วงแตก!นักบินอพอลโล 14 ระบุมนุษย์ต่างดาวมีจริง

[Juninho]

วงแตก!นักบินอพอลโล 14 ระบุมนุษย์ต่างดาวมีจริง

ตะลึง!อดีตนักบินอวกาศ'อพอลโล 14'แฉมนุษยต่างดาวมีจริง ระบุเคยติดต่อกับมนุษย์มาแล้วหลายครั้ง แต่รัฐบาลสหรัฐพากันปกปิดกลบเกลื่อน ระบุมีเทคโนโลยีชั้นสูง พร้อมทำลายมนุษย์ได้ทันที ด้านนาซารีบโต้ บอกไม่เคยรู้เรื่อง'สิ่งมีชีวิตนอกพิภพ'

หนังสือพิมพ์'เดลี่ เมล์'รายงานเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ว่า ดร.เอดการ์ มิทเชลล์ อดีตนักบินอวกาศประจำ Aplollo 14 ที่เคยเป็นหนึ่งใน 8 มนุษย์อวกาศสหรัฐที่เหยียบบนดวงจันทร์ และเคยสร้างประวัติศาสตร์ย่ำดวงจันทร์นานที่สุดเป็นเวลา 9 ชม. 17 นาที ร่วมกับผู้บัญชาการจรวดอพอลโล 14 จากภารกิจเมื่อปี 1971

กล่าวทางสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เขารู้ว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง และเคยมาเยือนโลกมนุษย์หลายครั้ง แต่ทุกครั้งถูกนาซาปกปิดตลอด โดยเขามีสิทธิพิเศษพอที่จะรู้เรื่องเหล่านี้ ซึ่งถูกรัฐบาลสหรัฐปกปิดมาตลอด 60 ปีที่ผ่านมา

ดร.เอดการ์กล่าวด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวตัวจริงมีลักษณะคล้ายที่มนุษย์เคยจินตนาการไว้ คือ โครงหน้าเล็ก ดวงตาใหญ่ และหัวใหญ่ และมีเทคโนโลยีชั้นสูงเหนือกว่ามนุษย์มาก และสามารถทำมนุษย์ชาติได้ทันที

หากมนุษย์คิดเป็นศัตรูกับพวกเขา และว่าเหตุการณ์พบมนุษย์ต่างดาวที่เมืองรอสเวลล์ ที่รัฐนิวเม็กซิโก ในอดีตที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องจริง และบางทีพวกเขาอาจจะเยือนไปเยี่ยมสถานที่อื่น ๆ ด้วย และว่า

ด้านองค์การบริหารการบินอวกาศหรือนาซา ได้รีบออกมาปฎิเสธคำอ้างของดร.เอดการ์ ระบุว่าดร.เอดการ์ เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ แต่นาซาไม่เคยเกี่ยวข้องใด ๆ กับการปกปิดเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวบนโลกหรือในสถานที่ใด ๆ ในจักรวาล

มติชนออนไลน์

[Juninho]

น่าสนใจดีเลยลองไปหา เหตุการณ์ที่รอสเวลล์ว่าคืออะไร


เหตุการณ์ที่รอสเวลล์กล่าวอ้างถึงการมีจานบินมนุษย์ต ่างดาว หรือ UFO ตกที่เมืองรอสเวลล์ มลรัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.๑๙๔๗ และกองทัพอากาศสหรัฐผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบเหต ุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ถูกกล่าวหาว่าจงใจปกปิดความลับก ารพบ UFO โดยสร้างเรื่องให้ประชาชนเข้าใจไปว่า สิ่งที่ตกที่เมืองรอสเวลล์เป็นเพียงบอลลูนตรวจสภาพอา กาศธรรมดา


จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ตกที่เมืองรอสเวลล์ในปี ค.ศ.๑๙๔๗ เป็นอะไรกันแน่, UFO หรือบอลลูนตรวจสภาพอากาศ? และทางการสหรัฐปกปิดความลับการค้นพบ UFO ไว้หรือไม่? ข้อสงสัยเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของ เหตุการณ์ที่รอสเวลล์ อันอื้อฉาว ซึ่งไม่เคยลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนหลายยุคหลา ยสมัย แม้ว่าเหตุการณ์จะล่วงเลยมานานหลายสิบปีแล้วก็ต าม



ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.๑๙๔๗ เมืองรอสเวลล์ในขณะนั้นเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆในทะเลทรายแวดล้อมไปด้วยพื้นที่รกร้างและทุ่งหญ้าเล ี้ยงสัตว์ยาวสุดลูกหูลูกตา ทางทิศใต้ของเมืองเป็นที่ตั้งของสนามบินกองทัพอากาศร อสเวลล์อันเป็นฐานของหน่วยทิ้งระเบิดที่ ๕๐๙ หน่วยรบพิเศษเพียงหน่วยเดียวของโลก (ในขณะนั้น) ที่ถูกฝึกให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการรบด้วยร ะเบิดนิวเคลียร์ นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่สมควรกล่าวถึงไว้ด้วยก็คือในปี ค.ศ.๑๙๔๗ เป็นปีที่มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นจนต้องบันทึกไว ้ในประวัติศาสตร์ ด้วยมี UFO พาเหรดมาให้ผู้คนได้ยลโฉมมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมา ก่อน



วันหนึ่งในอาทิตย์แรกของเดือน กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๔๗ กสิกรผู้มีอาชีพเลี้ยงแกะเมืองรอสเวลล์นาม แม็ค บราเซิล ได้ยินข่าวเกี่ยวกับ UFO เข้าโดยบังเอิญขณะอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง บราเซิลรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าวัตถุปร ะหลาดที่พบกระจัดกระจายเป็นวงกว้างอยู่บนพื้นที่ดินข องเขาอาจเป็นชิ้นส่วนของ UFO ที่ผู้คนกำลังแตกตื่นอยู่ก็ได้ เขาภาวนาขอให้มันเป็นเช่นนั้นเพราะเงินรางวัลจำ นวน ๓,๐๐๐ ดอลลาร์ที่ตั้งโดยหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งให้กับใครก็ต ามที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า UFO มีจริง เป็นสิ่งยั่วใจเขาอย่างยิ่ง บราเซิลรีบนำเจ้าชิ้นส่วนประหลาดจำนวนหนึ่งที่เขาเก็ บได้ไปแสดงกับเจ้าพนักงานท้องถิ่น จอร์จ วิลค็อกซ์ ซึ่งก็รีบแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ผู้ มีอำนาจที่สนามบินกองทัพอากาศรอสเวลล์ในทันที ไม่นานหลังจากนั้น นาวาอากาศตรี เจสซี่ มาร์เซล ก็เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับเก็บตัวอย่างช ิ้นส่วนไปตรวจสอบ ที่ดินของบราเซิลถูกกองทัพอากาศปิดกั้น ต่อจากนั้นอีกหลายวัน ชิ้นส่วนที่หลงเหลือทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่นำกลับไปยั งฐานทัพอากาศรอสเวลล์ และส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของกองทัพอากาศที่ฟอ ร์ท เวิร์ธ, รัฐเท็กซัส ในที่สุด


นาวาอากาศตรี เจสซี่ มาร์เซล ตรวจสอบพบว่าชิ้นส่วนที่ได้จากบราเซิลเป็นโลหะที่มีค ุณสมบัติแปลกประหลาดที่เขาไม่เคยพบมาก่อน เช่น

- แผ่นวัสดุที่ทั้งเบาและบางคล้ายแผ่นฟอยล์ แต่มีความแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดเพราะมันไม่ฉีกขาด รวมทั้งไม่ปรากฏริ้วรอยใด ๆ แม้จะลองใช้ค้อนทุบ

- หรือแท่งวัสดุคล้ายไม้แต่ก็ไม่ใช่ไม้เลยทีเดียว ชิ้นใหญ่ที่สุดมีความยาว 3-4 ฟุต แท่งวัสดุเหล่านี้มีอักษรที่ไม่สามารถเข้าใจได้ปรากฏ อยู่ ซึ่งมาร์เซลเรียกมันว่า เฮียโรกลิฟฟิค

- และสุดท้ายเป็นแผ่นวัสดุคล้ายแผ่นหนังจารึกอักษรเฮีย โรกลิฟฟิคไว้เช่นกัน
เศษชิ้นส่วนทั้ง 3 แบบนี้มีคุณสมบัติร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งคือไม่ไหม้ไฟ และด้วยคุณสมบัติประหลาดเหล่านี้นี่เองที่ทำให้มาร์เ ซลลงความเห็นว่าเศษซากชิ้นส่วนที่พบบนที่ดินของกสิกร บราเซิล
เป็นวัตถุที่มาจากนอกโลก!

[Juninho]

ภาพที่อ้างว่าเป็นซากจานบินมนุษย์ต่างดาวที่ตกในเหตุ การณ์ที่รอสเวลล์ในปี ค.ศ. ๑๙๔๗





ไม่รู้ใช่ของจริงหรือเปล่า

[por_jai]

ขอยืมศัพท์ป๋านันมาหน่อย
     ถึงจะมีมนุษย์ต่างดาวจริง
     "แต่ก็มิได้นำพา" ฮ่า...

[tok]

ผมชอบดูสารคดีมนุษย์ต่างดาว เรื่องรอสเวลนี้ดูหลายครั้งแล้ว ยังเชื่อว่าไม่น่าจะใช่มนุษย์ต่างดาว น่าจะเป็นการทดลองอะไรซักอย่างของทหาร ล่าสุดที่ดูนี้เค้าสรุปว่าเป็นชิ้นส่วนของบอลลูน ที่ตกลงมาไม่ใช่ยานอวกาศ

ปล. The X-Files ภาคใหม่กำลังจะเข้าฉาย ใครเป็นแฟน The X-Files ไม่น่าพลาด

[Juninho]

วันที่ ๘ กรกฎาคม ๑๙๔๗ น.อ. วิลเลียม บลังชาร์ด ผู้บัญชาการหน่วยทิ้งระเบิดที่ ๕๐๙ ก็ได้ออกแถลงการณ์ช็อคโลกอันสืบเนื่องมาจากผลการตรวจ สอบของ น.ต. เจสซี่ มาร์เซล ว่ากองทัพอากาศสามารถกู้ซากจานบินมนุษย์ต่างดาว หรือ Ufo ได้จากทุ่งหญ้าของกสิกรคนหนึ่งที่เมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก


แถลงการณ์ที่ออกโดยฐานทัพอากาศรอสเวลล์ได้ถูกถ่ายทอด โดยหนังสือพิมพ์และวิทยุไปทั่วประเทศอย่างรวดเร ็ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าในห้วงเวลาที่ทั่วโลกกำลังใจจร ดใจจ่อกับการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่องของ Ufo ข่าวดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดการตื่นเต้นขึ้นอีกเป็นท วีคูณ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถค้นพบซากจานบินม นุษย์ต่างดาว และอารยธรรมจากนอกโลกกำลังจะถูกเปิดเผย


ทว่า ในเช้าวันรุ่งขึ้นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้กลับตาลปัตรไ ปโดยสิ้นเชิงเมื่อมีแถลงการณ์ฉบับใหม่ของกองทัพอากาศ ที่ฟอร์ท เวิร์ธ รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นที่ที่ซาก ufo จากรอสเวลล์ถูกนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่าแถลงการณ์ฉบับ แรกเป็นเพียงความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ จริง ๆ แล้วไม่มี Ufo ตกที่เมืองรอสเวลล์แต่อย่างใด ซากที่ค้นพบเป็นเพียงซากของบอลลูนตรวจสภาพอากาศธรรมด าเท่านั้น



แน่นอนว่าความขัดแย้งกันของแถลงการณ์ทั้ง ๒ ฉบับย่อมทำให้เกิดความสับสนขึ้นกับประชาชนโดยทั ่วไป แต่ส่วนใหญ่ก็เชื่อในแถลงการณ์ฉบับที่ ๒ และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความห้าแต้มของกอง ทัพอากาศสหรัฐ


นับจากวันนั้น เหตุการณ์ Ufo ตกที่รอสเวลล์ก็ค่อย ๆ จางหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ และความสนใจของ กาลเวลาผ่านเนิ่นนานไปถึง ๓๐ ปี จนกระทั่งในปลายทศวรรษที่ ๑๙๗๐ พยานคนสำคัญ เจสซี่ มาร์เซล หลังจากเกษียณอายุราชการ และด้วยความคับแค้นใจที่ต้องตกเป็นแพะรับบาป ถูกกล่าวหาว่าตรวจสอบซากชิ้นส่วนที่พบที่รอสเวลล์ผิด พลาด ก็ได้ตัดสินใจเปิดเผยความจริงกับสาธารณชนเป็นครั้งแร ก เกี่ยวกับคุณสมบัติแปลกประหลาดของชิ้นส่วนที่เข าพบ ตลอดจนเรื่องราวในแง่มุมต่าง ๆ ของเหตุการณ์ที่รอสเวลล์ การเปิดเผยของเขาในครั้งนี้ก่อให้เกิดความตื่นตัวในเ หตุการณ์ที่รอสเวลล์ขึ้นมาอีกครั้ง พยานหลักฐานต่างๆ ได้ถูกสืบค้นอย่างจริงจังโดยนักค้นคว้าผู้สนใจ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะพยานส่วนใหญ่ต่างพากันปิดปากเงียบด้วยกลัวคำขู่ ถึงขั้นเอาชีวิตจากทางการหากแพร่งพรายเรื่องราวความเ ป็นจริงที่พวกเขาพบเห็นออกไป โดยเฉพาะ แม็ค บราเซิล ดูจะอาการหนักกว่าเพื่อน เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยตราบจนกระทั่งถึงวันต ายของเขาในปี ค.ศ. ๑๙๖๓ ถึงกระนั้น การสืบค้นก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ จนในที่สุดก็มีแนวโน้มพอที่จะเชื่อได้ว่าแถลงการณ์คร ั้งแรกของเจ้าหน้าที่ฐานทัพอากาศรอสเวลล์น่าจะเป็นคว ามจริง ส่วนแถลงการณ์ฉบับที่ ๒ ของกองทัพอากาศที่ออก ณ ฟอร์ท เวิร์ธ เป็นแถลงการณ์ที่ถูก กุ ขึ้นเพื่อปิดบังไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจ ริง


นอกเหนือไปจากเรื่องเศษซากชิ้นส่วนที่พบบนที่ดินของแ ม็ค บราเซิล แล้ว พยานบางคนยังให้การถึง แหล่งตกที่ ๒ ที่ซึ่งซากจานบินลำเดียวกับที่โปรยเศษชิ้นส่วนลงบนทุ ่งหญ้าของบราเซิลพบจุดจบตกลง สถานที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าอยู่ไม่ห่างจากแหล่งที่พบ ซากชิ้นส่วนแห่งแรกมากนัก โดยกองทัพอากาศสหรัฐค้นพบและปกปิดเป็นความลับ มีการกล่าวอ้างด้วยว่าพบซากศพมนุษย์ต่างดาวจำนว น ๒-๓ ร่างติดอยู่ในซากจานบินดังกล่าว และนำมาผ่าตัดชันสูตรโดยคณะแพทย์ฐานทัพอากาศรอสเวลล์ อย่างไรก็ตาม การสืบหาพยานสำคัญในเรื่องนี้ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเ ท่าที่ควร เพราะนางพยาบาลที่มีผู้ยืนยันว่าร่วมอยู่ในทีมชันสูต รศพและเคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้กับคนใกล้ชิดประจำสนาม บินกองทัพอากาศรอสเวลล์ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยหล ังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิหนำซ้ำประวัติของเธอรวมทั้งเพื่อนพยาบาลคนอื่ นๆ ที่เคยทำงานด้วยกันที่รอสเวลล์ ในปี ค.ศ. ๑๙๔๗ ก็อันตรธานไปจากบันทึกของกองทัพอากาศอย่างลึกลับอีกด ้วย



ทุกวันนี้ การค้นหาข้อเท็จจริงก็ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปตราบเท่าท ี่รัฐบาลยังไม่สามารถให้ความกระจ่างแจ้งที่ดีกว่านี้ ได้ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือผลพวงจากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ในปัจจุบันเมืองรอ สเวลล์กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังแห่งหนึ่งขอ งรัฐนิวเม็กซิโก ถึงขนาดมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับ Ufo ขึ้นโดยมีเหตุการณ์ที่รอสเวลล์เป็นจุดขายเพื่อต้อนรั บนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ไม่รวมถึงการขายของที่ระลึกต่างๆ เช่น หนังสือ เสื้อยืด พวงกุญแจ ฯลฯ ตลอดจนการจัดทัวร์ไปชมสถานที่ที่สันนิษฐานว่ามี Ufo ตกในปี ค.ศ. ๑๙๔๗ และเมื่อเดือนกรกฎาคม ๑๙๙๗ ก็ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ ๕๐ ปีของเหตุการณ์ขึ้นที่เมืองรอสเวลล์โดยมีนักท่องเที่ ยวเข้าร่วมงานเป็นจำนวนหลายหมื่นคน ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า


เหตุการณ์ที่รอสเวลล์ จะยังไม่จบง่าย ๆ เพียงแค่นี้ และคงจะยังเป็นเรื่องท็อปฮิตติดอันดับในใจของนักนิยม Ufo ไปอีกนานแสนนาน.....

[njTAO]

นั่นซิว่าแล้วเชียว

ถึงว่ารัฐบาลอเมริกามีอะไรถึงได้เก็บเข้ากรุหมดไม่ยอมเปิดเผยกับชาวโลก อย่าง
-ไฟฟ้าแบบไร้สายของ Nicola Testa ทำให้เราต้องล้าหลังกับการต้องใช้สายไฟฟ้า
-เทคโนโลยีหุ่นยนต์ในบ้านเรือน ที่ยังเป็นวุ้นอยู่ เท่าที่มีตอนนี้ก็แค่ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นของเล่นต๊องๆ
-...

สงสัยฮั้วกับมนุษย์่ต่างดาว หรือมนุษย์ต่างดาวสั่งมา หรือว่ามนุษย์ต่างดาวก็ได้ครอบงำรัฐบาลอเมริกามาตั้งนานแล้ว โลกถึงได้ไม่เจริญเท่าที่ควรในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

[phobenius]

ไฟฟ้าไร้สายของ Testa ผมว่าเรื่องนี้เราน่าจะนำมาใช้ได้จริงๆจัง แต่ทำไมรัฐบาลสหรัฐถึงไม่ยอมพัฒนานะครับ ข้อเสียผมก็ยังไม่ทราบว่าทำไม แต่เทคโนโลยีที่เราสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าต่างจากแมกเวล์ โดยไม่ต้องให้แม่เหล็กหมุนหรือ Motionless Electrodynamic Generator ว่าจริงๆสามารถนำมาใช้งานจริงได้หรือไม่ ซึ่งวันก่อนผมอ่านจาก internet เห็นบอกว่าได้รางวัล Nobel ในสิ่งประดิษฐ์ เท็จจริงไงไม่ทราบเหมือนกัน แต่รู้ว่ายังมีข้อจำกัดอะไรบางอย่างในการทำ

ลองคิดดูถ้ามนุษย์ต่างดาวบินมาที่โลก พลังงานที่ต้องใช้คงมหาศาลทีเดียว แล้วจะเอาพลังงานจากไหนมาเผาผลาญได้ละ จริงๆแล้วพลังงานน่าจะมาจากอีกมิติหนึ่งซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ไม่จำกัด ท้ายที่สุดน้ำมันก็เป็นเพียง น้ำสีดำๆ เท่านั้นเอง

[chatchai]

นักบินอวกาศมะกันยันมนุษย์ต่างดาวหน้าเหมือน อี.ที. มีอยู่จริง!!

เดอะ ซัน นักบินอวกาศชื่อดังของสหรัฐฯ ซึ่งเคยขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วเผยมนุษย์ต่างดาวหน้าตาเหมือนอี.ที.มีอยู่จริง
     
       เอ็ดการ์ มิตเชล นักบินอวกาศชาวอเมริกัน ซึ่งโดยสารยานอพอลโล 14 ขึ้นไปบนดวงจันทร์เมื่อปี 1971 กล่าวว่า มนุษย์ต่างดาวจะมีรูปร่างเล็ก ศีรษะใหญ่ ตาโต และเป็นมิตรกับมนุษย์
     
       พวกคุณเคยเห็นภาพถ่ายของมนุษย์ร่างเล็กเหล่านี้ซึ่งดูแปลกตามาบ้างแล้ว คนที่เคยเห็นมนุษย์ต่างดาวบอกกับผมว่าพวกเขามีหน้าตาเหมือนในภาพถ่าย พวกเขาไม่ได้เป็นศัตรูกับมนุษย์ เพราะหากพวกเขาไม่เป็นมิตร ป่านนี้มนุษย์ก็คงไม่เหลือแล้ว มิตเชลกล่าว
     
      นอกจากนี้มิตเชลยังกล่าวด้วยว่า ปรากฎการณ์วัตถุลึกลับบนท้องฟ้า (ยูเอฟโอ) ที่มีผู้พบเห็นล้วนเป็นเรื่องจริงเช่นกัน ซึ่งเขารู้เรื่องนี้มาจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (นาซา) ที่เขาทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในปัจจุบัน
     
       ปรากฎการณ์ดังกล่าวถูกรัฐบาลประเทศต่างๆ ปิดเป็นความลับมานานกว่า 60 ปี ก่อนที่จะค่อยๆ ถูกเปิดเผยทีละนิดหลังจากมีคนเห็นยูเอฟโอบนท้องฟ้า เจ้าของสถิติมนุษย์อวกาศที่เดินบนดวงจันทร์เป็นเวลานานมากที่สุดถึง 9 ชั่วโมง 17 นาทีกล่าว
     
       อย่างไรก็ตามองค์การนาซาได้ออกมาระบุว่า มิตเชลเป็นชาวอเมริกันที่ยิ่งใหญ่ แต่นาซาไม่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นดังกล่าว

http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000087427

ตกลง คุณมิตเชล ฟังมาอีกทีหรือเปล่า  นึกว่าเห็นมากับตาตัวเอง  โถ

[ลุงทีม]

ผมก็เชื่อว่า...มนุษย์ต่างดาวมีจริงนะครับ
เป็นไปได้ยังไง...จักรวาลออกจะกว้างใหญ่ไพศาล...ไม่มีที่สิ้นสุด...
...มีโลกเราเพียงใบเดียวได้ไงที่มีแต่สิ่งมีชีวิต...  :roll:  :roll:

[ellevoid]

ไฟฟ้าไร้สายของ Testa ผมว่าเรื่องนี้เราน่าจะนำมาใช้ได้จริงๆจัง แต่ทำไมรัฐบาลสหรัฐถึงไม่ยอมพัฒนานะครับ ข้อเสียผมก็ยังไม่ทราบว่าทำไม แต่เทคโนโลยีที่เราสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าต่างจากแมกเวล์ โดยไม่ต้องให้แม่เหล็กหมุนหรือ Motionless Electrodynamic Generator ว่าจริงๆสามารถนำมาใช้งานจริงได้หรือไม่ ซึ่งวันก่อนผมอ่านจาก internet เห็นบอกว่าได้รางวัล Nobel ในสิ่งประดิษฐ์ เท็จจริงไงไม่ทราบเหมือนกัน แต่รู้ว่ายังมีข้อจำกัดอะไรบางอย่างในการทำ

http://www.technologyreview.com/read_ar ... 8&id=20248
หลักการ คือ วัตถุที่มีความถี่ resonant เหมือนกัน จะถ่ายเทพลังงานซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พลังงานไม่รั่วไหลออกไปสู่วัตถุอื่น ในที่นี้ใช้ความถี่ resonant ทางแม่เหล็ก

ในเรื่อง deception point ก็มีการอ้างถึงหุ่นยนต์แมลงสอดแนมที่ชาร์ตไฟแบบไร้สายได้เหมือนกันครับ