เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงหลังตัวเลขว่างงานพุ่ง,การบริโภคทรุด

[lufthansa]

USA:เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยรุนแรงหลังตัวเลขว่างงานพุ่ง,การบริโภคทรุด
       นิวยอร์ค--25 ธ.ค.--รอยเตอร์

       ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลง
อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น
แตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว และผู้บริโภคปรับลดการจับจ่าย
ใช้สอยลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
       ญี่ปุ่นและเยอรมนีกลายเป็นประเทศล่าสุดที่อนุมัติโครงการใช้จ่าย
ครั้งใหม่ของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ออกจากภาวะถดถอย ซึ่งมีสาเหตุ
มาจากวิกฤติสินเชื่อโลก
       รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติงบประมาณวงเงิน 88.5 ล้านล้านเยน (9.806
แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นงบประมาณที่มีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะ
ช่วยให้ทุนแก่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 12 ล้านล้านเยน
       ส่วนเยอรมนีก็ได้ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่สอง โดยจำกัด
วงเงินไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านยูโร (3.5 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ
เยอรมนีให้สามารถผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้ โดยเยอรมนีเป็นประเทศ
ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป
       อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้การเพิ่มงบประมาณของรัฐบาลประเทศต่างๆทั่วโลก
ก็ยังไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ, นักลงทุน หรือผู้บริโภคให้กลับคืนมาได้
       สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ผู้บริโภคปรับลดการจับจ่ายใช้สอยในเดือนพ.ย.
ในขณะที่รายได้ลดลง และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจตกอยู่ในภาวะถดถอยเป็นเวลา
ยาวนาน
       คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าสำเร็จรูปที่คงทนร่วงลง 1 % ในเดือนพ.ย.
หลังจากดิ่งลงกว่า 8 % ในเดือนต.ค. ในขณะที่จำนวนชาวสหรัฐที่ยื่นขอรับสวัสดิการ
ว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 30,000 คน สู่จุดสูงสุดรอบ 26 ปีในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่
20 ธ.ค.
       มีชาวสหรัฐถูกปลดออกจากงานไปแล้วเกือบ 2 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้
อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ 6.7 %
       นายแดเนียล แคทซีฟ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดปริวรรตเงินตราโลกของ
ธนาคารเครดิต สวิสกล่าวว่า "ผมไม่คิดว่าตัวเลขในวันนี้จะทำให้เราต้องปรับเปลี่ยน
การคาดการณ์ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐไปมากนัก และโดยรวมแล้วสถานการณ์ก็ยังคงอ่อนแอ
มาก"
       บริษัทชั้นนำหลายแห่งใช้ความพยายามอย่างหนักในการดำเนินธุรกิจต่อไป
โดยใช้วิธีปรับลดตำแหน่งงาน, ปรับลดวันทำงาน หรือปรับลดสวัสดิการเพื่อรับมือกับ
อุปสงค์ที่ลดลง
       วิกฤตการณ์นี้ทำให้บริษัทบางแห่งต้องปิดกิจการ โดยซาฟวี ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีก
ซีดี, ดีวีดี, เกม และหนังสือในอังกฤษได้กลายเป็นบริษัทแห่งที่ 3 ที่ตกเป็นเหยื่อของ
วิกฤตการณ์นี้ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ในขณะที่ซาฟวีได้รับการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะ
ล้มละลาย
       ซาฟวีได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อ 15 เดือนก่อนจากการที่ผู้บริหารเข้าซื้อกิจการ
ของแผนกเวอร์จิน เมกาสโตร์ออกมาจากเครือบริษัทเวอร์จิน กรุ๊ป
       ตลาดหุ้นในญี่ปุ่นและยุโรปร่วงลงเมื่อวานนี้ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง
ก่อนวันหยุด
       ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาต่างก็ใช้มาตรการที่แข็งกร้าว
ในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ โดยได้เพิ่มงบประมาณให้สูงขึ้น
       ธนาคารกลางของหลายประเทศได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรง
และได้อัดฉีดเงินสดเข้าสู่เศรษฐกิจของตนโดยหวังว่าจะสามารถกระตุ้นการจับจ่าย
ใช้สอยและสามารถสกัดกั้นภาวะเงินฝืดได้
       ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ปรับลด
อัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับใกล้ 0 % และคาดกันว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
ในอังกฤษและยูโรโซนในช่วงต้นปี 2009
       นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะของญี่ปุ่นกล่าวว่า "ญี่ปุ่นไม่สามารถหลีกเลี่ยง
คลื่นยักษ์สึนามิของภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ แต่ญี่ปุ่นสามารถใช้ความพยายาม
ในการหาทางออกจากภาวะดังกล่าว"
       "เศรษฐกิจโลกกำลังประสบภาวะถดถอยแบบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ในรอบ 100 ปี และเราก็จำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษในการรับมือกับสถานการณ์
พิเศษนี้" นายอาโซะกล่าว
       แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของเยอรมนีมีวงเงินต่ำกว่าระดับ 4 หมื่นล้านยูโร
ที่ระบุไว้ในข่าวที่ออกมาในตอนแรก และไม่มีแนวโน้มว่าแผนนี้จะช่วยลดแรงกดดัน
ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีแองเจลา เมอร์เคลของเยอรมนี โดยนางเมอร์เคลได้รับการ
โจมตีจากนักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ที่ต้องการให้รัฐบาลเยอรมนีดำเนินการ
มากกว่านี้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
       ด้านธนาคารกลางโปแลนด์ระบุว่า มีแนวโน้มที่ธนาคารกลางโปแลนด์
จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไปในปี 2009 ในขณะที่แหล่งข่าวในธนาคารกลาง
รัสเซียยืนยันว่า ทางการรัสเซียได้ปรับลดค่าเงินรูเบิลลงเป็นครั้งที่ 7 ในรอบ
1 เดือน
       รัฐมนตรีคนหนึ่งของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียกำลังเผชิญกับเหตุการณ์
ไม่สงบ โดยสำนักข่าว RIA รายงานว่า นายมิคาอิล ซูโคดอลสกี ซึ่งเป็นรมช.
กิจการภายในของรัสเซียกล่าวว่า "สถานการณ์อาจทวีความรุนแรงขึ้นเพราะ
เหตุการณ์ประท้วงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากความไม่พอใจของคนงาน
ที่มีต่อการไม่ยอมจ่ายค่าจ้างแรงงาน หรือคนงานที่เสี่ยงต่อการถูกปลดออก"

[miracle]

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ตัวเลขการว่างงานเป็นตัวเลขสำคัญในการชี้วัดเศรษฐกิจเลยว่า
เติบโต ถดถอย หรือเท่าเดิม
เพราะ การจ้างงาน โดยทั่วไป เกิดตอน การขยายตัว
การจ้างออก เกิดตอน การหดตัว

[icque]

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ตัวเลขการว่างงานเป็นตัวเลขสำคัญในการชี้วัดเศรษฐกิจเลยว่า
เติบโต ถดถอย หรือเท่าเดิม
เพราะ การจ้างงาน โดยทั่วไป เกิดตอน การขยายตัว
การจ้างออก เกิดตอน การหดตัว

แล้วประเทศที่ยังไม่พัฒนาล่ะครับ