โพสต์
ถามว่า ห้าหน้าที่ มีครบกัน?
ตอบว่า ขันธ์แบ่งแจกแยกห้าฐานเรื่องสังขาร ต่างกองรับหน้าที่มีกิจการ จะรับงานอื่นไม่ได้เต็มในตัว แม้ลาภยศสรรเสริญ เจริญสุข นินทา ทุกข์ เสื่อมยศ หมดลาภทั่ว รวมลงตามสภาพตามเป็นจริง ทั้งแปดอย่างใจไม่หันไปพัวพัน เพราะว่ารูปขันธ์ก็ทำแก่ไข้มิได้เว้น นามก็มิได้พักเหมือนจักรยนต์เพราะรับผลของกรรมที่ทำมา เรื่องดีพาเพลิดเพลินเจริญใจ เรื่องชั่วขุ่นวุ่นจิตคิดไม่หยุด เหมือนไฟจุดจิตหมองไม่ผ่องใส นึกขึ้นเองทั้งรักทั้งโกรธไปโทษใคร
อยาก ไม่แก่ไม่ตายได้หรือคน เป็นของพ้นวิสัยจะได้เชย เช่น ไม่อยากให้จิตเที่ยวคิดรู้ อยากให้อยู่เป็นหนึ่งหวังพึ่งเฉย จิตเป็นของผันแปรไม่แน่เลย สัญญาเคยอยู่ได้บ้างเป็นครั้งคราว ถ้ารู้เท่าธรรมดาทั้งห้าขันธ์ ใจนั้นก็ขาวสะอาดหมดมลทินสิ้นเรื่องราว ถ้ารู้ได้อย่างนี้จึงดียิ่ง เพราะเห็นจริงถอนหลุดสุดวิถี ไม่ฝ่าฝืนธรรมดาตามเป็นจริง จะจนจะมีตามเรื่องเครื่องนอกใน ดีหรือชั่วต้องดับเลื่อนลับไป ยึดสิ่งใดไม่ได้ตามใจหมาย ใจไม่เที่ยงของใจไหววิบวับ สังเกตจับรู้ได้สบายยิ่ง เล็กบังใหญ่รู้ไม่ทัน ขันธ์บังธรรมมิดผิดที่นี่ มัวดูขันธ์ธรรมไม่เห็นเป็นธุลีไป ส่วนธรรมมีใหญ่กว่าขันธ์นั้นไม่แล
ถามว่า มีไม่มี ไม่มีมี นี้คืออะไร ?
ที นี้ติดหมด คิดแก้ไม่ไหว เชิญชี้ให้ชัดทั้งอรรถแปลโปรดแก้เถิด ที่ว่าเกิดมีต่าง ๆ ทั้งเหตุผล แล้วดับไม่มีชัดใช่สัตว์คน นี้ข้อต้นมีไม่มีอย่างนี้ตรง ข้อปลายไม่มี มี นี้เป็นธรรม ที่ลึกล้ำ ใครพบ จบประสงค์ ไม่มีสังขาร มีธรรมมีมั่นคง
นั้น แล องค์ธรรมเอก วิเวกจริง ธรรมเป็น ๑ ไม่แปรผันเลิศภพสงบยิ่ง เป็นอารมณ์ของใจไม่ไหวติง ระงับนิ่งเงียบสงัดชัดกับใจ ใจก็สร่างจากเมาหายเร่าร้อน ความอยากถอน ได้หมดปลดสงสัย เรื่องพัวพันขันธ์ห้าซาสิ้นไป เครื่องหมุนในไตรจักรก็หักลง ความอยากใหญ่ยิ่งก็ทิ้งหลุด ความรักหยุดหายสนิทสิ้นพิษหวง ร้อนทั้งปวงก็หายหมดดังใจจง
ธรรมะ ธรรมชาติ
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 92
เชิญโปรดชี้อีกอย่างหนทางใจสมุทัยของจิตที่ปิดธรรม?
แก้ ว่า สมุทัยกว้างใหญ่นัก ย่อลงก็คือความรักบีบใจอาลัยขันธ์ ถ้าธรรมมีกับจิตเป็นนิจนิรันดร์ เป็นเลิกกันสมุทัยมิได้มี จงจำ ไว้อย่างนี้วิถีจิต ไม่ต้องคิดเวียนวนจนป่นนี้ ธรรมไม่มีอยู่เป็นนิตย์ติดยินดี ใจตกที่สมุทัยอาลัยตัว
ว่าอย่าง ย่อทุกข์กับธรรมประจำจิต เอาจนคิดรู้เห็นจริงจึงเย็นทั่ว จะสุขทุกข์เท่าไรมิได้กลัว สร่างจากเครื่องมัวคือสมุทัยไปที่ดี รู้เท่านี้ก็คลายหายร้อน พอพักผ่อนเสาะแสวงหาทางหนี จิตรู้ธรรมลืมจิตที่ติดธุลี ใจรู้ธรรมที่เป็นสุข ขันธ์ทุกข์แท้แน่ประจำ ธรรมคงธรรม ขันธ์คงขันธ์เท่านั้น และคำว่าเย็นสบายหายเดือดร้อน หมายจิตถอนจากผิดที่ติดแท้ แต่ส่วนสังขารขันธ์ปราศจากสุขเป็นทุกข์แท้ เพราะต้องแก่ไข้ตายไม่วายวัน จิตรู้ธรรมที่ล้ำเลิศ จิตก็ถอนจากผิดเครื่องเศร้าหมองของแสลง ผิดเป็นโทษของใจอย่างร้ายแรง เห็นธรรมแจ้ง ถอนผิดหมดพิษใจ
จิต เห็นธรรมดีล้นที่พ้นผิดพบปะธรรมเปลื้องเครื่องกระสัน มีสติอยู่ในตัวไม่พัวพัน เรื่องรักขันธ์ขาดสิ้นหายยินดี สิ้นธุลีทั้งปวงหมดห่วงใย ถึงจะคิดก็ไม่ห้ามตามนิสัย เมื่อไม่ห้ามกลับไม่ฟุ้งพ้นยุ่งไป พึงรู้ได้บาปมีขึ้นเพราะขืนจริง ตอบว่า บาปเกิดได้เพราะไม่รู้ ถ้าปิดประตูเขลาได้สบายยิ่ง ชั่วทั้งปวงเงียบหายไม่ไหวติง ขันธ์ทุกสิ่งย่อมทุกข์ ไม่สุขเลย
แต่ ก่อนข้าพเจ้ามืดเขลาเหมือนเข้าถ้ำ อยากเห็นธรรมยึดใจจะให้เฉย ยึดความจำว่าเป็นใจหมายจนเคย เลยเพลินเชยชม “จำ” ทำมานาน ความจำผิดปิดไว้ไม่ให้เห็น จึงหลงเล่นขันธ์ห้าน่าสงสาร ให้ยกตัวอวดตนพ้นประมาณ เที่ยวระรานติคนอื่นเป็นพื้นไปไม่เป็นผล เที่ยวดูโทษคนอื่นนั้นขื่นใจ เหมือนก่อไฟเผาตัวต้องมัวมอม ใครผิดถูกดีชั่วก็ตัวเขา ใจของเราเพียรระวังตั้งถนอม อย่า ให้อกุศลวนมาตอม ควรถึงพร้อมบุญกุศลผลสบาย เห็นคนอื่นเขาชั่วตัวก็ดี เป็นราคีที่ยึดขันธ์ที่มั่นหมาย ยึดขันธ์ต้องร้อนแท้ เพราะแก่ตาย เลยซ้ำร้ายกิเลสกลุ้มเข้ารุมกวน เต็มทั้งรักทั้งโกรธโทษประจักษ์ ทั้งกลัวนักหนักจิตคิดโหยหวน ซ้ำอารมณ์กามห้าก็มาชวน ยกกระบวนทุกอย่างต่าง ๆ ไป
เพราะยึด ขันธ์ทั้งห้าว่าของตน จึงไม่พ้นทุกข์ภัยไปได้นา ถ้ารู้โทษของตัวแล้วอย่าชาเฉย ดูอาการสังขารที่ไม่เที่ยงร่ำไปให้ใจเคย คงได้เชยชมธรรมะอันเอกวิเวกจิต ไม่เที่ยงนั้นหมายใจไหวจากจำ เห็นแล้วซ้ำดู ๆ อยู่ที่ไหว พออารมณ์นอกดับระงับไปหมดปรากฏธรรม เห็นธรรมแล้วย่อมหายวุ่นวายจิต จิตนั้นไม่ติดคู่ จริงเท่านี้หมดประตู รู้ไม่รู้อย่างนี้วิถีใจ รู้เท่าที่ไม่เที่ยง จิตต้นพ้นริเริ่ม คงจิตเดิมอย่างเที่ยงแท้ รู้ต้นจิตพ้นจากผิดทั้งปวงไม่ห่วง ถ้าออกไปปลายจิตผิดทันที
คำ ที่ว่ามืดนั้นเพราะจิตคิดหวงดี จิตหวงนี้ปลายจิตคิด ออกไป จิตต้นดีเมื่อธรรมะปรากฏหมดสงสัย เห็นธรรมะอันเลิศล้ำโลกา เรื่องคิดค้นวุ่นหามาแต่ก่อน ก็เลิกถอนเปลื้องปลดได้หมดสิ้น ยังมีทุกข์ต้องหลับนอนกับกินไปตามเรื่อง ใจเชื่องชิดต้นจิตคิดไม่ครวญ ธรรมดาของจิตก็ต้องนึกคิด พอรู้สึกจิตต้นพ้นโหยหวน เงียบสงัดจากเรื่องเครื่องรบกวนธรรมดาสังขารปรากฏหมดด้วยกัน เสื่อมทั้งนั้นคงที่ไม่มีเลย
ระวังใจเมื่อจำทำละเอียด มักจะเบียดให้จิตไปติดเฉยใจไม่เที่ยงของใจซ้ำให้เคย เมื่อถึงเอยหากรู้เองเพลงของใจ เหมือนดังมายาที่หลอกลวง ท่านว่าวิปัสสนูปกิเลส จำแลงเพศเหมือนดังจริง ที่แท้ไม่ใช่จริง รู้ขึ้นเองหมายนามว่าความเห็น ไม่ใช่เช่นฟังเข้าใจชั้นไต่ถาม ทั้งตรึกตรองแยกแยะแกะรูปนาม ก็ใช่ความเห็นเองจงเล็งดู รู้ขึ้นเองใช่เพลงคิด รู้ต้นจิต จิตต้นพ้นโหยหวน ต้นจิตรู้ตัวแน่ว่าสังขารเรื่องแปรปรวน ใช่กระบวนไปดูหรือรู้อะไร
รู้ อยู่เพราะหมายคู่ก็ไม่ใช่ จิตคงรู้จิตเองเพราะเพลงไหวจิต รู้ไหว ๆ ก็จิตติดกันไป แยกไม่ได้ตามจริงสิ่งเดียวกัน จิตเป็นสองอาการเรียกว่าสัญญาพาพัวพัน ไม่เที่ยงนั้นก็ตัวเองไปเล็งใคร ใจรู้เสื่อมของตัวก็พ้นมัวมืด ใจก็จืดสิ้นรสหมดสงสัย ขาดค้นคว้าหาเรื่องเครื่องนอกใน ความอาลัยทั้งปวงก็ร่วงโรย ทั้งโกรธรักเครื่อง หนักใจก็ไปจาก เรื่องใจอยากก็หยุดได้หายหวนโหย พ้นหนักใจทั้งหลายโอดโอย เหมือนฝนโปรยใจ ใจเย็นเห็นด้วยใจ ใจเย็นเพราะไม่ต้องเที่ยวมองคน รู้จิตต้นปัจจุบันพ้นหวั่นไหว ดีหรือชั่วทั้งปวงไม่ห่วงใย ต้องดับไปทั้งเรื่องเครื่องรุงรัง อยู่เงียบ ๆ ต้นจิตไม่คิดอ่าน ตามแต่การของจิตสิ้นคิดหวัง ไม่ต้องวุ่นต้องวายหายระวัง นอนหรือนั่งนึกพ้นอยู่ต้นจิต
ท่านชี้มรรคฟังหลักแหลม ช่างต่อแต้มกว้างขวางสว่างไสว ยังอีกอย่างทางใจไม่หลุดสมุทัย ขอจงโปรดชี้ให้พิสดารเป็นการดี
แก้ ว่า สมุทัยกว้างใหญ่นัก ย่อลงก็คือความรักบีบใจอาลัยขันธ์ ถ้าธรรมมีกับจิตเป็นนิจนิรันดร์ เป็นเลิกกันสมุทัยมิได้มี จงจำ ไว้อย่างนี้วิถีจิต ไม่ต้องคิดเวียนวนจนป่นนี้ ธรรมไม่มีอยู่เป็นนิตย์ติดยินดี ใจตกที่สมุทัยอาลัยตัว
ว่าอย่าง ย่อทุกข์กับธรรมประจำจิต เอาจนคิดรู้เห็นจริงจึงเย็นทั่ว จะสุขทุกข์เท่าไรมิได้กลัว สร่างจากเครื่องมัวคือสมุทัยไปที่ดี รู้เท่านี้ก็คลายหายร้อน พอพักผ่อนเสาะแสวงหาทางหนี จิตรู้ธรรมลืมจิตที่ติดธุลี ใจรู้ธรรมที่เป็นสุข ขันธ์ทุกข์แท้แน่ประจำ ธรรมคงธรรม ขันธ์คงขันธ์เท่านั้น และคำว่าเย็นสบายหายเดือดร้อน หมายจิตถอนจากผิดที่ติดแท้ แต่ส่วนสังขารขันธ์ปราศจากสุขเป็นทุกข์แท้ เพราะต้องแก่ไข้ตายไม่วายวัน จิตรู้ธรรมที่ล้ำเลิศ จิตก็ถอนจากผิดเครื่องเศร้าหมองของแสลง ผิดเป็นโทษของใจอย่างร้ายแรง เห็นธรรมแจ้ง ถอนผิดหมดพิษใจ
จิต เห็นธรรมดีล้นที่พ้นผิดพบปะธรรมเปลื้องเครื่องกระสัน มีสติอยู่ในตัวไม่พัวพัน เรื่องรักขันธ์ขาดสิ้นหายยินดี สิ้นธุลีทั้งปวงหมดห่วงใย ถึงจะคิดก็ไม่ห้ามตามนิสัย เมื่อไม่ห้ามกลับไม่ฟุ้งพ้นยุ่งไป พึงรู้ได้บาปมีขึ้นเพราะขืนจริง ตอบว่า บาปเกิดได้เพราะไม่รู้ ถ้าปิดประตูเขลาได้สบายยิ่ง ชั่วทั้งปวงเงียบหายไม่ไหวติง ขันธ์ทุกสิ่งย่อมทุกข์ ไม่สุขเลย
แต่ ก่อนข้าพเจ้ามืดเขลาเหมือนเข้าถ้ำ อยากเห็นธรรมยึดใจจะให้เฉย ยึดความจำว่าเป็นใจหมายจนเคย เลยเพลินเชยชม “จำ” ทำมานาน ความจำผิดปิดไว้ไม่ให้เห็น จึงหลงเล่นขันธ์ห้าน่าสงสาร ให้ยกตัวอวดตนพ้นประมาณ เที่ยวระรานติคนอื่นเป็นพื้นไปไม่เป็นผล เที่ยวดูโทษคนอื่นนั้นขื่นใจ เหมือนก่อไฟเผาตัวต้องมัวมอม ใครผิดถูกดีชั่วก็ตัวเขา ใจของเราเพียรระวังตั้งถนอม อย่า ให้อกุศลวนมาตอม ควรถึงพร้อมบุญกุศลผลสบาย เห็นคนอื่นเขาชั่วตัวก็ดี เป็นราคีที่ยึดขันธ์ที่มั่นหมาย ยึดขันธ์ต้องร้อนแท้ เพราะแก่ตาย เลยซ้ำร้ายกิเลสกลุ้มเข้ารุมกวน เต็มทั้งรักทั้งโกรธโทษประจักษ์ ทั้งกลัวนักหนักจิตคิดโหยหวน ซ้ำอารมณ์กามห้าก็มาชวน ยกกระบวนทุกอย่างต่าง ๆ ไป
เพราะยึด ขันธ์ทั้งห้าว่าของตน จึงไม่พ้นทุกข์ภัยไปได้นา ถ้ารู้โทษของตัวแล้วอย่าชาเฉย ดูอาการสังขารที่ไม่เที่ยงร่ำไปให้ใจเคย คงได้เชยชมธรรมะอันเอกวิเวกจิต ไม่เที่ยงนั้นหมายใจไหวจากจำ เห็นแล้วซ้ำดู ๆ อยู่ที่ไหว พออารมณ์นอกดับระงับไปหมดปรากฏธรรม เห็นธรรมแล้วย่อมหายวุ่นวายจิต จิตนั้นไม่ติดคู่ จริงเท่านี้หมดประตู รู้ไม่รู้อย่างนี้วิถีใจ รู้เท่าที่ไม่เที่ยง จิตต้นพ้นริเริ่ม คงจิตเดิมอย่างเที่ยงแท้ รู้ต้นจิตพ้นจากผิดทั้งปวงไม่ห่วง ถ้าออกไปปลายจิตผิดทันที
คำ ที่ว่ามืดนั้นเพราะจิตคิดหวงดี จิตหวงนี้ปลายจิตคิด ออกไป จิตต้นดีเมื่อธรรมะปรากฏหมดสงสัย เห็นธรรมะอันเลิศล้ำโลกา เรื่องคิดค้นวุ่นหามาแต่ก่อน ก็เลิกถอนเปลื้องปลดได้หมดสิ้น ยังมีทุกข์ต้องหลับนอนกับกินไปตามเรื่อง ใจเชื่องชิดต้นจิตคิดไม่ครวญ ธรรมดาของจิตก็ต้องนึกคิด พอรู้สึกจิตต้นพ้นโหยหวน เงียบสงัดจากเรื่องเครื่องรบกวนธรรมดาสังขารปรากฏหมดด้วยกัน เสื่อมทั้งนั้นคงที่ไม่มีเลย
ระวังใจเมื่อจำทำละเอียด มักจะเบียดให้จิตไปติดเฉยใจไม่เที่ยงของใจซ้ำให้เคย เมื่อถึงเอยหากรู้เองเพลงของใจ เหมือนดังมายาที่หลอกลวง ท่านว่าวิปัสสนูปกิเลส จำแลงเพศเหมือนดังจริง ที่แท้ไม่ใช่จริง รู้ขึ้นเองหมายนามว่าความเห็น ไม่ใช่เช่นฟังเข้าใจชั้นไต่ถาม ทั้งตรึกตรองแยกแยะแกะรูปนาม ก็ใช่ความเห็นเองจงเล็งดู รู้ขึ้นเองใช่เพลงคิด รู้ต้นจิต จิตต้นพ้นโหยหวน ต้นจิตรู้ตัวแน่ว่าสังขารเรื่องแปรปรวน ใช่กระบวนไปดูหรือรู้อะไร
รู้ อยู่เพราะหมายคู่ก็ไม่ใช่ จิตคงรู้จิตเองเพราะเพลงไหวจิต รู้ไหว ๆ ก็จิตติดกันไป แยกไม่ได้ตามจริงสิ่งเดียวกัน จิตเป็นสองอาการเรียกว่าสัญญาพาพัวพัน ไม่เที่ยงนั้นก็ตัวเองไปเล็งใคร ใจรู้เสื่อมของตัวก็พ้นมัวมืด ใจก็จืดสิ้นรสหมดสงสัย ขาดค้นคว้าหาเรื่องเครื่องนอกใน ความอาลัยทั้งปวงก็ร่วงโรย ทั้งโกรธรักเครื่อง หนักใจก็ไปจาก เรื่องใจอยากก็หยุดได้หายหวนโหย พ้นหนักใจทั้งหลายโอดโอย เหมือนฝนโปรยใจ ใจเย็นเห็นด้วยใจ ใจเย็นเพราะไม่ต้องเที่ยวมองคน รู้จิตต้นปัจจุบันพ้นหวั่นไหว ดีหรือชั่วทั้งปวงไม่ห่วงใย ต้องดับไปทั้งเรื่องเครื่องรุงรัง อยู่เงียบ ๆ ต้นจิตไม่คิดอ่าน ตามแต่การของจิตสิ้นคิดหวัง ไม่ต้องวุ่นต้องวายหายระวัง นอนหรือนั่งนึกพ้นอยู่ต้นจิต
ท่านชี้มรรคฟังหลักแหลม ช่างต่อแต้มกว้างขวางสว่างไสว ยังอีกอย่างทางใจไม่หลุดสมุทัย ขอจงโปรดชี้ให้พิสดารเป็นการดี
แก้ไขล่าสุดโดย por_jai เมื่อ เสาร์ ม.ค. 03, 2009 4:46 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 93
ตอบว่า สมุทัย คือ อาลัยรัก เพลินยิ่งนักทำภพใหม่ไม่หน่ายหนี ว่าอย่างต่ำกามคุณห้าเป็นราคี อย่างสูงชี้สมุทัยอาลัยฌาน ถ้าจับตามวิถี มีในจิต ก็เรื่องคิดเพลินไปในสังขาร เพลินทั้งปวงเคยมาเสียช้านาน กลับเป็นการดีไปให้เจริญจิตไปในส่วนที่ผิด ก็เลยแตกกิ่งก้านฟุ้งซ่านใหญ่ เที่ยวเพลินไปในผิดไม่คิดเขิน สิ่งใดชอบอารมณ์ก็ชมเพลิน เพลินจนเกินลืมตัวไม่กลัวภัย
เพลินดู โทษคนอื่นดื่นด้วยชั่วโทษของตัวไม่เห็นเป็นไฉนโทษคนอื่นเข้ามากสัก เท่าไร ไม่ทำให้เราตกนรกเลย โทษของเราเศร้าหมองไม่ต้องมาก ส่งวิบากไปตกนรกแสนสาหัส หมั่นดูโทษตนไว้ให้ใจเคย เว้นเสียซึ่งโทษนั้น คงได้เชยชมสุขพ้นทุกข์ภัย เมื่อเห็นโทษตนชัดรีบตัดทิ้ง ทำอ้อยอิ่งคิดมากจากไม่ได้ เรื่องอยากดีไม่หยุดคือตัวสมุทัย เป็นโทษใหญ่กลัวจะไม่ดีนี้ก็แรง
ดี แลไม่ดีนี้เป็นพิษของจิตนัก เหมือนไข้หนักถูกต้องของแสลง กำเริบโรคด้วยพิษผิดสำแลง ธรรมไม่แจ้ง เพราะอยากดีนี้เป็นเดิม ความอยากดีมีมากมักลากจิต ให้เที่ยวคิดวุ่นไปจนใจเหิม สรรพชั่ว มัวหมองก็ต้องเติม ผิดยิ่งเพิ่มร่ำไปไกลจากธรรม
ที่จริงชี้สมุทัยนี้ ใจฉันคร้าม ฟังเนื้อความไปข้างนุงนังยุ่งยิ่ง เมื่อชี้มรรคฟังใจไม่ไหวติง ระงับนิ่งใจสงบจบกันทีฯ
อัน นี้ชื่อว่า ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ ประจำอยู่กับที่ ไม่มีอาการไปไม่มีอาการมาสภาวธรรมที่เป็นจริงสิ่งเดียวเท่านี้ และไม่มีเรื่อง จะแวะเวียน สิ้นเนื้อความแต่เพียงเท่านี้ฯ
ผิดหรือถูกจงใช้ปัญญาตรองดูให้รู้เถิดฯ
พระภูริทัตโตฯ (หมั่น)
วัดสระประทุมวัน
เป็นผู้แต่ง ฯ
เพลินดู โทษคนอื่นดื่นด้วยชั่วโทษของตัวไม่เห็นเป็นไฉนโทษคนอื่นเข้ามากสัก เท่าไร ไม่ทำให้เราตกนรกเลย โทษของเราเศร้าหมองไม่ต้องมาก ส่งวิบากไปตกนรกแสนสาหัส หมั่นดูโทษตนไว้ให้ใจเคย เว้นเสียซึ่งโทษนั้น คงได้เชยชมสุขพ้นทุกข์ภัย เมื่อเห็นโทษตนชัดรีบตัดทิ้ง ทำอ้อยอิ่งคิดมากจากไม่ได้ เรื่องอยากดีไม่หยุดคือตัวสมุทัย เป็นโทษใหญ่กลัวจะไม่ดีนี้ก็แรง
ดี แลไม่ดีนี้เป็นพิษของจิตนัก เหมือนไข้หนักถูกต้องของแสลง กำเริบโรคด้วยพิษผิดสำแลง ธรรมไม่แจ้ง เพราะอยากดีนี้เป็นเดิม ความอยากดีมีมากมักลากจิต ให้เที่ยวคิดวุ่นไปจนใจเหิม สรรพชั่ว มัวหมองก็ต้องเติม ผิดยิ่งเพิ่มร่ำไปไกลจากธรรม
ที่จริงชี้สมุทัยนี้ ใจฉันคร้าม ฟังเนื้อความไปข้างนุงนังยุ่งยิ่ง เมื่อชี้มรรคฟังใจไม่ไหวติง ระงับนิ่งใจสงบจบกันทีฯ
อัน นี้ชื่อว่า ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ ประจำอยู่กับที่ ไม่มีอาการไปไม่มีอาการมาสภาวธรรมที่เป็นจริงสิ่งเดียวเท่านี้ และไม่มีเรื่อง จะแวะเวียน สิ้นเนื้อความแต่เพียงเท่านี้ฯ
ผิดหรือถูกจงใช้ปัญญาตรองดูให้รู้เถิดฯ
พระภูริทัตโตฯ (หมั่น)
วัดสระประทุมวัน
เป็นผู้แต่ง ฯ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
kiri
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 473
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 94
ดีใจที่ได้เจอพี่ป้อมเช่นกันค่ะ พอได้ศึกษาธรรมะเพิ่มเติมแล้วดูพี่มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะ อนุโมมนาด้วยค่ะpor_jai เขียน:
เมื่อวานไปฟังหลวงพ่อแสดงธรรมที่สวนสันติธรรม ศรีราชา
ไปกับอาซ้อกับลูกชาย
ลูกชายเพิ่ง20 ลองชวนเขาไปวัดนี้บ่อยๆ
ไม่รู้จะถูกจริตวัยรุ่นหรือเปล่า
คิดว่าถ้าเขารู้จักธรรมะตั้งแต่หนุ่มๆ
เขาจะไ้ด้มีศีลมีธรรมคุ้มครองตัวได้
อือม...แต่ชวนทีไรเขาก็ยอมไปด้วยนะ
ได้ไปไหว้หลวงพ่อ จะได้เติมแบ๊ตเตอรี่เอาไว้สู้กับชีิวิต
ไม่ทำผิดศีลให้ชีวิตมันมัวหมอง ไปเบียดเบียนใครเข้า
รวมๆแล้วได้ไปก็เป็นมงคลกับชีวิตในปีใหม่ที่มาถึง
ได้เจอกับน้องภากับครอบครัวด้วย
ดีใจจัง
วันก่อนก็เจอเจ้ายศ ไทยออยล์ที่ีนี่ด้วยเช่นกัน
มีคนสนใจศีกษาธรรมะเยอะนะ ดีจัง
วันนี้ไปเจอธรรมะบทนึงของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ชื่อ ขันธะัวิมุติสะมังคีธรรมะ
อ่านยากเหมือนกัน แต่แต่งแบบร้อยกรอง น่าอ่านมั่กๆ
อ่านแล้วโอ้โฮย
ไม่ได้แล้วต้องนำมาฝากพรรคพวกในเวบกันเป็นของบวัญปีใหม่ดีกว่า
-
Dech
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 95
อนุโมทนาด้วยนะครับ
วันนี้ใครไปฟังธรรมหลวงพ่อมาบ้างครับ
ผมไม่ได้ไปครับ แต่เมื่อเช้าก็ไปตักบาตรมาครับ
ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
วันนี้ใครไปฟังธรรมหลวงพ่อมาบ้างครับ
ผมไม่ได้ไปครับ แต่เมื่อเช้าก็ไปตักบาตรมาครับ
ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
ศิษย์เซียน007
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 96
สุขหรือทุกข์เกิดขึ้นที่จิตเพราะการปรุงแต่งไร้การปรุงแต่งย่อมไร้ทุกข์พบสุขเย็น 
-
Ent'
- Verified User
- โพสต์: 715
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 98
พึ่งรู้ว่า เพื่อนๆพี่ๆ ใน ThaiVI สนใจธรรมมะกันเยอะนะครับ และรู้จัก พระอาจารย์ปราโมทย์กันหลายคนด้วย
ผมก็ไปฟังธรรมครั้งแรกกับ หลวงพ่อปราโมทย์ สมัยท่านอยู่กาญ เมื่อ สามปีกว่าๆ ที่แล้ว ฟังแล้วก็นำ CD กลับมาบ้าน ปฎิับัติ ดูจิตไป ก็ชีวิตเปลี่ยนจริงๆครับ ก่อนหน้านี้ กิเลสเราเหมือนเปรียบเหมือนกับหญ้าที่เราเอาหินมาทับไว้ เอาหินออก (เลิกเพ่ง) กิเลสก็กลับมา บางทีแรงกว่าเดิม แต่ว่า พอทำวิปัสสนา โดยการพิจารณาจิตไป ก็เหมือนกับ เราถอนหญ้าออก ศีลก็ถือได้ โดยไม่ลำบากมาก จิตใจก็พัฒนาไปตามลำดับ ผมก็พยายามจะแนะนำ คนรอบๆ ตัวให้มารู้จักพุทธธรรมกันมากขึ้น เพราะเจอกับตัวเองแล้วก็พบว่าดีจริง
ปัจจุบันไม่ค่อยได้ไปที่ ชลบุรีแล้วครับ ได้ยินว่าญาติโยมไปเยอะมาก โดยมากก็จะไปที่ศาลาลุงชิน เพราะใกล้บ้าน แล้วก็ ฟัง CD ของหลวงพ่อปราโมทย์ครับ
แนะนำเทศนาธรรมของ หลวงพ่อคึกฤิทธิ์ วัดนาป่าพงแถวปทุมธานีอีกเทศนาหนึ่งครับ หลวงพ่อคึกฤิทธิ์จะ หยิบเรื่องพุทธวัจนะตามในพระไตรปิฎกมาพูดบ่อยในการสอนธรรม ทำใ้ห้เราไม่ต้องอ่านพระไตรปิฎกเองครับ
http://www.fungdham.com/sound/kugrit.html
ผมก็ไปฟังธรรมครั้งแรกกับ หลวงพ่อปราโมทย์ สมัยท่านอยู่กาญ เมื่อ สามปีกว่าๆ ที่แล้ว ฟังแล้วก็นำ CD กลับมาบ้าน ปฎิับัติ ดูจิตไป ก็ชีวิตเปลี่ยนจริงๆครับ ก่อนหน้านี้ กิเลสเราเหมือนเปรียบเหมือนกับหญ้าที่เราเอาหินมาทับไว้ เอาหินออก (เลิกเพ่ง) กิเลสก็กลับมา บางทีแรงกว่าเดิม แต่ว่า พอทำวิปัสสนา โดยการพิจารณาจิตไป ก็เหมือนกับ เราถอนหญ้าออก ศีลก็ถือได้ โดยไม่ลำบากมาก จิตใจก็พัฒนาไปตามลำดับ ผมก็พยายามจะแนะนำ คนรอบๆ ตัวให้มารู้จักพุทธธรรมกันมากขึ้น เพราะเจอกับตัวเองแล้วก็พบว่าดีจริง
ปัจจุบันไม่ค่อยได้ไปที่ ชลบุรีแล้วครับ ได้ยินว่าญาติโยมไปเยอะมาก โดยมากก็จะไปที่ศาลาลุงชิน เพราะใกล้บ้าน แล้วก็ ฟัง CD ของหลวงพ่อปราโมทย์ครับ
แนะนำเทศนาธรรมของ หลวงพ่อคึกฤิทธิ์ วัดนาป่าพงแถวปทุมธานีอีกเทศนาหนึ่งครับ หลวงพ่อคึกฤิทธิ์จะ หยิบเรื่องพุทธวัจนะตามในพระไตรปิฎกมาพูดบ่อยในการสอนธรรม ทำใ้ห้เราไม่ต้องอ่านพระไตรปิฎกเองครับ
http://www.fungdham.com/sound/kugrit.html
-
lukechin
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 99
มีพี่ๆ เพื่อนๆ คนไหนสามารถรักษาศีล 5 ได้ตลอดรอดฝั่งไหมครับ
เพราะผมพยายามอยู่เหมือนกันแต่บางอย่างมันก็ยังขัดแย้งในตัว เหมือนว่าทั่วๆ ไปสามารถทำกันได้โดยไม่เคอะเขิน เช่น การสอนไม่ให้ลักทรัพย์ แต่ในที่ทำงานทั่วไปก็จะใช้โทรศัพท์บ.โทรคุยเรื่องส่วนตัว (อันนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว) ใช้อุปกรณ์สำนักงานในเรื่องส่วนตัว (อย่างตอนนี้ก็ใช้เวลาทำงานในการโพสข้อความนะเนี่ย) หรือ ใช้เวลางานในการทำธุระส่วนตัว ถือว่าผิดศีลหรือไม่ครับ
อีกเรื่องหนึ่ง คือ การดื่มสุราเมรัย ถ้าหากผมจิบไวน์หรือทานอาหารที่มีไวน์ขาวปรุงอยู่ด้วยถือว่าผิดไหมครับ
หรือว่าผมเคร่งเกินไป?
เพราะผมพยายามอยู่เหมือนกันแต่บางอย่างมันก็ยังขัดแย้งในตัว เหมือนว่าทั่วๆ ไปสามารถทำกันได้โดยไม่เคอะเขิน เช่น การสอนไม่ให้ลักทรัพย์ แต่ในที่ทำงานทั่วไปก็จะใช้โทรศัพท์บ.โทรคุยเรื่องส่วนตัว (อันนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว) ใช้อุปกรณ์สำนักงานในเรื่องส่วนตัว (อย่างตอนนี้ก็ใช้เวลาทำงานในการโพสข้อความนะเนี่ย) หรือ ใช้เวลางานในการทำธุระส่วนตัว ถือว่าผิดศีลหรือไม่ครับ
อีกเรื่องหนึ่ง คือ การดื่มสุราเมรัย ถ้าหากผมจิบไวน์หรือทานอาหารที่มีไวน์ขาวปรุงอยู่ด้วยถือว่าผิดไหมครับ
หรือว่าผมเคร่งเกินไป?
"ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี (ถึงแม้ว่าราคาจะเกินมูลค่าที่แท้จริงไปก็ตาม)"
-
RONNAPUM
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 100
เห็นพี่ๆ คุยกันเรื่องหลวงพ่อปราโมทย์ด้วย
ดีจังมีทำวิปัสนากันหลายคนเลย :D
ผมอยู่ใกล้ท่าน แต่เหมือนไกลเลยไม่เคยเข้าไปฟังธรรมจากท่านเลย
ได้แต่ฟัง ซีดีและอ่านหนังสือของท่าน แล้วก็ฝึกกันไป มีอะไรสงสัย
ก็ถามอาจารย์ สุวัฒน์ กันไป ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็แล้วแต่โอกาส
ตามสถานการณ์ ใว้วันหลังมาขอคำแนะนำ จากพี่ๆ บ้างดีกว่านะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :D
ดีจังมีทำวิปัสนากันหลายคนเลย :D
ผมอยู่ใกล้ท่าน แต่เหมือนไกลเลยไม่เคยเข้าไปฟังธรรมจากท่านเลย
ได้แต่ฟัง ซีดีและอ่านหนังสือของท่าน แล้วก็ฝึกกันไป มีอะไรสงสัย
ก็ถามอาจารย์ สุวัฒน์ กันไป ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็แล้วแต่โอกาส
ตามสถานการณ์ ใว้วันหลังมาขอคำแนะนำ จากพี่ๆ บ้างดีกว่านะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
RONNAPUM
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 101
ถ้ารักษาศีล 5 ไม่ได้จริงๆlukechin เขียน:มีพี่ๆ เพื่อนๆ คนไหนสามารถรักษาศีล 5 ได้ตลอดรอดฝั่งไหมครับ
เพราะผมพยายามอยู่เหมือนกันแต่บางอย่างมันก็ยังขัดแย้งในตัว เหมือนว่าทั่วๆ ไปสามารถทำกันได้โดยไม่เคอะเขิน เช่น การสอนไม่ให้ลักทรัพย์ แต่ในที่ทำงานทั่วไปก็จะใช้โทรศัพท์บ.โทรคุยเรื่องส่วนตัว (อันนี้ก็ไม่ได้ทำแล้ว) ใช้อุปกรณ์สำนักงานในเรื่องส่วนตัว (อย่างตอนนี้ก็ใช้เวลาทำงานในการโพสข้อความนะเนี่ย) หรือ ใช้เวลางานในการทำธุระส่วนตัว ถือว่าผิดศีลหรือไม่ครับ
อีกเรื่องหนึ่ง คือ การดื่มสุราเมรัย ถ้าหากผมจิบไวน์หรือทานอาหารที่มีไวน์ขาวปรุงอยู่ด้วยถือว่าผิดไหมครับ
หรือว่าผมเคร่งเกินไป?
ก็เปลี่ยนมาเป็น ทำอย่างระลึกรู้
กินเหล้าก็รู้กินเหล้า ว่ากินเหล้า
อู้งาน ก็รู้ว่าอู้งาน
ใช้ของบริษัท ก็รู้ว่าใช้
ทำทุกอย่าง อย่างระลึกรู้
แล้วเมื่อจิตจำสภาวะเหล่านี้ได้
เดี๋ยวมันก็จะค่อยๆ ลดกันไป
ได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร
อย่าไปจงใจทำมัน
ปล.. พระอาจารย์สอนมาอีกที
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 102
หลวงพ่อสอนว่า ทั้งกุศลและอกุศลสอนเราได้ทั้งคู่
เพราะทำให้จิตเรียนรู้สภาวะแห่งธรรมนั้นๆ
แต่มีข้อแม้ว่าต้องถือศีลให้มั่นครับ
หลวงพ่อบอกอีกว่า
อย่าคิดนะว่าถ้าไม่ถือศีล แล้วจะปฏิบัติได้ก้าวหน้า
ส่วนกินเหล้ารู้ว่ากินเหล้านี่ผมว่าเป็นการรู้บัญญัตินะไม่ใช่รู้ปรมัตถ์
ไงๆเต้ยเจออ.สุรวัฒน์ช่วยถามท่านอีกรอบ
แล้วรบกวนมาโพสเล่าให้ฟังด้วย จะเป็นพระคุณมาก
เพราะทำให้จิตเรียนรู้สภาวะแห่งธรรมนั้นๆ
แต่มีข้อแม้ว่าต้องถือศีลให้มั่นครับ
หลวงพ่อบอกอีกว่า
อย่าคิดนะว่าถ้าไม่ถือศีล แล้วจะปฏิบัติได้ก้าวหน้า
ส่วนกินเหล้ารู้ว่ากินเหล้านี่ผมว่าเป็นการรู้บัญญัตินะไม่ใช่รู้ปรมัตถ์
ไงๆเต้ยเจออ.สุรวัฒน์ช่วยถามท่านอีกรอบ
แล้วรบกวนมาโพสเล่าให้ฟังด้วย จะเป็นพระคุณมาก
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
RONNAPUM
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 103
สวัสดีครับพี่พอใจpor_jai เขียน:หลวงพ่อสอนว่า ทั้งกุศลและอกุศลสอนเราได้ทั้งคู่
เพราะทำให้จิตเรียนรู้สภาวะแห่งธรรมนั้นๆ
แต่มีข้อแม้ว่าต้องถือศีลให้มั่นครับ
หลวงพ่อบอกอีกว่า
อย่าคิดนะว่าถ้าไม่ถือศีล แล้วจะปฏิบัติได้ก้าวหน้า
ส่วนกินเหล้ารู้ว่ากินเหล้านี่ผมว่าเป็นการรู้บัญญัตินะไม่ใช่รู้ปรมัตถ์
ไงๆเต้ยเจออ.สุรวัฒน์ช่วยถามท่านอีกรอบ
แล้วรบกวนมาโพสเล่าให้ฟังด้วย จะเป็นพระคุณมาก
เดี๋ยวผมไปเจออาจารย์แล้วจะถามให้ครับ
ท่านใดสนใจ ลองไปดูนะครับไม่ไกลเลยครับ
http://www.baanaree.net/
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
meee
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 104
ดีใจครับที่ได้รู้จักศิษย์์อาจารย์เดียวกัน
อ.ปราโมทย์ท่านไปทำบุญ และ สอนคนที่สนใจ
ที่ศาลาลุงชิน ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช
ผมโชคดีมากที่ได้รู้จักท่านตั้งแต่สมัยนั้น
ท่านจะสอนตัวต่อตัว สอนให้ดูโมหะซึ่งละเอียดมาก
คนส่วนมากเมื่อได้เรียนแล้ว ก็จะเพ่งกับเผลอ
คอยที่จะจ้องดูจิต ท่านก็สอนให้รู้ รู้อย่างเดียว
สำหรับผม พอเรื่มที่จะรู้ ก็จะเผลอต่อ
เมื่อรู้เป็นแล้วก็ควรรู้อยู่ บ่อยๆ มีความเพียรอยู่เสมอ
อย่าได้หยุดหรือเบื่อ ไม่เช่นนั้นแล้วจะลืมยาว
จะกลับมาเริ่มใหม่ ก็ไม่ต่อเนื่องทั้งยังเสียเวลาและโอกาสอันดีอีก
ผมได้แนะนำให้หลายคนฟังคำสอนของท่าน
พวกเขาก้าวหน้าไปมากเลยครับ
อ.ปราโมทย์ท่านไปทำบุญ และ สอนคนที่สนใจ
ที่ศาลาลุงชิน ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช
ผมโชคดีมากที่ได้รู้จักท่านตั้งแต่สมัยนั้น
ท่านจะสอนตัวต่อตัว สอนให้ดูโมหะซึ่งละเอียดมาก
คนส่วนมากเมื่อได้เรียนแล้ว ก็จะเพ่งกับเผลอ
คอยที่จะจ้องดูจิต ท่านก็สอนให้รู้ รู้อย่างเดียว
สำหรับผม พอเรื่มที่จะรู้ ก็จะเผลอต่อ
เมื่อรู้เป็นแล้วก็ควรรู้อยู่ บ่อยๆ มีความเพียรอยู่เสมอ
อย่าได้หยุดหรือเบื่อ ไม่เช่นนั้นแล้วจะลืมยาว
จะกลับมาเริ่มใหม่ ก็ไม่ต่อเนื่องทั้งยังเสียเวลาและโอกาสอันดีอีก
ผมได้แนะนำให้หลายคนฟังคำสอนของท่าน
พวกเขาก้าวหน้าไปมากเลยครับ
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 105
ศิษย์พี่meeeคงก้าวหน้าไปไกลแล้วmeee เขียน:ดีใจครับที่ได้รู้จักศิษย์์อาจารย์เดียวกัน
อ.ปราโมทย์ท่านไปทำบุญ และ สอนคนที่สนใจ
ที่ศาลาลุงชิน ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช
ผมโชคดีมากที่ได้รู้จักท่านตั้งแต่สมัยนั้น
ท่านจะสอนตัวต่อตัว สอนให้ดูโมหะซึ่งละเอียดมาก
คนส่วนมากเมื่อได้เรียนแล้ว ก็จะเพ่งกับเผลอ
คอยที่จะจ้องดูจิต ท่านก็สอนให้รู้ รู้อย่างเดียว
สำหรับผม พอเรื่มที่จะรู้ ก็จะเผลอต่อ
เมื่อรู้เป็นแล้วก็ควรรู้อยู่ บ่อยๆ มีความเพียรอยู่เสมอ
อย่าได้หยุดหรือเบื่อ ไม่เช่นนั้นแล้วจะลืมยาว
จะกลับมาเริ่มใหม่ ก็ไม่ต่อเนื่องทั้งยังเสียเวลาและโอกาสอันดีอีก
ผมได้แนะนำให้หลายคนฟังคำสอนของท่าน
พวกเขาก้าวหน้าไปมากเลยครับ
ได้เจอกับหลวงพ่อมาตั้งแต่ก่อนท่านบวช
ฮ่้า...มีกัลยาณมิตรให้สอบถามอีกแล้ว
เหมือนที่ภาษิตจีนว่า
"เมื่อศิษย์พร้อม อาจารย์จะปรากฏกาย"
ผมมีเรื่องถามครับ
ผมเป็นสายจิตนะครับ
เพราะเป็นพวกเจ้าทฤษฏี คิดฟุ้งไปทั้งวัน(แต่ไม่เคยรู้ตัว)
เริ่มปฏิบัติตั้งแต่เดือนกันยายนปีัที่ผ่านมา
เวลาผมฟังซีดีหลวงพ่อเป็นวิหารธรรม
(ฟังไปไม่น้อยกว่าสามสี่ร้อยชั่วโมงน่าจะได้)
กำหนดลมหายใจไป แล้วรู้จิตที่มันชอบเผลอไปโน่นมานี่
เผลอมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ดีๆเสื่อมๆสลับกันไป
สำหรับการปฏิบัติประจำวันอย่างนี้ผมพอสะสมสติไปได้ช้าบ้างเร็วบ้าง
แต่ในชีวิตประจำวันที่หลวงพ่อสอนให้รู้
ซึ่งจะทำให้ปฏิบัติได้ทั้งวัน นั้นทำไม่ได้เลยครับ
มีเทคนิคหรือกุุศโลบายอย่างไรบ้าง
ที่จะทำให้การปฏิบัติในส่วนนี้ดีขึ้นครับ
แล้วจะมาถามเรื่อยๆครับ มีปัญหาเยอะเชียวครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
RONNAPUM
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 107
[quote="por_jai"][quote="meee"]ดีใจครับที่ได้รู้จักศิษย์์อาจารย์เดียวกัน
อ.ปราโมทย์ท่านไปทำบุญ และ สอนคนที่สนใจ
ที่ศาลาลุงชิน ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช
ผมโชคดีมากที่ได้รู้จักท่านตั้งแต่สมัยนั้น
ท่านจะสอนตัวต่อตัว สอนให้ดูโมหะซึ่งละเอียดมาก
คนส่วนมากเมื่อได้เรียนแล้ว ก็จะเพ่งกับเผลอ
คอยที่จะจ้องดูจิต ท่านก็สอนให้รู้
อ.ปราโมทย์ท่านไปทำบุญ และ สอนคนที่สนใจ
ที่ศาลาลุงชิน ตั้งแต่ท่านยังไม่บวช
ผมโชคดีมากที่ได้รู้จักท่านตั้งแต่สมัยนั้น
ท่านจะสอนตัวต่อตัว สอนให้ดูโมหะซึ่งละเอียดมาก
คนส่วนมากเมื่อได้เรียนแล้ว ก็จะเพ่งกับเผลอ
คอยที่จะจ้องดูจิต ท่านก็สอนให้รู้
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
สถาปนิกต่างดาว
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 109
ผมมีจริตแบบ ฟุ้งซ่าน คิดมาก งุนงง และ สงสัยแยะครับ
แถมดันอยากตรัสรู้ด้วยตัวเองอีก ๕๕๕
เลยต้องคิดเพ่นพ่านไปทุกที่
แต่ก็ยัง งง งง ในบางที
เลยต้องมองอะไรๆ เป็นแบบจิ๊กซอว์ครับ
เอามาปะติดปะต่อกัน
จิ๊กซอว์ตัวแรก
จักรวาลมันเกิดขึ้นอย่างไร ใครสร้างจักรวาล ?
ล่าสุดเขาบอกว่า big bang ระเบิดบึ้มจากจุดพลังงานมหาศาล
จุดก็คือสิ่งที่ไม่มีความกว้าง ไม่มีความยาว นะครับ
เกิดเป็น แรง และก็เป็นทะเล ควาร์ก อนุภาคตัวจิ๋ว แล้วก็รวมตัวกันเป็น
โปรตรอน นิวตรอน เป็น อะตอม เป็นดาว เป็นกาแลคซี่
ลูกอีช่างสงสัย ก็สงสัยอีกว่าแล้วก่อนบิ๊กแบง มันเป็นยังไง ?
ลูกอีช่างคิด พวกนึงบอกว่า จักรวาลมันเป็นวงรอบ เหมือนหุ้นวัฐจักร
อีกพวกนึงบอกว่า มันมีหลายจักรวาล บ้างก็เกิด บ้างก็ดับ สลับทดแทนกันไป แบบว่ามี ตลาดใหญ่ ตลาด mai ตลาดดาวน์โจนส์ ตลาดเวียดนาม
ไอ้คนสุดท้าย มันบอกว่า เวลาไม่มีอยู่จริง !
ท่านเซอร์นิวตันผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วงหลังจากโดนแอ๊ปเปิลหล่นใส่หัว บอกว่าเวลาที่ไหนๆในจักรวาลก็เท่ากันหมด
สัมพัทธภาพของไอน์สไตน์พบว่า ยิ่งเราเคลื่อนที่เร็วขึ้น นาฬิกาจะยิ่งเดินช้าลง แฝดคนที่ขี่จรวดความเร็วแสงจึงละอ่อนกว่าแฝดที่เล่นหุ้นอยู่บนโลก
ไอ้คนหลังนี่ บอกว่าเวลาเป็นมายา มีแต่ "เดี๋ยวนี้" เท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิด คือการเปลี่ยนจากเดี๋ยวนี้ ไปเป็นเดี๋ยวนี้อีกอันนึง ไม่ใช่อดีต ปัจจุบันหรืออนาคต แบบว่า เลข ๓ ก็ไม่ใช่อดีต ของเลข ๕
เอากะมันสิ
เอ ยังงี้ ตอนนี้หุ้นมันก็ไม่ได้ตกน่ะสิ
ไตรปิฎกบอกว่า จักรวาลมีหลายจักรวาล !!!
เต๋า ที่ไม่ได้นามสกุลเข็มกลัดบอกว่า everything comes from nothing !!!
เซ็น เกิดขึ้นเพราะ พระอานนท์ตรัสรู้เพียงเห็นพระพุทธเจ้าชูดอกบัวขึ้นมาโดยไม่ตรัสแสดงธรรม พุทธะนะบัดนาว !!!
นี่คือจิ๊กซอว์ตัวแรก
แถมดันอยากตรัสรู้ด้วยตัวเองอีก ๕๕๕
เลยต้องคิดเพ่นพ่านไปทุกที่
แต่ก็ยัง งง งง ในบางที
เลยต้องมองอะไรๆ เป็นแบบจิ๊กซอว์ครับ
เอามาปะติดปะต่อกัน
จิ๊กซอว์ตัวแรก
จักรวาลมันเกิดขึ้นอย่างไร ใครสร้างจักรวาล ?
ล่าสุดเขาบอกว่า big bang ระเบิดบึ้มจากจุดพลังงานมหาศาล
จุดก็คือสิ่งที่ไม่มีความกว้าง ไม่มีความยาว นะครับ
เกิดเป็น แรง และก็เป็นทะเล ควาร์ก อนุภาคตัวจิ๋ว แล้วก็รวมตัวกันเป็น
โปรตรอน นิวตรอน เป็น อะตอม เป็นดาว เป็นกาแลคซี่
ลูกอีช่างสงสัย ก็สงสัยอีกว่าแล้วก่อนบิ๊กแบง มันเป็นยังไง ?
ลูกอีช่างคิด พวกนึงบอกว่า จักรวาลมันเป็นวงรอบ เหมือนหุ้นวัฐจักร
อีกพวกนึงบอกว่า มันมีหลายจักรวาล บ้างก็เกิด บ้างก็ดับ สลับทดแทนกันไป แบบว่ามี ตลาดใหญ่ ตลาด mai ตลาดดาวน์โจนส์ ตลาดเวียดนาม
ไอ้คนสุดท้าย มันบอกว่า เวลาไม่มีอยู่จริง !
ท่านเซอร์นิวตันผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วงหลังจากโดนแอ๊ปเปิลหล่นใส่หัว บอกว่าเวลาที่ไหนๆในจักรวาลก็เท่ากันหมด
สัมพัทธภาพของไอน์สไตน์พบว่า ยิ่งเราเคลื่อนที่เร็วขึ้น นาฬิกาจะยิ่งเดินช้าลง แฝดคนที่ขี่จรวดความเร็วแสงจึงละอ่อนกว่าแฝดที่เล่นหุ้นอยู่บนโลก
ไอ้คนหลังนี่ บอกว่าเวลาเป็นมายา มีแต่ "เดี๋ยวนี้" เท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิด คือการเปลี่ยนจากเดี๋ยวนี้ ไปเป็นเดี๋ยวนี้อีกอันนึง ไม่ใช่อดีต ปัจจุบันหรืออนาคต แบบว่า เลข ๓ ก็ไม่ใช่อดีต ของเลข ๕
เอากะมันสิ
เอ ยังงี้ ตอนนี้หุ้นมันก็ไม่ได้ตกน่ะสิ
ไตรปิฎกบอกว่า จักรวาลมีหลายจักรวาล !!!
เต๋า ที่ไม่ได้นามสกุลเข็มกลัดบอกว่า everything comes from nothing !!!
เซ็น เกิดขึ้นเพราะ พระอานนท์ตรัสรู้เพียงเห็นพระพุทธเจ้าชูดอกบัวขึ้นมาโดยไม่ตรัสแสดงธรรม พุทธะนะบัดนาว !!!
นี่คือจิ๊กซอว์ตัวแรก
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
สถาปนิกต่างดาว
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 110
จิ๊กซอว์ตัวที่ สอง
ควาร์ก
ติ๊ดต่างนะครับ เรากำลังขับยาน ufi (ไม่ใช่ ufo นะครับ) ufi unidentitied flying mind จรวดจิตครับผม ย่อยานให้เล็กลงแล้วขับด้วยความเร็วเหนือแสง ไปที่อะไรก็ได้ในโลกนี้ โต๊ะ ขนมปัง ใบหุ้น สมมัติว่าไปที่มือของเราละกัน เราจะเจอผิ;หนัง เจอโครงสร้างผิว เจอเซล ลึกลงไปอีก เจอโครโมโซม
เจอสาย dna ขับเข้าไปใน dna เจอ อะตอม เป็นเม็ดกลมๆ
พอเข้าใกล้ถึงได้รู้ว่า ที่แท้ มันคือก้อนนิวเคลียสมีโปรตอนกับนิวตรอนฟัดกันนัวเนีย โดยมีอิเลคตรอนวิ่งอยู่รอบๆ เปรียบให้เห็นภาพก็ประมาณว่า นิวเคลียสนี่เท่ากับเม็ดถั่วเขียว ที่วางอยู่กลางสนามบอล เส้นวงรอบสนามคือเส้นเดินทางของอิเลคตรอน
เข้าไปต่ออีก ไม่ว่าจะในโปรตอน นิวตรอน อิเลคตรอน ที่แท้มันคือ ควาร์ก อนุภาคหรือคลื่นจิ๋วครับ วิ่งผลุบๆโผล่ จนเห็นไกลๆว่าเป็นก้อนกลม
จำตอนที่ระเบิดบิ๊กแบงได้ไหมครับ ก็ไอ้ควาร์กพวกเดิมนั่นแหละ
พระเจ้าช่ายกล้วยน้ำว้า ตัวเป็นๆอย่างเรานี่ มองด้วยตาละเอียดแล้วมันก็คือแก็งค์ควาร์กกอดรัดฟัดกัน และมันก็แบ่งเป็นแก็งค์หิน ดิน น้ำ กะทะ ลองจินตนาการดูสิครับตัวเรา คอมพิวเตอร์ จอหุ้น เป็นจุดๆๆๆๆๆๆ เคลื่อนไหวไปมาดูสิ
พระเจ้าช่วยกล้วยตานี ในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่มีวัตถุหรือของแข็งใดๆเลยหรือนี่ เพราะอะตอมคือที่ว่างที่มีอิเลคตรอนวิ่งรอบนิวเคลียสเท่านั้นเอง การที่เราจับใบหุ้นว่าแข็งนั้น ก็เพราะความแข็งเป็นเรื่องของความรู้สึกของจิตเมื่ออะตอมวิ่งมาชนอะตอม
พระเจ้าช่วยกล้วยหักมุข และในโลกแห่งความเป็นจริงในระดับอนุภาค ไอ้เจ้าควาร์กนี่มันเป็นได้ทั้งคลื่นหรืออนุภาคได้ในเวลาเดียวกัน ต่อเมื่อมีการ "สังเกตุ" มันจึงจะกลายเป็นอย่างใด อย่างหนึ่ง
อีตา ชโรดิงเจอร์ นักควอนตัมฟิสิกส์ อธิบายว่า เอาแมวหนึ่งตัว ขวดยาพิษ ค้อนกลไก และอนุภาคคลื่น๑หน่วย ใส่กล่องปิดฝา ถ้าอนุภาคคลื่นสลายตัว มันจะไปทำให้กลไกทำงานทุบขวดยาพิษ แมวจะตาย คำถามคือแมวจะตายหรือไม่
คำตอบทางควอนตัมฟิสิกส์ คือ แมวจะตายหรือเป็นได้ทั้ง๒ สถานะ !!!
คนและการ "สังเกตู" ต้องอ้งอิงซึ่งกันและกัน ผลจะยังไม่เกิดถ้าไม่มีคนเข้าไปสังเกตุ แมวจะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับรายละเอียด ลักษณะ องค์ประกอบของการสังเกตุ
มีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง คงอยู่ในเวลาเดียวกัน!!!
นั่นคือ ผู้สังเกตุ หรือผม เหมาๆเอาว่า จิต เท่านั้น ที่จะไปมีความสัมพันธ์ทำให้เกิดการสลายตัวของอนุภาคหรือคลื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีจิตแล้ว ทุกสิงจะยังคงอยู่ในรูปพลังงานที่ยังไม่สามารถระบุได้ หรือมีความเป็นไปได้ต่างๆนานา
ผู้สังเกตุหรือจิต สามารถกำหนดความเป็นความตายให้แมวได้หรือนี่
หรือเราในฐานะผู้สังเกตุจะเป็นส่วนหนึ่งในฐานะ.....ผู้สร้างจักรวาล
เอาเข้าไป
ต้องตามหาจิ๊กซอว์ตัวต่อไปซะแล้ว
ควาร์ก
ติ๊ดต่างนะครับ เรากำลังขับยาน ufi (ไม่ใช่ ufo นะครับ) ufi unidentitied flying mind จรวดจิตครับผม ย่อยานให้เล็กลงแล้วขับด้วยความเร็วเหนือแสง ไปที่อะไรก็ได้ในโลกนี้ โต๊ะ ขนมปัง ใบหุ้น สมมัติว่าไปที่มือของเราละกัน เราจะเจอผิ;หนัง เจอโครงสร้างผิว เจอเซล ลึกลงไปอีก เจอโครโมโซม
เจอสาย dna ขับเข้าไปใน dna เจอ อะตอม เป็นเม็ดกลมๆ
พอเข้าใกล้ถึงได้รู้ว่า ที่แท้ มันคือก้อนนิวเคลียสมีโปรตอนกับนิวตรอนฟัดกันนัวเนีย โดยมีอิเลคตรอนวิ่งอยู่รอบๆ เปรียบให้เห็นภาพก็ประมาณว่า นิวเคลียสนี่เท่ากับเม็ดถั่วเขียว ที่วางอยู่กลางสนามบอล เส้นวงรอบสนามคือเส้นเดินทางของอิเลคตรอน
เข้าไปต่ออีก ไม่ว่าจะในโปรตอน นิวตรอน อิเลคตรอน ที่แท้มันคือ ควาร์ก อนุภาคหรือคลื่นจิ๋วครับ วิ่งผลุบๆโผล่ จนเห็นไกลๆว่าเป็นก้อนกลม
จำตอนที่ระเบิดบิ๊กแบงได้ไหมครับ ก็ไอ้ควาร์กพวกเดิมนั่นแหละ
พระเจ้าช่ายกล้วยน้ำว้า ตัวเป็นๆอย่างเรานี่ มองด้วยตาละเอียดแล้วมันก็คือแก็งค์ควาร์กกอดรัดฟัดกัน และมันก็แบ่งเป็นแก็งค์หิน ดิน น้ำ กะทะ ลองจินตนาการดูสิครับตัวเรา คอมพิวเตอร์ จอหุ้น เป็นจุดๆๆๆๆๆๆ เคลื่อนไหวไปมาดูสิ
พระเจ้าช่วยกล้วยตานี ในโลกแห่งความเป็นจริง มันไม่มีวัตถุหรือของแข็งใดๆเลยหรือนี่ เพราะอะตอมคือที่ว่างที่มีอิเลคตรอนวิ่งรอบนิวเคลียสเท่านั้นเอง การที่เราจับใบหุ้นว่าแข็งนั้น ก็เพราะความแข็งเป็นเรื่องของความรู้สึกของจิตเมื่ออะตอมวิ่งมาชนอะตอม
พระเจ้าช่วยกล้วยหักมุข และในโลกแห่งความเป็นจริงในระดับอนุภาค ไอ้เจ้าควาร์กนี่มันเป็นได้ทั้งคลื่นหรืออนุภาคได้ในเวลาเดียวกัน ต่อเมื่อมีการ "สังเกตุ" มันจึงจะกลายเป็นอย่างใด อย่างหนึ่ง
อีตา ชโรดิงเจอร์ นักควอนตัมฟิสิกส์ อธิบายว่า เอาแมวหนึ่งตัว ขวดยาพิษ ค้อนกลไก และอนุภาคคลื่น๑หน่วย ใส่กล่องปิดฝา ถ้าอนุภาคคลื่นสลายตัว มันจะไปทำให้กลไกทำงานทุบขวดยาพิษ แมวจะตาย คำถามคือแมวจะตายหรือไม่
คำตอบทางควอนตัมฟิสิกส์ คือ แมวจะตายหรือเป็นได้ทั้ง๒ สถานะ !!!
คนและการ "สังเกตู" ต้องอ้งอิงซึ่งกันและกัน ผลจะยังไม่เกิดถ้าไม่มีคนเข้าไปสังเกตุ แมวจะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับรายละเอียด ลักษณะ องค์ประกอบของการสังเกตุ
มีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง คงอยู่ในเวลาเดียวกัน!!!
นั่นคือ ผู้สังเกตุ หรือผม เหมาๆเอาว่า จิต เท่านั้น ที่จะไปมีความสัมพันธ์ทำให้เกิดการสลายตัวของอนุภาคหรือคลื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีจิตแล้ว ทุกสิงจะยังคงอยู่ในรูปพลังงานที่ยังไม่สามารถระบุได้ หรือมีความเป็นไปได้ต่างๆนานา
ผู้สังเกตุหรือจิต สามารถกำหนดความเป็นความตายให้แมวได้หรือนี่
หรือเราในฐานะผู้สังเกตุจะเป็นส่วนหนึ่งในฐานะ.....ผู้สร้างจักรวาล
เอาเข้าไป
ต้องตามหาจิ๊กซอว์ตัวต่อไปซะแล้ว
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
Dech
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 112
[quote="por_jai"]
ผมไม่ได้ปูเสื่อนั่งรอฟัง
ผมไม่ได้ปูเสื่อนั่งรอฟังสีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 113
ทพ.สม สุจีราบอกเรื่องอารยธรรมพวกปิราิมิดCopyWriter เขียน: เห็นด้วยครับพี่ มารอด้วยคน เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะ login มาแจม
ยังกะได้อ่านงานใหม่ของ สตีเว่น ฮอว์กิ้ง แถมมีความรู้ทางธรรมแทรกด้วยดีจัง
แหมท่านพี่เขามาจากต่างดาวนิ ย่อมไม่ธรรมดา
ที่อธิบายไม่ได้ว่านำความรู้ที่ก้าวหน้าอย่างนั้นมาสร้างได้อย่างไร
อาจเป็นได้ที่พวกเราในอนาคตเดินทางย้อนเวลามาครับ
อย่างพี่สถาปนิกต่างดาวผมดูโลเคชั่นว่าอยู่สวีเดน
คงไม่ถึงกับมาจากต่างดาวหรอก
อาจแค่ย้อนเวลามานิดหน่อย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
meee
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 114
ผมทิ้งไปนานมากกกกครับ ไม่ไปถึงไหน แนะนำว่า ถ้าจะให้รู้ตัวทั่วพร้อม
ควรให้ท่านผู้รู้สอนต่อหน้าครับ เท่าที่ทราบมีอยู่2 ท่าน
ถ้าไปที่ศาลาลุงชินน่าจะได้พบครับ
ที่ผมจำได้ท่านให้รู้ตัวไปเรื่อยๆ ช่วงแรกเราอาจจะรู้วันละครั้ง ต่อมาวันละ 2 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง แล้วก็จะรู้ตัวบ่อยขึ้น แต่อย่าตั้งใจ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเพ่งดู เมื่อไหร่ทีีรู้ว่าเผลอไปแล้ว นั่นแหละรู้แล้ว
แนะนำอีกครั้งครับหาโอกาสไปพบครูอาจารย์ดีกว่าครับ[/u]
ควรให้ท่านผู้รู้สอนต่อหน้าครับ เท่าที่ทราบมีอยู่2 ท่าน
ถ้าไปที่ศาลาลุงชินน่าจะได้พบครับ
ที่ผมจำได้ท่านให้รู้ตัวไปเรื่อยๆ ช่วงแรกเราอาจจะรู้วันละครั้ง ต่อมาวันละ 2 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง แล้วก็จะรู้ตัวบ่อยขึ้น แต่อย่าตั้งใจ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเพ่งดู เมื่อไหร่ทีีรู้ว่าเผลอไปแล้ว นั่นแหละรู้แล้ว
แนะนำอีกครั้งครับหาโอกาสไปพบครูอาจารย์ดีกว่าครับ[/u]
-
Eyore
- Verified User
- โพสต์: 606
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 115
พี่ป้อม
ผมว่าถ้าในชีวิตประจำวันดูจิตไม่ได้ก็มาดูกายแทนก็ได้นะครับ
กายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนดู
ในชีวิตประจำวันผมมักจะดูตอนเดิน
เดินไปทำงาน เดินไปกินข้าว เดินไปโน่นไปนี่
เดิน เดิน เดิน ดู ดู ดู ไปเรื่อย (เมื่อนึกได้)
ไม่จำว่าจะต้องดูจิตอย่างเดียว
ผมฟังบางคนที่ฟุ้งมาก ฟุ้งง่าย
หลวงพ่อบอกไปดูกายก่อน
ให้จิตมันตั้งมั่นก่อน
ก็มีหลายคนนะครับ
อีกเรื่องนึง เรื่องย้อนเวลา
ตอนเด็กๆผมก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้
ตอนหลังก็คิดว่า ถ้ามีจริง คงมาให้เห็นแล้วล่ะ
อีกอย่าง มันมีปัญหา paradox ต่างๆมากมาย
เช่น ย้อนอดีตไปฆ่าปู่ตัวเองเป็นต้น
ที่สำคัญที่สุด
เดี๋ยวนี้ผมไม่เชื่อแล้ว
เพราะ
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปพบเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนที่ยังไม่ตรัสรู้
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปพบครูบาอาจารย์ ตอนที่ยังไม่บรรลุธรรม
เพราะเส้นทางนี้ไม่มีวันย้อนกลับแล้วครับ
พระอริยะเจ้าไม่มีทางย้อนกลับไปเป็นปุถุชนได้แล้ว
เป็นผู้ที่เที่ยงต่อพระนิพพานแล้วครับ
ฝากท่านสถาปนิกต่างดาว
เรื่อง เซ็น แล ดอกบัว
คงตั้งใจจะพูดถึงพระมหากัสสปะ กระมัง
มิใช่พระอานนท์นะครับ
ผมว่าถ้าในชีวิตประจำวันดูจิตไม่ได้ก็มาดูกายแทนก็ได้นะครับ
กายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนดู
ในชีวิตประจำวันผมมักจะดูตอนเดิน
เดินไปทำงาน เดินไปกินข้าว เดินไปโน่นไปนี่
เดิน เดิน เดิน ดู ดู ดู ไปเรื่อย (เมื่อนึกได้)
ไม่จำว่าจะต้องดูจิตอย่างเดียว
ผมฟังบางคนที่ฟุ้งมาก ฟุ้งง่าย
หลวงพ่อบอกไปดูกายก่อน
ให้จิตมันตั้งมั่นก่อน
ก็มีหลายคนนะครับ
อีกเรื่องนึง เรื่องย้อนเวลา
ตอนเด็กๆผมก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้
ตอนหลังก็คิดว่า ถ้ามีจริง คงมาให้เห็นแล้วล่ะ
อีกอย่าง มันมีปัญหา paradox ต่างๆมากมาย
เช่น ย้อนอดีตไปฆ่าปู่ตัวเองเป็นต้น
ที่สำคัญที่สุด
เดี๋ยวนี้ผมไม่เชื่อแล้ว
เพราะ
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปพบเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนที่ยังไม่ตรัสรู้
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปพบครูบาอาจารย์ ตอนที่ยังไม่บรรลุธรรม
เพราะเส้นทางนี้ไม่มีวันย้อนกลับแล้วครับ
พระอริยะเจ้าไม่มีทางย้อนกลับไปเป็นปุถุชนได้แล้ว
เป็นผู้ที่เที่ยงต่อพระนิพพานแล้วครับ
ฝากท่านสถาปนิกต่างดาว
เรื่อง เซ็น แล ดอกบัว
คงตั้งใจจะพูดถึงพระมหากัสสปะ กระมัง
มิใช่พระอานนท์นะครับ
-
สถาปนิกต่างดาว
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 116
จิ๊กซอว์ตัวที่ ๓
"คน"
ไอ้ลูกอีช่างคิด กับนักฟิสิกส์ช่างค้น ในจิ๊กซอว์ตัวที่๑ กับที่๒ เนี่ย
ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า มันลอกการบ้านใครมารึเปล่า
รู้สึกคุ้นๆ
แต่เอาเหอะ ไอ้ตัวกระพ้มนี่ก็เป็นกะเขาเหมือนกัน
ตอนนี้ก็เหลือบดูการบ้าน พี่ลุงขวด พี่ลูกอิสาน พี่naris พี่yoyo
กลับเมืองไทยก็ว่าจะลอกการบ้านพี่พอใจ
ซื้อไม้แบด
เอาไอ้ยี่ห้อ "ตบไล่" หรือ "ตายแล้ว" อะไรนั่นหน่ะ
จะได้ไม่ต้องเป็น "ตัวไล่" พรรคพวกเขาอีก
คน หรือ ชีวิต หรือ สรรพสิ่งนี่มันคือ อะไร ?
สองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว มีคนทำการบ้านเอาไว้ เป็นนักฟิสิกส์ทางจิต
ท่านบอกว่า
สรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ในรูปแบบของส่วนประกอบ
และส่วนประกอบนั้น ก็ปรากฏขึ้นโดยการรวมกันของส่วนประกอบย่อยเข้าไปอีก
เมื่อจะบอกว่าสิ่งทั้งหลาย มีอยู่ มีตัวตน ก็ต้องเข้าใจในความหมายที่ว่า มีอยู่ในภาวะของส่วนประกอบต่างๆ ที่มาประชุม ปะทะ สังสรรค์เข้าด้วยกัน
คงไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่า ท่านคือพระพุทธเจ้า
ท่านรู้จัก "ควาร์ก" มาสองพันกว่าปีแล้ว
รู้ได้ไงหว่า? (อันนี้ก็จะเป็นจิ๊กซอว์อีกตัวหนึ่ง)
พอรู้จักการประชุมผู้ถือหุ้น เอ๊ย รู้จักการประชุมของเหล่าบรรดาควาร์กแล้ว
ท่านก็สรุปว่า ตั้งแต่ ไวรัส ปลาวาฬ ยันจักรยาน แล จักรวาล นั้น มันมี character อยู่ ๓ ประการแค่นั้นเอง
๑ อนิจจัง ความไม่เที่ยง เกิดขึ้น เสื่อม ดับสลาย
(เจ้าหุ้น อมตะ นี่ มันจะเป็นไปตามชื่อได้จริงเร้อ)
๒ ทุกขัง ก็มันไม่เที่ยง ไปหลงว่าเที่ยง ไปยึดติดว่าเที่ยง ไปโง่ว่าเที่ยง มันก็เกิดทุกข์
๓ อนัตตา ความไม่ใช่ตัวตน เพราะทุกสิ่งเป็นสายขององค์ประกอบ
(แน่ะ เล่นศัพท์โรงงาน สำหรับผู้ชอบหุ้นอุตสาหกรรม)
เพราะทุกอย่างไม่คงที่ ไม่สมดุลย์ จึงเกิดเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน แล้วก็เกิดเป็นกระแสต่อเนื่อง แถมเกิดดับ เสื่อมสลาย อยู่ตลอดเวลา มันจึงไม่มีโดยตัวของมันเอง จึงย่อมไม่มีตัวตนที่แท้จริง
(แถมอีกนิดให้มึนเล่นว่า และไม่มีต้นกำเนิดเดิมสุด)
แล้ว "คน" หรือ มะนุด ล่ะ คือ อะไร
คนก็อยู่ในกฏ ๓ ข้อข้างบน มีสายพานการผลิต ๕ หมวด
๑ รูป ก็ร่างกายเรา มองด้วยตามนุษย์ก็เป็น แขน ขา ตับอ่อน มองด้วยตาละอียดมันก็คือแก็งค์ควาร์กทั้งหลาย
หมวด ๒-๕ ต่อไปนี่เป็นเรื่องของ "จิต" ทั้งนั้น
๒ feeling คนเรา มี ๓ อารมณ์ครับ สุข ทุกข์ หรือ เฉยๆ
ได้ยินพี่คะ พี่ขา ก็ให้ท่อง อุเบกขา เฉยๆ เอาไว้
๓ perception หนทางที่คนติดต่อกับโลก ผ่านทวารทั้ง ๖ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๔ การปรุงแต่ง คุณสมบัติของจิต ที่จะปรุงแต่งหลังจากได้ข้อมูล จะแต่งให้ดี หรือ ชั่ว หรือ กลาง จะ ตัดสินใจเคาะ หรือจะค้าง
๕ consciouseness การรู้แจ้งทางอารมณ์
ความจริงมันก็น่าจะเท่านี้นะ จักรวาลและมนุษย์
แต่ที่โลกมันแดง มันเหลือง มันปั่นป่วน ก็เพราะว่า มันอวิชา มันไม่มีสติ มันไม่วางเฉย เวลาจิตมันไปสังเกตุเจ้าควาร์กแล้วมันหลงว่าเป็นรูป เป็นตัวตน เป็นตัวกู เป็นของกู มันเข้าไปปรุงแต่ง
มันเอร็ดอร่อยทางอารมณ์
อยากจะเอาอีก เอาให้มากกว่าเดิมอีก มันจึงทุกข์
ไม่อยากทุกข์ก็ปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ปล่อยให้เจ้าควาร์กมันเคลื่อนไปในทางที่เหมาะที่ควร ที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา (ที่ไม่ใช่ชื่อพรรคที่ล้มไปแล้ว) โดยมีสติรู้เท่าทัน"process" ของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ได้ก็เป็นสุข
....เมือก่อนเรียนเซ็น
เห็น ภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้า
ตอนเรียนเซ็น
เห็น ภูเขาไม่เป็นภูเขา แม่น้ำไม่เป็นแม่น้ำ ท้องฟ้าไม่เป็นท้องฟ้า
หลังเรียนเซ็น
เห็นภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้า
........
ดับได้ตลอดก็นิพพาน
โม้มามากแล้ว ยังทำไม่ได้หรอกครับ อย่างดีก็แค่นิพพาน ๑๘ วิ
ก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าจริตผมมันพวกงุนงงสงสัย
มันยังมีข้อในใจ ที่ควรจะวินิจฉัย ให้ปฏิบัติได้ลุล่วงไป อย่างเช่น พระพุทธเจ้ารู้จัก "ควาร์ก" ได้อย่างไร มันคงต้องเกี่ยวกับ จิ๊กซอว์อีกตัวซะละมั้ง
วิปัสสนากัมมฐาน
หรือ "จิต" เนี่ย structure มันเป็นยังไง ????
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการแลกเปลี่ยนและหลอมรวมควาร์กในตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ แผ่นดิน ผืนน้ำ ท้องฟ้า ตลาดหุ้น โบรกเกอร์ แลผู้ร่วมลงทุนทั้งหลาย อย่างที่มันเคยรวมกันมาก่อนตั้งแต่บิ๊กแบง
ผมขอตัวไปให้ควาร์กคุณหมอแกช่วยปะทะจัดระเบียบควาร์กให้ผมสัก ๒ ชั่วโมง จะได้หายเมื่อยกายสบายไปทั่วควาร์ก ครับผม
มีโอกาศจักได้ ปุจฉา วิสัชฌณา จิ๊กซอว์ ตัวต่อไปด้วยกันอีก
จิต วิปัสนา ทาง ๒ แพร่ง
"คน"
ไอ้ลูกอีช่างคิด กับนักฟิสิกส์ช่างค้น ในจิ๊กซอว์ตัวที่๑ กับที่๒ เนี่ย
ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า มันลอกการบ้านใครมารึเปล่า
รู้สึกคุ้นๆ
แต่เอาเหอะ ไอ้ตัวกระพ้มนี่ก็เป็นกะเขาเหมือนกัน
ตอนนี้ก็เหลือบดูการบ้าน พี่ลุงขวด พี่ลูกอิสาน พี่naris พี่yoyo
กลับเมืองไทยก็ว่าจะลอกการบ้านพี่พอใจ
ซื้อไม้แบด
เอาไอ้ยี่ห้อ "ตบไล่" หรือ "ตายแล้ว" อะไรนั่นหน่ะ
จะได้ไม่ต้องเป็น "ตัวไล่" พรรคพวกเขาอีก
คน หรือ ชีวิต หรือ สรรพสิ่งนี่มันคือ อะไร ?
สองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว มีคนทำการบ้านเอาไว้ เป็นนักฟิสิกส์ทางจิต
ท่านบอกว่า
สรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ในรูปแบบของส่วนประกอบ
และส่วนประกอบนั้น ก็ปรากฏขึ้นโดยการรวมกันของส่วนประกอบย่อยเข้าไปอีก
เมื่อจะบอกว่าสิ่งทั้งหลาย มีอยู่ มีตัวตน ก็ต้องเข้าใจในความหมายที่ว่า มีอยู่ในภาวะของส่วนประกอบต่างๆ ที่มาประชุม ปะทะ สังสรรค์เข้าด้วยกัน
คงไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่า ท่านคือพระพุทธเจ้า
ท่านรู้จัก "ควาร์ก" มาสองพันกว่าปีแล้ว
รู้ได้ไงหว่า? (อันนี้ก็จะเป็นจิ๊กซอว์อีกตัวหนึ่ง)
พอรู้จักการประชุมผู้ถือหุ้น เอ๊ย รู้จักการประชุมของเหล่าบรรดาควาร์กแล้ว
ท่านก็สรุปว่า ตั้งแต่ ไวรัส ปลาวาฬ ยันจักรยาน แล จักรวาล นั้น มันมี character อยู่ ๓ ประการแค่นั้นเอง
๑ อนิจจัง ความไม่เที่ยง เกิดขึ้น เสื่อม ดับสลาย
(เจ้าหุ้น อมตะ นี่ มันจะเป็นไปตามชื่อได้จริงเร้อ)
๒ ทุกขัง ก็มันไม่เที่ยง ไปหลงว่าเที่ยง ไปยึดติดว่าเที่ยง ไปโง่ว่าเที่ยง มันก็เกิดทุกข์
๓ อนัตตา ความไม่ใช่ตัวตน เพราะทุกสิ่งเป็นสายขององค์ประกอบ
(แน่ะ เล่นศัพท์โรงงาน สำหรับผู้ชอบหุ้นอุตสาหกรรม)
เพราะทุกอย่างไม่คงที่ ไม่สมดุลย์ จึงเกิดเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน แล้วก็เกิดเป็นกระแสต่อเนื่อง แถมเกิดดับ เสื่อมสลาย อยู่ตลอดเวลา มันจึงไม่มีโดยตัวของมันเอง จึงย่อมไม่มีตัวตนที่แท้จริง
(แถมอีกนิดให้มึนเล่นว่า และไม่มีต้นกำเนิดเดิมสุด)
แล้ว "คน" หรือ มะนุด ล่ะ คือ อะไร
คนก็อยู่ในกฏ ๓ ข้อข้างบน มีสายพานการผลิต ๕ หมวด
๑ รูป ก็ร่างกายเรา มองด้วยตามนุษย์ก็เป็น แขน ขา ตับอ่อน มองด้วยตาละอียดมันก็คือแก็งค์ควาร์กทั้งหลาย
หมวด ๒-๕ ต่อไปนี่เป็นเรื่องของ "จิต" ทั้งนั้น
๒ feeling คนเรา มี ๓ อารมณ์ครับ สุข ทุกข์ หรือ เฉยๆ
ได้ยินพี่คะ พี่ขา ก็ให้ท่อง อุเบกขา เฉยๆ เอาไว้
๓ perception หนทางที่คนติดต่อกับโลก ผ่านทวารทั้ง ๖ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๔ การปรุงแต่ง คุณสมบัติของจิต ที่จะปรุงแต่งหลังจากได้ข้อมูล จะแต่งให้ดี หรือ ชั่ว หรือ กลาง จะ ตัดสินใจเคาะ หรือจะค้าง
๕ consciouseness การรู้แจ้งทางอารมณ์
ความจริงมันก็น่าจะเท่านี้นะ จักรวาลและมนุษย์
แต่ที่โลกมันแดง มันเหลือง มันปั่นป่วน ก็เพราะว่า มันอวิชา มันไม่มีสติ มันไม่วางเฉย เวลาจิตมันไปสังเกตุเจ้าควาร์กแล้วมันหลงว่าเป็นรูป เป็นตัวตน เป็นตัวกู เป็นของกู มันเข้าไปปรุงแต่ง
มันเอร็ดอร่อยทางอารมณ์
อยากจะเอาอีก เอาให้มากกว่าเดิมอีก มันจึงทุกข์
ไม่อยากทุกข์ก็ปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ปล่อยให้เจ้าควาร์กมันเคลื่อนไปในทางที่เหมาะที่ควร ที่เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา (ที่ไม่ใช่ชื่อพรรคที่ล้มไปแล้ว) โดยมีสติรู้เท่าทัน"process" ของ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ได้ก็เป็นสุข
....เมือก่อนเรียนเซ็น
เห็น ภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้า
ตอนเรียนเซ็น
เห็น ภูเขาไม่เป็นภูเขา แม่น้ำไม่เป็นแม่น้ำ ท้องฟ้าไม่เป็นท้องฟ้า
หลังเรียนเซ็น
เห็นภูเขาเป็นภูเขา แม่น้ำเป็นแม่น้ำ ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้า
........
ดับได้ตลอดก็นิพพาน
โม้มามากแล้ว ยังทำไม่ได้หรอกครับ อย่างดีก็แค่นิพพาน ๑๘ วิ
ก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าจริตผมมันพวกงุนงงสงสัย
มันยังมีข้อในใจ ที่ควรจะวินิจฉัย ให้ปฏิบัติได้ลุล่วงไป อย่างเช่น พระพุทธเจ้ารู้จัก "ควาร์ก" ได้อย่างไร มันคงต้องเกี่ยวกับ จิ๊กซอว์อีกตัวซะละมั้ง
วิปัสสนากัมมฐาน
หรือ "จิต" เนี่ย structure มันเป็นยังไง ????
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการแลกเปลี่ยนและหลอมรวมควาร์กในตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ แผ่นดิน ผืนน้ำ ท้องฟ้า ตลาดหุ้น โบรกเกอร์ แลผู้ร่วมลงทุนทั้งหลาย อย่างที่มันเคยรวมกันมาก่อนตั้งแต่บิ๊กแบง
ผมขอตัวไปให้ควาร์กคุณหมอแกช่วยปะทะจัดระเบียบควาร์กให้ผมสัก ๒ ชั่วโมง จะได้หายเมื่อยกายสบายไปทั่วควาร์ก ครับผม
มีโอกาศจักได้ ปุจฉา วิสัชฌณา จิ๊กซอว์ ตัวต่อไปด้วยกันอีก
จิต วิปัสนา ทาง ๒ แพร่ง
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 117
ผมรู้ตัวว่าเผลอวันนึงเป็นระดับร้อยครับmeee เขียน: ที่ผมจำได้ท่านให้รู้ตัวไปเรื่อยๆ ช่วงแรกเราอาจจะรู้วันละครั้ง ต่อมาวันละ 2 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง แล้วก็จะรู้ตัวบ่อยขึ้น
แต่ก็ดีบ้างเสื่อมบ้างตามสภาพ
95%เป็นระหว่างภาวนา
5%เป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน
แล้วหลวงพ่อก็ย้ำอยู่เรื่อยว่าต้องทำในชีิวิตประจำวันให้ได้จึงจะดี
กิจกรรมหลักในชีวิตประจำวันของผมคืออ่าน
พออ่านปุ๊บความสุขเข้าสมาธิมาทันที
เผลอไผลไม่รู้ตัวเลยทีนี้
เรื่องดูจิตก็ไม่ใช่ว่าผมอยากทำนะEyore เขียน:พี่ป้อม
ผมว่าถ้าในชีวิตประจำวันดูจิตไม่ได้ก็มาดูกายแทนก็ได้นะครับ
กายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนดู
ในชีวิตประจำวันผมมักจะดูตอนเดิน
เดินไปทำงาน เดินไปกินข้าว เดินไปโน่นไปนี่
เดิน เดิน เดิน ดู ดู ดู ไปเรื่อย (เมื่อนึกได้)
ไม่จำว่าจะต้องดูจิตอย่างเดียว
ผมฟังบางคนที่ฟุ้งมาก ฟุ้งง่าย
หลวงพ่อบอกไปดูกายก่อน
ให้จิตมันตั้งมั่นก่อน
ก็มีหลายคนนะครับ
อีกเรื่องนึง เรื่องย้อนเวลา
ตอนเด็กๆผมก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้
ตอนหลังก็คิดว่า ถ้ามีจริง คงมาให้เห็นแล้วล่ะ
อีกอย่าง มันมีปัญหา paradox ต่างๆมากมาย
เช่น ย้อนอดีตไปฆ่าปู่ตัวเองเป็นต้น
ที่สำคัญที่สุด
เดี๋ยวนี้ผมไม่เชื่อแล้ว
เพราะ
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปพบเจ้าชายสิทธัตถะ ตอนที่ยังไม่ตรัสรู้
เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปพบครูบาอาจารย์ ตอนที่ยังไม่บรรลุธรรม
เพราะเส้นทางนี้ไม่มีวันย้อนกลับแล้วครับ
พระอริยะเจ้าไม่มีทางย้อนกลับไปเป็นปุถุชนได้แล้ว
เป็นผู้ที่เที่ยงต่อพระนิพพานแล้วครับ
เพียงแต่ผมคงเหมาะกับสายนี้
เพราะพอกำหนดลมหายใจเป็นแบ็คกราวน์
แล้วค่อยๆภาวนาไป
จิตผมมันฟุ้งของมันเองถ้าภาวนาซักชั่วโมงฟุ้งได้เป็นร้อยครับ
ผมก็คอยรู้ตามอย่างสนุกสนาน
เห็นการเป็นอิสระของมันอย่างชัดเจนว่าไม่มีใครควบคุมมันได้เป็นแน่แท้
แล้วมันยังสอนความเป็นไตรลักษณ์ให้เห็นต่อเนื่องอีก
ว่าบทมันจะดับมันก็ดับของมันเองอีก
ส่วนว่าการรู้ในชีวิตประจำวัน
คงต้องลองหัดดูกายตามที่หมอว่า ถ้าทำได้คงแก้ปัญหาในส่วนนี้ไปได้
การปฏิบัติก็คงมีฉันทะมากขึ้น
ส่วนเรื่องย้อนเวลานี่ผมเล่าให้ฟังอย่างนี้
1.เมื่อแรกเลยผมอ่านหนังสือเล่มที่ขายดี
แต่คนซื้อเพราะโปรโมทมากกว่า
ผมว่าอ่านยากโคตรๆ
บางท่านบอกไร้สาระด้วยซ้ำ
แต่ส่วนตัวผมพบว่า ทพ.สม ผู้แต่งทั้งที่เคยพูดคุยด้วย
และในหนังสือที่อ่าน
พูดและเขียนมาในแนวเดียวกับหลวงพ่อปราโมทย์อย่างไงอย่างนั้น
หนังสือออกจะดังนะ ไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น
มีเรื่องที่เราคุยกันนี้ในนั้นเยอะเหมือนกัน ลองหาอ่านดู
2.หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าหลวงปู่ดูลย์ เคยสอนเรื่องกำเนิดของจักรวาลแ่ก่ท่าน
รวมถึงกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง
ความเป็นไปของกฏแห่งกรรม
หมอแปลต่อเองก็แล้วกันนะครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 118
ผมขอตัวไปให้ควาร์กคุณหมอแกช่วย
ปะทะจัดระเบียบควาร์กให้ผมสัก ๒ ชั่วโมง
จะได้หายเมื่อยกายสบายไปทั่วควาร์ก ครับผม
ให้3ตัวเลยครับพูดมากไม่ได้
ไว้กลับเมืองไทยมาหาผมที่คอร์ตแบดก็แล้วกัน
ผมรู้จักหมอรักษาควาร์กดีๆอยู่บ้างเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
สถาปนิกต่างดาว
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 119
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคุณพี่ eyore ที่กรุณาทักท้วง (อัลไซเมอร์ผมเริ่มกำเริบ)
ขอบคุณท่านพี่ พอใจ ที่ให้ความเมตตาน้องใหม่
ผมน้องใหม่มากครับเรื่องหุ้น
ต้นปี๒๕๕๑ตั้งใจว่าจะเอาจริงเอาจังเป็นปีแรก
มาเลยครับ black monday
สมน้ำหน้าอยากศึกษาเรื่อง black hole มาเยอะ เจอซะเลยของจริง
ความจริง อายุอานามผมนี่
ถ้าวัดอายุกาย เดาเอาว่าก็ขนาดน้องๆพี่ลุงขวด
แต่อายุใจนี่ น่าจะแถวๆคุณพี่พอใจ เผลอๆก็ลงไปถึงพี่ naris
มันไม่ยอมเดินหน้าครับ
ที่เขียนเรื่อง จักรวาล เรื่องควาร์กเนี่ย
เพราะจริตผมมันฟุ้งซ่าน งุนงง สงสัย เจ้าทฤษฎี เจ้าคอนเซ็ป อยากรู้แม่มไปหมด ถ้าภาพกว้างไม่เข้าใจหรือคอนเซ็ปไม่เคลียนี่ พาลงอแงไปเรื่องอื่นเลยครับ
ทั้งๆที่เขาก็บอกกันว่า รู้แล้วไม่ดับทุกข์ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้
แต่ก็ยังอยากรู้ ซักนิดก็ยังดี
ซัก ๒๐ ปีมาแล้ว
ดั้นด้นไปหาท่านพุทธทาสถึงสวนโมกข์
กะว่าจะถามให้หมด ทั้งเรื่อง อนัตตา สุญญตา ปฏิจจสมุปบาท หรือจะ เซ็น เต๋า ฮวงโป ฯลฯ
แล้วก็เป็นบุญของไอ้กระผมเหลือเกิน
ไปถึงตอนที่มีชาวบ้าน ๖-๗ คนกำลังกราบลาท่านพุทธทาสอยู่พอดี
ผมเข้าไปก้มลงกราบท่านพุทธทาสอยู่ห่างๆ
ภาพที่เห็นก็คือ
ท่านพุทธทาสนั่งขัดสมาสนิ่งๆ มีไก่แจ้ ๗-๘ตัว คุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่รอบๆตัวท่าน
ตัวนึงกระโดดขึ้นไปยืนที่ตัก
ตัวนึงขึ้นไปอยู่บนบ่าท่าน
ผมยังจำภาพนี้ได้ติดตามาจนทุกวันนี้
ผมนั่งมอง ทำอะไรไม่ถูก อึ้งกิมกี่ไปหลายนาที ผมมองไปที่ดวงตาท่าน
ปกติเราจะเห็นจากบรรดาผู้มีบุญทั้งหลาย เรามักจะเจอแววตาที่ปิติ
แต่ดวงตาท่านพุทธทาสไม่ใช่แฮะ
มันมากกว่านั้น มันเป็นดวงตาที่ผมขอใช้คำว่า อุเบกขา
อุเบกขาที่ยังเชื่อมอยู่กับธรรมชาติรอบตัว
ผมนั่งมองท่าน ทำอะไรไม่ถูก ลืมความตั้งใจเดิมจนหมดสิ้น
ท้ายสุด สติผมเริ่มทำงาน คิดออกมาได้ว่า
....."กูยังอีกไกล"
เลยไหว้กราบลาท่าน กลับบ้าน
ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
ผมก็แกะจิ๊กซอว์ของผมมาเรื่อยๆ
พอมาเจอ big bang เจอ ควอนตัมฟิสิกส์ เจอ ควาร์ก เข้านี่
มันพอจะคลิกเข้ากับ ข้อมูล ปัญหา ที่พยายามหาคำตอบ หาตัวช่วยมาอธิบาย
ทำให้ผมเริ่มเห็นเค้าราง
life ผมเริ่ม beautiful
จึงเขียนมาเผื่ออาจจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง
สำหรับคนที่มีจริตแบบผม
ตอนนี้ก็ยังอยากรู้เรื่อง "จิต" ครับผม
ด้วยฟาร์มรู้อันน้อยนิดของผม ผมเข้าใจไปเองหรือเปล่าว่า
พระพุทธเจ้าท่านเน้นเรื่องจิตมาก
แต่เป็นในด้าน process หรือกระบวนการทำงานของจิต
ผมยังค้นไม่เจอในเรื่องของ structure ของจิต
หรือ anatomy ของจิต
มันอยากรู้ ตามจริตแบบผม เพราะคิดว่าถ้ารู้แล้ว
มันจะช่วยให้เราเข้าใจ และปฏิบัติ สมาธิ วิปัสนา ได้อย่างเหมาะสม
ว่างๆมาช่วยกันหาจิ๊กซอว์ "จิต" กันไหมครับ
ขอบคุณคุณพี่ eyore ที่กรุณาทักท้วง (อัลไซเมอร์ผมเริ่มกำเริบ)
ขอบคุณท่านพี่ พอใจ ที่ให้ความเมตตาน้องใหม่
ผมน้องใหม่มากครับเรื่องหุ้น
ต้นปี๒๕๕๑ตั้งใจว่าจะเอาจริงเอาจังเป็นปีแรก
มาเลยครับ black monday
สมน้ำหน้าอยากศึกษาเรื่อง black hole มาเยอะ เจอซะเลยของจริง
ความจริง อายุอานามผมนี่
ถ้าวัดอายุกาย เดาเอาว่าก็ขนาดน้องๆพี่ลุงขวด
แต่อายุใจนี่ น่าจะแถวๆคุณพี่พอใจ เผลอๆก็ลงไปถึงพี่ naris
มันไม่ยอมเดินหน้าครับ
ที่เขียนเรื่อง จักรวาล เรื่องควาร์กเนี่ย
เพราะจริตผมมันฟุ้งซ่าน งุนงง สงสัย เจ้าทฤษฎี เจ้าคอนเซ็ป อยากรู้แม่มไปหมด ถ้าภาพกว้างไม่เข้าใจหรือคอนเซ็ปไม่เคลียนี่ พาลงอแงไปเรื่องอื่นเลยครับ
ทั้งๆที่เขาก็บอกกันว่า รู้แล้วไม่ดับทุกข์ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้
แต่ก็ยังอยากรู้ ซักนิดก็ยังดี
ซัก ๒๐ ปีมาแล้ว
ดั้นด้นไปหาท่านพุทธทาสถึงสวนโมกข์
กะว่าจะถามให้หมด ทั้งเรื่อง อนัตตา สุญญตา ปฏิจจสมุปบาท หรือจะ เซ็น เต๋า ฮวงโป ฯลฯ
แล้วก็เป็นบุญของไอ้กระผมเหลือเกิน
ไปถึงตอนที่มีชาวบ้าน ๖-๗ คนกำลังกราบลาท่านพุทธทาสอยู่พอดี
ผมเข้าไปก้มลงกราบท่านพุทธทาสอยู่ห่างๆ
ภาพที่เห็นก็คือ
ท่านพุทธทาสนั่งขัดสมาสนิ่งๆ มีไก่แจ้ ๗-๘ตัว คุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่รอบๆตัวท่าน
ตัวนึงกระโดดขึ้นไปยืนที่ตัก
ตัวนึงขึ้นไปอยู่บนบ่าท่าน
ผมยังจำภาพนี้ได้ติดตามาจนทุกวันนี้
ผมนั่งมอง ทำอะไรไม่ถูก อึ้งกิมกี่ไปหลายนาที ผมมองไปที่ดวงตาท่าน
ปกติเราจะเห็นจากบรรดาผู้มีบุญทั้งหลาย เรามักจะเจอแววตาที่ปิติ
แต่ดวงตาท่านพุทธทาสไม่ใช่แฮะ
มันมากกว่านั้น มันเป็นดวงตาที่ผมขอใช้คำว่า อุเบกขา
อุเบกขาที่ยังเชื่อมอยู่กับธรรมชาติรอบตัว
ผมนั่งมองท่าน ทำอะไรไม่ถูก ลืมความตั้งใจเดิมจนหมดสิ้น
ท้ายสุด สติผมเริ่มทำงาน คิดออกมาได้ว่า
....."กูยังอีกไกล"
เลยไหว้กราบลาท่าน กลับบ้าน
ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
ผมก็แกะจิ๊กซอว์ของผมมาเรื่อยๆ
พอมาเจอ big bang เจอ ควอนตัมฟิสิกส์ เจอ ควาร์ก เข้านี่
มันพอจะคลิกเข้ากับ ข้อมูล ปัญหา ที่พยายามหาคำตอบ หาตัวช่วยมาอธิบาย
ทำให้ผมเริ่มเห็นเค้าราง
life ผมเริ่ม beautiful
จึงเขียนมาเผื่ออาจจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง
สำหรับคนที่มีจริตแบบผม
ตอนนี้ก็ยังอยากรู้เรื่อง "จิต" ครับผม
ด้วยฟาร์มรู้อันน้อยนิดของผม ผมเข้าใจไปเองหรือเปล่าว่า
พระพุทธเจ้าท่านเน้นเรื่องจิตมาก
แต่เป็นในด้าน process หรือกระบวนการทำงานของจิต
ผมยังค้นไม่เจอในเรื่องของ structure ของจิต
หรือ anatomy ของจิต
มันอยากรู้ ตามจริตแบบผม เพราะคิดว่าถ้ารู้แล้ว
มันจะช่วยให้เราเข้าใจ และปฏิบัติ สมาธิ วิปัสนา ได้อย่างเหมาะสม
ว่างๆมาช่วยกันหาจิ๊กซอว์ "จิต" กันไหมครับ
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
บันทึกไม่สำเร็จ