
กลับไปตีแบดก็คงจะสายมากทีเดียว
แต่ก็พอรู้ตัวอยู่แล้ว
เพราะตอนออกจากบ้านก็เตรียมชุดวิ่งใส่เป้เรียบร้อย
พร้อมทั้งใส่รองเท้าวิ่งออกจากบ้าน เตรียมพร้อม
พอออกจากห้องประชุม ฟ้าก็มืดๆมาเชียว
ชวนพระอาจารย์มาวิ่งด้วย แกว่าไม่ไหว..พี่..กลัวฝนตก
แต่ผมไม่สนใจ จ้ำอ้าวๆ ตรงไปลานพระรูปเปลี่ยนเสื้อผ้า
พอวิ่งจริงๆ รอบท้ายๆมีปรอยๆนิดหน่อย
ถือว่าเฮงที่ได้วิ่งหลายๆรอบ ตามที่ตั้งใจ
ความจริงเมื่อวานก็ซ้อมที่สนามแถวบ้านไป10โลกว่าๆ
ยังนึกว่าวันนี้จะวิ่งไม่ได้มาก
แฮ่...กดไป7รอบ 2ชั่วโมงเศษๆ
วิ่งเสร็จเดินแทบไม่เป็นเลย
แต่ตอนวิ่งไม่รู้สึกเท่าไหร่ ความจริงตั้งใจจะทำแปดรอบ
แต่ฝนปรอยๆกลัวฟ้าผ่าเพราะสาบานไว้เยอะ
วิ่งนี่คงถูกจริตกับผมมาก
อยู่กับมันได้ครั้งละนานๆ
จิตสงบดีจังเลย
ผมเคยถามเพื่อนคนที่เคยนั่งกรรมฐานเดี่ยวมาแล้วว่า
ทำไมเวลาจิตสงบ...แม้ไม่ได้ทำอะไร...ทำไมจึงถือว่าได้บุญ
เพื่อนสอนผมว่าแค่ประคองจิตไว้ให้นิ่งๆ
ไม่ไปคิดฟุ้งซ่านให้เกิดกิเลส ไม่ต้องไปปรุงแต่ง ไม่ไปคิดร้ายกับใคร
แค่นี้ชีวิตก็ถือว่าพัฒนาขึ้นแล้ว
ผมก็ไม่มั่นใจนะว่าจริงหรือเปล่า
รู้แต่ว่า ก็ฟังๆไว้แล้วปฏิบัติดูเอง
คอยสำรวจความเป็นไปในชีวิตไปเรื่อยๆก็พอ
เสียดายอย่างที่เรื่องนี้มาค้นพบเอาตอนสายไปหน่อยแล้ว
อย่างตอนนี้ที่นั่งโพสอยู่ก็นั่งปวดขาตุ๊บๆนิดหน่อย
แต่ก็คงวิ่งไปเรื่อยๆ ขำ ขำ
ในใจเริ่มคิดว่า
ถ้ากล้ามเนื้อดีพอให้วิ่งมาราธอนไหว
คงใช้เวลาซัก4-5ชั่วโมง
ถ้าทำสมาธิให้ดี ทำจิตให้นิ่งๆตลอดได้
คงจะดีกับชีวิตไม่น้อย
แต่ยังนึกไม่ออกเลยว่า
จะพัฒนาจนวิ่งนานขนาดนั้นได้อย่างไร