บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 3
ไม่ทราบ แถวไหนครับ
ผมได้ยินว่าแถวสมุทราสาคร แถบป่าโกงกาง มีหิ่งห้อยเยอะ เขามีโฮมสเต๊กด้วย อยากไปครับ ไม่ได้เห็นมาเกือบ 20 ปี แล้ว ยิ่ง ลูก ๆ นี่ไม่เคยเห็นกันเลย
คุณหนึ่ง .. มันอาศัยอยู่ตามต้นลำพู จริงหรือปล่าวครับ
ผมเคยเห็นแต่ มันบินเกาะ ตามป่าหญ้า
ตอนเดะ เดะ เอาสวิงตักปลา จับมาใส่ถุงพลาสติคใส แล้วมันก็จะตาย
เลยไม่จับอีกเลย
ไปจับแมลงสาบแทน มันตายยาก
อิจฉาจังครับ
ผมได้ยินว่าแถวสมุทราสาคร แถบป่าโกงกาง มีหิ่งห้อยเยอะ เขามีโฮมสเต๊กด้วย อยากไปครับ ไม่ได้เห็นมาเกือบ 20 ปี แล้ว ยิ่ง ลูก ๆ นี่ไม่เคยเห็นกันเลย
คุณหนึ่ง .. มันอาศัยอยู่ตามต้นลำพู จริงหรือปล่าวครับ
ผมเคยเห็นแต่ มันบินเกาะ ตามป่าหญ้า
ตอนเดะ เดะ เอาสวิงตักปลา จับมาใส่ถุงพลาสติคใส แล้วมันก็จะตาย
เลยไม่จับอีกเลย
ไปจับแมลงสาบแทน มันตายยาก
อิจฉาจังครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 4
คนโบราณว่า...หิ่งห้อยมากินผิวลำพู
เดิมบ้านผมอยู่ห่างอัมพวา8กม.
มาอยู่อีสาน ซื้อต้นลำพูมาส่กระถางใส่ดินใส่น้ำเลี้ยงปลา รากโผล่พ้นผิวน้ำ
รอมา2ปี หาหิ่งห้อยไม่เจอเลยสักตัว
ผมเลยคิดว่าหิ่งห้อย เกิดจากเลนดินริมแม่น้ำ
เดิมบ้านผมอยู่ห่างอัมพวา8กม.
มาอยู่อีสาน ซื้อต้นลำพูมาส่กระถางใส่ดินใส่น้ำเลี้ยงปลา รากโผล่พ้นผิวน้ำ
รอมา2ปี หาหิ่งห้อยไม่เจอเลยสักตัว
ผมเลยคิดว่าหิ่งห้อย เกิดจากเลนดินริมแม่น้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 5
อัมพวาเป็นที่เที่ยวสุดโปรดแห่งหนึ่งเลยคะ
ใกล้กรุงเทพ ไปค้างคืนก็ได้ หรือจะออกจากกรุงเทพบ่ายๆ ไปกินก๊วยเตี๋ยวริมคลอง ค่ำๆนั่งเรือดูหิ่งห้อย สี่ทุ่มนี่กลับถึงบ้านเรียบโร้ย
เขาว่าหน้าฝน เป็นหน้าที่จะเห็นหิ่งห้อยเยอะสุดคะ
ใกล้กรุงเทพ ไปค้างคืนก็ได้ หรือจะออกจากกรุงเทพบ่ายๆ ไปกินก๊วยเตี๋ยวริมคลอง ค่ำๆนั่งเรือดูหิ่งห้อย สี่ทุ่มนี่กลับถึงบ้านเรียบโร้ย
เขาว่าหน้าฝน เป็นหน้าที่จะเห็นหิ่งห้อยเยอะสุดคะ
just one life, use it!
-
- Verified User
- โพสต์: 843
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 8
http://www.rspg.org/firefly/ff1.htm
--------------------------------------------------------------------------------
หิ่งห้อย
มนุษย์ได้เห็นหิ่งห้อยมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ และคงคิดว่ามันเป็นแมลงมหัศจรรย์เพราะสามารถเปล่งแสงได้ การไม่รู้ธรรมชาติที่แท้จริงของมันทำให้คนโบราณมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับหิ่งห้อยมากมาย เช่น ถ้าแสงหิ่งห้อยเข้าตา ตาจะบอด หรือถ้าหิ่งห้อยบินเข้าบ้านใคร ในวันรุ่งขึ้นบ้านนั้นจะมีคนตาย หรือคนเกิด ๑ คน หรือมิฉะนั้นก็จะมีเพื่อนเก่ามาเยี่ยมเยือนในอีกไม่นาน
ชาวอินโดนีเซียบนเกาะ Nias เชื่อว่าเวลาคนจะตาย วิญญาณของคนป่วยจะออกจากร่างในรูปของหิ่งห้อย ด้วยเหตุนี้หมอผีที่รักษาคนป่วยจึงวิ่งไล่ตามจับหิ่งห้อยมาวางที่หน้าผากคนป่วย แล้วสวดมนต์ขอให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดี ตำราจีนชื่อ Shih Ching ที่มีอายุประมาณ ๓,๐๐๐ ปี ได้กล่าวถึงหิ่งห้อยว่าเป็นแมลงที่มีการกะพริบแสงเป็นจังหวะ ประวัติศาสตร์จีนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ Che Yin ว่า ในวัยเด็กครอบครัวมีฐานะยากจนมาก แม่ไม่มีเงินซื้อตะเกียงให้ Che Yin อ่านหนังสือ Che Yin จึงต้องใช้วิธีจับหิ่งห้อยใส่ขวดเพื่ออาศัยแสงจากหิ่งห้อยในการเรียนหนังสือในเวลากลางคืน ส่วนคนญี่ปุ่นก็นับถือหิ่งห้อยว่าเป็นวิญญาณของนักรบผู้กล้าหาญที่ได้เสียสละชีพเพื่อชาติ ดังนั้น คนญี่ปุ่นจึงปล่อยให้หิ่งห้อยบินไปมาโดยไม่รบกวนมันเลย
หิ่งห้อยเป็นแมลงอยู่ใน phylum Arthropoda (คำนี้ในภาษากรีกแปลว่า ขาเป็นปล้อง) เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสัตว์ในไฟลัมนี้คือลำตัวไม่มีกระดูก หิ่งห้อยถูกจัดอยู่ในชั้น Insecta ซึ่งเป็นชั้นที่ประกอบด้วยแมลงทุกชนิดคือมีขา เขา และหายใจอากาศ ลำตัวแบ่งเป็น ๓ ส่วน คือ หัว อก และท้อง หิ่งห้อยเจริญเติบโตโดยเริ่มจากไข่ หนอน ดักแด้ จนโตเต็มที่ การที่หิ่งห้อยอยู่ในอันดับ Coleoptera เพราะมันมีปีก ๒ ชุดที่ซ้อนทับกัน คือ ปีกนอกแข็งสำหรับป้องกันตัว ส่วนปีกในนุ่มกว่า ตาหิ่งห้อยเป็นตาประกอบเพราะประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กมากมายเรียงรายทำให้สามารถเห็นได้หลายทิศทางพร้อมกัน หนวดของหิ่งห้อยช่วยในการดมกลิ่น นักชีววิทยาจัดหิ่งห้อยอยู่ในวงศ์ Lampyridae เวลาหิ่งห้อยตัวเมียวางไข่ มันจะวางครั้งละหลายร้อยฟองบนดิน กิ่งไม้ หรือใบหญ้าในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และเมื่อวางไข่แล้ว หิ่งห้อยตัวเมียจะไม่หวนกลับมาดูแลไข่อีก ไข่หิ่งห้อยเรืองแสงได้เล็กน้อย เมื่อเวลาผ่านไปราว ๓ สัปดาห์ไข่จะฟักเป็นหนอน แต่ส่วนใหญ่จะไม่รอดเพราะหนอนมักถูกฝนตกซัดจนน้ำท่วมตาย หรือไม่ก็ถูกสัตว์อื่นกิน หนอนที่รอดชีวิตจะอยู่นิ่งในเวลากลางวัน และออกหากินในเวลากลางคืน โดยมันจะกินอาหารนาน ๑-๒ ปี เพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นดักแด้ จากนั้นมันก็จะฝังตัวใต้ดินเพื่อพักผ่อน และงอกปีก เมื่อปีกสมบูรณ์หิ่งห้อยก็จะออกจากที่ซ่อนเป็นหิ่งห้อยเต็มตัว พฤติกรรมประหลาดอย่างหนึ่งของหิ่งห้อยที่โตเต็มที่คือ การไม่กินอาหาร นอกจากน้ำค้างบนใบหญ้า ใบไม้ ดังนั้น ชีวิตมันจึงสั้น คืออยู่ได้นานเพียง ๓ อาทิตย์แล้วมันก็ตาย
เอกลักษณ์สำคัญประการหนึ่งของหิ่งห้อย Photinus pyralis คือพฤติกรรมกะพริบแสง โดยเฉพาะตัวผู้จะบินฉวัดเฉวียนและกะพริบแสงทุก ๑-๒ วินาที ส่วนตัวเมียไม่บิน แต่ชอบเกาะนิ่งบนใบหญ้า และจะกะพริบแสงก็ต่อเมื่อมันต้องการส่งสัญญาณรับรักจากตัวผู้เท่านั้น และทันทีที่ตัวผู้เห็นสัญญาณมันก็จะบินตรงเข้าหาตัวเมีย การมีตาใหญ่ทำให้ตัวผู้สามารถรับแสงจากตัวเมียได้ ไม่ว่าตัวเมียจะส่งสัญญาณจากที่ใด หรือด้วยความเข้มที่น้อยนิดเพียงใด
Jean Henri Fabre เป็นนักชีววิทยาที่สนใจหิ่งห้อยมาก เขาเคยทดลองศึกษาว่าอะไรสามารถทำให้หิ่งห้อยหยุดกะพริบแสงได้ โดยได้ทดลองใช้ปืนยิงให้เสียงปืนข่มขู่หิ่งห้อยหยุดกะพริบแสงแต่ก็ไม่เป็นผล นอกจากนี้ เขาได้เคยเอาน้ำราดและพ่นควันใส่ แต่หิ่งห้อยก็ยังคงกะพริบแสงต่อไปตามปรกติ
ใน พ.ศ. ๒๒๑๑ Robert Boyle ได้พบว่า ถ้าไม่มีออกซิเจน การกะพริบแสงของหิ่งห้อยก็ไม่มี ในปี ๒๔๓๐ นักสรีรวิทยาชาวฝรั่งเศสชื่อ Raphael Dubois ได้ทดลองนำหอยเรืองแสง Pholas dactyles มาสับให้ละเอียดแล้วเอาน้ำเย็นราด หลังการทดลองเขาได้พบว่าน้ำจะเรืองแสง แต่ถ้าเอาน้ำร้อนราด น้ำร้อนไม่เรืองแสง Dubois จึงอธิบายว่า การเรืองแสงเกิดจากโปรตีน luciferase ที่มีในสัตว์เรืองแสงทุกชนิด (Lucifer คือ เทพแห่งแสงของชาวโรมัน) และน้ำเย็นไม่ทำลาย luciferase ในขณะที่น้ำร้อนทำลาย
ณ วันนี้ นักชีวเคมีรู้ดีว่าปรากฎการณ์เรืองแสงต้องการโปรตีน luciferase เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาระหว่าง luciferin กับ oxygen
ตามปรกติเวลาเรานั่งกลางแดด ร่างกายจะรู้สึกอบอุ่นก่อน แล้วรู้สึกร้อนขึ้น ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ หรือเวลาเรานั่งข้างกองไฟเราก็รู้สึกร้อนเช่นกัน เพราะแสงเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่สามารถแปรรูปเป็นพลังงานความร้อนได้ ร่างกายเราจึงรู้สึกร้อน ข้อสังเกตหนึ่งเกี่ยวกับแสงเหล่านี้ก็คือ ในกรณีดวงอาทิตย์ ๑ ใน ๓ ของพลังงานที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยเป็นพลังงานแสง ๒ ใน ๓ เป็นพลังงานความร้อน กรณีหลอดไฟฟ้าจากพลังงานไฟฟ้าที่มันได้รับร้อยละ ๙๐ จะถูกเปลี่ยนไปเป็นความร้อน และร้อยละ ๑๐ เป็นพลังงานแสง ดังนั้น เวลาอยู่กลางแดดหรือเวลาเอามือจับหลอดไฟเราจะรู้สึกร้อน นักวิทยาศาสตร์เรียกแสงประเภทนี้ว่า แสงร้อน ซึ่งตรงกันข้ามกับแสงเย็นที่ออกมาจากหิ่งห้อย เพราะร้อยละ ๙๐ ของพลังงานเคมีในตัวหิ่งห้อยจะถูกเปลี่ยนเป็นแสง และร้อยละ ๑๐ ที่เหลือถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนและนั่นก็หมายความว่า ถ้าเราต้องการจะให้แสงจากหิ่งห้อยร้อนเท่าแสงจากหลอดไฟเราต้องใช้หิ่งห้อยถึง ๑,๐๐๐ ตัว และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ถ้าเราเอามือโอบหิ่งห้อยเพียงตัวเดียวเราจะไม่รู้สึกร้อนมือเลย
หิ่งห้อยที่พบเห็นบ่อยมักให้แสงสีเหลือง เขียว เหลืองฟ้า และแดงส้ม และจังหวะการกะพริบแสงนั้น นักชีววิทยาได้พบว่า ขึ้นกับอุณหภูมิ เช่นที่อุณหภูมิ ๒๑ องศาเซลเซียส ถ้ามันกะพริบนาทีละ ๘ ครั้ง เวลาอุณหภูมิสูงขึ้นถึง ๒๘ องศาเซลเซียส มันจะกะพริบ ๑๕ ครั้งต่อนาที เป็นต้น อนึ่ง นักชีววิทยาได้พบว่าหิ่งห้อยต่างชนิดกันชอบกะพริบแสงหลังพระอาทิตย์ตกในเวลาต่างกัน และถ้าวันใดอากาศสลัวหรือเมฆทึบหิ่งห้อยจะเริ่มกะพริบแสงเร็ว เป็นต้น
ใน พ.ศ. ๒๒๗๐ นักประวัติศาสตร์ Englebert Kaempfert ได้เขียนเล่าเหตุการณ์กะพริบแสงอย่างเป็นจังหวะจะโคนของฝูงหิ่งห้อยในประเทศไทย ในหนังสือ The History of Japan ว่า ตามป่าต้นโกงกางที่ขึ้นบริเวณฝั่งแม่น้ำเป็นระยะทางยาวประมาณ ๔๐๐ เมตร เขาได้เห็นหิ่งห้อยจำนวนเรือนหมื่นกะพริบแสงเป็นจังหวะอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ซึ่งปรากฎการณ์แสงสามัคคีนี้ S.H. Strogatz แห่งสถาบัน MIT (Massachusetts Institute of Technology) ในสหรัฐอเมริกาได้อธิบายว่า เกิดจากการปรับพฤติกรรมของหิ่งห้อยแต่ละตัวเข้าสู่กัน จนได้พฤติกรรมกลุ่มของหิ่งห้อยทั้งฝูง
ในรายงาน Proceeding of The National Academy of Sciences เมื่อเร็ว ๆ นี้ AA. Szalay แห่ง Boyce Thompson Institute for Plant Research ที่มหาวิทยาลัย Cornell ในสหรัฐอเมริกา ได้ทดลองนำยีน (gene) ๒ ตัวจากจุลินทรีย์ Vibrio harveji ที่อาศัยอยู่ในน้ำทะเลใส่ในต้นยาสูบ เพราะยีนดังกล่าวมีเอนไซม์ luciferase ดังนั้น จึงปรากฏว่าต้นยาสูบเรืองแสงได้ ซึ่งก็ไม่เหมือนกับ Burning Bush (ต้นไม้ที่ลุกเป็นไฟ) ที่ Moses เห็นบนเขา Sinai ขณะเข้าเฝ้าพระเจ้าแน่
ผู้เขียน ศ. ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ประเภทวิทยาศาสตร์กายภาพ สาขาวิชาฟิสิกส์ สำนักวิทยาศาสตร์
บ้านผมไกลจากอัมพวาเกื่อบ 400 กม.
ป่าแถวนี้ไม่มีต้นลำพู...เท่าที่ผมรู้
เมื่อ20ปีก่อนตอนเด็กๆ มีหิ่งห้อยน้อยมาก
แต่ตอนนี้ ป่ารอบๆบ้านไม่มีคนมารบกวนนัก
หนาวที่ผ่านมาเขานัดกันมาเริงระบำเยอะกว่าตอนนี้อีก
ผมเห็นวันแรกๆดูเพลินไม่ยอมหลับยอมนอน
ตอนนี้หายเห่อแล้ว คิดว่าที่อื่นก็คงมี
ถ้าหาดูยากทำ eco trip ดีมั๊ยนี่ ...
--------------------------------------------------------------------------------
หิ่งห้อย
มนุษย์ได้เห็นหิ่งห้อยมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ และคงคิดว่ามันเป็นแมลงมหัศจรรย์เพราะสามารถเปล่งแสงได้ การไม่รู้ธรรมชาติที่แท้จริงของมันทำให้คนโบราณมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับหิ่งห้อยมากมาย เช่น ถ้าแสงหิ่งห้อยเข้าตา ตาจะบอด หรือถ้าหิ่งห้อยบินเข้าบ้านใคร ในวันรุ่งขึ้นบ้านนั้นจะมีคนตาย หรือคนเกิด ๑ คน หรือมิฉะนั้นก็จะมีเพื่อนเก่ามาเยี่ยมเยือนในอีกไม่นาน
ชาวอินโดนีเซียบนเกาะ Nias เชื่อว่าเวลาคนจะตาย วิญญาณของคนป่วยจะออกจากร่างในรูปของหิ่งห้อย ด้วยเหตุนี้หมอผีที่รักษาคนป่วยจึงวิ่งไล่ตามจับหิ่งห้อยมาวางที่หน้าผากคนป่วย แล้วสวดมนต์ขอให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดี ตำราจีนชื่อ Shih Ching ที่มีอายุประมาณ ๓,๐๐๐ ปี ได้กล่าวถึงหิ่งห้อยว่าเป็นแมลงที่มีการกะพริบแสงเป็นจังหวะ ประวัติศาสตร์จีนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ Che Yin ว่า ในวัยเด็กครอบครัวมีฐานะยากจนมาก แม่ไม่มีเงินซื้อตะเกียงให้ Che Yin อ่านหนังสือ Che Yin จึงต้องใช้วิธีจับหิ่งห้อยใส่ขวดเพื่ออาศัยแสงจากหิ่งห้อยในการเรียนหนังสือในเวลากลางคืน ส่วนคนญี่ปุ่นก็นับถือหิ่งห้อยว่าเป็นวิญญาณของนักรบผู้กล้าหาญที่ได้เสียสละชีพเพื่อชาติ ดังนั้น คนญี่ปุ่นจึงปล่อยให้หิ่งห้อยบินไปมาโดยไม่รบกวนมันเลย
หิ่งห้อยเป็นแมลงอยู่ใน phylum Arthropoda (คำนี้ในภาษากรีกแปลว่า ขาเป็นปล้อง) เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสัตว์ในไฟลัมนี้คือลำตัวไม่มีกระดูก หิ่งห้อยถูกจัดอยู่ในชั้น Insecta ซึ่งเป็นชั้นที่ประกอบด้วยแมลงทุกชนิดคือมีขา เขา และหายใจอากาศ ลำตัวแบ่งเป็น ๓ ส่วน คือ หัว อก และท้อง หิ่งห้อยเจริญเติบโตโดยเริ่มจากไข่ หนอน ดักแด้ จนโตเต็มที่ การที่หิ่งห้อยอยู่ในอันดับ Coleoptera เพราะมันมีปีก ๒ ชุดที่ซ้อนทับกัน คือ ปีกนอกแข็งสำหรับป้องกันตัว ส่วนปีกในนุ่มกว่า ตาหิ่งห้อยเป็นตาประกอบเพราะประกอบด้วยเลนส์ขนาดเล็กมากมายเรียงรายทำให้สามารถเห็นได้หลายทิศทางพร้อมกัน หนวดของหิ่งห้อยช่วยในการดมกลิ่น นักชีววิทยาจัดหิ่งห้อยอยู่ในวงศ์ Lampyridae เวลาหิ่งห้อยตัวเมียวางไข่ มันจะวางครั้งละหลายร้อยฟองบนดิน กิ่งไม้ หรือใบหญ้าในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และเมื่อวางไข่แล้ว หิ่งห้อยตัวเมียจะไม่หวนกลับมาดูแลไข่อีก ไข่หิ่งห้อยเรืองแสงได้เล็กน้อย เมื่อเวลาผ่านไปราว ๓ สัปดาห์ไข่จะฟักเป็นหนอน แต่ส่วนใหญ่จะไม่รอดเพราะหนอนมักถูกฝนตกซัดจนน้ำท่วมตาย หรือไม่ก็ถูกสัตว์อื่นกิน หนอนที่รอดชีวิตจะอยู่นิ่งในเวลากลางวัน และออกหากินในเวลากลางคืน โดยมันจะกินอาหารนาน ๑-๒ ปี เพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นดักแด้ จากนั้นมันก็จะฝังตัวใต้ดินเพื่อพักผ่อน และงอกปีก เมื่อปีกสมบูรณ์หิ่งห้อยก็จะออกจากที่ซ่อนเป็นหิ่งห้อยเต็มตัว พฤติกรรมประหลาดอย่างหนึ่งของหิ่งห้อยที่โตเต็มที่คือ การไม่กินอาหาร นอกจากน้ำค้างบนใบหญ้า ใบไม้ ดังนั้น ชีวิตมันจึงสั้น คืออยู่ได้นานเพียง ๓ อาทิตย์แล้วมันก็ตาย
เอกลักษณ์สำคัญประการหนึ่งของหิ่งห้อย Photinus pyralis คือพฤติกรรมกะพริบแสง โดยเฉพาะตัวผู้จะบินฉวัดเฉวียนและกะพริบแสงทุก ๑-๒ วินาที ส่วนตัวเมียไม่บิน แต่ชอบเกาะนิ่งบนใบหญ้า และจะกะพริบแสงก็ต่อเมื่อมันต้องการส่งสัญญาณรับรักจากตัวผู้เท่านั้น และทันทีที่ตัวผู้เห็นสัญญาณมันก็จะบินตรงเข้าหาตัวเมีย การมีตาใหญ่ทำให้ตัวผู้สามารถรับแสงจากตัวเมียได้ ไม่ว่าตัวเมียจะส่งสัญญาณจากที่ใด หรือด้วยความเข้มที่น้อยนิดเพียงใด
Jean Henri Fabre เป็นนักชีววิทยาที่สนใจหิ่งห้อยมาก เขาเคยทดลองศึกษาว่าอะไรสามารถทำให้หิ่งห้อยหยุดกะพริบแสงได้ โดยได้ทดลองใช้ปืนยิงให้เสียงปืนข่มขู่หิ่งห้อยหยุดกะพริบแสงแต่ก็ไม่เป็นผล นอกจากนี้ เขาได้เคยเอาน้ำราดและพ่นควันใส่ แต่หิ่งห้อยก็ยังคงกะพริบแสงต่อไปตามปรกติ
ใน พ.ศ. ๒๒๑๑ Robert Boyle ได้พบว่า ถ้าไม่มีออกซิเจน การกะพริบแสงของหิ่งห้อยก็ไม่มี ในปี ๒๔๓๐ นักสรีรวิทยาชาวฝรั่งเศสชื่อ Raphael Dubois ได้ทดลองนำหอยเรืองแสง Pholas dactyles มาสับให้ละเอียดแล้วเอาน้ำเย็นราด หลังการทดลองเขาได้พบว่าน้ำจะเรืองแสง แต่ถ้าเอาน้ำร้อนราด น้ำร้อนไม่เรืองแสง Dubois จึงอธิบายว่า การเรืองแสงเกิดจากโปรตีน luciferase ที่มีในสัตว์เรืองแสงทุกชนิด (Lucifer คือ เทพแห่งแสงของชาวโรมัน) และน้ำเย็นไม่ทำลาย luciferase ในขณะที่น้ำร้อนทำลาย
ณ วันนี้ นักชีวเคมีรู้ดีว่าปรากฎการณ์เรืองแสงต้องการโปรตีน luciferase เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาระหว่าง luciferin กับ oxygen
ตามปรกติเวลาเรานั่งกลางแดด ร่างกายจะรู้สึกอบอุ่นก่อน แล้วรู้สึกร้อนขึ้น ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ หรือเวลาเรานั่งข้างกองไฟเราก็รู้สึกร้อนเช่นกัน เพราะแสงเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่สามารถแปรรูปเป็นพลังงานความร้อนได้ ร่างกายเราจึงรู้สึกร้อน ข้อสังเกตหนึ่งเกี่ยวกับแสงเหล่านี้ก็คือ ในกรณีดวงอาทิตย์ ๑ ใน ๓ ของพลังงานที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยเป็นพลังงานแสง ๒ ใน ๓ เป็นพลังงานความร้อน กรณีหลอดไฟฟ้าจากพลังงานไฟฟ้าที่มันได้รับร้อยละ ๙๐ จะถูกเปลี่ยนไปเป็นความร้อน และร้อยละ ๑๐ เป็นพลังงานแสง ดังนั้น เวลาอยู่กลางแดดหรือเวลาเอามือจับหลอดไฟเราจะรู้สึกร้อน นักวิทยาศาสตร์เรียกแสงประเภทนี้ว่า แสงร้อน ซึ่งตรงกันข้ามกับแสงเย็นที่ออกมาจากหิ่งห้อย เพราะร้อยละ ๙๐ ของพลังงานเคมีในตัวหิ่งห้อยจะถูกเปลี่ยนเป็นแสง และร้อยละ ๑๐ ที่เหลือถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนและนั่นก็หมายความว่า ถ้าเราต้องการจะให้แสงจากหิ่งห้อยร้อนเท่าแสงจากหลอดไฟเราต้องใช้หิ่งห้อยถึง ๑,๐๐๐ ตัว และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ถ้าเราเอามือโอบหิ่งห้อยเพียงตัวเดียวเราจะไม่รู้สึกร้อนมือเลย
หิ่งห้อยที่พบเห็นบ่อยมักให้แสงสีเหลือง เขียว เหลืองฟ้า และแดงส้ม และจังหวะการกะพริบแสงนั้น นักชีววิทยาได้พบว่า ขึ้นกับอุณหภูมิ เช่นที่อุณหภูมิ ๒๑ องศาเซลเซียส ถ้ามันกะพริบนาทีละ ๘ ครั้ง เวลาอุณหภูมิสูงขึ้นถึง ๒๘ องศาเซลเซียส มันจะกะพริบ ๑๕ ครั้งต่อนาที เป็นต้น อนึ่ง นักชีววิทยาได้พบว่าหิ่งห้อยต่างชนิดกันชอบกะพริบแสงหลังพระอาทิตย์ตกในเวลาต่างกัน และถ้าวันใดอากาศสลัวหรือเมฆทึบหิ่งห้อยจะเริ่มกะพริบแสงเร็ว เป็นต้น
ใน พ.ศ. ๒๒๗๐ นักประวัติศาสตร์ Englebert Kaempfert ได้เขียนเล่าเหตุการณ์กะพริบแสงอย่างเป็นจังหวะจะโคนของฝูงหิ่งห้อยในประเทศไทย ในหนังสือ The History of Japan ว่า ตามป่าต้นโกงกางที่ขึ้นบริเวณฝั่งแม่น้ำเป็นระยะทางยาวประมาณ ๔๐๐ เมตร เขาได้เห็นหิ่งห้อยจำนวนเรือนหมื่นกะพริบแสงเป็นจังหวะอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ซึ่งปรากฎการณ์แสงสามัคคีนี้ S.H. Strogatz แห่งสถาบัน MIT (Massachusetts Institute of Technology) ในสหรัฐอเมริกาได้อธิบายว่า เกิดจากการปรับพฤติกรรมของหิ่งห้อยแต่ละตัวเข้าสู่กัน จนได้พฤติกรรมกลุ่มของหิ่งห้อยทั้งฝูง
ในรายงาน Proceeding of The National Academy of Sciences เมื่อเร็ว ๆ นี้ AA. Szalay แห่ง Boyce Thompson Institute for Plant Research ที่มหาวิทยาลัย Cornell ในสหรัฐอเมริกา ได้ทดลองนำยีน (gene) ๒ ตัวจากจุลินทรีย์ Vibrio harveji ที่อาศัยอยู่ในน้ำทะเลใส่ในต้นยาสูบ เพราะยีนดังกล่าวมีเอนไซม์ luciferase ดังนั้น จึงปรากฏว่าต้นยาสูบเรืองแสงได้ ซึ่งก็ไม่เหมือนกับ Burning Bush (ต้นไม้ที่ลุกเป็นไฟ) ที่ Moses เห็นบนเขา Sinai ขณะเข้าเฝ้าพระเจ้าแน่
ผู้เขียน ศ. ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ประเภทวิทยาศาสตร์กายภาพ สาขาวิชาฟิสิกส์ สำนักวิทยาศาสตร์
บ้านผมไกลจากอัมพวาเกื่อบ 400 กม.
ป่าแถวนี้ไม่มีต้นลำพู...เท่าที่ผมรู้
เมื่อ20ปีก่อนตอนเด็กๆ มีหิ่งห้อยน้อยมาก
แต่ตอนนี้ ป่ารอบๆบ้านไม่มีคนมารบกวนนัก
หนาวที่ผ่านมาเขานัดกันมาเริงระบำเยอะกว่าตอนนี้อีก
ผมเห็นวันแรกๆดูเพลินไม่ยอมหลับยอมนอน
ตอนนี้หายเห่อแล้ว คิดว่าที่อื่นก็คงมี
ถ้าหาดูยากทำ eco trip ดีมั๊ยนี่ ...
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 11
ผมเคยเห็นหิ่งห้อยเมื่อตอนเด็กๆ
ที่ๆ ผมเห็นไม่มีต้นลำพู ไม่ใช่ป่าโกงกาง แต่เป็นเมืองในภูเขาที่ผมเคยเรียน อยู่สูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 2000 เมตร
ที่ๆ ผมเห็นไม่มีต้นลำพู ไม่ใช่ป่าโกงกาง แต่เป็นเมืองในภูเขาที่ผมเคยเรียน อยู่สูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 2000 เมตร
รักในหลวงครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 12
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 13
ชอบจังเลยครับ ความรู้เกี่ยวกับหิ่งห้อย
ขอบคุณครับ คุณ 121 อุตส่าห์หามาให้อ่านกัน
อ่า.....ว่าแต่ มีความรู้เกี่ยวกับ แมงเม่า บ้าง มั๊ยครับ อยากรู้นะครับ อิอิอิ
กำลังสงสัยว่าตัวเองมีพฤติกรรมแบบแมงเม่า เข้าไปทุกที
คือ........ชอบเล่นกับไฟ
หุ้นนะครับ หุ้น 555
ขอบคุณครับ คุณ 121 อุตส่าห์หามาให้อ่านกัน
อ่า.....ว่าแต่ มีความรู้เกี่ยวกับ แมงเม่า บ้าง มั๊ยครับ อยากรู้นะครับ อิอิอิ
กำลังสงสัยว่าตัวเองมีพฤติกรรมแบบแมงเม่า เข้าไปทุกที
คือ........ชอบเล่นกับไฟ
หุ้นนะครับ หุ้น 555
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- nam
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1434
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 14
จะพาไปแอบดูหิ่งห้อ.....ยยยยย http://jaaenet.tripod.com/cycle.htm
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 17
สองวันก่อนเจอบินอยู่นอกบ้านตัวนึง
สงสัยมันออกมาเวลาฝนตกมั๊ง.. ที่บ้านผมตรงบางใหญ่ ก็ไม่มีลำพูนะ มีแต่ขนุน ต้นโมก มะม่วง มะยม :8)
สงสัยมันออกมาเวลาฝนตกมั๊ง.. ที่บ้านผมตรงบางใหญ่ ก็ไม่มีลำพูนะ มีแต่ขนุน ต้นโมก มะม่วง มะยม :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 19
[quote="ปรัชญา"][quote="mprandy"]สองวันก่อนเจอบินอยู่นอกบ้านตัวนึง
สงสัยมันออกมาเวลาฝนตกมั๊ง.. ที่บ้านผมตรงบางใหญ่ ก็ไม่มีลำพูนะ มีแต่ขนุน ต้นโมก มะม่วง มะยม
สงสัยมันออกมาเวลาฝนตกมั๊ง.. ที่บ้านผมตรงบางใหญ่ ก็ไม่มีลำพูนะ มีแต่ขนุน ต้นโมก มะม่วง มะยม
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 4
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 20
ตั้งแต่เกิดจนปัจจุบัน 18 ปี บอกตามตรงว่าไม่เคยเห็นหิ่งห้อยเลยครับ ผมเป็นคนที่ชอบดูดาวนะ อยู่ตอนกลางคืนก็น่าจะได้เห็นบ้างแต่ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ ทุกครั้งที่ออกต่างจังหวัดเวลากลางคืนในที่แสงน้อยๆก็จะพยายามมองหาอยู่บ่อยๆแต่ก็ยังไม่ได้เห็นซักที
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 21
เด็กๆ เคยจับหิ่งห้อย ประมาณ 200 กว่าตัวจับใส่โหลเนสกาแฟ กะว่าจะให้ห้องสว่าง จับช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม
จับเสร็จลองเอามาส่องในห้องสว่างสู้เทียนไขไม่ได้เลย ตอนเช้าก็ปล่อยไป
ไม่นึกเลยว่า Che Yin จะเลียนแบบเรา :lol:
จับเสร็จลองเอามาส่องในห้องสว่างสู้เทียนไขไม่ได้เลย ตอนเช้าก็ปล่อยไป
ไม่นึกเลยว่า Che Yin จะเลียนแบบเรา :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
Re: บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 23
[quote="121"]บ้านผมอยู่ใกล้ป่า
ค่ำลง...ค่ำลง
ค่ำลง...ค่ำลง
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 24
[quote="chatchai"][quote="mprandy"]สองวันก่อนเจอบินอยู่นอกบ้านตัวนึง
สงสัยมันออกมาเวลาฝนตกมั๊ง.. ที่บ้านผมตรงบางใหญ่ ก็ไม่มีลำพูนะ มีแต่ขนุน ต้นโมก มะม่วง มะยม
สงสัยมันออกมาเวลาฝนตกมั๊ง.. ที่บ้านผมตรงบางใหญ่ ก็ไม่มีลำพูนะ มีแต่ขนุน ต้นโมก มะม่วง มะยม
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 25
บ้านของผมก็ปลูกต้นปีปครับ แต่ชอบมีต้นอ่อนขึ้นตามราก ต้องคอยตัด ใบและดอกก็ร่วงเยอะทีเดียว แต่ก็ชอบเพราะกลิ่นหอม
บ้านอาจารย์หมอตัดกิ่งไม้หรือยังครับ เข้าสู่ฤดูฝนแล้วนะครับ
บ้านอาจารย์หมอตัดกิ่งไม้หรือยังครับ เข้าสู่ฤดูฝนแล้วนะครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 27
อาจารย์หมอ Mprandy ครับเห็นปลูกต้นไม้เยอะมา ร่มรื่นน่าดู
แต่ขอให้ระวังนิดนะครับเกี่ยวกับต้นพญาสัตตบรรณ ต้นไม้นี้สูงใหญ่มาก
เมื่อโตแล้วสูงกว่าหลังคาบ้านร่วมเท่า ที่สำคัญคือจะออกดอกช่วงฤดูหนาว
กลิ่นฉุนเหม็นเขียวมาก ดมแล้วเวียนหัว หลายๆคนจะพาลไม่สบายเอา
ผมว่าเป็นไปได้อย่าปลูกดีกว่า
แต่ขอให้ระวังนิดนะครับเกี่ยวกับต้นพญาสัตตบรรณ ต้นไม้นี้สูงใหญ่มาก
เมื่อโตแล้วสูงกว่าหลังคาบ้านร่วมเท่า ที่สำคัญคือจะออกดอกช่วงฤดูหนาว
กลิ่นฉุนเหม็นเขียวมาก ดมแล้วเวียนหัว หลายๆคนจะพาลไม่สบายเอา
ผมว่าเป็นไปได้อย่าปลูกดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 28
เห็นด้วยครับว่าไอ้เจ้าต้นไม้ต้นนี้มันโตเร็วมาก ๆ แต่ปัญหาคือผมไม่ได้ปลูกเองหรอก มันมากับบ้านเป็นต้นใหญ่ 3 ต้นเรียบร้อยแล้ว อยู่ติดศาลานอกบ้าน ก็ได้มันช่วยบังแดดได้ดีนัก ตอนนี้ก็ได้แต่คอยตัดแต่งไม่ให้ยอดมันขึ้นเร็ว ส่วนเรื่องดอกนี่มีคนบอกมาเหมือนกันครับ แต่เจ้าต้นบ้านผมนี่มันสงบเสงี่ยมดีจริง ออกดอกน้อยมาก ๆ ไม่เหมือนบ้านอื่น แถมปลูกอยู่ติดรั้วมุมนึงของบ้านพอดี เลยไม่เคยได้กลิ่นมันRadio เขียน:อาจารย์หมอ Mprandy ครับเห็นปลูกต้นไม้เยอะมา ร่มรื่นน่าดู
แต่ขอให้ระวังนิดนะครับเกี่ยวกับต้นพญาสัตตบรรณ ต้นไม้นี้สูงใหญ่มาก
เมื่อโตแล้วสูงกว่าหลังคาบ้านร่วมเท่า ที่สำคัญคือจะออกดอกช่วงฤดูหนาว
กลิ่นฉุนเหม็นเขียวมาก ดมแล้วเวียนหัว หลายๆคนจะพาลไม่สบายเอา
ผมว่าเป็นไปได้อย่าปลูกดีกว่า
เมื่อคืนพายุฝนเข้าแถวบ้านผม (หลาย ๆ คนคงโดนด้วยแหละ อย่างเฮียฉัตรนี่ไม่น่าหนีพ้น) ลมแรงมาก ๆ กลัวต้นไม้โค่นเหมือนกัน แต่ลงท้ายรอดมาได้ ติดตรงที่จบไม่สวย เพราะหลังฝนเกือบหยุดหมด ลมก็ไม่มีแล้ว ไฟดันดับทั้งหมู่บ้านเสียฉิบ
พอไฟดับถึงได้ทราบ 2 อย่าง
1. ถึงเวลาเปลี่ยนแบตไฟสำรองที่บ้าน เพราะมันติดแค่ 15 นาทีก็ดับซะแล้ว
2. ทั้งบ้านผมมีเทียนแค่เล่มเดียว :shock: ท่านสมาชิกพี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลาย ตรวจสอบ หาไว้ติดบ้านซักนิดหน่อยก็ไม่เสียหลายครับ
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
บ้านใครมีหิ่งห้อย ให้ดูบ้างครับ
โพสต์ที่ 30
เพิ่งเห็นกระทู้นี้
หิ่งห้อย เห็นทุกเวลาเลย ถ้ามองไปในตู้หนังสือ
วางสงบเสงี่ยมรอคอยให้เปิดอ่านเวลาต้องการอยู่เงียบๆ
"หิ่งห้อย" โดย ระพินทร์นารถ ฐากูร
แปลโดย ศ.ดร. ระวี ภาวิไล และ ประคิณ ชุมสาย (อุชเชนี)
ความเพ้อฝันของข้าคือหิ่งห้อย
จุดสว่างทรงชีวิต
ระยิบในอนธการ
ท่องและจำได้ทั้งเล่มตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
เพราะไม่มีเงินซื้อ เล่มล่ะเป็นร้อย
ตอนนี้ลางเลือนมาก
พอมีเงินซื้อ ก็ซื้อเก็บไว้
เวลาอยากจะจีบใคร พูดเพราะๆไม่เป็น
ก็ให้หนังสือเล่มนี้
แล้วขีดเส้นใต้บทกลอนที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกของเรามากที่สุด
"บรรณาการแห่งข้าขลาดเกินกว่าจะเรียกร้อง
ให้เธอรำลึกถึง
และเพราะเหตุนี้ เธอจึงอาจจดจำมันได้
ตัดชื่อข้าทิ้งจากบรรณาการนั้น
หากเป็นภาระที่หนักเกิน
แต่โปรดเก็บรักษาบทเพลงของข้าไว้"
หิ่งห้อย เห็นทุกเวลาเลย ถ้ามองไปในตู้หนังสือ
วางสงบเสงี่ยมรอคอยให้เปิดอ่านเวลาต้องการอยู่เงียบๆ
"หิ่งห้อย" โดย ระพินทร์นารถ ฐากูร
แปลโดย ศ.ดร. ระวี ภาวิไล และ ประคิณ ชุมสาย (อุชเชนี)
ความเพ้อฝันของข้าคือหิ่งห้อย
จุดสว่างทรงชีวิต
ระยิบในอนธการ
ท่องและจำได้ทั้งเล่มตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
เพราะไม่มีเงินซื้อ เล่มล่ะเป็นร้อย
ตอนนี้ลางเลือนมาก
พอมีเงินซื้อ ก็ซื้อเก็บไว้
เวลาอยากจะจีบใคร พูดเพราะๆไม่เป็น
ก็ให้หนังสือเล่มนี้
แล้วขีดเส้นใต้บทกลอนที่ใกล้เคียงกับความรู้สึกของเรามากที่สุด
"บรรณาการแห่งข้าขลาดเกินกว่าจะเรียกร้อง
ให้เธอรำลึกถึง
และเพราะเหตุนี้ เธอจึงอาจจดจำมันได้
ตัดชื่อข้าทิ้งจากบรรณาการนั้น
หากเป็นภาระที่หนักเกิน
แต่โปรดเก็บรักษาบทเพลงของข้าไว้"