Andrew Lahde แหม ทำไปได้...
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
Andrew Lahde แหม ทำไปได้...
โพสต์ที่ 1
จดหมายอำลานักลงทุนของ Andrew Lahde
Andrew Lahde ผู้ก่อตั้งและบริหาร Lahde Capital Management เป็นหนึ่งในผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ (hedge fund) น้อยรายที่พยากรณ์วิกฤตซับไพรมถูกต้องก่อนเกิดเหตุ และทำไรมหาศาลจากการเก็งดังกล่าว (เช่น ด้วยการชอร์ตหลักทรัพย์ที่อิงซับไพรม) กองทุนของเขากองหนึ่งทำกำไรได้สูงถึง 870% ในปี 2007 – หนึ่งในอัตรากำไรสูงสุดตลอดกาลของธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ ในเดือนตุลาคม 2008 เขาได้ประกาศอำลาวงการ ยุบเลิกกองทุนทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการ คืนเงินให้กับนักลงทุน ต่อไปนี้เป็นจดหมายถึงนักลงทุนฉบับสุดท้ายของ Andrew Lahde ที่ตีพิมพ์ใน Financial Times:
…….
Letter: Andrew Lahde, Lahde Capital Management
แปลจาก จดหมายของ Andrew Lahde
17 ตุลาคม 2551
วันนี้ผมไม่ได้เขียนมาเพื่อคุยทับ เมื่อคำนึงถึงความเจ็บปวดที่แทบทุกคนกำลังประสบ การคุยทับจะผิดกาลเทศะอย่างสิ้นเชิง ผมไม่ได้เขียนเพื่อพยากรณ์อนาคตด้วย เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่ผมพยากรณ์ในจดหมายฉบับก่อนๆ ได้เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ก็กำลังเกิดขึ้น แทนที่จะทำอย่างนั้น ผมกำลังเขียนเพื่อจะเอ่ยคำลา
เมื่อไม่นานมานี้ หน้าหนึ่งของ Section C ใน Wall Street Journal ลงความเห็นของผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์คนหนึ่งที่กำลังปิดกองทุนเหมือนกัน (เขาบริหารกองทุนขนาด $300 ล้าน) ว่า “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ก็คือ ผมเกลียดมัน” ผมเห็นด้วยกับความเห็นนี้อย่างเต็มเปี่ยม ผมทำธุรกิจนี้เพื่อหาเงิน วิธีที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยก็คือหาเงินจากไอ้งั่งทั้งหลายที่ผู้ปกครองจ่าย เงินให้ไปเรียนไฮสกูลแพงๆ มหาวิทยาลัยเยล แล้วก็ต่อด้วยปริญญาโทบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด คนพวกนี้ พวกที่(มักจะ)ไม่คู่ควรกับการศึกษาที่พวกเขาได้รับ (หรืออ้างว่าได้รับ) ได้เลื่อนตำแหน่งไปถึงจุดสูงสุดของบริษัทอย่าง AIG, Bear Stearns และ Lehman Brothers และรัฐบาลของเราทุกระดับ ท้ายที่สุดแล้ว พฤติกรรมทั้งหมดที่สนับสนุนเหล่าอภิสิทธิ์ชนนั้นทำให้ผมหาคนที่โง่พอที่จะ อยู่อีกข้างหนึ่งของดีลผมได้ง่ายดายกว่าเดิม พระเจ้าคุ้มครองอเมริกาจริงๆ
มีคนมากเกินไปที่ผมควรขอบคุณสำหรับความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากฟังเหมือนนักแสดงฮอลลีวูดที่กำลังรับรางวัล เงินที่ได้ก็เป็นรางวัลมากพอแล้ว นอกจากนี้ คนที่อยู่บนรายชื่อยาวไม่สิ้นสุดล้วนรู้ตัวดีว่าพวกเขาสมควรได้รับคำขอบคุณ จากผม
ผมจะไม่บริหารเงินให้กับคนอื่นๆ หรือสถาบันอีกแล้ว ผมมีความมั่งคั่งของตัวเองมากพอที่จะบริหาร บางคนที่คิดว่าคำนวณความร่ำรวยของผมได้อย่างน่าเชื่อถืออาจแปลกใจที่ผมเลิก ทำงานนี้ด้วยหีบสมบัติที่เล็กขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไร ผมพอใจแล้วกับรางวัลที่ได้รับ นอกจากนี้ ผมก็จะปล่อยให้คนอื่นสะสมตัวเลขความร่ำรวยเก้า สิบ หรือสิบเอ็ดหลัก ในระหว่างที่ชีวิตของพวกเขาจะเฮงซวยมาก มีนัดชนกันทุกวันไม่เว้นช่วงตลอดสามเดือนข้างหน้า พวกเขาจะตั้งหน้าตั้งตารอช่วงวันลาพักร้อนสองสัปดาห์ในเดือนมกราคม ช่วงเวลาที่พวกเขาคงจะตัวติดกับแบล็กเบอรี่หรือเครื่องอื่นๆ ที่คล้ายกัน ทำแบบนั้นไปทำไม? คนจะลืมพวกเขาภายในห้าสิบปีอยู่ดี Steve Balmer, Steven Cohen, และ Larry Ellison – คนเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกลืม ผมไม่เข้าใจเรื่องมรดกถึงคนรุ่นหลัง คนเราแทบทุกคนจะถูกลืม ลืมไปซะเถอะเรื่องที่จะทิ้งตำนานอะไรเอาไว้ โยนแบล็กเบอรี่ทิ้งไปซะ ไปสนุกกับชีวิตดีกว่า
ดังนั้น ที่นี่ ตรงนี้คือจุดจบ ผมขอออกจากวงการนี้ ด้วยความเคารพนะครับ อย่าคาดหวังว่าผมจะตอบอีเมล์หรือข้อความที่ฝากในโทรศัพท์ภายในเวลาที่สมเหตุ สมผล หรือแม้แต่คาดว่าผมจะตอบมันเลย Andy Springer กับบริษัทของเขาจะจัดการเรื่องการยุบกองทุน และอย่าเป็นห่วงพนักงานของผม พวกเขาจะมีงานทำกับบริษัทของคุณ Springer เสมอ มีคนเดียว (ที่ได้รับค่าตอบแทนไปมากแล้ว) ที่จะตกงาน
ผมไม่สนใจดีลอะไรก็ตามที่ใครก็ตามอยากให้ผมมีส่วนร่วม ผมไม่มีความเห็นอะไรจริงจังเกี่ยวกับตลาดไหนก็ตามเลยตอนนี้ นอกจากจะบอกว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงอีกในอนาคตอันใกล้นี้ บางทีอาจเลวลงอีกหลายปี ผมพอใจแล้วกับการนั่งดูบนขอบสนามและรอเวลา เพราะถึงที่สุดแล้ว การนั่งรอคอยเป็นวิธีที่เรารวยจากวิกฤตซับไพรม ตอนนี้ผมมีเวลาที่จะซ่อมแซมสุขภาพที่ถูกทำลายด้วยความเครียดที่ผมพอกให้กับ ตัวเองในช่วงสองปีที่ผ่านมา และซ่อมแซมชีวิตทั้งชีวิตของผมด้วย ชีวิตที่ผมต้องแข่งขันแย่งยื้อที่นั่งในมหาวิทยาลัยและโครงการปริญญาโท แย่งงานและสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ แข่งกับคนที่มีความได้เปรียบทุกประการ (พ่อแม่รวยๆ) ที่ผมไม่มี ขอให้ระบบที่ให้คุณและโทษกับคนตามความสามารถของเขาเอง (meritocracy) เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลรูปแบบใหม่ที่จำเป็นจะต้องได้รับการจัดตั้ง
พูดถึงรัฐบาลอเมริกา ผมก็อยากจะเสนออะไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อนอื่น ผมอยากชี้ให้เห็นข้อบกพร่องที่ชัดเจนมากๆ นั่นคือ มีคนเสนอร่างกฎกติกาต่อสภาคองเกรสครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบแปดปีที่ผ่านมา ร่างกฎหมายที่จะช่วยล้อมกรอบพฤติกรรมให้กู้โฉด (predatory lending) ของสถาบันการเงินที่ส่วนใหญ่ล้มละลายไปแล้ว สถาบันการเงินเหล่านี้หว่านเงินให้กับพรรคการเมืองทั้งสองพรรค แลกกับการโหวตคว่ำกฎหมายที่ถูกออกแบบมาคุ้มครองประชาชนคนเดินดิน นี่เป็นเรื่องที่น่าโมโหมากๆ แต่แล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องหรือแคร์อะไรกับมัน ตั้งแต่ Thomas Jefferson กับ Adam Smith ลาโลกไป ผมจะเถียงว่าเราแทบไม่มีนักปรัชญาที่สูงส่งในประเทศนี้เลย อย่างน้อยก็นักปรัชญาที่พุ่งความสนใจไปที่การปรับปรุงรัฐบาล
ระบบทุนนิยมทำงานมากว่าสองร้อยปี แต่ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป และตอนนี้ระบบก็เต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น George Soros เศรษฐีผู้ร่ำรวยมหาศาล ได้ประกาศว่าเขาอยากให้คนจดจำเขาในฐานะนักปรัชญา ข้อเสนอของผมคือ ชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ควรจะริเริ่มและอุดหนุนฟอรัม (forum หมายถึงพื้นที่ที่คนมารวมตัวกันทำงาน-ผู้แปล) ที่นักคิดผู้ปราดเปรื่องทั้งหลายจะได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างระบบการปกครอง แบบใหม่ที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของคนเดินดินจริงๆ ในขณะเดียวกันกับที่สร้างผลตอบแทนสูงพอที่จะดึงดูดให้มันสมองที่ดีที่สุดและ ฉลาดที่สุดเข้ารับใช้ชาติในระดับต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยการโกงกินเพื่อตอบสนองความต้องการหรือไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ฟอรัมนี้อาจคล้ายกันกับฟอรัมที่สร้างลินุกซ์ [ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์]ที่แข่งกับอำนาจผูกขาดแทบจะสมบูรณ์ของ ไมโครซอฟท์ ผมเชื่อว่ามีคำตอบ แต่ตอนนี้ระบบพังอย่างชัดเจน
สุดท้ายนี้ ระหว่างที่ผมยังมีผู้ฟัง ผมก็อยากจะเรียกร้องให้คนหันมาสนใจแหล่งอาหารและพลังงานทางเลือก คุณจะไม่เห็นมันบนโฆษณาทีวีของบีพี [British Petroleum] ที่บอกว่า “รู้สึกดีเถอะ เรากำลังหาวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน” (Feel good. We are working on sustainable solutions) หรือในโฆษณาคล้ายกันของเอดีเอ็ม แต่ผมจะบอกว่า มนุษย์ใช้ป่าน (hemp) มาอย่างน้อย 5,000 ปีแล้วในการทำเครื่องนุ่งห่มและอาหาร และแทบทุกอย่างที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ป่านไม่ใช่กัญชา (marijuana) และมาริวานาก็ไม่ใช่ป่านนะครับ ป่านเป็นพืชเพศผู้ที่เติบโตขึ้นมาเหมือนกัญชา (weed) ก็เลยมีคนใช้คำนี้เป็นแสลงของกัญชา ธงชาติอเมริกาผืนแรกทอจากใยป่าน และรัฐธรรมนูญของเราก็พิมพ์บนกระดาษที่ทำจากป่าน รัฐบาลอเมริกันใช้ป่านจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่หลังสงครามก็ประกาศให้มันเป็นพืชผิดกฎหมาย
ในห้วงเวลาที่เราได้ยินโวหารสวยหรูมากมายเกี่ยวกับการ “พึ่งตนเอง” ในแง่พลังงาน ทำไมการปลูกป่านถึงยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ในประเทศนี้? โอ้ มันเป็นเพราะเพศเมียของต้นนี้ เพศเมียชั่วช้าที่เรียกว่ากัญชา มันทำให้คุณรู้สึกเคลิ้ม ทำให้คุณหัวเราะ ไม่ทำให้คุณมีแฮงก์โอเวอร์ ไม่ทำให้ทะเลาะกันในบาร์หรือตบตีเมีย ไม่เหมือนกับเหล้า แล้วทำไมพืชที่ไม่มีอันตรายต้นนี้ถึงผิดกฎหมาย? มันเป็นยาที่สร้างนิสัยเสพติด (gateway drug) หรือเปล่า? เปล่าเลย ของที่ทำอย่างนั้นคือเหล้า ซึ่งโฆษณาหนักเหลือเกินในประเทศนี้ ข้อสรุปเดียวของผมที่อธิบายว่าทำไมป่านถึงได้ผิดกฎหมายคือ ภาคธุรกิจในอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าของสภาคองเกรส อยากขายคุณ Paxil, Zoloft, Xanax และยาเสพติดอื่นๆ มากกว่าจะยอมให้คุณปลูกต้นไม้ในบ้านตัวเองโดยไม่แบ่งกำไรส่วนหนึ่งให้กับพวก เขา นโยบายนี้ไร้สาระมาก มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานต่างชาติ นโยบายของเราทำให้ประเทศอื่นๆ หัวเราะเยาะความโง่เขลาของเรา โดยเฉพาะแคนาดาและหลายประเทศในยุโรป (ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก) คุณจะไม่ได้รู้เรื่องนี้จากสื่ออเมริกันหรอก เพราะพวกเขาไม่ค่อยอธิบายว่าอาทิตย์นี้ใครกำลังหัวเราะเยาะอเมริกาอยู่บ้าง ขอเถอะครับ ทุกคน เลิกใช้โวหารสวยหรู เริ่มคิดกันดีกว่าว่าเราจะพึ่งตัวเองจริงๆ ได้อย่างไร
ถึงจุดนี้ผมขอบอกว่า ลาก่อน และขอให้โชคดีครับ.
ด้วยความปรารถนาดี,
Andrew Lahde
ลอกมาจาก http://www.fringer.org/?p=389#more-389 คับ
Andrew Lahde ผู้ก่อตั้งและบริหาร Lahde Capital Management เป็นหนึ่งในผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ (hedge fund) น้อยรายที่พยากรณ์วิกฤตซับไพรมถูกต้องก่อนเกิดเหตุ และทำไรมหาศาลจากการเก็งดังกล่าว (เช่น ด้วยการชอร์ตหลักทรัพย์ที่อิงซับไพรม) กองทุนของเขากองหนึ่งทำกำไรได้สูงถึง 870% ในปี 2007 – หนึ่งในอัตรากำไรสูงสุดตลอดกาลของธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ ในเดือนตุลาคม 2008 เขาได้ประกาศอำลาวงการ ยุบเลิกกองทุนทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการ คืนเงินให้กับนักลงทุน ต่อไปนี้เป็นจดหมายถึงนักลงทุนฉบับสุดท้ายของ Andrew Lahde ที่ตีพิมพ์ใน Financial Times:
…….
Letter: Andrew Lahde, Lahde Capital Management
แปลจาก จดหมายของ Andrew Lahde
17 ตุลาคม 2551
วันนี้ผมไม่ได้เขียนมาเพื่อคุยทับ เมื่อคำนึงถึงความเจ็บปวดที่แทบทุกคนกำลังประสบ การคุยทับจะผิดกาลเทศะอย่างสิ้นเชิง ผมไม่ได้เขียนเพื่อพยากรณ์อนาคตด้วย เพราะเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่ผมพยากรณ์ในจดหมายฉบับก่อนๆ ได้เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ก็กำลังเกิดขึ้น แทนที่จะทำอย่างนั้น ผมกำลังเขียนเพื่อจะเอ่ยคำลา
เมื่อไม่นานมานี้ หน้าหนึ่งของ Section C ใน Wall Street Journal ลงความเห็นของผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์คนหนึ่งที่กำลังปิดกองทุนเหมือนกัน (เขาบริหารกองทุนขนาด $300 ล้าน) ว่า “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ก็คือ ผมเกลียดมัน” ผมเห็นด้วยกับความเห็นนี้อย่างเต็มเปี่ยม ผมทำธุรกิจนี้เพื่อหาเงิน วิธีที่ง่ายเหมือนปอกกล้วยก็คือหาเงินจากไอ้งั่งทั้งหลายที่ผู้ปกครองจ่าย เงินให้ไปเรียนไฮสกูลแพงๆ มหาวิทยาลัยเยล แล้วก็ต่อด้วยปริญญาโทบริหารธุรกิจจากฮาร์วาร์ด คนพวกนี้ พวกที่(มักจะ)ไม่คู่ควรกับการศึกษาที่พวกเขาได้รับ (หรืออ้างว่าได้รับ) ได้เลื่อนตำแหน่งไปถึงจุดสูงสุดของบริษัทอย่าง AIG, Bear Stearns และ Lehman Brothers และรัฐบาลของเราทุกระดับ ท้ายที่สุดแล้ว พฤติกรรมทั้งหมดที่สนับสนุนเหล่าอภิสิทธิ์ชนนั้นทำให้ผมหาคนที่โง่พอที่จะ อยู่อีกข้างหนึ่งของดีลผมได้ง่ายดายกว่าเดิม พระเจ้าคุ้มครองอเมริกาจริงๆ
มีคนมากเกินไปที่ผมควรขอบคุณสำหรับความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากฟังเหมือนนักแสดงฮอลลีวูดที่กำลังรับรางวัล เงินที่ได้ก็เป็นรางวัลมากพอแล้ว นอกจากนี้ คนที่อยู่บนรายชื่อยาวไม่สิ้นสุดล้วนรู้ตัวดีว่าพวกเขาสมควรได้รับคำขอบคุณ จากผม
ผมจะไม่บริหารเงินให้กับคนอื่นๆ หรือสถาบันอีกแล้ว ผมมีความมั่งคั่งของตัวเองมากพอที่จะบริหาร บางคนที่คิดว่าคำนวณความร่ำรวยของผมได้อย่างน่าเชื่อถืออาจแปลกใจที่ผมเลิก ทำงานนี้ด้วยหีบสมบัติที่เล็กขนาดนี้ ก็ไม่เป็นไร ผมพอใจแล้วกับรางวัลที่ได้รับ นอกจากนี้ ผมก็จะปล่อยให้คนอื่นสะสมตัวเลขความร่ำรวยเก้า สิบ หรือสิบเอ็ดหลัก ในระหว่างที่ชีวิตของพวกเขาจะเฮงซวยมาก มีนัดชนกันทุกวันไม่เว้นช่วงตลอดสามเดือนข้างหน้า พวกเขาจะตั้งหน้าตั้งตารอช่วงวันลาพักร้อนสองสัปดาห์ในเดือนมกราคม ช่วงเวลาที่พวกเขาคงจะตัวติดกับแบล็กเบอรี่หรือเครื่องอื่นๆ ที่คล้ายกัน ทำแบบนั้นไปทำไม? คนจะลืมพวกเขาภายในห้าสิบปีอยู่ดี Steve Balmer, Steven Cohen, และ Larry Ellison – คนเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกลืม ผมไม่เข้าใจเรื่องมรดกถึงคนรุ่นหลัง คนเราแทบทุกคนจะถูกลืม ลืมไปซะเถอะเรื่องที่จะทิ้งตำนานอะไรเอาไว้ โยนแบล็กเบอรี่ทิ้งไปซะ ไปสนุกกับชีวิตดีกว่า
ดังนั้น ที่นี่ ตรงนี้คือจุดจบ ผมขอออกจากวงการนี้ ด้วยความเคารพนะครับ อย่าคาดหวังว่าผมจะตอบอีเมล์หรือข้อความที่ฝากในโทรศัพท์ภายในเวลาที่สมเหตุ สมผล หรือแม้แต่คาดว่าผมจะตอบมันเลย Andy Springer กับบริษัทของเขาจะจัดการเรื่องการยุบกองทุน และอย่าเป็นห่วงพนักงานของผม พวกเขาจะมีงานทำกับบริษัทของคุณ Springer เสมอ มีคนเดียว (ที่ได้รับค่าตอบแทนไปมากแล้ว) ที่จะตกงาน
ผมไม่สนใจดีลอะไรก็ตามที่ใครก็ตามอยากให้ผมมีส่วนร่วม ผมไม่มีความเห็นอะไรจริงจังเกี่ยวกับตลาดไหนก็ตามเลยตอนนี้ นอกจากจะบอกว่าสถานการณ์คงจะเลวร้ายลงอีกในอนาคตอันใกล้นี้ บางทีอาจเลวลงอีกหลายปี ผมพอใจแล้วกับการนั่งดูบนขอบสนามและรอเวลา เพราะถึงที่สุดแล้ว การนั่งรอคอยเป็นวิธีที่เรารวยจากวิกฤตซับไพรม ตอนนี้ผมมีเวลาที่จะซ่อมแซมสุขภาพที่ถูกทำลายด้วยความเครียดที่ผมพอกให้กับ ตัวเองในช่วงสองปีที่ผ่านมา และซ่อมแซมชีวิตทั้งชีวิตของผมด้วย ชีวิตที่ผมต้องแข่งขันแย่งยื้อที่นั่งในมหาวิทยาลัยและโครงการปริญญาโท แย่งงานและสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ แข่งกับคนที่มีความได้เปรียบทุกประการ (พ่อแม่รวยๆ) ที่ผมไม่มี ขอให้ระบบที่ให้คุณและโทษกับคนตามความสามารถของเขาเอง (meritocracy) เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลรูปแบบใหม่ที่จำเป็นจะต้องได้รับการจัดตั้ง
พูดถึงรัฐบาลอเมริกา ผมก็อยากจะเสนออะไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อนอื่น ผมอยากชี้ให้เห็นข้อบกพร่องที่ชัดเจนมากๆ นั่นคือ มีคนเสนอร่างกฎกติกาต่อสภาคองเกรสครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบแปดปีที่ผ่านมา ร่างกฎหมายที่จะช่วยล้อมกรอบพฤติกรรมให้กู้โฉด (predatory lending) ของสถาบันการเงินที่ส่วนใหญ่ล้มละลายไปแล้ว สถาบันการเงินเหล่านี้หว่านเงินให้กับพรรคการเมืองทั้งสองพรรค แลกกับการโหวตคว่ำกฎหมายที่ถูกออกแบบมาคุ้มครองประชาชนคนเดินดิน นี่เป็นเรื่องที่น่าโมโหมากๆ แต่แล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องหรือแคร์อะไรกับมัน ตั้งแต่ Thomas Jefferson กับ Adam Smith ลาโลกไป ผมจะเถียงว่าเราแทบไม่มีนักปรัชญาที่สูงส่งในประเทศนี้เลย อย่างน้อยก็นักปรัชญาที่พุ่งความสนใจไปที่การปรับปรุงรัฐบาล
ระบบทุนนิยมทำงานมากว่าสองร้อยปี แต่ยุคสมัยได้เปลี่ยนไป และตอนนี้ระบบก็เต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น George Soros เศรษฐีผู้ร่ำรวยมหาศาล ได้ประกาศว่าเขาอยากให้คนจดจำเขาในฐานะนักปรัชญา ข้อเสนอของผมคือ ชายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ควรจะริเริ่มและอุดหนุนฟอรัม (forum หมายถึงพื้นที่ที่คนมารวมตัวกันทำงาน-ผู้แปล) ที่นักคิดผู้ปราดเปรื่องทั้งหลายจะได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างระบบการปกครอง แบบใหม่ที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของคนเดินดินจริงๆ ในขณะเดียวกันกับที่สร้างผลตอบแทนสูงพอที่จะดึงดูดให้มันสมองที่ดีที่สุดและ ฉลาดที่สุดเข้ารับใช้ชาติในระดับต่างๆ โดยไม่ต้องอาศัยการโกงกินเพื่อตอบสนองความต้องการหรือไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ฟอรัมนี้อาจคล้ายกันกับฟอรัมที่สร้างลินุกซ์ [ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์]ที่แข่งกับอำนาจผูกขาดแทบจะสมบูรณ์ของ ไมโครซอฟท์ ผมเชื่อว่ามีคำตอบ แต่ตอนนี้ระบบพังอย่างชัดเจน
สุดท้ายนี้ ระหว่างที่ผมยังมีผู้ฟัง ผมก็อยากจะเรียกร้องให้คนหันมาสนใจแหล่งอาหารและพลังงานทางเลือก คุณจะไม่เห็นมันบนโฆษณาทีวีของบีพี [British Petroleum] ที่บอกว่า “รู้สึกดีเถอะ เรากำลังหาวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน” (Feel good. We are working on sustainable solutions) หรือในโฆษณาคล้ายกันของเอดีเอ็ม แต่ผมจะบอกว่า มนุษย์ใช้ป่าน (hemp) มาอย่างน้อย 5,000 ปีแล้วในการทำเครื่องนุ่งห่มและอาหาร และแทบทุกอย่างที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ป่านไม่ใช่กัญชา (marijuana) และมาริวานาก็ไม่ใช่ป่านนะครับ ป่านเป็นพืชเพศผู้ที่เติบโตขึ้นมาเหมือนกัญชา (weed) ก็เลยมีคนใช้คำนี้เป็นแสลงของกัญชา ธงชาติอเมริกาผืนแรกทอจากใยป่าน และรัฐธรรมนูญของเราก็พิมพ์บนกระดาษที่ทำจากป่าน รัฐบาลอเมริกันใช้ป่านจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่หลังสงครามก็ประกาศให้มันเป็นพืชผิดกฎหมาย
ในห้วงเวลาที่เราได้ยินโวหารสวยหรูมากมายเกี่ยวกับการ “พึ่งตนเอง” ในแง่พลังงาน ทำไมการปลูกป่านถึงยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ในประเทศนี้? โอ้ มันเป็นเพราะเพศเมียของต้นนี้ เพศเมียชั่วช้าที่เรียกว่ากัญชา มันทำให้คุณรู้สึกเคลิ้ม ทำให้คุณหัวเราะ ไม่ทำให้คุณมีแฮงก์โอเวอร์ ไม่ทำให้ทะเลาะกันในบาร์หรือตบตีเมีย ไม่เหมือนกับเหล้า แล้วทำไมพืชที่ไม่มีอันตรายต้นนี้ถึงผิดกฎหมาย? มันเป็นยาที่สร้างนิสัยเสพติด (gateway drug) หรือเปล่า? เปล่าเลย ของที่ทำอย่างนั้นคือเหล้า ซึ่งโฆษณาหนักเหลือเกินในประเทศนี้ ข้อสรุปเดียวของผมที่อธิบายว่าทำไมป่านถึงได้ผิดกฎหมายคือ ภาคธุรกิจในอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าของสภาคองเกรส อยากขายคุณ Paxil, Zoloft, Xanax และยาเสพติดอื่นๆ มากกว่าจะยอมให้คุณปลูกต้นไม้ในบ้านตัวเองโดยไม่แบ่งกำไรส่วนหนึ่งให้กับพวก เขา นโยบายนี้ไร้สาระมาก มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานต่างชาติ นโยบายของเราทำให้ประเทศอื่นๆ หัวเราะเยาะความโง่เขลาของเรา โดยเฉพาะแคนาดาและหลายประเทศในยุโรป (ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก) คุณจะไม่ได้รู้เรื่องนี้จากสื่ออเมริกันหรอก เพราะพวกเขาไม่ค่อยอธิบายว่าอาทิตย์นี้ใครกำลังหัวเราะเยาะอเมริกาอยู่บ้าง ขอเถอะครับ ทุกคน เลิกใช้โวหารสวยหรู เริ่มคิดกันดีกว่าว่าเราจะพึ่งตัวเองจริงๆ ได้อย่างไร
ถึงจุดนี้ผมขอบอกว่า ลาก่อน และขอให้โชคดีครับ.
ด้วยความปรารถนาดี,
Andrew Lahde
ลอกมาจาก http://www.fringer.org/?p=389#more-389 คับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
Andrew Lahde แหม ทำไปได้...
โพสต์ที่ 8
last year
http://ftalphaville.ft.com/blog/2007/09 ... -cent-man/
Having a Lahde — the 410 per cent man
Hedge fund managers and big egos generally go together, but Andrew Lahde manages a new high with his latest investor letter, in which he says his Lahde Capital “has the top-rated performance for all hedge funds in the universe” for the year to August.
Santa Monica, California-based Mr Lahde, to be fair, has good reason to boast: Series A of his fund was up 7.9 per cent in August, 410 per cent for the year so far, outpacing even the stellar performance of John Paulson’s (of Paulson & Co) Credit Opportunities fund.
Like the far larger fund from Mr Paulson, Mr Lahde’s diminutive $60m Lahde Capital makes most of its money by shorting US subprime mortgage-related structured credits, particularly the ABX indices.
Lahde, though, goes further. He predicts “100% likelihood” of a US recession, and this month launched a new fund shorting the CMBX indices, betting that commercial property will also tumble and his “commercial fund [will] act as a hedge for all of the carnage still to come”.
Also, Lahde is becoming even more bearish, if that were possible. He has upped his estimate of US subprime mortgage defaults from 30-40 per cent a month ago to 50-60 per cent.
If he’s right, his conclusion pretty much sums up the likely outcome for the subprime market: “Game over.”
Here’s a taster:
Rising tides lift all boats. Rock, paper, scissors. Tsunami crushes all (except those who bought tsunami insurance and got the hell away from the water). The tsunami is this credit contraction I have been writing about for the past year. It has affected everything. Period…
…Fellow CFAs probably remember learning about the mosaic theory, which distinguishes between plain old inside information and attaining information from different sources and combining them together to reach a conclusion that is virtually as good as ill-gotten inside information. I have so many sources of information, both the factual/statistical type and the anecdotal type. Everything I see tells me the ABX is going to fall further, as is the CMBX, the equity market, the dollar, etc…
…If God comes down and miraculously fixes everything that is going to drive us into a deep recession, we probably still would not lose money on the CMBX trades…
…There isn’t enough lipstick in the world to sell a pool of subprime loans right now…
…Will Bush help? No. His plan would help some 80,000 borrowers out of the two million subprime borrowers whose mortgage payments jump in the next two years. Try again.
Good night and good luck.
This entry was posted by James Mackintosh on Thursday, September 27th, 2007 at 15:02 and is filed under Capital markets, Hedge funds. Tagged with Lahde Capital. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. Responses are currently closed, but you can trackback from your own site.
http://ftalphaville.ft.com/blog/2007/09 ... -cent-man/
Having a Lahde — the 410 per cent man
Hedge fund managers and big egos generally go together, but Andrew Lahde manages a new high with his latest investor letter, in which he says his Lahde Capital “has the top-rated performance for all hedge funds in the universe” for the year to August.
Santa Monica, California-based Mr Lahde, to be fair, has good reason to boast: Series A of his fund was up 7.9 per cent in August, 410 per cent for the year so far, outpacing even the stellar performance of John Paulson’s (of Paulson & Co) Credit Opportunities fund.
Like the far larger fund from Mr Paulson, Mr Lahde’s diminutive $60m Lahde Capital makes most of its money by shorting US subprime mortgage-related structured credits, particularly the ABX indices.
Lahde, though, goes further. He predicts “100% likelihood” of a US recession, and this month launched a new fund shorting the CMBX indices, betting that commercial property will also tumble and his “commercial fund [will] act as a hedge for all of the carnage still to come”.
Also, Lahde is becoming even more bearish, if that were possible. He has upped his estimate of US subprime mortgage defaults from 30-40 per cent a month ago to 50-60 per cent.
If he’s right, his conclusion pretty much sums up the likely outcome for the subprime market: “Game over.”
Here’s a taster:
Rising tides lift all boats. Rock, paper, scissors. Tsunami crushes all (except those who bought tsunami insurance and got the hell away from the water). The tsunami is this credit contraction I have been writing about for the past year. It has affected everything. Period…
…Fellow CFAs probably remember learning about the mosaic theory, which distinguishes between plain old inside information and attaining information from different sources and combining them together to reach a conclusion that is virtually as good as ill-gotten inside information. I have so many sources of information, both the factual/statistical type and the anecdotal type. Everything I see tells me the ABX is going to fall further, as is the CMBX, the equity market, the dollar, etc…
…If God comes down and miraculously fixes everything that is going to drive us into a deep recession, we probably still would not lose money on the CMBX trades…
…There isn’t enough lipstick in the world to sell a pool of subprime loans right now…
…Will Bush help? No. His plan would help some 80,000 borrowers out of the two million subprime borrowers whose mortgage payments jump in the next two years. Try again.
Good night and good luck.
This entry was posted by James Mackintosh on Thursday, September 27th, 2007 at 15:02 and is filed under Capital markets, Hedge funds. Tagged with Lahde Capital. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. Responses are currently closed, but you can trackback from your own site.
- น้ำครึ่งแก้ว
- Verified User
- โพสต์: 1098
- ผู้ติดตาม: 0
Andrew Lahde แหม ทำไปได้...
โพสต์ที่ 10
หลุดพ้นแล้ว คุณ Andrew
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "