มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
ครับ
โพสต์ที่ 3
วันที่จัดงานชัวร์รึป่าวครับ....
น่าจะเป็นวันที่ 18-29 ตค มากกว่านะครับ...
น่าจะเป็นวันที่ 18-29 ตค มากกว่านะครับ...
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 6
ไม่ผิดน่าครับ
วันที่ตามนั้นล่ะครับ
ที่ผมรู้มี e-mail จากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค ส่งมาให้
เลยรู้ว่า มีการจัดงานในช่วงวันนั้นครับ
ปีๆ หนึ่งผมหมดกับค่าหนังสือไปหลายตังค์
แต่ระยะหลังไม่ค่อยมีเวลาอ่านเท่าไร
ต้องพิจารณาหนังสือกันมากขึ้นแล้วว่า
ซื้อมาต้องอ่านให้ทัน
แต่รอบนี้ ไปต้องหนังสือเกี่ยวกับ
ปี 1929-1932 ให้ได้ ว่ามีเกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น
วันที่ตามนั้นล่ะครับ
ที่ผมรู้มี e-mail จากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค ส่งมาให้
เลยรู้ว่า มีการจัดงานในช่วงวันนั้นครับ
ปีๆ หนึ่งผมหมดกับค่าหนังสือไปหลายตังค์
แต่ระยะหลังไม่ค่อยมีเวลาอ่านเท่าไร
ต้องพิจารณาหนังสือกันมากขึ้นแล้วว่า
ซื้อมาต้องอ่านให้ทัน
แต่รอบนี้ ไปต้องหนังสือเกี่ยวกับ
ปี 1929-1932 ให้ได้ ว่ามีเกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 295
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 12
สำหรับ Value Investor มือใหม่นั้น หนังสือกลุ่มแรกที่ต้องอ่านก็คือหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบ Value Investment นี่คือหนังสือที่พูดถึงแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าหรือแบบอิงปัจจัยพื้นฐาน หนังสือเหล่านี้จะพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นโดยเน้นไปที่การดูตัวบริษัทที่เราจะลงทุนเป็นหลักแม้ว่าราคาหุ้นก็เป็นสิ่งสำคัญแต่เขาก็จะพูดถึงไม่มาก การอ้างอิงถึงบุคคลที่เป็นตัวอย่างของนักลงทุนก็จะเป็นเซียนที่ยึดแนวทางการลงทุนแบบ Value Investment เช่น เบน เกรแฮม วอเร็น บัฟเฟตต์ ปีเตอร์ ลินช์ จอห์น เนฟ และ เซอร์จอห์น เทมเปิลตัน เหล่านี้เป็นต้น การอ่านหนังสือเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญและเป็นก้าวแรกที่จะช่วยปรับความคิดของเราเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น มันจะช่วงแยกแยะความแตกต่างระหว่างการ เล่นหุ้น กับการ ลงทุน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะเข้าสู่การซื้อขายหุ้นในตลาด ถ้าเราเดินทางผิด เข้าตลาดเพื่อมา เล่นหุ้น อนาคตเราอาจจะมืดมน แต่ถ้าเราเดินทางถูก เข้าตลาดเพื่อมา ลงทุน ความสำเร็จก็อาจไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว
การเป็นนักลงทุนนั้น จำเป็นต้องรอบรู้เกี่ยวกับธุรกิจและความเป็นไปของเศรษฐกิจที่บริษัทต่าง ๆ ต้องเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น คนที่จะเป็น Value Investor จะต้องอ่านหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจรายวันอย่างน้อยหนึ่งฉบับ นั่นหมายความว่าคนที่อ่านแต่หนังสือพิมพ์ มวลชน จะต้องหันมาหัดอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเป็นประจำแทน ส่วนหนังสือพิมพ์มวลชนนั้นจะกลายเป็นหนังสือพิมพ์ ฉบับรอง ข้อที่ควรคำนึงถึงเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ก็คือ ข้อมูลในหนังสือพิมพ์นั้นมักเป็นข้อมูลหยาบ ๆ ที่มักจะไม่เที่ยงตรงพอที่จะใช้ในการลงทุนได้ ดังนั้น เมื่อเราพบอะไรที่น่าสนใจจากหนังสือพิมพ์ เราจะต้องไป เจาะลึก อีกทีหนึ่งจากข้อมูลที่ละเอียดและเป็นทางการกว่า คติของผมก็คือ ห้ามวิเคราะห์หุ้นจากหนังสือพิมพ์ รวมถึง ห้ามใช้ตารางข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นรายวันเช่นค่า PE จากหนังสือพิมพ์ด้วย
นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องอ่านข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนด้วยเพื่อหาหุ้นที่จะลงทุน ข้อมูลเหล่านี้หลัก ๆ จะหาอ่านได้จากเวบไซ้ต์ของตลาดหลักทรัพย์ set.or.th และของ กลต. ข้อมูลการวิเคราะห์หุ้นของโบรกเกอร์ นอกจากนั้นอาจจะหาอ่านได้จากเวบไซ้ต์ของ thaivi.com ซึ่งเป็นแหล่งรวมของ Value Investor ไทยที่น่าจะใหญ่ที่สุด สิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักก็คือ เวลาอ่าน เราอ่านเฉพาะข้อมูล อย่าไปรับความเห็นมาโดยไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน อย่าลืมว่าผู้ที่ให้ข้อมูลนั้น ส่วนใหญ่มีความขัดแย้งของผลประโยชน์ นั่นคือ เขาอยากให้เราซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น
หนังสือชุดต่อมาที่ผมคิดว่าควรจะอ่านอย่างยิ่งก็คือ หนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจที่จะทำให้เราเข้าใจว่าบริษัทแบบไหนจะชนะหรือแพ้ในการแข่งขันเพราะอะไร นี่คือหนังสือแนวการตลาดระดับยุทธศาสตร์ไม่ใช่ระดับปฏิบัติการ ดังนั้น โดยทั่วไป ถ้าเราเห็นว่าหนังสือนั้นเล่มโตเกินไปหรืออ่านแล้วมีรายละเอียดมาก มันก็มักจะไม่ใช่หนังสือที่เราต้องการ คนที่เขียนเรื่องนี้ได้ดีมากคนหนึ่งก็คือ แจ็ค เทร้า และ ฟิลิป คอตเลอร์ ปรมาจารย์ทางด้านการตลาดและกลยุทธ์การแข่งขัน
หนังสือที่ควรอ่านเพราะมันช่วยเสริมความคิดและความมั่นใจของเราก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ธุรกิจ และตลาดหุ้น ประวัติศาสตร์นั้นน่าสนใจเพราะมันมักจะ ซ้ำรอย ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ซ้ำรอยตรง ๆ แต่มันก็เป็นร่องรอยที่ทำให้เราสามารถทำนายหรือคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้ ประวัติศาสตร์ยังสอนให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้นเพื่อที่จะทำให้เราสามารถเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน
ผมชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ ๆ ที่ท้าทายความเชื่อเก่า ๆ โดยเฉพาะทฤษฎีเกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของมนุษย์ นี่คือเรื่องของจิตวิทยาต่าง ๆ ที่คนทั่วไปอ่านได้ง่ายเข้าใจง่ายไม่ใช่เรื่องจิตวิทยาของนักจิตวิทยาที่รักษาคนป่วย เรื่องของพฤติกรรมมนุษย์นั้นสำคัญเพราะมันเป็นสิ่งที่กำหนดการกระทำของคนทั้งในเรื่องของการเป็นผู้บริโภคซึ่งจะกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนและการเป็นนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นในตลาดด้วย
นอกจากเรื่องหนัก ๆ ทั้งหลายดังกล่าว ผมยังสนใจดูหรืออ่านเรื่องของดารา หนุ่มสาวสังคมแบบห่าง ๆ ด้วย ผมคิดว่าคนเหล่านี้คือผู้ที่กำหนดทิศทางของสังคมไม่น้อย เช่นเดียวกัน ผมคิดว่าข่าวการเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญที่กระทบกับการลงทุนและชีวิตของเรา ดังนั้น ผมจึงติดตามเรื่องของการเมือง แต่ก็เช่นกัน ผมมองภาพใหญ่ คือตราบที่การเมืองยังอยู่ในระบอบประชาธิปไตยและใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบตลาด พูดง่าย ๆ ยังเป็นระบอบทุนนิยมที่เปิดกว้าง ผมคิดว่านั่นก็เพียงพอสำหรับการทำงานของตลาดและหุ้นต่าง ๆ ที่เราลงทุน
มองจากการอ่านทั้งหมดที่ผมทำ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า การอ่านเป็นสิ่งที่ผมใช้เวลามากที่สุด เรียกได้เลยว่าการอ่านคือ อาชีพ หรืออาจจะเรียกว่าเป็น ชีวิต และถ้าเราอ่านไม่ถูกเรื่อง เราก็คงเสียเวลาและประสบความสำเร็จได้ยาก ถ้าเราอ่านถูกเรื่องและอ่านหนังสือที่ดีและอ่านมาก ความสำเร็จก็น่าจะตามมา คำที่ผมอยากจะสรุปสำหรับบทความนี้ก็คือ You Are What You Read คุณอ่านอะไร คุณก็เป็นอย่างนั้น ดังนั้นต้องอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์สำหรับการลงทุนและต้องอ่านให้มาก
จากที่ ดร.แนะนำพวกเราว่ามีหนังสือชื่ออะไรบ้าง กำลังหาอ่านเหมือนกัน ช่วยกันแนะนำหน่อย
การเป็นนักลงทุนนั้น จำเป็นต้องรอบรู้เกี่ยวกับธุรกิจและความเป็นไปของเศรษฐกิจที่บริษัทต่าง ๆ ต้องเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น คนที่จะเป็น Value Investor จะต้องอ่านหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจรายวันอย่างน้อยหนึ่งฉบับ นั่นหมายความว่าคนที่อ่านแต่หนังสือพิมพ์ มวลชน จะต้องหันมาหัดอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเป็นประจำแทน ส่วนหนังสือพิมพ์มวลชนนั้นจะกลายเป็นหนังสือพิมพ์ ฉบับรอง ข้อที่ควรคำนึงถึงเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ก็คือ ข้อมูลในหนังสือพิมพ์นั้นมักเป็นข้อมูลหยาบ ๆ ที่มักจะไม่เที่ยงตรงพอที่จะใช้ในการลงทุนได้ ดังนั้น เมื่อเราพบอะไรที่น่าสนใจจากหนังสือพิมพ์ เราจะต้องไป เจาะลึก อีกทีหนึ่งจากข้อมูลที่ละเอียดและเป็นทางการกว่า คติของผมก็คือ ห้ามวิเคราะห์หุ้นจากหนังสือพิมพ์ รวมถึง ห้ามใช้ตารางข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นรายวันเช่นค่า PE จากหนังสือพิมพ์ด้วย
นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องอ่านข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนด้วยเพื่อหาหุ้นที่จะลงทุน ข้อมูลเหล่านี้หลัก ๆ จะหาอ่านได้จากเวบไซ้ต์ของตลาดหลักทรัพย์ set.or.th และของ กลต. ข้อมูลการวิเคราะห์หุ้นของโบรกเกอร์ นอกจากนั้นอาจจะหาอ่านได้จากเวบไซ้ต์ของ thaivi.com ซึ่งเป็นแหล่งรวมของ Value Investor ไทยที่น่าจะใหญ่ที่สุด สิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักก็คือ เวลาอ่าน เราอ่านเฉพาะข้อมูล อย่าไปรับความเห็นมาโดยไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน อย่าลืมว่าผู้ที่ให้ข้อมูลนั้น ส่วนใหญ่มีความขัดแย้งของผลประโยชน์ นั่นคือ เขาอยากให้เราซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น
หนังสือชุดต่อมาที่ผมคิดว่าควรจะอ่านอย่างยิ่งก็คือ หนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจที่จะทำให้เราเข้าใจว่าบริษัทแบบไหนจะชนะหรือแพ้ในการแข่งขันเพราะอะไร นี่คือหนังสือแนวการตลาดระดับยุทธศาสตร์ไม่ใช่ระดับปฏิบัติการ ดังนั้น โดยทั่วไป ถ้าเราเห็นว่าหนังสือนั้นเล่มโตเกินไปหรืออ่านแล้วมีรายละเอียดมาก มันก็มักจะไม่ใช่หนังสือที่เราต้องการ คนที่เขียนเรื่องนี้ได้ดีมากคนหนึ่งก็คือ แจ็ค เทร้า และ ฟิลิป คอตเลอร์ ปรมาจารย์ทางด้านการตลาดและกลยุทธ์การแข่งขัน
หนังสือที่ควรอ่านเพราะมันช่วยเสริมความคิดและความมั่นใจของเราก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ ธุรกิจ และตลาดหุ้น ประวัติศาสตร์นั้นน่าสนใจเพราะมันมักจะ ซ้ำรอย ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ซ้ำรอยตรง ๆ แต่มันก็เป็นร่องรอยที่ทำให้เราสามารถทำนายหรือคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้ ประวัติศาสตร์ยังสอนให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้นเพื่อที่จะทำให้เราสามารถเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน
ผมชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ ๆ ที่ท้าทายความเชื่อเก่า ๆ โดยเฉพาะทฤษฎีเกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของมนุษย์ นี่คือเรื่องของจิตวิทยาต่าง ๆ ที่คนทั่วไปอ่านได้ง่ายเข้าใจง่ายไม่ใช่เรื่องจิตวิทยาของนักจิตวิทยาที่รักษาคนป่วย เรื่องของพฤติกรรมมนุษย์นั้นสำคัญเพราะมันเป็นสิ่งที่กำหนดการกระทำของคนทั้งในเรื่องของการเป็นผู้บริโภคซึ่งจะกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนและการเป็นนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นในตลาดด้วย
นอกจากเรื่องหนัก ๆ ทั้งหลายดังกล่าว ผมยังสนใจดูหรืออ่านเรื่องของดารา หนุ่มสาวสังคมแบบห่าง ๆ ด้วย ผมคิดว่าคนเหล่านี้คือผู้ที่กำหนดทิศทางของสังคมไม่น้อย เช่นเดียวกัน ผมคิดว่าข่าวการเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญที่กระทบกับการลงทุนและชีวิตของเรา ดังนั้น ผมจึงติดตามเรื่องของการเมือง แต่ก็เช่นกัน ผมมองภาพใหญ่ คือตราบที่การเมืองยังอยู่ในระบอบประชาธิปไตยและใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบตลาด พูดง่าย ๆ ยังเป็นระบอบทุนนิยมที่เปิดกว้าง ผมคิดว่านั่นก็เพียงพอสำหรับการทำงานของตลาดและหุ้นต่าง ๆ ที่เราลงทุน
มองจากการอ่านทั้งหมดที่ผมทำ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า การอ่านเป็นสิ่งที่ผมใช้เวลามากที่สุด เรียกได้เลยว่าการอ่านคือ อาชีพ หรืออาจจะเรียกว่าเป็น ชีวิต และถ้าเราอ่านไม่ถูกเรื่อง เราก็คงเสียเวลาและประสบความสำเร็จได้ยาก ถ้าเราอ่านถูกเรื่องและอ่านหนังสือที่ดีและอ่านมาก ความสำเร็จก็น่าจะตามมา คำที่ผมอยากจะสรุปสำหรับบทความนี้ก็คือ You Are What You Read คุณอ่านอะไร คุณก็เป็นอย่างนั้น ดังนั้นต้องอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์สำหรับการลงทุนและต้องอ่านให้มาก
จากที่ ดร.แนะนำพวกเราว่ามีหนังสือชื่ออะไรบ้าง กำลังหาอ่านเหมือนกัน ช่วยกันแนะนำหน่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 67
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 13
งานนี้ ไม่พลาดแน่นอน
- Amadeus
- Verified User
- โพสต์: 372
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 14
Value investing หลักสูตร ม.โคลัมเบีย มีเล่มแปลโดย คุณพรชัย
one up on wall street
beating the street
Learn to Earn
สามเล่มนี้ของ Peter Lynch
บัฟเฟตโทโลจี กับ นิวบัฟเฟตโทโลจี
CEO ของวอเรนต์ บัฟเฟต
พวกนี้เกียวกับการลงทุนแนว VI
เพื่อนๆมีเล่มไหน แนะนำเพิ่มเติมอีกครับ
แล้วเล่มไหนบ้างครับที่นิยมอ่านกันเกี่ยวกับ
กลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจ
one up on wall street
beating the street
Learn to Earn
สามเล่มนี้ของ Peter Lynch
บัฟเฟตโทโลจี กับ นิวบัฟเฟตโทโลจี
CEO ของวอเรนต์ บัฟเฟต
พวกนี้เกียวกับการลงทุนแนว VI
เพื่อนๆมีเล่มไหน แนะนำเพิ่มเติมอีกครับ
แล้วเล่มไหนบ้างครับที่นิยมอ่านกันเกี่ยวกับ
กลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจ
เตือนตัวเอง
1.ลดต้นทุน 2.ขึ้นราคา 3.ขยายตลาด
4.เพิ่ม same store sale 5.ขาย บ.เน่าๆ
1.ลดต้นทุน 2.ขึ้นราคา 3.ขยายตลาด
4.เพิ่ม same store sale 5.ขาย บ.เน่าๆ
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 15
ปีนี้ น่าหงุดหงิดที่สุดสำหรับงานสัปดาห์หนังสือ
ผมไปเดินบูธที่ตัวเอง เป็น member รายเดือน เพื่อเช็ค status สมาชิก
และก็พิจารณาว่าจะต่ออายุสมาชิกหรือไม่
ไปบูธแรก หนังสืือ e leader (business.com) ยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้ จัดเตรียมเนื้อเรื่องได้ดี มีการเก็บข้อมูลสถิติ ได้น่าสนใจ (น่าจะเอามาจาก BOL - คงเป็นบ.เดียวกันด้วยมั๊ง) ผมเพิ่งเป็นสมาชิก ก็สมัครทีเดียวรวด สองปี
แต่พอ น้อง sale มาขาย ก็บอกว่า กำลังจะขอดูว่าหมดอายุสมาชิกเมื่อไหร่
น้องเขาบอกว่า พี่ต่อๆ ไปเหอะ.... ผมก็บอกว่า เดี๋ยวขอเช็คดูก่อนว่าเหลืออีกเมื่อไหร่ น้องเขาตื๊ออยู่สักพัก แล้วก็บอกว่า่ "หนูว่าพี่โละยอดที่เหลือแล้วเปิดใหม่กับหนูดีไหม" คือ จริงๆ ผมก็รู้ว่า เป็นการขำขันมากกว่า แต่มันเกิดจากการตื๊อ ที่เราปฏิเสธไปหลายครั้งแต่ ไม่สำเร็จ ผมก็เลยเริ่มเซ็งๆ
พอเดินไปอีกบูธก็ ของ manager
ผมชอบที่สุดคือ positioning เนื้อหา ทำการบ้านดีมาก
ไปถึง น้องเขาก็บอกว่าเช็คเมมเบอร์ให้ไม่ได้ .. ผมก็ไม่ว่าอะไร ไว้เดี๋ยวหมดแล้วคงส่งจดหมายมา
ข้างๆกัน มี ผู้จัดการรายเดือน ก็ไปคุยกับเขาเหมือนกัน
น้องก็เดินไปเช็ค บอกว่า หมด พ.ค.ปีหน้า ซึ่งจริงๆ ผมก็จะดูว่าราคาmember มันเท่าไหร่ เพราะ เท่าที่เคยสมัครไว้ แรกๆ ตกเล่มละ 50 บาท ซึ่งถูกกว่าหน้าปก มากๆ แต่หลังๆ รู้สึกว่า เนื้อเรื่อง ออกจะเป็นการเล่าเรื่อง ที่ไม่ค่อยเจาะลึกเท่าไหร่ เลยกำลังพิจารณา ดูว่า อาจจะไม่ต่ออีก ขอดูราคาก่อน เพราะหลังๆ มันตก เล่มละ 70 กว่าบาท ตามสภาพเศรษฐกิจ
แต่น้องง sale รายนี้น่ากลัวมาก บอกว่า พี่ๆ เหลืออีก สอง-สามเดือนเอง ต่อไปเหอะ ผมก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันเห็นผมเป็นคนไทยหรือป่าว นับปฏิทินยังไงวะ ผมก็เงียบ น้องก็ตื๊ออยู่สักพัก ผมก็บอกว่า นี่ๆ คราวก่อน บอกว่า ถ้าเป็นเมมเบอร์แล้วมาที่บูธ จะขอ พวก หนังสือ metrolife ที่เหลือจากการแจกได้ น้องก็บอกว่า "ใครบอกล่ะ ไม่มีหรอกนะ ต้องเปิด เมมเบอร์กับหนูก่อน" ผมก็บอกว่า ขอดูก่อน ผมยังไม่พร้อม เธอก็ชักสีหน้า บอกว่างั้นหนูก็ไม่ให้ ............
ผมนิ่งอยู่สักพัก เริ่มหงุดหงิดขึ้นแล้ว....
เธอก็เริ่มบอกว่า งั้นหนูให้พี่เล่มนึงแล้วกัน.. และถ้าจะเปิดเมม ให้โทรมาตามนามบัตรนี้นะ จะได้ไม่ต้องไปเปิดกับคนอื่น
ผมรู้ว่า เศรษฐกิจไม่ดี เมื่อวาน คนเดินงานสัปดาห์หนังสือน้อยกว่าทุกปีมากๆ
แต่พฤติกรรมของ sale ยิ่งเป็นแบบนี้
คุณภาพหนังสือ ลดลง ยังไม่เท่าไหร่
บริการแบบนี้....... จะเหลืออะไรล่ะเนี่ย
ผมไปเดินบูธที่ตัวเอง เป็น member รายเดือน เพื่อเช็ค status สมาชิก
และก็พิจารณาว่าจะต่ออายุสมาชิกหรือไม่
ไปบูธแรก หนังสืือ e leader (business.com) ยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้ จัดเตรียมเนื้อเรื่องได้ดี มีการเก็บข้อมูลสถิติ ได้น่าสนใจ (น่าจะเอามาจาก BOL - คงเป็นบ.เดียวกันด้วยมั๊ง) ผมเพิ่งเป็นสมาชิก ก็สมัครทีเดียวรวด สองปี
แต่พอ น้อง sale มาขาย ก็บอกว่า กำลังจะขอดูว่าหมดอายุสมาชิกเมื่อไหร่
น้องเขาบอกว่า พี่ต่อๆ ไปเหอะ.... ผมก็บอกว่า เดี๋ยวขอเช็คดูก่อนว่าเหลืออีกเมื่อไหร่ น้องเขาตื๊ออยู่สักพัก แล้วก็บอกว่า่ "หนูว่าพี่โละยอดที่เหลือแล้วเปิดใหม่กับหนูดีไหม" คือ จริงๆ ผมก็รู้ว่า เป็นการขำขันมากกว่า แต่มันเกิดจากการตื๊อ ที่เราปฏิเสธไปหลายครั้งแต่ ไม่สำเร็จ ผมก็เลยเริ่มเซ็งๆ
พอเดินไปอีกบูธก็ ของ manager
ผมชอบที่สุดคือ positioning เนื้อหา ทำการบ้านดีมาก
ไปถึง น้องเขาก็บอกว่าเช็คเมมเบอร์ให้ไม่ได้ .. ผมก็ไม่ว่าอะไร ไว้เดี๋ยวหมดแล้วคงส่งจดหมายมา
ข้างๆกัน มี ผู้จัดการรายเดือน ก็ไปคุยกับเขาเหมือนกัน
น้องก็เดินไปเช็ค บอกว่า หมด พ.ค.ปีหน้า ซึ่งจริงๆ ผมก็จะดูว่าราคาmember มันเท่าไหร่ เพราะ เท่าที่เคยสมัครไว้ แรกๆ ตกเล่มละ 50 บาท ซึ่งถูกกว่าหน้าปก มากๆ แต่หลังๆ รู้สึกว่า เนื้อเรื่อง ออกจะเป็นการเล่าเรื่อง ที่ไม่ค่อยเจาะลึกเท่าไหร่ เลยกำลังพิจารณา ดูว่า อาจจะไม่ต่ออีก ขอดูราคาก่อน เพราะหลังๆ มันตก เล่มละ 70 กว่าบาท ตามสภาพเศรษฐกิจ
แต่น้องง sale รายนี้น่ากลัวมาก บอกว่า พี่ๆ เหลืออีก สอง-สามเดือนเอง ต่อไปเหอะ ผมก็รู้สึกว่า เฮ้ย มันเห็นผมเป็นคนไทยหรือป่าว นับปฏิทินยังไงวะ ผมก็เงียบ น้องก็ตื๊ออยู่สักพัก ผมก็บอกว่า นี่ๆ คราวก่อน บอกว่า ถ้าเป็นเมมเบอร์แล้วมาที่บูธ จะขอ พวก หนังสือ metrolife ที่เหลือจากการแจกได้ น้องก็บอกว่า "ใครบอกล่ะ ไม่มีหรอกนะ ต้องเปิด เมมเบอร์กับหนูก่อน" ผมก็บอกว่า ขอดูก่อน ผมยังไม่พร้อม เธอก็ชักสีหน้า บอกว่างั้นหนูก็ไม่ให้ ............
ผมนิ่งอยู่สักพัก เริ่มหงุดหงิดขึ้นแล้ว....
เธอก็เริ่มบอกว่า งั้นหนูให้พี่เล่มนึงแล้วกัน.. และถ้าจะเปิดเมม ให้โทรมาตามนามบัตรนี้นะ จะได้ไม่ต้องไปเปิดกับคนอื่น
ผมรู้ว่า เศรษฐกิจไม่ดี เมื่อวาน คนเดินงานสัปดาห์หนังสือน้อยกว่าทุกปีมากๆ
แต่พฤติกรรมของ sale ยิ่งเป็นแบบนี้
คุณภาพหนังสือ ลดลง ยังไม่เท่าไหร่
บริการแบบนี้....... จะเหลืออะไรล่ะเนี่ย
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 16
นี่ขนาด หนุ่มเสน่ห์แรงอย่างนองหมอเค น้องเค้ายังไม่ยอมช่วยเหลืออีกหรือครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 19
The last lectureเป็นไงบ้างครับ ซื้อมาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านเลย
เมื่อวานไปซื้อมาประมาณ30เล่ม กะว่าอ่านได้สักสองสามเดือน
โชคดีเจอคุณน.นพรัตน์เลยได้ลายเซ็นต์มาด้วย :lol:
เมื่อวานไปซื้อมาประมาณ30เล่ม กะว่าอ่านได้สักสองสามเดือน
โชคดีเจอคุณน.นพรัตน์เลยได้ลายเซ็นต์มาด้วย :lol:
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 21
ซื้อ last lecture มาเหมือนกันค่ะ เพราะเห็นเนื้อหาไม่ตรงกับ last lecture จริงๆที่เป็น talk show จริงๆเราได้ทั้ง file VDO และก็บทบรรยาย แต่ขี้เกียจอ่านภาษาอังกฤษมาก :oops: ทั้งที่เป็น talkshow ขำขัน คนฮาตลอดเลย
นอกจากนี้เชื่อใจหนูดีว่าน่าจะแปลดี ก็เลยอุดหนุน
นอกจากนี้เชื่อใจหนูดีว่าน่าจะแปลดี ก็เลยอุดหนุน
.....Give Everything but not Give Up.....
- Akajon
- Verified User
- โพสต์: 530
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 22
อ่านไปอ่านมา ชักสนใจ เลยเข้าไปอ่านในเวป Randy Pausch's The last lecture
http://www.thelastlecture.com/
ข้อมูลเยอะมาก มี The lost chapter ด้วย
แล้วก็มีลิงค์สำหรับฟัง The Last Lecture ด้วย
Randy Pausch Last Lecture: Achieving Your Childhood Dreams
http://www.youtube.com/watch?v=ji5_MqicxSo
คิดว่าน่าจะเหมือนกับแผ่นที่แถมมากับหนังสือครับ ใครที่สนใจหนังสือ ลองดู The Last Lecture ก่อนได้
http://www.thelastlecture.com/
ข้อมูลเยอะมาก มี The lost chapter ด้วย
แล้วก็มีลิงค์สำหรับฟัง The Last Lecture ด้วย
Randy Pausch Last Lecture: Achieving Your Childhood Dreams
http://www.youtube.com/watch?v=ji5_MqicxSo
คิดว่าน่าจะเหมือนกับแผ่นที่แถมมากับหนังสือครับ ใครที่สนใจหนังสือ ลองดู The Last Lecture ก่อนได้
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 23
ไปเจออยู่บูตหนึ่งเป็นหนังสือการอ่านงบการเงิน และการวิเคราะห์งบการเงิน
เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ของผู้ตรวจสอบบัญชี ธรรมนิติ นั้นเอง
เล่มละประมาณ 500-600 บาทล่ะครับ (ราคานี้ลดแล้ว 15%)
แต่มีปัญหานิดหน่อยว่า หนังสืออ่านงบการเงิน ยังไม่ใช่ มาตราฐานล่าสุด
แต่เป็นมาตราฐานเก่าที่ปรับปรุงหลังจากมีกฏหมายเรื่องมาตราฐานบัญชีออกมาแล้ว (เดี๋ยวงงคือ ฉบับแก้ไขยังไม่ได้อธิบายนั้นเอง)
ลองไปสอยดูล่ะกัน
บูต BrandAge น่าสนใจน่าครับ ในวันท้ายๆๆ ลองไปดูล่ะกัน
แต่ปีหน้าออก esstial 2009 ในงานจอง 1000 บาท ส่งถึงบ้าน น่าครับ
ที่หาไม่เจอคือ สำนักพิมพ์ที่พิมพ์ OZ หาไม่เจอครับ ว่าไปซุกอยู่ที่ไหนในงาน เพราะ ไปทุกปีเจอ ปีนี้ยังเดินหาไม่เจอ (ฮิฮิ เพิ่งเดินแค่วันเสาร์ตอนเช้าเอง มีเวลาแค่ สองชั่วโมง เดินหาบูตก่อน)
ส่วนหนังสือที่ผมสนใจ ตอนนี้เป้าหมายไปอยู่ที่ มติชน เสียมากกว่า
แปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่า2-3 ปีหลัง ผมไม่ได้อะไรจากมติชนมาอ่านเลย
ถามต่อว่า หนังสือนิยายจีน ไปซื้อที่ไหนได้บ้าง
เพราะในงานยกชุดของมังกรหยก ชุดละประมาณ 650 บาท มีสามชุดก็ประมาณ 1900 บาทเข้าให้แล้ว
ส่งท้ายในงานมีหนังสือของตลาด(ห)ลักทรัพย์ คือ เรื่องดอกเบี้ย น่าสนใจ เป็นหนังสือใหม่ เพราะไม่เคยเห็นแต่มีวางในงาน
แต่ที่แปลกคือ ในงานที่ตลาด(ห)ลักทรัพย์จัดเองมีบูตให้บริจาคหนังสือหรือซื้อหนังสือได้ในราคาถูก น่าจัดในงานสัปดาห์หนังสือด้วยน่าครับ
เป็นการส่งเสริมคนอ่านให้เข้าใจเรื่องการลงทุนหรือเนื้อหาของหนังสือที่ตลาด(ห)ลักทรัพย์ทำ ไม่ใช่มุ่งแต่เฉพาะในงานของหน่วยงานตัวเองที่จัด น่ารับไปพิจารณาเพิ่มเติมน่าครับ
หนังสือไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นชนชาติไหน ศาสนาใด ผิวสีอะไร มาจากที่ไหน เป็นญาติใคร ทั้งนั้นแต่หนังสือเป็นการสร้างความรู้ให้แก่คน ทุกคน ถ้าหากคนนั้นรู้คุณค่าของหนังสือ
เป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ของผู้ตรวจสอบบัญชี ธรรมนิติ นั้นเอง
เล่มละประมาณ 500-600 บาทล่ะครับ (ราคานี้ลดแล้ว 15%)
แต่มีปัญหานิดหน่อยว่า หนังสืออ่านงบการเงิน ยังไม่ใช่ มาตราฐานล่าสุด
แต่เป็นมาตราฐานเก่าที่ปรับปรุงหลังจากมีกฏหมายเรื่องมาตราฐานบัญชีออกมาแล้ว (เดี๋ยวงงคือ ฉบับแก้ไขยังไม่ได้อธิบายนั้นเอง)
ลองไปสอยดูล่ะกัน
บูต BrandAge น่าสนใจน่าครับ ในวันท้ายๆๆ ลองไปดูล่ะกัน
แต่ปีหน้าออก esstial 2009 ในงานจอง 1000 บาท ส่งถึงบ้าน น่าครับ
ที่หาไม่เจอคือ สำนักพิมพ์ที่พิมพ์ OZ หาไม่เจอครับ ว่าไปซุกอยู่ที่ไหนในงาน เพราะ ไปทุกปีเจอ ปีนี้ยังเดินหาไม่เจอ (ฮิฮิ เพิ่งเดินแค่วันเสาร์ตอนเช้าเอง มีเวลาแค่ สองชั่วโมง เดินหาบูตก่อน)
ส่วนหนังสือที่ผมสนใจ ตอนนี้เป้าหมายไปอยู่ที่ มติชน เสียมากกว่า
แปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่า2-3 ปีหลัง ผมไม่ได้อะไรจากมติชนมาอ่านเลย
ถามต่อว่า หนังสือนิยายจีน ไปซื้อที่ไหนได้บ้าง
เพราะในงานยกชุดของมังกรหยก ชุดละประมาณ 650 บาท มีสามชุดก็ประมาณ 1900 บาทเข้าให้แล้ว
ส่งท้ายในงานมีหนังสือของตลาด(ห)ลักทรัพย์ คือ เรื่องดอกเบี้ย น่าสนใจ เป็นหนังสือใหม่ เพราะไม่เคยเห็นแต่มีวางในงาน
แต่ที่แปลกคือ ในงานที่ตลาด(ห)ลักทรัพย์จัดเองมีบูตให้บริจาคหนังสือหรือซื้อหนังสือได้ในราคาถูก น่าจัดในงานสัปดาห์หนังสือด้วยน่าครับ
เป็นการส่งเสริมคนอ่านให้เข้าใจเรื่องการลงทุนหรือเนื้อหาของหนังสือที่ตลาด(ห)ลักทรัพย์ทำ ไม่ใช่มุ่งแต่เฉพาะในงานของหน่วยงานตัวเองที่จัด น่ารับไปพิจารณาเพิ่มเติมน่าครับ
หนังสือไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นชนชาติไหน ศาสนาใด ผิวสีอะไร มาจากที่ไหน เป็นญาติใคร ทั้งนั้นแต่หนังสือเป็นการสร้างความรู้ให้แก่คน ทุกคน ถ้าหากคนนั้นรู้คุณค่าของหนังสือ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 24
เรื่องขำๆๆจากการส่ง EMS ในงาน
พอดีย้ายบ้าน ถ้าเป็นที่อยู่เดิมนั้นไปรษณีย์รู้ว่า วันเสาร์ ส่งไม่ได้ต้องรอวันอาทิตย์เย็นมาส่ง แถมต้องมาแบบแมงกะไซด์ไม่ก็ปั่นจักรยานมากถึงเข้ามาส่งได้
แต่ที่บอกไป ย้ายบ้าน แล้วของที่ส่งรอบนี้ คือหนังสือแค่สามเล่ม น้ำหนักก็ไม่มากเท่าไร ประมาณกิโลกรัมกว่าๆๆ แต่ขี้เกียจถือ เพราะไปเรียนภาษาอังกฤษที่เคยสุดแสนเกลียดมาตอนนี้กลับตาลปัตรชอบได้ เลยเสียเงิน 110 บาทเพื่อส่งกลับ
เขียนที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านและเบอร์มือถือลงไป
ผลปรากฏว่า ไปรษณีย์ด่วนพิเศษไม่รู้จักบ้าน (คนรับคือม่าม๊า) แถมบ่นอีกต่างหากว่า เขียนเบอร์ก็จากเลข 9 พี่แกมองเป็นเลข5 ไม่พอโทรไปยังมือถือของเรา ก็พอดีดวงดีแบตหมด เอาซิสองเด้งไม่พอ มีเด้งต่อไปคือ ซอยมันเป็นหมายเลขของชื่อถนน (เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้หมดแล้วเพื่อความสะดวก) แกก็ไม่รู้ เดินหาถนนทั้งเส้นเลยว่า เอ๋มันมีด้วยหรือชื่อซอยนี้ (พอดีเราใช้ชื่อเดิมของซอย ถ้ามองไปยังป้ายของซอยมันมีวงเล็บตัวเล็กนั้นแลที่เราเขียนบนหน้ากล่อง)
ไปรษณีย์ด่วนพิเศษแก หาตั้งแต่บ่าย จนเจอบ้านตอนประมาณสองทุ่ม เจอเพราะว่าไล่ที่ละบ้านในซอย ลองซุ่มดู สุดท้ายเจอจนได้
แต่ที่น่าแปลกคือ ไปรษณีย์ท้องถิ่น รู้หมดว่า ชื่อซอยอะไร บอกได้หมด แถมแกจำได้อีกต่างหากว่า ชื่อนี้นามสกุลนี้อยู่บ้านไหน ถ้าหากส่งกันบ่อยๆๆ
แสดงว่า ไปรษณีย์ ด่วนพิเศษกับไปรษณีย์ทั่วไปเป็นคนละหน่วยงานกันนั้นเอง
ฮาละครับงานนี้
พอดีย้ายบ้าน ถ้าเป็นที่อยู่เดิมนั้นไปรษณีย์รู้ว่า วันเสาร์ ส่งไม่ได้ต้องรอวันอาทิตย์เย็นมาส่ง แถมต้องมาแบบแมงกะไซด์ไม่ก็ปั่นจักรยานมากถึงเข้ามาส่งได้
แต่ที่บอกไป ย้ายบ้าน แล้วของที่ส่งรอบนี้ คือหนังสือแค่สามเล่ม น้ำหนักก็ไม่มากเท่าไร ประมาณกิโลกรัมกว่าๆๆ แต่ขี้เกียจถือ เพราะไปเรียนภาษาอังกฤษที่เคยสุดแสนเกลียดมาตอนนี้กลับตาลปัตรชอบได้ เลยเสียเงิน 110 บาทเพื่อส่งกลับ
เขียนที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านและเบอร์มือถือลงไป
ผลปรากฏว่า ไปรษณีย์ด่วนพิเศษไม่รู้จักบ้าน (คนรับคือม่าม๊า) แถมบ่นอีกต่างหากว่า เขียนเบอร์ก็จากเลข 9 พี่แกมองเป็นเลข5 ไม่พอโทรไปยังมือถือของเรา ก็พอดีดวงดีแบตหมด เอาซิสองเด้งไม่พอ มีเด้งต่อไปคือ ซอยมันเป็นหมายเลขของชื่อถนน (เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้หมดแล้วเพื่อความสะดวก) แกก็ไม่รู้ เดินหาถนนทั้งเส้นเลยว่า เอ๋มันมีด้วยหรือชื่อซอยนี้ (พอดีเราใช้ชื่อเดิมของซอย ถ้ามองไปยังป้ายของซอยมันมีวงเล็บตัวเล็กนั้นแลที่เราเขียนบนหน้ากล่อง)
ไปรษณีย์ด่วนพิเศษแก หาตั้งแต่บ่าย จนเจอบ้านตอนประมาณสองทุ่ม เจอเพราะว่าไล่ที่ละบ้านในซอย ลองซุ่มดู สุดท้ายเจอจนได้
แต่ที่น่าแปลกคือ ไปรษณีย์ท้องถิ่น รู้หมดว่า ชื่อซอยอะไร บอกได้หมด แถมแกจำได้อีกต่างหากว่า ชื่อนี้นามสกุลนี้อยู่บ้านไหน ถ้าหากส่งกันบ่อยๆๆ
แสดงว่า ไปรษณีย์ ด่วนพิเศษกับไปรษณีย์ทั่วไปเป็นคนละหน่วยงานกันนั้นเอง
ฮาละครับงานนี้
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
แวะมาแซว
โพสต์ที่ 25
เหอๆ
ไม่เคยอ่าน last lecture ครับ
เคยแต่มี lost lecture ใกล้สอบทีไร
ความรู้ที่นั่งจดไว้ ...หายทุกที.
ไม่เคยอ่าน last lecture ครับ
เคยแต่มี lost lecture ใกล้สอบทีไร
ความรู้ที่นั่งจดไว้ ...หายทุกที.
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แวะมาแซว
โพสต์ที่ 26
จะไปงานเสาร์นี้ รวบรวมรายชื่อหนังสือที่น่าสนใจอยู่
มีแนะนำ บอกได้นะ อ่านได้หลายแนว ไม่ได้จำกัดกรอบ
http://www.thailandbookfair.com/bookexpo2008/index.php
มีแนะนำ บอกได้นะ อ่านได้หลายแนว ไม่ได้จำกัดกรอบ
http://www.thailandbookfair.com/bookexpo2008/index.php
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 274
- ผู้ติดตาม: 0
มหกรรมหนังสือแห่งชาติ
โพสต์ที่ 28
The Great Crash 1929, John Kenneth Galbraithmiracle เขียน: แต่รอบนี้ ไปต้องหนังสือเกี่ยวกับ
ปี 1929-1932 ให้ได้ ว่ามีเกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น
The Great Depression: America 1929-1941, Robert S. Mcelvaine
ทศวรรษ 1920 ไม่ใช่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งแรกครับ ก่อนหน้านั้นก็เคยมีมาก่อน
The First Crash, Richard Dale
ปล.
ผมยังไม่มีโอกาสได้อ่านเลยครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไป ฝากอ่านหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
- กระทิงแดง
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
Re: แวะมาแซว
โพสต์ที่ 30
[quote="crazyrisk"]เหอๆ
ไม่เคยอ่าน last lecture ครับ
เคยแต่มี lost lecture
ไม่เคยอ่าน last lecture ครับ
เคยแต่มี lost lecture
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"