มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 1
การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี
ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะว่า ถ้าใครลงทุนในตลาดตอน มค37 ที่ดัชนี 1789 จุด โดยซื้อกองทุนรวมดัชนี SET (สมมุติว่าตอนนั้นมีกองทุนรวมดัชนีให้ซื้อ) ผ่านมา15 ปีจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ขาดทุนเลย เรียกว่าถือมาเกือบ15 ปียังขาดทุนบักโกรกอยู่เลย ทีนี้ถ้าเปลี่ยนมาเป็นซื้อหุ้นที่เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นไทย คือ ปตท ถ้าใครซื้อ ปตท ตอน ตค50 ที่ 440 บาท จากวันที่ซื้อคุณคิดว่าต้องถือมันไปอีกกี่ปีถึงจะกลับคืนมาเท่าทุน
ผมเห็นกูรูหลายท่านชอบบอกว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ10% ซึ่งมันไม่ค่อยถูกต้องดีนัก เพราะบางทีเราถือหุ้นมา หลายหลาย ปี เพื่อรับผลตอบแทนเป็นศูนย์ หรืออาจมีปันผลแถมให้นิดหน่อย
ส่วนคำว่าระยะยาว ก็ยากที่จะหาคำจำกัดความ บางคนบอกว่า ระยะยาวของเขา คือ1 เดือน บางคน 1 ปี บางคน3 ปี บางคน5 ปีบางคน 10 ปี บางคนคือตลอดชีวิตของเขา จริงแล้ว คำว่าระยะยาวจึงไม่มีใครบอกได้ว่านานแค่ไหน
ผมคิดว่าความเชื่อที่ถูกต้องน่าจะเป็น
การลงทุนในตลาดหุ้น ให้ผลตอบแทน ที่เป็นบวกและลบได้ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การเลือกหุ้นและ จังหวะเวลาลงทุนของนักลงทุน
การรวบรวมความเชื่อที่ผิดผิดเหล่านี้ ก็เพื่อไม่ให้ มันไป ชี้นำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องMissed leading นักลงทุนที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ ให้เสียหายจากตลาดหุ้น
ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะว่า ถ้าใครลงทุนในตลาดตอน มค37 ที่ดัชนี 1789 จุด โดยซื้อกองทุนรวมดัชนี SET (สมมุติว่าตอนนั้นมีกองทุนรวมดัชนีให้ซื้อ) ผ่านมา15 ปีจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ขาดทุนเลย เรียกว่าถือมาเกือบ15 ปียังขาดทุนบักโกรกอยู่เลย ทีนี้ถ้าเปลี่ยนมาเป็นซื้อหุ้นที่เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นไทย คือ ปตท ถ้าใครซื้อ ปตท ตอน ตค50 ที่ 440 บาท จากวันที่ซื้อคุณคิดว่าต้องถือมันไปอีกกี่ปีถึงจะกลับคืนมาเท่าทุน
ผมเห็นกูรูหลายท่านชอบบอกว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ10% ซึ่งมันไม่ค่อยถูกต้องดีนัก เพราะบางทีเราถือหุ้นมา หลายหลาย ปี เพื่อรับผลตอบแทนเป็นศูนย์ หรืออาจมีปันผลแถมให้นิดหน่อย
ส่วนคำว่าระยะยาว ก็ยากที่จะหาคำจำกัดความ บางคนบอกว่า ระยะยาวของเขา คือ1 เดือน บางคน 1 ปี บางคน3 ปี บางคน5 ปีบางคน 10 ปี บางคนคือตลอดชีวิตของเขา จริงแล้ว คำว่าระยะยาวจึงไม่มีใครบอกได้ว่านานแค่ไหน
ผมคิดว่าความเชื่อที่ถูกต้องน่าจะเป็น
การลงทุนในตลาดหุ้น ให้ผลตอบแทน ที่เป็นบวกและลบได้ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การเลือกหุ้นและ จังหวะเวลาลงทุนของนักลงทุน
การรวบรวมความเชื่อที่ผิดผิดเหล่านี้ ก็เพื่อไม่ให้ มันไป ชี้นำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องMissed leading นักลงทุนที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ ให้เสียหายจากตลาดหุ้น
- charnengi
- Verified User
- โพสต์: 2388
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 2
ระยะยาวคงคิดจากตลาดเปิดมั้งครับ
ผมเคยเห็นไฟล์การคำนวณน่าจะเริ่มจากตลาดเปิดได้ ลงทุนเท่า index 10% กว่าจริงๆ
แต่คำนวณที่ bias มากๆ เพราะ index ตัดบริษัที่เจ๊งทิ้งไป และเอาหุ้นใหม่เข้าเช่น PTT
ความเชื่อผิดๆ
High risk high return
ต้องแก้เป็น
High risk high expected return
ผมเคยเห็นไฟล์การคำนวณน่าจะเริ่มจากตลาดเปิดได้ ลงทุนเท่า index 10% กว่าจริงๆ
แต่คำนวณที่ bias มากๆ เพราะ index ตัดบริษัที่เจ๊งทิ้งไป และเอาหุ้นใหม่เข้าเช่น PTT
ความเชื่อผิดๆ
High risk high return
ต้องแก้เป็น
High risk high expected return
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 4
kmphol เขียน:การลงทุนในตลาดหุ้น ให้ผลตอบแทน ที่เป็นบวกและลบได้ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การเลือกหุ้นและ จังหวะเวลาลงทุนของนักลงทุน
เป็นการสรุปความเชื่อเกี่ยวกับตลาดหุ้นที่ผมคิดว่ามีเหตุมีผลที่สุด
เท่าที่เคยได้ยินมาครับ
charnengi เขียน:ผมเคยเห็นไฟล์การคำนวณน่าจะเริ่มจาก
ตลาดเปิดได้ ลงทุนเท่า index 10% กว่าจริงๆ
แต่คำนวณที่ bias มากๆ เพราะ index ตัดบริษัที่เจ๊งทิ้งไป และเอาหุ้นใหม่เข้าเช่น PTT
นึกถึงหลักกาลามาสูตร(ถ้าเขียนผิดต้องขออภัยครับ) เลยครับ
ผมเห็นด้วยว่าท่านกูรูบางท่านก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดทั้งหมด
่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นทำไมในระยะยาวถึงได้ผลตอบแทนที่ดี
( เพราะท่านไม่ได้บอกว่าต้องตัดหุ้นของบริษัทที่เจ๊งทิ้งไป และเอาหุ้นใหม่ๆที่ดีกว่าเข้ามาอย่างที่คุณ charnengi พูดถึง :evil: )
แต่ผมว่ากองทุนดัชนีคงใช้วิธีีแบบเดียวกันมั้งครับ
( ขายหุ้นบริษัทที่เจ๊งหรือคุณสมบัติไม่ครบ แล้วไปซื้อตัวอื่นแทน)
ไม่น่าจะปล่ิอยทิ้งไว้เฉยๆโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
ถึงแม้จะเป็นกองทุนที่ Passive มากๆ ผมว่าก็ยังต้องมีการปรับเปลี่ยน
บริษัทที่จะลงทุนตามความเหมาะสมและดัชนที่เอามาคำนวณหรือเปล่าครับ
รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ขอบคุณครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 5
ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้วkmphol เขียน:การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี
ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง
อย่างกรณีนี้
ถามว่าทำไมต้องเลือกวันลงทุนในตลาดตอน มค37 ที่ดัชนี 1789 จุด
มีเหตุผลอื่นหรือไม่
หรือต้องการเลือกวันนี้เพื่อให้คำตอบออกมาตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
การเลือกแบบนี้ในทางงานวิจัยเรียกว่าเลือกโดยมี bias
ทำไมไม่เลือกตอนดัชนี 200 จุด
ทำไมไม่เลือกตอน 400 จุด
และทำไมไม่เลือกตอนเปิดตลาด 100 จุด
ซึ่งจะเห็นได้ว่า
กรณีอื่นๆนั้น
คำตอบจะออกมาตรงกันข้ามหมดเลย
"การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี"
นั้นถูกต้องแล้ว
ดีกว่าฝากธนาคาร
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 413
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 6
......เป็น VI ต้องถือยาว....
Even Sir Isaac Newton loss in stock market
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
Re: มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 7
ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้วสามัญชน เขียน:
อย่างกรณีนี้
ถามว่าทำไมต้องเลือกวันลงทุนในตลาดตอน มค37 ที่ดัชนี 1789 จุด
มีเหตุผลอื่นหรือไม่
หรือต้องการเลือกวันนี้เพื่อให้คำตอบออกมาตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
การเลือกแบบนี้ในทางงานวิจัยเรียกว่าเลือกโดยมี bias
ทำไมไม่เลือกตอนดัชนี 200 จุด
ทำไมไม่เลือกตอน 400 จุด
และทำไมไม่เลือกตอนเปิดตลาด 100 จุด
ซึ่งจะเห็นได้ว่า
กรณีอื่นๆนั้น
คำตอบจะออกมาตรงกันข้ามหมดเลย
"การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี"
นั้นถูกต้องแล้ว
ดีกว่าฝากธนาคาร
Small Details Make a Big Difference
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 9
ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้วสามัญชน เขียน:
อย่างกรณีนี้
ถามว่าทำไมต้องเลือกวันลงทุนในตลาดตอน มค37 ที่ดัชนี 1789 จุด
มีเหตุผลอื่นหรือไม่
หรือต้องการเลือกวันนี้เพื่อให้คำตอบออกมาตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้
การเลือกแบบนี้ในทางงานวิจัยเรียกว่าเลือกโดยมี bias
ทำไมไม่เลือกตอนดัชนี 200 จุด
ทำไมไม่เลือกตอน 400 จุด
และทำไมไม่เลือกตอนเปิดตลาด 100 จุด
ซึ่งจะเห็นได้ว่า
กรณีอื่นๆนั้น
คำตอบจะออกมาตรงกันข้ามหมดเลย
"การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี"
นั้นถูกต้องแล้ว
ดีกว่าฝากธนาคาร
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 12
คุณครับ ถ้ามีนักลงทุนเป็นลงทุนSETแถวhighที่1789จุดผมคิดว่าผู้นั้นคงไม่ใช่นักลงทุนแนวVIอย่างแน่นอนครับเพราะดูแค่ประเมินอย่างง่ายๆโดยดูค่าPEรวมของตลาดหุ้น ณ เวลานั้นแล้วก็ไม่มีนักลงทุนแนวVIท่านใดเข้าไปลงทุนครับ มีแต่ปล่อยของที่มีอยู่ให้หมดซะมากกว่า :lol:
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 13
กระทู้นี้ ต้องจับตา เข้าห้องทรงคุณค่า แน่ๆ
เชื่อโบรก พูดแต่ละครั้ง คนละอารมณ์ ไม่เคยมั่นคงสักที
ชี้ซ้ายบ้าง ชี้ขวาบ้าง
ชี้หน้าบ้าง ชี้หลัง บ้าง
เผลอๆเวลาหุ้นขึ้น ชี้บนฟ้า
พอหุ้นลงชี้ก้นเหว
ถ้าเชื่อเจ้าของบริษัท ถ้าเจอคนดีก็ดีไปครับ
ถ้าเจอคนไม่ดี ถูกหลอกคาโรงงาน-สำนักงานเลย
เชื่อโบรก พูดแต่ละครั้ง คนละอารมณ์ ไม่เคยมั่นคงสักที
ชี้ซ้ายบ้าง ชี้ขวาบ้าง
ชี้หน้าบ้าง ชี้หลัง บ้าง
เผลอๆเวลาหุ้นขึ้น ชี้บนฟ้า
พอหุ้นลงชี้ก้นเหว
ถ้าเชื่อเจ้าของบริษัท ถ้าเจอคนดีก็ดีไปครับ
ถ้าเจอคนไม่ดี ถูกหลอกคาโรงงาน-สำนักงานเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 21
- ผู้ติดตาม: 0
เห็นด้วยกับพี่หมออย่างรุนแรง
โพสต์ที่ 15
เห็นด้วยกับพี่หมออย่างรุนแรง
ระยะยาว ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้ว ลุงบัฟ ก็พิสูจน์มาแล้วนิครับ อิอิ
ระยะยาว ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้ว ลุงบัฟ ก็พิสูจน์มาแล้วนิครับ อิอิ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 16
เห็นด้วยครับกับคุณ kmpholkmphol เขียน:ผมคิดว่าสิ่งที่มันถูกต้อง 100% เราคงไม่สามารถหาเหตุการณ์ใดใด มาโต้แย้งมันได้ แต่ถ้าเราหาเหตุการณ์ใดมาโต้แย้งได้ แค่ครั้งเดียว มันก็คงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 100% แล้วครับ คงไม่ใช่หลักการ ที่เรายึดถือเป็นสรณะได้
ถ้าเราคิดว่าการลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
( เป็นคำกล่าวที่กว้างมากๆ ) หมายความว่า ลงทุนในช่วงใดก็ตาม และในหุ้นใดก็ตาม ผลตอบแทนในระยะยาวต้องได้ผลตอบแทนที่ดี
แต่ประเด็นคือ ยาวแค่ไหน ใครเป็นคนกำหนด
ถ้าโดยปกติทั่วไป ผมเคยเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่วิเคราะห์ว่า
ระยะเวลาการลงทุน 3 - 5 ปี คือ ระยะยาว
เราจะเอาตัวเลขนี้มาใช้วัดเป็นมาตรฐานได้ไหมครับ ?
ถ้าสมมุติว่าได้
ประโยคที่ว่า "การลงทุนในหุ้นระยะยาวแล้วให้ผลตอบแทนที่ดี"
คงจะใช้ไม่ได้แน่นอนจากตัวอย่างที่พี่ Kmphol
ยกมาว่าซื้อตอนดัชนี 1789 จุด
( แค่ตัวอย่างเดียวก็พิสูจน์ได้แล้วว่าประโยคนี้ผิด )
แต่ถ้าไม่ได้ แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าระยะยาวครับ ?
ระยะยาวของแต่ละคนก็คงหมายถึงช่วงเวลาที่ไม่เท่ากัน
บางคนคิดว่า 1 อาทิตย์ก็ยาวแล้ว
แต่บางคน 10 ปี ยังบอกว่าไม่ยาว
อีกประเด็นนะครับผลตอบแทนเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าดี
ถ้าบอกว่ามากกว่าเงินฝาก
ผมก็ว่ามันก็ยังไม่ครอบคลุมเป้าหมายผลตอบแทนจากการลงทุน
ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการจากการลงทุนในหุ้นอยู่ดี
( เพราะ 4 - 5 % ก็เรียกได้ว่ามากกว่าเงินฝากแล้ว )
แต่ผมคิดว่าหลายๆท่านอาจจะไม่ต้องการแค่มากกว่าผลตอบแทนเงินฝาก
แต่อาจจะต้องการ 10 - 15 % หรือมากกว่า
ในส่วนของผลตอบแทนก็มีประเด็นที่น่าคิดครับ
เราจะวัดผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างไรครับ ?
วัดจากเงินปันผล หรือ กำไรจากส่วนต่างราคา หรือ ทั้งสองอย่าง
ถ้าสมมุติบริษทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา จากการทำธุรกิจแล้วได้กำไร
ตามทฤษฎีราคาหุ้นก็ควรจะเพิ่มขึ้นด้วยในอัตราใกล้เคียงกัน
แต่ก็มีหุ้นของบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ราคาไม่ปรับขึ้นตาม
( อาจจะเป็นเพราะสภาพคล่องน้อย หรือเหตุผลอื่นๆ )
ถึงแม้มูลค่าจะเพิ่มขึ้น ทำำให้เราสามารถขายหุ้นในราคาที่เหมาะสมกับมูลค่า
ของมันไม่ได้นั่นก็เท่ากับว่าเราจะได้กำไีรหรือได้ผลตอบแทน
จากส่วนต่างราคาน้อยลง ต่อให้ยังได้รับเงินปันผลก็ตาม
และมันก็อาจจะเป็นสาเหตหนึ่งุที่ทำให้การลงทุนในหุ้นระยะยาว
(ซึ่งไม่รู้ว่ายาวเท่าไหร่) ได้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยดีนัก
(น้อยกว่าหรือมากกว่าเงินฝากไม่มาก)
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนิดนึงครับkaninsaeko เขียน:ระยะยาว ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้ว ลุงบัฟ ก็พิสูจน์มาแล้วนิครับ อิอิ
ผมคิดว่าท่านปรมาจารย์ บัฟเฟ็ตพิสูจน์เฉพาะการลงทุนแนว VI ครับ
แต่จากประโยคที่คุณ kmphol ยกมา "การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว"
ไม่ได้เจาะจงว่าต้องลงทุนในแนว VI นะครับ
ผมจะเห็นด้วยอย่างยิ่งถ้าเปลี่ยนประโยคข้างต้นเป็นประมาณว่า
" การลงทุนแนว VI อย่างรอบคอบ ในธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ( 10 - 15 %)
ในระยะเวลา 5-10 ปีขึ้นไป "
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 21
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 17
เป็นการพูดที่กว้างสินะครับ
การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี
สงสัยต้องใช้คู่กับ
การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาก่อนการลงทุน
การพูดกว้างอย่างนี้อาจทำให้คนเข้าใจผิด ต้องระวังๆ อิอิ
การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี
สงสัยต้องใช้คู่กับ
การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาก่อนการลงทุน
การพูดกว้างอย่างนี้อาจทำให้คนเข้าใจผิด ต้องระวังๆ อิอิ
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 18
คงเป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคนมั้งครับ
แต่ผมคิดว่า
"การลงทุนในระยะยาวให้ผลตอบแทนดีกว่า "
มันเป็นคำพูดที่ถูก แต่ไม่ทั้งหมด เพียงแต่มันมีความถูกต้องมากกว่าคำพูดว่า
"การลงทุนในระยะสั้นให้ผลตอบแทนดีกว่า"
คำพูดแรกคงมีกรณีที่ถูกต้องมากกว่าละครับ
แต่ถ้าจะตัดสินว่าใครถูกจริงๆ คงต้องไปหานิยามของคำว่า"ถูก" ว่ามันแปลว่าถูก 100% หรือ ส่วนใหญ่
แต่ผมคิดว่า
"การลงทุนในระยะยาวให้ผลตอบแทนดีกว่า "
มันเป็นคำพูดที่ถูก แต่ไม่ทั้งหมด เพียงแต่มันมีความถูกต้องมากกว่าคำพูดว่า
"การลงทุนในระยะสั้นให้ผลตอบแทนดีกว่า"
คำพูดแรกคงมีกรณีที่ถูกต้องมากกว่าละครับ
แต่ถ้าจะตัดสินว่าใครถูกจริงๆ คงต้องไปหานิยามของคำว่า"ถูก" ว่ามันแปลว่าถูก 100% หรือ ส่วนใหญ่
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 19
ผมว่าจริง นะครับ แต่ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง ต้องมีความรู้ทางการลงทุน ต้องดูจังหวะเวลาและโอกาส อีกอย่างต้องถือบริษัทที่ดีด้วย เพราะถ้าดู index โดยรวม ตอน high สุด มันมีหุ้นที่ออกไปนอกตลาดแล้วก็เยอะ นะครับทำให้ ดัชนีตกลงด้วย ฉะนั้นเที่ยวกับ ดัชนีอย่างเดียวคงไม่ได้ครับ :D
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 20
[quote="ปรัชญา"]
เชื่อโบรก
เชื่อโบรก
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- satantuey
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 21
นักเทคนิคบอกว่าตลาดหุ้นมักเกิดเหตุการณ์แบบเดิมซ้ำๆ แบบเดิมๆ จึงทำให้มีคนคิดทฤษฏีต่างๆมากมายมาใช้ในการดูหุ้น
ข้อนี้ผมไม่ค่อยเชื่ออ่ะ เพราะน้อยครั้งที่จะเห็นว่าจะมีวิธีใดทายได้ล่วงหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นว่าเหตุเกิดแล้วจึงยกทฤษฏีต่างๆมาอ้างซะมากกว่า
ข้อนี้ผมไม่ค่อยเชื่ออ่ะ เพราะน้อยครั้งที่จะเห็นว่าจะมีวิธีใดทายได้ล่วงหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นว่าเหตุเกิดแล้วจึงยกทฤษฏีต่างๆมาอ้างซะมากกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 22
ให้สาวบริสุทธิมาปักตะไคร้แล้วหุ้นจะไม่ตก
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- BABY TERMITE
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 23
ถ้างั้นไม่มีใครยอมมาปักแน่ๆ เพราะถ้าปักแล้วหุ้นตก แสดงว่าเธอไม่บริสุทธิ์น่ะสิpat4310 เขียน:ให้สาวบริสุทธิมาปักตะไคร้แล้วหุ้นจะไม่ตก
ปลวกน้อยคอยวันเติบใหญ่
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 24
ถ้าปักแล้วเกิด Black Monday ล่ะครับpat4310 เขียน:ให้สาวบริสุทธิมาปักตะไคร้แล้วหุ้นจะไม่ตก
สงสัยจะเป็นสาวถ้วย ข. :lol: :lol: :lol:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 25
การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี ไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 100 %ครับ แต่ถ้ามันผิดแค่ครั้งเดียวแล้วเราสรุปว่ามันผิด ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 100 %เช่นเดียวกันkmphol เขียน:ผมคิดว่าสิ่งที่มันถูกต้อง 100% เราคงไม่สามารถหาเหตุการณ์ใดใด มาโต้แย้งมันได้ แต่ถ้าเราหาเหตุการณ์ใดมาโต้แย้งได้ แค่ครั้งเดียว มันก็คงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 100% แล้วครับ คงไม่ใช่หลักการ ที่เรายึดถือเป็นสรณะได้
เหมือนอย่างคนจีนที่สอนกันมาว่า ถ้าเราขยัน ประหยัด อดทน แล้วจะประสบความสำเร็จ แน่นอน มีหลายคนที่ทำตามแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ (เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำตามนี้จะมีคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนไม่สำเร็จครับ)แต่นั่น ก็ไม่ได้แปลว่าคำกล่าวข้างต้นผิดครับผม
Small Details Make a Big Difference
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 26
เห็นด้วยกับคุณไสยครับ
อุ๊บ.....คุณ sai ครับ
ถ้ายังจำได้ถึงความหลังเก่าๆสมัยอยู่ปี 1. วิชาสถิติ
เวลาเราทดสอบสมมติฐานอะไรก็ตาม
จะมีคำพูดห้อยท้ายเรื่องระดับความเชื่อมั่นเสมอๆ
เช่น สมมติฐานนี้เป็นจริงที่ระดับความเชื่อมั่น 90% หรือ 95 % เป็นต้น
ซึ่งไม่ได้แปลว่าถูกหมดทั้งร้อยเปอร์เซนต์
แต่ถ้าสมมติฐานที่ถูกแค่ตัวอย่างเดียวที่เหลือผิดหมดเลย
หรือมีความเชื่อมั่นน้อยๆแค่1% หรือต่อให้มากถึง 5 %
เขาจะไม่พูดถึงกันเพราะไม่มีประโยชน์
ระดับความเชื่อมั่นที่สูงๆจะมีประโยชน์ในการนำไปใช้
อย่างพระที่บวชเรียนในพุทธศาสนาร้อยคน
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบรรลุอรหันต์ทั้งร้อยคนหรือเป็นคนดีทั้งร้อยคน
และก็ไม่ได้หมายความว่าธรรมมะและพุทธศาสนาไม่มีประโยชน์สำหรับกล่อมเกลามนุษย์
อุ๊บ.....คุณ sai ครับ
ถ้ายังจำได้ถึงความหลังเก่าๆสมัยอยู่ปี 1. วิชาสถิติ
เวลาเราทดสอบสมมติฐานอะไรก็ตาม
จะมีคำพูดห้อยท้ายเรื่องระดับความเชื่อมั่นเสมอๆ
เช่น สมมติฐานนี้เป็นจริงที่ระดับความเชื่อมั่น 90% หรือ 95 % เป็นต้น
ซึ่งไม่ได้แปลว่าถูกหมดทั้งร้อยเปอร์เซนต์
แต่ถ้าสมมติฐานที่ถูกแค่ตัวอย่างเดียวที่เหลือผิดหมดเลย
หรือมีความเชื่อมั่นน้อยๆแค่1% หรือต่อให้มากถึง 5 %
เขาจะไม่พูดถึงกันเพราะไม่มีประโยชน์
ระดับความเชื่อมั่นที่สูงๆจะมีประโยชน์ในการนำไปใช้
อย่างพระที่บวชเรียนในพุทธศาสนาร้อยคน
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบรรลุอรหันต์ทั้งร้อยคนหรือเป็นคนดีทั้งร้อยคน
และก็ไม่ได้หมายความว่าธรรมมะและพุทธศาสนาไม่มีประโยชน์สำหรับกล่อมเกลามนุษย์
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 27
ผมเห็นด้วยครับsai เขียน: การลงทุนในตลาดหุ้น ในระยะยาวแล้ว ให้ผลตอบแทนที่ดี ไม่ได้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 100 %ครับ แต่ถ้ามันผิดแค่ครั้งเดียวแล้วเราสรุปว่ามันผิด ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 100 %เช่นเดียวกัน
เหมือนอย่างคนจีนที่สอนกันมาว่า ถ้าเราขยัน ประหยัด อดทน แล้วจะประสบความสำเร็จ แน่นอน มีหลายคนที่ทำตามแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ (เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำตามนี้จะมีคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนไม่สำเร็จครับ)แต่นั่น ก็ไม่ได้แปลว่าคำกล่าวข้างต้นผิดครับผม
CONFIRM!!!
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 28
สามัญชน เขียน:ถ้ายังจำได้ถึงความหลังเก่าๆสมัยอยู่ปี 1. วิชาสถิติ
เวลาเราทดสอบสมมติฐานอะไรก็ตาม
จะมีคำพูดห้อยท้ายเรื่องระดับความเชื่อมั่นเสมอๆ
เช่น สมมติฐานนี้เป็นจริงที่ระดับความเชื่อมั่น 90% หรือ 95 % เป็นต้น
ซึ่งไม่ได้แปลว่าถูกหมดทั้งร้อยเปอร์เซนต์
แต่ถ้าสมมติฐานที่ถูกแค่ตัวอย่างเดียวที่เหลือผิดหมดเลย
หรือมีความเชื่อมั่นน้อยๆแค่1% หรือต่อให้มากถึง 5 %
เขาจะไม่พูดถึงกันเพราะไม่มีประโยชน์
ระดับความเชื่อมั่นที่สูงๆจะมีประโยชน์ในการนำไปใช้
:D :Dsai เขียน:เหมือนอย่างคนจีนที่สอนกันมาว่า ถ้าเราขยัน ประหยัด
อดทน แล้วจะประสบความสำเร็จ แน่นอน มีหลายคนที่ทำตามแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ (เพราะผมเชื่อว่าถ้าทำตามนี้จะมีคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า
คนไม่สำเร็จครับ)แต่นั่น ก็ไม่ได้แปลว่าคำกล่าวข้างต้นผิดครับผม
ถึงแม้ผมจะเห็นด้วยกับคุณ kmphol
แต่ผมก็คิดว่า พี่สามัญชน และ พี่ sai ก็อธิบายมีเหตุผลเช่นกันครับ
เป็นอันสรุปว่า
"การลงทุนในหุ้น ระยะยาวแล้วจะให้ผลตอบแทนที่ดี"
อาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ได้ ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนบุคคล
และขึ้นอยู่กับประเด็นที่เรานำมาพิจารณาี้
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 29
[quote="สามัญชน"]
คนที่เลือกลงทุน"เป็น"จึงมักจะได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ส่วนจะดีมากดีน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเล่นหุ้นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกว่า
แต่แม้ว่าจะลงทุนไม่เป็นเลย
โดยตีความรู้ความเข้าใจในเรื่องหุ้นเป็นศูนย์
ผลตอบแทนก็ยังชนะคนฝากกินดอกเบี้ยอยู่ดี
คนที่เลือกลงทุน"เป็น"จึงมักจะได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ส่วนจะดีมากดีน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเล่นหุ้นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกว่า
แต่แม้ว่าจะลงทุนไม่เป็นเลย
โดยตีความรู้ความเข้าใจในเรื่องหุ้นเป็นศูนย์
ผลตอบแทนก็ยังชนะคนฝากกินดอกเบี้ยอยู่ดี
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
มารวบรวมความเชื่อที่ผิดผิด เกี่ยวกับตลาดหุ้นกันครับ
โพสต์ที่ 30
kmphol เขียน:ตลาดหุ้นมันไม่ใช่อะไรที่ ง่าย ง่าย ชิว ชิว ใคร ใคร ก็มาเอาเงินจากมันไปได้ ต่อให้คุณ หวังแค่เงินปันผล ปีละไม่กี่ ก็เถอะ มันก็ไม่ได้ให้คุณง่าย ง่าย หรอก คนที่หวังแค่ปันผล แต่ต้องขาดทุนเงินต้นก็ มีตั้งเยอะแยะ
ตลาดหุ้นโหดร้ายกว่าที่คุณคิดมาก ถ้าคุณไม่รู้จักมันดีพอ มันสามารถ เอาเงินที่คุณเก็บมาทั้งชีวิต เปลี่ยนให้กลายเป็นเศษกระดาษที่มีค่าเป็น 0 ได้ ตัวอย่าง เร็วเร็วนี้ ก็ดูในอเมริกาเอาเอง ก็แล้วกันครับ
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมศึกษาแนวทางการลงทุนแบบ VI
เพราะผมคิดว่าการเข้าใจในสิ่งที่จะลงทุนจริงๆเท่านั้น
ถึงจะให้ผลตอบแทนในระดับที่เราคาดหวังอย่างสมเหตุสมผลได้
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.