"พาณิชย์" เผยส่งออก ก.ย.ขยายตัวได้ 19.4%

[chatchai]

"พาณิชย์" เผยส่งออก ก.ย.ขยายตัวได้ 19.4%

พาณิชย์ แถลงส่งออกเดือน ก.ย. ขยายตัวได้ถึง 19.4% เดินดุลการค้า 133 ล้านดอลลาร์ เผยยอดรวม 9เดือน ส่งออกขยายตัว 23.9% และขาดดุลการค้า 2.7 พันล้านดอลล์
     
      วันนี้ ( 17 ต.ค.)นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนก.ย.มีการส่งออกมูลค่า 15,868 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.4% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ขณะที่การนำเข้าในเดือน ก.ย.มีมูลค่า 15,739 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เดือน ก.ย.เกินดุลการค้า 133 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
     
      ส่วนการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรก ม.ค.-ก.ย.มีมูลค่าทั้งสิ้น 135,926 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.9%เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 138,668 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 35.8% ส่งผลให้ไทยยังขาดดุลการค้ามูลค่า 2,742 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทิศทางการส่งออกยังขยายตัวได้ดีจนถึงปีหน้า โดยการค้าโลกยังขยายตัวได้ ขณะที่ตลาดใหม่มีสัดส่วนขยายตัวเพิ่มขึ้น

http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000123618

ยอดส่งออกของไทยเดือนล่าสุดยังดีอยู่  การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากก็อาจจะบ่งบอกได้ว่าในระยะเวลาใกล้ๆนี้  การส่งออกของไทยก็ยังน่าจะเติบโตดีอยู่

[kornjackrit]

ยอดส่งออกยังขยายตัวได้ดีเป็นเพราะตลาดที่เราส่งออกไปไม่ได้รับผลกระทบ
หรือเป็นเพราะผลกระทบยังไม่ขยายตัวสู่ Real Sector อะคับ ???

 :?:  :?:

[chatchai]

ผมว่าเราอย่าดูแคลนความสามารถของผู้ส่งออกไทยนะครับ

ช่วงปีถึงสองปี

[kornjackrit]

ช่วงปีถึงสองปี  ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก  
จนนักวิเคราะห์  นักวิชาการ  ธนาคารแห่งประเทศไทย  ผู้ส่งออก  นักข่าว  เคยเป็นห่วงและกังวลว่าจะส่งผลให้ไทยมีการส่งออกลดลง  (นักลงทุนคงจำได้ดี  เพราะเป็นเหตุผลในการออกมาตรการ 30%ของ ธปท.

ตรงนี้ก้น่าคิดเหมือนกันครับ
 :D  :D

แต่ผมขอเห็นแย้งนิดนึงครับ(ไม่ได้ดูแคลนความสามารถผู้ส่งออกไทยนะครับ)
ผมว่าที่ผ่านมาการที่เรายอดการส่งออกไม่ตก บางส่วนอาจจะเป็นเพราะเราส่งออก
สินค้าซึ่งผลิตโดยบริษัทต่างชาติที่มาใช้ฐานการผลิืตในไทย อย่างพวกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
คอมพิวเตอร์ รถยนตร์ ซึ่งมีตลาดรองรับในต่างประเทศพอสมควรอยู่แล้ว

และสินค้าหลักที่เราส่งออกอื่นๆอย่างเช่น ข้าว ยางพารา และสินค้าเกษตร ส่วนมากก็เป็นสินค้าที่จำเป็น
ในชีวิต คือเป็นพวกปัจจัยสี่ ซึ่งถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่สินค้าพวกนี้ผมว่าก็ยังสามารถขายได้
เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตามที่ผมได้โพสต์มาทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ
ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้

[kornjackrit]

ขอเสริมนิดนึงนะครับ

การที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก ไม่ค่อยส่งผลกระทบ
อาจจะเป็นเพราะเราส่งผลผลิตทางการเกษตรเป็นหนึ่งในสินค้าหลัก
ซึ่งราคาในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับตัว สูงขึ้นด้วยเช่นกัน จึงอาจจะหักล้างกัน หรือเปล่าครับ

 

[chatchai]

ตัวเลขส่งออกกย.2551 ขยายตัว19.4% สูงกว่าคาด

แต่แนวโน้มเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก จากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ วันที่ 17 ตุลาคม 2551 ถึงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนกันยายน 2551 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีประเด็นวิเคราะห์ที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

การส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2551 มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าที่คาดที่ร้อยละ 19.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (จากที่ขยายตัวร้อยละ 14.9 ในเดือนสิงหาคม) โดยมีมูลค่า 15,868.6 ล้านดอลลาร์ฯ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 15,735.3 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 39.4 (จากที่ขยายตัวร้อยละ 26.9 ในเดือนสิงหาคม) ซึ่งแม้ว่าการนำเข้าในเดือนนี้ขยายตัวสูงกว่าการส่งออกมาก แต่ดุลการค้ามีการเกินดุล 133.3 ล้านดอลลาร์ฯ พลิกกลับมาเกินดุลหลังจากขาดดุลติดต่อกัน 2 เดือนก่อนหน้า

สินค้าส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น เช่น ยางพารา (ขยายตัวร้อยละ 55.9 จากร้อยละ 35.0 ในเดือนก่อน) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ (ขยายตัวร้อยละ 61.1จากร้อยละ 7.0 ในเดือนก่อน) ผลิตภัณฑ์ยาง (ขยายตัวร้อยละ 35.0 จากร้อยละ 27.8 ในเดือนก่อน) เคมีภัณฑ์ (ขยายตัวร้อยละ 19.2 จากร้อยละ 15.5 ในเดือนก่อน) ส่วนสินค้ารายการสำคัญอื่นๆ ที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป (ขยายตัวร้อยละ 79.3) ข้าว (ขยายตัวร้อยละ 80.4) น้ำตาลทราย (ขยายตัวร้อยละ 83.5) เป็นต้น สำหรับสินค้ารายการสำคัญที่ค่อนข้างมีปัญหา ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งของไทย (ขยายตัวร้อยละ 4.9) อัญมณีและเครื่องประดับ (ขยายตัวร้อยละ 2.4) แผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งยังคงหดตัวต่อเนื่อง (หดตัวร้อยละ 7.9) เม็ดพลาสติก (ขยายตัวร้อยละ 5.8) เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน (หดตัวร้อยละ 3.3) เป็นต้น

เมื่อพิจารณาตลาดส่งออกที่สำคัญ ตลาดหลักส่วนใหญ่ยังคงขยายตัวได้ในเกณฑ์ดี  โดยตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10.4 สหภาพยุโรปขยายตัวร้อยละ 10.1 ญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 20.3 และอาเซียนขยายตัวร้อยละ 28.0 สำหรับตลาดใหม่ โดยเฉลี่ยแล้วขยายตัวร้อยละ 21.2 แต่จะเห็นได้ว่าตลาดจีนชะลอตัวลง โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 6.1

โดยภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรก การส่งออกของไทยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 135,926.1 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 23.9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 138,668.6 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 35.8 ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 2,742.4 ล้านดอลลาร์ฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ อาจชะลอตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคหลักของโลกที่เผชิญวิกฤติในภาคการเงินอย่างหนักหน่วง ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งราคาน้ำมันและราคาโลหะ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย คือยางพารา ก็ร่วงลงอย่างหนักตามราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การส่งออกที่ขยายตัวสูงมาในช่วง 9 เดือนแรก คงจะหนุนให้การส่งออกโดยรวมของไทยในปี 2551 นี้ ขยายตัวได้ใกล้เคียงร้อยละ 20 ยังคงสูงกว่าในปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 17.3

ความท้าทายที่สำคัญ อยู่ที่แนวโน้มการส่งออกในปี 2552 ซึ่งจะเผชิญความเสี่ยงจากโอกาสที่เศรษฐกิจภูมิภาคหลักของโลก หรือ กลุ่ม G3 อันได้แก่ สหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะสหรัฐฯ และประเทศในยุโรปที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการล่มสลายของระบบการเงิน โดยจากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เมื่อเดือนตุลาคม 2551 ประเมินว่าในปี 2552 เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น อาจจะมีอัตราการขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ร้อยละ 0.2 และร้อยละ 0.5 ตามลำดับ (จากปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 1.6 ร้อยละ 1.3 และร้อยละ 0.7) ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียงร้อยละ 3.0 (จากปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 3.9) ซึ่งจะเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 7 ปี

ทั้งนี้ IMF คาดการณ์การส่งออกสินค้าของโลก (Trade in Goods) ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 4.2 ในปี 2552 ซึ่งถ้าพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างการส่งออกของไทยและการส่งออกของโลกในระยะหลายปีที่ผ่านมาจะมีอัตราการเติบโตที่ใกล้เคียงกัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกดังกล่าว จะส่งผลกระทบให้การส่งออกของไทยในปี 2552 ชะลอตัวลงค่อนข้างมาก โดยอาจจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 5.0-10.0 เทียบกับอัตราใกล้เคียงร้อยละ 20 ในปี 2551 และจากที่เคยขยายตัวสูงเป็นตัวเลข  2 หลักมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2546

อย่างไรก็ดี ความพยายามของภาครัฐและภาคเอกชนในการเตรียมหาแนวทางรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว อาจช่วยลดผลกระทบได้บ้าง โดยแนวทางที่เป็นไปได้ เช่น การแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ การปรับผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาด การลดต้นทุนการประกอบการ รวมทั้ง เร่งเจาะตลาดสินค้าโดยมุ่งชูจุดแข็งในด้านคุณภาพมาตรฐาน ในภาวะที่ผู้บริโภคในประเทศต่างๆ มีกังวลต่อมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าที่มีราคาถูก  

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 3&catid=05

[kornjackrit]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

 

[BABY TERMITE]

แล้วถ้าผู้ส่งออกยังเก่ง ส่งไปขายได้เยอะเหมือนเดิม แต่สินค้าหลักๆ (ภาคการเกษตร) ราคาลดลงซักครึ่งนึงล่ะครับ.....