่อย โดยทันทีทันใด ไวกว่าแสง ไม่กินเวลาแม้แต่วินาทีเดียว !!!
คำถามมีอยู่ว่า อืม โอเค จิตตูเนี่ยมันก็เป็นส่วนหน่งของจิตบริสุทธ์ของจักรวาล แล้วทำไมมันถึงได้หงุดเงี้ยว หรือ หงุดหงิม วะ
มาแล้วครับ มันมาแล้ว..........."กรรม" หรือ "วิบากกรรม" !!!!!ครับ
มันทำให้จิตมันเปี๊ยนไป
อีตานี่ยังเสริมเข้าไปอีกว่า จิตย่อยๆทั้งหลายเมื่อมีจินตนาการ ความปราถนาอะไรมันจะส่งต่อไปยังจิตที่ไร้ที่ตั้ง แล้วก็จะส่งย้อนกลับมาอีกทีตลอดเวลา ดังนั้นจิตใครจับจังหวะได้ดีๆ ก็จะรับสิ่งที่ที่ต้องการได้
(แกเป็นแขก มองจิตแบบวิทยาศาสตร์ ปนอิทธิพลของ ศาสนาแบบเชื่อในพระเจ้า เลยออกมาแบบ เต๋า นิดๆ พราหมณ์หน่อยๆ กรีกน้อยๆ และก็ควอนตั้มเยอะๆ)
นี่คือ anatomy ของจิต แบบที่หนึ่ง
แบบที่สอง อาจจะเรียกว่า จิต แบบพุทธศาสนาก็ได้
คือตามความรู้น้อยนิดของผม เข้าใจเอาเองว่า ไตรปิฎกไม่ได้เอ่ยถึง จิตตัวแม่เลย ถึงจะมีชั้น ภูติ พรหม เทวดา ก็ตามที (ไอ้เรื่องภูติ พรหม กรรม ภพ ชาติ นี่ ต้องแวะข้างทางต่อจิ๊กซอว์กันอีกที)
จิตแบบนี้ทำจิตให้ดีๆ ก็ล่วงรู้เองได้ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เหมือนจิตตัวแม่ได้
จิตแบบนี้ มุ่งหลุดพ้นด้วยตัวเอง ใครก็ช่วยไม่ได้ !!!!
แบบที่สาม ไม่มีหรอก จิต เจิต อะไรเนี่ย
มันก็แค่ไอ้ควาร์กกลุ่มหนึ่งในกบาลเรา ที่แม่มทำตัวเป็นเสนาธิการ คิดโน่น จำนี่ สั่งนั่น เพ้อฝัน ไปวันๆ
อืม น่าคิดเหมือนกันนะ จิต แบบนี้
พี่น้องล่ะครับ เชื่อแบบไหน จิตเป็นแบบไหนกันครับ ?
ว่างๆก็แชร์กันบ้าง ช่วยผมต่อจิ๊กซอว์หน่อย
ส่วนผมก็มีแบบของผมอยู่ในใจ แล้วจะนำมาร่วมด้วยช่วยงง
ถ้ายังอยาก งง งง ไปด้วยกันในตอนต่อไป
......วิวัฒนาการของจิต รุ้งกินน้ำ มีและไม่มี
มาร่วมด้วยช่วยกันงงต่อนะครับ
ต่อจากตอนที่แล้ว ที่เอ่ยถึง จิตตัวแม่ หรือ จิตจักรวาล
ก่อนอี่นต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันก่อนว่า
ความเชื่อเรื่องจิตของคนบนโลกนี้แบ่งได้ สามสี่กลุ่ม
ก็คือเรื่องของศาสนานั่นแหละ
พวกแรก คือพวกที่เชื่อใน พระเจ้า แบ่งเป็น ๒ กลุ่มย่อย คือแบบพระเจ้าองค์เดียว ก็ได้แก่ คริสต์ อิสลาม และแบบพระเจ้าหรือเทพหลายองค์ เช่น พราหมณ์-ฮินดู ที่มี พระพรหม พระอิศวร แล้วก็ นาร๊าย นารายณ์ พวกสอง คือพวก ไม่มีพระเจ้า ได้แก่ พุทธ เชน (แม้ว่า พุทธนั้นจะมี ภูติ พรหม แต่จุดมุ่งหมายก็ไม่ได้ไปสู่พรหม แต่มุ่งไปสู่นิพพาน)
พวกสาม พวกกึ่งๆครับ เช่น เต๋า ขงจื๊อ เหมือนๆว่าจะมีพระเจ้าแต่ก็ไม่ใช่(เต๋า นี่ขึ้นต้นมาก็ ...เต๋าสามารถเอ่ยถึงได้...แต่ไม่ใช่เต๋าที่แท้ สามารถตั้งชื่อได้....แต่ไม่ใช่ชื่อที่แท้ เต๋าจริงๆแล้วไร้ชื่อไร้นาม...... ๕๕๕ รู้แล้วว่าทำไมไอ้เต๋ามันถึงได้มีเรื่องกะเขาไปทั่ว)
พวกสี่ คือพวกไม่นับถืออะไรเลย อาจจะแบ่งเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ กับพวกประสาทแบบกระพ้มเนี่ย
เข้าเรื่องจิต
ต่อจากตอนที่แล้ว อีตาดีภัค โชปรา ว่าด้วยเรื่องของจิตว่า มีจิตวิญญาณ ๒
ส่วน คือ จิตวิญญาณี่ไร้ที่ตั้ง ดำรงอยู่ณ ดินแดนแห่งความเป็นจริงสูงสุด ทรงพลังไม่มีที่สิ้นสุด และจิตวิญญาณในระดับควันตัม ซึ่งเรามองว่านี่คือ จิต ของเรานั่นเอง แล้วมันติดต่อกันยังไง?
ลองนึกภาพมหาสมุทร ถ้ามองไกลๆก็เห็นเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ถ้ามองใกล้ๆก็จะเห็นเป็นคลื่นแต่ละคลื่น นั่นละ มหาสมุทรคือตัวแม่ คลื่นแต่ละลูกคือจิตแต่ละคน
ที่บอกว่าจิตจักรวาลอยู่ในที่ๆเวลาเป็นศูนย์ ก็คือมันติดต่อกับจิตย่อย โดยทันทีทันใด ไวกว่าแสง ไม่กินเวลาแม้แต่วินาทีเดียว !!!
คำถามมีอยู่ว่า อืม โอเค จิตตูเนี่ยมันก็เป็นส่วนหน่งของจิตบริสุทธ์ของจักรวาล แล้วทำไมมันถึงได้หงุดเงี้ยว หรือ หงุดหงิม วะ
มาแล้วครับ มันมาแล้ว..........."กรรม" หรือ "วิบากกรรม" !!!!!ครับ
มันทำให้จิตมันเปี๊ยนไป
อีตานี่ยังเสริมเข้าไปอีกว่า จิตย่อยๆทั้งหลายเมื่อมีจินตนาการ ความปราถนาอะไรมันจะส่งต่อไปยังจิตที่ไร้ที่ตั้ง แล้วก็จะส่งย้อนกลับมาอีกทีตลอดเวลา ดังนั้นจิตใครจับจังหวะได้ดีๆ ก็จะรับสิ่งที่ที่ต้องการได้
(แกเป็นแขก มองจิตแบบวิทยาศาสตร์ ปนอิทธิพลของ ศาสนาแบบเชื่อในพระเจ้า เลยออกมาแบบ เต๋า นิดๆ พราหมณ์หน่อยๆ กรีกน้อยๆ และก็ควอนตั้มเยอะๆ)
นี่คือ anatomy ของจิต แบบที่หนึ่ง
แบบที่สอง อาจจะเรียกว่า จิต แบบพุทธศาสนาก็ได้
คือตามความรู้น้อยนิดของผม เข้าใจเอาเองว่า ไตรปิฎกไม่ได้เอ่ยถึง จิตตัวแม่เลย ถึงจะมีชั้น ภูติ พรหม เทวดา ก็ตามที (ไอ้เรื่องภูติ พรหม กรรม ภพ ชาติ นี่ ต้องแวะข้างทางต่อจิ๊กซอว์กันอีกที)
จิตแบบนี้ทำจิตให้ดีๆ ก็ล่วงรู้เองได้ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เหมือนจิตตัวแม่ได้
จิตแบบนี้ มุ่งหลุดพ้นด้วยตัวเอง ใครก็ช่วยไม่ได้ !!!!
แบบที่สาม ไม่มีหรอก จิต เจิต อะไรเนี่ย
มันก็แค่ไอ้ควาร์กกลุ่มหนึ่งในกบาลเรา ที่แม่มทำตัวเป็นเสนาธิการ คิดโน่น จำนี่ สั่งนั่น เพ้อฝัน ไปวันๆ
อืม น่าคิดเหมือนกันนะ จิต แบบนี้
พี่น้องล่ะครับ เชื่อแบบไหน จิตเป็นแบบไหนกันครับ ?
ว่างๆก็แชร์กันบ้าง ช่วยผมต่อจิ๊กซอว์หน่อย
ส่วนผมก็มีแบบของผมอยู่ในใจ แล้วจะนำมาร่วมด้วยช่วยงง
ถ้ายังอยาก งง งง ไปด้วยกันในตอนต่อไป
......วิวัฒนาการของจิต รุ้งกินน้ำ มีและไม่มี
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 133
อ่านมาตั้งนาน ข้าน้อยด้อยปัญญา
ไม่รู้เรื่องเลย :shock:
เออ มาถึงตรงนี้ ค่อยยังชั่ว
จิตนิ่ง กายนิ่ง
ฤดูใบไม้ผลิก้าวผ่าน
เรียวหญ้าระบัด
ไม่รู้เรื่องเลย :shock:
สถาปนิกต่างดาว เขียน: ฝอยมานาน จิตมันชักจะหงุดเงี้ยว
มองไปนอกหน้าต่าง หิมะตก
นึกถึงกลอนนี้
sitting quietly
doing nothing
spring comes
the grass grows by
เออ มาถึงตรงนี้ ค่อยยังชั่ว
จิตนิ่ง กายนิ่ง
ฤดูใบไม้ผลิก้าวผ่าน
เรียวหญ้าระบัด
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 134
แบบหนึ่งนี่้เพิ่งเคยอ่านที่พี่สถาปนึกเอ๊ยสถาปนิกโพสเนี่ยครับเข้าเรื่องจิต
ต่อจากตอนที่แล้ว อีตาดีภัค โชปรา ว่าด้วยเรื่องของจิตว่า มีจิตวิญญาณ ๒
ส่วน คือ จิตวิญญาณี่ไร้ที่ตั้ง ดำรงอยู่ณ ดินแดนแห่งความเป็นจริงสูงสุด ทรงพลังไม่มีที่สิ้นสุด และจิตวิญญาณในระดับควันตัม ซึ่งเรามองว่านี่คือ จิต ของเรานั่นเอง แล้วมันติดต่อกันยังไง?
ลองนึกภาพมหาสมุทร ถ้ามองไกลๆก็เห็นเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ถ้ามองใกล้ๆก็จะเห็นเป็นคลื่นแต่ละคลื่น นั่นละ มหาสมุทรคือตัวแม่ คลื่นแต่ละลูกคือจิตแต่ละคน
ที่บอกว่าจิตจักรวาลอยู่ในที่ๆเวลาเป็นศูนย์ ก็คือมันติดต่อกับจิตย่อย โดยทันทีทันใด ไวกว่าแสง ไม่กินเวลาแม้แต่วินาทีเดียว !!!
คำถามมีอยู่ว่า อืม โอเค จิตตูเนี่ยมันก็เป็นส่วนหน่งของจิตบริสุทธ์ของจักรวาล แล้วทำไมมันถึงได้หงุดเงี้ยว หรือ หงุดหงิม วะ
มาแล้วครับ มันมาแล้ว..........."กรรม" หรือ "วิบากกรรม" !!!!!ครับ
มันทำให้จิตมันเปี๊ยนไป
อีตานี่ยังเสริมเข้าไปอีกว่า จิตย่อยๆทั้งหลายเมื่อมีจินตนาการ ความปราถนาอะไรมันจะส่งต่อไปยังจิตที่ไร้ที่ตั้ง แล้วก็จะส่งย้อนกลับมาอีกทีตลอดเวลา ดังนั้นจิตใครจับจังหวะได้ดีๆ ก็จะรับสิ่งที่ที่ต้องการได้
(แกเป็นแขก มองจิตแบบวิทยาศาสตร์ ปนอิทธิพลของ ศาสนาแบบเชื่อในพระเจ้า เลยออกมาแบบ เต๋า นิดๆ พราหมณ์หน่อยๆ กรีกน้อยๆ และก็ควอนตั้มเยอะๆ)
นี่คือ anatomy ของจิต แบบที่หนึ่ง
แบบที่สอง อาจจะเรียกว่า จิต แบบพุทธศาสนาก็ได้
คือตามความรู้น้อยนิดของผม เข้าใจเอาเองว่า ไตรปิฎกไม่ได้เอ่ยถึง จิตตัวแม่เลย ถึงจะมีชั้น ภูติ พรหม เทวดา ก็ตามที (ไอ้เรื่องภูติ พรหม กรรม ภพ ชาติ นี่ ต้องแวะข้างทางต่อจิ๊กซอว์กันอีกที)
จิตแบบนี้ทำจิตให้ดีๆ ก็ล่วงรู้เองได้ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เหมือนจิตตัวแม่ได้
จิตแบบนี้ มุ่งหลุดพ้นด้วยตัวเอง ใครก็ช่วยไม่ได้ !!!!
แบบที่สาม ไม่มีหรอก จิต เจิต อะไรเนี่ย
มันก็แค่ไอ้ควาร์กกลุ่มหนึ่งในกบาลเรา ที่แม่มทำตัวเป็นเสนาธิการ คิดโน่น จำนี่ สั่งนั่น เพ้อฝัน ไปวันๆ
อืม น่าคิดเหมือนกันนะ จิต แบบนี้
ได้ความรู้ใหม่ๆข้อมูลใหม่ๆมากมาย
หลวงพ่อสอนว่าสุดท้ายคนที่พ้นทุกข์
ก็คือยอมสลัดจิตรู้คืนให้ธรรมชาติไปนั่นเอง
แบบสอง นี่ต้องไปถามคนที่รู้จัึกจิตแจ่มแจ้งหน่อย
ผมว่าใครที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแล้วนำไปปฎิบัติ
ก็พอดูจิตรู้จักจิตได้อยู่ครับ
แบบสาม ถ้าแค่คิด จำ สั่ง เพ้อฝันนี่ เจ้าควาร์กในสมองน่าจะทำได้ครับ
แต่ที่ผมเห็นมาคือนอกจากบางคนที่ทำได้ในแบบที่2แล้ว
ผมเห็นบางท่านอ่านจิตคนอื่นได้ซะอีกเนี่ย
แบบที่สามนี่จะอธิบายปรากฏการณ์นี้อย่างไรครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 136
เมื่อวานไปส่งการบ้าน อาจาย์หมอ ที่บ้านอารีย์
ปัญหาในการปฎิบัติในชิวิตประจำวันคือ เวลาทำงาน
ใจไม่อยู่นิ่ง ขณะทำงานแล้วแล้วถ้าเกิดมีการรับรู้สิ่งใหม่
ผมจะเปลี่ยนไปทำของใหม่ทันทีถ้าเป็นแบบนี้จะแก้ไขอย่างไร
อาจารย์หมอบอกว่า อย่างนี้เรียกว่า จิตฟุ้งซ้าน
วิธีแก้คือ ต้องตามรู้ สภาวะที่เกิดให้ได้
เพราะตอนนี้จิตผมยังไม่ตั้งมั่น
ปล.... พี่พอใจผมไม่ได้ถามคำถามที่พี่ฝากถามครับ
เนื่องจากลืมครับ ต้องขออภัยด้วยครับ เดี๋ยวเสาร์หน้าถามให้ครับ :oops:
อือ... ตอนนี้ที่บ้านอารีย์มีซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์แผ่นใหม่ออกแล้วครับ
เรือง พรปีใหม่ ปี 2552 ท่านสนใจไปรับได้ครบ (ฟรี) ครับ
ปัญหาในการปฎิบัติในชิวิตประจำวันคือ เวลาทำงาน
ใจไม่อยู่นิ่ง ขณะทำงานแล้วแล้วถ้าเกิดมีการรับรู้สิ่งใหม่
ผมจะเปลี่ยนไปทำของใหม่ทันทีถ้าเป็นแบบนี้จะแก้ไขอย่างไร
อาจารย์หมอบอกว่า อย่างนี้เรียกว่า จิตฟุ้งซ้าน
วิธีแก้คือ ต้องตามรู้ สภาวะที่เกิดให้ได้
เพราะตอนนี้จิตผมยังไม่ตั้งมั่น
ปล.... พี่พอใจผมไม่ได้ถามคำถามที่พี่ฝากถามครับ
เนื่องจากลืมครับ ต้องขออภัยด้วยครับ เดี๋ยวเสาร์หน้าถามให้ครับ :oops:
อือ... ตอนนี้ที่บ้านอารีย์มีซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์แผ่นใหม่ออกแล้วครับ
เรือง พรปีใหม่ ปี 2552 ท่านสนใจไปรับได้ครบ (ฟรี) ครับ
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 137
ประโยคเด็ดนะครับ ท่านพี่วิศวกะ เอ๊ย วิศวกรแบบที่สามนี่จะอธิบายปรากฏการณ์นี้อย่างไรครับ
ไอ้ผมเนี่ยที่จิตมันฟุ้งซ่านมาเป็นนมนาน ก็เพราะประโยคนี้แหละครับ !!!!!
อยากมีความรู้องค์เดียวที่มันสามารถอธิบายปรากฏการณ์ทุกปรากฏการณ์ในโลกนี้ได้
ตอนวิศวกรจะคำนวณใส่เหล็กในคานสร้างตึกนี่ เราใช้กฏแรงโน้มถ่วงของเซอร์นิวตัน แต่พอไปถึงขั้นจักรวาลนี่ใช้ไม่ได้แล้วครับ ต้องใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ (ซึ่งทำให้มนุษย์รู้ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายมันเหนือสำนึกของมะนุด ต้องใช้จินตนาการเข้าไปช่วย)
ครั้นพอย้อนเข้ามาสู่ระดับควอนตัม ระดับอะตอม ระดับควาร์กเข้า ทฤษฎีสัมพัทธภาพก็ชักเป๋เหมือนกัน (ทำให้ต้องใช้ "จิต" เข้าไปช่วย")
ทุกวันนี้พวกนักฟิสิกส์เลยกำลังรวมทฤษฎีสัมพัทธภาพกับทฤษฎีทางควอนตัมเข้าด้วยกัน ให้มันใช้อธิบายทุกปรากฏการณ์ในจักรวาลนี้ได้
ที่จริงพระพุทธเจ้า ท่านพบหลักองค์รวมที่จะอธิบายปรากฏการณ์ทุกปรากฏการณ์ในจักรวาลนี้ได้แล้ว
ผมก็เชื่อนะครับ แต่มันไม่สนิทใจ มันมีข้อสงสัย มันไม่คลิก อย่างเช่น ผมเคยคิดแม้กระทั่งว่า ความดีคือ อะไร กูจะทำความดีไปทำไม คนอื่นมาเกี่ยวอะไรกะกู ก็พอเข้าใจนะครับ ไตรลักษณ์ ดังนั้นพอมาเจอบิ๊กแบง มาเจอควาร์กเข้าไปเนี่ย มันคลิกเลยครับ มันเห็นภาพชัดขึ้นเลยครับ
เหมือนที่ท่านพี่พอใจเปลี่ยนมาใช้คำว่า "ปล่อยวาง" เหมือนที่ท่านพี่เอ่ยไว้ในประโยคแรกของกระทู้นี้ที่ว่า "ผมโชดดีที่สุดแล้วในชีวิต"
ตั้งแต่ผมต่อจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน จนพอมองเห็นภาพเบลอๆของจักรวาลของจิตพอได้แล้วนี่
ผมมองว่า ""life is beautiful""
ผมมีความ ""ปิติ" "นิ่ง" พอดี"กับชีวิตมากขึ้นๆ
แต่จะไปถึงขั้น อุเบกขา นิพพาน ก็อยู่ที่การปฏิบัติ กับ ผลแห่งการกระทำของไอ้เหล่าบรรดาคาร์กที่มาประชุมกันเป็นตัวผมละกัน
๕๕๕
ครั้งหน้าผมจะมาสรุปว่า ณ ตอนนี้จักรวาลของผม มันเป็นอย่างไร และ อีกตอน จิต แบบไหนที่ผมเห็นความน่าจะเป็น
แต่ ทั้ง๒ตอนหน้านี้
ผมไปคนเดียวไม่เป็นเหมือนกันครับ ต้องช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย
และ
กรุณาอย่าเชื่อ !!!
เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ควรอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่
๕๕๕
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 138
อ้าวๆๆแล้วเรื่องนี้ละครับสถาปนิกต่างดาว เขียน:
ครั้งหน้าผมจะมาสรุปว่า ณ ตอนนี้จักรวาลของผม มันเป็นอย่างไร และ อีกตอน จิต แบบไหนที่ผมเห็นความน่าจะเป็น
แต่ ทั้ง๒ตอนหน้านี้
ผมไปคนเดียวไม่เป็นเหมือนกันครับ ต้องช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย
และ
กรุณาอย่าเชื่อ !!!
เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ควรอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่
๕๕๕
เล่าไปตอนไหนหรือ
วิถีแห่งจิต สายรุ้งมีจริง อ่ะเปล่าเนี่ย...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 140
พระอรหันต์ท่านทรงมีจิตอันมหัศจจรย์ เพราะฉะนั้นจึงสามารถสื่อสารทางจิตได้ครับหรือโทรจิตนั่นเองครับคุณพี่พอใจ :)
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 141
จักรวาลของผม รุ้งกินน้ำ มี และ ไม่มี
เอาละครับ มาถึงจักรวาลส่วนตัวของผมซะที หลังจากอารัมภบทมาหลายจิ๊กซอว์
( ถ้ามีเวลาลองย้อนไปอ่านจิ๊กซอว์ตัวที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ก่อนท่องจักรวาลของผมเนี่ย ก็จะช่วยได้แยะครับ )
ควาร์ก....... มี และ ไม่มี
ขอเริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดในจักรวาลก่อน จำที่ผมบอกว่า ไอ้สรรพสิ่งบนโลกนี่มองด้วยตาละเอียดลงไปเรื่อยๆ เล็กที่สุดมันก็คือควาร์ก ได้ไหมครับ คาร์กหลายๆตัวมารวมๆกันก็เป็นโปรตอน เป็นนิวตรอน เป็นนิวเคลียส ที่ผมสมมุติว่าเท่าเม็ดถั่วเขียววางอยู่กลางสนามบอล มีอิเล็คตรอนที่วิ่งรอบๆที่ลู่วิ่งด้วยความเร็วใกล้ แสง ปรากฏการณ์นี้คือที่เราเห็นเป็นอะตอม ๑ อะตอม
จะเห็นได้ว่า มันมีมวลอยู่กระจึ๋งเดียวเอง นอกนั้นมันเป็นทีว่างทั้งนั้น !!!!!
ถามต่อไปอีกว่า ถ้าเจ้าควาร์กมันเล็กที่สุดแล้วตอนนี้ ในควาร์กมันยังมีอะไรอีกไหม ?????
นักฟิสิกส์ก็กำลังถกเถียงกันอยู่ครับ
แต่ผมรอไม่ไหวครับ ผมฟันธงของกระพ้มเองว่า
.....ในควาร์กมัน "ไม่มี" อะไร !!!!!!!!!!!!!!!
(ถึงนักฟิสิกส์จะหา แคว๊ก เจอในควาร์ก ผมก็จะฟันธงไปเรื่อยๆว่า ในแคว๊กมันก็ไม่มีอะไร)
ธรรมชาติของควาร์กเท่าที่รู้กันตอนนี้ มันเป็น ทั้ง "อนุภาค" และเป็นทั้ง "คลื่น" ๒ สถานะในเวลาเดียวกัน(กวนโอ๊ย นะเอ็ง)แล้วแต่ว่ามันจะเป็นอะไร ขึ้นอยู่กับ "ผู้สังเกตู"
และถ้าไอ้ควาร์กมันพูดแนะนำตัวมันเองได้ มันคงแนะนำตัวมันเองว่า "ตูมีตูในความไม่มีตู ตูไม่มีตูในความมีตู แล้วแต่สูจะมอง"
กวนโอ๊ยไปหน่อยใช่ไหมครับ งั้นเอางี้ ลองนึกว่าตัวเราเป็นจุดๆควาร์กเต็มไปหมด และสมมุติต่อว่าความมันเป็นจุดแสงนะครับ ถ้าเราคิดว่ามันเป็นอนุภาค ตัวเราก็จะ มี ครับ จะเห็นเป็นจุดแสงระยิบระยับ แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นคลื่น ตัวเราก็จะเหมือนอะไรเคลื่อนไหวไปมา แล้วตอนที่เรายังไม่คิดล่ะ ไอ้ควาร์กมันเป็นอะไร มันไม่เป็นอะไรทั้งนั้นนะครับ แล้วเมื่อมันไม่เป็นอะไร ตัวเราก็ไม่มีทั้งจุดแสง ไม่มีทั้งคลื่น ........ก็ไม่มีเรา นะครับ
มี .......ไม่มี........มี ......ไม่มี............. มันดำรงอยู่ในเวลาเดียวกัน !!!!!!
ยัง งง อยู่ใช่ไหมครับ งั้นไปกันเลยครับ
จักรวาลของผม และ สายรุ้ง มายา มี และ ไม่มี
เริ่มกันที่ก่อนบิ๊กแบง จุออภิมหาอมตะพลังงาน
จุดนี่ไม่มีความกว้าง ยาว สูง นะครับ พูดอีกคำก็คือ.....ไม่มี.....อะไร แต่มันมีครับ มันมีพลังงานที่ว่า ผมก็ต้องสรุปแบบฟังแล้วกวนโอ๊ยอีกครั้งว่า
ณ ดินแดนที่ไร้ที่ตั้ง....ไม่มีอะไร......มันมีอะไรอยู่ ในความไม่มีอะไร
มี และ ไม่มี ดำรงอยู่ในสถานะเดียวกัน !!!!!
ความมีและไม่มีมันเป็น สองขั้วบวกลบเหมือนหยินกับหยาง เหมือนรูปวงกลมเต๋าขาวดำ ที่บอกไม่ได้ว่าขาวอยู่ในดำหรือดำอยู่ในขาว
วันดีคืนไม่ดีเมื่อไม่มีความสมดุลย์ จุดทีว่านี้เกิดระเบิดบึ้มออกมาเป็น บิ๊กแบง เอาละครับทีนี้ สนุกแล้ว......"เหตุและปัจจัย"เกิดขึ้นแล้ว
คราวนี้จากที่รวมกันอยู่มันก็แบ่งเป็นสองฝ่าย มี....กับไม่มี
ไอ้ฝ่ายมีมันก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เกิดเป็นแรง เกิดเป็นควาร์ก เกิดเป็นทะเลแห่งควาร์ก ในขณะที่ฝ่ายไม่มีมันก็ยังมีอยู่นะครับ
ควาร์กแต่ละควาร์กมันก็เป็นเหตุเป็นปัจัยกันเข้าไปอีก
ยิ่งสนุกเข้าไปอีก มันบอก เฮ้ยๆๆๆๆมารวมกันเร้วเป็น โปรตอนแล้วมันเท่ห์โว้ย เป็นนิวตรอนแล้วมาอู้ฟู่ว่ะ ยังไม่พอรวมตัวกันต่อเป็นนิวเคลียส เอ้ามาเร็วเข้า เร่กันเข้ามา
(พอเจ้าโปรตอน ๘๒ ตัวมันมากอดกับเจ้า นิวตรอน๑๔๓ ตัว มันก็กลายนิวเคลียสของยูเรเยียม วันดีคืนร้ายไอ้นิวตรอนขี้เมาอีกตัววิ่งมาชน.....ผลก็คือ ระเบิดปรมาณูครับ)
เหตุและปัจจัยมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ จากควาร์กมาเป็นอะตอม จากอะตอมมาเป็นธาตุ จากธาตุมาฝุ่น เป็นดวงดาว .............และอย่าลืมว่า ความไม่มีมันก็ยังดำรงอยู่ เพียงแต่ฝ่ายไม่มีมันวิวัฒนาการไปตามเหตุตามปัจจัย และซับซ้อนเหลือคณา)
เป็นภูเขา เป็นทะเล
และมันยังไม่อยุด ไอ้ควาร์กน้ำทะเลมันบอกเป็นน้ำ เบื่อว่ะอยากแยกกลุ่มออกมา แล้วมันก็กระดื๊บๆ แยกตัว แบ่งเซล เบื่ออีกไม่ทันใจมันก็บอกควาร์กรุ่นหลานเหลนโหลนว่า เฮ้ยมีหางสิจะได้เคลื่นที่เร็ว แบ่งตัวไม่ได้แล้วก็ผสมพันธุ์กันดีกว่า เบื่อทะเลก็คลานขึ้นบกดีกว่า บางพวกก็คลาน บางพวกก็เดิน บางพวกก็บิน
มันมาไกลเหลือเกิน
ฝ่าย .มี. มันมาไกลเหลือเกิน ........แต่กรุณาอย่าลืมว่า ฝ่ายไม่มี มันก็ยังคงดำรงอยู่ในฝ่ายมี
เพียงแต่ว่า มันมาไกลจนเกิน จนทำให้มันมีข้อจำกัดในตัวของมันเอง
ไอ้ควาร์กกลุ่มที่เดินได้ กลุ่มหนึ่งมันก็บอกต่อกันไปเรื่อยๆ สมองจงโตๆๆ จะได้สิ่งที่ต้องการได้
จากจุดเริ่มต้นที่มี และ ไม่มี มันเหลือเพียงแต่ มี ซะแล้ว
ไอ้กลุ่มควาร์กที่เรียกว่า คน เนี่ยมันก็ หลง อยู่แต่ฝ่าย มี ครับ ก็มันมาไกลมาก เขาเรียกว่า วิบากกรรม ถ้าหากมันย้อนไปหน่อย ลองเอาหู หมา มาใส่แทนหูมัน มันก็คงได้ยินเสียงมากกว่านี้ ถ้าเอา ตา เหยี่ยวมาใส่แทนตามันมัน ก็คงจะเห็นรูขุมขนมากกว่านี้ ถ้ามันเอาตาปรมณูมาใส่ มันคงเห็น อะตอม
มันคงไม่เห็นตัวมัน
ยิ่งมันมาไกล มันยิ่งมอง เห็น รู้ สัมผัส ได้แต่ฝ่าย มี เท่านั้น มันเริ่ม ไม่เข้าใจฝ่าย ไม่มี ซึ่งอยู่ในตัวมัน นั่นเอง
มี มี มี มี มี มี มี...........................................................ไม่มี
งงไหมครับ
งั้นเอางี้ ...........
รุ้งกินน้ำ
ติ๊ดต่างครับ ชายหนุ่มอยู่ปากซอย หญิงสาวอยู่ท้ายซอย ทั้งสองคนนี่ไม่เคยเห็นไม่รู้จักรุ้งกินน้ำมาก่อนเลยในชีวิต วันหนึ่งหญิงสาวก็กระหืดกระหอบโทรมาบอกชายหนุ่มว่า มองไปที่ท้องฟ้าสิ มีแสง ๗ สีพาดอยู่บนท้องฟ้า ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ......ไม่เห็นมีอะไร (ก็ปากซอยแสงมันไม่ได้ตกกระทยทำมุมกับละอองน้ำเหมือนท้ายซอย)
ชายหนุ่มคงบอกว่า หญิงสาว เพ้อเจ้อ ไม่เห็นมีอะไร
หญิงสาวคงบอกว่า ไอ้นี่ตาถั่ว ก็มีอยู่ชัดๆ
จักรวาล มันคล้ายๆรุ้งกินน้ำครับ
จะว่ามีก็บอกได้ว่ามี จะว่าไม่มีก็บอกได้ว่า ไม่มี
มันดำรงอยู่ในเวลา สถานะเดียวกัน !!!!!!!
จักรวาลแบบนี้ มันทำให้ผมพอจะตีความคำว่า สุญญตา
พอที่จะตีความ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
พอที่จะตีความ มีในไม่มี ไม่มีในมี
พอที่จะตีความ โลกเราเป็น มายา โลกเราเป็นของจริง
พอที่จะตีความ มัชฌิมาปฏิปทา
พอที่จะยิ้มให้กับประโยคที่ว่า
...........สพเพ ธมมา นาลัง อภินิเวสาย
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง พึงอย่าได้ยึดมั่นถือมั่นเลย
เอวังก็มีด้วยประการละฉนี้
ปล แต่ยังไม่พอที่จะ...บรรลุ
และยังอยากเสวนากัน เรื่อง จิต ต่อไป
เอาละครับ มาถึงจักรวาลส่วนตัวของผมซะที หลังจากอารัมภบทมาหลายจิ๊กซอว์
( ถ้ามีเวลาลองย้อนไปอ่านจิ๊กซอว์ตัวที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ก่อนท่องจักรวาลของผมเนี่ย ก็จะช่วยได้แยะครับ )
ควาร์ก....... มี และ ไม่มี
ขอเริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดในจักรวาลก่อน จำที่ผมบอกว่า ไอ้สรรพสิ่งบนโลกนี่มองด้วยตาละเอียดลงไปเรื่อยๆ เล็กที่สุดมันก็คือควาร์ก ได้ไหมครับ คาร์กหลายๆตัวมารวมๆกันก็เป็นโปรตอน เป็นนิวตรอน เป็นนิวเคลียส ที่ผมสมมุติว่าเท่าเม็ดถั่วเขียววางอยู่กลางสนามบอล มีอิเล็คตรอนที่วิ่งรอบๆที่ลู่วิ่งด้วยความเร็วใกล้ แสง ปรากฏการณ์นี้คือที่เราเห็นเป็นอะตอม ๑ อะตอม
จะเห็นได้ว่า มันมีมวลอยู่กระจึ๋งเดียวเอง นอกนั้นมันเป็นทีว่างทั้งนั้น !!!!!
ถามต่อไปอีกว่า ถ้าเจ้าควาร์กมันเล็กที่สุดแล้วตอนนี้ ในควาร์กมันยังมีอะไรอีกไหม ?????
นักฟิสิกส์ก็กำลังถกเถียงกันอยู่ครับ
แต่ผมรอไม่ไหวครับ ผมฟันธงของกระพ้มเองว่า
.....ในควาร์กมัน "ไม่มี" อะไร !!!!!!!!!!!!!!!
(ถึงนักฟิสิกส์จะหา แคว๊ก เจอในควาร์ก ผมก็จะฟันธงไปเรื่อยๆว่า ในแคว๊กมันก็ไม่มีอะไร)
ธรรมชาติของควาร์กเท่าที่รู้กันตอนนี้ มันเป็น ทั้ง "อนุภาค" และเป็นทั้ง "คลื่น" ๒ สถานะในเวลาเดียวกัน(กวนโอ๊ย นะเอ็ง)แล้วแต่ว่ามันจะเป็นอะไร ขึ้นอยู่กับ "ผู้สังเกตู"
และถ้าไอ้ควาร์กมันพูดแนะนำตัวมันเองได้ มันคงแนะนำตัวมันเองว่า "ตูมีตูในความไม่มีตู ตูไม่มีตูในความมีตู แล้วแต่สูจะมอง"
กวนโอ๊ยไปหน่อยใช่ไหมครับ งั้นเอางี้ ลองนึกว่าตัวเราเป็นจุดๆควาร์กเต็มไปหมด และสมมุติต่อว่าความมันเป็นจุดแสงนะครับ ถ้าเราคิดว่ามันเป็นอนุภาค ตัวเราก็จะ มี ครับ จะเห็นเป็นจุดแสงระยิบระยับ แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นคลื่น ตัวเราก็จะเหมือนอะไรเคลื่อนไหวไปมา แล้วตอนที่เรายังไม่คิดล่ะ ไอ้ควาร์กมันเป็นอะไร มันไม่เป็นอะไรทั้งนั้นนะครับ แล้วเมื่อมันไม่เป็นอะไร ตัวเราก็ไม่มีทั้งจุดแสง ไม่มีทั้งคลื่น ........ก็ไม่มีเรา นะครับ
มี .......ไม่มี........มี ......ไม่มี............. มันดำรงอยู่ในเวลาเดียวกัน !!!!!!
ยัง งง อยู่ใช่ไหมครับ งั้นไปกันเลยครับ
จักรวาลของผม และ สายรุ้ง มายา มี และ ไม่มี
เริ่มกันที่ก่อนบิ๊กแบง จุออภิมหาอมตะพลังงาน
จุดนี่ไม่มีความกว้าง ยาว สูง นะครับ พูดอีกคำก็คือ.....ไม่มี.....อะไร แต่มันมีครับ มันมีพลังงานที่ว่า ผมก็ต้องสรุปแบบฟังแล้วกวนโอ๊ยอีกครั้งว่า
ณ ดินแดนที่ไร้ที่ตั้ง....ไม่มีอะไร......มันมีอะไรอยู่ ในความไม่มีอะไร
มี และ ไม่มี ดำรงอยู่ในสถานะเดียวกัน !!!!!
ความมีและไม่มีมันเป็น สองขั้วบวกลบเหมือนหยินกับหยาง เหมือนรูปวงกลมเต๋าขาวดำ ที่บอกไม่ได้ว่าขาวอยู่ในดำหรือดำอยู่ในขาว
วันดีคืนไม่ดีเมื่อไม่มีความสมดุลย์ จุดทีว่านี้เกิดระเบิดบึ้มออกมาเป็น บิ๊กแบง เอาละครับทีนี้ สนุกแล้ว......"เหตุและปัจจัย"เกิดขึ้นแล้ว
คราวนี้จากที่รวมกันอยู่มันก็แบ่งเป็นสองฝ่าย มี....กับไม่มี
ไอ้ฝ่ายมีมันก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เกิดเป็นแรง เกิดเป็นควาร์ก เกิดเป็นทะเลแห่งควาร์ก ในขณะที่ฝ่ายไม่มีมันก็ยังมีอยู่นะครับ
ควาร์กแต่ละควาร์กมันก็เป็นเหตุเป็นปัจัยกันเข้าไปอีก
ยิ่งสนุกเข้าไปอีก มันบอก เฮ้ยๆๆๆๆมารวมกันเร้วเป็น โปรตอนแล้วมันเท่ห์โว้ย เป็นนิวตรอนแล้วมาอู้ฟู่ว่ะ ยังไม่พอรวมตัวกันต่อเป็นนิวเคลียส เอ้ามาเร็วเข้า เร่กันเข้ามา
(พอเจ้าโปรตอน ๘๒ ตัวมันมากอดกับเจ้า นิวตรอน๑๔๓ ตัว มันก็กลายนิวเคลียสของยูเรเยียม วันดีคืนร้ายไอ้นิวตรอนขี้เมาอีกตัววิ่งมาชน.....ผลก็คือ ระเบิดปรมาณูครับ)
เหตุและปัจจัยมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ จากควาร์กมาเป็นอะตอม จากอะตอมมาเป็นธาตุ จากธาตุมาฝุ่น เป็นดวงดาว .............และอย่าลืมว่า ความไม่มีมันก็ยังดำรงอยู่ เพียงแต่ฝ่ายไม่มีมันวิวัฒนาการไปตามเหตุตามปัจจัย และซับซ้อนเหลือคณา)
เป็นภูเขา เป็นทะเล
และมันยังไม่อยุด ไอ้ควาร์กน้ำทะเลมันบอกเป็นน้ำ เบื่อว่ะอยากแยกกลุ่มออกมา แล้วมันก็กระดื๊บๆ แยกตัว แบ่งเซล เบื่ออีกไม่ทันใจมันก็บอกควาร์กรุ่นหลานเหลนโหลนว่า เฮ้ยมีหางสิจะได้เคลื่นที่เร็ว แบ่งตัวไม่ได้แล้วก็ผสมพันธุ์กันดีกว่า เบื่อทะเลก็คลานขึ้นบกดีกว่า บางพวกก็คลาน บางพวกก็เดิน บางพวกก็บิน
มันมาไกลเหลือเกิน
ฝ่าย .มี. มันมาไกลเหลือเกิน ........แต่กรุณาอย่าลืมว่า ฝ่ายไม่มี มันก็ยังคงดำรงอยู่ในฝ่ายมี
เพียงแต่ว่า มันมาไกลจนเกิน จนทำให้มันมีข้อจำกัดในตัวของมันเอง
ไอ้ควาร์กกลุ่มที่เดินได้ กลุ่มหนึ่งมันก็บอกต่อกันไปเรื่อยๆ สมองจงโตๆๆ จะได้สิ่งที่ต้องการได้
จากจุดเริ่มต้นที่มี และ ไม่มี มันเหลือเพียงแต่ มี ซะแล้ว
ไอ้กลุ่มควาร์กที่เรียกว่า คน เนี่ยมันก็ หลง อยู่แต่ฝ่าย มี ครับ ก็มันมาไกลมาก เขาเรียกว่า วิบากกรรม ถ้าหากมันย้อนไปหน่อย ลองเอาหู หมา มาใส่แทนหูมัน มันก็คงได้ยินเสียงมากกว่านี้ ถ้าเอา ตา เหยี่ยวมาใส่แทนตามันมัน ก็คงจะเห็นรูขุมขนมากกว่านี้ ถ้ามันเอาตาปรมณูมาใส่ มันคงเห็น อะตอม
มันคงไม่เห็นตัวมัน
ยิ่งมันมาไกล มันยิ่งมอง เห็น รู้ สัมผัส ได้แต่ฝ่าย มี เท่านั้น มันเริ่ม ไม่เข้าใจฝ่าย ไม่มี ซึ่งอยู่ในตัวมัน นั่นเอง
มี มี มี มี มี มี มี...........................................................ไม่มี
งงไหมครับ
งั้นเอางี้ ...........
รุ้งกินน้ำ
ติ๊ดต่างครับ ชายหนุ่มอยู่ปากซอย หญิงสาวอยู่ท้ายซอย ทั้งสองคนนี่ไม่เคยเห็นไม่รู้จักรุ้งกินน้ำมาก่อนเลยในชีวิต วันหนึ่งหญิงสาวก็กระหืดกระหอบโทรมาบอกชายหนุ่มว่า มองไปที่ท้องฟ้าสิ มีแสง ๗ สีพาดอยู่บนท้องฟ้า ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง ......ไม่เห็นมีอะไร (ก็ปากซอยแสงมันไม่ได้ตกกระทยทำมุมกับละอองน้ำเหมือนท้ายซอย)
ชายหนุ่มคงบอกว่า หญิงสาว เพ้อเจ้อ ไม่เห็นมีอะไร
หญิงสาวคงบอกว่า ไอ้นี่ตาถั่ว ก็มีอยู่ชัดๆ
จักรวาล มันคล้ายๆรุ้งกินน้ำครับ
จะว่ามีก็บอกได้ว่ามี จะว่าไม่มีก็บอกได้ว่า ไม่มี
มันดำรงอยู่ในเวลา สถานะเดียวกัน !!!!!!!
จักรวาลแบบนี้ มันทำให้ผมพอจะตีความคำว่า สุญญตา
พอที่จะตีความ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
พอที่จะตีความ มีในไม่มี ไม่มีในมี
พอที่จะตีความ โลกเราเป็น มายา โลกเราเป็นของจริง
พอที่จะตีความ มัชฌิมาปฏิปทา
พอที่จะยิ้มให้กับประโยคที่ว่า
...........สพเพ ธมมา นาลัง อภินิเวสาย
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง พึงอย่าได้ยึดมั่นถือมั่นเลย
เอวังก็มีด้วยประการละฉนี้
ปล แต่ยังไม่พอที่จะ...บรรลุ
และยังอยากเสวนากัน เรื่อง จิต ต่อไป
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- Eyore
- Verified User
- โพสต์: 606
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 142
ผมอ่านจากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าpor_jai เขียน:จาตุรงคสันนิบาต
ผมสงสัยว่าพระ1250รูป
พระพุทธเจ้าเทศน์ได้อย่างไร
ในเมื่อสมัยนั้นไม่มีไมค์โครโฟน
ใครทราบบอกมั่งครับ
บอกว่าสมัยหลวงปู่มั่นยังอยู่
ท่านก็สอนในป่าในเขาเช่นนี้แล
พระจำนวนมากนั่งฟังท่านเทศน์
เงียบสงัด
ทุกองค์สงบนิ่ง
ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาสักเล็กน้อย
ไม่มีการเลื่อนไหวใดๆ
เสียงธรรมทรงพลัง
ได้ยินทั่วทั้งบริเวณ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 143
ดีใจ ที่ได้อ่านมาทั้หมดนี้นะครับ
อ่านก่อนหมดวัน มาฆะบูชา
มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจครับ
อ่านก่อนหมดวัน มาฆะบูชา
มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจครับ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 144
กิเลส ตัณหา
สุข ทุกข์
ปล่อยวาง
ตัวเรา ตัวเขา
สิ่งที่พระพุทธเจ้า ท่านสอนมาดีจริงๆ
ท่าน อาจารย์ปราโมทย์ ก็พึ่งได้รู้จักจากในหัวข้อนี้นะครับ
บ้านอารีย์ เมื่อก่อน ก็ไม่ไกล แต่ไปไม่ถึง
วันนี้ ได้สติเหมือนกับคนอื่นเขา ก็ดีนะครับ
เพื่อที่จะดูตัวเรา มากกว่าทีผ่านมา
สบายใจมากกว่าทุกวัน
ธรรมะของผมเหรอ ยังอยู่ในตู้หนังสืออยู่เลย ถ้าไม่อ่าน ไม่ย้ำ มันจะหายไปเร็ว
ตามดูใจ ยากเนอะ
นอนดีกว่าครับ อิอิอิ ดึกแล้ว
สุข ทุกข์
ปล่อยวาง
ตัวเรา ตัวเขา
สิ่งที่พระพุทธเจ้า ท่านสอนมาดีจริงๆ
ท่าน อาจารย์ปราโมทย์ ก็พึ่งได้รู้จักจากในหัวข้อนี้นะครับ
บ้านอารีย์ เมื่อก่อน ก็ไม่ไกล แต่ไปไม่ถึง
วันนี้ ได้สติเหมือนกับคนอื่นเขา ก็ดีนะครับ
เพื่อที่จะดูตัวเรา มากกว่าทีผ่านมา
สบายใจมากกว่าทุกวัน
ธรรมะของผมเหรอ ยังอยู่ในตู้หนังสืออยู่เลย ถ้าไม่อ่าน ไม่ย้ำ มันจะหายไปเร็ว
ตามดูใจ ยากเนอะ
นอนดีกว่าครับ อิอิอิ ดึกแล้ว
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 145
มีคำถามนึงอยู่ในหัว
ทุกครั้งที่เข้า เวบ หรือว่า ดูหุ้น
บอกไม่ถูกว่า ทำไมเรายังมายึดติดสิ่งเหล่านี้
รู้ว่า มันเป็นการยึดติด จากกิเลสแบบนึง
รู้แล้ว แต่ก็ละไม่ได้
ทำไงดี
โลภ เหรอ
พรุ่งนี้อยากให้หุ้นเหล็กมันขึ้นอีกมากมาย อยากให้ราคาเศษเหล็กเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ
กิเลส ตามมาไวจัง
คิดถึงวันที่หลวงพ่อ ท่านอตส่าห์ เสียสละ กุฏิหลังน้อย
ให้เราอยู่ในห้อง กว้าง 2 ยาว 3 เมตร
ในห้องไม่มีอะไรเลย นอกจากเทียน จีวร ...
นอกห้อง ไม่มีอะไรเลย นอกจากป่า เสียงธรรมชาติ แล้วก็ลานจงกรม
ที่นั้น ความสงบมีมากมาย
แต่ในใจ ก็ยังอยากออกมา
อยากออกมาเพื่อเจอคนที่เราอยากอยู่ใกล้ แม้ว่าบางครั้งจะทุกข์ เพราะคนที่เรารัก
วันแรกที่ออกมาสู่ตลาด ทำไมมันวุ่นวายนัก
ยิ่งมีเจ้าตัวเล็ก ยิ่งรู้ว่า ห่วง คืออะไร
วันนี้ก็รู้ว่า วันนั้น มีค่ามากมาย เราเองไม่รู้ค่าที่มีมากมาย เมื่อวันนั้น
ถึงวันนี้ ความสงบ หาได้ไม่ง่าย ถ้าไม่หาจากภายในตัวเราเอง ไขว่คว้าภายนอก ยิ่งหายิ่งไม่เจอ
เฮ้อ..
ทุกครั้งที่เข้า เวบ หรือว่า ดูหุ้น
บอกไม่ถูกว่า ทำไมเรายังมายึดติดสิ่งเหล่านี้
รู้ว่า มันเป็นการยึดติด จากกิเลสแบบนึง
รู้แล้ว แต่ก็ละไม่ได้
ทำไงดี
โลภ เหรอ
พรุ่งนี้อยากให้หุ้นเหล็กมันขึ้นอีกมากมาย อยากให้ราคาเศษเหล็กเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ
กิเลส ตามมาไวจัง
คิดถึงวันที่หลวงพ่อ ท่านอตส่าห์ เสียสละ กุฏิหลังน้อย
ให้เราอยู่ในห้อง กว้าง 2 ยาว 3 เมตร
ในห้องไม่มีอะไรเลย นอกจากเทียน จีวร ...
นอกห้อง ไม่มีอะไรเลย นอกจากป่า เสียงธรรมชาติ แล้วก็ลานจงกรม
ที่นั้น ความสงบมีมากมาย
แต่ในใจ ก็ยังอยากออกมา
อยากออกมาเพื่อเจอคนที่เราอยากอยู่ใกล้ แม้ว่าบางครั้งจะทุกข์ เพราะคนที่เรารัก
วันแรกที่ออกมาสู่ตลาด ทำไมมันวุ่นวายนัก
ยิ่งมีเจ้าตัวเล็ก ยิ่งรู้ว่า ห่วง คืออะไร
วันนี้ก็รู้ว่า วันนั้น มีค่ามากมาย เราเองไม่รู้ค่าที่มีมากมาย เมื่อวันนั้น
ถึงวันนี้ ความสงบ หาได้ไม่ง่าย ถ้าไม่หาจากภายในตัวเราเอง ไขว่คว้าภายนอก ยิ่งหายิ่งไม่เจอ
เฮ้อ..
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 146
เรียบๆง่ายๆ แต่โดนใจผมจริงๆsan เขียน:มีคำถามนึงอยู่ในหัว
ทุกครั้งที่เข้า เวบ หรือว่า ดูหุ้น
บอกไม่ถูกว่า ทำไมเรายังมายึดติดสิ่งเหล่านี้
รู้ว่า มันเป็นการยึดติด จากกิเลสแบบนึง
รู้แล้ว แต่ก็ละไม่ได้
ทำไงดี
โลภ เหรอ
พรุ่งนี้อยากให้หุ้นเหล็กมันขึ้นอีกมากมาย อยากให้ราคาเศษเหล็กเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ
กิเลส ตามมาไวจัง
คิดถึงวันที่หลวงพ่อ ท่านอตส่าห์ เสียสละ กุฏิหลังน้อย
ให้เราอยู่ในห้อง กว้าง 2 ยาว 3 เมตร
ในห้องไม่มีอะไรเลย นอกจากเทียน จีวร ...
นอกห้อง ไม่มีอะไรเลย นอกจากป่า เสียงธรรมชาติ แล้วก็ลานจงกรม
ที่นั้น ความสงบมีมากมาย
แต่ในใจ ก็ยังอยากออกมา
อยากออกมาเพื่อเจอคนที่เราอยากอยู่ใกล้ แม้ว่าบางครั้งจะทุกข์ เพราะคนที่เรารัก
วันแรกที่ออกมาสู่ตลาด ทำไมมันวุ่นวายนัก
ยิ่งมีเจ้าตัวเล็ก ยิ่งรู้ว่า ห่วง คืออะไร
วันนี้ก็รู้ว่า วันนั้น มีค่ามากมาย เราเองไม่รู้ค่าที่มีมากมาย เมื่อวันนั้น
ถึงวันนี้ ความสงบ หาได้ไม่ง่าย ถ้าไม่หาจากภายในตัวเราเอง ไขว่คว้าภายนอก ยิ่งหายิ่งไม่เจอ
เฮ้อ…..
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 148
san เขียน:มีคำถามนึงอยู่ในหัว
ทุกครั้งที่เข้า เวบ หรือว่า ดูหุ้น
บอกไม่ถูกว่า ทำไมเรายังมายึดติดสิ่งเหล่านี้
รู้ว่า มันเป็นการยึดติด จากกิเลสแบบนึง
รู้แล้ว แต่ก็ละไม่ได้
ทำไงดี
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ