ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กค่อนข้างจะหน้าใหม่สำหรับเวบนี้ และ วงการนี้อะครับ
อยากจะลองเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวผมฝากไว้ในเวบนี้หน่อยอะครับ
ผมชื่อ กุ้ย อายุ 19 ปัจจุบันอยู่ ม.6 ฝากตัวด้วยนะครับ :D
********************************************
ผมเกิดมาจากพ่อ แม่ ที่เปนคนธรรมดามากก ไม่ค่อยจะรู้จักการลงทุนเล้ยย
จะมีก้อ ฝากธนาคาร ซื้อพันธบัตร ประกัน เหอะๆ คงจะรวยเนอะ ~~"
พ่อผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากๆ ซื้อไว้เต็มตู้ บางเล่มเก่าจนหน้ากระดาษเหลือง ฝุ่นจับ ไปเปิดอ่านก้อจะได้อาการเป็นหวัด คัดจมูกเป็นของแถม
แม่ผมเป็นคนที่แทบจะไม่รู้จักการลงทุนใดๆ ฝากธนาคารก้อฝากออมทรัพย์ เก็บอย่างเดียว เก็บหลังใช้ด้วยละมั้ง แล้วก้อซื้อพันธบัตร รอคอยว่าวันหนึ่งมันจะถูกรางวัลที่หนึ่งขึ้นมา ด้วยความคิดว่า ยังไงเงินต้นก้อไม่สูญ
ส่วนผม ก้อเด็กธรรมดานั่นเอง มีความฝันเปรอะไปหมด
อยากเป็นนักฟุตบอล เพราะอ่านประวัติเบคแฮม ได้รู้ว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก เลยอยากเป็นบ้าง ทั้งหล่อทั้งเก่งใครบ้างไม่อยากเป็นหละ
อยากเป็นนักมวย เพราะ อ่านการ์ตูน กับดูหนังแล้วมันมันส์จริงๆ ท่องไปในยุทธภพแล้วฝึกวิชาไปเรื่อยๆ เคยขอแม่ไปเรียนที่เมืองจีนด้วยเพื่อไปฝึกวิชากังฟู แต่แม่ผมบอกว่ามวยไทยนี่แหละสุดยอด
อยากเป็นนักดนตรี เพราะ เล่นกีตาร์แล้วชอบ ดูพวกศิลปินแล้วมันก้อเท่จริงๆ ได้ทำงานที่รัก แถมยังรวยอีกด้วยย
อยากเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะเห็นว่า มันดีจริงๆ จะสร้างบ้านใหญ่แค่ไหนก้อได้
และแล้ววันหนึ่งเมื่อผมอายุประมาณม.2-ม.3 ผมก้อได้พบกับ
หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "พ่อรวยสอนลูก RichDad PoorDad"
รูปเล่มสีม่วง สวยมาก สะดุดตา ผมจึงหยิบมาอ่าน แต่ก้อไม่ได้เห็นความวิเศษอะไร กลับงงเสียส่วนใหญ่
เมื่อผมอยู่ประมาณ ม.4 ก้อสนใจเกี่ยวกับการหาเงินทางอินเทอร์เนต แหมมันดึงดูดใจเหลือเกิน ทำงานอยู่กับบ้านก้อได้เงินแล้ว
เคยเช็คเมล์ คลิกตัวการ์ตูน อะไรทั้งหลายที่มันเป็นความลมๆแล้งๆ
แล้วผมก้อมาเจอโปรแกรมหนึ่งชื่อ "Marketiva" มันคือโปรแกรมเทรดค่าเงินในตลาดเงินต่างประเทศ หรือ FOREX (Foreign Exchange) ซึ่งให้เงินฟรีมาเทรดเล่นๆ 5 ดอลลาร์ และเงินปลอมอีก 20000 ดอลลาร์
การวิเคราะห์เทรดมีสองอย่างคือ เทคนิคัล กับ ข่าว
แต่ข่าวเป็นภาษาอังกฤษหมด ผมซึ่งเรียนอังกฤษไม่เคยได้เกรด4 จะเลือกอะไรล่ะ
ก้อนั่นแหละ เทคนิคัล ไงครับ
แล้วผมก้อไปโหลดเอกสารสอนการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค ของ อ.สุรชัย อะไรนี่แหละ จำไม่ได้ 55+
เป็น E-BOOK ผมก้อมาปริ๊นท์เลย หนาใช่ย่อย มีตั้งแต่ การดูแนวโน้ม การใช้เครื่องมือต่างๆ RSI MACD EMA SMA ทฤษฏีต่างๆ ทั้งฟิโบนาชี่ คลื่นอีเลียต อะไรอีกเพียบบ..
ผมก้ออ่านไป รู้บ้างไม่รู้บ้าง แล้วก้อไปเทรด
มันเป็นความตื่นเต้นมากๆ ที่จะดูว่ากราฟจะขึ้น หรือจะลง ความผันผวนมันสูงกว่า SET มาก เปลี่ยนราคากันเป็นวินาทีเลยทีเดียว
ไม่นาน เงิน 5 ดอลลาร์ก้อหมดลง !!
ทำไงล่ะผม เล่นเงินปลอมต่อเหรอ
ไม่ มันไม่ตื่นเต้นเอาซะเลย
ผมจึงสมัครชื่อใหม่ เนื่องจากเวบนั้นให้ คอม1 เครื่องต่อ 1ชื่อ ไม่งั้นเค้าจะแบนทั้งหมด ผมก้อเลยไปสมัครร้านเกม มาเล่นอีกหลายชื่อ ดอลลาร์ก้อหมดทุกชื่อเหมือนกัน แล้วไม่รู้ทำไง โดนแบนด์เข้าไม่ได้เลย T_T
แต่ผมก้อได้ความรู้สึกของนักเก็งกำไรมาแล้วส่วนหนึ่ง ได้ศัพท์ภาษาอังกฤษมาอีกหน่อยนึง ได้พื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาอีก
(อันนี้เยี่ยมมากเลยละครับ ถ้าผมสามารถนำมาประยุกต์กับ VI ได้ ผมคงเก่งมากๆเลย 55+ ผมอ่านตีแตกของดร.นิเวศน์ เขาบอกว่า คนเราไม่สามารถเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันได้ แต่ผมไม่คิดว่า เทคนิค กับ พื้นฐาน มันจะขัดแย้งกันนะครับ ถ้าขัดแย้งกันผมก้อจะบุกเบิกการลงทุนสูตรใหม่เองครับ << เวอร์ไปนิด 55+)
และแล้วเมื่อถึงม.5เทอมปลาย ผมก้อต้องคิดเรื่องมหาลัยขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าจะเรียนอะไรยังไง
เมื่อตอนม.4 ผมเคยบอกครูว่าอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะว่าพูดเอาใจครูน่ะครับ
แต่พอม.5 ผมก้ออยากเรียนจริงๆ ได้ยินหลายคนมากๆพูดว่าเรียนแล้วรวย อะไรประมาณนี้ แต่ก้อไม่ค่อยได้รู้จักดีเท่าไหร่
และแล้ว หนังสือชื่อ "พ่อรวยสอนลูก" ก้อได้ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง
ม.5เทอมปลาย ผมหยิบ พ่อรวยสอนลูก มาอ่านอีกครั้ง เพราะว่าลืมไปแล้วว่าเค้าสอนอะไร
แล้วผมก้อพบว่า คำถามที่มันเคยค้างอยู่ในใจผมตอนเด็กๆ มันเริ่มจะเห็นคำตอบแล้ว และคำตอบนั้นไม่ใช่คำตอบเดียว
ตอนเด็กๆผมสงสัยมากว่า คนเรามันจะรวยได้ยังไง
เนื่องจากพ่อแม่ ผมไม่รวย แต่พ่อแม่ผมกลับให้ผมเข้า รร.เอกชน ค่อนข้างจะรวย (มากเสียด้วย) รร.คุณหนูเลยละ
เกมบางเกม ผมอยากเล่น แม่ก้อไม่ซื้อให้ผม เวลามันออกใหม่ๆ มันจะแพงมาก
ถ้าผมจะเล่น แม่ผมก้อบอกให้ผมเก็บเงินเอา ซึ่งก้อทำให้ผมมีนิสัยเก็บเงินมาถึงปัจจุบันนี่ละ จนซื้อเกมบอย ได้ << ฮิตมากนะครับ ตอนผมประมาณ ป.1 เครื่องละประมาณ 2000
เพื่อนๆผมเวลาอยากได้ แม่มันก้อซื้อให้เลย T_T ตอนน้นผมก้อเลยเซ็งอยุ่บ้าง
เลยเกิดคำถามว่า คนเรามันจะรวยได้ยังไง?
ผมเห็นพ่อแม่ ผมทำงาน เก็บเงิน แล้วยังงี้มันจะรวยเหรอ(วะ)
เพราะ พอเราใช้เงิน เงินก้อหายไป แล้วต้องทำงานตลอดชีวิตเนี่ย
มันใช่คำตอบเหรอ ทำงานจน50-60 ผมไม่อยากเอาด้วยหรอก
แต่พออ่านหนังสือเล่มนั้นจบอีกรอบ คำถามที่เคยสงสัย ก้อเริ่มคลี่คลายลง เหมือนประตูที่ค่อยๆเปิดช้าๆ แล้วมีแสงลอดออกมา
เมื่อผมพบว่า มันมีวิธีอื่น ที่ไม่ต้องตั้งใจเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน เก็บปริญญาบัตร ทำงานงกๆ กับโต๊ะ ไปจนแก่หง่อม
อยากจะลองเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวผมฝากไว้ในเวบนี้หน่อยอะครับ
ผมชื่อ กุ้ย อายุ 19 ปัจจุบันอยู่ ม.6 ฝากตัวด้วยนะครับ :D
********************************************
ผมเกิดมาจากพ่อ แม่ ที่เปนคนธรรมดามากก ไม่ค่อยจะรู้จักการลงทุนเล้ยย
จะมีก้อ ฝากธนาคาร ซื้อพันธบัตร ประกัน เหอะๆ คงจะรวยเนอะ ~~"
พ่อผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากๆ ซื้อไว้เต็มตู้ บางเล่มเก่าจนหน้ากระดาษเหลือง ฝุ่นจับ ไปเปิดอ่านก้อจะได้อาการเป็นหวัด คัดจมูกเป็นของแถม
แม่ผมเป็นคนที่แทบจะไม่รู้จักการลงทุนใดๆ ฝากธนาคารก้อฝากออมทรัพย์ เก็บอย่างเดียว เก็บหลังใช้ด้วยละมั้ง แล้วก้อซื้อพันธบัตร รอคอยว่าวันหนึ่งมันจะถูกรางวัลที่หนึ่งขึ้นมา ด้วยความคิดว่า ยังไงเงินต้นก้อไม่สูญ
ส่วนผม ก้อเด็กธรรมดานั่นเอง มีความฝันเปรอะไปหมด
อยากเป็นนักฟุตบอล เพราะอ่านประวัติเบคแฮม ได้รู้ว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่รวยที่สุดในโลก เลยอยากเป็นบ้าง ทั้งหล่อทั้งเก่งใครบ้างไม่อยากเป็นหละ
อยากเป็นนักมวย เพราะ อ่านการ์ตูน กับดูหนังแล้วมันมันส์จริงๆ ท่องไปในยุทธภพแล้วฝึกวิชาไปเรื่อยๆ เคยขอแม่ไปเรียนที่เมืองจีนด้วยเพื่อไปฝึกวิชากังฟู แต่แม่ผมบอกว่ามวยไทยนี่แหละสุดยอด
อยากเป็นนักดนตรี เพราะ เล่นกีตาร์แล้วชอบ ดูพวกศิลปินแล้วมันก้อเท่จริงๆ ได้ทำงานที่รัก แถมยังรวยอีกด้วยย
อยากเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะเห็นว่า มันดีจริงๆ จะสร้างบ้านใหญ่แค่ไหนก้อได้
และแล้ววันหนึ่งเมื่อผมอายุประมาณม.2-ม.3 ผมก้อได้พบกับ
หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "พ่อรวยสอนลูก RichDad PoorDad"
รูปเล่มสีม่วง สวยมาก สะดุดตา ผมจึงหยิบมาอ่าน แต่ก้อไม่ได้เห็นความวิเศษอะไร กลับงงเสียส่วนใหญ่
เมื่อผมอยู่ประมาณ ม.4 ก้อสนใจเกี่ยวกับการหาเงินทางอินเทอร์เนต แหมมันดึงดูดใจเหลือเกิน ทำงานอยู่กับบ้านก้อได้เงินแล้ว
เคยเช็คเมล์ คลิกตัวการ์ตูน อะไรทั้งหลายที่มันเป็นความลมๆแล้งๆ
แล้วผมก้อมาเจอโปรแกรมหนึ่งชื่อ "Marketiva" มันคือโปรแกรมเทรดค่าเงินในตลาดเงินต่างประเทศ หรือ FOREX (Foreign Exchange) ซึ่งให้เงินฟรีมาเทรดเล่นๆ 5 ดอลลาร์ และเงินปลอมอีก 20000 ดอลลาร์
การวิเคราะห์เทรดมีสองอย่างคือ เทคนิคัล กับ ข่าว
แต่ข่าวเป็นภาษาอังกฤษหมด ผมซึ่งเรียนอังกฤษไม่เคยได้เกรด4 จะเลือกอะไรล่ะ
ก้อนั่นแหละ เทคนิคัล ไงครับ
แล้วผมก้อไปโหลดเอกสารสอนการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค ของ อ.สุรชัย อะไรนี่แหละ จำไม่ได้ 55+
เป็น E-BOOK ผมก้อมาปริ๊นท์เลย หนาใช่ย่อย มีตั้งแต่ การดูแนวโน้ม การใช้เครื่องมือต่างๆ RSI MACD EMA SMA ทฤษฏีต่างๆ ทั้งฟิโบนาชี่ คลื่นอีเลียต อะไรอีกเพียบบ..
ผมก้ออ่านไป รู้บ้างไม่รู้บ้าง แล้วก้อไปเทรด
มันเป็นความตื่นเต้นมากๆ ที่จะดูว่ากราฟจะขึ้น หรือจะลง ความผันผวนมันสูงกว่า SET มาก เปลี่ยนราคากันเป็นวินาทีเลยทีเดียว
ไม่นาน เงิน 5 ดอลลาร์ก้อหมดลง !!
ทำไงล่ะผม เล่นเงินปลอมต่อเหรอ
ไม่ มันไม่ตื่นเต้นเอาซะเลย
ผมจึงสมัครชื่อใหม่ เนื่องจากเวบนั้นให้ คอม1 เครื่องต่อ 1ชื่อ ไม่งั้นเค้าจะแบนทั้งหมด ผมก้อเลยไปสมัครร้านเกม มาเล่นอีกหลายชื่อ ดอลลาร์ก้อหมดทุกชื่อเหมือนกัน แล้วไม่รู้ทำไง โดนแบนด์เข้าไม่ได้เลย T_T
แต่ผมก้อได้ความรู้สึกของนักเก็งกำไรมาแล้วส่วนหนึ่ง ได้ศัพท์ภาษาอังกฤษมาอีกหน่อยนึง ได้พื้นฐานการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาอีก
(อันนี้เยี่ยมมากเลยละครับ ถ้าผมสามารถนำมาประยุกต์กับ VI ได้ ผมคงเก่งมากๆเลย 55+ ผมอ่านตีแตกของดร.นิเวศน์ เขาบอกว่า คนเราไม่สามารถเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันได้ แต่ผมไม่คิดว่า เทคนิค กับ พื้นฐาน มันจะขัดแย้งกันนะครับ ถ้าขัดแย้งกันผมก้อจะบุกเบิกการลงทุนสูตรใหม่เองครับ << เวอร์ไปนิด 55+)
และแล้วเมื่อถึงม.5เทอมปลาย ผมก้อต้องคิดเรื่องมหาลัยขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าจะเรียนอะไรยังไง
เมื่อตอนม.4 ผมเคยบอกครูว่าอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะว่าพูดเอาใจครูน่ะครับ
แต่พอม.5 ผมก้ออยากเรียนจริงๆ ได้ยินหลายคนมากๆพูดว่าเรียนแล้วรวย อะไรประมาณนี้ แต่ก้อไม่ค่อยได้รู้จักดีเท่าไหร่
และแล้ว หนังสือชื่อ "พ่อรวยสอนลูก" ก้อได้ทำให้ผมเห็นอะไรบางอย่าง
ม.5เทอมปลาย ผมหยิบ พ่อรวยสอนลูก มาอ่านอีกครั้ง เพราะว่าลืมไปแล้วว่าเค้าสอนอะไร
แล้วผมก้อพบว่า คำถามที่มันเคยค้างอยู่ในใจผมตอนเด็กๆ มันเริ่มจะเห็นคำตอบแล้ว และคำตอบนั้นไม่ใช่คำตอบเดียว
ตอนเด็กๆผมสงสัยมากว่า คนเรามันจะรวยได้ยังไง
เนื่องจากพ่อแม่ ผมไม่รวย แต่พ่อแม่ผมกลับให้ผมเข้า รร.เอกชน ค่อนข้างจะรวย (มากเสียด้วย) รร.คุณหนูเลยละ
เกมบางเกม ผมอยากเล่น แม่ก้อไม่ซื้อให้ผม เวลามันออกใหม่ๆ มันจะแพงมาก
ถ้าผมจะเล่น แม่ผมก้อบอกให้ผมเก็บเงินเอา ซึ่งก้อทำให้ผมมีนิสัยเก็บเงินมาถึงปัจจุบันนี่ละ จนซื้อเกมบอย ได้ << ฮิตมากนะครับ ตอนผมประมาณ ป.1 เครื่องละประมาณ 2000
เพื่อนๆผมเวลาอยากได้ แม่มันก้อซื้อให้เลย T_T ตอนน้นผมก้อเลยเซ็งอยุ่บ้าง
เลยเกิดคำถามว่า คนเรามันจะรวยได้ยังไง?
ผมเห็นพ่อแม่ ผมทำงาน เก็บเงิน แล้วยังงี้มันจะรวยเหรอ(วะ)
เพราะ พอเราใช้เงิน เงินก้อหายไป แล้วต้องทำงานตลอดชีวิตเนี่ย
มันใช่คำตอบเหรอ ทำงานจน50-60 ผมไม่อยากเอาด้วยหรอก
แต่พออ่านหนังสือเล่มนั้นจบอีกรอบ คำถามที่เคยสงสัย ก้อเริ่มคลี่คลายลง เหมือนประตูที่ค่อยๆเปิดช้าๆ แล้วมีแสงลอดออกมา
เมื่อผมพบว่า มันมีวิธีอื่น ที่ไม่ต้องตั้งใจเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน เก็บปริญญาบัตร ทำงานงกๆ กับโต๊ะ ไปจนแก่หง่อม
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 2
พิมพ์ได้ยากมาก นั่งอ่านแล้วก็ ok ถือว่ามีพื้นฐานในระดับหนึ่ง
คำว่ามีพื้นฐานคือ
1. อ่านหนังสือการลงทุนบ้างเล่ม อ่านหนังสือทางด้านเทคนิคบ้างเล่ม
2. มีการลองผิดลองถูกถึงเป็นเกมการลงทุนก็ตาม ก็ถือได้ว่าลองมาบ้าง
3. มีอายุน้อยแต่สนใจเรื่องการลงทุน ถือว่ายังไม่สายเริ่มต้นใหม่ได้เรื่อย จนกว่าไม่เกิน 40 ปี
แต่ทุกสิ่งที่อย่างข้างต้น มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไงถึงรวยใช่ไหม
ลองไปหาหนังสือที่ชื่อ Think and Grow Rich (คิดอย่างไรให้รวย)
อีกเล่ม Law of Success ทั้งสองเล่มเป็นของ ดร.นโปเลี่ยน ฮิลล์
ลองเอาไปอ่านดูก่อนแล้วค่อยทำการใหญ่
การทำการใหญ่ อีก 10 ปีไม่สายสำหรับทุกคน
แต่คนที่ทำการใหญ่ได้ต้องรู้ประสิทธิภาพของตัวเอง
ว่าประสิทธิภาพของเราอยู่ที่จุดไหน มันพร้อมแล้วที่ลงมือปฏิบัติหรือยัง
ทุกอย่างไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องแลกอะไรบ้างอย่างเสมอน่าครับ
สุดท้าย
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนการลงทุน
คำว่ามีพื้นฐานคือ
1. อ่านหนังสือการลงทุนบ้างเล่ม อ่านหนังสือทางด้านเทคนิคบ้างเล่ม
2. มีการลองผิดลองถูกถึงเป็นเกมการลงทุนก็ตาม ก็ถือได้ว่าลองมาบ้าง
3. มีอายุน้อยแต่สนใจเรื่องการลงทุน ถือว่ายังไม่สายเริ่มต้นใหม่ได้เรื่อย จนกว่าไม่เกิน 40 ปี
แต่ทุกสิ่งที่อย่างข้างต้น มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไงถึงรวยใช่ไหม
ลองไปหาหนังสือที่ชื่อ Think and Grow Rich (คิดอย่างไรให้รวย)
อีกเล่ม Law of Success ทั้งสองเล่มเป็นของ ดร.นโปเลี่ยน ฮิลล์
ลองเอาไปอ่านดูก่อนแล้วค่อยทำการใหญ่
การทำการใหญ่ อีก 10 ปีไม่สายสำหรับทุกคน
แต่คนที่ทำการใหญ่ได้ต้องรู้ประสิทธิภาพของตัวเอง
ว่าประสิทธิภาพของเราอยู่ที่จุดไหน มันพร้อมแล้วที่ลงมือปฏิบัติหรือยัง
ทุกอย่างไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ต้องแลกอะไรบ้างอย่างเสมอน่าครับ
สุดท้าย
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนการลงทุน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 3
แนะนำให้อ่านหนังสือ "One up on wallstreet" แปลเป็นไทยชื่อ "เหนือกว่าวอลสตรีท" และหนังสือทุกเล่มที่ ดร นิเวศน์เขียนหรือแปล
ผมยังเสียดายจนถึงทุกวันนี้ ที่เริ่มลงทุนช้าไปเป็น 10 ปี
ผมยังเสียดายจนถึงทุกวันนี้ ที่เริ่มลงทุนช้าไปเป็น 10 ปี
In search of super stocks
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 4
Guiman เขียน:เลยเกิดคำถามว่า คนเรามันจะรวยได้ยังไง?
ผมเห็นพ่อแม่ ผมทำงาน เก็บเงิน แล้วยังงี้มันจะรวยเหรอ(วะ)
เพราะ พอเราใช้เงิน เงินก้อหายไป แล้วต้องทำงานตลอดชีวิตเนี่ย
มันใช่คำตอบเหรอ ทำงานจน50-60 ผมไม่อยากเอาด้วยหรอก
แต่พออ่านหนังสือเล่มนั้นจบอีกรอบ คำถามที่เคยสงสัย ก้อเริ่มคลี่คลายลง เหมือนประตูที่ค่อยๆเปิดช้าๆ แล้วมีแสงลอดออกมา
เมื่อผมพบว่า มันมีวิธีอื่น ที่ไม่ต้องตั้งใจเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน
เก็บปริญญาบัตร ทำงานงกๆ กับโต๊ะ ไปจนแก่หง่อม
เห็นด้วยครับ
ถ้ามีเด็กรุ่นใหม่ๆคิดได้เช่นนี้เยอะๆ
ผมว่าประเทศเราไปได้ไกลครับ
:D
แต่ผมอยากจะขอเสริมนิดนึงนะครับ
ความเห็นส่วนตัวครับ
ผมคิดว่าบางทีถ้าเราคิดแต่ว่าจะทำยังไงให้ร่ำรวย โดยไม่ต้องทำงาน
(ที่ไม่ชอบ)ไปตลอดชีวิต หรือ ไม่ต้องตั้งใจเรียนสูงๆ
(ในวิชาที่หางานทำง่ายแต่เราไม่สนใจ)
มันอาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่คนเรา(โดยทั่วไป)
ปราถนาจริงๆ
ผมว่าจุดหมายจริงๆของการมีอิสรภาพทางการเงิน
และอิสรภาพทางเวลา อย่างที่คุณ Guiman กล่าวถึง
คือ การได้ใช้เวลาที่ตัวเองมีจากการที่ไม่ต้องทำในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
ไปกับการหาความสุขให้กับชีวิตมากกว่าการสร้างฐานะ
สำหรับวิธีการที่จะทำให้ไปถึงจุดมุ่งหมายนั้น
ผมว่ามันจะไม่สำคัญเลยถ้าเราไม่ชอบหรือรักที่จะทำวิธีการนั้นๆ
เช่น ผมอาจจะคิดว่าการลงทุนในหุ้นแบบ VI จะสามารถทำให้
ผมบรรลุอิสรภาพทางการเงินตอนอายุ 35 ปี
แต่ถ้าถามว่าจริงๆแล้ว
ผมชอบการลงทุนในหุ้นไหม ถ้าสมมุติว่าผมไม่ชอบ
ผมคิดว่ามันก็คงไม่มีประโยชน์ที่ผมจะต้องนั่งลงทุนในหุ้น
ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงเวลาที่ผมคิดจะเกษียณอายุอย่างไม่มีความสุข
(ปัจจุบันผมผมอายุ 18 คิดจะเกษียณตอน 35 นับรวมจากปัจจุบันไปอีก
รวมเป็นเหลือเวลาอีก 17 ปี )
ผมจึงคิดว่า การได้ทำในสิ่งที่เราชอบเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
การทำสิ่งที่อาจจะให้ผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว
และผมก็เชื่อว่าไม่ว่าคนเราจะทำอาชีพอะไร
อาจจะเป็นอาขีพที่ได้รายได้น้อยหน่อย
แต่ขอเพียงเรารัก และ ตั้งใจทำอาชีพนั้นจริงๆ
ผมคิดว่าเราก็จะร่ำรวย ประสบความสำเร็จ และมีความสุข
จากการทำอาชีพนั้นๆ เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น
หรืออาชีพอื่นๆที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าแต่เราอาจจะไม่ได้ชอบจริงๆ
:D
อย่างไรก็ตามผมคิดว่า คุณ Guiman คงจะชอบด้านการลงทุน
โดยเฉพาะในหุ้น ไม่งั้นคงจะไม่สนใจด้านการลงทุนขนาดนี้
( ชอบในแง่ของลักษณะของการลงทุนนะครับ เช่น ชอบวิเคราะห์
เรื่องเงินๆทองๆ ชอบการทำธุรกิจ ไม่ใช่ในแง่ของผลตอบแทน)
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 5
ไม่มีใครรวยได้โดยง่ายหรอกครับ ถ้าอ่านหนังสือในชุด
พ่อรวยหลายๆรอบ จะพบว่ากว่าพ่อรวยและคิโยซากิจะก่อร่างสร้างตัวได้
ต้องใช้เวลา ความพยายามอย่างมาก เน้นในงานที่เค้าชอบและ
มีความสุข การคิดว่าไม่อยากจะทำงานจนอายุ 50-60 นั้นเป็นความคิด
ที่ไม่ถูกต้องที่สุด สำหรับคนธรรมดาๆที่ไม่ได้มีกิจการของพ่อแม่
หรือไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน ควรจะต้องทำงานเก็บเงิน ออมเงินรวมถึง
หาความรู้ในด้านที่เราสนใจให้มากที่สุดก่อน ศึกษาเรื่องต่างๆให้มากที่สุด
เลือกในสิ่งที่เราชอบและทำได้ดี และทำให้ดียิ่งๆขึ้นได้ จริงอยู่ว่ามี
คนหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ แต่อีกหลายคนก็
ใช้เวลานานจริงๆกว่าจะประสบความสำเร็จได้ และอีกหลายๆคนที่ล้มแหลว ในเรื่องเงินสี่ด้าน
พ่อรวยบอกว่าไม่ว่าด้านไหนๆก็มีอิสระทางการเงินได้หมด ถ้าเรามีความ
มุ่งมั่นที่จะทำให้ดี พ่อรวยเน้นที่การวางแผน คือแผนเพื่อความมั่นคง
แผนเพื่อความสะดวกสบาย แผนเพื่อความร่ำรวย คุณมีแผนแล้วหรือยัง
พ่อรวยหลายๆรอบ จะพบว่ากว่าพ่อรวยและคิโยซากิจะก่อร่างสร้างตัวได้
ต้องใช้เวลา ความพยายามอย่างมาก เน้นในงานที่เค้าชอบและ
มีความสุข การคิดว่าไม่อยากจะทำงานจนอายุ 50-60 นั้นเป็นความคิด
ที่ไม่ถูกต้องที่สุด สำหรับคนธรรมดาๆที่ไม่ได้มีกิจการของพ่อแม่
หรือไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน ควรจะต้องทำงานเก็บเงิน ออมเงินรวมถึง
หาความรู้ในด้านที่เราสนใจให้มากที่สุดก่อน ศึกษาเรื่องต่างๆให้มากที่สุด
เลือกในสิ่งที่เราชอบและทำได้ดี และทำให้ดียิ่งๆขึ้นได้ จริงอยู่ว่ามี
คนหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ แต่อีกหลายคนก็
ใช้เวลานานจริงๆกว่าจะประสบความสำเร็จได้ และอีกหลายๆคนที่ล้มแหลว ในเรื่องเงินสี่ด้าน
พ่อรวยบอกว่าไม่ว่าด้านไหนๆก็มีอิสระทางการเงินได้หมด ถ้าเรามีความ
มุ่งมั่นที่จะทำให้ดี พ่อรวยเน้นที่การวางแผน คือแผนเพื่อความมั่นคง
แผนเพื่อความสะดวกสบาย แผนเพื่อความร่ำรวย คุณมีแผนแล้วหรือยัง
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 6
Tibular เขียน:พ่อรวยบอกว่าไม่ว่าด้านไหนๆก็มีอิสระทางการเงินได้หมด ถ้าเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดี
ผมเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน
โพสต์ที่ 7
ขอมารอรับฟังวิธีของคุณ Guiman ด้วยครับGuiman เขียน:เลยเกิดคำถามว่า คนเรามันจะรวยได้ยังไง?
ผมเห็นพ่อแม่ ผมทำงาน เก็บเงิน แล้วยังงี้มันจะรวยเหรอ(วะ)
เพราะ พอเราใช้เงิน เงินก้อหายไป แล้วต้องทำงานตลอดชีวิตเนี่ย
มันใช่คำตอบเหรอ ทำงานจน50-60 ผมไม่อยากเอาด้วยหรอก
แต่พออ่านหนังสือเล่มนั้นจบอีกรอบ คำถามที่เคยสงสัย ก้อเริ่มคลี่คลายลง เหมือนประตูที่ค่อยๆเปิดช้าๆ แล้วมีแสงลอดออกมา
เมื่อผมพบว่า มันมีวิธีอื่น ที่ไม่ต้องตั้งใจเรียนสูงๆ เป็นเจ้าคนนายคน เก็บปริญญาบัตร ทำงานงกๆ กับโต๊ะ ไปจนแก่หง่อม
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 8
อ่านแล้วคิดถึงลูกชายผมขึ้นมาเลยครับ
ลูกผมเพิ่งอยู่ชั้นม.1
แต่ผมอยากให้ลูกชายผมมีความคิดแบบคุณ Guiman นี่แหละครับ
แต่ลูกชายผมไม่เห็นจะมีวี่แววจะชอบแบบนี้เลย
ก็หวังว่าในอนาคต เขาจะชอบเรื่องการลงทุนบ้าง :lol:
ที่จริง เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องการทำมาหากิน
เป็นเรื่องน่าเบื่อ
ช่วงชีวิตวัยรุ่นมีเรื่องสดใสให้ไขว่คว้าอีกเยอะ
ช่วงวัยผู้ใหญ่ก็มีเรื่องใหญ่ๆดีๆให้ทำไม่น้อย
การเติบโตตามวัยจะทำให้แข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมีผลต่อความสำเร็จในการลงทุน
เพราะการลงทุนแนววีไอต้องการอารมณ์ที่มั่นคง ดุลยพินิจที่เหมาะสม
ซึ่งเกิดได้ยากในคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่
การรีบรวยจะทำให้รสชาติของชีวิตหายไปเยอะ
ลูกผมเพิ่งอยู่ชั้นม.1
แต่ผมอยากให้ลูกชายผมมีความคิดแบบคุณ Guiman นี่แหละครับ
แต่ลูกชายผมไม่เห็นจะมีวี่แววจะชอบแบบนี้เลย
ก็หวังว่าในอนาคต เขาจะชอบเรื่องการลงทุนบ้าง :lol:
ที่จริง เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องการทำมาหากิน
เป็นเรื่องน่าเบื่อ
ช่วงชีวิตวัยรุ่นมีเรื่องสดใสให้ไขว่คว้าอีกเยอะ
ช่วงวัยผู้ใหญ่ก็มีเรื่องใหญ่ๆดีๆให้ทำไม่น้อย
การเติบโตตามวัยจะทำให้แข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมีผลต่อความสำเร็จในการลงทุน
เพราะการลงทุนแนววีไอต้องการอารมณ์ที่มั่นคง ดุลยพินิจที่เหมาะสม
ซึ่งเกิดได้ยากในคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่
การรีบรวยจะทำให้รสชาติของชีวิตหายไปเยอะ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 9
ในขณะที่แนวเทคนิคดูจะง่ายกว่า และเข้ากันได้กับอารมณ์วัยรุ่น
และวัยผู้ใหญ่ที่ยังมีใจเป็นวัยรุ่น
เพราะแนวเทคนิคนั้นชอบตื่นเต้น ชอบระทึกใจ ชอบได้เสียเร็วๆ
อาจจะมีเทคนิคที่เล่นยาวๆบ้าง
และวัยผู้ใหญ่ที่ยังมีใจเป็นวัยรุ่น
เพราะแนวเทคนิคนั้นชอบตื่นเต้น ชอบระทึกใจ ชอบได้เสียเร็วๆ
อาจจะมีเทคนิคที่เล่นยาวๆบ้าง
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 10
อย่างไรก็ตาม ถ้าน้อง Guiman เกิดสนใจเรื่องการลงทุนขึ้นมาในขณะที่ยังอายุเท่านี้
ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่หาได้ยาก
ยิ่งถ้ามีความสุขกับการลงทุนก็ถือได้ว่าไม่ทำให้ชีวิตเราขาดอะไรไป
ผมมีหลักการไม่กี่ข้อแต่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
1. เชื่อในเรื่องที่พิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ อะไรที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ขออย่าเพิ่งรีบเชื่อ หลายคนบอกว่าเรื่องหุ้นนั้นเป็นเรื่องศิลปะมากกว่า แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น และผมไม่ให้ความสำคัญกับศิลปะที่พิสูจน์ไม่ได้
อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อีกเยอะซึ่งควบคุมไม่ได้ ทำซ้ำไม่ได้
เรื่องศิลปะที่พูดๆกันนั้น ในสายตาผม ผมว่ามันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของนักเล่นหุ้นเท่านั้นเอง
ซึ่งเราควรจะอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ไปเป็นสิ่งนั้นเสียเอง
2. อย่ากลัวการทำงานหนัก
การเรียนรู้เกี่ยวกับหุ้นนั้น ไม่มีทางลัด
การได้กำไรง่ายๆจากตลาดหุ้นอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อย่ายินดีกับมัน
อะไรที่ได้มาง่ายๆก็จะเสียไปง่ายๆเช่นกัน
ถ้าเราเอาจริงเอาจังกับการทำงานหนัก และวิเคราะห์หุ้นอย่างถูกหลัก
ทั้งหลักของบัฟเฟตต์ ลินช์ พอร์ทเตอร์ เป็นต้น
ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล
3. ฝึกจินตนาการ
ที่จริงเรื่องนี้สำคัญมาก ผมควรจะเอาข้อนี้เป็นข้อ 1.
แต่ก็เกรงว่าจะกลายเป็นกับดักวีไออีกแบบหนึ่ง
เพราะจินตนาการที่ขาดพื้นฐานเหตุผลรองรับ ก็ไม่ต่างจากฝันเฟื่อง
แต่ถ้าทำข้อ 1.และ 2. บ่อยๆจนติดเป็นนิสัยแล้ว
แล้วมาทำจินตนาการในข้อ3.
จะช่วยได้อีกเยอะ
เพราะแนวโน้มธุรกิจต่างๆในอนาคตที่ยังมองไม่เห็นนั้น
ต้องอาศัยจินตนาการมากมายเลย
ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่หาได้ยาก
ยิ่งถ้ามีความสุขกับการลงทุนก็ถือได้ว่าไม่ทำให้ชีวิตเราขาดอะไรไป
ผมมีหลักการไม่กี่ข้อแต่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
1. เชื่อในเรื่องที่พิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ อะไรที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ขออย่าเพิ่งรีบเชื่อ หลายคนบอกว่าเรื่องหุ้นนั้นเป็นเรื่องศิลปะมากกว่า แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น และผมไม่ให้ความสำคัญกับศิลปะที่พิสูจน์ไม่ได้
อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อีกเยอะซึ่งควบคุมไม่ได้ ทำซ้ำไม่ได้
เรื่องศิลปะที่พูดๆกันนั้น ในสายตาผม ผมว่ามันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของนักเล่นหุ้นเท่านั้นเอง
ซึ่งเราควรจะอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ไปเป็นสิ่งนั้นเสียเอง
2. อย่ากลัวการทำงานหนัก
การเรียนรู้เกี่ยวกับหุ้นนั้น ไม่มีทางลัด
การได้กำไรง่ายๆจากตลาดหุ้นอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อย่ายินดีกับมัน
อะไรที่ได้มาง่ายๆก็จะเสียไปง่ายๆเช่นกัน
ถ้าเราเอาจริงเอาจังกับการทำงานหนัก และวิเคราะห์หุ้นอย่างถูกหลัก
ทั้งหลักของบัฟเฟตต์ ลินช์ พอร์ทเตอร์ เป็นต้น
ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล
3. ฝึกจินตนาการ
ที่จริงเรื่องนี้สำคัญมาก ผมควรจะเอาข้อนี้เป็นข้อ 1.
แต่ก็เกรงว่าจะกลายเป็นกับดักวีไออีกแบบหนึ่ง
เพราะจินตนาการที่ขาดพื้นฐานเหตุผลรองรับ ก็ไม่ต่างจากฝันเฟื่อง
แต่ถ้าทำข้อ 1.และ 2. บ่อยๆจนติดเป็นนิสัยแล้ว
แล้วมาทำจินตนาการในข้อ3.
จะช่วยได้อีกเยอะ
เพราะแนวโน้มธุรกิจต่างๆในอนาคตที่ยังมองไม่เห็นนั้น
ต้องอาศัยจินตนาการมากมายเลย
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 11
ปล. คุณ Guiman มีข้อดีอีกอย่างหนึ่งนะครับ
ผมอ่านเนื้หาที่คุณเขียนแล้ว
รู้สึกว่าเขียนได้ดี อ่านเข้าใจง่าย
คุณสมบัติข้อนี้ก็สำคัญ
เพราะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การลงทุนประสบผลสำเร็จ
การถ่ายทอดได้ดีเกิดมาจากการเข้าใจสิ่งนั้นๆได้ดีและมองภาพรวมได้ดี
นักลงทุนหลายๆท่านที่ประสบผลสำเร็จมักจะมีคุณสมบัติข้อนี้อยู่ในตัว
อ้อ......มียกเว้นท่านหนึ่ง
คือคุณ miracle เป็นคนเก่ง ลงทุนประสบผลสำเร็จ
แต่ผมอ่านบทความขิงคุณมิไม่ค่อยเข้าใจเลย...... :lol:
ล้อเล่นน่าน้องมิ........
ผมอ่านเนื้หาที่คุณเขียนแล้ว
รู้สึกว่าเขียนได้ดี อ่านเข้าใจง่าย
คุณสมบัติข้อนี้ก็สำคัญ
เพราะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การลงทุนประสบผลสำเร็จ
การถ่ายทอดได้ดีเกิดมาจากการเข้าใจสิ่งนั้นๆได้ดีและมองภาพรวมได้ดี
นักลงทุนหลายๆท่านที่ประสบผลสำเร็จมักจะมีคุณสมบัติข้อนี้อยู่ในตัว
อ้อ......มียกเว้นท่านหนึ่ง
คือคุณ miracle เป็นคนเก่ง ลงทุนประสบผลสำเร็จ
แต่ผมอ่านบทความขิงคุณมิไม่ค่อยเข้าใจเลย...... :lol:
ล้อเล่นน่าน้องมิ........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 12
มาดูกะทู้นี่แล้วคิดถึงตอนที่ผมมาตั้งกะทู้ที่นี่ครั้งแรกเหมือนกันเลย :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 366
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 14
เรียนคุณ Guiman
ไหนๆ ก็มีข้อมีข้อดี คำชม มาพอสมควรแล้ว
ผมขอนำเสนอข้อเสียจากเพียงการอ่านข้อความที่คุณ Guiman โพสเล่าประสบการณ์มาให้ฟังนะครับ
อย่างน้อยๆ ที่พอมองเห็นตามที่คุณเล่ามา คุณยังอายุน้อย ประสบการณ์น้อย ความรู้ความสามารถยังพัฒนาได้อีกเยอะ (ในความหมายก็คือปัจจุบันความสามารถยังน้อยอยู่)
การที่คุณมีอคติเชิงลบ (จากการประเมินจากการอ่านเนื้อหา) ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี (ความคิดเห็นของผมนะ)
การจะใช้องค์ความรู้ทางด้านใด ด้านหนึ่ง คุณควรศึกษาอย่างเจาะลึก หาข้อดี ข้อเสียออกมาให้ได้
การที่จะไปวิจารณ์องค์ความรู้ด้านอื่นๆ ที่คุณไม่มีความรู้ หรือ ได้ลองทำเพียงผิวเผินนั้นไม่ควรทำ (อันนี้ผมขอกล่าวล่วงหน้าไว้ก่อน)
เพราะการกระทำแบบนั้น จะทำให้คุณยึดติด ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
(สรุป) ในหลายๆ ครั้ง อายุ ประสบการณ์ การศึกษาหาความรู้ การนำไปใช้งานจริงๆ สภาพแวดล้อม เงิน ฯลฯ จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้
ผิดตกอย่างไร กล่าวตรงมากเกินไป กระผมขออภัยด้วยครับ
ไหนๆ ก็มีข้อมีข้อดี คำชม มาพอสมควรแล้ว
ผมขอนำเสนอข้อเสียจากเพียงการอ่านข้อความที่คุณ Guiman โพสเล่าประสบการณ์มาให้ฟังนะครับ
อย่างน้อยๆ ที่พอมองเห็นตามที่คุณเล่ามา คุณยังอายุน้อย ประสบการณ์น้อย ความรู้ความสามารถยังพัฒนาได้อีกเยอะ (ในความหมายก็คือปัจจุบันความสามารถยังน้อยอยู่)
การที่คุณมีอคติเชิงลบ (จากการประเมินจากการอ่านเนื้อหา) ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี (ความคิดเห็นของผมนะ)
การจะใช้องค์ความรู้ทางด้านใด ด้านหนึ่ง คุณควรศึกษาอย่างเจาะลึก หาข้อดี ข้อเสียออกมาให้ได้
การที่จะไปวิจารณ์องค์ความรู้ด้านอื่นๆ ที่คุณไม่มีความรู้ หรือ ได้ลองทำเพียงผิวเผินนั้นไม่ควรทำ (อันนี้ผมขอกล่าวล่วงหน้าไว้ก่อน)
เพราะการกระทำแบบนั้น จะทำให้คุณยึดติด ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
(สรุป) ในหลายๆ ครั้ง อายุ ประสบการณ์ การศึกษาหาความรู้ การนำไปใช้งานจริงๆ สภาพแวดล้อม เงิน ฯลฯ จะมีส่วนสำคัญในการพัฒนา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้
ผิดตกอย่างไร กล่าวตรงมากเกินไป กระผมขออภัยด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1088
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 16
ถามว่ารวยยังไงผมว่าตอบง่ายทำยากครับ
สูตร = รายรับ > รายจ่าย
อยากมีรายได้เยอะๆ(แบบสุจริต)ก็ต้องทำอะไรที่คนอื่นต้องการมากที่เขาหาที่อื่นไม่ได้
แต่จะทำแบบนั้นได้ก็ต้องมี พรสรรค์ ความขยัน หรือ ความรู้ (ในส่วนที่จำเป็น) ความหล่อ/สวย หรือ ความแข็งแรงของร่างกาย
แต่จะทำให้มีความสุขด้วยก็ต้องมี passion
บางคนหาตลอดชีวิตก็ยังไม่เจอครับสิ่งพวกนี้
สูตร = รายรับ > รายจ่าย
อยากมีรายได้เยอะๆ(แบบสุจริต)ก็ต้องทำอะไรที่คนอื่นต้องการมากที่เขาหาที่อื่นไม่ได้
แต่จะทำแบบนั้นได้ก็ต้องมี พรสรรค์ ความขยัน หรือ ความรู้ (ในส่วนที่จำเป็น) ความหล่อ/สวย หรือ ความแข็งแรงของร่างกาย
แต่จะทำให้มีความสุขด้วยก็ต้องมี passion
บางคนหาตลอดชีวิตก็ยังไม่เจอครับสิ่งพวกนี้
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 17
อ้าว... นึกว่าผมอ่านไม่รู้เรื่องคนเดียวซะอีก :twisted:สามัญชน เขียน:...ยกเว้นท่านหนึ่ง
คือคุณ miracle เป็นคนเก่ง ลงทุนประสบผลสำเร็จ
แต่ผมอ่านบทความขิงคุณมิไม่ค่อยเข้าใจเลย...... :lol:
ล้อเล่นน่าน้องมิ........
ล้อเล่นนะครับพี่มิ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 18
ผมเพิ่งรู้ว่าคุณ I_sarut ก็ตั้งกระทู้คล้ายๆแบบนี้ี้ตอน 18 เหมือนกันI_sarut เขียน:มาดูกะทู้นี่แล้วคิดถึงตอนที่ผมมาตั้งกะทู้ที่นี่ครั้งแรก
เหมือนกันเลย
สงสัยจะมีผมคนเดียวทีตอนนี้่่อายุ 18 ปีแต่ไม่ได้ตั้งกระทู้ลักษณะนี้
คราวหน้าถ้าคุณ I_sarut ว่างๆไปงาน Meeting ของ TVI ด้วยกันสิครับ
( ผมจะได้มีเพื่อนรุ่นเดียวกานด้วย หุหุ
ไปครั้งแรกผมไปคนเดียว เหงาครับ อิอิ )
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- Guiman
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 19
1.ขอบคุณท่าน miracle ที่ให้คำแนะนำ และหนังสือ ผมชอบให้คนแนะนำหนังสือมากเลยคร้าบ :D
2.ขอบคุณท่าน investment biker ที่แนะนำหนังสือค้าบบ
3.ขอบคุณท่านkornjackrit เราอายุใกล้ๆกันเลยนะคับ แต่ผมชั่วโมงบินน้อยกว่าเยอะ เหนผมตั้งเป้าว่า จะรวยก่อนอายุ 30 ครับ
4.ขอบคุนท่าน Tibular สำหรับคำแนะนำครับ แต่ผมยังหนุ่มอยู่ คิดว่าผมรวยชัวร์ๆครับ (ขอโทษถ้าโอหังไปนิดนะครับ)
5.ขอบคุณท่าน สามัญชน ครับ รีบรวยแล้วรสชาติชีวิตจะหายไปเยอะ? แต่ผมรู้สึกสนุก ตื่นเต้นกับการรีบรวยซะอีกครับ แต่ผมคงเป็น vi ไม่ได้ในเร็ววันนี้หรอกครับ ฉะนั้นก้อมีเวลาที่จะ ไม่รวยอีกนาน 55+ ไม่ต้องห่วงผมนะคร้าบ และขอบคุณมากครับสำหรับวิธีการ แต่ผมคงยึดถือไม่ได้ทั้งหมดหรอก ตอนนี้ก้อมวยวัดไปก่อนละกัน แล้วที่ผมเขียนพอได้นั้นคงเป็นเพราะผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กละมั้งครับ (โดยเฉพาะแฮร์รี่ พอตเตอร์ 7เล่มจบเลย ^^)
6.ขอบคุณคับท่าน i_sarut ผมก้อรอแอดมิชชันอยุ่เหมือนกัน สอบตรงไม่ติดเลย ผมเล็ง ม.เกษตร คณะ เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจน่ะคับ ฝากตัวด้วยนะคับรุ่นพี่ ^.^
7.ขอบคุณคับท่าน Penguins สำหรับข้อเสียของผม จะพัฒนาต่อไปครับ ส่วนหนังสือภาษาอังกฤษนี่ คงคิดหนักละครับ เกรดอังกฤษผมห่วยโคตรๆครับ แถมตอนนี้ต้องเตรียมตัวเอนท์ หัวข้อนี้ไว้พิจารณาทีหลังละกันนะ
8.ขอบคุณครับท่าน chaichat สำหรับสูตร ทำยากแต่ก้อจะทำครับ
9.ขอบคุณครับท่าน picatos ที่เข้ามาเพิ่มไออุ่นให้กระทู้ ^.^ ขำๆครับ 55+
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน นะค้าบ ที่ให้คำแนะนำผม พึ่งโพสไปวันเดียว คำตอบทะลักเลย อบอุ่นโคตรๆ ซึ้งใจคนไทยมากๆๆๆๆ
แต่ว่าผมยังเล่าประวัติผมไม่จบเลยนะ ขอเล่าต่อละกัน กะจะนำเสนอให้คล้ายๆการเขียนหนังสือรูปแบบหนึ่ง น่ะคับ เขียนแล้วมันยาว แต่หนุกดี
วันนี้แค่นี้ก่อน วันจันทร์ผมสอบครับ แต่มาคลายเครียด เลยตั้งกระทู้เล่น แต่ดันยาว ถ้าผมเอนท์ติด เกษตร หรือ ที่อื่นแล้ว จะหาโอกาสไปมีทติ้งกับพี่ๆเพื่อนๆได้ป้ะคับ เหนว่ามีมีทติ้ง น่าสนุก
*****************************************************
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
วิธีนั้นก้อคือ "การลงทุน"
สำหรับคนอื่น โดยเฉพาะพ่อแม่ผม คำว่า "การลงทุน" เป็นคำที่ดูน่ากลัว น่าหวาดเสียวมากเหลือเกิน
แต่สำหรับผม มันกลับรู้สึกตื่นเต้น น่าสนุก
แล้วผมก้ออ่าน พ่อรวยสอนลูกจบไปสองเล่ม อีกรอบ นั่นคือ พ่อรวยสอนลูก กับ เงินสี่ด้าน
พอผมอ่านจบก้อรู้สึก ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ที่ผมค้นพบมาก แล้วก้อพลิกหนังสือไปหน้าสุดท้าย เพื่อดูตัวอย่างหนังสืออื่นๆที่เค้าโฆษณา
แล้วก้อเจอ 2 สิ่งที่น่าสนใจก้อคือ
1.http://www.richdadthai.com
2.เกมกระแสเงินสด
ผมไม่รอช้า รีบเปิดคอมฯเข้าเวบ ริชแดดไทย ทันที
เมื่อเข้าไปแล้ว ก้อเจอเรื่องที่น่ายินดีมาก คือ เวบนั้นเป็นเวบของคนที่เชื่อในแนวคิดของ พ่อรวยสอนลูก เข้ามารวมตัวกัน ได้เจอนักธุรกิจเก่งๆที่ยินดีพร้อมจะแนะแนว ให้วิชา ให้คำแนะนำอย่างไม่ต้องการผลตอบแทนมากมาย
ที่ผมชอบมากคือ 3 ท่านนี้ ความจริงมีมากกว่านี้แยอะ
1.TanChaiJo
2.DAVINCI
3.tokasp
โดยเฉพาะ 2 ท่านแรก เป็นคนที่ร่วมแปลหนังสือ พ่อรวยสอนลูก
เมื่อผมเข้าเวบไปสักระยะหนึ่ง อ่านกระทู้ต่างๆ ก้ออยากถามบ้าง
จึงตั้งกระทู้ถามคำถามบ้าง เป็นคำถามที่ถามเล่นๆ ไม่ได้เตรียมตัว
เลยเจอ "การตอบ ด้วย การถาม" กลับเข้า งงไปเลยครับ
การตอบของ TanChaiJo จะเป็นลักษณะแบบ ไม่ให้คำตอบตรงๆ จะตอบด้วยการถาม ถ้าใครไม่เตรียมตัวก่อนถามละก้อ เจอตอกกลับ งิ่ด เลยครับ
ผมเคยเจอ สมาชิกท่านหนึ่ง เข้าไปถามเล่นๆแบบผมนี่ละ เจอ TanChaiJo ถามกลับ จนตอบไม่ถูก ถึงกลับบอกว่า "ยอมแล้วครับ" 55+ อ่านแล้วขำครับ เหมือนผมเลย TanChaiJo เลยบอกว่า ไม่ได้ต้องการถามให้จนมุม แต่จะถามให้คิด เพื่อจะได้ทำการบ้านให้ดีๆ
แล้วผมก้อได้เข้าไปดูในหัวข้อ แนะนำหนังสือ
แล้วก้อเจอหนังสือ อีกเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "คิดใหญ๋ ไม่คิดเล็ก"
เขียนโดย เดวิด เจ ชวาตซ์ แปลโดย ดร.นิเวศน์
ผมก้อไปเปิดอ่านที่ร้านคร่าวๆ อยู่หลายรอบ เนื่องจากผมชอบอ่านหนังสือ แต่ยังไม่เคยซื้อหนังสือด้วยเงินตัวเองเลย
วันหนึ่งผมก้อซื้อมาจนได้ ด้วยจำนวนเงิน 150 บาท
แล้วผมก้ออ่านจบ ด้วยความรู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้มันอัดแน่นไปด้วยพลัง ความคิดที่ยิ่งใหญ่ เหลือเกิน เป็นหนังสือที่เยี่ยมที่สุดที่เคยอ่าน ผมเลยกราบหนังสือ หลังอ่านจบ << 55+ แต่ผมรู้สึกนับถือคนเขียน มากๆจิงๆคับ ^.^
พออ่านจบ ก้อรู้สึกว่า ผมมีพลังมากมายที่สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่าง หนึ่งในนั้นก้อคือ การวิ่งไปสู่ ความร่ำรวย
2.ขอบคุณท่าน investment biker ที่แนะนำหนังสือค้าบบ
3.ขอบคุณท่านkornjackrit เราอายุใกล้ๆกันเลยนะคับ แต่ผมชั่วโมงบินน้อยกว่าเยอะ เหนผมตั้งเป้าว่า จะรวยก่อนอายุ 30 ครับ
4.ขอบคุนท่าน Tibular สำหรับคำแนะนำครับ แต่ผมยังหนุ่มอยู่ คิดว่าผมรวยชัวร์ๆครับ (ขอโทษถ้าโอหังไปนิดนะครับ)
5.ขอบคุณท่าน สามัญชน ครับ รีบรวยแล้วรสชาติชีวิตจะหายไปเยอะ? แต่ผมรู้สึกสนุก ตื่นเต้นกับการรีบรวยซะอีกครับ แต่ผมคงเป็น vi ไม่ได้ในเร็ววันนี้หรอกครับ ฉะนั้นก้อมีเวลาที่จะ ไม่รวยอีกนาน 55+ ไม่ต้องห่วงผมนะคร้าบ และขอบคุณมากครับสำหรับวิธีการ แต่ผมคงยึดถือไม่ได้ทั้งหมดหรอก ตอนนี้ก้อมวยวัดไปก่อนละกัน แล้วที่ผมเขียนพอได้นั้นคงเป็นเพราะผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กละมั้งครับ (โดยเฉพาะแฮร์รี่ พอตเตอร์ 7เล่มจบเลย ^^)
6.ขอบคุณคับท่าน i_sarut ผมก้อรอแอดมิชชันอยุ่เหมือนกัน สอบตรงไม่ติดเลย ผมเล็ง ม.เกษตร คณะ เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจน่ะคับ ฝากตัวด้วยนะคับรุ่นพี่ ^.^
7.ขอบคุณคับท่าน Penguins สำหรับข้อเสียของผม จะพัฒนาต่อไปครับ ส่วนหนังสือภาษาอังกฤษนี่ คงคิดหนักละครับ เกรดอังกฤษผมห่วยโคตรๆครับ แถมตอนนี้ต้องเตรียมตัวเอนท์ หัวข้อนี้ไว้พิจารณาทีหลังละกันนะ
8.ขอบคุณครับท่าน chaichat สำหรับสูตร ทำยากแต่ก้อจะทำครับ
9.ขอบคุณครับท่าน picatos ที่เข้ามาเพิ่มไออุ่นให้กระทู้ ^.^ ขำๆครับ 55+
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน นะค้าบ ที่ให้คำแนะนำผม พึ่งโพสไปวันเดียว คำตอบทะลักเลย อบอุ่นโคตรๆ ซึ้งใจคนไทยมากๆๆๆๆ
แต่ว่าผมยังเล่าประวัติผมไม่จบเลยนะ ขอเล่าต่อละกัน กะจะนำเสนอให้คล้ายๆการเขียนหนังสือรูปแบบหนึ่ง น่ะคับ เขียนแล้วมันยาว แต่หนุกดี
วันนี้แค่นี้ก่อน วันจันทร์ผมสอบครับ แต่มาคลายเครียด เลยตั้งกระทู้เล่น แต่ดันยาว ถ้าผมเอนท์ติด เกษตร หรือ ที่อื่นแล้ว จะหาโอกาสไปมีทติ้งกับพี่ๆเพื่อนๆได้ป้ะคับ เหนว่ามีมีทติ้ง น่าสนุก
*****************************************************
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
วิธีนั้นก้อคือ "การลงทุน"
สำหรับคนอื่น โดยเฉพาะพ่อแม่ผม คำว่า "การลงทุน" เป็นคำที่ดูน่ากลัว น่าหวาดเสียวมากเหลือเกิน
แต่สำหรับผม มันกลับรู้สึกตื่นเต้น น่าสนุก
แล้วผมก้ออ่าน พ่อรวยสอนลูกจบไปสองเล่ม อีกรอบ นั่นคือ พ่อรวยสอนลูก กับ เงินสี่ด้าน
พอผมอ่านจบก้อรู้สึก ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ที่ผมค้นพบมาก แล้วก้อพลิกหนังสือไปหน้าสุดท้าย เพื่อดูตัวอย่างหนังสืออื่นๆที่เค้าโฆษณา
แล้วก้อเจอ 2 สิ่งที่น่าสนใจก้อคือ
1.http://www.richdadthai.com
2.เกมกระแสเงินสด
ผมไม่รอช้า รีบเปิดคอมฯเข้าเวบ ริชแดดไทย ทันที
เมื่อเข้าไปแล้ว ก้อเจอเรื่องที่น่ายินดีมาก คือ เวบนั้นเป็นเวบของคนที่เชื่อในแนวคิดของ พ่อรวยสอนลูก เข้ามารวมตัวกัน ได้เจอนักธุรกิจเก่งๆที่ยินดีพร้อมจะแนะแนว ให้วิชา ให้คำแนะนำอย่างไม่ต้องการผลตอบแทนมากมาย
ที่ผมชอบมากคือ 3 ท่านนี้ ความจริงมีมากกว่านี้แยอะ
1.TanChaiJo
2.DAVINCI
3.tokasp
โดยเฉพาะ 2 ท่านแรก เป็นคนที่ร่วมแปลหนังสือ พ่อรวยสอนลูก
เมื่อผมเข้าเวบไปสักระยะหนึ่ง อ่านกระทู้ต่างๆ ก้ออยากถามบ้าง
จึงตั้งกระทู้ถามคำถามบ้าง เป็นคำถามที่ถามเล่นๆ ไม่ได้เตรียมตัว
เลยเจอ "การตอบ ด้วย การถาม" กลับเข้า งงไปเลยครับ
การตอบของ TanChaiJo จะเป็นลักษณะแบบ ไม่ให้คำตอบตรงๆ จะตอบด้วยการถาม ถ้าใครไม่เตรียมตัวก่อนถามละก้อ เจอตอกกลับ งิ่ด เลยครับ
ผมเคยเจอ สมาชิกท่านหนึ่ง เข้าไปถามเล่นๆแบบผมนี่ละ เจอ TanChaiJo ถามกลับ จนตอบไม่ถูก ถึงกลับบอกว่า "ยอมแล้วครับ" 55+ อ่านแล้วขำครับ เหมือนผมเลย TanChaiJo เลยบอกว่า ไม่ได้ต้องการถามให้จนมุม แต่จะถามให้คิด เพื่อจะได้ทำการบ้านให้ดีๆ
แล้วผมก้อได้เข้าไปดูในหัวข้อ แนะนำหนังสือ
แล้วก้อเจอหนังสือ อีกเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "คิดใหญ๋ ไม่คิดเล็ก"
เขียนโดย เดวิด เจ ชวาตซ์ แปลโดย ดร.นิเวศน์
ผมก้อไปเปิดอ่านที่ร้านคร่าวๆ อยู่หลายรอบ เนื่องจากผมชอบอ่านหนังสือ แต่ยังไม่เคยซื้อหนังสือด้วยเงินตัวเองเลย
วันหนึ่งผมก้อซื้อมาจนได้ ด้วยจำนวนเงิน 150 บาท
แล้วผมก้ออ่านจบ ด้วยความรู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้มันอัดแน่นไปด้วยพลัง ความคิดที่ยิ่งใหญ่ เหลือเกิน เป็นหนังสือที่เยี่ยมที่สุดที่เคยอ่าน ผมเลยกราบหนังสือ หลังอ่านจบ << 55+ แต่ผมรู้สึกนับถือคนเขียน มากๆจิงๆคับ ^.^
พออ่านจบ ก้อรู้สึกว่า ผมมีพลังมากมายที่สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่าง หนึ่งในนั้นก้อคือ การวิ่งไปสู่ ความร่ำรวย
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 21
ถ้าผ่านเข้ามาเวบนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้วครับ
ผมก็ผ่านเข้ามาโดยบังเอิญ โชคดีจริงๆ :lol:
ผมก็ผ่านเข้ามาโดยบังเอิญ โชคดีจริงๆ :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 22
ท่านประธานชมกันมากเกินไปแล้วครับ
ผมยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น การพิสูจน์อะไรอย่างหนึ่งว่า เป็นผู้สำเร็จในด้านนั้นต้องใช้เวลา ที่สำคัญมันคือชีวิตจริง ไม่มีการเริ่มต้นใหม่ และไม่เวลาลองผิดลองถูกกันมากนัก
ที่ท่านประธานบอกว่า อ่านที่ผมพิมพ์ยากต้องยอมรับครับว่าอ่านยาก
แต่หากอ่านจริงๆแล้ว มันสอนให้คนคิดครับ เพราะผมถ่ายทอดได้ โดยการตั้งคำถาม เพราะคำถามมันดีกว่าการหาคำตอบ ทำไมคำถามดีกว่าคำตอบ
คำถามเป็นตัวกระตุ้นให้คนหาคำตอบว่า เป็นแบบนี้จริงหรือ
เหมือนที่ฝรั่งสอนครับ ถาม How และ Why ตลอดเวลา
เข้าเรื่องของน้องเขาต่อดีกว่า
หากน้องตั้งใจว่าเป็นนักลงทุนตอนนี้
น้องคนนี้น่าไปเรียนวิชา ภาษาอังกฤษ + บัญชี
เพราะอะไรหรือครับ ตอนนี้การลงทุนส่วนใหญ่ตั้งแต่ finnance ,marketing,management หรือวิชาอะไรก็ตาม มันอยู่ในรูปของภาษาอังกฤษ
ส่วนบัญชีเรียนไว้ทำไม เรียนไว้เพื่อเป็นแก่นในการอ่านงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด ที่บริษัทจัดทำขึ้นและมีผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นคนตรวจสอบหรือตรวจทานแล้ว ได้เข้าใจมากกว่าคนทั่วไป (อันนี้เหมือนท่านประธานที่ไปลงเรียน ป.ตรีทางด้านบัญชีของม.รามคำแหง หลังจากเรียนจบแพทย์ศาสตร์)
ผมยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น การพิสูจน์อะไรอย่างหนึ่งว่า เป็นผู้สำเร็จในด้านนั้นต้องใช้เวลา ที่สำคัญมันคือชีวิตจริง ไม่มีการเริ่มต้นใหม่ และไม่เวลาลองผิดลองถูกกันมากนัก
ที่ท่านประธานบอกว่า อ่านที่ผมพิมพ์ยากต้องยอมรับครับว่าอ่านยาก
แต่หากอ่านจริงๆแล้ว มันสอนให้คนคิดครับ เพราะผมถ่ายทอดได้ โดยการตั้งคำถาม เพราะคำถามมันดีกว่าการหาคำตอบ ทำไมคำถามดีกว่าคำตอบ
คำถามเป็นตัวกระตุ้นให้คนหาคำตอบว่า เป็นแบบนี้จริงหรือ
เหมือนที่ฝรั่งสอนครับ ถาม How และ Why ตลอดเวลา
เข้าเรื่องของน้องเขาต่อดีกว่า
หากน้องตั้งใจว่าเป็นนักลงทุนตอนนี้
น้องคนนี้น่าไปเรียนวิชา ภาษาอังกฤษ + บัญชี
เพราะอะไรหรือครับ ตอนนี้การลงทุนส่วนใหญ่ตั้งแต่ finnance ,marketing,management หรือวิชาอะไรก็ตาม มันอยู่ในรูปของภาษาอังกฤษ
ส่วนบัญชีเรียนไว้ทำไม เรียนไว้เพื่อเป็นแก่นในการอ่านงบดุล งบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด ที่บริษัทจัดทำขึ้นและมีผู้ตรวจสอบบัญชีเป็นคนตรวจสอบหรือตรวจทานแล้ว ได้เข้าใจมากกว่าคนทั่วไป (อันนี้เหมือนท่านประธานที่ไปลงเรียน ป.ตรีทางด้านบัญชีของม.รามคำแหง หลังจากเรียนจบแพทย์ศาสตร์)
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 23
พี่ miracle ครับmiracle เขียน:น้องคนนี้น่าไปเรียนวิชา ภาษาอังกฤษ + บัญชี
เพราะอะไรหรือครับ ตอนนี้การลงทุนส่วนใหญ่ตั้งแต่ finnance ,marketing,management หรือวิชาอะไรก็ตาม มันอยู่ในรูปของภาษาอังกฤษ
ถ้าแบบนี้เรียนเป็นบัญชีอินเตอร์ดีไหมครับ
ได้ทั้งสองอย่าง
หรือพี่ miracle เห็นว่าอย่างไรครับ
:?:
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 25
ยังงี้แสดงว่าพี่คิดว่าปรัชญามีผลต่อการเป็นนักลงทุนที่ดีหรอครับmiracle เขียน:ต้องเรียนป.ตรี
เอกภาษาหรือไม่ก็ปรัชญาตะวันตก
แล้วไปโทบัญชี
หรือ เอกบัญชี ไปโทภาษา หรือปรัญชาตะวันตก
น่าสนใจมากครับ คือ ส่วนผมผมก็ชอบอ่านปรัชญาเหมือนกันครับ
โดยเฉพาะปรัชญาจากนิยายจีนกำลังภายใน
แต่ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่ Miracle เกินไป
ผมขอทราบเหตุผลที่พี่แนะนำเรียนปรัชญาได้ไหมครับ
ขอบคุณมากครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 26
ชอบคำนี้ของพี่หมอจังสามัญชน เขียน: การรีบรวยจะทำให้รสชาติของชีวิตหายไปเยอะ
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 28
ปรัชญาทำให้มองโลกในแง่ดีครับ
ทำให้เป็นแรงกระตุ้นต่อเราครับว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร
ค้นหาอะไรกันหรือครับ
ถ้าเป็นปรัชญาของจีนแนะนำของขงจื้อ เล่าจื้อ พวกนี้ครับ
เพราะเป็นปรัชญาของนักปกครอง ทำให้เปิดโลกกระทัศน์ของเราครับ
ถ้าเป็นของตะวันตก ต้องของฝรั่งเศท หรือ ย้อนไปยังยุคกรีก (ผมอ่านที่ไรไม่เข้าใจทุกที อ่านของจีนแล้วเข้าใจมากกว่า)
ทำไมปรัญชาเกี่ยวกับการลงทุน
ก็ต้องถามท่านผู้บริหารว่า ออกปรัชญาในการดำเนินธุรกิจทำไมล่ะครับ
ถ้าใครหาคำตอบนี้ได้ นั้นคือ คำตอบว่าทำไมถึงต้องเรียนวิชานี้
ทำให้เป็นแรงกระตุ้นต่อเราครับว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร
ค้นหาอะไรกันหรือครับ
ถ้าเป็นปรัชญาของจีนแนะนำของขงจื้อ เล่าจื้อ พวกนี้ครับ
เพราะเป็นปรัชญาของนักปกครอง ทำให้เปิดโลกกระทัศน์ของเราครับ
ถ้าเป็นของตะวันตก ต้องของฝรั่งเศท หรือ ย้อนไปยังยุคกรีก (ผมอ่านที่ไรไม่เข้าใจทุกที อ่านของจีนแล้วเข้าใจมากกว่า)
ทำไมปรัญชาเกี่ยวกับการลงทุน
ก็ต้องถามท่านผู้บริหารว่า ออกปรัชญาในการดำเนินธุรกิจทำไมล่ะครับ
ถ้าใครหาคำตอบนี้ได้ นั้นคือ คำตอบว่าทำไมถึงต้องเรียนวิชานี้
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแนะนำตัวแนวใหม่กับพี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายหน่อยนะครับ(ยาวหน่อย)
โพสต์ที่ 29
ผมเห็นด้วยกับพี่ครับ ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือนิยายที่อิงปรัชญาmiracle เขียน:ปรัชญาทำให้มองโลกในแง่ดีครับ
ทำให้เป็นแรงกระตุ้นต่อเราครับว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร
ค้นหาอะไรกันหรือครับ
ถ้าเป็นปรัชญาของจีนแนะนำของขงจื้อ เล่าจื้อ พวกนี้ครับ
เพราะเป็นปรัชญาของนักปกครอง ทำให้เปิดโลกกระทัศน์ของเราครับ
ถ้าเป็นของตะวันตก ต้องของฝรั่งเศท หรือ ย้อนไปยังยุคกรีก (ผมอ่านที่ไรไม่เข้าใจทุกที อ่านของจีนแล้วเข้าใจมากกว่า)
ทำไมปรัญชาเกี่ยวกับการลงทุน
ก็ต้องถามท่านผู้บริหารว่า ออกปรัชญาในการดำเนินธุรกิจทำไมล่ะครับ
ถ้าใครหาคำตอบนี้ได้ นั้นคือ คำตอบว่าทำไมถึงต้องเรียนวิชานี้
เหมือนกันครับ แต่มักจะไม่ค่อยได้อ่านแบบปรัชญาล้วนๆ
เพราะผมเคยอ่านแล้วส่วนใหญ่จะ งง 55+
แต่ผมก็คิดเห็นว่าคนเราควรจะรู้ว่าตัวเองเกิดมาทำไม
ผมก็อยากหาคำตอบของคำถามนี้ครับ
หนังสือปรัชญาล้่วนๆทั้งหมดที่ผมเคยอ่านก็มีเพียงของท่านกฤษณมูราติ
ผมจำชื่อหนังสือไม่ค่อยได้ แต่ออกมาปลายปีที่แล้วครับ
อ่านแล้วผมว่าผมเข้าใจอะไรๆขึ้นเยอะเลยครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์มากๆจากการอ่านหนังสือ
ของท่านกฤาณมูราติเล่มนั้นก็คือ คำกล่าวที่ว่า " สิ่งต่างๆในสังคม
ล้วนเป็นเพราะมนุษย์สร้างขึ้น จริงๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีจริง
เีราตั้งกฎเกณฑ์กันขึ้นมาเพื่อให้สังคมของเราอยู่ร่วมกันได
้อย่างสงบสุขต่างหาก "
ส่วน คำถามที่ว่าทำไมปรัชญาถึงเกี่ยวกับการลงทุน
ผมขอตอบเท่าที่ความรู้อันน้อยนิดของผมพอจะคิดได้นะครับ
(รบกวนพี่ miracle ช่วยแนะนำด้วยนะครับ)
ผมคิดว่าที่ปรัชญาเกี่ยวข้องและมีความสำคัญต่อการลงทุน
เพราะการศึกษาปรัชญาจะทำให้เราเข้าใจหลักในการลงทุนมากขึ้น
ซึ่งพอเราเข้าใจหลักในการลงทุนมากขึ้น เราก็จะสามารถลดความเสี่ยง
จากการขาดทุน และสร้างโอกาสในการทำกำไรเพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นสาเหตุ
ว่าปรัชญาสำคัญต่อการลงทุน เช่นเดียวกับการดำเนินธุรกิจ
การเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจ ผู้บริโภค เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการเรียนปรัชญา
น่าจะเข้ามาช่วยทำให้เราเข้าใจถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านี้มากขึ้นได้
ไม่ทราบว่าผมพอเข้าใจถูกต้องไหมครับ
:?:
ขอบคุณมากครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.