ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 151
ด้วยที่ เพื่อนรุ่นเดียวกัน ก็จบ และมีการ มีงานทำแล้ว
ผมก็รู้อยู่ว่า มีเพื่อนผม คนนึงเป็นโบรกเกอร์
ตอนผมเรียน ดูหุ้น เค้า ก็ถามดูหุ้นอะไรมากมาย
พอจบตัวเองมาเป็นโบรกเกอร์ (ต้องดูหุ้นทั้งวัน555)
ผมก็เดินเรื่อง เปิด พอร์ต กับเพื่อน ของผมเลย
(อยากเปิดพอร์ตเพื่อเล่นหุ้นผ่านทางเพื่อนครับและผมก็ไม่ได้ติดต่อคุณ มีเซล มานานแล้วด้วย)
ซึ่ง ก็ต้องใช้เวลาในการเปิด
ช่วง ที่รอเปิด พอร์ตนั้นเอง
ดาวเทียมมันขึ้นต่อจริงๆครับ มันขึ้นไปเรื่อยไม่หยุดครับ
19 บาท 22 บาท มันถึงทุนของผมแล้วอ่ะ
แล้วพอร์ตของผมก็เปิด เสร็จ
ช่วงนั้น ตลาดดีมากๆ หุ้นหลายตัว ขึ้นกระจายเลยครับ
น่าจะเป็นปีที่ดัชนี ตลาด ขึ้นไป 100 % นั่นแหละครับ
ผมยังไม่รู้ ว่าผมจะซื้อหุ้นตัวไหนนี้ ผมก็ได้แต่หาข้อมูลไปเรื่อยๆ
ด้วยราคาดาวเทียมที่ขึ้นมาแล้ว ผมเลยไม่ได้กลับเข้าไปซื้อ
และดู ดาวเทียม มันยังขึ้นอีก นะ 30 บาทแล้วอ่ะ ถ้าผมไม่ขายผมกำไรเท่าไหร่เนี่ย
จนผมเคยเห็นมันไป ถึง เกือบ 40 บาทเลยล่ะ และก็มีข่าว เพิ่มทุน
เป็นไงล่ะ ถ้าผมไม่ขาย
(ณ ปัจจุบัน สิ่งที่ผมรู้เพิ่ม เกี่ยวกับหุ้นดาวเทียม เวลา จะปล่อยดาวเทียม แต่ละทีใช้ทุนเยอะมากเลยครับ แถมต้องกู้เงินมากอีก แล้วเวลา จะปล่อย จะอยากปล่อยดาวเทียมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหมายถึงทุนเยอะขึ้น ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านึ้ครับ)
ผมก็รู้อยู่ว่า มีเพื่อนผม คนนึงเป็นโบรกเกอร์
ตอนผมเรียน ดูหุ้น เค้า ก็ถามดูหุ้นอะไรมากมาย
พอจบตัวเองมาเป็นโบรกเกอร์ (ต้องดูหุ้นทั้งวัน555)
ผมก็เดินเรื่อง เปิด พอร์ต กับเพื่อน ของผมเลย
(อยากเปิดพอร์ตเพื่อเล่นหุ้นผ่านทางเพื่อนครับและผมก็ไม่ได้ติดต่อคุณ มีเซล มานานแล้วด้วย)
ซึ่ง ก็ต้องใช้เวลาในการเปิด
ช่วง ที่รอเปิด พอร์ตนั้นเอง
ดาวเทียมมันขึ้นต่อจริงๆครับ มันขึ้นไปเรื่อยไม่หยุดครับ
19 บาท 22 บาท มันถึงทุนของผมแล้วอ่ะ
แล้วพอร์ตของผมก็เปิด เสร็จ
ช่วงนั้น ตลาดดีมากๆ หุ้นหลายตัว ขึ้นกระจายเลยครับ
น่าจะเป็นปีที่ดัชนี ตลาด ขึ้นไป 100 % นั่นแหละครับ
ผมยังไม่รู้ ว่าผมจะซื้อหุ้นตัวไหนนี้ ผมก็ได้แต่หาข้อมูลไปเรื่อยๆ
ด้วยราคาดาวเทียมที่ขึ้นมาแล้ว ผมเลยไม่ได้กลับเข้าไปซื้อ
และดู ดาวเทียม มันยังขึ้นอีก นะ 30 บาทแล้วอ่ะ ถ้าผมไม่ขายผมกำไรเท่าไหร่เนี่ย
จนผมเคยเห็นมันไป ถึง เกือบ 40 บาทเลยล่ะ และก็มีข่าว เพิ่มทุน
เป็นไงล่ะ ถ้าผมไม่ขาย
(ณ ปัจจุบัน สิ่งที่ผมรู้เพิ่ม เกี่ยวกับหุ้นดาวเทียม เวลา จะปล่อยดาวเทียม แต่ละทีใช้ทุนเยอะมากเลยครับ แถมต้องกู้เงินมากอีก แล้วเวลา จะปล่อย จะอยากปล่อยดาวเทียมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหมายถึงทุนเยอะขึ้น ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านึ้ครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 152
หลังจากดู การขึ้น ของดาวเทียม โดย ได้แต่ทำตา ปริบๆ
แล้วผมก็โอนเงินจาก พอร์ต พ่อ มา เป็นเงิน 1034000 บาท จากการขายล้างพอร์ต
แปลว่าผมได้ 34000 บาท จาก 2 ปีที่ผ่านมา 555
สงสัยได้เท่าๆ ฝากเงินเฉยๆ แล้วที่ผมทำไปทั้งหมด เพื่ออะไร
ผมมาคิดว่าผมกำไรตั้งหลายที แต่ทำไมขาดทุนทีเดียว กำไรที่หามาลดลงมาได้เยอะขนาดนี้
ผมเลยกลับมาสนใจเรื่องตัวเลข แบบ ทบต้น
ถ้าผมมี 100 บาท ได้กำไร 20 % ก็ได้ 20 บาท จะมี 120 บาท
ถ้าผมมี 120 บาท ขาดทุน 20 % ก็ได้ 24 บาท จะเหลือ 96 บาท
ถ้าผมมี 100 บาท ได้กำไร 10 % 3 ปี ติดต่อกัน ปีที 4 บังเอิญขาดทุน 30%
คุณ ว่าจริงๆ ปีที่ 4 คุณจะกำไรหรือขาดทุน
ถ้าผมมี 100 บาท ได้กำไร 10 % ก็ได้ 10 บาท ปีที่1มี 110 บาท
ถ้าผมมี 110 บาท ได้กำไร 10 % ก็ได้ 11 บาท ปีที่2มี 121 บาท
ถ้าผมมี 121 บาท ได้กำไร 10 % ก็ได้ 12.1 บาท ปีที่3มี 133.1 บาท
ถ้าผมมี 133.1 บาท ขาดทุน 30 % ก็ได้ 39.93 บาท ปีที่4มี 93.17 บาท
ดูตัวเลขสิครับ กำไรมา 3 ปี ขาดทุนที่เดียว เงินต้น กลายเป็นติดลบ
ถ้าคิดลงทุนระยะยาว ทำความเข้าใจตัวเลขลักษณะนี้ด้วยนะครับ
หลังจากที่ผมเข้าใจตัวเลขพวกนี้แล้ว ผมเลยเข้าใจ คำพูด ของคุณ วอร์เรน ว่า
กฎ ข้อที่ 1 อย่าขาดทุน
กฎ ข้อที่ 2 อย่าลืมกฎ ข้อที่1
แล้วผมก็โอนเงินจาก พอร์ต พ่อ มา เป็นเงิน 1034000 บาท จากการขายล้างพอร์ต
แปลว่าผมได้ 34000 บาท จาก 2 ปีที่ผ่านมา 555
สงสัยได้เท่าๆ ฝากเงินเฉยๆ แล้วที่ผมทำไปทั้งหมด เพื่ออะไร
ผมมาคิดว่าผมกำไรตั้งหลายที แต่ทำไมขาดทุนทีเดียว กำไรที่หามาลดลงมาได้เยอะขนาดนี้
ผมเลยกลับมาสนใจเรื่องตัวเลข แบบ ทบต้น
ถ้าผมมี 100 บาท ได้กำไร 20 % ก็ได้ 20 บาท จะมี 120 บาท
ถ้าผมมี 120 บาท ขาดทุน 20 % ก็ได้ 24 บาท จะเหลือ 96 บาท
ถ้าผมมี 100 บาท ได้กำไร 10 % 3 ปี ติดต่อกัน ปีที 4 บังเอิญขาดทุน 30%
คุณ ว่าจริงๆ ปีที่ 4 คุณจะกำไรหรือขาดทุน
ถ้าผมมี 100 บาท ได้กำไร 10 % ก็ได้ 10 บาท ปีที่1มี 110 บาท
ถ้าผมมี 110 บาท ได้กำไร 10 % ก็ได้ 11 บาท ปีที่2มี 121 บาท
ถ้าผมมี 121 บาท ได้กำไร 10 % ก็ได้ 12.1 บาท ปีที่3มี 133.1 บาท
ถ้าผมมี 133.1 บาท ขาดทุน 30 % ก็ได้ 39.93 บาท ปีที่4มี 93.17 บาท
ดูตัวเลขสิครับ กำไรมา 3 ปี ขาดทุนที่เดียว เงินต้น กลายเป็นติดลบ
ถ้าคิดลงทุนระยะยาว ทำความเข้าใจตัวเลขลักษณะนี้ด้วยนะครับ
หลังจากที่ผมเข้าใจตัวเลขพวกนี้แล้ว ผมเลยเข้าใจ คำพูด ของคุณ วอร์เรน ว่า
กฎ ข้อที่ 1 อย่าขาดทุน
กฎ ข้อที่ 2 อย่าลืมกฎ ข้อที่1
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 153
อืม ผมก็ยังคงมุ่งหน้าหาหุ้นที่ต้องการลงทุนต่อไป
ช่วง เดือน 7 ปี 2003
ผมเจอแล้วครับ
หุ้นอะไร market cap ประมาณ 200 ล้านบาท
มีกำไร 50 กว่าล้านบาท PE 4 P/BV ก็ ok(จำไม่ได้ แต่รู้สึก ไม่สูง ไม่ต่ำ)
เป็น หุ้น หนังสือพิมพ์ กีฬาครับ
ดูรายละเอียดครับ
หุ้นราคา ประมาณ 20 บาท มี 10.5 ล้านหุ้น
แต่มี วอร์แรนต์ ด้วย (หุ้นลูก ไว้แลกซื้อเป็นหุ้นสามัญได้) 10.5 ล้านหุ้น ราคาแปลงสิทธิ์ 10 บาท
อายุวอร์แรนต์ ยังเหลือพอสมควร ราคาอยู่ที่ไม่ถึง 10 บาท
ดังนั้น ราคา วอร์แรนต์ ไม่ถึง 10 บาท ราคาแปลง 10 บาท
รวมกันก็ไม่ถึง 20 บาท
ทำให้ตัดสินใจซื้อ ตัว วอร์แรนต์ และคาดว่า จะแปลงเป็น หุ้นแม่ ในภายหลัง
ดังนั้น ผมจึงใช้เงิน ราว 5 แสนบาท ซื้อ วอร์แรนต์ และเก็บ อีก 5 แสนบาทไว้แปลงเป็นหุ้นสามัญ
จริงๆ ตอนนี้ ที่ผมมีเงิน เหลือ ประมาณ 1 ล้าน บาท market cap หุ้นตัวนี้ที่ 200 ล้านบาท
ถ้าวอร์แรนต์ ไม่ถูกแปลง (ถ้าถูกแปลงสิทธิ์มาเป็นหุ้นแม่ ก็จะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นแล้วคูณด้วยราคาหุ้น market cap ก็จะสูงขึ้น) มาซะก่อน ก็สามารถ ซื้อได้ ใกล้เคียง 0.5 % ชื่อจะติดผู้ถือหุ้นใหญ่
ผมคิด เดามูลค่าที่เหมาะสม( หามูลค่า) เลยครับ
กำไร 50 ล้านบาท เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ผมเลยให้PE 10 (ดูPEตามกลุ่มสื่อ) ดังนั้น market cap ควรจะ ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
(ถ้าไม่มีการแปลง วอร์แรนต์ อย่างมีสาระสำคัญ)
ตอนนี้มี หุ้นสามัญ 10.5 ล้านหุ้น เอาmarket cap 500 ล้าน บาท หารด้วยจำนวนหุ้น 10.5 ล้านหุ้น
ดังนั้น หุ้นควรอยู่ที่ 47.6 บาท
ช่วง เดือน 7 ปี 2003
ผมเจอแล้วครับ
หุ้นอะไร market cap ประมาณ 200 ล้านบาท
มีกำไร 50 กว่าล้านบาท PE 4 P/BV ก็ ok(จำไม่ได้ แต่รู้สึก ไม่สูง ไม่ต่ำ)
เป็น หุ้น หนังสือพิมพ์ กีฬาครับ
ดูรายละเอียดครับ
หุ้นราคา ประมาณ 20 บาท มี 10.5 ล้านหุ้น
แต่มี วอร์แรนต์ ด้วย (หุ้นลูก ไว้แลกซื้อเป็นหุ้นสามัญได้) 10.5 ล้านหุ้น ราคาแปลงสิทธิ์ 10 บาท
อายุวอร์แรนต์ ยังเหลือพอสมควร ราคาอยู่ที่ไม่ถึง 10 บาท
ดังนั้น ราคา วอร์แรนต์ ไม่ถึง 10 บาท ราคาแปลง 10 บาท
รวมกันก็ไม่ถึง 20 บาท
ทำให้ตัดสินใจซื้อ ตัว วอร์แรนต์ และคาดว่า จะแปลงเป็น หุ้นแม่ ในภายหลัง
ดังนั้น ผมจึงใช้เงิน ราว 5 แสนบาท ซื้อ วอร์แรนต์ และเก็บ อีก 5 แสนบาทไว้แปลงเป็นหุ้นสามัญ
จริงๆ ตอนนี้ ที่ผมมีเงิน เหลือ ประมาณ 1 ล้าน บาท market cap หุ้นตัวนี้ที่ 200 ล้านบาท
ถ้าวอร์แรนต์ ไม่ถูกแปลง (ถ้าถูกแปลงสิทธิ์มาเป็นหุ้นแม่ ก็จะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นแล้วคูณด้วยราคาหุ้น market cap ก็จะสูงขึ้น) มาซะก่อน ก็สามารถ ซื้อได้ ใกล้เคียง 0.5 % ชื่อจะติดผู้ถือหุ้นใหญ่
ผมคิด เดามูลค่าที่เหมาะสม( หามูลค่า) เลยครับ
กำไร 50 ล้านบาท เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ผมเลยให้PE 10 (ดูPEตามกลุ่มสื่อ) ดังนั้น market cap ควรจะ ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
(ถ้าไม่มีการแปลง วอร์แรนต์ อย่างมีสาระสำคัญ)
ตอนนี้มี หุ้นสามัญ 10.5 ล้านหุ้น เอาmarket cap 500 ล้าน บาท หารด้วยจำนวนหุ้น 10.5 ล้านหุ้น
ดังนั้น หุ้นควรอยู่ที่ 47.6 บาท
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 154
ผมก็เลยโทรหา เพื่อนผม แล้วเริ่มซื้อครับ
เป็นหุ้นที่ไม่ค่อย มีสภาพคล่องเท่าไหร่
ผมก็ต้องเคาะซื้อเอาไปเรื่อย แต่คราวนี้ ผมไม่ไล่ราคาครับ
ก็ใช้เวลา ราว 3 วันครับ กว่าจะซื้อครบ
เพื่อนผมก็ถาม ไม่มีสภาพคล่องอย่างนี้ แล้วเค้าจะเล่นกันเมื่อไหร่เนี่ย
ผมก็ตอบ ว่า ไม่รู้ เหมือนกัน
ไม่ถึงอาทิตย์ หลังจากที่ผมซื้อ หุ้นเสร็จ ( เพื่อนผม คนนึง (ไม่ใช่โบรกนะครับ) ก็มีซื้อตามนะครับ)
มี บล. แห่งหนึ่ง ออก บทวิเคราะห์ ออกมาครับ แล้วภายในวันนั้นราคาเริ่มขึ้นครับ
หุ้นสามัญขึ้น วอร์แรนต์ก็ขึ้นตามครับเพราะราคาแปลงสิทธิ์ อยู่ที่ 10 บาท
จนราคา วอร์แรนต์ มาอยู่ที่ 16 บาทครับ เพื่อน ที่ซื้อตามผม มาถามผมว่าขายได้ยัง กำไรตั้งเยอะแล้วนะ
ผมก็หัวเราะ (ในใจผมว่า มันต้องขึ้นอีกสิ แต่กำไรมันก็ทำให้ผมอยากขายบ้างแหละ)
พอมันมาอยู่ที่ 18 บาท เพื่อนผมก็ถามอีก ผมก็หัวเราะ แล้วคิดเหมือนเดิม
มีคนที่รู้ว่า ผมถือหุ้นนี้ อยู่ มากขึ้นแล้วถามผมว่าจะขายเมื่อไหร่ ซึ่งมันกระตุ้นให้ผมอยากขายนะครับ
แต่ อาจจะเป็นเพราะ ผมประเมินมูลค่ามันไว้แล้ว ด้วยความรู้ที่ผมมีมั้งครับ ผมเลยรู้สึกมั่นคง ในตัวเอง และยังไม่ขาย
จนวันนึง ราคามันมาอยู่ แถว 28-29 บาท ซึ่ง ผมก็ไปดูหุ้น แม่ ราคาอยู่ ที่ 44 บาท ซึ่ง อยู่ใกล้ 47.6 ที่ผมประมาณไว้
ถ้าวอร์ แรนต์ บวก ราคาแปลงสิทธิ์ 10 บาท ก็เท่ากับ 38-39 บาท
ซึ่งก็ยังดูเหมือนถูกเกินไป ใจนึงผมก็อยากรอ ให้มันขึ้นอีก
แต่พอผมมาคิด ผมมีกำไร เกิน 1 ล้าน บาทแล้วครับ ด้วยเงินสดที่ลงทุนไป 5 แสนบาท ในวอร์แรนต์
ผมว่า 1 ล้านบาทมันเยอะมาก จริงๆ
ผมจึงตัดสินใจว่า พอ แล้วผมก็ขายครับ
วันที่ผมขายมีสภาพคล่องอีกแล้วครับ ผมซื้อ ตั้ง 3 วัน ผมขายเสร็จไม่กี่นาที แถว 28.75-29.25 บาท
แล้วก็มาคิด ผมกำไรคราวนี้ 1050000 บาทครับ
ผมลงทุน 500000 บาท (สำรองไว้ใช้สิทธิ์ แปลงหุ้น 500000 )
แต่ได้กำไร 1 ล้าน ห้าหมื่น บาท
ผมก็ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าผมทำได้
นั่นแปลว่าตอนนี้ ผมมี เงิน ประมาณ 2 ล้าน บาทแล้วครับ
แล้วผมก็โทรไปบอกเพื่อนที่ซื้อตาม แต่รู้สึกเค้าจะขายไปก่อนแล้วแต่ก็คงจะได้กำไรไปไม่น้อย
ไม่นานนัก หลังจาก นั้น กลุ่มเพื่อน ก็รู้กันว่า ผมทำกำไรได้ 1 ล้าน บาท หลังจากที่ผมเรียนจบมา 1 ปี
เพื่อนๆสนใจ ในจุดนี้ รวมถึงการได้เงินขนาดนี้
ความมั่นใจของผม วิ่งขึ้นสูงมาก จนกลายเป็นลำพอง
คราวนี้ ลำพองจริงๆ เพราะมันตั้งล้านนึงแน่ (มีแต่คนบอกว่าเงินล้านแรกหายากที่สุด)
แต่ผมทำได้ 555 มีความสุขมาก
เป็นหุ้นที่ไม่ค่อย มีสภาพคล่องเท่าไหร่
ผมก็ต้องเคาะซื้อเอาไปเรื่อย แต่คราวนี้ ผมไม่ไล่ราคาครับ
ก็ใช้เวลา ราว 3 วันครับ กว่าจะซื้อครบ
เพื่อนผมก็ถาม ไม่มีสภาพคล่องอย่างนี้ แล้วเค้าจะเล่นกันเมื่อไหร่เนี่ย
ผมก็ตอบ ว่า ไม่รู้ เหมือนกัน
ไม่ถึงอาทิตย์ หลังจากที่ผมซื้อ หุ้นเสร็จ ( เพื่อนผม คนนึง (ไม่ใช่โบรกนะครับ) ก็มีซื้อตามนะครับ)
มี บล. แห่งหนึ่ง ออก บทวิเคราะห์ ออกมาครับ แล้วภายในวันนั้นราคาเริ่มขึ้นครับ
หุ้นสามัญขึ้น วอร์แรนต์ก็ขึ้นตามครับเพราะราคาแปลงสิทธิ์ อยู่ที่ 10 บาท
จนราคา วอร์แรนต์ มาอยู่ที่ 16 บาทครับ เพื่อน ที่ซื้อตามผม มาถามผมว่าขายได้ยัง กำไรตั้งเยอะแล้วนะ
ผมก็หัวเราะ (ในใจผมว่า มันต้องขึ้นอีกสิ แต่กำไรมันก็ทำให้ผมอยากขายบ้างแหละ)
พอมันมาอยู่ที่ 18 บาท เพื่อนผมก็ถามอีก ผมก็หัวเราะ แล้วคิดเหมือนเดิม
มีคนที่รู้ว่า ผมถือหุ้นนี้ อยู่ มากขึ้นแล้วถามผมว่าจะขายเมื่อไหร่ ซึ่งมันกระตุ้นให้ผมอยากขายนะครับ
แต่ อาจจะเป็นเพราะ ผมประเมินมูลค่ามันไว้แล้ว ด้วยความรู้ที่ผมมีมั้งครับ ผมเลยรู้สึกมั่นคง ในตัวเอง และยังไม่ขาย
จนวันนึง ราคามันมาอยู่ แถว 28-29 บาท ซึ่ง ผมก็ไปดูหุ้น แม่ ราคาอยู่ ที่ 44 บาท ซึ่ง อยู่ใกล้ 47.6 ที่ผมประมาณไว้
ถ้าวอร์ แรนต์ บวก ราคาแปลงสิทธิ์ 10 บาท ก็เท่ากับ 38-39 บาท
ซึ่งก็ยังดูเหมือนถูกเกินไป ใจนึงผมก็อยากรอ ให้มันขึ้นอีก
แต่พอผมมาคิด ผมมีกำไร เกิน 1 ล้าน บาทแล้วครับ ด้วยเงินสดที่ลงทุนไป 5 แสนบาท ในวอร์แรนต์
ผมว่า 1 ล้านบาทมันเยอะมาก จริงๆ
ผมจึงตัดสินใจว่า พอ แล้วผมก็ขายครับ
วันที่ผมขายมีสภาพคล่องอีกแล้วครับ ผมซื้อ ตั้ง 3 วัน ผมขายเสร็จไม่กี่นาที แถว 28.75-29.25 บาท
แล้วก็มาคิด ผมกำไรคราวนี้ 1050000 บาทครับ
ผมลงทุน 500000 บาท (สำรองไว้ใช้สิทธิ์ แปลงหุ้น 500000 )
แต่ได้กำไร 1 ล้าน ห้าหมื่น บาท
ผมก็ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าผมทำได้
นั่นแปลว่าตอนนี้ ผมมี เงิน ประมาณ 2 ล้าน บาทแล้วครับ
แล้วผมก็โทรไปบอกเพื่อนที่ซื้อตาม แต่รู้สึกเค้าจะขายไปก่อนแล้วแต่ก็คงจะได้กำไรไปไม่น้อย
ไม่นานนัก หลังจาก นั้น กลุ่มเพื่อน ก็รู้กันว่า ผมทำกำไรได้ 1 ล้าน บาท หลังจากที่ผมเรียนจบมา 1 ปี
เพื่อนๆสนใจ ในจุดนี้ รวมถึงการได้เงินขนาดนี้
ความมั่นใจของผม วิ่งขึ้นสูงมาก จนกลายเป็นลำพอง
คราวนี้ ลำพองจริงๆ เพราะมันตั้งล้านนึงแน่ (มีแต่คนบอกว่าเงินล้านแรกหายากที่สุด)
แต่ผมทำได้ 555 มีความสุขมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 156
ยังติดตามผลงานอยู่ครับ ชอบในความสามารถของคุณ areliang ที่สามารถบรรยายเนื้อหาให้เป็นเรื่องที่อ่านง่ายครับ รวมไปถึงมีการแทรกความรู้ให้เพื่อนๆที่อ่านเป็นระยะๆครับ หวังว่าคงไปออกรายการให้เพื่อนๆ ได้เห็นตัวจริงนะครับ สุดท้ายนี้ขอชื่นชมในความอุตสาหะที่พิมพ์เนื้อหามาให้อ่านนะครับ
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 157
หลังจากที่ได้กำไรเช่นนี้
จะมี เสียง จากคนรอบข้างที่สนใจในหุ้น
คอยถาม ตอนนี้ หุ้นตัวไหนดี อยู่ร่ำไป
สิ่งที่ตอบได้ คือ ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ
(ถ้าผมเจอหุ้นดีๆ บ่อยๆคงรวยกว่านี้แล้ว) คิดในใจ
แต่พอมีใครมาถาม ตัวนี้ ดีมั้ย ผมก็พอตอบได้ว่า ดี ไม่ดี ต้องกลัวอะไร อะไรคือจุดอ่อน
อาจเป็นเพราะ ผมอ่าน ข้อมูลของแต่ละบริษัทมาเยอะ
แต่การบอก ของผมแบบนี้ ไม่ได้เป็นการบอกว่า คนถาม จะไปเล่นแล้วได้กำไรจากหุ้นนะ
ซึ่งจากการถาม ของคนอื่นเรื่อยๆ ในช่วงแรก ก็กระตุ้น ให้ผมต้องหาหุ้นดีๆ
เพราะผมเองก็อยากหาหุ้นได้เหมือนกัน
มันทำให้ ผมเร่ง ซื้อตัวต่อไป โดยที่ไม่มีข้อมูลมากพอนัก เป็นกลุ่มสิ่งทอ(สภาพคล่องไม่มาก) ครับ
และด้วยการที่ผมเล่นหุ้น ทีละตัวเดียว
ผมก็ซื้อหมดนั่นแหละ แต่เมื่อซื้อเสร็จ ผมไม่มีความสบายใจเลย เพราะ เป็นเงินจำนวนมากสำหรับผม
เรื่องราคา หุ้นดาวเทียม ที่ผมเคยเจอก็ สอนให้เห็นถึงการลดลงของตัวเลขอย่างมาก
นั่นทำให้ต้องระมัดระวังสูงขึ้น จนกลัว
พอผมซื้อ ซื้อกับโบรกที่เป็นเพื่อน
แล้ววันนึง ที่ผมเห็นราคามันขึ้นราว 10 % ผมโทรไปคล้ายว่ากังวลอยากขายไม่อยากถือ
เพื่อนผมบอกว่า อย่ากดนะ ญาติเค้ามีซื้อตามไป
ผมหวั่นไหวมากเลยครับ ตอนนี้มีคนซื้อหุ้นตามผมโดยที่ผมเดาว่า เค้าไม่ได้เข้าใจในหุ้นตัวนี้
เพราะผมยังคิดว่าตัวเองยังไม่เข้าใจดีพอ ที่ซื้อไปจำนวนมากขนาดนั้นเลย
ทำให้ผมไม่กล้าขายไปชั่วขณะ
จนวันถัดมา ราคามันลง จนเหนือ กว่าราคาเฉลี่ย ที่ผมซื้อ ประมาณ 1-2%
ผมตัดสินใจขายครับ ได้กำไรมาเล็กน้อย จากเงินลงทุน ก้อน เบอเริ่ม
และผมว่า คนที่ซื้อตามผม คงจะไม่ได้กำไร แต่ก็คงขาดทุนเพียงเล็กน้อย
เพราะ ราคามันลงมา แล้วก็ทรงๆ
ผมเริ่ม รู้จัก คำว่า ความเชื่อ ครับ
เพราะ ผมเคยกำไรได้ มาก เลยเกิดมีคนมาเชื่อ ต่อสิ่งที่ผมทำ โดยที่ผมไม่เจตนาหรือรู้ตัวเลย
ผมว่าคนเรา ถ้าเชื่อ ในสิ่งที่ถูกต้องคงเป็นเรื่องดี
แต่ก็หลายครั้ง ที่ถูกทำให้หลงเชื่อไปในทาง ที่ไม่มีคุณ อันใด
ผมเลยคิดว่า ก่อนจะเชื่อสิ่งใด น่าจะคิด ไตร่ตรองด้วยตัวเองด้วยครับ
จะมี เสียง จากคนรอบข้างที่สนใจในหุ้น
คอยถาม ตอนนี้ หุ้นตัวไหนดี อยู่ร่ำไป
สิ่งที่ตอบได้ คือ ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ
(ถ้าผมเจอหุ้นดีๆ บ่อยๆคงรวยกว่านี้แล้ว) คิดในใจ
แต่พอมีใครมาถาม ตัวนี้ ดีมั้ย ผมก็พอตอบได้ว่า ดี ไม่ดี ต้องกลัวอะไร อะไรคือจุดอ่อน
อาจเป็นเพราะ ผมอ่าน ข้อมูลของแต่ละบริษัทมาเยอะ
แต่การบอก ของผมแบบนี้ ไม่ได้เป็นการบอกว่า คนถาม จะไปเล่นแล้วได้กำไรจากหุ้นนะ
ซึ่งจากการถาม ของคนอื่นเรื่อยๆ ในช่วงแรก ก็กระตุ้น ให้ผมต้องหาหุ้นดีๆ
เพราะผมเองก็อยากหาหุ้นได้เหมือนกัน
มันทำให้ ผมเร่ง ซื้อตัวต่อไป โดยที่ไม่มีข้อมูลมากพอนัก เป็นกลุ่มสิ่งทอ(สภาพคล่องไม่มาก) ครับ
และด้วยการที่ผมเล่นหุ้น ทีละตัวเดียว
ผมก็ซื้อหมดนั่นแหละ แต่เมื่อซื้อเสร็จ ผมไม่มีความสบายใจเลย เพราะ เป็นเงินจำนวนมากสำหรับผม
เรื่องราคา หุ้นดาวเทียม ที่ผมเคยเจอก็ สอนให้เห็นถึงการลดลงของตัวเลขอย่างมาก
นั่นทำให้ต้องระมัดระวังสูงขึ้น จนกลัว
พอผมซื้อ ซื้อกับโบรกที่เป็นเพื่อน
แล้ววันนึง ที่ผมเห็นราคามันขึ้นราว 10 % ผมโทรไปคล้ายว่ากังวลอยากขายไม่อยากถือ
เพื่อนผมบอกว่า อย่ากดนะ ญาติเค้ามีซื้อตามไป
ผมหวั่นไหวมากเลยครับ ตอนนี้มีคนซื้อหุ้นตามผมโดยที่ผมเดาว่า เค้าไม่ได้เข้าใจในหุ้นตัวนี้
เพราะผมยังคิดว่าตัวเองยังไม่เข้าใจดีพอ ที่ซื้อไปจำนวนมากขนาดนั้นเลย
ทำให้ผมไม่กล้าขายไปชั่วขณะ
จนวันถัดมา ราคามันลง จนเหนือ กว่าราคาเฉลี่ย ที่ผมซื้อ ประมาณ 1-2%
ผมตัดสินใจขายครับ ได้กำไรมาเล็กน้อย จากเงินลงทุน ก้อน เบอเริ่ม
และผมว่า คนที่ซื้อตามผม คงจะไม่ได้กำไร แต่ก็คงขาดทุนเพียงเล็กน้อย
เพราะ ราคามันลงมา แล้วก็ทรงๆ
ผมเริ่ม รู้จัก คำว่า ความเชื่อ ครับ
เพราะ ผมเคยกำไรได้ มาก เลยเกิดมีคนมาเชื่อ ต่อสิ่งที่ผมทำ โดยที่ผมไม่เจตนาหรือรู้ตัวเลย
ผมว่าคนเรา ถ้าเชื่อ ในสิ่งที่ถูกต้องคงเป็นเรื่องดี
แต่ก็หลายครั้ง ที่ถูกทำให้หลงเชื่อไปในทาง ที่ไม่มีคุณ อันใด
ผมเลยคิดว่า ก่อนจะเชื่อสิ่งใด น่าจะคิด ไตร่ตรองด้วยตัวเองด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 158
ซึ่งพอผมเจอเหตุการณ์ ผมจึงตัดสินใจ
ไปเปิด พอร์ต ชื่อตัวเอง กับ พี่ดูดี ครับ
แล้วก็รอดำเนินการ
ผมไม่เข้าใจตัวเอง เหมือนกันที่ตอน ผมเล่นหุ้นกลับเพื่อน ผมกลับเล่น daytrade ทั้งๆที่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร
ผมก็เลย เล่น daytrade อีก 2 ครั้ง ซึ่ง ผมก็ขาดทุน
หมื่นกว่าบาททั้งสอง ครั้ง แต่ตอนอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก เพราะผมมีกำไรสะสมอยู่
และอีก 2 ครั้งที่ขาดทุนหลักพันบาท
หลังจากนั้น ผมก็เล่นเก็งกำไรอย่างมีความรู้อีกตัว
ซึ่ง ผมก็ได้กำไรมานะ
แต่เหมือนเดิม เวลาที่ซื้อ หุ้นด้วยจำนวนเงิน ที่เยอะขนาดนี้ ผมกลัว ตอนกลางคืนก็กลัว
ต้องคอยลุ้น ตลาดต่างประเทศ ตลาดไทย ดูการขึ้นลงของราคาตลอด ผมไม่มีความสุขเลย
ไปเปิด พอร์ต ชื่อตัวเอง กับ พี่ดูดี ครับ
แล้วก็รอดำเนินการ
ผมไม่เข้าใจตัวเอง เหมือนกันที่ตอน ผมเล่นหุ้นกลับเพื่อน ผมกลับเล่น daytrade ทั้งๆที่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร
ผมก็เลย เล่น daytrade อีก 2 ครั้ง ซึ่ง ผมก็ขาดทุน
หมื่นกว่าบาททั้งสอง ครั้ง แต่ตอนอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก เพราะผมมีกำไรสะสมอยู่
และอีก 2 ครั้งที่ขาดทุนหลักพันบาท
หลังจากนั้น ผมก็เล่นเก็งกำไรอย่างมีความรู้อีกตัว
ซึ่ง ผมก็ได้กำไรมานะ
แต่เหมือนเดิม เวลาที่ซื้อ หุ้นด้วยจำนวนเงิน ที่เยอะขนาดนี้ ผมกลัว ตอนกลางคืนก็กลัว
ต้องคอยลุ้น ตลาดต่างประเทศ ตลาดไทย ดูการขึ้นลงของราคาตลอด ผมไม่มีความสุขเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 159
จนถึงช่วงปี 2004 เดือน 4
ปี 2003 ผลประกอบการ ของ กลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ดีมาก
อาจจะเพราะ ทั้งตัวเศรษฐกิจ และมาตรการ ภาษี
บทวิเคราะห์ บล.ทั้งหลาย วิเคราะห์ ว่า ผลประกอบจะเพิ่มมากขึ้นอีก ในปี 2004
กับแทบทุก บริษัท ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งความจริงที่ออกมา ปี 2004 ผลประกอบการ ของบริษัท ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง แทบทุกบริษัท
และช่วง 4 ปี 2004 นี้ผมได้อ่านวิเคราะห์ แล้วฝันเล็กๆ โดยเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น
ผมเข้าหุ้นกลุ่ม อสังหาครับ ตอนนั้น ราคา10.70 บาท ผมเล่นทีละตัวเดียวเหมือนครับ
แต่เหมือนเดิม เวลาที่ซื้อ หุ้นด้วยจำนวนเงิน ที่เยอะขนาดนี้ ผมกลัว ตอนกลางคืนก็กลัว
ต้องคอยลุ้น ตลาดต่างประเทศ ตลาดไทย ดูการขึ้นลงของราคาตลอด ผมไม่มีความสุขเลย
แล้วพอถือไปสักอาทิตย์ ผมเลือกที่จะขาย ผมขายไปที่ 10.20 บาท
ผมขาดทุนไป 120000 บาทครับ ภายในอาทิตเดียว
ผมสูญ เสียเงิน อย่างง่ายดายมาก
ซึ่งจริงๆ ในใจผมหวังที่จะหาให้ได้ 1 ล้านบาทอย่างที่เคยทำมา
ผมทำไม่ได้ แถมยังขาดทุนอีก
ผมเป็นทุกข์มากนะครับ ผมทำสิ่งที่เคยทำไม่ได้ แต่กลับขาดทุนอีก
แล้วผมก็เดินกลับบ้าน พร้อมกับได้มองบางสิ่งแล้วคิดบางอย่าง
ปี 2003 ผลประกอบการ ของ กลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ดีมาก
อาจจะเพราะ ทั้งตัวเศรษฐกิจ และมาตรการ ภาษี
บทวิเคราะห์ บล.ทั้งหลาย วิเคราะห์ ว่า ผลประกอบจะเพิ่มมากขึ้นอีก ในปี 2004
กับแทบทุก บริษัท ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งความจริงที่ออกมา ปี 2004 ผลประกอบการ ของบริษัท ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง แทบทุกบริษัท
และช่วง 4 ปี 2004 นี้ผมได้อ่านวิเคราะห์ แล้วฝันเล็กๆ โดยเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น
ผมเข้าหุ้นกลุ่ม อสังหาครับ ตอนนั้น ราคา10.70 บาท ผมเล่นทีละตัวเดียวเหมือนครับ
แต่เหมือนเดิม เวลาที่ซื้อ หุ้นด้วยจำนวนเงิน ที่เยอะขนาดนี้ ผมกลัว ตอนกลางคืนก็กลัว
ต้องคอยลุ้น ตลาดต่างประเทศ ตลาดไทย ดูการขึ้นลงของราคาตลอด ผมไม่มีความสุขเลย
แล้วพอถือไปสักอาทิตย์ ผมเลือกที่จะขาย ผมขายไปที่ 10.20 บาท
ผมขาดทุนไป 120000 บาทครับ ภายในอาทิตเดียว
ผมสูญ เสียเงิน อย่างง่ายดายมาก
ซึ่งจริงๆ ในใจผมหวังที่จะหาให้ได้ 1 ล้านบาทอย่างที่เคยทำมา
ผมทำไม่ได้ แถมยังขาดทุนอีก
ผมเป็นทุกข์มากนะครับ ผมทำสิ่งที่เคยทำไม่ได้ แต่กลับขาดทุนอีก
แล้วผมก็เดินกลับบ้าน พร้อมกับได้มองบางสิ่งแล้วคิดบางอย่าง
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 160
ผมเห็นคนกวาดถนนครับ
ผมเห็นคนกวาดถนน ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลัง กินขนม
ด้วยรอยยิ้ม ที่มีความสุข แบบที่ผมอิจฉาครับ
ผมสงสัยตัวเองว่า คนอย่างผม ต้องไปอิจฉาเค้าเหรอ
แล้วผมก็เปรียบ สิ่งที่ผมมี และสิ่งที่คนกวาดถนนมี
ผมมี เงิน 1 ล้านที่หาเอง ผมมีบ้านปูน ดีๆอยู่ ผมมีคนที่บ้านที่รักผม
คนกวาดถนน คงมีเงินน้อยกว่าผมแน่ และเงินเดือนก็ไม่มากด้วย
คนกวาดถนน จะมีบ้านและแอร์เย็นๆ ดีเท่าผมเหรอ ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ
แต่เรื่อง ครอบครัว อาจจะไม่ต่างกันก็ได้
ผมดีกว่าเค้าตั้งหลายอย่างผมไปอิจฉาอะไรเค้าล่ะ
ผมเลยคิดดู ผมคิดอะไรผิดอยู่รึเปล่า
อาจจะใช่
ผมตั้งเงิน ไว้ที่หนึ่ง ที่ผมต้องหา ที่ผมต้องรวย
แต่สิ่งที่ผมไปอิจฉา คือการมีความสุข
ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
ถ้าผมตั้ง ความสุข ไว้เป็นที่หนึ่ง ซึ่งผมต้องการจะดีกว่ามั้ย ถ้าเรื่องเงิน ผมพอมีพอใช้ และพอเก็บแล้ว
ผมเห็นคนกวาดถนน ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลัง กินขนม
ด้วยรอยยิ้ม ที่มีความสุข แบบที่ผมอิจฉาครับ
ผมสงสัยตัวเองว่า คนอย่างผม ต้องไปอิจฉาเค้าเหรอ
แล้วผมก็เปรียบ สิ่งที่ผมมี และสิ่งที่คนกวาดถนนมี
ผมมี เงิน 1 ล้านที่หาเอง ผมมีบ้านปูน ดีๆอยู่ ผมมีคนที่บ้านที่รักผม
คนกวาดถนน คงมีเงินน้อยกว่าผมแน่ และเงินเดือนก็ไม่มากด้วย
คนกวาดถนน จะมีบ้านและแอร์เย็นๆ ดีเท่าผมเหรอ ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ
แต่เรื่อง ครอบครัว อาจจะไม่ต่างกันก็ได้
ผมดีกว่าเค้าตั้งหลายอย่างผมไปอิจฉาอะไรเค้าล่ะ
ผมเลยคิดดู ผมคิดอะไรผิดอยู่รึเปล่า
อาจจะใช่
ผมตั้งเงิน ไว้ที่หนึ่ง ที่ผมต้องหา ที่ผมต้องรวย
แต่สิ่งที่ผมไปอิจฉา คือการมีความสุข
ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
ถ้าผมตั้ง ความสุข ไว้เป็นที่หนึ่ง ซึ่งผมต้องการจะดีกว่ามั้ย ถ้าเรื่องเงิน ผมพอมีพอใช้ และพอเก็บแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 161
ผมรู้สึกแล้วครับ ถ้าผมเล่นแบบนี้ ผมจะเสียความสุขไป
เสียการนอนให้สบาย แบบ ไม่ต้องกังวล
ผมต้องหาวิธีการลงทุนที่ทำให้ผมมีความสุขด้วย
แล้ววันนึงก็ไปอ่านเจอ การเปรียบเปรย ว่า
การเก็งกำไร เหมือน การเล่นปืนลูกโม่ ที่ใส่ กระสุนเพียงนัดเดียว จากช่องใส่ 6นัด แล้วยิงตัวเอง
ลูกที่ 1 คุณอาจรอด และอาจรอดไปถึงลูก 5 แต่คุณก็จะเจ็บตัวในลูกที่6 อยู่ดี
เหมือน ที่ผม เคยเล่นหุ้น 10 ครั้ง ได้กำไร 10 ครั้งติดๆกัน แต่พอเสียตัวที่ 11 กลับดึงกำไรหายหมด
ไม่มีความแน่แท้ เลย
ผมว่ามันก็ค่อนข้างจริง รู้มั้ยครับ ว่าหุ้นอสังหาที่ผมเล่น ตอน ปี 2004 ที่ 10.7 บาท ขายไป 10.2 บาท
ณ วันนี้ ราคา 2.70 บาทนะครับ ถ้าผมติดแล้วถือไปเรื่อยๆ เงินผมจะเหลือ เพียง ¼
พอผมรู้ข้อนี้ ผมไม่เก็งกำไรอีกเลยครับ
เสียการนอนให้สบาย แบบ ไม่ต้องกังวล
ผมต้องหาวิธีการลงทุนที่ทำให้ผมมีความสุขด้วย
แล้ววันนึงก็ไปอ่านเจอ การเปรียบเปรย ว่า
การเก็งกำไร เหมือน การเล่นปืนลูกโม่ ที่ใส่ กระสุนเพียงนัดเดียว จากช่องใส่ 6นัด แล้วยิงตัวเอง
ลูกที่ 1 คุณอาจรอด และอาจรอดไปถึงลูก 5 แต่คุณก็จะเจ็บตัวในลูกที่6 อยู่ดี
เหมือน ที่ผม เคยเล่นหุ้น 10 ครั้ง ได้กำไร 10 ครั้งติดๆกัน แต่พอเสียตัวที่ 11 กลับดึงกำไรหายหมด
ไม่มีความแน่แท้ เลย
ผมว่ามันก็ค่อนข้างจริง รู้มั้ยครับ ว่าหุ้นอสังหาที่ผมเล่น ตอน ปี 2004 ที่ 10.7 บาท ขายไป 10.2 บาท
ณ วันนี้ ราคา 2.70 บาทนะครับ ถ้าผมติดแล้วถือไปเรื่อยๆ เงินผมจะเหลือ เพียง ¼
พอผมรู้ข้อนี้ ผมไม่เก็งกำไรอีกเลยครับ
- eskimo
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 164
เขียนได้น่าติดตามมากครับ หวังว่าคงยังไม่จบนะครับ
ถ้าใช้เพจ เล่นการ์ดพลัง คงรุ่นๆเดียวกันมั้ง คุณ areliang โชคดีที่ได้เริ่มเรียนรู้การลงทุนตั้งแต่ยังเรียนมหาลัยอยู่นะครับ (ช่วงนั้นผมก็ว่างๆลอยๆ) พอเริ่มทำงานเหมือนจะมีความกดดันจากงาน เวลาว่างก็ลดน้อยลงครับ
ถ้าใช้เพจ เล่นการ์ดพลัง คงรุ่นๆเดียวกันมั้ง คุณ areliang โชคดีที่ได้เริ่มเรียนรู้การลงทุนตั้งแต่ยังเรียนมหาลัยอยู่นะครับ (ช่วงนั้นผมก็ว่างๆลอยๆ) พอเริ่มทำงานเหมือนจะมีความกดดันจากงาน เวลาว่างก็ลดน้อยลงครับ
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 166
สรุปว่ามาร์ ชื่อมิเชลต่างหาก
พี่สนใจคนกวาดถนนหรือครับ
พี่สนใจคนกวาดถนนหรือครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 167
คนกวาดถนน เป็นคุณป้า ครับ
อายุมากแล้ว
สิ่งที่ผมสนใจคือ คือ ชีวิต คุณ ป้า คนกวาดถนน คนนี้
เค้าคงไม่ได้มีความั่งคั่งมากมาย แต่อย่างใด
แต่เค้าก็สามารถมีชีวิต
และมีความสุข กับสิ่งที่เค้ามีได้ มากกว่า
( ผมไม่รู้ หรอก ว่าเค้ามีความสุข ในชีวิตตลอดเวลา หรือ ไม่
แต่ตอนที่ ผมเห็นเค้า กำลัง นั่งกินขนม ผมรู้สึกเค้ามี ความสุขจริงๆ ครับ จุดนี้ มากกว่าที่ผมต้องกลับมานั่งคิด แล้วรู้ว่าตัวเอง ตอนนั้น ขาดความสุข เพราะสนใจ มุ่ง วุ่นวาย อยู่กับบางสิ่ง( การต้องการกำไรจากหุ้นโดยเก็งกำไร) มากเกินไป)
แล้วเมื่อ ผมรู้ว่าสิ่ง ที่ผมต้องการ และ สำคัญ กับผม คือ ความสุข
เมื่อผมรู้อย่างนี้แล้ว ผมก็มองเห็นว่า ( ถ้าไม่รู้ก็มองไม่เห็น)
หลายๆ อย่างที่ผมทำ นำผมไปซึ่ง ความทุกข์ นี่นา
ผมร้อนรน ตอนกลางคืน นอนไม่หลับ กลัวหุ้น ว่าจะเป็นอย่างไร ตลอดเวลาที่ถือ
แต่แปลก ตอนเล่นเก็งกำไร พอช่วงที่ พอร์ต ว่าง ไม่มีหุ้น ผมก็ไม่ต้องกังวล
แปลว่า ตอนผมไม่มีหุ้น กลับ สบายใจกว่า( แต่ตริงๆ ผมอยากเล่นหุ้นนะ แต่อาจจะไม่อยาก เสียเงิน(ขาดทุน))
แล้วเมื่อ ผมเห็น ผมก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนครับ
ก็ผมอยากมีความสุขนี่นา
ถ้ามีเงินมากมาย แต่มีความทุกข์ แล้วจะมีเงินมากมายเพื่ออะไรครับ
(ที่เคยได้ ยิน เห็นข่าว เรื่องเล่า ว่า คนรวยๆ จำนวนมาก มีเงิน แต่ความสุข กลับน้อย)
อายุมากแล้ว
สิ่งที่ผมสนใจคือ คือ ชีวิต คุณ ป้า คนกวาดถนน คนนี้
เค้าคงไม่ได้มีความั่งคั่งมากมาย แต่อย่างใด
แต่เค้าก็สามารถมีชีวิต
และมีความสุข กับสิ่งที่เค้ามีได้ มากกว่า
( ผมไม่รู้ หรอก ว่าเค้ามีความสุข ในชีวิตตลอดเวลา หรือ ไม่
แต่ตอนที่ ผมเห็นเค้า กำลัง นั่งกินขนม ผมรู้สึกเค้ามี ความสุขจริงๆ ครับ จุดนี้ มากกว่าที่ผมต้องกลับมานั่งคิด แล้วรู้ว่าตัวเอง ตอนนั้น ขาดความสุข เพราะสนใจ มุ่ง วุ่นวาย อยู่กับบางสิ่ง( การต้องการกำไรจากหุ้นโดยเก็งกำไร) มากเกินไป)
แล้วเมื่อ ผมรู้ว่าสิ่ง ที่ผมต้องการ และ สำคัญ กับผม คือ ความสุข
เมื่อผมรู้อย่างนี้แล้ว ผมก็มองเห็นว่า ( ถ้าไม่รู้ก็มองไม่เห็น)
หลายๆ อย่างที่ผมทำ นำผมไปซึ่ง ความทุกข์ นี่นา
ผมร้อนรน ตอนกลางคืน นอนไม่หลับ กลัวหุ้น ว่าจะเป็นอย่างไร ตลอดเวลาที่ถือ
แต่แปลก ตอนเล่นเก็งกำไร พอช่วงที่ พอร์ต ว่าง ไม่มีหุ้น ผมก็ไม่ต้องกังวล
แปลว่า ตอนผมไม่มีหุ้น กลับ สบายใจกว่า( แต่ตริงๆ ผมอยากเล่นหุ้นนะ แต่อาจจะไม่อยาก เสียเงิน(ขาดทุน))
แล้วเมื่อ ผมเห็น ผมก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนครับ
ก็ผมอยากมีความสุขนี่นา
ถ้ามีเงินมากมาย แต่มีความทุกข์ แล้วจะมีเงินมากมายเพื่ออะไรครับ
(ที่เคยได้ ยิน เห็นข่าว เรื่องเล่า ว่า คนรวยๆ จำนวนมาก มีเงิน แต่ความสุข กลับน้อย)
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 168
คุณ มาร์เกตติ้ง ของผม
ชื่อจริง
ไม่ได้มีชื่อว่า ทั้ง มีเซล และ มิเชล ครับผม
ชื่อ มีเซล เป็นเพียงการสมมุติขึ้นครับ
ซึ่ง มีความหมายว่า
ถ้าผมมีหุ้น อยู่ ในพอร์ต คนนี้ จะ อยากแนะนำให้ผม ขายหุ้น
เพื่อให้เกิดการซื้อขายครับ
ถ้า มี (ถือหุ้น) (ให้) เซล(sell = ขาย) ครับ
นามสกุล ไม่มีบาย
ถ้า ไม่มี (ถือหุ้น) (ให้) บาย ( buy = ซื้อ ) ครับ
ขออภัยถ้าทำให้เข้าใจผิดนะครับ
ชื่อจริง
ไม่ได้มีชื่อว่า ทั้ง มีเซล และ มิเชล ครับผม
ชื่อ มีเซล เป็นเพียงการสมมุติขึ้นครับ
ซึ่ง มีความหมายว่า
ถ้าผมมีหุ้น อยู่ ในพอร์ต คนนี้ จะ อยากแนะนำให้ผม ขายหุ้น
เพื่อให้เกิดการซื้อขายครับ
ถ้า มี (ถือหุ้น) (ให้) เซล(sell = ขาย) ครับ
นามสกุล ไม่มีบาย
ถ้า ไม่มี (ถือหุ้น) (ให้) บาย ( buy = ซื้อ ) ครับ
ขออภัยถ้าทำให้เข้าใจผิดนะครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 169
อ่านสนุกดีครับ น่าจะรวมเล่มขาย
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 170
บังเอิญ ผมได้ คำมาชุดหนึ่ง ครับ
เมื่อบังเอิญ เกิดฝัน แล้วมองดู(เกิดมามีชีวิต) อะไร มาสักพัก
แล้วถามผู้เคยคิด ว่าชีวิต คือ อะไร
สิ่งที่ได้ คือ คำว่า ชีวิต คล้าย โรงงาน ( ผลิต ซึ่งการมอง การรับรู้ ความรู้สึก สัมผัสชีวิต)
คำตอบนี้ ประหลาดนัก จึงเดินตามแล้วถามว่า
แนวไหนที่หมายถึง การมอง คือ คำ ตอบ
เลยลองเปิดตา มอง ก็เลยเห็นชีวิตอยู่รอบข้าง
ตอนแรก ก็สงสัย มากอยู่
ทำไมถึงเอาชีวิต คนไป เปรียบกับโรงงานจะเปรียบกันได้ รึ
แต่พอคิด ดู โรงงาน มีไว้ เพื่อ ผลิตสินค้า
แล้ว ชีวิต ผลิต อะไรได้บ้าง
ใช่ ชีวิต เกิด มาก็ผลิต การ รับรู้ เรียนรู้ สิ่งมีมองเห็น สัมผัส ความรู้สึก จากสิ่งรอบข้าง เข้าไปในจิตใต้สำนึก โดยที่ทั้งรู้ตัว และที่ไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่ สงสัย คือ คำถามว่า ชีวิต คือ อะไร ซึ่ง ก็เห็น มีคนสงสัยอยู่มากมาย ทั่วโลก
ผมก็เลยเชื่อ และลองเปิดตามอง
เมื่อผมเข้าใจ ผมก็เห็น
ชีวิต ของ คนนู้น
ชีวิต ของ คนนี้
ชีวิต ของ เพื่อน
ชีวิต ของ ญาติ
ชีวิต ของ สุนัข
ชีวิต ของ แมว
การเห็น สุนัข สัก ตัว หลายๆคน คงคิด ว่า ก็มองเห็นสุนัข
แต่จริงๆ เรากำลังมอง ชีวิต ชีวิตของสุนัข
การเห็น เพื่อน สัก คน หลายๆคน คงคิด ว่า ก็มองเห็นเพื่อนคนนึง
แต่จริงๆ เรากำลังมอง ชีวิต ชีวิตของเพื่อน
การเห็น คนกวาดถนน สัก คน หลายๆคน คงคิด ว่า ก็มองเห็น คนกวาดถนน
แต่จริงๆ เรากำลังมอง ชีวิต ชีวิตของคนกวาดถนน
ดังนั้น จริงๆ แล้วความหมายของชีวิต อยู่รอบข้าง และใกล้ ตัวเราเอง อย่างมาก
ผมแค่ เปิด ประตูห้อง เดิน ออกมา ผมก็เจอ ชีวิตแล้ว ( ชีวิตของ ญาติ พี่น้อง)
ผมแค่ เดิน ออกจากบ้าน ผมก็เจอ ชีวิตแล้ว ( ชีวิตทุกคนที่ผมเห็น)
แล้ว เรา จะเข้าใจ ว่า ชีวิต คืออะไร ได้ยังไง
ถ้าเราไม่เข้าใจ สิ่งที่เรามองเห็น ซึ่งก็คือ ชีวิต
ผมก็คนธรรมดา คนนึงที่อยากเข้าใจ ว่า ชีวิต คือ อะไร เหมือนกันครับ
ผมเลย คอยมองและเรียนรู้ ชีวิต ที่ผ่านเข้ามา ในชีวิตผมเสมอ
แฮะๆ นี่มันเรื่อง เกี่ยวกับอะไรเนี่ย 555
เมื่อบังเอิญ เกิดฝัน แล้วมองดู(เกิดมามีชีวิต) อะไร มาสักพัก
แล้วถามผู้เคยคิด ว่าชีวิต คือ อะไร
สิ่งที่ได้ คือ คำว่า ชีวิต คล้าย โรงงาน ( ผลิต ซึ่งการมอง การรับรู้ ความรู้สึก สัมผัสชีวิต)
คำตอบนี้ ประหลาดนัก จึงเดินตามแล้วถามว่า
แนวไหนที่หมายถึง การมอง คือ คำ ตอบ
เลยลองเปิดตา มอง ก็เลยเห็นชีวิตอยู่รอบข้าง
ตอนแรก ก็สงสัย มากอยู่
ทำไมถึงเอาชีวิต คนไป เปรียบกับโรงงานจะเปรียบกันได้ รึ
แต่พอคิด ดู โรงงาน มีไว้ เพื่อ ผลิตสินค้า
แล้ว ชีวิต ผลิต อะไรได้บ้าง
ใช่ ชีวิต เกิด มาก็ผลิต การ รับรู้ เรียนรู้ สิ่งมีมองเห็น สัมผัส ความรู้สึก จากสิ่งรอบข้าง เข้าไปในจิตใต้สำนึก โดยที่ทั้งรู้ตัว และที่ไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่ สงสัย คือ คำถามว่า ชีวิต คือ อะไร ซึ่ง ก็เห็น มีคนสงสัยอยู่มากมาย ทั่วโลก
ผมก็เลยเชื่อ และลองเปิดตามอง
เมื่อผมเข้าใจ ผมก็เห็น
ชีวิต ของ คนนู้น
ชีวิต ของ คนนี้
ชีวิต ของ เพื่อน
ชีวิต ของ ญาติ
ชีวิต ของ สุนัข
ชีวิต ของ แมว
การเห็น สุนัข สัก ตัว หลายๆคน คงคิด ว่า ก็มองเห็นสุนัข
แต่จริงๆ เรากำลังมอง ชีวิต ชีวิตของสุนัข
การเห็น เพื่อน สัก คน หลายๆคน คงคิด ว่า ก็มองเห็นเพื่อนคนนึง
แต่จริงๆ เรากำลังมอง ชีวิต ชีวิตของเพื่อน
การเห็น คนกวาดถนน สัก คน หลายๆคน คงคิด ว่า ก็มองเห็น คนกวาดถนน
แต่จริงๆ เรากำลังมอง ชีวิต ชีวิตของคนกวาดถนน
ดังนั้น จริงๆ แล้วความหมายของชีวิต อยู่รอบข้าง และใกล้ ตัวเราเอง อย่างมาก
ผมแค่ เปิด ประตูห้อง เดิน ออกมา ผมก็เจอ ชีวิตแล้ว ( ชีวิตของ ญาติ พี่น้อง)
ผมแค่ เดิน ออกจากบ้าน ผมก็เจอ ชีวิตแล้ว ( ชีวิตทุกคนที่ผมเห็น)
แล้ว เรา จะเข้าใจ ว่า ชีวิต คืออะไร ได้ยังไง
ถ้าเราไม่เข้าใจ สิ่งที่เรามองเห็น ซึ่งก็คือ ชีวิต
ผมก็คนธรรมดา คนนึงที่อยากเข้าใจ ว่า ชีวิต คือ อะไร เหมือนกันครับ
ผมเลย คอยมองและเรียนรู้ ชีวิต ที่ผ่านเข้ามา ในชีวิตผมเสมอ
แฮะๆ นี่มันเรื่อง เกี่ยวกับอะไรเนี่ย 555
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 171
ถ้าจะพูด ถึงการ ลงทุน แบบคุณ วอร์เรน บัฟเฟต ( หรือความเป็นเจ้าของ)
นั้น เมื่อ เปรียบ เทียบ กับคุณเก็งกำไร นั้น แตกต่างกันมาก
น่าจะเป็น ด้าน หน้า มือ กับ หลังมือเลยทีเดียว
คุณเก็งกำไร แปลว่า ต้องซื้อ ขาย หุ้น ถึงจะได้กำไร
แบบ คุณ วอร์เรน เน้นไปที่ซื้อ หุ้น ( ซื้อ แล้วก็เป็น เจ้าของ และคิด ที่จะถือลงทุนไปตลอด)
คุณเก็งกำไร ได้กำไร จาก ส่วนต่างราคา
แบบ คุณ วอร์เรน อ่าวซื้อหุ้น แล้ว ถ้าไม่ยอมขาย จะได้กำไร จากอะไรล่ะ
ก็จากตัวธุรกิจโดยตรง
คุณเก็งกำไร ใช้ระยะเวลา ถือ ไม่ยาวนานนัก (ถ้าไม่ติดหุ้น) ซื้อแล้วก็ขาย
แบบ คุณ วอร์เรน ซื้อแล้วไม่ขาย ก็แปลว่าต้องถือหุ้นนานมากสิ
คุณเก็งกำไร ถึงแม้ใช้ความรู้ แต่เป็นการมองอะไร ที่ค่อนข้าง สั้น ก็ไม่นานก็ขายหุ้นแล้วนี่นา
แบบ คุณ วอร์เรน ซื้อแล้วไม่ขายทำให้ ต้องถือยาวนาน ความรู้ที่ใช้จึงต้องละเอียดถี่ถ้วน เพราะหุ้นบางตัว คุณ วอร์เรน ถือมาหลายสิบปีแล้วนะ ก็จะเป็นเจ้าของเลยนี่นา ไม่ละเอียดได้ไง
คุณเก็งกำไร เมื่อ ซื้อ ขาย เพื่อส่วนต่าง ก็อาจจะมีที่ต้องมาคอยลุ้น จนตัวเกร็ง
แบบ คุณ วอร์เรน เมื่อซื้อ แล้วถือ ยาวนาน เหมือนที่ว่า ต่อให้ตลาดหุ้นปิด ไป 3ปี เค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร
นั่น ทำให้ คุณ วอร์เรน ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ซึ่งอาจทำให้ ผมไม่ต้องเกร็ง กังวลมากมาย อย่างที่ผมเคยเป็นมา
นั้น เมื่อ เปรียบ เทียบ กับคุณเก็งกำไร นั้น แตกต่างกันมาก
น่าจะเป็น ด้าน หน้า มือ กับ หลังมือเลยทีเดียว
คุณเก็งกำไร แปลว่า ต้องซื้อ ขาย หุ้น ถึงจะได้กำไร
แบบ คุณ วอร์เรน เน้นไปที่ซื้อ หุ้น ( ซื้อ แล้วก็เป็น เจ้าของ และคิด ที่จะถือลงทุนไปตลอด)
คุณเก็งกำไร ได้กำไร จาก ส่วนต่างราคา
แบบ คุณ วอร์เรน อ่าวซื้อหุ้น แล้ว ถ้าไม่ยอมขาย จะได้กำไร จากอะไรล่ะ
ก็จากตัวธุรกิจโดยตรง
คุณเก็งกำไร ใช้ระยะเวลา ถือ ไม่ยาวนานนัก (ถ้าไม่ติดหุ้น) ซื้อแล้วก็ขาย
แบบ คุณ วอร์เรน ซื้อแล้วไม่ขาย ก็แปลว่าต้องถือหุ้นนานมากสิ
คุณเก็งกำไร ถึงแม้ใช้ความรู้ แต่เป็นการมองอะไร ที่ค่อนข้าง สั้น ก็ไม่นานก็ขายหุ้นแล้วนี่นา
แบบ คุณ วอร์เรน ซื้อแล้วไม่ขายทำให้ ต้องถือยาวนาน ความรู้ที่ใช้จึงต้องละเอียดถี่ถ้วน เพราะหุ้นบางตัว คุณ วอร์เรน ถือมาหลายสิบปีแล้วนะ ก็จะเป็นเจ้าของเลยนี่นา ไม่ละเอียดได้ไง
คุณเก็งกำไร เมื่อ ซื้อ ขาย เพื่อส่วนต่าง ก็อาจจะมีที่ต้องมาคอยลุ้น จนตัวเกร็ง
แบบ คุณ วอร์เรน เมื่อซื้อ แล้วถือ ยาวนาน เหมือนที่ว่า ต่อให้ตลาดหุ้นปิด ไป 3ปี เค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร
นั่น ทำให้ คุณ วอร์เรน ไม่ต้องกังวลอะไรมาก ซึ่งอาจทำให้ ผมไม่ต้องเกร็ง กังวลมากมาย อย่างที่ผมเคยเป็นมา
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 174
กระทู้แห่งปี ทั้งแง่คิด สาระ บันเทิง
ขอปรบมือให้ครับ :)
ขอปรบมือให้ครับ :)
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 176
อ่านแล้วเพลินดีครับ สำหรับผมแล้วเมือ่ทุนนิยมครองโลกนี้ตลาดหุ้นก็คือ
โลกของจอมยุทธ์ครับคล้ายกับในหนังจีนกำลังภายในที่วรยุทธ์ครองปฐพี
โลกของจอมยุทธ์ครับคล้ายกับในหนังจีนกำลังภายในที่วรยุทธ์ครองปฐพี
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 177
และแล้วทั้งยุทธจักร ก็ต้องกล่าวขานถึงจอมยุทธิ์ นามว่า อาเหลียง
ผู้คอยเผยแพร่เคล็ดวิชา อันลือลั่น
ปล. ผมเข้าใจชื่อ มีเซล ตั้งแต่แรกนะครับ :lol:
ผู้คอยเผยแพร่เคล็ดวิชา อันลือลั่น
ปล. ผมเข้าใจชื่อ มีเซล ตั้งแต่แรกนะครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 178
ผมมี ผลตอบแทน จากการลงทุน ต่อปี ไม่มากนะครับ (ผลตอบแทน ติดลบก็มีนะครับ)
ผมมี ทรัพย์สิน ก็ไม่มาก เช่นกัน
ถ้าเปรียบ ผมคงเป็นผู้พอมีชีวิตรอดในตลาดหุ้นได้ จะดีกว่าครับ
และสิ่ง ที่ผมเล่า มันก็ เป็นเพียง ประสบการณ์
ผมก็แค่เพียงหวังว่า ประสบการณ์ ของผม อาจจะมีประโยชน์ ต่อ ผู้อื่นเท่านั้นครับ
การเอาไปใช้จริง คงขึ้นอยู่ กับแต่ละคนมากกว่าครับ
ยินดีเล่าด้วยใจ ครับผม
ผมมี ทรัพย์สิน ก็ไม่มาก เช่นกัน
ถ้าเปรียบ ผมคงเป็นผู้พอมีชีวิตรอดในตลาดหุ้นได้ จะดีกว่าครับ
และสิ่ง ที่ผมเล่า มันก็ เป็นเพียง ประสบการณ์
ผมก็แค่เพียงหวังว่า ประสบการณ์ ของผม อาจจะมีประโยชน์ ต่อ ผู้อื่นเท่านั้นครับ
การเอาไปใช้จริง คงขึ้นอยู่ กับแต่ละคนมากกว่าครับ
ยินดีเล่าด้วยใจ ครับผม
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 179
ผมว่าถ้าเรา คิดจะเข้าใจ คุณ วอร์เรน มันคงจะยากอยู่( ก็เค้าเก่งซะขนาดนั้น555)
แต่ผมขอเล่า สิ่งที่ผมคิดแล้วกัน ครับ
ผมว่าขั้นแรก เราต้องเข้าใจหน้าที่ของ สิ่งต่างๆให้ดีก่อน
เริ่มจาก พ่อค้า ดีกว่า (เพราะ ทุกคนน่าจะรู้จักพ่อค้า)
ถ้า พ่อค้า ซื้อสินค้ามาจาแหล่ง และเวลาขายก็บวกกำไร ในอัตราที่พอเหมาะ
นี่น่าจะเรียก ค้ากำไร
ถ้าพ่อค้า เดาว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร
ถ้าพ่อค้า เดาว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร
ถ้าพ่อค้า เดาว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน
ถ้าพ่อค้า รู้( อาจจะรู้จากประสบการณ์ รู้ต้นทุนการผลิต) ว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าพ่อค้า รู้ว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าพ่อค้า รู้ว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน แบบรู้มูลค่า
ถ้าคนเล่นหุ้น เดาว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร
ถ้าคนเล่นหุ้น เดาว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร
ถ้าคนเล่นหุ้น เดาว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน
ถ้าคนเล่นหุ้น รู้( อาจจะรู้จักบริษัทดี และรู้มูลค่า) ว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าคนเล่นหุ้น รู้ว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าคนเล่นหุ้น รู้ว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน แบบรู้มูลค่า
ทั้งหมดนี้อยู่ใน กรณีที่ ซื้อ มาเพื่อ ที่จะขายออกไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่ไม่ยาวนานนัก นะครับ (ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของ)
ขออภัย ถ้าขัดกับ ความคิด ผู้ใด นะครับ
แต่ผมขอเล่า สิ่งที่ผมคิดแล้วกัน ครับ
ผมว่าขั้นแรก เราต้องเข้าใจหน้าที่ของ สิ่งต่างๆให้ดีก่อน
เริ่มจาก พ่อค้า ดีกว่า (เพราะ ทุกคนน่าจะรู้จักพ่อค้า)
ถ้า พ่อค้า ซื้อสินค้ามาจาแหล่ง และเวลาขายก็บวกกำไร ในอัตราที่พอเหมาะ
นี่น่าจะเรียก ค้ากำไร
ถ้าพ่อค้า เดาว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร
ถ้าพ่อค้า เดาว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร
ถ้าพ่อค้า เดาว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน
ถ้าพ่อค้า รู้( อาจจะรู้จากประสบการณ์ รู้ต้นทุนการผลิต) ว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าพ่อค้า รู้ว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าพ่อค้า รู้ว่า ราคาสินค้า ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งสินค้า มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน แบบรู้มูลค่า
ถ้าคนเล่นหุ้น เดาว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร
ถ้าคนเล่นหุ้น เดาว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร
ถ้าคนเล่นหุ้น เดาว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน
ถ้าคนเล่นหุ้น รู้( อาจจะรู้จักบริษัทดี และรู้มูลค่า) ว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าคนเล่นหุ้น รู้ว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน และราคาก็ปรับสูงขึ้นจริง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็กำไร แบบรู้มูลค่า
ถ้าคนเล่นหุ้น รู้ว่า ราคาหุ้น ตัวหนึ่ง น่าจะสูงขึ้น เลยสั่งซื้อหุ้น มากักตุน แต่ราคาปรับลง
นี่น่าจะเรียกว่าเก็งกำไร แล้วก็ขาดทุน แบบรู้มูลค่า
ทั้งหมดนี้อยู่ใน กรณีที่ ซื้อ มาเพื่อ ที่จะขายออกไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่ไม่ยาวนานนัก นะครับ (ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าของ)
ขออภัย ถ้าขัดกับ ความคิด ผู้ใด นะครับ