เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 1

โพสต์

"วันนี้เป็นวันที่สำคัญ เพราะเป้นวันแรงงาน นอกจากผมยังไม่ต้องถูบ้าน ล้างจาน ล้างห้องน้ำแล้ว เย้.....ยังเป้นวันที่สำคัญอีกวันหนึงในชีวิตของผม  ที่ว่าสำคัญนั้น เพราะผมมีความฝันว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไปนั้น จะทำให้ระบบการศึกษาในโรงเรียนไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่มันควรจะเป็น หรือ ทางที่เด็ก ๆ ทุกคนควรจะได้รับ

    ผมส่งลูก เรียนที่นี่จบไปหนึ่งคนแล้วครับ คุณครูหลายท่านมาบอกผม ชมว่าน้องเป็นเด็กเก่ง เป็นตัวแทนของโรงเรียนประกวดร้องเพลง เต้นอาโรบิค กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษของโรงเรียน เป็นดัมเมเยอร์  เรียกว่าใช้งานใช้ลูกสาวผมคุ้มเลย...5555  แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญครับ สอนเด้กเป็นเด๋กเก่งนั้นสอนไม่อยาก สิ่งที่โรงเรียนนี้สอนให้ลูกสาวผม คือการเป็นคนดี สิ่งนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เราจะสอนกันได้ทุกคน ถ้าโรงเรียนไม่มีนโยบายเรื่องคุณธรรมนำการศึกษา ผมคงไม่ส่งลูกเรียนที่นี่ครับ เพราะท่านเห็นความเป็นคนดีนั้นสำคัย ผมจึงเห็นว่าโรงเรียนท่านสำคัญกว่าโรงเรียนอื่นเช่นกัน

  อ้าว...ชมกันไปชมกันมา....5555555

  เข้าเรื่องดีกว่านะครับ วันนี้มีเรื่องอื่นมาพูดครับ

  ปีนี่ลูกสาวคนเล็กผมเข้าเรียน อ1. แล้ว
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ปีนี่มาเข้าเรียนที่นี่แล้ว....

   ใครๆ ก็พากันมาทักทาย เพราะคาดหวังว่าจะเก่งเหมือนพี่บ้าง แต่พอน้องสาวมาเรียนแล้ว กลับไม่ได้เป็นอย่างที่ครูหลายคนคิด เขาร้องไห้ทุกวัน พอผมทราบว่า คุรแม่ส่งลูกแล้วร้องไห้ ก้เลยรู้สึกไม่สบายใจ จนต้องมาส่งลุกเอง ใช้เวลาอยู่กับเขา เล่นกับเขา จนครูหลายคนเริ่มเห็นสิ่งที่ผมทำ เราใช้ชีวิตในโรงเรียน วิ่งเล่น อ่านหนังสือ วาดรูป ตามมุมต่างๆ เมื่อคุรครูเดินมาพบ ก็แนนะให้ผมกลับไปแล้วทิ้งลูกไว้ เมื่อเข้ามาใกล้ลุกก็ร้อง เป้นอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร สิ่งที่ผมทำนั้น ผมทราบว่าเป็นสิ่งที่โรงเรียนไม่สบายใจนัก เพราะคิดว่าหน้าที่นี่ควรปล่อยให้ครูทำ ไม่อย่างนั้นแล้ว เด้กจะไม่ยอม ครูคิดว่าต้องใช้วิธีบังคับ ทิ้งเด็กแล้ว พ่อแม่ก้กลับบ้านไป ผมได้ยินเด้กร้องไห้ทุกวันเลย หลายๆ คน ร้องไห้ พ่อแม่ก้สงสาน แอบหลังร้องน้ำบ้าง แอบหลังห้องธุรการบ้าง ไม่กล้ากลับบ้าน สงสารลูก แต่ก็อยากให้ลุกมาโรงเรียน เราไมได้พาลุกมาเลิกยานะครับ......555555

    ผมมีเรื่องจะเล่าอย่างนี้
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมรู้จักเด็กอยู่คนครับ..

  ตอนเด็ก พ่อแม่ส่งเขาไปโรงเรียนอนุบาล พอท่านกลับไป เด็กคนนั้นก็แอบเดินกลับบ้าน ระยะทางก้ประมาณ 1 กม เด็กคนนั้นเดินกลับบ้านเป็นอย่างนี้ทุกวัน โรงเรียนก็เริ่มไม่พอใจ เขาไม่ใช่เด็กที่ใคร ๆก็ชมชอบเขา เด้กคนอื่นนอน เขาวิ่งเล่น ไปวาดรูปกับพี่ ป.1 เด็กคนอื่นเล่น เขานอน  แต่นั่นไม่ใช่เรืองที่แย่ที่สุด ที่แย่กว่านั้น เขาโดนคุณครูละเมิดสิทธิมนุยชน โดยบังคับให้เขาเปลี่ยนจากมือซ้าย มาใช้มื้อขวา เขาเริ่มติดอ่าง โดนตีที่มือ ถ้าใช้ข้างขวา เขาจำภาพทุกอย่างได้ดี แม้กระทั่งชื่อครู ใบหน้าครู โรงเรียนเป้นอย่างไร โรงอาหารอยู่ตรงไหน มีกี่ชั้น บรรได้ตรงไหน เขาจำได้หมด จำเป้นภาพวาดได้เลย

    หลังจากนั้น เขากลายเป้นเด็กอ่านไมได้ ติดอ่าง อ่าหนนังสือไม่ออก ไม่ชอบเข้าเรียน โชคดีที่พ่อแม่ไม่เคยบังคับลุก ไม่เรียนก็เล่นที่บ้าน พ่อเขาเป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียง มีอิธิพลกับชุมชมอย่างมา บริจาคให้โรงเรียนอย่างมีส่วนสำคัญ แต่นั่นเป้นสิ่งที่พ้อเขาทำตลอดชีวิต ที่ไหนที่ไม่มีอุปกรรืที่เพียงพอ พ่อเขาก้ไป ทำอย่างนี้ตลอด

 เมือบริจาคอย่างนี้ เด็กคนนี้เลยได้ผ่านตลอด ทั้ง ที่อ่านไม่ออก เขาจำเหตการรืระหว่าง ป.1-ป.4 ไมได้เลย จำไมได้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาช่วงนีร้บ้าง เหมือนกับว่า ชีวิตเขาหายไป 4 ปีนี้ หายไปแบบ เขาไม่คิดว่า จะ rewind มันกลับมาได้อีก แต่วันหนึ่ง พอเขามีลูก  memory นั้น ๆอยู่ดี ๆ ก้กลับมา เขาค้นพบช่วงเวลาที่หายไปได้อย่างมหัศจรรย์มาก ผมจะเล่ให้หังที่หลังครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Akajon
Verified User
โพสต์: 530
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ตีตั๋วรอครับ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 5

โพสต์

จนวันหนึ่ง โชคชะตา เข้าข้างเขา พอป.5 เขาพบอ.สำลี ทานเป้นผู้หญิงครับ ใส่แว่นหนา ๆ ตัวเล้ก ๆ ท่านใจดีมาก ท่านเป้นคนแรกที่สังเกตเห้นความผิดปกตินี้ เด็กคนนี้อยู่กับท่านทุกวันหลังเลิกเรียน เพื่อจัดบอร์ดกิจกรรม ต่างๆ วาดรูปประกอบ เขาทำได้ดี นั่นคิอสิ่งที่เขารัก จนวันหนึ่ง ครูสังเกตว่าเด็กผูชายติดอ่าง เนื้อตัวมอมแม ขี้มูกไหลตลอดเวลา บางทีก็ขี้แตกใส่กางเกงตัวเอง ไม่ยอมไปห้องน้ำ ดูไม่เข้าสังคมกับใครคนนี้ ใช้มือซ้ายต่อเมื่ออยู่คนเดียวเท่านั้น  ......นั้นเปลี่ยนชีวิตเขาทั้งหมด

  นั่นเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาทั้งหมด

  นั่นเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาทั้งหมด

   ครูสำลีขอให้เขาใช้มือซ้าย ให้กำลังใจ กลับไปใช้มือซ้ายเหมือนเดิม เขาเปลี่ยน

    เขาเริ่มอ่านตั้งแต่เมือไหร่ เขาก้ไม่รู้  รู้แต่ว่า เริ่มอ่านจาก เอนไซคพีเดีย
ก่อน ในห้องสมุด มีหนังสือภาษาอังกฤษมากมาย เขาเริ่มอ่าน สิ่งที่ไม่มีใครอ่นก่อน แต่มันดูง่ายสำหรับเขา ไมเหตุผล แต่มันเข้าใจง่ายกว่า มันกว้างไกล ว่าโลกเรามีอะไรน่าสนใจอยู่ในนั้น เขารู้จัก benjamin Franklin เมือตอน ป.5 จากหนังสือเอนไวโคพีเดีย

   พ่อเห็นลูกชายอย่างนี้ ก็ดีใจ  จ้างครูฝรั่งมาสอนที่บ้าน เขาเรียนภาษาอังกฤษ  เรียนเลขที่บ้าน   ป.5 ได้ที่ 7 นั่นเป้นครั้งแรก ที่เขาสอบได้เลขตัวเดียว จากที่ 4 ปี เขาสอบได้ที่ 55 มาตลอด จากนักเรียน 56 คน........555555 จนวันหนึ่งครูมาขอให้เขาได้ที่ 56 บ้าง เพื่อที่ว่าคนที่ 56 จะได้ไม่เป้นที่โหล่บ้าง..........5555
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 6

โพสต์

หลังจากนั้น เด็กคนนี้สอบเข้าโรงเรียนเทพศิรินทร์ครับ ได้อยู่ห้องคิง
   
   เขียนบทความภาษาไทย ได้รางวัลชนะเลิศ

    เขาสอบได้ที่ 1 ตลอดในวิชาภาษาอังกฤษ จนถึง ม.3

   เป้นตัวแทนตอบปัญหา shell

     เป็นเด็ก AFS ม 4.

     ม.5-ม .6  พ่อส่งไปอังกฤษ ที่ Brighton

      ไปต่อมหาลัยเรียนที่อเมริกา U kansas

     เป้นประธานหนังสือพิมพ์ International Student

     ตอบปัญหาแข่งขันในมหาลัย ได้ที่ 1

    เรียน ปี 2 เขาเป็นเด็กไทยคนแรก ที่ได้อนุญาติ ข้ามไปเรียน MBA ตั้งแต่อายุ 20

    เรียนตรี ปี 4  ไปสอน economics เด็ก MBA
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมขอตัดบทตอน ทำงานนะครับ...

     ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่หรือครับ......

   ปีนี้เขาอายุ 39 แล้ว.............

    เขาเกษียนแล้วครับ

    เขาเป็นอิสระจากการทำงานแล้ว

    เขาเป้นอิสระตั้งแต่ ป. 5 แล้ว

    แต่งงานแล้ว มีลุกสาว 2 คน

   เป้นนายธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่คนสำคัญ แตเขารูจักคำว่า อิสระภาพดี

   ผมหวังว่าเรื่องนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้คุณครูทุกคนได้ครับ

   นี่ขนาดเขาได้รับอิสระตั้งแต่ ป.5 ยังทำได้ดีขนาดนี้

   ถ้าเด็กมีอิสระภาพตั้งแต่ อนุบาล 1  เขาจะไปได้ไกลขนาดไหน

    ผมหวังว่าหลังจากได้ฟังเรื่องนี้แล้ว ท่านคงได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้างครับ

     สวัสดีครับ
...
Verified User
โพสต์: 1817
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 8

โพสต์

:cool:
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ช่วง ป.5 เนี่ย เหมือนเป็นการปลดล็อคศักยภาพของเด็กคนนั้นเลยนะครับ
ฟังพี่โหน่งเล่าแล้วได้แง่คิดดีครับ  :cool:
"Winners never quit, and quitters never win."
กล้วยทอด
Verified User
โพสต์: 1468
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ba_2l เขียน:ในที่สุดผมก็ได้รู้เบื้องหลังเด็กที่ไม่ธรรมดาคนนี้ซะที

ขอบคุณพี่โหน่งที่ช่วยมาเล่าให้ฟังครับ:D
คุณ ball คิดเหมือนกันไม๊คะ
คือ คิดว่าเนี่ยน่าจะเป็นประวัติของพี่ท่านโหน่งผู้ไม่ธรรมดา
ถึงแม้ไม่ใช่หนูก็ว่า ภาพที่พี่แสดงมาก่อนๆ นี้ เจ๋งดีค่ะ  :D
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 11

โพสต์

:8) ผมทราบตั้งกะบอกว่าเป็นซ้ายธรรมชาติแล้ว
     ลูกเราสำคัญกว่าครูครับ
     แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเราควรแคร์ใคร
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
กุหลาบงามหลังฝน
Verified User
โพสต์: 1598
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 12

โพสต์

:cool:  :cool:
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
kongkang
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1084
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 13

โพสต์

สงสัยว่าทำไมดร.โหน่งไม่แปลหนังสือภาษาอังกฤษ ที่บอกว่าไม่เก่งภาษาไทย แต่บทความอ่านแล้วซึ้งแล้วรู้สึกสงบ ไม่รู้ใช้คำถูกรึเปล่าแต่รู้สึกอย่างนี้จริง ๆ ปกติเข้าเวปนี้ในหัวจะมีแต่เรื่องหุ้น แต่ห้องนั่งเล่นนี่สมกับชื่อห้องค่ะ
plamuek76
Verified User
โพสต์: 478
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 14

โพสต์

:cool:  :cool:  :cool:
ภาพประจำตัวสมาชิก
โอ@
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4244
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เข้ามาอึ้งครับ ประวัติไม่ธรรมดาจริงๆเลย
_________
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 16

โพสต์

อ่านแล้ว ต้อง login เข้ามาแสดงความนับถือครับ
:bow:  :bow:  :bow:
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
แม่แฝด3
Verified User
โพสต์: 196
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เป็นข้อคิดที่ดีมาก  ในการเลี้ยงลูกค่ะ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังค่ะ :bow:
RONNAPUM
Verified User
โพสต์: 1455
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ซึ้งครับ
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 19

โพสต์

:P
teetotal
Verified User
โพสต์: 1667
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ครูดีๆ มีน้อย
คงไม่มีใคร หาเงินมากมาย ไว้ยัดใส่โลงศพตัวเอง
.........
เชิญรับแจก เมล็ดพันธุ์พืชนานาชนิดได้ที่
http://www.kasetporpeang.com/forums/ind ... board=22.0
เชิญฟังธรรมฟรี ที่ http://www.fungdham.com
ปุย
Verified User
โพสต์: 2032
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 21

โพสต์

[quote=".^O-O^"]
ภาพประจำตัวสมาชิก
drchatri
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ขอบคุรมากครับ สำหรับประสบการณ์ดีๆ ผมเองก็เห็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับระบบการเรียนแบบเิดิมๆ ที่เหมือนแม่ของหนูดีพูดว่า เหมือนจับเด็กมาขัง แล้วบังคับให้เรียนตามที่คนสอนอยากสอน
  ตอนนี้ลูกผมก็กำลังซนมากเลยครับ แต่ผมโชคดีที่่ตัดสินใจถูก เอาลูกเข้าเรียน รร. Bilingual ซึ่ง รร.นี้มี concept การเรียน โดยมีพื้นฐานจากการทำกิจกรรมเสมอ ลูกผมไม่เคยถูกจับคัดลายมือเลย เวลาไปรับลูกจะเห็นเหงื่อถ้วมตัวทุกที แล้วไม่เคยบ่นเลยว่าไม่ชอบ รร. เคยอ่านหนังสือของหนูดี ลูกผมเข้าข่ายพวกเคลื่อนไหวมาก หากจับมานั่งนิ่งๆ คงจะเรียนรู้ไม่ได้แน่ ต้องขอขอบคุณระบบการศึกษาใหม่ๆ ที่เข้าใจธรรมชาติของเด็กมากขึ้น.. :D
ชีวิต..เราเกิดมาทำไมหนอ หากมัวรอโชคลาภวาสนา
เรา..ต้องสู้อย่าท้อถอยต่อโชคชะตา อย่านำพาอุปสรรคเราข้ามมัน
ลิขิต..ฟ้าข้าฯไม่สนคนจะรุ่ง หากเรามุ่งสู่จุดหมายที่ปลายฝัน
ได้..ทุกสื่งที่ต้องการมาโดยพลัน แรงผลักดันคือเป้าหมายในใจตน
ภาพประจำตัวสมาชิก
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 23

โพสต์

เป็นเด็กที่พิเศษจริงๆครับพี่... :cool:  :cool:  :cool:

[quote="ปุย"]
ผมบังคับให้ลูกกินข้าวด้วยมือซ้ายแล้ว...
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
กระโจมไฟ
Verified User
โพสต์: 199
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ผมอ่านแล้วรู้สึก "อึ้ง" , "ทึ่ง" และ "สะท้อนใจ" ครับ
"อึ้ง" ที่ว่า "กรอบ" ของครูบางคนส่งผลต่อชีวิตเด็กได้ถึงขนาดนี้
"ทึ่ง" ที่ว่า หลังจากครูสำลีเข้ามาในชีวิต ทำให้เด็กคนนั้นเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างไม่น่าเชื่อ
และ "สะท้อนใจ" ว่าเด็กอีกเท่าไหร่ที่ถูกจับอยู่ใน "กรอบ" โดยไม่มีโอกาสได้พบผู้ปลดปล่อยอย่างครูสำลี
ขอบคุณ ดร.โหน่ง สำหรับเรื่องราวดีๆครับ  :cool:  :cool:  :cool:
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 25

โพสต์

.^O-O^ เขียน:       ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่หรือครับ......

   ปีนี้เขาอายุ 39 แล้ว.............

    เขาเกษียนแล้วครับ

    เขาเป็นอิสระจากการทำงานแล้ว

    เขาเป็นอิสระตั้งแต่ ป. 5 แล้ว    
คุณโหน่งครับ

ฝากบอกพ่อหนุ่มซ้ายธรรมชาติคนนี้ว่า
ดีใจด้วยที่เขามีโอกาสได้ลิ้มรสอิสระภาพถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรก ตอน ป.5 ด้วยความเมตตาของคุณครูสำลี
ครั้งที่ 2 ก่อนอายุ 40 ปี

เขาได้เล่า เหตุการณ์ที่พาไปสู่อิสระภาพครั้งแรกอย่างน่าประทับใจแล้ว
ฝากถามพ่อหนุ่มคนนี้ว่า พอจะเล่าเหตุการณ์ที่พาไปสู่อิสระภาพครั้งที่ 2 ได้ไหมครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 26

โพสต์

มีเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว ขอบคุณจริงๆครับพี่โหน่ง

อยากทราบว่า เด็กคนนั้น บอกว่า
เกษียณแล้ว = มีอิสรภาพ

มันคือ อิสรภาพ = ทางการเงิน...อย่างเดียว
แล้วอิสรภาพ ทางจิตใจ (เช่น ความสุข,สงบ ฯลฯ) ของเค้าเป็นยังไงบ้างตอนนี้ครับ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
njTAO
Verified User
โพสต์: 274
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 27

โพสต์

อัจฉริยะครับ
ห้องสมุดจิ๋ว http://nano-lib.micro-mba.org
Ano
Verified User
โพสต์: 306
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 28

โพสต์

เรื่องนี้ (ของพี่โหน่ง)  สอนให้รู้ว่า  ระบบการศึกษาควรได้รับการแก้ไข  ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังเรื่องราวดีๆอย่างนี้นะคะ  

พอพูดถึงเรื่องถนัดซ้ายแล้วเลย  ขอกล่าวถึงปัญหาที่พ่อแม่บางท่านมาปรึกษาเรื่องลูกทำท่าจะถนัดซ้าย  ควรทำยังไงดี...  เพราะเชื่อว่าในที่นี้เองสมาชิก Vi  หลายคนก็คงมีถนัดซ้ายเหมือนกัน   เนื่องจากในประชากรโลก  มีคนราวๆ 13%ค่ะที่ถนัดซ้าย  และการถนัดซ้ายนี้เชื่อว่าอาจมีเรื่องทางพันธุกรรมมาเกี่ยวข้อง

คุณหมอท่านหนึ่งตอบไว้ใน  นิตยสารดวงใจพ่อแม่  เลยขอกีอปปี้มาลงนะคะ  

    โดยปกติเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ควรใช้มือทั้ง 2 ข้างพอๆ กัน และเริ่มแสดงความถนัดตอนอายุใกล้ๆ 1 ปีขึ้นไปจนถาวรเมื่ออายุประมาณ 3 ปี ทั้งนี้เนื่องจากสมองในช่วงอายุก่อน 3 ปี เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อาจไม่เท่าเทียมกันในทุกๆ ส่วนของสมอง สมองซีกซ้ายควบคุมร่างกายซีกขวา และสมองซีกขวาควบคุมร่างกายด้านซ้าย เด็กที่แสดงอาการถนัดซ้ายอาจเป็นเพราะ สมองซีกขวาเจริญเร็วกว่า ซึ่งบางรายพบว่ามีปัญหาในเรื่องพูดช้าร่วมด้วย เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมการพูดซีกซ้ายเจริญช้ากว่า (หวังว่าคุณคงไม่งงนะคะ)  
     ดังนี้ในช่วงอายุ 1-2 ปี อาจฝึกเด็กที่นัดซ้ายให้ใช้มือขวาเก่งขึ้น โดยพยายามส่งของเข้าด้านขวาให้ประจำ พยายามให้มือซ้ายไม่ว่าง เช่น ให้จับของอื่นอยู่ก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นเด็กจะเอื้อมมือซ้ายมาหยิบของด้านขวา หรือแม้แต่หยิบด้วยมือขวาแล้วก็จะส่งเปลี่ยนไปถือด้วยมือซ้ายต่อ การฝึกฝนอาจจะทำในทุกกิจกรรมหรืออย่างน้อยก็ควรฝึกจับช้อนตักอาหาร และจับดินสอด้วยมือขวาให้เคยชิน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่มีผลกระทบด้านการปรับตัวในสังคม

    หมอขอเน้นการฝึกจะไม่มีผลเสียหากใช้วิธีธรรมชาติ ไม่บังคับเข้มงวด และในทางกลับกันเด็กถนัดซ้ายที่ไม่ได้รับการฝึกให้ถนัดขวา หรือฝึกแล้วเด็กต่อต้านมากจนฝึกไม่ได้ การปล่อยให้ถนัดซ้ายไปจนเป็นผู้ใหญ่ก็อาจไม่ใช่ปัญหาซีเรียสแต่อย่างใดค่ะ

    อาการใช้มือข้างเดียวไม่ว่าจะขวาหรือซ้ายก่อนอายุ 1 ปี ควรพาไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูว่ามือและแขนอีกข้างหนึ่งมีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกร็ง เนื่องจากการกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทหรือสมองหรือไม่ กรณีนี้ต้องใช้วิธีกายภาพบำบัดร่วมด้วย จึงจะช่วยให้มือและแขนข้างที่มีปัญหาใช้งานได้ดีขึ้น แม้ว่าจะด้อยกว่าอีกข้างไปตลอดก็ตาม
พ.ญ.พิกุล อาศิรเวช
[ ที่มา.. นิตยสารดวงใจพ่อแม่  ปีที่ 6 ฉบับที่ 67 พฤษภาคม2544 ]  


ขอย้ำอีกทีว่าการถนัดซ้ายไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย  เเต่เนื่องจากว่า  อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันหลายอย่าง  ทำมาเพื่อคนส่วนใหญ่ที่ถนัดขวา  การจะลองฝึกดูไม่ใช่สิ่งเสียหายแต่ถ้าลองแล้วไม่เป็นผลดีกับพัฒนาการ  ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ

รูปภาพ
Ano
Verified User
โพสต์: 306
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ปัญหาที่อาจจะเจอได้  จากการใช้อุปกรณ์ เช่น  การใช้กรรไกร,ที่เปิดกระป๋อง ก็เลยมีบริษัทที่ผลิตของเอาใจคนถนัดซ้ายค่ะ  

รูปภาพ

แก้ได้โดยใช้กรรไกรพิเศษค่ะ Left-handed scissors have the blades reversed so the top blade is always on the left so that you can see your cutting line and the natural squeezing action of your hand pushes the blades together so they can cut like a guillotine rather than pushing them apart so the paper bends between the blades.


รูปภาพ



การเปิดกระป๋อง  

รูปภาพ  

ก็มีคนผลิตที่เปิดกระป๋องพิเศษมาค่ะ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
drchatri
Verified User
โพสต์: 767
ผู้ติดตาม: 0

เมื่อ ข้าพเจ้า give speech..... ที่โรงเรียนอนุบาล

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ขอย้ำอีกทีว่าการถนัดซ้ายไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย  เเต่เนื่องจากว่า  อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันหลายอย่าง  ทำมาเพื่อคนส่วนใหญ่ที่ถนัดขวา  การจะลองฝึกดูไม่ใช่สิ่งเสียหายแต่ถ้าลองแล้วไม่เป็นผลดีกับพัฒนาการ  ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ

   ขอบคุณ คุณหมอ Ano มากครับที่มาให้ข้อมูล  :D    แม้ผมเองเป็นหมอ MED แฟนเป็นหมอเด็ก ตอนแรกก็เคยกังวลเหมือนกันครับ เกรงว่าลูกจะถนัดซ้าย เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตอนลูกผมราวๆ 2-3ขวบ เริ่มจะหัดจับสีเทียนได้ สังเกตว่าบางครั้งใช้มือซ้ายมากกว่า มาสังเกตอีกครั้งแบบไม่ bias ผสม PSD (Pra Saad Daek :lol: ) ก็พบว่าเด็กเขากำลังเรียนรู้ที่จะใช้มือทั้งสองข้างครับ โดยวิธีลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ตอนนั้นแฟนก็พยายามบอกผมว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปกังวลนะว่าลูกจะถนัดซ้ายหรือขวา เพราะจากที่เขาเคยเรียนมา บอกว่าพวกถนัดนี่บางตำราบอกว่า มันเป็นมาแต่กำเนิดด้วยซ้ำ และการที่เขาถนัดอย่างไรแล้วพ่อแม่พยายามไปฝืน สุดท้ายกลับจะเป็นผลเสียต่อพัฒนาการของเดกด้วยซ้ำ จะทำให้เป็นเด็กขาดความมั่นใจไป และสมองและพัฒนาการจะถูกขัดขวาง ให้ช้าลง เพราะเด็กจะสับสน และขาดสมาธิ มัวแต่มากังวลอยู่เรื่องซ้ายหรือขวา ยิ่งพ่อแม่รุ่นเก่าหัวโบราณบางคนจะลงโทษเด็กด้วยซ้ำถ้าใช้มือซ้าย เช่นอาจตีมือให้เจ็บ ซึ่งมีผลกระทบกับจิตใจตามมา แต่อย่างว่า.. ตอนแรกผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง( ขนาดผมเป็นหมอนะ..) ก็มันเป็นความเชื่ออย่างนี้มา พ่อแม่ผม พ่อตาแม่ยายก็ไม่อยากให้ลูกถนัดซ้าย เตรียมมาตรการจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว จนมาวันหนึ่งผมคุยกับน้องสาวแท้ๆของผม ปัจจุบันโตทำงานแล้ว เป็นคนถนัดซ้านธรรมชาติแต่เด็ก และเป็นคนเดียวในบ้าน น้องผมคนนี้ก็ตามสูตร ถูกทำโทษด้วยการตีมือโดยแม่ผมเองตั้งแต่เด็ก เพื่อบีบบังคับให้ใช้มือขวาเขียนหนังสือ จนปัจจุบัน น้องผมคนนี้ เขียนหนังสือด้วยมือขวา แต่จะทำอะไรๆ เช่นใช้มีด ใช้กรรไกร จะใช้มือซ้ายถนัดกว่า  น้องผมบ่นกับแม่ผมว่า ทำให้เธอสับสนเพราะจริงๆ แล้ว เธออยากใช้มือซ้ายไปเลย ทั้งเขียนหนังสือและทำทุกอย่าง แต่เพราะการฝึกฝนของแม่ผมอย่างเข้มข้น ก็เลยออกมาแบบนี้ น้องผมบอกว่า การถนัดซ้ายอาจจะทำให้มีอุปสรรคเล็กๆน้อย เช่นเวลาเขียนหนังสือ มือก็จะเปื้อนนิดหน่อย เพราะใช้มือซ้านเขียนไปทางขวา หรืออย่างเก้าอี้เล็คเชอร์ซึ่งออกแบบมาเฉพาะคนถนัดขวาก็จะไม่มีที่วางแขน จะเมื่อยนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ตรงกันข้าม การที่ถนัดซ้าย แต่ถูกบังคับให้ต้องใช้ขวา ทำให้เธอสับสนในบางครั้ง และผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ น้องสาวผมจะค่อนข้างขาดความมั่นใจไปบ้าง เริ่มมาดีขึ้นตอนโต..
   สรุป ตอนหลังผมก็เลยตัดสินใจเลยว่า เป็นไงเป็นกัน หากลูกจะถนัดซ้ายจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ผมจะสนับสนุนลูกเต็มที่ จะไม่บังคับเด็ดขาด..แต่ปรากฏว่า..สุดท้ายลูกผม ก็ถนัดขวาครับ ก็เลย หมดเรื่องไปครับ.. :lol:

  เรื่องนี้ก็ไว้เป็นอุทาหร สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ที่กำลังเลี้ยงดูลูกน้อย กำลังปั้นเจ้าตัวน้อยๆของเรา ให้ได้สมใจปรารถนา ก็อย่าไปซีเรียส กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง และไปฝืนธรรมชาติ ซึ่งไม่เป็นผลดีเลยครับ เรา..ควรสนับสนุนลูก ในสิ่งที่เขาควรจะเป็น และสิ่งที่เขาถนัด และชอบครับ เพราะเขาต้องอยู่กับสิ่งเหล่านั้นตราบชั่วชีวิตของเขา.. :8)
ชีวิต..เราเกิดมาทำไมหนอ หากมัวรอโชคลาภวาสนา
เรา..ต้องสู้อย่าท้อถอยต่อโชคชะตา อย่านำพาอุปสรรคเราข้ามมัน
ลิขิต..ฟ้าข้าฯไม่สนคนจะรุ่ง หากเรามุ่งสู่จุดหมายที่ปลายฝัน
ได้..ทุกสื่งที่ต้องการมาโดยพลัน แรงผลักดันคือเป้าหมายในใจตน
โพสต์โพสต์