ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 61
ตอนนี้ผมต้องเลือก บล.( บริษัท หลักทรัพย์) ที่ผมต้องการไปเปิดบัญชีด้วยแล้ว
เลือกยังไงดีล่ะ
ผมมองข้าม บล. ที่ดูแล พอร์ตของพ่อผม
ผมพยายามหา บล. ที่มีสาขาอยู่ใกล้ บ้านผมมากที่สุด เดินทางได้ง่ายที่สุด
เพราะ ตอนนี้เจตนาของผมคือ อยากไปห้องค้าหุ้นมาก และหวังที่อยากจะได้อะไรมากมายจากที่นั่น
และก็ได้พบ บล. นว (ขออนุญาต เรียก บริษัทหลักทรัพย์ แห่งนี้โดย ใช้คำว่า บล. นว นะครับ)
ซึ่งบล. นว แห่งนี้ อยู่แถว สุขุมวิท 24 ซึ่งเดินทางได้สะดวกมากจากบ้านผม
ไม่รอช้า วันต่อมา ผมก็เดินทางไปยัง สาขาแห่งนี้ทันที
เดินเข้าไปเลยครับไม่รอช้า เห็นโต๊ะ ทำงาน ที่พนักงานนั่งอยู่ราว 4-5 คน
เห็น มีหน้าจอใหญ่ที่ไว้ดูหุ้น มีเก้าอี้ ที่นั่ง สัก ประมาณ 20 ที่นั่ง ไม่มีลูกค้านั่งอยู่เลย
ทุกอย่างเงียบมาก
มีเพียงเสียงคุยโทรศัพท์ เล็กๆน้อยๆ พร้อม กับเสียงพิมพ์ คีย์บอร์ด แกร๊กๆๆ
อืม ทำไงต่อดี ผมก็เลยเดินไปนั่ง พร้อมกับจ้องมองดู ที่หน้าจอใหญ่
แล้วก็พยายามดู มันดูยังไงเนี่ย ดูสักพักก็เริ่มเข้าใจ นี่ขนาดมาห้องค้าครั้งแรกน่ะเนี่ย
(ใช้เวลาไม่มาก เพราะ ผมเคยเล่นหุ้น มาแล้ว แถมมี เพจเจอร์ หุ้น realtime นะครับ)
หลังจากนั้น ก็มีพนักงานหญิงคนนึงเดินมา ซึ่งขอเรียกว่า
คุณ มีเซล นามสกุล ไม่มีบาย
มาถามผมว่า ให้ช่วยอะไรมั้ยค่ะ
ผมอยากเปิดพอร์ต ครับ ไม่รู้พอจะเปิดได้มั้ย
ผมมีวงเงินประมาณ 200000 บาท ผมบอกไปเพราะ สมัยนั้น บางที่เค้ามีขั้นต่ำ 500000 ก็มีนะครับถึงจะเปิดพอร์ตได้
เค้าก็ตอบว่าได้เปิดได้
ผมก็ถามแล้วต้องทำยังไงบ้างครับ
หลังจากนั้นก็ได้รับเอกสาร ใบสมัคร และรายละเอียดต่างๆ
และก็ การชำระเงินก็สามารถ ตัดระบบ ats ได้ด้วยกับธนาคารสาขาที่ไม่ไกลบ้านผมนัก
Ok เลย แต่อืม เรื่องห้องค้าล่ะ ไม่มีคนเลย หมดหวังที่จะได้อะไรมากมายจากห้องค้าแห่งนี้ซะแล้วล่ะมั้ง
อืม ช่างมัน เปิด พอร์ตให้ได้ก่อน
(จริงๆถ้าใครอยากเปิดบัญชี ตอนนี้ง่ายมากนะครับ อายุเกิน 20 ปี มีเลขเงินในบัญชีสัก 50000 บาท หรือน้อยกว่า มีบัญชีธนาคารไว้ตัด ats สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ก็เปิดได้แล้วนะ)
เปิดบัญชีไม่ยากหรอกครับ แต่จะอยู่รอดในตลาดหุ้นสิ ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าพยายามก็ไม่ยากมากนัก (พูดปลอบ) 555
ผมก็เอาเอกสารกลับบ้าน กรอกรายละเอียด เตรียมเอกสาร เรียบร้อย
เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้นะ (คิดในใจ จะมีพอร์ตของเราเองแล้วนะเนี่ย)
วันรุ่งขึ้น 9 โมงกว่า ผมก็ไปยื่นเอกสารเรียบร้อย
คุณ มีเซล ก็ตรวจดู เอกสารครบ แล้วบอกว่า ถ้าเปิดพอร์ต เรียบร้อย จะโทรไปแจ้งนะค่ะ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วันค่ะ
แล้วผมก็กลับบ้าน ห้องค้า ไม่มีลูกค้าเลยอยู่ดี
เลือกยังไงดีล่ะ
ผมมองข้าม บล. ที่ดูแล พอร์ตของพ่อผม
ผมพยายามหา บล. ที่มีสาขาอยู่ใกล้ บ้านผมมากที่สุด เดินทางได้ง่ายที่สุด
เพราะ ตอนนี้เจตนาของผมคือ อยากไปห้องค้าหุ้นมาก และหวังที่อยากจะได้อะไรมากมายจากที่นั่น
และก็ได้พบ บล. นว (ขออนุญาต เรียก บริษัทหลักทรัพย์ แห่งนี้โดย ใช้คำว่า บล. นว นะครับ)
ซึ่งบล. นว แห่งนี้ อยู่แถว สุขุมวิท 24 ซึ่งเดินทางได้สะดวกมากจากบ้านผม
ไม่รอช้า วันต่อมา ผมก็เดินทางไปยัง สาขาแห่งนี้ทันที
เดินเข้าไปเลยครับไม่รอช้า เห็นโต๊ะ ทำงาน ที่พนักงานนั่งอยู่ราว 4-5 คน
เห็น มีหน้าจอใหญ่ที่ไว้ดูหุ้น มีเก้าอี้ ที่นั่ง สัก ประมาณ 20 ที่นั่ง ไม่มีลูกค้านั่งอยู่เลย
ทุกอย่างเงียบมาก
มีเพียงเสียงคุยโทรศัพท์ เล็กๆน้อยๆ พร้อม กับเสียงพิมพ์ คีย์บอร์ด แกร๊กๆๆ
อืม ทำไงต่อดี ผมก็เลยเดินไปนั่ง พร้อมกับจ้องมองดู ที่หน้าจอใหญ่
แล้วก็พยายามดู มันดูยังไงเนี่ย ดูสักพักก็เริ่มเข้าใจ นี่ขนาดมาห้องค้าครั้งแรกน่ะเนี่ย
(ใช้เวลาไม่มาก เพราะ ผมเคยเล่นหุ้น มาแล้ว แถมมี เพจเจอร์ หุ้น realtime นะครับ)
หลังจากนั้น ก็มีพนักงานหญิงคนนึงเดินมา ซึ่งขอเรียกว่า
คุณ มีเซล นามสกุล ไม่มีบาย
มาถามผมว่า ให้ช่วยอะไรมั้ยค่ะ
ผมอยากเปิดพอร์ต ครับ ไม่รู้พอจะเปิดได้มั้ย
ผมมีวงเงินประมาณ 200000 บาท ผมบอกไปเพราะ สมัยนั้น บางที่เค้ามีขั้นต่ำ 500000 ก็มีนะครับถึงจะเปิดพอร์ตได้
เค้าก็ตอบว่าได้เปิดได้
ผมก็ถามแล้วต้องทำยังไงบ้างครับ
หลังจากนั้นก็ได้รับเอกสาร ใบสมัคร และรายละเอียดต่างๆ
และก็ การชำระเงินก็สามารถ ตัดระบบ ats ได้ด้วยกับธนาคารสาขาที่ไม่ไกลบ้านผมนัก
Ok เลย แต่อืม เรื่องห้องค้าล่ะ ไม่มีคนเลย หมดหวังที่จะได้อะไรมากมายจากห้องค้าแห่งนี้ซะแล้วล่ะมั้ง
อืม ช่างมัน เปิด พอร์ตให้ได้ก่อน
(จริงๆถ้าใครอยากเปิดบัญชี ตอนนี้ง่ายมากนะครับ อายุเกิน 20 ปี มีเลขเงินในบัญชีสัก 50000 บาท หรือน้อยกว่า มีบัญชีธนาคารไว้ตัด ats สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ก็เปิดได้แล้วนะ)
เปิดบัญชีไม่ยากหรอกครับ แต่จะอยู่รอดในตลาดหุ้นสิ ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าพยายามก็ไม่ยากมากนัก (พูดปลอบ) 555
ผมก็เอาเอกสารกลับบ้าน กรอกรายละเอียด เตรียมเอกสาร เรียบร้อย
เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้นะ (คิดในใจ จะมีพอร์ตของเราเองแล้วนะเนี่ย)
วันรุ่งขึ้น 9 โมงกว่า ผมก็ไปยื่นเอกสารเรียบร้อย
คุณ มีเซล ก็ตรวจดู เอกสารครบ แล้วบอกว่า ถ้าเปิดพอร์ต เรียบร้อย จะโทรไปแจ้งนะค่ะ ใช้เวลาประมาณ 3-4 วันค่ะ
แล้วผมก็กลับบ้าน ห้องค้า ไม่มีลูกค้าเลยอยู่ดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1120
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 64
อ่านมาตั้งแต่แรก พี่ทำให้ผมนึกถึงหนังสือ "เงินทองเรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน" ในหนังสือเค้าบอกว่ามีคนจำนวนมากที่เป้นโรคไม่ชอบให้เงินเหลือ ถ้ามีเงินเหลือจะต้องหาทางใช้ให้หมดให้ได้
ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามีอยู่จริงเพราะมันดูขัดกับจิตใต้สำนึกของเรามากๆ แต่ปรากฏว่าพี่เองก็เคยเป็นมาก่อนตอนวัยรุ่น ^^
ยังไงก็จะรออ่านต่อนะครับ ผมเองเริ่มลงทุนในหุ้นด้วยเงินทั้งหมดที่มีตอนอายุ 22 ก็ว่าเร็วแล้ว แต่ของพี่นี่ตั้งแต่เรียนมัธยมเลยแฮะ ^^
ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามีอยู่จริงเพราะมันดูขัดกับจิตใต้สำนึกของเรามากๆ แต่ปรากฏว่าพี่เองก็เคยเป็นมาก่อนตอนวัยรุ่น ^^
ยังไงก็จะรออ่านต่อนะครับ ผมเองเริ่มลงทุนในหุ้นด้วยเงินทั้งหมดที่มีตอนอายุ 22 ก็ว่าเร็วแล้ว แต่ของพี่นี่ตั้งแต่เรียนมัธยมเลยแฮะ ^^
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 65
ขอบคุณครับคุณ areliang ครับที่นำประสบการณ์ดีๆ มาให้อ่านครับ อายุของผมน่าจะใกล้เคียงกับคุณ areliang นะครับ (27 ปี) แต่ประสบการณ์ลงทุนน้อยกว่าของคุณ areliang เยอะครับ (เพิ่งลงทุนได้ 2-3 ปีเองครับ) จำได้ว่าสมัยเรียนมหาลัย มีโอกาสอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูก ก็เลยสนใจในด้านการลงทุนครับ ยังไงจะติดตามประสบการณ์ดีๆ ของคุณ areliang ครับ
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 66
อ่านอดีตของคุณอาเหลียงแล้วก็ มาคิดถึงตัวเองบ้าง ก็เพลินดีคับ อายุก็ใกล้เคียงกันหลายคน ยินดีที่ได้รู้จักนะคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 67
ยินดีที่ได้รู้จัก ครับ
คุณ GeneraX ,earthcu ,chadeprint
ที่คุณ chadeprint เขียนว่า
อ่านอดีตของคุณอาเหลียงแล้วก็ มาคิดถึงตัวเองบ้าง
ผมว่าเป็นสิ่งดีนะครับ
ถ้าเรา หาเวลาพักบ้าง แล้วย้อน คิด สิ่งที่เราเคยทำมา
อาจจะเป็นส่วนนึง ที่จะช่วย ให้ตัวเรา เข้าใจตัวเราเองมากขึ้น ไม่มากก็น้อย
การเข้าใจตัวเอง ยิ่งมาก ยิ่งลึก เท่าไหร่
คำตอบว่า เราเกิดมา เพื่อสิ่งใด อยากทำอะไร และ อะไร คือสิ่งที่สำคัญ จริงๆ สำหรับเรา ใน ชีวิต เดียว ชีวิตนี้ ก็ใกล้เราขึ้น
แล้วคำตอบเหล่านี้ จะบอกว่า เรา ต้องการจะดำเนิน ชีวิตต่อไปอย่างไร
โอ้ะๆ ดูเป็นธรรมะ เกินไปเปล่าเนี่ย
555
คุณ GeneraX ,earthcu ,chadeprint
ที่คุณ chadeprint เขียนว่า
อ่านอดีตของคุณอาเหลียงแล้วก็ มาคิดถึงตัวเองบ้าง
ผมว่าเป็นสิ่งดีนะครับ
ถ้าเรา หาเวลาพักบ้าง แล้วย้อน คิด สิ่งที่เราเคยทำมา
อาจจะเป็นส่วนนึง ที่จะช่วย ให้ตัวเรา เข้าใจตัวเราเองมากขึ้น ไม่มากก็น้อย
การเข้าใจตัวเอง ยิ่งมาก ยิ่งลึก เท่าไหร่
คำตอบว่า เราเกิดมา เพื่อสิ่งใด อยากทำอะไร และ อะไร คือสิ่งที่สำคัญ จริงๆ สำหรับเรา ใน ชีวิต เดียว ชีวิตนี้ ก็ใกล้เราขึ้น
แล้วคำตอบเหล่านี้ จะบอกว่า เรา ต้องการจะดำเนิน ชีวิตต่อไปอย่างไร
โอ้ะๆ ดูเป็นธรรมะ เกินไปเปล่าเนี่ย
555
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 68
ตึ้ด... ตื้ดๆ... ตึ้ดตือ ตึ้ดตือ ตึ้ด
เสียงโทรศัพท์ มือถือ ของผมเองครับ
วันนั้นน่าจะเป็นวันพุธ มั้งครับ ช่วงเช้า 9-10 โมง ผมอยู่ที่มหาลัย กำลังจะไปเข้าเรียน
ผมก็รับสาย
ดิฉัน มีเซล นะค่ะ โทรจาก บล. นว
คุณ มีเซล นามสกุล ไม่มีบาย เป็น โบรกเกอร์ ผู้หญิง ดู อายุ ประมาณ 32-
35 ปี (เดา) แต่งตัวดี พูดจาไพเราะ
บัญชี ของคุณ เปิด เรียบร้อยแล้วนะคะ
ผมก็นิ่งฟังไปเรื่อย ไม่รู้จะคุยอะไรยังไง
ตอนนี้ มีมองหุ้นตัวไหนอยู่เปล่าค่ะ
ตอบ : ก็มีมองครับ มองอยู่หลายตัวเหมือนกัน
แต่เพราะ ผมต้องรีบไปเข้าเรียน ตอนนั้นคนอื่นก็เข้าห้องเรียนไปกันหมดแล้ว
ก็เลยไม่ได้คุยยาวนัก
แต่เพราะ อยากซื้อขายอยู่เหมือนกัน จึงถามเกี่ยวกับการชำระเงิน
ก็เลยถามว่า ระบบ ats ยังใช้ไม่ได้ใช่มั้ยครับ
คำตอบก็คือ ใช่ อาจต้องใช้เวลาอีกสักอาทิตย์
แล้วผมก็ขอตัววางสาย
คุณ มีเซล ก็บอกว่า ถ้าอยากถาม หรือสนใจหุ้นตัวไหน ติดต่อมาได้เลยนะคะ
ยื่นเอกสารไปประมาณ วันวันพฤหัสบดี หรือ ศุกร์ แล้วพอร์ตก็เปิด เรียบร้อย วันพุธ
ซึ่ง ในระหว่างนั้น ก็ห่วง เรื่องการชำระเงิน ถ้าเกิดอยากซื้อขายก่อนที่ระบบ ats จะใช้ได้
ก็เลยคิดที่จะเปิด บัญชีกระแสรายวัน และ สมุดเช็ค
เพราะ ถ้าเรามาเรียน เราก็เขียน เช็คทิ้งไว้ แล้ว เรียก พนักงานเอกสาร มารับเอาก็ได้เนอะ
ไม่ต้องมาคอยโอนเงิน แล้วเวลารับ เงิน ตอนขายหุ้น บล.ก็โอนเข้าบัญชี อัตโนมัติอยู่แล้ว
ก็ไปธนาคาร ที่ไปเปิดบัญชี เพื่อไว้ตัด ats นั่นแหละครับ ซึ่ง เป็นธนาคาร เอกชน อันดับ หนึ่ง มั้งครับ
ก็ถามว่าจะเปิด สมุดเช็ค ต้องทำยังไงบ้าง ก็ถูกถามนู้น ถามนี่บ้าง ถามว่าจะเปิดไปทำไม พ่อแม่รู้มั้ยว่ามาเปิด
แต่พอตอบแล้ว ขั้น ตอนก็ไม่ได้ยุ่งยากมากนัก ก็เปิด สมุดเช็ค เรียบร้อย
แฮะ แฮะ ซื้อขายได้แล้ว
(ตอนนี้ผมพอจะมีความรู้ในเรื่อง หุ้น บ้างในด้านชื่อ บริษัท และการขึ้นลงของราคา และการเก็งกำไร
จาก ยกที่ 1 ประมาณ 1 สัปดาห์ ยกที่ 2 ประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งโดยรวม ผมขาดทุน นะครับ)
เสียงโทรศัพท์ มือถือ ของผมเองครับ
วันนั้นน่าจะเป็นวันพุธ มั้งครับ ช่วงเช้า 9-10 โมง ผมอยู่ที่มหาลัย กำลังจะไปเข้าเรียน
ผมก็รับสาย
ดิฉัน มีเซล นะค่ะ โทรจาก บล. นว
คุณ มีเซล นามสกุล ไม่มีบาย เป็น โบรกเกอร์ ผู้หญิง ดู อายุ ประมาณ 32-
35 ปี (เดา) แต่งตัวดี พูดจาไพเราะ
บัญชี ของคุณ เปิด เรียบร้อยแล้วนะคะ
ผมก็นิ่งฟังไปเรื่อย ไม่รู้จะคุยอะไรยังไง
ตอนนี้ มีมองหุ้นตัวไหนอยู่เปล่าค่ะ
ตอบ : ก็มีมองครับ มองอยู่หลายตัวเหมือนกัน
แต่เพราะ ผมต้องรีบไปเข้าเรียน ตอนนั้นคนอื่นก็เข้าห้องเรียนไปกันหมดแล้ว
ก็เลยไม่ได้คุยยาวนัก
แต่เพราะ อยากซื้อขายอยู่เหมือนกัน จึงถามเกี่ยวกับการชำระเงิน
ก็เลยถามว่า ระบบ ats ยังใช้ไม่ได้ใช่มั้ยครับ
คำตอบก็คือ ใช่ อาจต้องใช้เวลาอีกสักอาทิตย์
แล้วผมก็ขอตัววางสาย
คุณ มีเซล ก็บอกว่า ถ้าอยากถาม หรือสนใจหุ้นตัวไหน ติดต่อมาได้เลยนะคะ
ยื่นเอกสารไปประมาณ วันวันพฤหัสบดี หรือ ศุกร์ แล้วพอร์ตก็เปิด เรียบร้อย วันพุธ
ซึ่ง ในระหว่างนั้น ก็ห่วง เรื่องการชำระเงิน ถ้าเกิดอยากซื้อขายก่อนที่ระบบ ats จะใช้ได้
ก็เลยคิดที่จะเปิด บัญชีกระแสรายวัน และ สมุดเช็ค
เพราะ ถ้าเรามาเรียน เราก็เขียน เช็คทิ้งไว้ แล้ว เรียก พนักงานเอกสาร มารับเอาก็ได้เนอะ
ไม่ต้องมาคอยโอนเงิน แล้วเวลารับ เงิน ตอนขายหุ้น บล.ก็โอนเข้าบัญชี อัตโนมัติอยู่แล้ว
ก็ไปธนาคาร ที่ไปเปิดบัญชี เพื่อไว้ตัด ats นั่นแหละครับ ซึ่ง เป็นธนาคาร เอกชน อันดับ หนึ่ง มั้งครับ
ก็ถามว่าจะเปิด สมุดเช็ค ต้องทำยังไงบ้าง ก็ถูกถามนู้น ถามนี่บ้าง ถามว่าจะเปิดไปทำไม พ่อแม่รู้มั้ยว่ามาเปิด
แต่พอตอบแล้ว ขั้น ตอนก็ไม่ได้ยุ่งยากมากนัก ก็เปิด สมุดเช็ค เรียบร้อย
แฮะ แฮะ ซื้อขายได้แล้ว
(ตอนนี้ผมพอจะมีความรู้ในเรื่อง หุ้น บ้างในด้านชื่อ บริษัท และการขึ้นลงของราคา และการเก็งกำไร
จาก ยกที่ 1 ประมาณ 1 สัปดาห์ ยกที่ 2 ประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งโดยรวม ผมขาดทุน นะครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 69
พร้อมแล้ว
รอบนี้ เรา จะเล่นหุ้นอย่างไรดีล่ะ
1. ถ้าเล่น เก็งกำไร เร็วๆ ซื้อขายบ่อยมากๆ ความกังวลคงไปถึงที่บ้าน โดยบิลการซื้อขาย ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งปัญหาเดิม
2. การเล่นเหมือน ยกที่ 1 ที่ซื้อ หุ้นเพิ่มเล็กน้อย รวมกับพอร์ต ที่มีอยู่แล้ว แล้วถือ โดยเฉพาะ ช่วงที่ถือหุ้นทิ้งไว้ โดยการซื้อที่ไม่มีความรู้ใดๆ แล้วมาดูอีกที ตอนกลับมาเล่นใหม่ มูลค่าก็ลดลง ซึ่งหมายถึง ขาดทุน
3. การเล่นเหมือน ยกที่ 2 ที่เก็งกำไร ซื้อขาย อย่างรวดเร็ว กำไรไม่กี่ step ก็ขาย ถึงแม้ จะได้กำไรจากหุ้นหลายตัว สะสมทีละน้อย แต่พอถึงตัวที่ขาดทุน ก็สามารถ ดูด กำไรที่เราหามาทีละเล็ก ละน้อย จนหายไปหมดได้ ในพริบตา
และตอนปลาย ของยกที่ 2 ที่ซื้อเป็นหุ้นโดยที่ไม่มีความรู้อะไร แล้วเมื่อกลับมาดู ผลก็คือ มูลค่าลดลงอีกเช่นเคย ซึ่งหมายถึง ขาดทุนอีกแล้ว
ผิดคราวแรก เปรียบเป็นครู เหมือนประสบการณ์ ที่เราได้พบได้เรียนรู้
ผิดคราวที่สอง ยังพอจะอภัยให้ได้ เพราะ สี่เท่ายังรู้พลาด นักปราชญ์ ยังรู้พลั้ง
ขาดทุน มา สองคราว แล้ว
ยังหาคำตอบไม่ได้หรอกครับ แต่พยายาม คิดอยู่
เย็นวันนั้นเอง ที่พอร์ต ของตัวเองเปิดเรียบร้อยแล้ว
เอ มันขาดอะไรไปอย่างนะ
จะเล่นหุ้น ดูราคาไม่ได้ ตลอด มันขาดอะไรน๊า
เพจเจอร์ไงครับ เพจเจอร์หุ้น
ด้วย ความที่เคยต้องไปชำระรายเดือน จากการมีเพจ เมื่อยกที่ 2 ทำให้รู้ว่า มี สาขา Hutchison อยู่แถวตลองเตย ซึ่งไม่ไกลบ้านผมนัก
เย็นวันนั้นเลยครับ เดินทางไปเลย
พี่ๆ เค้า ยังมี เพจเจอร์ ที่ไว้ดูหุ้น realtime เปล่าครับ?
มีสิครับ ตอนนี้มี มีแบบ ดูผลบอล ค่าเงิน แบบ realtime ด้วย
มันพัฒนา (ตอนซื้อเครื่องก่อน อาจจะมีแบบนี้แล้วก็ได้ แต่ไม่ได้สังเกต)
แต่ผมก็ชอบดูบอลนะ เอาแบบได้รับผลบอลด้วยดีมั้ยเนี่ย
อืมไม่เอาดีกว่า ยังไงก็ไม่เล่น พนันบอล จะเอาไปทำไม
เรามาเพื่อเพจเจอร์หุ้น
ผมก็ดูราคาเลยครับ
อืม ดีจัง ราคาถูกลงมากเลยนะเนี่ย รู้สึกจะ 5-6 พันบาทมั้งครับ
เครื่องก็เล็กลง พกสะดวกด้วย แถมถ้าเพิ่ม เงินรายเดือน ก็สามารถ รับข้อความเหมือนเพจเจอร์ปกติได้ด้วย
(ซึ่ง เครื่องเก่า คราวที่แล้ว ไม่มี option นี้ ดูหุ้นได้อย่างเดียว)
แล้วรายเดือน สำหรับดูหุ้น รวมกับบริการเพจเจอร์ปกติ รวม 6-7 ร้อยบาทต่อเดือนมั้งครับ จำไม่ค่อยได้
ราคาเครื่อง 5-6 พันบาท รายเดือน 6-7 ร้อย บาท
คราวก่อน เครื่อง หมื่นกว่า บาท รายเดือน พันกว่าบาท
กำไรเห็นๆ 555
( แบบ ตอนอยู่มหาลัยก็คิด สงสัยวันนี้ ต้องเสีย หมื่นกว่าบาทแน่ๆ)
เจออย่างนี้จะช้าไปใย ถูกกว่าที่คิด 555
เดินออกจากร้านทันที
ตู้ atm กด เงิน กลับมาที่ร้าน จ่ายเงิน
กลับบ้าน พร้อมเพจเจอร์ เครื่องงามๆ สุดจะมีความสุข 555
รอบนี้ เรา จะเล่นหุ้นอย่างไรดีล่ะ
1. ถ้าเล่น เก็งกำไร เร็วๆ ซื้อขายบ่อยมากๆ ความกังวลคงไปถึงที่บ้าน โดยบิลการซื้อขาย ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งปัญหาเดิม
2. การเล่นเหมือน ยกที่ 1 ที่ซื้อ หุ้นเพิ่มเล็กน้อย รวมกับพอร์ต ที่มีอยู่แล้ว แล้วถือ โดยเฉพาะ ช่วงที่ถือหุ้นทิ้งไว้ โดยการซื้อที่ไม่มีความรู้ใดๆ แล้วมาดูอีกที ตอนกลับมาเล่นใหม่ มูลค่าก็ลดลง ซึ่งหมายถึง ขาดทุน
3. การเล่นเหมือน ยกที่ 2 ที่เก็งกำไร ซื้อขาย อย่างรวดเร็ว กำไรไม่กี่ step ก็ขาย ถึงแม้ จะได้กำไรจากหุ้นหลายตัว สะสมทีละน้อย แต่พอถึงตัวที่ขาดทุน ก็สามารถ ดูด กำไรที่เราหามาทีละเล็ก ละน้อย จนหายไปหมดได้ ในพริบตา
และตอนปลาย ของยกที่ 2 ที่ซื้อเป็นหุ้นโดยที่ไม่มีความรู้อะไร แล้วเมื่อกลับมาดู ผลก็คือ มูลค่าลดลงอีกเช่นเคย ซึ่งหมายถึง ขาดทุนอีกแล้ว
ผิดคราวแรก เปรียบเป็นครู เหมือนประสบการณ์ ที่เราได้พบได้เรียนรู้
ผิดคราวที่สอง ยังพอจะอภัยให้ได้ เพราะ สี่เท่ายังรู้พลาด นักปราชญ์ ยังรู้พลั้ง
ขาดทุน มา สองคราว แล้ว
ยังหาคำตอบไม่ได้หรอกครับ แต่พยายาม คิดอยู่
เย็นวันนั้นเอง ที่พอร์ต ของตัวเองเปิดเรียบร้อยแล้ว
เอ มันขาดอะไรไปอย่างนะ
จะเล่นหุ้น ดูราคาไม่ได้ ตลอด มันขาดอะไรน๊า
เพจเจอร์ไงครับ เพจเจอร์หุ้น
ด้วย ความที่เคยต้องไปชำระรายเดือน จากการมีเพจ เมื่อยกที่ 2 ทำให้รู้ว่า มี สาขา Hutchison อยู่แถวตลองเตย ซึ่งไม่ไกลบ้านผมนัก
เย็นวันนั้นเลยครับ เดินทางไปเลย
พี่ๆ เค้า ยังมี เพจเจอร์ ที่ไว้ดูหุ้น realtime เปล่าครับ?
มีสิครับ ตอนนี้มี มีแบบ ดูผลบอล ค่าเงิน แบบ realtime ด้วย
มันพัฒนา (ตอนซื้อเครื่องก่อน อาจจะมีแบบนี้แล้วก็ได้ แต่ไม่ได้สังเกต)
แต่ผมก็ชอบดูบอลนะ เอาแบบได้รับผลบอลด้วยดีมั้ยเนี่ย
อืมไม่เอาดีกว่า ยังไงก็ไม่เล่น พนันบอล จะเอาไปทำไม
เรามาเพื่อเพจเจอร์หุ้น
ผมก็ดูราคาเลยครับ
อืม ดีจัง ราคาถูกลงมากเลยนะเนี่ย รู้สึกจะ 5-6 พันบาทมั้งครับ
เครื่องก็เล็กลง พกสะดวกด้วย แถมถ้าเพิ่ม เงินรายเดือน ก็สามารถ รับข้อความเหมือนเพจเจอร์ปกติได้ด้วย
(ซึ่ง เครื่องเก่า คราวที่แล้ว ไม่มี option นี้ ดูหุ้นได้อย่างเดียว)
แล้วรายเดือน สำหรับดูหุ้น รวมกับบริการเพจเจอร์ปกติ รวม 6-7 ร้อยบาทต่อเดือนมั้งครับ จำไม่ค่อยได้
ราคาเครื่อง 5-6 พันบาท รายเดือน 6-7 ร้อย บาท
คราวก่อน เครื่อง หมื่นกว่า บาท รายเดือน พันกว่าบาท
กำไรเห็นๆ 555
( แบบ ตอนอยู่มหาลัยก็คิด สงสัยวันนี้ ต้องเสีย หมื่นกว่าบาทแน่ๆ)
เจออย่างนี้จะช้าไปใย ถูกกว่าที่คิด 555
เดินออกจากร้านทันที
ตู้ atm กด เงิน กลับมาที่ร้าน จ่ายเงิน
กลับบ้าน พร้อมเพจเจอร์ เครื่องงามๆ สุดจะมีความสุข 555
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 70
มารายงานตัวครับ ขอฟังด้วยคน
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 71
เฮ้อ เล่นหุ้นยังไงดีเนี่ย
แล้วพอจะเดาออกมั้ยครับ ว่า ( ยกมาจากการเริ่มเล่นหุ้น ยกที่ 2)
การเดินทางในตลาดหุ้นของผมกำลังเดินไปทางไหน
1. ไม่มีความรู้ เปลี่ยนเป็น มีความรู้ในเรื่อง หุ้น บ้างในด้านชื่อ บริษัท และการขึ้นลงของราคา และการเก็งกำไร
2. มีราคาหุ้นให้ดูตลอดเวลา
3. มีรายเดือนที่ผมนั่งจ่าย พันกว่าบาท เปลี่ยนเป็น 6-7 ร้อยบาท ทำยังไงถึงจะหาเงินได้คุ้ม
ผมเดินเข้าเส้นทางของการเก็งกำไร อีกแล้วเหรอเนี่ย
แต่ผมเป็นคนไม่ชอบมีหนี้ครับ เลยมักจะ วางกรอบ ของความสูญเสียที่พอจะรับได้อยู่เสมอ
ใช่ครับ สิ่งที่ผมคิด ออกคือ เล่นหุ้นมันจะมีวิธีอื่นอีกเหรอ เล่นหุ้นมันก็เล่นกันอย่างนี้แหละ
คิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าจะเล่นวิธีอื่นได้อย่างไร
เอางี้ดีกว่า ถ้ากลัวว่า การซื้อ ขาย หุ้น แทบทุกวัน มันอาจจะทำให้มีปัญหากับที่บ้าน ใช่มั้ย
งั้น เราก็เล่นแบบเดิม นั่นแหละ แต่ซื้อขายให้ช้าลง และ ความถี่น้อยกว่าเดิม
อย่างน้อยๆ ถ้าที่บ้าน จะมาว่าเรา จะได้บอกได้ว่า เนี่ย เล่นน้อยลงตั้งเยอะแล้วนะ
(นั่นแปลว่า จะทำให้ เวลาในการถือครองหุ้น จะยาวนานขึ้น ปริมาณ ซื้อและขาย จะน้อยลง อย่างแน่นอน โดย บังเอิญ ซึ่ง ในขณะนั้น ก็ไม่ได้คิด ถึงจุดนี้เลย )
แล้วพอจะเดาออกมั้ยครับ ว่า ( ยกมาจากการเริ่มเล่นหุ้น ยกที่ 2)
การเดินทางในตลาดหุ้นของผมกำลังเดินไปทางไหน
1. ไม่มีความรู้ เปลี่ยนเป็น มีความรู้ในเรื่อง หุ้น บ้างในด้านชื่อ บริษัท และการขึ้นลงของราคา และการเก็งกำไร
2. มีราคาหุ้นให้ดูตลอดเวลา
3. มีรายเดือนที่ผมนั่งจ่าย พันกว่าบาท เปลี่ยนเป็น 6-7 ร้อยบาท ทำยังไงถึงจะหาเงินได้คุ้ม
ผมเดินเข้าเส้นทางของการเก็งกำไร อีกแล้วเหรอเนี่ย
แต่ผมเป็นคนไม่ชอบมีหนี้ครับ เลยมักจะ วางกรอบ ของความสูญเสียที่พอจะรับได้อยู่เสมอ
ใช่ครับ สิ่งที่ผมคิด ออกคือ เล่นหุ้นมันจะมีวิธีอื่นอีกเหรอ เล่นหุ้นมันก็เล่นกันอย่างนี้แหละ
คิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าจะเล่นวิธีอื่นได้อย่างไร
เอางี้ดีกว่า ถ้ากลัวว่า การซื้อ ขาย หุ้น แทบทุกวัน มันอาจจะทำให้มีปัญหากับที่บ้าน ใช่มั้ย
งั้น เราก็เล่นแบบเดิม นั่นแหละ แต่ซื้อขายให้ช้าลง และ ความถี่น้อยกว่าเดิม
อย่างน้อยๆ ถ้าที่บ้าน จะมาว่าเรา จะได้บอกได้ว่า เนี่ย เล่นน้อยลงตั้งเยอะแล้วนะ
(นั่นแปลว่า จะทำให้ เวลาในการถือครองหุ้น จะยาวนานขึ้น ปริมาณ ซื้อและขาย จะน้อยลง อย่างแน่นอน โดย บังเอิญ ซึ่ง ในขณะนั้น ก็ไม่ได้คิด ถึงจุดนี้เลย )
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 72
ชาญฉลาด จริงๆ (จริงเปล่า)
แก้ไข จุดอ่อน และคิดวิธี เล่น หุ้น สำหรับรอบนี้ได้ภายในพริบตา 555
ตอนนี้ผมมี สองพอร์ต
พอร์ตชื่อพ่อ ที่เป็นหุ้น มูลค่า 6-8 หมื่นบาท กับโบรกเกอร์แห่งแรก
พอร์ตของผม ที่มีแต่เงินสด แสนกว่าบาท กับ บล. นว
เริ่ม ยังไงดี
ดูง่ายๆ มีหุ้น 6-8 หมื่น บาท มีเงินสด แสน กว่าบาท
เงินสด มากกว่า หุ้น
คำตอบคือ ต้องซื้อ 555 (เป็น คนมีเหตุผลมากเลยเนอะ)
ซื้ออะไร ดี
ช่วง นี้มีดูโทรทัศน์ รายการเกี่ยวกับหุ้น ชอบพูด PE , P/BV
PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูงแปลว่าแพง
P/BV ต่ำ แปลว่าถูก ยิ่งต่ำกว่า 1 แปลว่าต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี มากกว่า 1 แปลว่า สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี
รู้เท่านี้แหละ เกี่ยวกับ PE และ P/BV
เปิดหนังสือพิมพ์ หน้าหุ้น สะดุดใจเลย ที่ RCL หุ้นอะไร PE ต่ำ P/BV ต๊ำต่ำ แต่รู้ครับว่าเป็นหุ้นเดินเรือ รู้เท่านั้น
ช่วงเช้า โทรหาคุณ มีเซล เลยครับ
หุ้น RCL ดูเป็นไงครับ
- อืม หุ้นกลุ่มเดินเรือ ก็ดูดีนะค่ะ
ถ้าซื้อแล้วมันจะมีแนวโน้มขึ้นมั้ยครับ
- ถ้าอย่างนั้น ค่อยๆซื้อดีมั้ยค่ะ
Ok ตกลงครับ งั้น ซื้อที่ ราคา..บาท จำนวน..บาท
- Confirm ค่ะ
แล้วช่วยดูหุ้นให้ด้วยนะครับ (จริงๆ ผมก็นั่งดูราคาเองด้วยล่ะ เพราะผมก็มี เพจหุ้น ครับ)
- ค่ะ
แล้วก็ ไปเรียนหนังสือ ตามปกติ
ช่วงบ่าย ก็เห็นจากเพจแล้วแหละ ว่า ราคา RCL ขยับขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าขายก็กำไร
แต่ด้วยแผนที่วางไว้ว่า จะซื้อขายให้น้อยลงจะได้ไม่มีปัญหากับที่บ้าน ก็เลยคิดว่าถือไปก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น คุณ มีเซล โทรมา
สวัสดีครับ
- คุณค่ะ RCL ราคาขึ้นมาแล้วนะค่ะ
อ๋อครับ ขึ้นมาเป็นเท่าไหร่เหรอ ครับ ( ผมรู้อยู่ เพราะผมมีเพจหุ้น)
- ราคา .. บาท ค่ะ ขายดีมั้ยค่ะ เก่งจังซื้อแล้วก็ขึ้นเลย
ยังไม่ขายดีกว่าครับ ไว้เดี๋ยวขอดูไปก่อน
แล้วก็วางสายไป
แต่หลังจากนั้น ไม่รู้เพราะอะไร ผมวุ่นวายใจจัง วุ่นวายใจ หลังจากที่คุณ มีเซลโทรมา แนะให้ขาย
ตอนแรกที่เห็นราคาขึ้นมาผมยังรู้สึกเฉยๆ ก็ดี มีกำไร ประมาณนี้
มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น
ผมคิดว่า อย่างนี้ ถ้าราคาตกลงไป แล้วจะทำไง
คุณมีเซล ต้องพูดแน่เลย น่าจะขายไปตั้งแต่ราคานู้นราคานี้ รวมถึง ผมต้องมานั่งเสียดายด้วย
อืม วุ่นวายใจไม่หยุดยั้ง
หยิบมือถือแล้วครับ
คุณมีเซล ok ครับ ตกลงขาย RCL ที่ ราคา..บาท จำนวน .. หุ้น
- ค่ะ confirm ค่ะ แล้วสนใจตัวอื่นอีกเปล่าค่ะ
ก็ยังไม่มีนะครับ งั้นเท่านี้นะครับ
- ค่ะ ขอบคุณค่ะ
งง กับตัวเองอยู่เลยครับ
นี่มันเกิดอะไรกับผมอ่ะครับ ใครตอบได้บ้าง ให้ผมกระจ่าง
ตอนแรกผมไม่คิดจะขายหุ้นนะ
แล้วทำไม ผมถึงโทรไปขายเนี่ย งง
แก้ไข จุดอ่อน และคิดวิธี เล่น หุ้น สำหรับรอบนี้ได้ภายในพริบตา 555
ตอนนี้ผมมี สองพอร์ต
พอร์ตชื่อพ่อ ที่เป็นหุ้น มูลค่า 6-8 หมื่นบาท กับโบรกเกอร์แห่งแรก
พอร์ตของผม ที่มีแต่เงินสด แสนกว่าบาท กับ บล. นว
เริ่ม ยังไงดี
ดูง่ายๆ มีหุ้น 6-8 หมื่น บาท มีเงินสด แสน กว่าบาท
เงินสด มากกว่า หุ้น
คำตอบคือ ต้องซื้อ 555 (เป็น คนมีเหตุผลมากเลยเนอะ)
ซื้ออะไร ดี
ช่วง นี้มีดูโทรทัศน์ รายการเกี่ยวกับหุ้น ชอบพูด PE , P/BV
PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูงแปลว่าแพง
P/BV ต่ำ แปลว่าถูก ยิ่งต่ำกว่า 1 แปลว่าต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี มากกว่า 1 แปลว่า สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี
รู้เท่านี้แหละ เกี่ยวกับ PE และ P/BV
เปิดหนังสือพิมพ์ หน้าหุ้น สะดุดใจเลย ที่ RCL หุ้นอะไร PE ต่ำ P/BV ต๊ำต่ำ แต่รู้ครับว่าเป็นหุ้นเดินเรือ รู้เท่านั้น
ช่วงเช้า โทรหาคุณ มีเซล เลยครับ
หุ้น RCL ดูเป็นไงครับ
- อืม หุ้นกลุ่มเดินเรือ ก็ดูดีนะค่ะ
ถ้าซื้อแล้วมันจะมีแนวโน้มขึ้นมั้ยครับ
- ถ้าอย่างนั้น ค่อยๆซื้อดีมั้ยค่ะ
Ok ตกลงครับ งั้น ซื้อที่ ราคา..บาท จำนวน..บาท
- Confirm ค่ะ
แล้วช่วยดูหุ้นให้ด้วยนะครับ (จริงๆ ผมก็นั่งดูราคาเองด้วยล่ะ เพราะผมก็มี เพจหุ้น ครับ)
- ค่ะ
แล้วก็ ไปเรียนหนังสือ ตามปกติ
ช่วงบ่าย ก็เห็นจากเพจแล้วแหละ ว่า ราคา RCL ขยับขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าขายก็กำไร
แต่ด้วยแผนที่วางไว้ว่า จะซื้อขายให้น้อยลงจะได้ไม่มีปัญหากับที่บ้าน ก็เลยคิดว่าถือไปก่อน
ไม่นานหลังจากนั้น คุณ มีเซล โทรมา
สวัสดีครับ
- คุณค่ะ RCL ราคาขึ้นมาแล้วนะค่ะ
อ๋อครับ ขึ้นมาเป็นเท่าไหร่เหรอ ครับ ( ผมรู้อยู่ เพราะผมมีเพจหุ้น)
- ราคา .. บาท ค่ะ ขายดีมั้ยค่ะ เก่งจังซื้อแล้วก็ขึ้นเลย
ยังไม่ขายดีกว่าครับ ไว้เดี๋ยวขอดูไปก่อน
แล้วก็วางสายไป
แต่หลังจากนั้น ไม่รู้เพราะอะไร ผมวุ่นวายใจจัง วุ่นวายใจ หลังจากที่คุณ มีเซลโทรมา แนะให้ขาย
ตอนแรกที่เห็นราคาขึ้นมาผมยังรู้สึกเฉยๆ ก็ดี มีกำไร ประมาณนี้
มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น
ผมคิดว่า อย่างนี้ ถ้าราคาตกลงไป แล้วจะทำไง
คุณมีเซล ต้องพูดแน่เลย น่าจะขายไปตั้งแต่ราคานู้นราคานี้ รวมถึง ผมต้องมานั่งเสียดายด้วย
อืม วุ่นวายใจไม่หยุดยั้ง
หยิบมือถือแล้วครับ
คุณมีเซล ok ครับ ตกลงขาย RCL ที่ ราคา..บาท จำนวน .. หุ้น
- ค่ะ confirm ค่ะ แล้วสนใจตัวอื่นอีกเปล่าค่ะ
ก็ยังไม่มีนะครับ งั้นเท่านี้นะครับ
- ค่ะ ขอบคุณค่ะ
งง กับตัวเองอยู่เลยครับ
นี่มันเกิดอะไรกับผมอ่ะครับ ใครตอบได้บ้าง ให้ผมกระจ่าง
ตอนแรกผมไม่คิดจะขายหุ้นนะ
แล้วทำไม ผมถึงโทรไปขายเนี่ย งง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 73
อ.ไพบูลย์ ฝากเชิญพี่ออกรายการ moneytalk daily ครับ
มาเล่าประสบการณ์ในการลงทุนแบบนี้น่าสนใจมากครับ
มาเล่าประสบการณ์ในการลงทุนแบบนี้น่าสนใจมากครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 75
ตอนแรกรออ่านประสบการณ์จริง
แต่ตอนนี้รอฟัง และรอดูตัวจริงเลยดีก่า
แต่ตอนนี้รอฟัง และรอดูตัวจริงเลยดีก่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 76
ประสบการณ์ของพี่ๆทุกคนในเวบนี้ มีค่าสำหรับเด็กๆรุ่นผมอย่างมากเลยครับ
ผมโชคดีที่ได้มาเจอ ThaiVI ก่อนจะลงทุน
ขอบคุณครับ
ผมโชคดีที่ได้มาเจอ ThaiVI ก่อนจะลงทุน
ขอบคุณครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 77
ขอบคุณครับ
ท่านอาจารย์ ไพบูลย์ และ คุณเด็กใหม่ไฟแรง
ผมขอน้อมรับ เกียรติ จากคำเชิญ ด้วยความ ปลาบปลื้ม และยินดียิ่งครับ
แต่ผมอยากจะขอ ที่จะเล่าเรื่องราว ไปก่อน ถ้ายังคงพอจะมีคนสนใจอ่าน
และถ้าผมเล่าเรื่องราว ไปมากกว่านี้สักระยะ
แล้วท่าน อาจารย์ไพยูลย์ ยังคงคิดว่า การที่ผมจะได้ออกรายการ แล้วตัวผม สิ่งที่ผมรู้ สิ่งที่ผมมี พอจะสามารถ ให้ ประโยชน์ แก่ ผู้อื่นได้
ผมก็ยินดีที่จะไปออกรายการครับ
ปล. ตอนที่ผมนั่งดู รายการ moneytalk daily ซึ่งผมก็ดูบ่อยนะครับ
ผมยังคิดว่า ถ้าวันนึงผมได้มีโอกาส ไปออกรายการก็คงดีไม่ใช่น้อย
ยังเคยพูดกับคุณแม่ของผมเลยครับ ว่า ถ้าผมได้ไปออกจะรู้สึกยังไง
ด้วยความบังเอิญครับ คุณแม่ผม เคยเรียน หนังสือ สมัยเด็กๆ กับ อ. เสน่ห์
ที่โรงเรียนเดียวกัน ที่ต่างจังหวัด ผมก็เลยลองถามดูว่า ถ้าได้ออกโทรทัศน์ รายการนี้ นั่งข้างๆ อ.เสน่ห์ จะรู้สึกยังไง
คุณแม่ ผมก็ยิ้มๆ ครับ แบบว่า ก็คงดี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก
(ใครจะไม่อยากออกโทรทัศน์ครับ เท่ห์ออก)
ท่านอาจารย์ ไพบูลย์ และ คุณเด็กใหม่ไฟแรง
ผมขอน้อมรับ เกียรติ จากคำเชิญ ด้วยความ ปลาบปลื้ม และยินดียิ่งครับ
แต่ผมอยากจะขอ ที่จะเล่าเรื่องราว ไปก่อน ถ้ายังคงพอจะมีคนสนใจอ่าน
และถ้าผมเล่าเรื่องราว ไปมากกว่านี้สักระยะ
แล้วท่าน อาจารย์ไพยูลย์ ยังคงคิดว่า การที่ผมจะได้ออกรายการ แล้วตัวผม สิ่งที่ผมรู้ สิ่งที่ผมมี พอจะสามารถ ให้ ประโยชน์ แก่ ผู้อื่นได้
ผมก็ยินดีที่จะไปออกรายการครับ
ปล. ตอนที่ผมนั่งดู รายการ moneytalk daily ซึ่งผมก็ดูบ่อยนะครับ
ผมยังคิดว่า ถ้าวันนึงผมได้มีโอกาส ไปออกรายการก็คงดีไม่ใช่น้อย
ยังเคยพูดกับคุณแม่ของผมเลยครับ ว่า ถ้าผมได้ไปออกจะรู้สึกยังไง
ด้วยความบังเอิญครับ คุณแม่ผม เคยเรียน หนังสือ สมัยเด็กๆ กับ อ. เสน่ห์
ที่โรงเรียนเดียวกัน ที่ต่างจังหวัด ผมก็เลยลองถามดูว่า ถ้าได้ออกโทรทัศน์ รายการนี้ นั่งข้างๆ อ.เสน่ห์ จะรู้สึกยังไง
คุณแม่ ผมก็ยิ้มๆ ครับ แบบว่า ก็คงดี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก
(ใครจะไม่อยากออกโทรทัศน์ครับ เท่ห์ออก)
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 78
ตอนที่ผมกำลัง งง อยู่นั้น
เป็นชั่วโมงเรียน คาบสุดท้ายของวัน ซึ่งผมไม่มีเรียน
แต่ผมจะต้องรอเพื่อนๆ เพื่อเดินทางไป สู้รบ ตามร้านเกมต่างๆ
(เกม เป็นสิ่งที่พอจะหาประโยชน์ ได้บ้าง ไม่มาก ก็น้อย ถ้าเราเข้าใจว่านี่เป็นเพียงเกม เกมที่กดเริ่มต้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากชีวิตจริงอย่างสิ้นเชิง และลักษณะ ของเกม มักจะจำลอง จากเหตุการณ์ บางอย่าง และเสริมแต่ง การได้เล่น ได้เห็นการจัดให้เป็นฉากของเกม แล้ว การเผชิญ ปัญหาในเกม อาจจะทำให้ เครียดบ้างและได้คิด พยายามหาทางแก้ไข หรือ เมื่อเราสามารถชนะเกมได้ ก็จะเกิด ความภูมิใจ ซึ่งถ้า เล่น แล้วคิด ให้ถูกทาง ก็จะเป็นการ พัฒนาความคิดและมุมมอง ฝึกไหวพริบ ของตนเอง ก็เป็นประโยชน์หนึ่งจากเกม แต่ถ้าเราละเว้นการ คิด ก็อาจจะมองไม่เห็นสิ่งดีๆ บางอย่างที่เราควรจะได้ หรือ สิ่งแย่ๆ ที่เรา ไม่ควรจะทำ ซึ่ง ก็คล้าย ประสบการณ์ทางอ้อม )
ผมจึงไป นั่งเล่นรอ ที่แถว ประตูใหญ่ ซึ่งก็นัดเพื่อนๆไว้ที่นี่
ผมมีความ งง อยู่กับตัว นี่ครับ ( ไม่แน่ใจ ว่า งง หรือ โง่ 555 แต่เวลา งง ส่วน
ใหญ่ มักจะแปลว่าเรามีเรื่องที่ โง่ อยู่ (เรื่องที่ยังไม่รู้) 555)
ผมก็เลยคิด
เอ่ะ นี่..มันเกิดอะไรกับผม นี่..ผมเป็นอะไรไป
ตอนแรกผมไม่คิดจะขายหุ้นนะ แล้วทำไม ผมถึงโทรไปขายเนี่ย
อืม ตอนที่ผม เล่นกับ โบรกเกอร์ แรก ผมไม่เห็น เจอความรู้สึกแบบนี้เลยนี่นา
เอ่ คุณ มีเซล เห็นหุ้นขึ้น ก็เลย โทรมา แจ้ง ว่าราคา ขึ้น แล้วแนะนำขาย
เอ่ โบรกเกอร์แรก ไม่เคยเห็นมาทำอย่างนี้เลยนะ หรือ ตอนนั้น ผมซื้อขายเร็วจนโบรกเกอร์ แรก โทรมาแจ้งแล้วแนะ ซื้อ ขายไม่ทัน
ทำไมน่ะ หรือว่า ใช่ๆ คุณ มีเซล ดูเป็นคน อัชฌาสัยดี พูดจาดี ไพเราะ
เค้าคงเอาใจใส่เรามั้ง แล้วก็คิดว่า ถ้าถือ ต่อมันอาจจะลงได้
เค้าเลยคิดว่า อยากให้ผมมีกำไร ก็เลยอยากให้ผมขายไปก่อนล่ะมั้ง
เค้าดีขนาดนี้เลย เหรอ หรือว่ายังไง
แล้วสิ่งที่ผมคิด ต่างๆ ก็สะดุดลง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คำตอบชัดเจนนัก
เพราะ เป็นเวลา เลิกเรียนแล้วครับ ก็เริ่ม มีนักศึกษา เดินมาที่ประตูใหญ่นี้ มากขึ้นเรื่อยๆ
จนเริ่มดูวุ่นวาย แล้วก็วุ่นวายมากขึ้น เรื่อยๆ ตามปริมาณคน
ผมจึง เงยหน้าขึ้น แล้วมอง
โอ้ โห๋ วิว สวย มากๆ เลยครับ
มองทางนู้น ก็สวย มองทางนี้ก็สวย สวยเต็มไปหมด
อยากให้เป็นแบบนี้นานๆ จัง
นั่งอยู่ ก็ได้ยิน เสียง จาก ผู้หญิง คุยกัน
เรียนวิชานี้น่าเบื่อจัง
ผมก็มองไปที่คนนั้น ในใจผมก็คิดว่า เรียนวิชา ไหนเหรอ ขอไปเรียนด้วยได้มั้ย อยากไปเรียนด้วยจัง
สอบ quiz อะไรเนี่ย ยากจัง
วิชาไหนเหรอ ให้ผมติวให้มั้ยครับ 555 ตัวเอง เรียนหนังสือ ยังไม่ค่อยจะรอดเลย
ไม่รู้ผู้ชายคนอื่น จะคิดเหมือนผมมั้ยนะ 555
ใช่มั้ยครับ เป็นแบบนี้ จะเอาสมาธิที่ไหนไปคิด เรื่องที่งงอยู่ต่อได้
แปลกมั้ยครับ ที่ๆผมนั่งอยู่ ตั้งนาน ก็เป็นประตูกว้างๆ ใหญ่ๆ สถาปัตยกรรม ก็สวยดี
แต่ เลิกเรียน เท่านั้นแหละ ความสวย งาม กลับเพิ่มขึ้นมาก
แล้วผมก็ยังนั่งต่อไป ถึงแม้ เพื่อนๆผม จะมาครบแล้ว แต่พวกเค้าก็ ยินดีนั่ง กับผมด้วย ด้วยความเต็มใจ
หลังจากนั้นสักพัก วิวที่สวย งาม ก็ ค่อยๆลดลง จนกลับสู่ภาวะ ปกติ จน
คล้าย ตอนที่ผมนั่งอยู่ตอนแรก
อืม ความสวยงาม มันเคลื่อนที่ได้ แฮะ 555
เป็นชั่วโมงเรียน คาบสุดท้ายของวัน ซึ่งผมไม่มีเรียน
แต่ผมจะต้องรอเพื่อนๆ เพื่อเดินทางไป สู้รบ ตามร้านเกมต่างๆ
(เกม เป็นสิ่งที่พอจะหาประโยชน์ ได้บ้าง ไม่มาก ก็น้อย ถ้าเราเข้าใจว่านี่เป็นเพียงเกม เกมที่กดเริ่มต้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากชีวิตจริงอย่างสิ้นเชิง และลักษณะ ของเกม มักจะจำลอง จากเหตุการณ์ บางอย่าง และเสริมแต่ง การได้เล่น ได้เห็นการจัดให้เป็นฉากของเกม แล้ว การเผชิญ ปัญหาในเกม อาจจะทำให้ เครียดบ้างและได้คิด พยายามหาทางแก้ไข หรือ เมื่อเราสามารถชนะเกมได้ ก็จะเกิด ความภูมิใจ ซึ่งถ้า เล่น แล้วคิด ให้ถูกทาง ก็จะเป็นการ พัฒนาความคิดและมุมมอง ฝึกไหวพริบ ของตนเอง ก็เป็นประโยชน์หนึ่งจากเกม แต่ถ้าเราละเว้นการ คิด ก็อาจจะมองไม่เห็นสิ่งดีๆ บางอย่างที่เราควรจะได้ หรือ สิ่งแย่ๆ ที่เรา ไม่ควรจะทำ ซึ่ง ก็คล้าย ประสบการณ์ทางอ้อม )
ผมจึงไป นั่งเล่นรอ ที่แถว ประตูใหญ่ ซึ่งก็นัดเพื่อนๆไว้ที่นี่
ผมมีความ งง อยู่กับตัว นี่ครับ ( ไม่แน่ใจ ว่า งง หรือ โง่ 555 แต่เวลา งง ส่วน
ใหญ่ มักจะแปลว่าเรามีเรื่องที่ โง่ อยู่ (เรื่องที่ยังไม่รู้) 555)
ผมก็เลยคิด
เอ่ะ นี่..มันเกิดอะไรกับผม นี่..ผมเป็นอะไรไป
ตอนแรกผมไม่คิดจะขายหุ้นนะ แล้วทำไม ผมถึงโทรไปขายเนี่ย
อืม ตอนที่ผม เล่นกับ โบรกเกอร์ แรก ผมไม่เห็น เจอความรู้สึกแบบนี้เลยนี่นา
เอ่ คุณ มีเซล เห็นหุ้นขึ้น ก็เลย โทรมา แจ้ง ว่าราคา ขึ้น แล้วแนะนำขาย
เอ่ โบรกเกอร์แรก ไม่เคยเห็นมาทำอย่างนี้เลยนะ หรือ ตอนนั้น ผมซื้อขายเร็วจนโบรกเกอร์ แรก โทรมาแจ้งแล้วแนะ ซื้อ ขายไม่ทัน
ทำไมน่ะ หรือว่า ใช่ๆ คุณ มีเซล ดูเป็นคน อัชฌาสัยดี พูดจาดี ไพเราะ
เค้าคงเอาใจใส่เรามั้ง แล้วก็คิดว่า ถ้าถือ ต่อมันอาจจะลงได้
เค้าเลยคิดว่า อยากให้ผมมีกำไร ก็เลยอยากให้ผมขายไปก่อนล่ะมั้ง
เค้าดีขนาดนี้เลย เหรอ หรือว่ายังไง
แล้วสิ่งที่ผมคิด ต่างๆ ก็สะดุดลง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คำตอบชัดเจนนัก
เพราะ เป็นเวลา เลิกเรียนแล้วครับ ก็เริ่ม มีนักศึกษา เดินมาที่ประตูใหญ่นี้ มากขึ้นเรื่อยๆ
จนเริ่มดูวุ่นวาย แล้วก็วุ่นวายมากขึ้น เรื่อยๆ ตามปริมาณคน
ผมจึง เงยหน้าขึ้น แล้วมอง
โอ้ โห๋ วิว สวย มากๆ เลยครับ
มองทางนู้น ก็สวย มองทางนี้ก็สวย สวยเต็มไปหมด
อยากให้เป็นแบบนี้นานๆ จัง
นั่งอยู่ ก็ได้ยิน เสียง จาก ผู้หญิง คุยกัน
เรียนวิชานี้น่าเบื่อจัง
ผมก็มองไปที่คนนั้น ในใจผมก็คิดว่า เรียนวิชา ไหนเหรอ ขอไปเรียนด้วยได้มั้ย อยากไปเรียนด้วยจัง
สอบ quiz อะไรเนี่ย ยากจัง
วิชาไหนเหรอ ให้ผมติวให้มั้ยครับ 555 ตัวเอง เรียนหนังสือ ยังไม่ค่อยจะรอดเลย
ไม่รู้ผู้ชายคนอื่น จะคิดเหมือนผมมั้ยนะ 555
ใช่มั้ยครับ เป็นแบบนี้ จะเอาสมาธิที่ไหนไปคิด เรื่องที่งงอยู่ต่อได้
แปลกมั้ยครับ ที่ๆผมนั่งอยู่ ตั้งนาน ก็เป็นประตูกว้างๆ ใหญ่ๆ สถาปัตยกรรม ก็สวยดี
แต่ เลิกเรียน เท่านั้นแหละ ความสวย งาม กลับเพิ่มขึ้นมาก
แล้วผมก็ยังนั่งต่อไป ถึงแม้ เพื่อนๆผม จะมาครบแล้ว แต่พวกเค้าก็ ยินดีนั่ง กับผมด้วย ด้วยความเต็มใจ
หลังจากนั้นสักพัก วิวที่สวย งาม ก็ ค่อยๆลดลง จนกลับสู่ภาวะ ปกติ จน
คล้าย ตอนที่ผมนั่งอยู่ตอนแรก
อืม ความสวยงาม มันเคลื่อนที่ได้ แฮะ 555
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 79
:shock: :shock:ด้วยความบังเอิญครับ คุณแม่ผม เคยเรียน หนังสือ สมัยเด็กๆ กับ อ. เสน่ห์
คุณแม่เป็นลูกศิษย์ อ.เสน่ห์ หรือเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกะ อ.เสน่ห์ คะ
คือตกใจนี่ไม่ใช่ไรนะ ถ้าเป็นศิษย์จานเหน่ นี่ กะลังสงสัยว่าจานเหน่อายุปาไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย
ปล.เขียนต่อนะคะ อ่านสนุกดีค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 81
แล้วก็ถึงคืนวันเดียวกันนั้น ครับ
เรื่องที่ ผม งง เมื่อตอนเย็น แล้วมาคิดอีกที ก็คิดได้แบบเดิม ก็เลยพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
อืม วันนี้ เราได้ กำไร จากหุ้นนี่นา (วันๆ กลับมาแทนที่จะอ่านหนังสือ คิดแต่เรื่องหุ้นเนอะ)
เราได้ กำไร จากที่ดูหนังสือพิมพ์ จากการใช้หลัก PE และ P/BV
แปลว่ามันได้ผลสิ เราถึงได้กำไร
แล้วตกลง คุณ PE และ คุณ P/BV มันคืออะไรกันแน่
เอา แล้วครับ เป็นเรื่อง
จะไปหาข้อมูล คุณ PE และ คุณ P/BV จากที่ไหนดีล่ะ
(ตอนนั้น internet ยังไม่เป็นที่นิยม เท่าตอนนี้ ซึ่งโดย ส่วนใหญ่ ยังต้องใช้วิธี ต่อสาย โดย modem
และก็ รับส่ง ข้อมูลช้ามาก บุคคลทั่วไป ยังยาก ต่อการใช้ ระบบ adsl ที่ใช้กันมากในสมัยนี้
ทำให้ internet ยังไม่ใช่ทางเลือก แรก ในการหาข้อมูล)
อืม เรื่องพวก นี้น่าจะเป็นพวกการเงินนะ
อืม เราเรียน วิชา finance อยู่ตัวนึง นี่นา แถมมีซื้อหนังสือไว้ด้วย
อืม เปิด ครับเปิด สารบัญ
อืม PE PE เจอแล้ว มีด้วยแฮะ ( หนังสือ ของผมเป็นภาษาอังกฤษนะครับ)
(555 คิดในใจ จริง ความรู้เรื่องนี้ มันอยู่ในห้องผมเองเนอะ อยู่ใกล้ ตัวผมมากเลย)
PE คือ
stock price(ราคาหุ้น) / (หาร) earning per share( กำไรต่อหุ้น)
ดังนั้น PE เลยแปลว่า สัดส่วน ราคาหุ้น ต่อกำไร(ต่อหุ้น)
แล้วยังไง ทำไม PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูง แปลว่าแพง มันมาจากไหนอ่ะ
เรื่องที่ ผม งง เมื่อตอนเย็น แล้วมาคิดอีกที ก็คิดได้แบบเดิม ก็เลยพักเรื่องนี้ไว้ก่อน
อืม วันนี้ เราได้ กำไร จากหุ้นนี่นา (วันๆ กลับมาแทนที่จะอ่านหนังสือ คิดแต่เรื่องหุ้นเนอะ)
เราได้ กำไร จากที่ดูหนังสือพิมพ์ จากการใช้หลัก PE และ P/BV
แปลว่ามันได้ผลสิ เราถึงได้กำไร
แล้วตกลง คุณ PE และ คุณ P/BV มันคืออะไรกันแน่
เอา แล้วครับ เป็นเรื่อง
จะไปหาข้อมูล คุณ PE และ คุณ P/BV จากที่ไหนดีล่ะ
(ตอนนั้น internet ยังไม่เป็นที่นิยม เท่าตอนนี้ ซึ่งโดย ส่วนใหญ่ ยังต้องใช้วิธี ต่อสาย โดย modem
และก็ รับส่ง ข้อมูลช้ามาก บุคคลทั่วไป ยังยาก ต่อการใช้ ระบบ adsl ที่ใช้กันมากในสมัยนี้
ทำให้ internet ยังไม่ใช่ทางเลือก แรก ในการหาข้อมูล)
อืม เรื่องพวก นี้น่าจะเป็นพวกการเงินนะ
อืม เราเรียน วิชา finance อยู่ตัวนึง นี่นา แถมมีซื้อหนังสือไว้ด้วย
อืม เปิด ครับเปิด สารบัญ
อืม PE PE เจอแล้ว มีด้วยแฮะ ( หนังสือ ของผมเป็นภาษาอังกฤษนะครับ)
(555 คิดในใจ จริง ความรู้เรื่องนี้ มันอยู่ในห้องผมเองเนอะ อยู่ใกล้ ตัวผมมากเลย)
PE คือ
stock price(ราคาหุ้น) / (หาร) earning per share( กำไรต่อหุ้น)
ดังนั้น PE เลยแปลว่า สัดส่วน ราคาหุ้น ต่อกำไร(ต่อหุ้น)
แล้วยังไง ทำไม PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูง แปลว่าแพง มันมาจากไหนอ่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 82
Stock price ก็คือราคาหุ้น ในตลาด ดูได้จากเพจหุ้น หรือ หนังสือพิมพ์ อันนี้เข้าใจอยู่
แต่ earning per share ที่แปลว่ากำไรต่อหุ้น มันคืออะไร มันมาจากไหนอ่ะ
ก็เลยต้องหา ว่า earning per share คือ อะไรต่อก่อน
Earning per share (ตัวย่อ EPS) คือ
profit ( กำไรทั้งหมด) /(หาร) number of shares (จำนวนหุ้นทั้งหมด)
อืม ก็จริงเนอะ เอากำไร มาหาร ด้วยจำนวนหุ้น ก็จะแปลว่าได้ค่า กำไร ต่อ หนึ่งหุ้น
Profit คือ กำไรทั้งหมด คงดูได้จาก งบกำไรขาดทุน บรรทัดสุดท้าย อันนี้รู้อยู่
แต่ number of shares คือ จำนวนหุ้นทั้งหมด มันดูที่ไหนเนี่ย
เจอโจทย์ไป เรื่อยๆ เมื่อไหร่จะเข้าใจเนี่ย
อืม ก็ได้แต่ดูตามไปเรื่อยๆ
อืม หนังสือ ก็เลยบอกว่า ถ้าจะดู จำนวนหุ้น ทั้งหมด ให้ไปดูที่ balance sheet( งบดุล ทรัพย์สิน และหนี้สิน) ตรงส่วนด้านหนี้สิน ที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ตรง ทุนที่ออก และชำระแล้ว
อืม ก็ ok เข้าใจล่ะ ดูตรงนี้นี่เอง
แต่ทั้งหมด ก็ยังไม่เข้าใจ ว่า ทำไม ทำไม PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูง แปลว่าแพง
นั่น แปลว่า หุ้น PE ที่ 5 เท่า ถูกกว่า หุ้น PE ที่ 10 เท่า ถูกกว่า หุ้น PE ที่ 15 เท่า
ตอนนี้เข้าใจ ตัว P และ ตัว E แล้ว ว่ามันมาจากไหน
ผมดูซ้ำไปซ้ำมา กับ ประโยค PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูง แปลว่าแพง ด้วยความสงสัยยิ่ง
แต่ earning per share ที่แปลว่ากำไรต่อหุ้น มันคืออะไร มันมาจากไหนอ่ะ
ก็เลยต้องหา ว่า earning per share คือ อะไรต่อก่อน
Earning per share (ตัวย่อ EPS) คือ
profit ( กำไรทั้งหมด) /(หาร) number of shares (จำนวนหุ้นทั้งหมด)
อืม ก็จริงเนอะ เอากำไร มาหาร ด้วยจำนวนหุ้น ก็จะแปลว่าได้ค่า กำไร ต่อ หนึ่งหุ้น
Profit คือ กำไรทั้งหมด คงดูได้จาก งบกำไรขาดทุน บรรทัดสุดท้าย อันนี้รู้อยู่
แต่ number of shares คือ จำนวนหุ้นทั้งหมด มันดูที่ไหนเนี่ย
เจอโจทย์ไป เรื่อยๆ เมื่อไหร่จะเข้าใจเนี่ย
อืม ก็ได้แต่ดูตามไปเรื่อยๆ
อืม หนังสือ ก็เลยบอกว่า ถ้าจะดู จำนวนหุ้น ทั้งหมด ให้ไปดูที่ balance sheet( งบดุล ทรัพย์สิน และหนี้สิน) ตรงส่วนด้านหนี้สิน ที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น ตรง ทุนที่ออก และชำระแล้ว
อืม ก็ ok เข้าใจล่ะ ดูตรงนี้นี่เอง
แต่ทั้งหมด ก็ยังไม่เข้าใจ ว่า ทำไม ทำไม PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูง แปลว่าแพง
นั่น แปลว่า หุ้น PE ที่ 5 เท่า ถูกกว่า หุ้น PE ที่ 10 เท่า ถูกกว่า หุ้น PE ที่ 15 เท่า
ตอนนี้เข้าใจ ตัว P และ ตัว E แล้ว ว่ามันมาจากไหน
ผมดูซ้ำไปซ้ำมา กับ ประโยค PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูง แปลว่าแพง ด้วยความสงสัยยิ่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 83
ผมเลยแปลแบบเดาๆว่า มันเป็นลักษณะ ความสัมพันธ์ และแปรผัน นี่นา
เลยแปลง คำพูด PE ต่ำ แปลว่า หุ้น ราคาต่ำ ถ้า PE สูง แปลว่า หุ้นราคาสูง
อืม เป็นความสัมพันธ์ ( คล้ายๆ ว่าเมื่ออย่างหนึ่ง เพิ่ม อีกอย่างก็เพิ่มด้วย)ไม่ได้แปรผัน
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/2 = 5
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 2 บาทเต็มๆ ต่อปี
ปี1 = 2 บาท ปี2 = 2 บาท ปี 3 = 2 บาท ปี 4= 2 บาท ปี 5 = 2 บาท
เอา 5 ปี มารวมกัน เท่ากับได้ 10 บาท เท่ากับต้นทุนหรือ ราคาหุ้นที่ซื้อมา
PE ก็เท่ากับ 5 แล้วเมื่อนำกำไรมาบวกกัน ก็ต้องใช้ 5 ปี เพื่อเท่ากับทุนที่จ่ายไป
ได้ค่า 5 เหมือนกันเลย
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/1 = 10
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 2 บาทเต็มๆ ต่อปี
ปี1 = 1 บาท ปี2 = 1 บาท ปี 3 = 1 บาท ปี 4= 1 บาท ปี 5 = 1 บาท จนถึงปีที่ 10
เอา 10 ปี มารวมกัน เท่ากับได้ 10 บาท เท่ากับต้นทุนหรือ ราคาหุ้นที่ซื้อมา
PE ก็เท่ากับ 10 แล้วเมื่อนำกำไรมาบวกกัน ก็ต้องใช้ 10 ปี เพื่อเท่ากับทุนที่จ่ายไป
ได้ค่า 10 เหมือนกันเลย
อย่างนี้ ค่า PE 5 เท่า ก็พอจะบอกได้ว่า ถ้าถือหุ้นตัวนี้ 5 ปี กำไรจะได้ทั้งหมด เท่ากับตอนที่เราจ่ายทุนไป
อย่างนี้ ค่า PE 10 เท่า ก็พอจะบอกได้ว่า ถ้าถือหุ้นตัวนี้ 10 ปี กำไรจะได้ทั้งหมด เท่ากับตอนที่เราจ่ายทุนไป
แล้วเมื่อ ลงทุน หุ้น PE 5 เท่า แล้วถือ 5 ปี ได้เงินคืนทุน มันก็แปลว่า หุ้นตัวนี้ย่อมจะถูกกว่า หุ้น PE 10เท่า ซึ่ง ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการคืนทุน
และณ เวลา นี้ ทำให้อยู่ๆ ผมคิดว่า อย่างนี้ ถ้าทำเป็น EP ล่ะ
E ( กำไรต่อหุ้น) /(หาร) P (ราคาต่อหุ้น)
(PE 5 เท่า)ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท E= 2 P=10 EP= 2/10 = 0.2และ เมื่อ เอาไปคูณ 100 จะออกมาเป็น % ซึ่งเท่ากับ 20% ได้ ผลตอบแทนปีละ 20% 5 ปี ก็เท่ากับ 100%
(PE 10 เท่า)ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท E= 1 P=10 EP= 1/10 = 0.1และ เมื่อ เอาไปคูณ 100 จะออกมาเป็น % ซึ่งเท่ากับ 10% ได้ ผลตอบแทนปีละ 10% 10 ปี ก็เท่ากับ 100%
ค่าตัวนี้ ที่ได้มา ก็จะสามารถ ทำให้เรานำไปคิดเปรียบเทียบกับการลงทุน ประเภทอื่นๆ
เช่น ฝากเงินได้ปีละ 6%
เลยแปลง คำพูด PE ต่ำ แปลว่า หุ้น ราคาต่ำ ถ้า PE สูง แปลว่า หุ้นราคาสูง
อืม เป็นความสัมพันธ์ ( คล้ายๆ ว่าเมื่ออย่างหนึ่ง เพิ่ม อีกอย่างก็เพิ่มด้วย)ไม่ได้แปรผัน
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/2 = 5
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 2 บาทเต็มๆ ต่อปี
ปี1 = 2 บาท ปี2 = 2 บาท ปี 3 = 2 บาท ปี 4= 2 บาท ปี 5 = 2 บาท
เอา 5 ปี มารวมกัน เท่ากับได้ 10 บาท เท่ากับต้นทุนหรือ ราคาหุ้นที่ซื้อมา
PE ก็เท่ากับ 5 แล้วเมื่อนำกำไรมาบวกกัน ก็ต้องใช้ 5 ปี เพื่อเท่ากับทุนที่จ่ายไป
ได้ค่า 5 เหมือนกันเลย
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/1 = 10
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 2 บาทเต็มๆ ต่อปี
ปี1 = 1 บาท ปี2 = 1 บาท ปี 3 = 1 บาท ปี 4= 1 บาท ปี 5 = 1 บาท จนถึงปีที่ 10
เอา 10 ปี มารวมกัน เท่ากับได้ 10 บาท เท่ากับต้นทุนหรือ ราคาหุ้นที่ซื้อมา
PE ก็เท่ากับ 10 แล้วเมื่อนำกำไรมาบวกกัน ก็ต้องใช้ 10 ปี เพื่อเท่ากับทุนที่จ่ายไป
ได้ค่า 10 เหมือนกันเลย
อย่างนี้ ค่า PE 5 เท่า ก็พอจะบอกได้ว่า ถ้าถือหุ้นตัวนี้ 5 ปี กำไรจะได้ทั้งหมด เท่ากับตอนที่เราจ่ายทุนไป
อย่างนี้ ค่า PE 10 เท่า ก็พอจะบอกได้ว่า ถ้าถือหุ้นตัวนี้ 10 ปี กำไรจะได้ทั้งหมด เท่ากับตอนที่เราจ่ายทุนไป
แล้วเมื่อ ลงทุน หุ้น PE 5 เท่า แล้วถือ 5 ปี ได้เงินคืนทุน มันก็แปลว่า หุ้นตัวนี้ย่อมจะถูกกว่า หุ้น PE 10เท่า ซึ่ง ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีในการคืนทุน
และณ เวลา นี้ ทำให้อยู่ๆ ผมคิดว่า อย่างนี้ ถ้าทำเป็น EP ล่ะ
E ( กำไรต่อหุ้น) /(หาร) P (ราคาต่อหุ้น)
(PE 5 เท่า)ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท E= 2 P=10 EP= 2/10 = 0.2และ เมื่อ เอาไปคูณ 100 จะออกมาเป็น % ซึ่งเท่ากับ 20% ได้ ผลตอบแทนปีละ 20% 5 ปี ก็เท่ากับ 100%
(PE 10 เท่า)ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท E= 1 P=10 EP= 1/10 = 0.1และ เมื่อ เอาไปคูณ 100 จะออกมาเป็น % ซึ่งเท่ากับ 10% ได้ ผลตอบแทนปีละ 10% 10 ปี ก็เท่ากับ 100%
ค่าตัวนี้ ที่ได้มา ก็จะสามารถ ทำให้เรานำไปคิดเปรียบเทียบกับการลงทุน ประเภทอื่นๆ
เช่น ฝากเงินได้ปีละ 6%
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 84
แล้ว คุณ P/BV ล่ะ คืออะไร ผมไม่ลืมคุณหรอก
ทำให้ผมได้กำไรวันนี้ 55
ก็ เปิด ไปหน้า P/BV
P/BV คือ
Stock price (ราคาหุ้นต่อหุ้น) / Book value ( มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น)
ดูคร่าวๆ ก็ง่ายมากนะ เข้าใจง่ายไม่มีปัญหาอะไร
Stock price ก็คือราคาหุ้น ในตลาด ดูได้จากเพจหุ้น หรือ หนังสือพิมพ์ อันนี้เข้าใจอยู่
Book value ก็คือ มูลค่า ทรัพย์สินทั้งหมด หนี้สิน จะได้ส่วนของผู้ถือหุ้น นี่แหละ มูลค่าที่เป็นของผู้ถือหุ้นทั้งหมด แล้วนำมาหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด ก็จะได้ค่า มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้น้อยกว่า 1
นั่นแปลค่า เราซื้อหุ้น ที่ P/BV ต่ำกว่า 1 เราได้หุ้นในราคาที่ถูกกว่า มูลค่าทางบัญชี (ทรัพย์สิน หนี้สิน) ที่มี
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้มากกว่า 1
นั่นแปลค่า เราซื้อหุ้น ที่ P/BV มากกว่า 1 เราได้หุ้นในราคาที่สูงกว่า มูลค่าทางบัญชี (ทรัพย์สิน หนี้สิน) ที่มี
Ok ผมพอจะเข้าใจแล้ว ว่า คุณ PE และ คุณ P/BV คืออะไร
ด้วยความสามารถ ที่ผมมีขณะนี้
ผมไม่แน่ใจว่า การเขียน เรื่อง คุณ PE และ คุณ P/BV
จะทำให้ผู้อ่าน รู้สึกยาก หรือ ง่ายต่อการเข้าใจขึ้นกันแน่
ซึ่ง เรื่อง PE และ P/BV เป็นความรู้ที่สำคัญ และเป็นพื้นฐาน ในการลงทุน แค่พื้นฐาน จริงๆนะครับ
แต่ถ้า อ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็สามารถ หาอ่านได้ตาม หนังสือหุ้นทั่วไป หรือ หนังสือทางการเงิน นะครับ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
พอผมได้เข้าใจ เรื่อง PE และ P/BV ผมก็รู้สึกดีนะครับ
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ อยู่ดีๆ อะไรนำพา ผมมาให้เข้าใจสิ่งๆนี้
ผมแค่เคยได้ยิน ประโยค
PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูงแปลว่าแพง
P/BV ต่ำ แปลว่าถูก ยิ่งต่ำกว่า 1 แปลว่าต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี มากกว่า 1 แปลว่า สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี
แล้วผมก็บังเอิญ ลองใช้หลักนี้ มองหุ้นที่จะซื้อ แล้วบังเอิญ กำไร (นิดหน่อย)
ผมอยากเปรียบ ประโยคนี้ ว่าความรู้ ซึ่งผมรู้ จากการดูโทรทัศน์ แล้วได้ ยินมาและจำได้
ผมอยากจะพูด เรื่องการ แตกฉาน ครับ
ถ้าผมเปรียบ ประโยค ความรู้นี้ เป็น เมล็ดพันธุ์
และเมื่อผมได้ความรู้ หรือเมล็ดพันธุ์ นี้มา ด้วยการดูโทรทัศน์ แล้วได้ยิน
ถ้าผมได้ยิน และไม่ใส่ และไม่สนใจอะไรในคำพูดนี้ ก็ดู คล้าย ผมโยน เมล็ดพันธุ์นี้ ทิ้งไป
แต่สิ่งที่เกิด ขึ้นคือ จดจำ และจำได้ ถ้าเปรียบ ก็เหมือน เอาเมล็ดพันธุ์ ฝังไว้ ในความคิด ของตัวเอง
และเมื่อเรา สนใจสิ่งที่จำได้ แล้วเริ่มทำความเข้าใจ กับสิ่งนั้น ผมว่ามันคล้ายๆ กับการที่เมล็ดพันธุ์เริ่มงอก
ยิ่งเรา เข้าใจดี เท่าไหร่ ก็เหมือน ราก ของต้นไม้นั้น ที่หยั่งรากลึกลงไป
แต่ถ้าเรา มีเพียงความเข้าใจอย่างเดียว ก็เหมือน ต้นไม้ที่มีรากแน่น มั่นคง แต่ตัวลำต้น ไม่ได้โตขึ้นเลย
แล้วจะทำอย่างไรให้ลำต้นโตขึ้นได้
ผมว่า คือการนำมาใช้ การนำสิ่งที่รู้ ที่เข้าใจ มาใช้ ประยุกต์ รูปแบบไม่จำกัด ก็เปรียบเหมือน ลำต้น ที่โตขึ้น และแผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่ว
ผมยังคงรู้สึกดีใจ ที่วันนี้ ผมเข้าใจ PE และ P/BV
ทำให้ผมได้กำไรวันนี้ 55
ก็ เปิด ไปหน้า P/BV
P/BV คือ
Stock price (ราคาหุ้นต่อหุ้น) / Book value ( มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น)
ดูคร่าวๆ ก็ง่ายมากนะ เข้าใจง่ายไม่มีปัญหาอะไร
Stock price ก็คือราคาหุ้น ในตลาด ดูได้จากเพจหุ้น หรือ หนังสือพิมพ์ อันนี้เข้าใจอยู่
Book value ก็คือ มูลค่า ทรัพย์สินทั้งหมด หนี้สิน จะได้ส่วนของผู้ถือหุ้น นี่แหละ มูลค่าที่เป็นของผู้ถือหุ้นทั้งหมด แล้วนำมาหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด ก็จะได้ค่า มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้น้อยกว่า 1
นั่นแปลค่า เราซื้อหุ้น ที่ P/BV ต่ำกว่า 1 เราได้หุ้นในราคาที่ถูกกว่า มูลค่าทางบัญชี (ทรัพย์สิน หนี้สิน) ที่มี
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้มากกว่า 1
นั่นแปลค่า เราซื้อหุ้น ที่ P/BV มากกว่า 1 เราได้หุ้นในราคาที่สูงกว่า มูลค่าทางบัญชี (ทรัพย์สิน หนี้สิน) ที่มี
Ok ผมพอจะเข้าใจแล้ว ว่า คุณ PE และ คุณ P/BV คืออะไร
ด้วยความสามารถ ที่ผมมีขณะนี้
ผมไม่แน่ใจว่า การเขียน เรื่อง คุณ PE และ คุณ P/BV
จะทำให้ผู้อ่าน รู้สึกยาก หรือ ง่ายต่อการเข้าใจขึ้นกันแน่
ซึ่ง เรื่อง PE และ P/BV เป็นความรู้ที่สำคัญ และเป็นพื้นฐาน ในการลงทุน แค่พื้นฐาน จริงๆนะครับ
แต่ถ้า อ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็สามารถ หาอ่านได้ตาม หนังสือหุ้นทั่วไป หรือ หนังสือทางการเงิน นะครับ
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
พอผมได้เข้าใจ เรื่อง PE และ P/BV ผมก็รู้สึกดีนะครับ
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ อยู่ดีๆ อะไรนำพา ผมมาให้เข้าใจสิ่งๆนี้
ผมแค่เคยได้ยิน ประโยค
PE ต่ำ แปลว่า ถูก PE สูงแปลว่าแพง
P/BV ต่ำ แปลว่าถูก ยิ่งต่ำกว่า 1 แปลว่าต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี มากกว่า 1 แปลว่า สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี
แล้วผมก็บังเอิญ ลองใช้หลักนี้ มองหุ้นที่จะซื้อ แล้วบังเอิญ กำไร (นิดหน่อย)
ผมอยากเปรียบ ประโยคนี้ ว่าความรู้ ซึ่งผมรู้ จากการดูโทรทัศน์ แล้วได้ ยินมาและจำได้
ผมอยากจะพูด เรื่องการ แตกฉาน ครับ
ถ้าผมเปรียบ ประโยค ความรู้นี้ เป็น เมล็ดพันธุ์
และเมื่อผมได้ความรู้ หรือเมล็ดพันธุ์ นี้มา ด้วยการดูโทรทัศน์ แล้วได้ยิน
ถ้าผมได้ยิน และไม่ใส่ และไม่สนใจอะไรในคำพูดนี้ ก็ดู คล้าย ผมโยน เมล็ดพันธุ์นี้ ทิ้งไป
แต่สิ่งที่เกิด ขึ้นคือ จดจำ และจำได้ ถ้าเปรียบ ก็เหมือน เอาเมล็ดพันธุ์ ฝังไว้ ในความคิด ของตัวเอง
และเมื่อเรา สนใจสิ่งที่จำได้ แล้วเริ่มทำความเข้าใจ กับสิ่งนั้น ผมว่ามันคล้ายๆ กับการที่เมล็ดพันธุ์เริ่มงอก
ยิ่งเรา เข้าใจดี เท่าไหร่ ก็เหมือน ราก ของต้นไม้นั้น ที่หยั่งรากลึกลงไป
แต่ถ้าเรา มีเพียงความเข้าใจอย่างเดียว ก็เหมือน ต้นไม้ที่มีรากแน่น มั่นคง แต่ตัวลำต้น ไม่ได้โตขึ้นเลย
แล้วจะทำอย่างไรให้ลำต้นโตขึ้นได้
ผมว่า คือการนำมาใช้ การนำสิ่งที่รู้ ที่เข้าใจ มาใช้ ประยุกต์ รูปแบบไม่จำกัด ก็เปรียบเหมือน ลำต้น ที่โตขึ้น และแผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่ว
ผมยังคงรู้สึกดีใจ ที่วันนี้ ผมเข้าใจ PE และ P/BV
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 85
Post ทียาวเลยครับ
เกรงใจคนอ่านจังครับ
แถมเป็นเรื่อง PE และ P/BV ซึ่งคนเล่นหุ้นที่มีประสบการณ์ มักจะเข้าใจแล้ว
แถมมี พิมพ์ ผิดเล็กน้อย นะครับ
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้มากกว่า 1
ต้องเป็น
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้มากกว่า 1
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/1 = 10
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 2 บาทเต็มๆ ต่อปี
ต้องเป็น
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/1 = 10
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 1 บาทเต็มๆ ต่อปี
เกรงใจคนอ่านจังครับ
แถมเป็นเรื่อง PE และ P/BV ซึ่งคนเล่นหุ้นที่มีประสบการณ์ มักจะเข้าใจแล้ว
แถมมี พิมพ์ ผิดเล็กน้อย นะครับ
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น ถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้มากกว่า 1
ต้องเป็น
ซึ่ง เมื่อราคาหุ้น สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี ค่า จะได้มากกว่า 1
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/1 = 10
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 2 บาทเต็มๆ ต่อปี
ต้องเป็น
ถ้าราคาหุ้น 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท ก็คือ P=10 E=2 PE=10/1 = 10
ถ้าเรามี หุ้นนี้ 1 หุ้น แล้วเราได้ 1 บาทเต็มๆ ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 88
เพราะ เรื่อง PE และ P/BV
คงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ในการเล่าเรื่องเกี่ยวกับหุ้น
แต่ด้วยการที่ จะนำเรื่องที่เป็นหลักการ มาพูดโดยวิธี การเล่า
ผมรู้สึก ค่อนข้าง ยาก
ถ้าผม พูด หรือ อธิบาย ผิด ประการใด
ขออภัยด้วยนะครับ
คงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ในการเล่าเรื่องเกี่ยวกับหุ้น
แต่ด้วยการที่ จะนำเรื่องที่เป็นหลักการ มาพูดโดยวิธี การเล่า
ผมรู้สึก ค่อนข้าง ยาก
ถ้าผม พูด หรือ อธิบาย ผิด ประการใด
ขออภัยด้วยนะครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 89
อ่านเข้าใจง่ายดีครับ
ชอบวิธีคิดของคุณ อาเหลียง ครับ
อย่างตอนยกตัวอย่างค่า P ก็จะมีการย้ำนิยามความเข้าใจทุกครั้ง
ไม่ใช่บอกว่ารู้อยู่แล้ว แล้วข้ามไปเลย
ชอบวิธีคิดของคุณ อาเหลียง ครับ
อย่างตอนยกตัวอย่างค่า P ก็จะมีการย้ำนิยามความเข้าใจทุกครั้ง
ไม่ใช่บอกว่ารู้อยู่แล้ว แล้วข้ามไปเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
ผมอยากเล่าเรื่อง ชีวิต ผมกับ ตลาดหุ้นจังเลยครับ
โพสต์ที่ 90
Ok ครับ พอครับพอ
สำหรับคืนที่ต้องมานั่ง หาข้อมูล ปวดหัวมากมาย
ตื่นขึ้นมา พร้อมกับรู้ ตัวว่า ตอนนี้ เรารู้จัก PE กับ P/BV แล้วนะ
( แค่รู้จักนะครับ แต่ยังไม่เข้าใจมากพอ)
รู้ แล้วจะใช้ยังไงเนี่ย
สงสัย ก็ต้องใช้แบบเมื่อวาน นั่นแหละ ไปหา หุ้น PE ต่ำ P/BV ต๊ำต่ำ
ตึ้ด... ตื้ดๆ... ตึ้ดตือ ตึ้ดตือ ตึ้ด
เสียงมือถือผมครับ
คุณ มีเซล โทรมา ช่วง สายนิดนึงครับ
สวัสดี ครับ
- ค่ะ มีเซล นะค่ะ
- คุณ ค่ะ ตอนนี้ ตลาด บวก xxx จุด ดัชนีอยู่ที่ xxx นะค่ะ มูลค่าซื้อขาย xxx บาทค่ะ
ครับผม
- วันนี้ เค้าเล่นหุ้น กลุ่ม xxx กันค่ะ
ครับ ( ในใจผมก็คิด โทรมา รายงาน สภาพตลาดด้วยเหรอ ดีเนอะ)
- สนใจหุ้นตัวไหนรึเปล่า ค่ะ
ด้วยความรู้สึก แปลกใจ ว่าดีจัง โทรมารายงานสภาพตลาดด้วย
ผมก็เลยตอบไปว่า ยังครับ เดี๋ยว ถ้าผมจะซื้อตัวไหน เดี๋ยว ผมโทรไปครับ
- ค่ะ
แล้วก็วางสายไป
อืม เมื่อวานนี้ตอนเย็น สรุปไว้ว่า
ทำไมน่ะ หรือว่า ใช่ๆ คุณ มีเซล ดูเป็นคน อัชฌาสัยดี พูดจาดี ไพเราะ
เค้าคงเอาใจใส่เรามั้ง แล้วก็คิดว่า ถ้าถือ ต่อมันอาจจะลงได้
เค้าเลยคิดว่า อยากให้ผมมีกำไร ก็เลยอยากให้ผมขายไปก่อนล่ะมั้ง
เค้าดีขนาดนี้เลย เหรอ หรือว่ายังไง
แถมมาวันนี้ ก็มี การโทรมารายงาน สภาพตลาด ด้วย
ตอนเล่น กับโบรกเกอร์ แรก ไม่เห็นมีเลย
อืม หรือ ที่เราสรุปไว้ เมื่อวาน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เค้าเอาใจใส่เราจริงๆนะเนี่ย
เค้าดีขนาดนี้ จริงๆ เหรอเนี่ย หรือว่ายังไง
สำหรับคืนที่ต้องมานั่ง หาข้อมูล ปวดหัวมากมาย
ตื่นขึ้นมา พร้อมกับรู้ ตัวว่า ตอนนี้ เรารู้จัก PE กับ P/BV แล้วนะ
( แค่รู้จักนะครับ แต่ยังไม่เข้าใจมากพอ)
รู้ แล้วจะใช้ยังไงเนี่ย
สงสัย ก็ต้องใช้แบบเมื่อวาน นั่นแหละ ไปหา หุ้น PE ต่ำ P/BV ต๊ำต่ำ
ตึ้ด... ตื้ดๆ... ตึ้ดตือ ตึ้ดตือ ตึ้ด
เสียงมือถือผมครับ
คุณ มีเซล โทรมา ช่วง สายนิดนึงครับ
สวัสดี ครับ
- ค่ะ มีเซล นะค่ะ
- คุณ ค่ะ ตอนนี้ ตลาด บวก xxx จุด ดัชนีอยู่ที่ xxx นะค่ะ มูลค่าซื้อขาย xxx บาทค่ะ
ครับผม
- วันนี้ เค้าเล่นหุ้น กลุ่ม xxx กันค่ะ
ครับ ( ในใจผมก็คิด โทรมา รายงาน สภาพตลาดด้วยเหรอ ดีเนอะ)
- สนใจหุ้นตัวไหนรึเปล่า ค่ะ
ด้วยความรู้สึก แปลกใจ ว่าดีจัง โทรมารายงานสภาพตลาดด้วย
ผมก็เลยตอบไปว่า ยังครับ เดี๋ยว ถ้าผมจะซื้อตัวไหน เดี๋ยว ผมโทรไปครับ
- ค่ะ
แล้วก็วางสายไป
อืม เมื่อวานนี้ตอนเย็น สรุปไว้ว่า
ทำไมน่ะ หรือว่า ใช่ๆ คุณ มีเซล ดูเป็นคน อัชฌาสัยดี พูดจาดี ไพเราะ
เค้าคงเอาใจใส่เรามั้ง แล้วก็คิดว่า ถ้าถือ ต่อมันอาจจะลงได้
เค้าเลยคิดว่า อยากให้ผมมีกำไร ก็เลยอยากให้ผมขายไปก่อนล่ะมั้ง
เค้าดีขนาดนี้เลย เหรอ หรือว่ายังไง
แถมมาวันนี้ ก็มี การโทรมารายงาน สภาพตลาด ด้วย
ตอนเล่น กับโบรกเกอร์ แรก ไม่เห็นมีเลย
อืม หรือ ที่เราสรุปไว้ เมื่อวาน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เค้าเอาใจใส่เราจริงๆนะเนี่ย
เค้าดีขนาดนี้ จริงๆ เหรอเนี่ย หรือว่ายังไง